Page 1 of 4
ปราชญที่โง่ที่สุด

Posted:
Sat May 07, 2011 9:10 pm
by amplepoor
นิธิเป็นเจ็ก เขาเรียกตัวเองว่าเจ๊กปนลิง เอ้ยลาว เป็นปราชญที่โง่ที่สุดที่ผมเคยอ่านงานมา
มีฝรั่งคนนึง เอ่ยคำคมว่า หนังสือยิ่งโตความชั่วยิ่งมาก ตรงกับนายคนนี้ที่สุด เขาเขียนงานไว้ จำนวนนับไม่ถ้วน เหลือเชื่อว่าส่วนมากจะเป็นเรื่องโง่อวดฉลาด ผมจะชวนอ่านงานของเขาเป็นเรื่องๆ ไป
แต่ก่อนอ่านงานห่วยๆ พวกนี้ เรามาดูกันหน่อยว่าเขาห่วยเพียงใด
เราคงทราบเรื่องฉาวโฉ่ ที่เขาคบชู้กับลูกศิษย์ที่เป็นเมียของลูกศิษย์ด้วยกันเอง ในมาตรฐานความเป็นตน พฤติกรรมอย่างนี้ เราไม่ให้เข้าบ้านแน่ๆ แต่ช่างเถิด นั่นมันวิธีใช้ชีวิตแบบของเขา จะเหลวแหลกอย่างไร มีแต่คนไกล้ชิด ครอบครัวของเขาที่รับกรรม
ความสงสัยของผมอยู่ตรงนี้
เมียน้อยของเขา ได้รับทุนทำวิจัยจากรัฐบาล เงินก้อนใหญ่ทีเดียว จปล เป็นขาใหญ่อยู่ในกองทุนนั้น ผมสงสัยนิดเดียวว่า ตอนที่หนับหนุนนางคนนี้ให้ได้ทุน เขาหนับหนุนเพราะการหนีบขาของนางคนนี้ หรือโดยเนื้อหาของเอกสารขอทุน
การเป็นชู้นั้น เป็นเรื่องพ่อแม่ไม่สั่งสอน แต่การให้ทุนโดยมายาสวาท........ อันนี้ท่านก็คิดกันเอาเองละกัน
เมื่อเรารู้ซึ้งถึงกำพืดของคนผู้นี้แล้ว เวลาที่อ่านความเห็นของเขาเกี่ยวกับสังคม วัฒนธรรม หรือระบบคุณงามความดีอะไรต่างๆ ท่านจะรู้สึกเหมือนผมใหมหนอ
คือสะอิดสะเอียน
เหมือนกับฟังยันตระสอนธรรมมะ แต่ยิ่งกว่า
Re: ปราชญที่โง่ที่สุด

Posted:
Sat May 07, 2011 9:34 pm
by overtherainbow
เรื่องส่วนตัวก็เป็นเรื่องนึง
อย่างที่ว่า
[quote="amplepoor"]
มีฝรั่งคนนึง เอ่ยคำคมว่า หนังสือยิ่งโตความชั่วยิ่งมาก ตรงกับนายคนนี้ที่สุด เขาเขียนงานไว้ จำนวนนับไม่ถ้วน เหลือเชื่อว่าส่วนมากจะเป็นเรื่องโง่อวดฉลาด ผมจะชวนอ่านงานของเขาเป็นเรื่องๆ ไป
ข้อความนี้ไม่เข้าใจ
แต่สนใจข้อเขียนที่พยายามโน้มน้าวคนให้ไปสู่จุดมุ่งหมายอะไร
อยากรู้ว่าเพิ่งมาเเปลกหรือแปลกมานาน
รบกวนคุณแอมเปิ้ลอยู่เสมอๆ
ขอบคุณที่สละเวลาสับคนคนนี้ค่ะ
Re: ปราชญที่โง่ที่สุด

Posted:
Sat May 07, 2011 9:39 pm
by ninja
เอาไงแน่ จะเรียกจานนิธิว่า ปราชญ์ หรือ คนโง่
แต่ดูเนื้อหาแล้ว ก้คือ คนที่โง่ที่สุด ควรเปลี่ยหัว มู้
Re: ปราชญที่โง่ที่สุด

Posted:
Sat May 07, 2011 9:42 pm
by overtherainbow
ขอตอบแทนแล้วกันค่ะ
คุณนิธิเคยได้ชื่อและยังคงได้รับเกียรติ์ว่าเป็นปราชญ์
เค้ากระแทกและแดกดันอ่ะค่ะ
ว่าการเรียกใครว่าปราชญ์
ควรมีเกณฑ์อะไร คัดออกบ้าง
ขออภัยถ้าตอบไม่ตรงใจเจ้าของกระทู้ค่ะ
Re: ปราชญที่โง่ที่สุด

Posted:
Sat May 07, 2011 9:46 pm
by ดราม่า
เขา ไม่ใช่ปราชญ์ ไม่ใช่คนฉลาด ไม่ใช่คนโง่
แต่เป็นคนเฮ้าเลี่ยน(ไม่เก่งแต่ชอบทำตัวเด่น) คือโง่แต่ขยัน
Re: ปราชญที่โง่ที่สุด

Posted:
Sat May 07, 2011 10:04 pm
by amplepoor
"Big book, big evil" "mega biblion, mega kakon"
Callimachus (310/305–240 BC)
มันเป็นคำเตือนว่า หนังสือชั่วๆ ไม่ควรทำออกมาครับ
-----------------
อวดรู้เรื่องศิลปะ
จปล บอกว่า ศิลปะอะไรพวกนี้ เป็นเรื่องของชนชั้นสูง รสนิยมที่เรายกย่องกันก็คือรสนิยมชองชนชั้นสูง นี่คือวิธีโจมตีอย่างอ้อมๆ แต่ทำให้คล้อยตามได้ ถ้าทำซ้ำๆ แบบ "Big book, big evil"
เขาเขียนถึงความงามของวิหารพระพุทธชินราชว่า เพิ่งเคยเห็นคำสรรเสริญก็เพียงสมัยรัชกาลที่ ๕ ลงมาเท่านั้น เขียนมาอย่างนี้ จะให้คนอ่านนึกไปเป็นอย่างอื่นก็คงยาก นอกจากจะบอกว่า นี่คือการครอบงำกันของคนชั้นสูงในรัชกาลนั้นลงมา นั่นเอง
ทัศนะแบบดัดจริตเช่นนี้ เป็นกรรมส่วนตัว ความเลวถ้ามีก็ตกกับตัวมันเอง แต่ความเลวข้อที่โง่อวดฉลาดนั้น อันนี้คนที่รู้มากกว่าจะนึกขำ
คนอ่านที่รู้น้อย ก็คงเชื่อว่าไม่มีเอกสารชมพระวิหารอย่างเขาว่าจริงๆ แต่คนอ่านที่อ่านมามากจะรู้ว่า เขาเขียนไม่ครบ เอกสารรัชกาลที่ ๕ ฉบับนั้น ชมการสร้างพระวิหารว่า ฉลาดในการทำให้แสงสว่างจากภายนอก พุ่งเข้าไปขับองค์พระที่อยู่ในที่มืดสลัว ให้เด่นออกมา และกล่าวเสียดายว่า ทางวัดไม่น่าไปทำช่องแสงให้มีแสงพุ่งจากข้างบนลงมา หายขลังไปเป็นกอง
สรุปว่า ไม่ได้ชมพระวิหาร แต่ชมคนออกแบบและคนก่อสร้าง เพราะต่อให้วิหารจะดูไม่ได้อย่างไรก็ตาม ตราบใดที่ยังวางระบบแสงสว่างได้อย่างนี้ องค์พระก็จะงามเด่นอยู่เสมอ เห็นความรู้น้อยของเขาใหมครับ
ส่วนที่เขาบอกว่าไม่มีเอกสารชมความงามของพระวิหารนั้น ก็ขอบอกต่อว่า การชมพระวิหารเป็นรสนิยมดัดจริต แบบเจ๊กปนลิงไปจำมาจากเมืองนอก เป็นการถูกฝรั่งมันครอบงำเอา คนไทยให้ค่ากับพระพุทธรูปมากกว่าอาคารอยู่แล้ว ถ้าจะชม ก็ชมองค์พระเพราะเราไม่เคยถูกฝรั้งมันครอบงำแบบเจ็กปนลิงงัย
ถ้าคนชั้นล่างจะถูกครอบงำจริงๆ ละก้อ จะถูกตรอบงำด้วยการเชิดชูความงามขององค์พระ ไม่มีใช่จากการชมวิหาร ดังนั้นที่มันบ่นเรื่องการถูกครอบงำ มันก็บ่นโดยไม่รู้จริงว่าเขาครอบงำกันที่ประเด็นใหน มันเองเสียอีก เอาค่านิยมนักเรียนนอกมาใช้กับความรู้สึกนึกคิดของชาวบ้าน
น่าอายใหมล่ะ
ความงามของพระพุทธชินราชนั้น มีปรากฏมาแล้วตั้งแต่เริ่มสร้าง เจ้าสมัยนั้นคงไม่เชิญพระที่ดูไม่ได้มาเป็นพระประธานดอกนะ และความงามแบบที่อยู่ในองค์พระพุทธชินราชนั้น แม้ไม่มีเอกสารยกย่อง เราคนรุ่นหลังก็เชื่อแน่ว่าเขาคงปลื้มกันมานับร้อยๆ ปี โดยไม่ต้องอ่านงานเขียนในสมัยรัชกาลที่ ๕ ซึ่งเป็นสมัยที่งานเขียนยังไม่แพร่สู่มหาชน
เพราะฉะนั้น ก็คงไม่มีใครฉลาดน้อย มาใช้สิ่งที่น้อยคนจะได้รับรู้ ครอบงำมติมหาชน
นี่คือคำโต้แย้งแบบอ้อมๆ คราวนี้มาว่ากันตรงๆ
เจ๊กมันไม่รู้ ว่ามีเอกสารที่แพร่หลายกว้างขวางมาแต่โบราณ ที่ชมพระพุทธชินราช เป็นเอกสารรุ่นรัชกาลที่หนึ่ง ซึ่งอาจจะสะสมต่อๆกันมาก่อนนั้นอีกนานเท่าไหร่ก็บอกไม่ได้ เราเรียกเอกสารนี้ว่า พงศาวดารเหนือ รัชกาลที่สองสมัยที่ยังเป็นวังหน้า ทรงรวบรวมขึ้น ในนั้นมีกล่าวถึงปาฎิหารย์ในการหล่อพระพุทธรูปชุดนี้ เล่าเรื่องไว้ ในแนวทางว่าเป็นฝีมือเทวดา
ท่านที่สนใจ ก็พิมพ์คำว่า พระพุทธชินราช/พงศาวดารเหนือ ท่านก็จะมีความรู้มากกว่านายเจ๊กคนนี้แล้ว
ทีนี้ ลองอ่านสำนวนปิดท้ายของมันสักหน่อย ผมตัดแต่งบางส่วนจะได้ไม่โดนคดีหมิ่นประมาทนะครับ
มันบอกว่า ของพวกนี้เป็นศิลปะอันเลอเลิศแน่ แต่ไม่ได้สะท้อนรสนิยมของสังคมไทย สะท้อนรสนิยมของเจ้านายต่างหาก แล้วมันก็แว้งกัดสถาบันเอาดื้อๆ ว่า เหมือนกับระบบการปกครองอภิชนาธิปไตยทั้งหลายนั่นแหละ จะสร้างความเดือดร้อนแก่ใครอย่างไรก็ตาม อภิชนเหล่านี้ก็สร้างสรรค์ศิลปะอันดีเลิศขึ้นมา
หมายความว่า อำมายต์เอาความเดือดร้อนของไพร่ มาสร้างศิลปะชั้นยอด.....เหอๆๆๆๆๆ ท่านเห็นความบ้องตื้นของปราชญ์ระยำคนนี้หรือยัง
มันเอาการสร้างพระสร้างโบสถ์ในสมัยโบราณมาใส่แว่นม๊ากซิสห่วยๆ แล้วก็ปล่อยความคิดเน่าๆ ลงไป โดยใช้ความรู้ระดับหางอึ่งเกี่ยวกับศิลปะ มาเป็นตัวอย่าง
เดี๋ยวจะมีตอนต่อครับ
Re: ปราชญที่โง่ที่สุด

Posted:
Sat May 07, 2011 10:14 pm
by amplepoor
เจตนาของเขา ในการปลุกปั่นความคิดเหล่านี้ ก็คือแยกไพร่ออกจากเจ้า พยายามบอกว่า ที่ไพร่คิด ทำยึดถือและรัก เป็นเพราะถูกครอบงำ
เขาใช้กรอบนี้ สร้างงานเขียนออกมาจำนวนมหาศาล ทุกชิ้นต่างทำหน้าที่เป็นลิ่ม ตอกความสัมพันธ์ทางวัฒนธรรม ที่คนไทยยึดถือกันมาให้สั่นคลอน กลุ่มเป้าหมายของเขาก็คือคนชั้นกลางขึ้นไปที่อ่านหนังสือออก และหน้าบางจนไม่กล้าด่าคนเลวที่ถูกอุปโลกว่าเป็นปราชญ์
พอยึดหัวหาดคนเหล่านี้ได้ เอาสาดลงคนที่ต่ำกว่า ก็จะซึมซับได้่ง่ายและเร็ว
อันที่จริง การกระตุ้นให้ไพร่ รักรากเง่าตัวเอง ภูมิใจในคุณค่าของตนนั้นไม่ผิด แต่ไม่ควรใช้ความเท็จไปยัดเยียดให้เกิดการแตกแยก
เจ๊กปนลิงคนนี้ เปรียบไปแล้วก็คือมันสมองของกบฏผีบุญสมัยใหม่นั่นเอง
Re: ปราชญที่โง่ที่สุด

Posted:
Sat May 07, 2011 10:58 pm
by overtherainbow
นั่นซีคะ
ถึงอยากรู้ว่าเป็นมานานแล้วหรือเพิ่งมาเป็น
คือรับจ๊อบมานานแค่ไหร
หรือเป็นเองโดยธรรมชาติ
ปกติแล้วเคยอ่านมติโจรรายวันและสุดสัปดาห์
ตอนนั้นไม่มีใครเจียนวิเคราะห์สับอะไรแบบนี้
คุณนิธิเลยดูน่าสนใจ
คุณสุทธิชัยแกไปเรื่องอื่น
แต่คุณนิธิแกเล่นเรื่องใกล้ตัว
เลยน่าสนใจ
ความดีของแกสำหรับเราคือทำให้เรามีแนวคิดที่จะหัดคิด วิเคราะห์ อะไรต่างๆ
ถูกมั่งผิดมั่งก็แล้วแต่กรรมบันดาล
โชคดีอยู่อย่าง ที่เป็นคนไม่มีผลประโยชน์แอบแฝง
เลยมองและอ่านอะไร เป็นไปตามกรรม ไม่มีแนวคิดล่วงหน้า
คิดๆนึกๆอยู่นานแล้วว่าแกน่าจะมีฮิดเด้น อะเจนด้า
หลายเรื่องเกี่ยวกับปวศ แกชอบนักที่จะแขวะ ซึ่งเราไม่ชอบใจแกเลย
เสียดาย
หนังสือ เอกสารต่างๆเก็บไว้ที่อื่น ไม่ได้อยู่ใกล้ตัว
เลยต้องขอความกรุณาคุณแอม สับต่อไป
สมสักเจียมก็สับไปแล้ว นืธิ มีใครอีกจัยอึ้ง ลายจุดนี่นับได้มั้ยคะ
Re: ปราชญที่โง่ที่สุด

Posted:
Sat May 07, 2011 11:27 pm
by amplepoor
ลายจุด เล็กเกินไป เปียกหน่อยก็ละลายแล้ว
ไจลส์ ไม่มีอะไรในกบาล มีแต่ความจำเกี่ยวกับลัทธิแบบ ถ่ายเอกสาร อีกอย่าง เขาไม่มีความรู้เกี่ยวกับสังคมไทยเลย เป็นลูกติดแม่ สับไปก็เสียเวลาจ้า
สับไอ้เจ๊กนี่แหละครับ มันคือต้นตอของความคิดล้มเจ้าแบบเนียนสนิท ถ้าจะให้เดา ก็คงมาจากการเรียนสมัยเด็ก คือเมื่อมันอยู่ที่คณะอักษรนั้น คงจะได้ซึมซับเกี่ยวกับรุ่นพี่ที่ชื่อจิตร ภูมิศักดิ์มาบ้าง ระยะ 14 ตุลา 16 เริ่มมีการขุดข้อเขียนของจิตรออกมาเผยแพร่กันแล้ว แต่ตอนเกิดวิกฤตินั้น เจ๊กหื่นไปต่อเอกที่มิชิแกน เราก็เลยได้อ่านแต่ข้อเขียนเพ้อเจ้อแบบคนครึ่งดิบครึ่งดี (ยืม ส ศิวลึงมาหน่อย) ลงในสังคมศาสตร์ปริทัศน์
งานวิชาการที่หมอนี่เริ่มสร้างตัว ก็มาจากการดูหมิ่นนักประวัติศาสตร์สายเจ้าแหละครับ
ช่วงนั้นเริ่มมีการโจมตีว่างานเขียนประวัติศาสตร์ในสกุลดำรงราชานุภาพ ไม่น่าเชื่อถือ เป็นการหลงผิดครั้งใหญ่ทางวิชาการเลยทีเดียว เพราะเราจะโจมตีสกุลนี้ด้วยประวัติศาสตร์นิพนธ์ไม่ได้ เนื่องจากเป็นสกุลที่ไม่ได้เขียนตามทฤษฎี แต่เขียนตามข้อมูล
คำว่าประวัติศาสตร์นิพนธ์นี้ หมายความว่า ถ้าคุณเขียนประวัติศาสตร์ โดยขาดแนวคิด ไม่ดี
เขียนประวัติศาสตร์โดยกระบวนการทำงานไม่น่าเชื่อถือ ไม่ดี
เขียนโดยเอาความเห็นกับข้อเท็จจริงมาปนกัน โดยไม่มีตรงใหนบอกว่าอะไรเป็นคุณคิด อะไรเป็นคุณอ้าง ไม่ดี....ฯลฯ
เป็นโรคบ้าเห่อของใหม่ คิดว่าเทคนิคคือแก่นของวิชา แค่นั้นแหละครับ
สกุลดำรงนั้น เขาเขียนประวัติศาสตร์ไปตามลำดับ ไม่มีการแยกหัวเรื่อง อ่านแล้วก็ไม่สนุก แต่ไม่ตอแหล พวกนี้ก็ไม่ชอบ
มาถึงทุกวันนี้ เจ๊กนิธิ ทำตัวเองอย่างที่เคยตั้งข้อรังเกียจคนอื่นไว้ ทุกอย่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือการเอาความคิดเห็นยัดลงไปในเหตุการณ์ ทำลงไปโดยไม่ได้บอกให้ชัด ลองอ่านหนังสือหรือบทความของเขาดูดีๆ สิครับ
ข้อมูล ข้อเสนอ ข้อเท็จจริง และการตีความ มันผสมปนเปไปหมด
นีี่คืองานของ ส ว ะ วิชาการแท้ๆ
Re: ปราชญที่โง่ที่สุด

Posted:
Sun May 08, 2011 9:30 am
by overtherainbow
amplepoor wrote:ลายจุด เล็กเกินไป เปียกหน่อยก็ละลายแล้ว
ไจลส์ ไม่มีอะไรในกบาล มีแต่ความจำเกี่ยวกับลัทธิแบบ ถ่ายเอกสาร อีกอย่าง เขาไม่มีความรู้เกี่ยวกับสังคมไทยเลย เป็นลูกติดแม่ สับไปก็เสียเวลาจ้า
สับไอ้เจ๊กนี่แหละครับ มันคือต้นตอของความคิดล้มเจ้าแบบเนียนสนิท ถ้าจะให้เดา ก็คงมาจากการเรียนสมัยเด็ก คือเมื่อมันอยู่ที่คณะอักษรนั้น คงจะได้ซึมซับเกี่ยวกับรุ่นพี่ที่ชื่อจิตร ภูมิศักดิ์มาบ้าง ระยะ 14 ตุลา 16 เริ่มมีการขุดข้อเขียนของจิตรออกมาเผยแพร่กันแล้ว แต่ตอนเกิดวิกฤตินั้น เจ๊กหื่นไปต่อเอกที่มิชิแกน เราก็เลยได้อ่านแต่ข้อเขียนเพ้อเจ้อแบบคนครึ่งดิบครึ่งดี (ยืม ส ศิวลึงมาหน่อย) ลงในสังคมศาสตร์ปริทัศน์
งานวิชาการที่หมอนี่เริ่มสร้างตัว ก็มาจากการดูหมิ่นนักประวัติศาสตร์สายเจ้าแหละครับ
ช่วงนั้นเริ่มมีการโจมตีว่างานเขียนประวัติศาสตร์ในสกุลดำรงราชานุภาพ ไม่น่าเชื่อถือ เป็นการหลงผิดครั้งใหญ่ทางวิชาการเลยทีเดียว เพราะเราจะโจมตีสกุลนี้ด้วยประวัติศาสตร์นิพนธ์ไม่ได้ เนื่องจากเป็นสกุลที่ไม่ได้เขียนตามทฤษฎี แต่เขียนตามข้อมูล
คำว่าประวัติศาสตร์นิพนธ์นี้ หมายความว่า ถ้าคุณเขียนประวัติศาสตร์ โดยขาดแนวคิด ไม่ดี
เขียนประวัติศาสตร์โดยกระบวนการทำงานไม่น่าเชื่อถือ ไม่ดี
เขียนโดยเอาความเห็นกับข้อเท็จจริงมาปนกัน โดยไม่มีตรงใหนบอกว่าอะไรเป็นคุณคิด อะไรเป็นคุณอ้าง ไม่ดี....ฯลฯ
เป็นโรคบ้าเห่อของใหม่ คิดว่าเทคนิคคือแก่นของวิชา แค่นั้นแหละครับ
สกุลดำรงนั้น เขาเขียนประวัติศาสตร์ไปตามลำดับ ไม่มีการแยกหัวเรื่อง อ่านแล้วก็ไม่สนุก แต่ไม่ตอแหล พวกนี้ก็ไม่ชอบ
มาถึงทุกวันนี้ เจ๊กนิธิ ทำตัวเองอย่างที่เคยตั้งข้อรังเกียจคนอื่นไว้ ทุกอย่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือการเอาความคิดเห็นยัดลงไปในเหตุการณ์ ทำลงไปโดยไม่ได้บอกให้ชัด ลองอ่านหนังสือหรือบทความของเขาดูดีๆ สิครับ
ข้อมูล ข้อเสนอ ข้อเท็จจริง และการตีความ มันผสมปนเปไปหมด
นีี่คืองานของ ส ว ะ วิชาการแท้ๆ
แล้วทำไมคนเพิ่ง เห็น คะ
รุ่นเราเพิ่งเห็นไม่น่าสงสัย แต่รุ่นนิธิด้วยกัน เพิ่งเห็น มันแปลกๆ
หรือว่าเพราะอยากดูหัวใหม่
เคยคุยกับลูกค้า เรื่องวุ่นๆสมัยนี้ ลูกค้าว่าเรา หัวเก่า แล้วทำหน้าแบบภูมิใจในตัวเองว่าหัวใหม่
โอ ย้อนยุคมากกกกก ที่คิดแบบนี้ เรามองด้วยความเวทนา....
Re: ปราชญที่โง่ที่สุด

Posted:
Sun May 08, 2011 10:26 am
by amplepoor
สมัยนั้นกระแสมันเทไปทางเดียว ผู้คนเก็บกดจากการกดขี่ของทหาร จะคิดจะเขียนอะไรก็ไม่สะดวก ดังนั้นใครไม่ต่อต้านระบบ ก็ตกยุค เหมือนคนอเมริกันในยุค 1960 ต้องต่อต้านสงคราม ต้องเป็นฮิปปี้แหละครับ
นักคิดนักเขียนรุ่นนั้น ต้องหัวก้าวหน้า ต้องโค่นของเก่า การโจมตีสมเด็จดำรงทำให้นิธิกับส ศิวลึงแตกกันเลยแหละ แต่นิธิเขาเป็นนักประวัติศาสตร์เนื้อหอมในขณะที่ส เป็นพวกหลงเจ้าแบบก้าวหน้า และที่สำคัญ ส ไม่ได้มีเงินหว่านเหมือนแม้ว พวกนิธิก็เลยไม่เห็นหัว ยังคงผลิตงานแบบที่ดูหมื่นงานเก่าๆ ต่อไป
อ่านงานเขียนของเจ๊กหื่น จะเห็นอย่างมั่นคงว่า มันไม่เคยเห็นพ้องกับกระแสหลักหรือแนวทางของราชการเลย อิอิ แล้วสถาบันจะเหลือหรือ เพียงแต่ไม่เปิดหน้าชกแบบสมสาก
ผมจึงขำปนงงว่า แล้วคนต้านระบบอย่างมัน กลายมาเป็นตัวระบบเสียเอง ในกระทู้อีดอก ทอง แถวๆ นี้ อีนี่ก็อ้างนิธิ พวกในอาณัตินี่ จะคิดจะเขียนอะไร ต้องอ้างนิธิทั้งนั้น แม้แต่ไอ้สุจิตมันเทศ ที่เป็นคนปั้นไอ้เจ๊กนี่ขึ้นมา ก็อวยมันยิ่งกว่าที่คนรุ่นเก่าอวยสมเด็จกรมพระยาดำรงเสียอีก......นี่หรืออิสระชน
Re: ปราชญที่โง่ที่สุด

Posted:
Sun May 08, 2011 10:49 am
by overtherainbow
ใครอาสาไปแปในมหาลัยเที่ยงคืนมั่ง

Re: ปราชญที่โง่ที่สุด

Posted:
Sun May 08, 2011 10:51 am
by เด็กอมมือ
นิธิ มันฉลาด หรือ โง่เหรอครับ ผมไม่ทราบ ไม่เคยอ่าน และไม่เคยสนใจมัน
ถ้าเราไม่สนใจมัน ในสายตาเรา มันจะต่างอะไรกับเศษหินเศษทรายหล่ะครับ

Re: ปราชญที่โง่ที่สุด

Posted:
Sun May 08, 2011 11:42 am
by amplepoor
เด็กอมมือ wrote:นิธิ มันฉลาด หรือ โง่เหรอครับ ผมไม่ทราบ ไม่เคยอ่าน และไม่เคยสนใจมัน
ถ้าเราไม่สนใจมัน ในสายตาเรา มันจะต่างอะไรกับเศษหินเศษทรายหล่ะครับ

คุณเป็นคนโชคดีที่ไม่สนใจมันครับ
แต่มวลเสื้อแดงเขาเห็นมันเป็นคนสำคัญ
แม้วเชื่อคำแนะนำของมัน
และสิ่งที่มันเขียน ทำให้สิ่งที่เราเคารพ มัวหมอง
ก็เลยอดจะแสดงออกไม่ได้ ขออภัยที่ก่อความรำคาญนะครับ
Re: ปราชญที่โง่ที่สุด

Posted:
Sun May 08, 2011 12:05 pm
by overtherainbow
เด็กอมมือ wrote:นิธิ มันฉลาด หรือ โง่เหรอครับ ผมไม่ทราบ ไม่เคยอ่าน และไม่เคยสนใจมัน
ถ้าเราไม่สนใจมัน ในสายตาเรา มันจะต่างอะไรกับเศษหินเศษทรายหล่ะครับ

คนคนนี้คือสาเหตของการปลุกปั่นมวลชนเสื้อแดง
คือคนที่เสื้อแดงไว้ใช้ในการอ้างอิง ปวศ แบบบิดเบือน
คือคนล้างสมองผู้คนโดยใช้วิธีแบ่งแยกแล้วปกครอง
โดยการบอกว่าวัฒนธรรมคือเครื่องมือของชนชั้นนำในการกดขี่ประชาชน
คือคนที่เป็นพิษ
ในชีวิตเราคงต้องยอมรับ และเห็นความเป็นจริงที่จะสร้างความเดือดร้อนให้สังคมไทย ไม่ใช่หรือคะ
เมื่อเป็นสาเหต แห่งตำราและอ้างอิง
ก็ควรนำมาชำแหละ เพื่อการไม่นิ่งดูดาย ให้คนชั่วได้แพร่เชื้อลุกลามไปเรื่อยๆ และเรื่อยๆ
การปล่อยให้คนฉวยโอกาส บิดเบือนข้อมูล
เป็นเรื่องที่ไม่อยากจำยอมอ่ะค่ะ
ขอความเห็นใจและเข้าใจเมตตาด้วย
นะคะ นะคะ
Re: ปราชญที่โง่ที่สุด

Posted:
Sun May 08, 2011 4:40 pm
by เด็กอมมือ
รับทราบครับพี่ๆ ผมเองก็ยอมรับว่าแคบนะครับ ที่มองในมิติเดียว
คือผมเอง ถ้าไม่สนใจ หรือใครแสดงความไม่ฉลาด ผมมักจะข้ามไปเอง
แต่ความจริงก็คือมีคนอยู่กลุ่มหนึ่ง ที่เลือกจะฟังสิ่งที่ถูกใจ และเอาความคิดที่เหลวไหล ไปป่าวประกาศ
เอาความคิดผิดๆ ไปผลักดัน หรือนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์กับตัวเอง

Re: ปราชญที่โง่ที่สุด

Posted:
Sun May 08, 2011 5:20 pm
by อัญชัญ
ลองสังเกตุดู คนพวกนี้ จะไม่เอาเจ้า จะเหยียดหยามความเชื่อและศาสนา เช่น คำ พกา เวลาเขาพูดเรื่องอะไร พอตบท้าย เขาจะต้องมาแขวะกับเรื่องไพร่ เรื่องชนชั้น
มันเป้นมานานแล้ว แต่ไม่คอ่ยได้สังเกตุ แต่พอถึงวันนี้ เราได้เห็นอะไรชัดเจนขึ้น
พวกนี้ไม่ได้ยึดมันในสิ่งที่ดีงาม เขาใช้เหตุผลและความพึงพอใจเป็นหลัก
พวกเราเป็นคนที่เชื่อว่า ทำดีต้องได้ดี เาต้องช่วยให้คนดี ได้รับผลตอบแทนที่ดี แต่คนพวกนี้ เขาเหยียดหยามความเชื่อแบบนั้น เขาเชื่อในเหตุผล( ที่เขาคิดขึ้นเอง )
ชีวิตของเขาไม่มีกรอบ ทีความพอใจอย่างเดียว พวกปัญญาชนคนรุ่ใหม่จะเป็นกันมาก
เหมือนอาจารย์พุทธทาสบอกว่า ศิลธรรมไม่มี ชีวีจะวิบัติ

Re: ปราชญที่โง่ที่สุด

Posted:
Sun May 08, 2011 6:27 pm
by kanok
อยากให้คุณ แอม เขียนถึง อ.ปรีดี กับ อ.ป๋วย ด้วย
เคยอ่านจากหลายเล่ม บางเล่มยกย่อง บอกเป็นปูชนียบุคคล ..บางเล่มบอกเป็น คอมฯ...
เห็นเด็กธรรมศาสตร์ แปรอักษรเป็นรูป 2 อาจารย์ นี้บนอัฒจรรย์ เชียฟุตบอลประเพณีด้วย
เลยสับสน ไม่รู้จะเอาไงกับชีวิตดี ...ว่าจะยกย่องหรือ จะรู้ทัน หรือจะไม่ชอบ
Re: ปราชญที่โง่ที่สุด

Posted:
Sun May 08, 2011 6:40 pm
by มะเขือเทศเน่า
ความเชื่อบางอย่างมีประโยชน์ เชื่อแล้วตัวเองและสังคมไม่เดือดร้อน
แต่จะมีบางคนที่คิดว่าตัวเองหัวก้าวหน้าออกมาเดือดร้อนกันเป็นแถว

Re: ปราชญที่โง่ที่สุด

Posted:
Sun May 08, 2011 7:55 pm
by amplepoor
ถ้าผมเป็นยมบาล และต้องพิจารณาโทษนายปรีดี ผมคงจะลำบากใจที่สุด
สิ่งที่เขาทำเป็นทั้งความดีงาม และความชั่วช้าที่สุด พร้อมๆ กัน
เขาล้มล้างการปกครองที่พัฒนามาอย่างเหมาะสมที่สุดกับสยาม ให้วินาศไป
แล้วเอาระบอบที่หาความแน่นอนไม่ได้ มาใช้แทน
ระบอบเดิมนั้น มีปัญหาอยู่ในตอนที่เขาล้มล้าง แต่ระบอบใหม่มีปัญหายิ่งกว่า ตอนที่เขาเริ่มเดินหน้า เปรียบได้ว่าเขาตัดต้นไม้เก่ง แต่ปลูกต้นไม้ไม่เป็น
เขาทำให้ประเทศที่กำลังป่วยหนัก ป่วยหนักยิ่งขึ้น ยังดีที่ไม่ได้รักษาจนตายคามือ
แต่ในที่สุด กลับช่วยชีวิตประเทศไว้ ไม่ให้กลายเป็นผู้แพ้สงคราม
เขาทำให้ประเทศสยามเปลี่ยนจากการปกครองโดยคนกลุ่มเล็กๆ มาเป็นคนกลุ่มใหญ่กว่า
เปิดโอกาสให้คนไทยทุกคน มีโอกาสที่จะยกระดับตัวเองขึ้นมา โดยไม่ผ่านระบบชนชั้น
แต่การเปิดโอกาสอย่างนี้ ก็ทำให้คนเลวอีกมากมาย เข้ามารุมทึ้งประเทศ
ทหารชั้นนายพันกลายเป็นผู้นำเผด็จการ ลูกน้องที่เดินตามมากลายเป็นจอมเผด็จการกว่า ฟาดเงินประเทศไปเท่ากับงบประมาณประเทศหนึ่งปี
จริงอยู่ เขาไม่ได้สนับสนุน....แต่เขาเป็นคนเปิดกล่อง ปล่อยความชั่วช้าเหล่านี้ออกมา
เขาเป็นคนมีศักยภาพ น่าเสียดายที่หลังจาก 2490 เขาไม่ใช้ศักยภาพนั้นอีกเลย
แต่ก็ต้องขอบคุณ ที่เขาไม่ใช้มันกลับมาทำร้ายประเทศ
คนเราเคยทำทั้งกรรมดีและกรรมชั่ว นายปรีดีก็ไม่เว้น
เขาจะดีหรือเลวในสายตาเรา ก็อยู่ที่เรามีภูมิรู้ที่จะประเมินเขาอย่างเที่ยงธรรมหรือไม่ครับ
Re: ปราชญที่โง่ที่สุด

Posted:
Sun May 08, 2011 8:02 pm
by amplepoor
เรื่องหนึ่ง ที่ผมขอยกย่องเขา
จนถึงวันที่เขาเสียชีวิต นายปรีดี ไม่เคยใช้กรณีสวรรคตให้เป็นประโยชน์กับตัวเองเลย เขายอมรับการโจมตีโดยยึดหลักการตามกฏหมาย ตอบโต้เมื่อมีการละเมิด แต่ไม่เคยเริ่มต้นว่าร้ายใครโดยใช้กรณีนี้เป็นอาวุธ แม้แต่ครั้งเดียว
พฤติกรรมของนายปรีดีเช่นนี้ ทำให้การดิ้นรนเหยียบย่ำสถาบันของนายสมสาก เป็นแค่นักเล่นแร่แปรธาตุราคาถูก คนรู้จริงไม่พูด คนอวดรู้พูดไม่หยุด
ความเงียบของนายปรีดี เป็นความเงียบที่ทรงคุณค่าอย่างที่สุดในความเห็นของผม
ทั้งๆ ที่เขาคือคนเดียวที่มีสิทธิอันชอบธรรมที่จะออกมาโวยวายให้ตัวเอง
มองจากกรณีนี้ นายปรีดี เป็นคนดีของประเทศครับ
Re: ปราชญที่โง่ที่สุด

Posted:
Sun May 08, 2011 8:57 pm
by jaw
เป็นอีกกระทู้หนึ่งที่ต้องติดตาม ขอบคุณพี่แอม และอีกหลายคนที่ร่วมแสดงให้เห็นถึงความไม่ชอบมาพากลของ นิธิ

Re: ปราชญที่โง่ที่สุด

Posted:
Sun May 08, 2011 9:08 pm
by jaw
ถามนิดนึง ตามความเห็นของพี่แอม ส. ศิวลักษณ์ คนนี้เป็นพวกล้มเจ้าด้วยมั้ยคะ
Re: ปราชญที่โง่ที่สุด

Posted:
Sun May 08, 2011 9:30 pm
by amplepoor
ส ชอบระบบเจ้า แต่ชอบแบบขอเล่นเจ้า ตามที่ตัวเองเห็นสมควร
ผมคิดว่า เขาเป็นคนหนึ่งที่อธิบายถึงคุณค่าของสถาบันได้ดีที่สุด
แต่เขาจะไม่เสียใจที่สถาบันนี้หายไป
และเขาจะไม่เป็นคนล้มเสียเอง
แต่ก็ไม่ห้ามคนที่อยากล้ม
เขาเป็นมนุษย์สองหน้าครับ
Re: ปราชญที่โง่ที่สุด

Posted:
Sun May 08, 2011 9:37 pm
by amplepoor
ลืมไป ไม่ได้พูดถึงคุณป๋วย
แกเป็นข้าราชการที่ดี แต่เป็นพลเมืองที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่
ผมมีความเห็นส่วนตัวว่า แกต้องรับผิดชอบต่อการตายหมู่ของนักศึกษาในธรรมศาสตร์ เมื่อเช้าวันที่ ๖ ตุลคม ๒๕๑๙
ในฐานะช้าราชการ แกเป็นอธิการบดีในวันนั้น ได้ทำอย่างสุดความสามารถที่จะรักษาธรรมศาสตร์ไว้ ไม่ให้ยับเยินไปกว่าที่เป็น
ในฐานะพลเมือง แกทำน้อยไปหน่อย ที่จะป้องกันการสังหารหมู่ในมหาวิทยาลัยที่แกดูแล
ถ้ากระจายความเลวได้ ผมให้ฝ่ายขวาจัดรับไป 75% ซ้ายจัดรับไป 15 %
ที่เหลือก็คือคนที่เกี่ยวข้องอย่างนายป๋วยและรัฐบาลขณะนั้นครับ
Re: ปราชญที่โง่ที่สุด

Posted:
Sun May 08, 2011 10:24 pm
by kanok
ขอบคุณ คุณ แอม ที่ช่วยชี้แนะค่ัะ 
Re: ปราชญที่โง่ที่สุด

Posted:
Sun May 08, 2011 10:39 pm
by ดราม่า
ถ้าความดีของท่านปรีดีข้อหนึ่งคือความเงียบ
ดังนั้นถ้าทักษิณเลียนแบบความดีข้อนั้นของท่านปรีดี
บางทีทักษิณอาจได้กลับมาเป็นนายก โดยไม่ต้องเสียผู้เสียคน เสียเงินเสียทองมากขนาดนี้
รวมทั้งทำให้ประเทศชาติเสียโอกาส แตกแยก เสียหายมากขนาดนี้
Re: ปราชญที่โง่ที่สุด

Posted:
Sun May 08, 2011 10:40 pm
by amplepoor
อยากจะเสริมความสองหน้าของนายส. สักหน่อย
เขากล่าวชมความเลิศล้ำของวัฒนธรรมไทย มรดกทางปัญญา ระบบคุณค่าอะไรต่างๆ ไว้เป็นพะเรอเกียน
พอเขามีลูก เขาก็ส่งไปเรียนเมืองนอกซะงั้น.....ฮา
เขายกย่องทะไลลามะเสียเลิศเลอ แต่เขาไม่เคยออกความเห็นเรื่องท่านเดินจูงมือสตรี และมีกองกำลังติดอาวุธ อิอิ
ส. เคยด่าปรีดีไว้แหลกรานสมัยเริ่มวัยรุ่น แต่เดี๋ยวนี้เขาเป็นสาวกอันดับต้นๆ ของปรีดีไปซะงั้น
โครงการที่เขาบ่มเพาะเอาไว้สมัยก่อน 14 ตุลา คือโครงการยุวชนสยาม ที่อยากให้เด็กเดินตามรอยเท้าโกมล คีมทอง(ความจริงมีเพื่อนโกมลอีกคน ที่ตายพร้อมกัน คือคุณรัตนา....แต่ทุกคนดูเหมือนจะลืมเธอไปเสียทุกคน) เด็กพวกนี้ ถูกชักชวนมาทำกิจกรรม หนึ่งในนั้นคือการร่วมกันศึกษษลัทธิมารกซิส และจำนวนมาก ได้เป็นคอมมิวนิสต์จับปืนเพื่อโค่นอำนาจรัฐ
ผมไม่คิดว่าเขาจะเป็นพวกล้มเจ้านะ แต่ผมคิดว่า มีคนอย่างนี้มากๆ สถาบันของเราคงจะไม่มั่นคงขึ้นสักเท่าไร มีคำจิ๊กโก๋พูด ผมชอบมากเลย
หวังดี (แต่) ประสงค์ร้าย
Re: ปราชญที่โง่ที่สุด

Posted:
Sun May 08, 2011 10:45 pm
by amplepoor
ดราม่า wrote:ถ้าความดีของท่านปรีดีข้อหนึ่งคือความเงียบ
ดังนั้นถ้าทักษิณเลียนแบบความดีข้อนั้นของท่านปรีดี
บางทีทักษิณอาจได้กลับมาเป็นนายก โดยไม่ต้องเสียผู้เสียคน เสียเงินเสียทองมากขนาดนี้
รวมทั้งทำให้ประเทศชาติเสียโอกาส แตกแยก เสียหายมากขนาดนี้
-------------------
ผมเคยพูกหลายหนแล้วว่า ถ้าทักษิณยอมกลับมาติดคุก จะไม่มีใครโค่นเขาได้อีกเลย
เขาสามารถติดคุกแบบไม่มีใครเหมือน ทำแบบบ้านเอเอฟ ถ่ายทอดสดตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง หรือมาติดคุกแล้วขอพระราชทานอภัยโทษ...มีวิธีเล่นกับวิกฤตินี้มากมาย แต่เขาไม่ทำ
กลับไปเลือกวิธีที่บัดซบที่สุด คือเผาบ้านตัวเอง เพื่อให้ตัวเองอยู่รอด
ประเทศไทยโชคดีมากครับ ที่ทักษิณเป็นมันโง่
รบร้อยครั้ง แพ้ร้อยครั้ง....ฮา
Re: ปราชญที่โง่ที่สุด

Posted:
Sun May 08, 2011 10:47 pm
by PeterPan
เพิ่งรู้มุมมืดของนายนิธิก็วันนี้ ขอบคุณครับ
ก็อ่านบทความของนายคนนี้มาพอสมควร ช่วงหลายปีก่อนก็ยังไม่ค่อยแสดงออกว่ามุ่งโจมตีสถาบัน
แต่ระยะหลังมา เริ่มแสดงออกชัดเจน ราวกับแกนนำเสื้อแดง
พฤติกรรมสมสากก็ไม่น้อยหน้าไม่ใช่หรือครับ วันหลังเอามาแฉหน่อยซิครับ
รู้อย่างหนึ่งว่า คนพวกนี้ทั้งนิธิ สมสาก ทำไม่ถึุงไม่เคยมีความเคารพใครๆเลย เพราะตัวจริงของคนพวกนี้ ยังไม่มีความเคารพตัวเองเลย
กล้าทำชั่วๆอย่างนี้มันจะไหว้ตัวเองลงหรือ