การล้มล้างอำนาจคณะรัฐประหาร โดย หลักวิชานิติศาสตร์ เทียบเคีย

เรื่องการเมือง เชิญที่นี่เลยครับ
Forum rules
- ห้ามใช้คำพูดหยาบคาย
- ห้ามโพสกระทู้หรือข้อความที่ดูหมิ่นเสียดสีสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นอันขาด

เชิญทุกท่านเข้าสู่บอร์ดใหม่ได้ที่ http://webboard.serithai.net ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ viewtopic.php?f=2&t=44976 ครับ

การล้มล้างอำนาจคณะรัฐประหาร โดย หลักวิชานิติศาสตร์ เทียบเคีย

Postby พุฒิพงศ์ » Sat Oct 25, 2008 4:26 pm

การล้มล้างอำนาจคณะรัฐประหาร โดย หลักวิชานิติศาสตร์ เทียบเคียงกรณีตัวอย่างคำพิพากษาของศาลสูงในต่างประเทศ


พุฒิพงศ์ ************* (ผู้เขียนบทความ)
นักศึกษาปริญญาตรี คณะนิติศาสตร์ ชั้นปีที่ 1
มหาวิทยาลัยรามคำแหง (วันที่ 24 ต.ค.2551)


ในรอบ 76 ปีที่ผ่านมา(ปัจจุบัน พ.ศ.2551) ภายใต้การปกครองระบอบประชาธิปไตย ในประเทศไทย ได้เกิดกระบวนการครอบครองอำนาจรัฐอย่างนอกระเบียบ กล่าวคือ กระบวนการที่คณะบุคคลได้อำนาจรัฐมาโดยวิธีการอื่นอันมิใช่วิถีทางระบอบประชาธิปไตย( มาแล้วจำนวน 12 ครั้ง)

อำนาจรัฐที่ผู้ก่อการยึดอำนาจรัฐ ซึ่งเรียกว่า “คณะรัฐประหาร” นี้ ได้เกิดความชอบธรรมในอำนาจนอกระบอบนี้ขึ้น ปรากฏครั้งแรกจากคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 45/2496 ซึ่งศาลฎีกาในครานั้น ได้มีคำวินิจฉัยอันถือเป็นระเบียบเรื่อยมาตราบปัจจุบัน ความตอนหนึ่งว่า :

“...คณะรัฐประหารยึดอำนาจการปกครองประเทศได้สำเร็จ ย่อมมีอำนาจออก และ ยกเลิก แก้ไข กฎหมายได้ รัฐมนตรีที่แต่งตั้งตามรัฐธรรมนูญซึ่งคณะรัฐประหารได้ประกาศใช้ จึงเป็นรัฐมนตรีโดยชอบ...”

ในครานั้น ท่าน ศาสตราจารย์ ดร.หยุด แสงอุทัย ได้อธิบายในหมายเหตุท้ายคำพิพากษาศาลฎีกาฉบับนี้ว่า :

“คำพิพากษาฎีกาฉบับนี้เป็นตัวอย่างอันดีที่จะพิจารณาว่า ศาลยุติธรรมจำต้องยอมรับผลของการปฏิวัติ หรือ รัฐประหารซึ่งได้ทำสำเร็จ และผู้กระทำได้กลายเป็นผู้มีอำนาแท้จริงในรัฐอย่างแน่นอน ... การปฏิวัติ หรือ รัฐประหารนั้น ในครั้งแรกเป็นการผิดกฎหมาย เมื่อใดผู้ทำการปฏิวัติ หรือ รัฐประหารจนสำเร็จบริบูรณ์ ... ก็เป็นรัฐาธิปัตย์มีอำนาจสูงสุดในรัฐ ฉะนั้น จึงอยู่ในฐานะที่จะให้รัฐธรรมนูญใหม่ และยกเลิกกฎหมายเดิม บัญญัติกฎหมายใหม่ตามชอบใจ ในคดีเรื่องนี้ ปรากฏว่า เมื่อมีการรัฐประหารสำเร็จแล้ว ก็มีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว 2490 ขึ้น รัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวย่อมใช้ได้ในฐานะเป็นรัฐธรรมนูญอันแท้จริง”[1]

หลังจากคำพิพากษาฉบับดังที่กล่าวมานี้ได้รับรองอำนาจของคณะรัฐประหารเป็นแรกเริ่ม ในคำพิพากษาศาลฎีกาชั้นหลังมาจากนั้น ก็ล้วนเดินตามทั้งสิ้น อาทิ คำพิพากษาฎีกาที่ 1662/2505 , 105/2506 , 1352/2506 , 341-350/2507 , 213/2508 เป็นตัวอย่าง

ในชั้นนี้ ต้องทำความเข้าใจในทางทฤษฎีก่อนว่า การที่คำพิพากษาฎีกาที่ 45/2496 ได้พิพากษาไว้เช่นนั้น อีกทั้งบูรพาจารย์ทางนิติศาสตร์ ท่านอาจารย์หยุด แสงอุทัย ได้ปรารภในหมายเหตุท้ายคำพิพากษารับรองความถูกต้องของคำพิพากษาฉบับนี้อีกโสดหนึ่ง ต้องทราบในเบื้องแรกก่อนว่า เรื่องนี้เกี่ยวข้องโดยตรงกับเรื่องทฤษฎีของความเป็นกฎหมาย(เดิม) อันแผกต่างไปจากแนวคิดของนักกฎหมายสมัยปัจจุบัน กล่าวคือ

แต่เดิม ทฤษฎีเรื่องที่มาแห่งความเป็นกฎหมาย นั้น ในชั้นที่เรียกว่า ยุคกฎหมายบ้านเมือง (Juristenrecht) [2] ได้มีนักปราชญ์ทางกฎหมายชื่อดังชาวอังกฤษ ชื่อ John Austin แห่งมหาวิทยาลัยลอนดอน ได้ให้รายละเอียดถึงความเป็นกฎหมายไว้ว่า : “กฎหมาย คือ คำสั่งของรัฐาธิปัตย์ ที่กำหนดหน้าที่ (Obligation) ให้บุคคลต่าง ๆ ปฏิบัติตาม”

แนวคิดของท่าน Austin นี้ ได้เป็นที่ยอมรับอย่างแพร่หลายในช่วงศตวรรษที่ 19 เรื่อยมา และประเทศไทย ก็ได้รับอิทธิพลจากแนวคิดของท่าน Austin มาเช่นกัน [3]

พึงสังเกตว่า แนวคิดนี้เกิดขึ้นในสมัยที่อังกฤษ(รวมถึงไทยด้วย) ปกครองในระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ หรือ สมัยผู้ปกครองสูงสุดเป็นผู้ถืออำนาจเด็ดขาด

ภายหลังจากการเปลี่ยนแปลงการปกครอง มาเป็นระบอบประชาธิปไตย ได้ผ่านพ้นมาไม่นานนัก แนวคิดของท่าน Austin ก็ยังฝังรากลึกในความคิดของบรรพตุลาการของไทยอยู่มาก ดังนั้น การที่คำพิพากษาฎีกาฉบับที่ 45/2496 ยังคงสะท้อนแนวคิดดังกล่าว จึงไม่แปลก และเป็นไปตามหลักทฤษฎีความเป็นกฎหมาย ซึ่งเป็นที่ยอมรับในสากลของสมัยนั้น

ยุคปัจจุบัน เมื่อนานาประเทศล้วนมีการปกครองระบอบประชาธิปไตยแล้วแทบทั้งสิ้น และด้วยระยะเวลาในการก่อตัวสั่งสมทางความคิดทางประชาธิปไตยมาพอสมควร นักกฎหมายฝ่ายเสรีนิยมประชาธิปไตย ได้วิพากษ์ทฤษฎีของท่าน Austin ในทางที่เห็นว่า เป็นการยอมรับ “อำนาจ” คือ ความถูกต้อง ซึ่งมิใช่ความยุติธรรม และ เป็นสิ่งที่ไม่แน่นอนขึ้นกับอำเภอใจของผู้มีอำนาจ หรือ รัฐาธิปัตย์ ทั้งสิ่งที่ไม่มีความแน่นอนย่อมนับเป็นบรรทัดฐานทางสังคมมิได้

ภายหลัง นักกฎหมายในโลกเสรีนิยมประชาธิปไตย จึงเปลี่ยนทรรศนะโดยให้ถือ ความถูกต้องตามครรลอง เท่านั้น เป็น “อำนาจ” อันเป็นการปฏิเสธการใช้อำนาจรัฐที่ขัดครรลอง และ ตามอำเภอใจโดยสิ้นเชิง สะท้อนให้เห็นว่า นักกฎหมายในโลกปัจจุบัน มีเหตุผลมากขึ้น เคารพในสิทธิเสรีภาพของประชาชนขั้นพื้นฐานมากขึ้น และเป็นประชาธิปไตยมากขึ้น

ขณะที่ประเทศไทย ได้สะท้อนความคิดผ่านคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อ ปี 2549 ในการใช้อำนาจตุลาการรับรองอำนาจที่ได้มาโดยมิชอบด้วยครรลอง ของ คณะปฏิรูปการปกครองฯ ซึ่งเป็นที่น่าเสียดายโอกาสอันดีนี้เป็นอย่างยิ่ง ในการที่คณะตุลาการรัฐธรรมนูญ(ชุด ที่แต่งตั้งโดยคณะปฏิรูปฯ) จะถือโอกาสในการปฏิเสธอำนาจคณะรัฐประหาร(แต่ได้ละทิ้งโอกาสอันดีนั้นไป อย่างน่าเสียดาย) ตามแนวความคิดของนักกฎหมายเสรีนิยมประชาธิปไตย ที่แพร่หลายในสากล ก็ย่อมได้ ดังจะยกอุทาหรณ์เป็นตัวอย่างในการที่ศาลสูงของต่างประเทศ ปฏิเสธการใช้อำนาจที่ผิดครรลองของผู้เผด็จการ มีตัวอย่าง ดังนี้ :

กรณีประธานาธิบดี Honnecker แห่งเยอรมันตะวันออก ซึ่งถูกดำเนินคดีข้อหากบฏ และยังถูกกล่าวหาว่า ได้มีคำสั่งให้หน่วยแม่นปืนที่รักษาชายแดน ให้ใช้อาวุธปืนสกัดกั้นการลักลอบหลบหนีข้ามแดนที่กำแพงเบอร์ลิน แม้ประธานาธิบดี Honnecker และพวกจะต่อสู้ว่า ได้กระทำไปโดยอำนาจโดยชอบด้วยกฎหมาย ก็ไม่อาจพ้นผิดได้ [4]

กรณีคดีประธานาธิบดีปิโนเชต์ (Pinochet)แห่ง ชิลี ซึ่งได้เข้ายึดอำนาจการปกครองของชิลีไว้ตั้งแต่ พ.ศ.2516 และได้ครากฎหมายนิรโทษกรรมการกระทำของตนและผู้ก่อการไว้เมื่อ พ.ศ.2521 รวมทั้งหาทางป้องกันเอาไว้อีกหลายชั้น นับตั้งแต่การประกาศใช้รัฐธรรมนูญด้วยการลงประชามติเมื่อ พ.ศ.2523 ซึ่งมีการรับรองการนิรโทษกรรมไว้ในรัฐธรรมนูญอีกชั้นหนึ่ง ปิโนเชต์ได้พ้นจากตำแหน่งประธานาธิบดีเมื่อปี 2533 ในปีเดียวกันนี้ มีผู้กล่าวหาปิโนเชต์ต่อศาล ศาลสูงของชิลีได้ปฏิเสธการดำเนินคดี ด้วยการยอมรับว่า ศาลไม่มีอำนาจพิจารณา เพราะมีกฎหมายนิรโทษกรรมไว้แล้ว เป็นเหตุให้ปิโนเชต์รอดตัวไป ต่อมา มีการเปิดเผยข้อมูลการสังหารหมู่ การลักพาตัวไปกำจัดทิ้งอย่างไร้ร่องรอย และการทารุณทรมานผู้คนจำนวนมาก ให้ปรากฏรับรู้แก่สาธารณชน ทัศนคติในการใช้และตีความของศาลสูงชิลี ในเรื่องเหล่านี้ ก็เปลี่ยนไป โดยไม่ปรับใช้กฎหมายนิรโทษกรรมแก่กรณีนี้ ทั้งนี้ ให้เหตุผลว่าเป็นการออกกฎหมายเพื่อรับรองการใช้อำนาจที่ผิดครรลอง [5]

ตามกรณีตัวอย่าง สะท้อนว่า หากผู้เผด็จการ ได้ตรากฎหมายที่ขัดต่อครรลองในหลักนิติรัฐ หรือ ระบอบการปกครองแห่งรัฐแล้ว ศาลย่อมปฏิเสธที่จะปรับใช้กฎหมายดังกล่าวได้ เพราะเป็นการตรากฎหมายที่ขัดต่อเจตจำนงร่วมของราษฎร และ ความชอบด้วยระบอบประชาธิปไตย(ที่รองรับสถานะตุลาการ ในการใช้อำนาจตุลาการ ตามรัฐธรรมนูญฉบับที่จะถูกฉีกทิ้ง) และนับว่า เป็นอำนาจที่ได้มาโดยวิธีการที่ละเมิดต่อกฎหมายอาญา โดยไม่ต้องพิจารณาว่า คณะรัฐประหารจะก่อการสำเร็จหรือไม่ ! เนื่องจาก การกระทำผิดได้สำเร็จลงแล้ว นับแต่ก่อการล้มล้างอำนาจรัฐ ซึ่งที่มาแห่งอำนาจของคณะรัฐประหารนั้น มาโดยผิดครรลอง

อีกทั้ง หลักทางทฤษฎี(ซึ่งต้องนำประกอบในการวินิจฉัย) ก็ได้เปลี่ยนจาก ความชอบธรรมของรัฐาธิปัตย์ในการออกกฎหมายตามอำเภอใจ มาเป็น กฎหมายเป็นระเบียบแบบแผนความประพฤติของมนุษย์ที่มีสภาพบังคับที่เป็นกิจจะลักษณะ อันมีที่มาจากปวงชน

ฉะนั้น การที่คณะรัฐประหาร ได้อำนาจมาโดยไม่ชอบด้วยบทบัญญัติของกฎหมาย และ ไม่ชอบโดยทฤษฎีความเป็นกฎหมาย (ในยุคเสรีนิยมประชาธิปไตย) ซึ่งสากลทางนิติศาสตร์ยึดถือแนวคิดนี้เป็นหลักเกณฑ์ ย่อมเป็นฐานรองรับอันมั่นคง ในการที่ศาลจะใช้อำนาจตุลาการ ในการปฏิเสธอำนาจตรากฎหมาย(ลำดับชั้นพระราชบัญญัติ) ของคณะรัฐประหาร ซึ่งจะหมายความว่า :

การได้มาซึ่งอำนาจในทางปกครองของคณะรัฐประหาร โดยวิธีการอันมิชอบด้วยกฎหมาย คณะรัฐประหารจะได้รับอำนาจทางปกครองเท่านั้น หาได้มีอำนาจในทางนิติบัญญัติไม่ เพราะ ผู้ที่จะใช้อำนาจนิติบัญญัติต้องมาจากปวงชนเท่านั้น (ตามหลักทฤษฎีของนักกฎหมายฝ่ายเสรีนิยมประชาธิปไตย ในฐานะที่กฎหมาย คือ เจตจำนงร่วมของปวงชน) กล่าวอีกนัยหนึ่ง คือ คณะรัฐประหาร ไม่มีอำนาจในการบังคับใช้คำสั่งคณะรัฐประหารในฐานะที่เป็นกฎหมายแม่บทอีกต่อไป คณะรัฐประหารจะมีอำนาจเพียงการออกกฎหมายลูกบท ภายใต้กรอบที่กฎหมายแม่(ซึ่งถูกผู้แทนปวงชน บัญญัติขึ้น โดยอำนาจนิติบัญญัติ) ให้อำนาจไว้เท่านั้น

หากต่อมา ปรากฏว่า คณะรัฐประหารได้ใช้อำนาจในการออกคำสั่งคณะรัฐประหาร ในฐานะที่มีศักดิ์เป็นพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ. คือ กฎหมายแม่บท) เมื่อคดีเข้าสู่ศาล ศาลสมควรปฏิเสธการปรับใช้กฎหมายนั้น

หากประเทศไทย ยึดถือคติเช่นว่านี้ (ซึ่งเป็นไปตามหลักทางทฤษฎีสากล) การยึดอำนาจของคณะรัฐประหาร จะได้มาซึ่งอำนาจในทางปกครอง(อำนวยประโยชน์สาธารณะ และ รักษาความสงบเรียบร้อย) และ อำนาจในการตรากฎหมายลำดับรอง(หรือเรียกว่า กฎหมายบริหารบัญญัติ)เท่านั้น [6] อันจะเป็นการตัดรอนการได้อำนาจโดยวิธีที่ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ แต่กลับมีอำนาจเป็นล้นพ้นโดยการตรากฎหมายในรูปของคำสั่งได้ตามอำเภอใจ

ปล.บทความนี้ มุ่งหมายในการที่อาจเป็นช่องทาง บอกกล่าวต่อสังคมว่า ทางออกในการหลีกหนีระบอบเผด็จการยึดอำนาจ มีหนทางนี้อยู่วิธีหนึ่ง เพื่อในภายหน้า(หากมีโอกาสต้องใช้คำสั่งคณะรัฐประหาร) จะได้มีกระแสจากสังคม เรียกร้องให้ศาลได้ฉุกคิดถึงทางออกนี้บ้าง

เชิงอรรถ :

[1] คำพิพากษาฎีกา ประจำพุทธศักราช 2496 , จัดพิมพ์โดยเนติบัณฑิตยสภา , หน้า 55.

[2] บางตำราเรียก ยุคกฎหมายของนักกฎหมาย ซึ่งเป็นยุคสมัยที่การปกครองได้เริ่มเจริญขึ้นมา มีผู้ปกครอง ชุมชนเริ่มเจริญขึ้น มีกระบวนการทางกฎหมายที่เป็นระเบียบขึ้น ( สามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมที่ : ปรีดี เกษมทรัพย์ , นิติปรัชญา , (กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์) )

[3] ในอดีต ประเทศไทยได้ส่งบุคลากรไปศึกษาต่อด้านกฎหมายที่ประเทศอังกฤษเป็นอันมาก รวมถึงพระบิดาแห่งกฎหมายไทย กรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์ ก็ทรงศึกษาวิชากฎหมายจากอังกฤษ และรับแนวคิดของท่าน Austin มาเผยแพร่ สอนนักกฎหมายไทยเรื่อยมา และซึมซาบในความคิดทางกฎหมายโดยปริยาย

[4] โปรดดู Adrienne M. Quill , Prosecute Or Not To Prosecute : Problems Encountered in the Prosecution of former Communist Officials in Germany , Czechoslovakia , and the Czech Republic , 7Ind. Int’1 & Comp. L. Rev. (1996) , 165 ff.

[5] โปรดดู Robert C Power, Pinochet and the Uncertain Globalization of Criminal Law, 39 Geo. Wash. Int’l L. Rev. (2007), 89 , 113 ff.

[6] กฎหมายลูกบท หรือ กฎหมายลำดับรอง (กฎหมายบริหารบัญญัติ) เป็นกฎหมายที่ตราขึ้นโดยฝ่ายบริหาร ซึ่งเป็นกฎหมายในส่วนรายละเอียดจากกฎหมายแม่บท (กฎหมายนิติบัญญัติ : ตราขึ้นโดยฝ่ายนิติบัญญัติ(รัฐสภา) ) การจะตรากฎหมายลูกบทนั้น ต้องอาศัยอำนาจเท่าที่กฎหมายแม่บทตราให้อำนาจไปถึงเท่านั้น
User avatar
พุฒิพงศ์
 
Posts: 5
Joined: Sat Oct 25, 2008 2:50 pm

Re: การล้มล้างอำนาจคณะรัฐประหาร โดย หลักวิชานิติศาสตร์ เทียบเคีย

Postby ridkun » Sat Oct 25, 2008 4:52 pm

มันเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ที่คณะรัฐประหารจะต้องมีสถานะเป็นรัฐาธิปัตย์
ไม่ว่าจะโดยคำตัดสินของศาลฎีกา หรือโดยประวัติศาสตร์ของการเปลี่ยนแปลงการปกครองก็ดี
หากปฏิเสธว่าคณะรัฐประหารไม่มีความเป็นรัฐาธิปัตย์ ก็ย่อมเท่ากับการปฏิเสธความเป็นรัฐาธิปัตย์ของคณะราษฎร์ด้วยใช่หรือไม่

== ข้อความถูกระงับโดยผู้ดูแล ==

ridkun
Site Admin
 
Posts: 1815
Joined: Mon Oct 13, 2008 12:08 am

Re: การล้มล้างอำนาจคณะรัฐประหาร โดย หลักวิชานิติศาสตร์ เทียบเคีย

Postby Cherub Rock » Sat Oct 25, 2008 4:54 pm

สมัยนี้ไม่รู้ทำไม

รัฐบาลประชาิธิปไตยไล่ยิงประชาชน อยู่แล้วก็ไม่ฟังใคร ทำทุกท่าเพื่อเข้ามมา แล้วก็ไม่ค่อยอยากไป
รัฐบาลทหารดันเกรงใจผู้คน อยู่ก็ไม่ค่อยกล้าทำอะไร ไม่ค่อยเต็มใจมา แถมอยากรีบไปไวๆ

ว่ากันว่า ประชาธิปไตยเป็นระบอบที่เลวน้อยที่สุด

แต่ต้องแน่ใจก่อนนะว่าไม่ใช่ของเก๊ :?
:idea: 1 ปีตุลาเลือด ฆาตรกรต้องไม่ลอยนวล
วันข้างหน้า ผู้มีอำนาจ จะไม่บังอาจฆ่าประชาชน
-->
User avatar
Cherub Rock
 
Posts: 2769
Joined: Mon Oct 13, 2008 12:47 am

Re: การล้มล้างอำนาจคณะรัฐประหาร โดย หลักวิชานิติศาสตร์ เทียบเคีย

Postby พุฒิพงศ์ » Sat Oct 25, 2008 5:02 pm

ความจะเป็นรัฐาธิปัตย์นั้น แปรเปลี่ยนไปตามยุคครับ กล่าวคือ

-ยุคสมบูรณาญาสิทธิราชย์ คือ กษัตริย์

-ยุคประชาธิปไตย คือ ปวงชนผ่านผู้แทนปวงชน

ทั้งนี้ ย่อมต้องพิจารณาในระบบหลัก ในระบบที่แทรกซ้อนนั้น หาไม่มาตามครรลองของระบบครอบครอง(ระบบหลัก) ย่อมบังคับตามไม่ได้ (ตามแนวคิดนักกฎหมายเสรีนิยมประชาธิปไตย)

การที่ทฤษฎีทางกฎหมาย(ตามที่กล่าวในรายละเอียดไว้ในเนื้อความกระทู้) หากท่านอ่านอย่างประณีตแล้ว ย่อมต้องมีความรู้ว่า ทฤษฎีความเป็นกฎหมาย ในยุคปัจจุบัน ในโลกสากลนั้น ได้แปรเปลี่ยนไปจากอดีต(ในยุคสมบูรณาญาสิทธิราชย์ และ ยุคหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครองมาไม่นานนัก) การเปลี่ยนแปลงของนักกฎหมายในภาคพื้นยุโรป ตลอดถึงอารยประเทศในกลุ่มเสรีนิยมประชาธิปไตย ได้เปลี่ยนวิธีคิด ต่อองค์รัฐาธิปัตย์ในสถานะใหม่ ที่สอดรับกับระบอบประชาธิปไตยยิ่งขึ้น

โปรดอ่านรายละเอียดในเนื้อกระทู้(ก่อน) แล้วเชิญแลกเปลี่ยนกันครับ
User avatar
พุฒิพงศ์
 
Posts: 5
Joined: Sat Oct 25, 2008 2:50 pm

Re: การล้มล้างอำนาจคณะรัฐประหาร โดย หลักวิชานิติศาสตร์ เทียบเคีย

Postby พุฒิพงศ์ » Sat Oct 25, 2008 5:15 pm

ศาตราจารย์ ธานินทร์ กรัยวิเชียร อธิบายว่า

"การปกครองในระบอบประชาธิปไตยถือหลักว่า ราษฎรเท่านั้นที่มีสิทธิที่จะปกครองตนเอง ผู้อื่นนอกจากราษฎรหามีสิทธิไม่ ดังนั้นประชาชนจึงต้องปกครองตนเองโดยการเลือกตั้งผู้แทนราษฎรที่ดีเข้าไปมีส่วนมีเสียงในรัฐสภา การเลือกตั้งจะเป็นเครื่องวัดได้เป็นอย่างดีว่า ประชาชนประเทศใดมีความสามารถปกครองตนเองได้ดีเพียงใด”

กล่าวคือ ไม่ว่ารัฐบาล หรือนักการเมือง จะดีเลวเพียงไร ราษฎรเท่านั้นครับ ที่เป็นผู้เลือกสรร ถ้ารัฐบาลไม่ดี ก็เลือกใหม่ เช่นนี้ แต่ถ้าเราได้รัฐบาลที่ประชาชนเลือก และก็เป็นรัฐบาลที่ดีด้วย นั่นก็คือความสำเร็จยอดเยี่ยมในระบอบประชาธิปไตย

การที่จะให้นักการเมืองไร้สิ้นกิเลสตัณหา บริสุทธิ์ผุดผ่อง คงจะต้องนิมนต์พระอริยเจ้า มาลงเลือกตั้งกระมัง ? นักการเมืองก็เป็นปุถุชน นั่นล่ะครับ

การที่เราจะห้ามคนชั่วเข้ามาเป็นนักการเมืองเลยก็เป็นการลำบาก และไม่มีทางเป็นไปได้ แต่สิ่งที่เราสามารถทำได้ และทั่วโลกเขาทำก็คือ การที่เราสามารถคัดกรองบุคคลผู้เข้ามาเป็นนักการเมือง โดยกระบวนการตรวจสอบ เสมือนการร่อนเศษหินเศษกรวดออกไป ซึ่งต้องดำเนินการโดยกระบวนการตามรัฐธรรมนูญ โดยรัฐสภา

ที่สำคัญที่สุด เราต้องการตั้งคำถามให้ตนเองครับว่า เราต้องการนักการเมืองที่ดี หรือ เราต้องการนักการเมืองของเรา ?

หากต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ในฐานะผู้ศรัทธาในระบอบประชาธิปไตย ผมเลือกรัฐบาลของเราครับ

กล่าวคือ รัฐบาลที่ดีแต่ไม่ใช่ของเรา ถามว่า คนดีจะมีโอกาสเลวได้หรือไม่? แน่นอน ไม่มีอะไรรับประกันว่า คนดีจะดีเสมอไป เมื่อสบช่องโอกาส ก็อาจจะทำเลวได้ทุกเมื่อ

คนที่เป็นนักการเมือง ที่ไม่ใช่นักการเมืองที่เราเลือกเลือก เขาไม่ได้"เลว"หรอกครับ แต่เรามีหลักประกันว่า เราได้เลือกคนที่จะมาเป็นปากเสียงของเรา ด้วยตัวของเราเอง เพราะแม้จะเป็นนักการเมืองของของเรา แล้ว"เลว" เมื่อถึงการเลือกตั้งวาระถัดไป ก็เลือกพรรคใหม่จนกว่าจะได้นักการเมืองที่ดี ได้รัฐบาลที่ดี

ไม่ใช่จะกล่าวว่า “แม้นเลือกตั้งครั้งใหม่ ชาวบ้านก็ขายเสียง เลือกพวกนี้เข้ามาอีก” คำกล่าวนี้ ในทางข้อเท็จจริงก็ต้องยอมรับว่าใช่ หากแต่ แม้ในขั้นนี้สาระของประชาธิปไตยของเรายังไม่อาจเก็บเกี่ยวได้อย่างบริบูรณ์ แต่ในส่วนของรูปแบบ คือ การเลือกตั้งนั้น เรายังต้องคงรูปแบบไว้ เพื่อใช้กาลเวลาในการพัฒนาสาระแห่งประชาธิปไตยขึ้น เพราะเวลาเท่านั้น ที่จะบ่มเพาะซึมซาบสำนึกของประชาธิปไตยได้

หากเรายอมละทิ้งรูปแบบประชาธิปไตย(คือการเลือกตั้ง)เสีย ไม่เพียงแต่จะพัฒนาสาระไม่ได้ รูปแบบก็สูญสิ้น ประชาธิปไตยก็จะไม่มีแม้แต่ซาก

ทุกวันนี้ คนไทยจำนวนไม่น้อย กำลังเก็บเกี่ยวความเป็นอุตมรัฐ โดยกำลังตั้งคำถามกับตนเองว่า "ประชาธิปไตย"นั้น ดีจริงหรือ?
ซึ่งความคิดนี้ น่ากลัวครับ ตราบใดที่อำนาจสูงสุดไม่ได้มาจากประชาชน ก็ไม่อาจเรียกได้ว่า "ประชาธิปไตย"

ระบอบการปกครองทุกระบอบ ดีทั้งนั้นล่ะครับ แต่ระบอบที่มีข้อเสียน้อยที่สุด ก็คือระบอบประชาธิปไตย มิเช่นนั้น ระบอบเผด็จการคอมมิวนิสต์ คงจะดีไม่น้อยเลยกระมัง?

การที่คนไทย ทำตนเป็น "เด็กที่ไม่รู้จักโต" คอยทำตาปริบ ๆ ร้องหาทหาร ให้ทำการนอกรูปแบบ ระบอบประชาธิปไตยไทยจึงไม่ถึงไหน แล้วกระทั่ง 76 ปีมาแล้วก็ยังเป็นประชาธิปไตยที่ไม่เอาไหน

เพราะคนไทย(บางส่วน)ยังไม่รู้ร้อน กับความไม่เป็นประชาธิปไตย(ที่ตนมีศักดิ์ศรีที่จะเลือก)

กล่าวได้ว่า โดยธรรมชาติของคนไทย เป็นคนที่รักเสรีในสายเลือด หากแม้แต่คนที่จะมาใช้อำนาจปกครองพวกเขา ประชาชนยังไม่มีเลือก คนไทยก็คงไม่ต่างอันใดกับสัตว์เดรัจฉานที่ไม่อาจบงการเลือกผู้ที่เป็นเจ้านายของมันได้ แล้วเช่นนี้ การรัฐประหาร หรือ แนวคิดเรื่องการแต่งตั้งผู้แทน จะเหมาะสมกับสังคมไทยได้อย่างไร?

ท้ายนี้ ต้องพิจารณาให้หนักว่า ทหาร คือ ฝ่ายข้าราชการประจำ ซึ่งมีที่มาจากการแต่งตั้ง ส่วนรัฐบาล คือ ข้าราชการการเมือง มีที่มาจากการเลือกตั้ง

ขยายความว่า คนที่มาจากการแต่งตั้งจะมาล้มคนที่มาจากการเลือกตั้งได้อย่างไร

กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ คนที่มาจากการแต่งตั้ง จะมาเป็นใหญ่กว่า คนที่มาจากการเลือกตั้งได้อย่างไร? ประเด็นนี้คนไทยจำนวนมาก เพิกเฉย ละเลย ไม่ใส่ใจกัน เรื่องนี้น่าคิดนะครับ ขอฝากไว้เพียงนี้
User avatar
พุฒิพงศ์
 
Posts: 5
Joined: Sat Oct 25, 2008 2:50 pm

Re: การล้มล้างอำนาจคณะรัฐประหาร โดย หลักวิชานิติศาสตร์ เทียบเคีย

Postby รักษ์สยาม » Sat Oct 25, 2008 5:33 pm

มาว่าปรัชญากันดีกว่า

ประชาธิปไตยดีจริงหรือ อย่างไร ทุกสถานการณ์หรือไม่

เลือกตั้งดีจริงหรือ อย่างไร ทุกสถานการณ์หรือไม่

ถ้าจะค้นหาความจริงต้องตั้งคำถามสิ่งเหล่านี้ก่อน อยู่ๆจะมาตั้งสมมติฐานว่ามันเป็นจริงเลยได้อย่างไร เพียงเพราะตำราหรือนักวิชาการบางคนหรือประเทศตะวันตกบอกว่าประชาธิปไตยดี ก็ไม่ได้แปลว่ามันต้องเป็นตามนั้น ประชาธิปไตยคืออะไร ปัจจัยอะไรที่สำคัญ เรารู้กันหรือยัง ประชาธิปไตยจะดีมันต้องมีเงื่อนไขอะไรบ้าง แล้วไทยมีครบหรือยัง

คุณมาบอกว่าการตั้งคำถามเช่นนี้เป็นอันตราย ผมว่าที่อันตรายคือคุณเชื่อมันโดยไม่ตั้งคำถามมากกว่า

ลองยกตัวอย่างสุดขั้วสักตัวอย่างก็ได้ คุณติดเกาะอยู่กันคน 100 คน มีผู้หญิงอยู่ 10 คน 1 ในนั้นคือลูกสาวคุณ ผู้ชายอีก 89 คน เกิดมีอารมณ์เปลี่ยว ขอมติคนทั้งหลายจะขอเอานางทั้ง 10 มาเป็นนางบำเรอ คุณจะโหวตหรือไม่ครับ
"For form of government let fools contest, What e'er is best administered is best;" - Alexander Pope
User avatar
รักษ์สยาม
 
Posts: 92
Joined: Mon Oct 13, 2008 10:49 am
Location: Bangkok, Thailand

Re: การล้มล้างอำนาจคณะรัฐประหาร โดย หลักวิชานิติศาสตร์ เทียบเคีย

Postby พุฒิพงศ์ » Sat Oct 25, 2008 5:45 pm

ไม่ทราบว่า คุณรักษ์สยาม ได้อ่านเนื้อความอย่างละเอียดแล้ว หรือ่านอย่างข้ามผ่านครับ (ขออภัย กล่าวโดยใจจริง)

เพราะ การกล่าวว่าระบอบประชาธิปไตยดีนั้น ผมหาได้กล่าวเลื่อนลอยไม่ แต่ได้ท้าวความถึงเรื่องระบอบแต่งตั้ง เผด็จการ หรือรัฐประหาร กับสิทธิเสรีภาพของปวงชน แล้วขยายความเชิงตุ๊กตา

อย่างไรก็ตาม การกล่าวว่าระบอบอื่นนอกจากประชาธิปไตยนั้นเลวก็หาถูกต้องไม่ เพราะ :

แม้แต่ระบอบเผด็จการ ก็เป็นระบอบที่ดีได้ หากผู้ปกครองเป็นคนดีและเก่ง ทำเพื่อส่วนรวม แต่ผมผมได้กล่าวแล้วว่า มันไม่มีหลักประกันว่า "คนดี จะไม่มีวันเลว" เพราะ "คนดี เมื่อสบโอกาส บางคนก็พร้อมจะเลวได้" นี่คือสภาพการณ์ตามจริง

ผมจึงขมวดปมว่า ระบอบประชาธิปไตยนั้น อย่างน้อย ถ้าเราเลือกคนผิด คนเลวเข้าไป แต่เรายังมีโอกาสเลือกเขาได้ หรือเลือกตั้งใหม่ เราก็ไม่เลือกเขา

ในเชิงคุณภาพว่า ประชาชนถูกซื้อง่าย ผมได้สำทับไปว่า ให้พัฒนาการศึกษาแก่เขา รูปแบบควรคงไว้อยู่ เพื่อการพัฒนาสาระต่อไป

ดังนั้น การกล่าวนี้ หาใช่กล่าวเอาสนุก แต่พยายามอิงหลักวิชาให้มาก เพราะนักวิชาการในปัจจุบัน ได้เล่นการเมืองในคราบนักวิชาการกันมาก อันเป็นการไม่ซื่อสัตย์ในหลักวิชา การให้เหตุผลทางสังคม จึงยุ่งเหยิงเช่นทุกวันนี้
User avatar
พุฒิพงศ์
 
Posts: 5
Joined: Sat Oct 25, 2008 2:50 pm

Re: การล้มล้างอำนาจคณะรัฐประหาร โดย หลักวิชานิติศาสตร์ เทียบเคีย

Postby Cherub Rock » Sat Oct 25, 2008 5:55 pm

Image

สมัยนี้ของเทียมพัฒนาไปมาก ทั้งสาวเทียม และประชาธิปไตยเทียม

แต่ความจริงก็คือ ถึงแม้เธอจะสวยน่ารักขนาดไหน เธอก็ไม่สามารถเป็นแม่ของลูกคุณได้




ป.ล.ล่อแหลมจะออกทะเล แต่ขอยืนยันว่าผมตั้งใจอยู่ในประเด็น :lol:
:idea: 1 ปีตุลาเลือด ฆาตรกรต้องไม่ลอยนวล
วันข้างหน้า ผู้มีอำนาจ จะไม่บังอาจฆ่าประชาชน
-->
User avatar
Cherub Rock
 
Posts: 2769
Joined: Mon Oct 13, 2008 12:47 am

Re: การล้มล้างอำนาจคณะรัฐประหาร โดย หลักวิชานิติศาสตร์ เทียบเคีย

Postby Moon » Sat Oct 25, 2008 6:06 pm

555 จขกท. จะนำเสนอ และพร้อมที่จะโต้แย้ง เพราะว่ามีความเชื่อและมีแนวของตนเองแล้ว

อย่างนี้ก็ไม่เกิดปัญญาหรอก จขกท. จะพยายามให้คนอื่นเชื่อในสิ่งที่ จขกท. นำเสนอ 555

เดินออกมาสู่โลกภายนอก ระหว่างทางเราจะเจอดอกไม้ ถ้าเราหยาบช้าเราก็จะมองผ่านไป

ถ้าเราเป็นคนมีจิตใจละเอียดอ่อนก็จะหยุดชื่นชมความงามของดอกไม้นั้นได้ แม้เพียงแค่เห็นนิดเดียว
จันทร์เอ๋ย จันทร์เจ้า ขอข้าวขอแกง
User avatar
Moon
 
Posts: 6807
Joined: Mon Oct 13, 2008 10:51 am

Re: การล้มล้างอำนาจคณะรัฐประหาร โดย หลักวิชานิติศาสตร์ เทียบเคีย

Postby พรรณชมพู » Sat Oct 25, 2008 6:27 pm

อำนาจ มีความหมายในตัวของมันเอง ไม่ว่าอำนาจนั้นจะมาจากที่ใด

ผู้มีอำนาจ ไม่ว่าจะเป็นบุคคลหรือกลุ่มบุคคล จะใช้อำนาจนั้นผ่านทางวาจา หรือทางลายลักษณ์อักษร อำนาจก็คืออำนาจ เมื่อมีอำนาจและมีผู้ไม่ยอมอยู่ใต้อำนาจ ก็ได้เวลาวัดพลังงานซึ่งกันและกัน

เมื่อมีการรัฐประหาร ผู้ที่กระทำการรัฐประหารต้องใช้อำนาจในการทำการนั้น และล้มล้างอำนาจเดิมที่มีอยู่ ในทางกฎหมายที่เป็นลายลักษณ์อักษร จะยอมรับหรือไม่ยอมรับ ตามวิชาการใดๆ หรือนักวิชาการใดๆ หากต้านอำนาจของผู้ทำการรัฐประหารไม่ได้ ก็ย่อมพ่ายแพ้ บุคคลก็คงเผ่นหนี ตัวหนังสือก็คงถูกลบหายไป

เมื่อคณะรัฐประหารหมดอำนาจลง หากเป็นเพราะถูกปราบปราม ผู้ที่ปราบปรามได้ย่อมเป็นผู้ที่มีอำนาจใหม่ จะจัดการอย่างไรกับผู้หมดอำนาจ ก็เป็นเรื่องของผู้มีอำนาจกับผู้หมดอำนาจ ธรรมดาอย่างยิ่ง

แต่หากหมดอำนาจลง ด้วยการวางอำนาจนั้น ก็มักจะเขียนกฏหมายให้ละเว้นโทษของตน ที่ทำการล้มอำนาจเก่า มาเป็นอำนาจของตน และผ่องถ่ายอำนาจไปสู่ที่ใหม่อีกทีหนึ่ง

เมื่อคณะรัฐประหารหมดอำนาจลง ผู้ที่ครองอำนาจภายหลัง หากไม่ยอมรับกฎหมายกฏเกณฑ์ที่คณะรัฐประหารตั้งไว้ และล้มล้างเสีย ก็เป็นเรื่องของผู้มีอำนาจภายหลัง มันเป็นธรรมดาอีกเหมือนกัน

ยกเหตุผล ยกกฏหมาย ยกรัฐธรรมนูญ ยกความชอบธรรม อะไรมาอ้าง มันก็ไม่พ้นคำสี่คำ

ทีใคร ทีมัน

และต้องพึงสังวรณ์ไว้อย่างหนึ่ง

อำนาจนั้นมักจะแย่งกันในระหว่างผู้มีกำลัง ส่วนผู้มีปัญญานั้นหากไร้กำลัง ก็ได้แต่คิดอะไรเรื่อยเปื่อยไป รอส้มหล่นบ้าง รอสอพลอผู้มีอำนาจบ้าง เผื่อจะได้ดีกับเขาบ้าง เท่านั้น
"silent key 16/06/2009"
User avatar
พรรณชมพู
 
Posts: 1774
Joined: Mon Oct 13, 2008 1:17 pm

Re: การล้มล้างอำนาจคณะรัฐประหาร โดย หลักวิชานิติศาสตร์ เทียบเคีย

Postby Cherub Rock » Sat Oct 25, 2008 6:56 pm

เด็กรัฐศาสตร์ตีกะเด็กนิติฯ :lol:
:idea: 1 ปีตุลาเลือด ฆาตรกรต้องไม่ลอยนวล
วันข้างหน้า ผู้มีอำนาจ จะไม่บังอาจฆ่าประชาชน
-->
User avatar
Cherub Rock
 
Posts: 2769
Joined: Mon Oct 13, 2008 12:47 am

Re: การล้มล้างอำนาจคณะรัฐประหาร โดย หลักวิชานิติศาสตร์ เทียบเคีย

Postby โลกสวยงาม » Sat Oct 25, 2008 7:12 pm

อ่านมาหลายกระทู้แล้ว ของจขกท. (พุฒพงศ์) มีเนื้อหาดีพอควร ถ้าเป็นก่อนที่ทักษิณจะเข้าบริหารประเทศ คงใช้ได้ แต่ณ.ปัจจุบันนี้ มันเปลี่ยนไปแล้วคะ จขกท. ลองออกมามองโลกนี้ด้วยความเป็นจริงเถอะคะ อย่าพยายาม แถ หรือบิดเบือน เลย มันน่าเศร้านะ
อำนาจ ผลประโยชน์ ทำให้คนไทยสามารถฆ่าคนไทยด้วยกันได้โดยไม่รู้สึกอะไรเลย บางคนนั้นเป็นไทยแต่ชื่อ และพร้อมที่จะเป็นคนสัญชาติอื่นได้ในทันที หากมันจะให้ประโยชน์กับเขามากกว่าความเป็นคนไทยนะ
User avatar
โลกสวยงาม
 
Posts: 340
Joined: Mon Oct 13, 2008 8:09 am

Re: การล้มล้างอำนาจคณะรัฐประหาร โดย หลักวิชานิติศาสตร์ เทียบเคีย

Postby Sweet Chin Music » Sat Oct 25, 2008 7:46 pm

อยากจะแนะนำให้ไปอ่านหนังสือ "ธรรมาธิปไตยไม่มา ประชาธิปไตยไม่เจอ" ของ ท่าน พระพรหมคุณาพรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต)

ตั้งใจอ่านดีๆ จะเห็นมุมมองอะไรที่เราไม่รุ้มาก่อนเยอะ
ทำดีได้ทำดี ทำชั่วได้ทำชั่ว
User avatar
Sweet Chin Music
Moderator
 
Posts: 3892
Joined: Mon Oct 13, 2008 1:40 pm

Re: การล้มล้างอำนาจคณะรัฐประหาร โดย หลักวิชานิติศาสตร์ เทียบเคีย

Postby boykool » Sat Oct 25, 2008 7:59 pm

^
^
^

เห็นด้วยคับ ท่านเจ้าคุณมีมุมองอย่างคนที่เข้าใจโลกของความเป็นจริงอย่างถ่องแท้

ท่านเป็นเอตทัคคะจริงๆ
“หัวใจของการเมือง คือ ความไม่เห็นแก่ตัว หากเห็นแก่ตัวและพรรคของตัวแล้ว จะเห็นแก่มวลชนได้อย่างไร ดังนั้น นักการเมืองควรมีศีลธรรม ยึดถือธรรม บูชาธรรมยิ่งกว่าคนธรรมดา..."
ส่วนหนึ่งของคำวินิจฉัยคดีซุกหุ้นภาค 1
ประเสริฐ นาสกุล
User avatar
boykool
 
Posts: 3324
Joined: Mon Oct 13, 2008 1:06 pm

Re: การล้มล้างอำนาจคณะรัฐประหาร โดย หลักวิชานิติศาสตร์ เทียบเคีย

Postby Sweet Chin Music » Sat Oct 25, 2008 8:03 pm

อีกอย่างหนึ่ง อย่าเอาแต่กอดตำรามาพูด โดยไม่ดูสภาพความเป็นจริงบ้าง

เห็นว่าเป็นนักกฎหมาย อยากจะแนะนำให้ไปอ่านคดีสำคัญเช่น คดียุบพรรค, คดีใบแดงยงยุทธ, คดีที่ดินรัชดา, คดีปราสาทพระวิหาร เป็นต้น

แล้วนำเอากรณีที่เกิดขึ้นในคำพิพากษานั้น ไปเปรียบเทียบเหตุการณ์ที่คล้ายคลึงกันในอดีตด้วย ...

เป็นนักกฎหมาย อย่าเอาแต่กอดตำรามาวินิจฉัย ไม่งั้นความยุติธรรมจะไม่บังเกิด

เป้าหมายของกฎหมายคือ ดำรงความยุติธรรมให้มากที่สุด ไม่ใช่สักแต่ว่ายึดเอาตำราเป็นที่ตั้ง ไม่งั้นก็หาความยุติธรรมไม่เจอ
Last edited by Sweet Chin Music on Sat Oct 25, 2008 8:25 pm, edited 1 time in total.
ทำดีได้ทำดี ทำชั่วได้ทำชั่ว
User avatar
Sweet Chin Music
Moderator
 
Posts: 3892
Joined: Mon Oct 13, 2008 1:40 pm

Re: การล้มล้างอำนาจคณะรัฐประหาร โดย หลักวิชานิติศาสตร์ เทียบเคีย

Postby OMEGA » Sat Oct 25, 2008 8:07 pm

เจ้าของกระทู้พูดมาก็ถูกครับถ้าจะละไว้ในฐานที่เข้าใจโดยไม่พึ่งพิง
ความรู้ความเข้าใจบริบทอื่นๆทางสังคมของรัฐๆหนึ่งเลย...

ถ้าไม่ใช่รามคำแหงผมนึกว่าลูกศิษย์ อ.วรเจตน์ ซะอีก :lol:
Only three things in life are certain birth, death and change
User avatar
OMEGA
 
Posts: 1134
Joined: Mon Oct 13, 2008 10:14 am

Re: การล้มล้างอำนาจคณะรัฐประหาร โดย หลักวิชานิติศาสตร์ เทียบเคีย

Postby Cherub Rock » Sat Oct 25, 2008 8:08 pm

Sweet Chin Music wrote:อยากจะแนะนำให้ไปอ่านหนังสือ "ธรรมาธิปไตยไม่มา ประชาธิปไตยไม่เจอ" ของ ท่าน พระพรหมคุณาพรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต)

ตั้งใจอ่านดีๆ จะเห็นมุมมองอะไรที่เราไม่รุ้มาก่อนเยอะ


Image

http://www.watnyanaves.net/sounds/policy.htm

ขออนุญาตโฆษณา :P



ป.ล. WMA ดูเหมือนจะเจ๊ง แต่ MP3 ยังฟังได้ครับ
Last edited by Cherub Rock on Sat Oct 25, 2008 8:20 pm, edited 1 time in total.
:idea: 1 ปีตุลาเลือด ฆาตรกรต้องไม่ลอยนวล
วันข้างหน้า ผู้มีอำนาจ จะไม่บังอาจฆ่าประชาชน
-->
User avatar
Cherub Rock
 
Posts: 2769
Joined: Mon Oct 13, 2008 12:47 am

Re: การล้มล้างอำนาจคณะรัฐประหาร โดย หลักวิชานิติศาสตร์ เทียบเคีย

Postby Sweet Chin Music » Sat Oct 25, 2008 8:19 pm

OMEGA wrote:เจ้าของกระทู้พูดมาก็ถูกครับถ้าจะละไว้ในฐานที่เข้าใจโดยไม่พึ่งพิง
ความรู้ความเข้าใจบริบทอื่นๆทางสังคมของรัฐๆหนึ่งเลย...

ถ้าไม่ใช่รามคำแหงผมนึกว่าลูกศิษย์ อ.วรเจตน์ ซะอีก :lol:


คิดเหมือนกันเลยครับ มาแนวๆกับ อ.วรเจตน์เลย แต่ผมก็ยอมรับนะครับว่า อ.แก เก่ง

แต่เก่งในตำรา จะไปเอาความรู้ไปปรับใช่ไม่เป็น ... แต่ก็มีเรื่องเดียวที่ผมเห็นด้วยกับแกคือ

เรื่องปราสาทพระวิหาร ว่าไม่อยู่ในอำนาจศาลปกครอง แต่อยู่ในอำนาจศาลรัฐธรรมนูญ

ส่วนเรื่องอื่นๆ ไม่ไหวครับ เหมือนออกมาประจานตัวเองเสียเปล่าๆ
ทำดีได้ทำดี ทำชั่วได้ทำชั่ว
User avatar
Sweet Chin Music
Moderator
 
Posts: 3892
Joined: Mon Oct 13, 2008 1:40 pm

Re: การล้มล้างอำนาจคณะรัฐประหาร โดย หลักวิชานิติศาสตร์ เทียบเคีย

Postby Sweet Chin Music » Sat Oct 25, 2008 8:21 pm

Cherub Rock wrote:
Sweet Chin Music wrote:อยากจะแนะนำให้ไปอ่านหนังสือ "ธรรมาธิปไตยไม่มา ประชาธิปไตยไม่เจอ" ของ ท่าน พระพรหมคุณาพรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต)

ตั้งใจอ่านดีๆ จะเห็นมุมมองอะไรที่เราไม่รุ้มาก่อนเยอะ


Image

http://www.watnyanaves.net/sounds/policy.htm

ขออนุญาตโฆษณา :P



นั้นละครับ ไฟล์เดียว 80 กว่านาที

เอาไปฟังก็ได้ ถือซะว่าเหมือนดูหนังเรื่องหนึ่งละกัน อิอิ
ทำดีได้ทำดี ทำชั่วได้ทำชั่ว
User avatar
Sweet Chin Music
Moderator
 
Posts: 3892
Joined: Mon Oct 13, 2008 1:40 pm

Re: การล้มล้างอำนาจคณะรัฐประหาร โดย หลักวิชานิติศาสตร์ เทียบเคีย

Postby Solidus » Sat Oct 25, 2008 8:38 pm

ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้ว ช่วยอธิบายนิติปรัชญาตามแนวพระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวหน่อยครับ แล้วรัฐบาลประชาธิปไตยได้ยึดตามแนวนี้หรือไม่ :lol:
User avatar
Solidus
 
Posts: 8593
Joined: Mon Oct 13, 2008 1:47 pm

Re: การล้มล้างอำนาจคณะรัฐประหาร โดย หลักวิชานิติศาสตร์ เทียบเคีย

Postby Moon » Sat Oct 25, 2008 8:49 pm

Sweet Chin Music wrote:อีกอย่างหนึ่ง อย่าเอาแต่กอดตำรามาพูด โดยไม่ดูสภาพความเป็นจริงบ้าง

เห็นว่าเป็นนักกฎหมาย อยากจะแนะนำให้ไปอ่านคดีสำคัญเช่น คดียุบพรรค, คดีใบแดงยงยุทธ, คดีที่ดินรัชดา, คดีปราสาทพระวิหาร เป็นต้น

แล้วนำเอากรณีที่เกิดขึ้นในคำพิพากษานั้น ไปเปรียบเทียบเหตุการณ์ที่คล้ายคลึงกันในอดีตด้วย ...

เป็นนักกฎหมาย อย่าเอาแต่กอดตำรามาวินิจฉัย ไม่งั้นความยุติธรรมจะไม่บังเกิด

เป้าหมายของกฎหมายคือ ดำรงความยุติธรรมให้มากที่สุด ไม่ใช่สักแต่ว่ายึดเอาตำราเป็นที่ตั้ง ไม่งั้นก็หาความยุติธรรมไม่เจอ


อ้าว เด็กนิติ ลุยหน่อย
จันทร์เอ๋ย จันทร์เจ้า ขอข้าวขอแกง
User avatar
Moon
 
Posts: 6807
Joined: Mon Oct 13, 2008 10:51 am

Re: การล้มล้างอำนาจคณะรัฐประหาร โดย หลักวิชานิติศาสตร์ เทียบเคีย

Postby superager » Sun Oct 26, 2008 2:42 am

Cherub Rock wrote:
Sweet Chin Music wrote:อยากจะแนะนำให้ไปอ่านหนังสือ "ธรรมาธิปไตยไม่มา ประชาธิปไตยไม่เจอ" ของ ท่าน พระพรหมคุณาพรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต)

ตั้งใจอ่านดีๆ จะเห็นมุมมองอะไรที่เราไม่รุ้มาก่อนเยอะ


Image

http://www.watnyanaves.net/sounds/policy.htm

ขออนุญาตโฆษณา :P



ป.ล. WMA ดูเหมือนจะเจ๊ง แต่ MP3 ยังฟังได้ครับ


ขอบคุณครับสำหรับธรรมทาน
เสรีไทยพ้นภัย ด้วยใจสามัคคี
User avatar
superager
 
Posts: 2520
Joined: Mon Oct 13, 2008 1:11 am

Re: การล้มล้างอำนาจคณะรัฐประหาร โดย หลักวิชานิติศาสตร์ เทียบเคีย

Postby boykool » Sun Oct 26, 2008 8:15 am

แนะนำบทความหรือท่านใดพอจะหาได้นะคับ

การล้มล้างรัฐบาลที่ขาดความชอบธรรมในทฤษฎีสัญญาประชาคม

โดย ปราโมทย์ นาครทรรพ


เทียบเคียงกับสถานการณ์จริงทั้งในอดีตต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน
“หัวใจของการเมือง คือ ความไม่เห็นแก่ตัว หากเห็นแก่ตัวและพรรคของตัวแล้ว จะเห็นแก่มวลชนได้อย่างไร ดังนั้น นักการเมืองควรมีศีลธรรม ยึดถือธรรม บูชาธรรมยิ่งกว่าคนธรรมดา..."
ส่วนหนึ่งของคำวินิจฉัยคดีซุกหุ้นภาค 1
ประเสริฐ นาสกุล
User avatar
boykool
 
Posts: 3324
Joined: Mon Oct 13, 2008 1:06 pm

Re: การล้มล้างอำนาจคณะรัฐประหาร โดย หลักวิชานิติศาสตร์ เทียบเคีย

Postby รักษ์สยาม » Sun Oct 26, 2008 8:40 pm

พุฒิพงศ์ wrote:ไม่ทราบว่า คุณรักษ์สยาม ได้อ่านเนื้อความอย่างละเอียดแล้ว หรือ่านอย่างข้ามผ่านครับ (ขออภัย กล่าวโดยใจจริง)

เพราะ การกล่าวว่าระบอบประชาธิปไตยดีนั้น ผมหาได้กล่าวเลื่อนลอยไม่ แต่ได้ท้าวความถึงเรื่องระบอบแต่งตั้ง เผด็จการ หรือรัฐประหาร กับสิทธิเสรีภาพของปวงชน แล้วขยายความเชิงตุ๊กตา

อย่างไรก็ตาม การกล่าวว่าระบอบอื่นนอกจากประชาธิปไตยนั้นเลวก็หาถูกต้องไม่ เพราะ :

แม้แต่ระบอบเผด็จการ ก็เป็นระบอบที่ดีได้ หากผู้ปกครองเป็นคนดีและเก่ง ทำเพื่อส่วนรวม แต่ผมผมได้กล่าวแล้วว่า มันไม่มีหลักประกันว่า "คนดี จะไม่มีวันเลว" เพราะ "คนดี เมื่อสบโอกาส บางคนก็พร้อมจะเลวได้" นี่คือสภาพการณ์ตามจริง

ผมจึงขมวดปมว่า ระบอบประชาธิปไตยนั้น อย่างน้อย ถ้าเราเลือกคนผิด คนเลวเข้าไป แต่เรายังมีโอกาสเลือกเขาได้ หรือเลือกตั้งใหม่ เราก็ไม่เลือกเขา

ในเชิงคุณภาพว่า ประชาชนถูกซื้อง่าย ผมได้สำทับไปว่า ให้พัฒนาการศึกษาแก่เขา รูปแบบควรคงไว้อยู่ เพื่อการพัฒนาสาระต่อไป

ดังนั้น การกล่าวนี้ หาใช่กล่าวเอาสนุก แต่พยายามอิงหลักวิชาให้มาก เพราะนักวิชาการในปัจจุบัน ได้เล่นการเมืองในคราบนักวิชาการกันมาก อันเป็นการไม่ซื่อสัตย์ในหลักวิชา การให้เหตุผลทางสังคม จึงยุ่งเหยิงเช่นทุกวันนี้


ผมอ่านละเอียดแล้วครับ

ปัญหาที่เกิดขึ้นไม่ใช่จะแก้ได้ด้วยวิธีที่คุณว่า "ถ้าเราเลือกคนผิด คนเลวเข้าไป แต่เรายังมีโอกาสเลือกเขาได้ หรือเลือกตั้งใหม่ เราก็ไม่เลือกเขา" ครับ

เพราะในกรณีของประเทศไทยในปัจจุบัน คนส่วนมากไม่สนใจความดีเลว หรือไม่สนใจข้อมูลใดๆ สนใจแต่ผลประโยชน์จากนักการเมือง ปัญหาจึงไม่ใช่เลือกคนเลวเพราะเข้าใจผิด แต่จงใจเลือกคนเลว หรือไม่สนใจความดีเลวต่างหาก

ส่วนเรื่องการพัฒนาการศึกษา แล้วคงรูปแบบเลือกตั้งนิยมไว้นั้น ก็คุณจะทำอย่างนั้นก็ได้ ในปัจจุบันไม่มีใครอยากรัฐประหารหรอกครับ แม้แต่ทหาร แต่ถ้ารัฐบาลใช้อำนาจในทางมิชอบอย่างรุนแรง คุณจะทนรอให้ประชาชนพัฒนาตนเอง หรือจะจัดการยึดอำนาจก็เป็น moral question ครับ ถกเถียงกันได้

แต่เอาง่ายๆไอ้คำถามที่ผมถามคุณน่ะ คุณว่ายังไงครับ เรื่องคน 100 คนติดเกาะ ไม่ต้องตอบก็ได้ ถ้าเป็นผม ผมไม่ไปโหวตกะมันหรอกครับ ผมจะไปเตรียมอาวุธมาปกป้องลูกสาวครับ
"For form of government let fools contest, What e'er is best administered is best;" - Alexander Pope
User avatar
รักษ์สยาม
 
Posts: 92
Joined: Mon Oct 13, 2008 10:49 am
Location: Bangkok, Thailand


Return to สภากาแฟ



cron