Page 1 of 7
นโยบาย ปชป มีcash flow ประกอบ พท ไม่มีเลย

Posted:
Fri Jun 03, 2011 3:02 pm
by naiare
เห็นโครตโปรเจคเผาไทยหลายล้านล้านบาท ท้งลด ทั้งแจกไม่กู้ด้วย แผนการใช้เงินก็ไม่มี โม้อย่างเดียว
http://www.thairath.co.th/content/eco/176143
Re: นโยบาย ปชป มีcash flow ประกอบ พท ไม่มีเลย

Posted:
Fri Jun 03, 2011 3:17 pm
by halfmoon
แบบแจกสะบั้นหันแหลก เทกระจาด จุดไฟขายฝันไม่ต้องมี cash flow ครับ
Re: นโยบาย ปชป มีcash flow ประกอบ พท ไม่มีเลย

Posted:
Fri Jun 03, 2011 3:19 pm
by Bond
ไม่ต้องมี cash flow มา present ให้ยุ่งยาก เงินไม่พอ เดี๋ยวส่งสมุนออกไปทุบตู้เอทีเอ็ม ขโมยของห้างมาขายก้อได้ตังค์พอแร้ว
Re: นโยบาย ปชป มีcash flow ประกอบ พท ไม่มีเลย

Posted:
Fri Jun 03, 2011 4:26 pm
by จีรนุช
รถจะไม่ติดใน 6 เดือน

Re: นโยบาย ปชป มีcash flow ประกอบ พท ไม่มีเลย

Posted:
Fri Jun 03, 2011 4:39 pm
by antiseptic
flow ไปเข้าบัญชีไอ้แม้วไงครับ

Re: นโยบาย ปชป มี cash flow ประกอบ พท ไม่มีเลย

Posted:
Fri Jun 03, 2011 5:59 pm
by naiare
แต่ก่อน พอได้ยินว่าคุณกอร์ปศักดิ์ออกไปดูแลนโยบาย ผมก็นึกว่าแกไปทำงานด้านวางกลยุทธหาเสียงให้ ปชป เท่านั้น
แต่พอดูในรายละเอียด ก็เห็นความตั้งใจจริงในการวางนโยบายเพื่อพัฒนาบ้านเมือง
ประชาวิวัฒน์มันต่างจากประชานิยมจริงๆครับ ถ้าดูในรายละเอียด
ส่วนแม้ว ผมว่าตกยุคแล้ว มามุขเดิม
-----------
ใครก๊อปข้อความในลิงค์เป็น กรุณาช่วยทำมาแปะหน่อยก็ดีครับ
Re: นโยบาย ปชป มีcash flow ประกอบ พท ไม่มีเลย

Posted:
Fri Jun 03, 2011 7:00 pm
by usa
Re: นโยบาย ปชป มีcash flow ประกอบ พท ไม่มีเลย

Posted:
Fri Jun 03, 2011 7:03 pm
by คนบาป
พรรคประชาธิปัตย์ทุ่มประกันรายได้เกษตรกร เฟส 2 อีก 3,000 ล้านบาท ปรับเพิ่มค่าขนส่งเป็น 200–600 ต่อตัน ท้าพรรคเพื่อไทยให้คำตอบโครงการรับจำนำมีชาวนาได้รับ ประโยชน์น้อยกว่า แถมมีปัญหาต้องขายข้าวในสต๊อกต่ำกว่าราคารับซื้อ เปิดแผนการใช้งบประมาณลงทุน 300,000 ล้านบาท
นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองหัวหน้าพรรค และประธานคณะทำงานด้านยุทธศาสตร์ พรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยว่า นโยบายของพรรคประชาธิปัตย์ ใช้สโลแกน “เดินหน้าต่อไป ด้วยนโยบายเพื่อประชาชน” ภายใต้นโยบายถ้าได้รับการเลือกตั้งกลับมาเป็นรัฐบาลอีกครั้งจะเพิ่มกำไรให้ชาวนาอีก 2 ส่วน ซึ่งในโครงการเฟสแรกที่เคยให้กำไร 40% ก็จะเพิ่มให้เป็น 50% ในเฟสที่สอง และมีแผนที่จะใช้เงินอีก 3,000 ล้านบาท เพิ่มค่าขนส่งให้ 3 ระดับตามระยะทาง ถ้าจาก พื้นที่เพาะปลูกถึงกรุงเทพฯไม่เกิน 300 กม. ให้ค่าขนส่ง 200 บาทต่อตัน ถ้าระยะทาง 301-600 กม.ให้ค่าขนส่ง 400 บาทต่อตัน และระยะทาง 601 กม.ขึ้นไป ให้ค่าขนส่ง 600 บาทต่อตัน ผู้ที่จะได้เงินมากขึ้นคือผู้ที่อยู่ห่างไกล อย่างเชียงใหม่ เชียงราย และภาคใต้
เปรียบเทียบประกันรายได้-รับจำนำ
นายกอร์ปศักดิ์ กล่าวว่า การดำเนินโครงการประกันรายได้เฟสแรก รัฐบาลใช้งบประมาณดำเนินโครงการฯไปร่วม 58,000 ล้านบาท ถือว่ามีการทุจริตน้อยมาก และเกษตรกรได้รับความเป็นธรรมจากการประกอบอาชีพเกษตรกรรม 4 ล้านครัวเรือน ขณะที่พรรคเพื่อไทยชัดเจนว่าประกาศยกเลิกการประกันรายได้ เกษตรกร โดยจะหันกลับไปใช้โครงการรับจำนำข้าวเปลือกเจ้าตันละ 15,000 บาท ข้าวเปลือกหอมมะลิตันละ 20,000 บาทนั้น เรื่องนี้ต้องประกาศให้ชัดเจนว่าพรรคเพื่อไทยจะรับจำนำข้าวทั้งหมดหรือไม่ เพราะผลผลิตข้าวในแต่ละปีที่ 20-30 ล้านตันนั้น จะรับ จำนำทำได้มากที่สุด เพียง 8 ล้านตัน เพราะมีโกดังเก็บได้เพียงพอเท่านั้นและใช้เงินสูงถึง 120,000 ล้านบาท ดูแลชาวนาได้ไม่น่าจะเกิน 1 ล้านครัวเรือน
“หากคนเข้าใจภาษาไทยจะรู้ว่าไม่ใช่โครงการรับจำนำ แต่เป็นการรับซื้อ เพราะไม่มีใครที่ไหนจะสามารถรับจำนำข้าวได้ในราคาเกินกว่าราคาตลาดถึงเท่าตัว เสร็จแล้วก็ไม่มีใครมาไถ่ถอน เท่ากับรัฐบาลเป็นพ่อค้าข้าวที่ใหญ่ที่สุดเสียเองและหมายความว่า บริษัทประเทศไทย โดยรัฐบาลคุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เอาเงินภาษี 120,000 ล้านบาท มาเก็บไว้ในโกดังที่ต้นทุนตันละ 15,000 บาท ขณะที่ราคาจริงอยู่ที่ตันละ 8,500 บาท จากนั้นก็ต้องไปขายให้เกินจากราคาต้นทุนตันละ 15,000 บาท แล้วจะไปขายใครและกลัวว่าจะขายออกแบบไม่โปร่งใส ขายต่ำกว่า ราคาตลาดอย่างเช่นเคยทำกันในอดีต โจทย์นี้ในทางการเมือง การหาเสียงกับประชาชนต้องตอบกลับมา”
ขณะที่โครงการรับประกันรายได้ จะมีส่วนของราคาประกันให้กับเกษตรกรทุกคน แม้จะไม่มีข้าวไปขาย เพียงปลูก เพื่อการบริโภคในครัวเรือน อย่างเช่น ภาคอีสานมีชาวนา 2 ล้านครัวเรือน มีที่นาเฉลี่ยประมาณ 5 ไร่/ครัวเรือน แสดงว่าปลูกไว้เพื่อกินแต่ในส่วนต่างของการรับประกันเกษตรกรก็จะได้ แม้จะไม่มีข้าวขายก็ตาม
ปล่อยกู้ต้นกล้าธุรกิจ 5,000 ล้าน
นายกอร์ปศักดิ์ กล่าวว่า หากพรรคประชาธิปัตย์ได้รับเลือกตั้งกลับมาเป็นรัฐบาล จะเร่งดูแลเรื่องสินค้าราคาแพง ต้องดูกระบวนการที่มีอำนาจเหนือตลาด เพราะขณะนี้ก่อให้เกิดความไม่เป็นธรรม เรื่องของราคาสินค้า จึงต้องเร่งให้กระบวนการหรือ กลไกตลาดถูกกำหนดด้วยกติกาที่ชัดเจน และยอมรับ ที่ผ่านมาแก้ปัญหานี้ไม่เบ็ดเสร็จ จากนั้นค่อยไปดูเรื่องของการปรับค่าแรงขั้นต่ำเพิ่มขึ้น 25% ตามพื้นที่และค่าครองชีพต่างๆ แต่ทั้งหมดต้องผลักดันมาตรการภาษีที่จะช่วยผู้ประกอบการออกมาก่อนเพื่อเป็นการลดต้นทุนให้ก่อน ที่จะขยับค่าแรงขั้นต่ำให้กับลูกจ้าง ส่วนที่พรรคเพื่อไทยจะให้ค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาททั่วประเทศนั้น เกรงว่าจะสูงไปจนโรงงานทำไม่ได้ พร้อมกันนั้นจะต่อยอดโครงการต้นกล้าอาชีพที่เคยฝึกอาชีพคนไป 500,000 ราย ให้เป็นต้นกล้าธุรกิจ โดยจะให้เงินธนาคารใหม่คือ ธนาคารไปรษณีย์ 5,000 ล้าน บาท นำไปปล่อยกู้ให้คนกลุ่มนี้ รายละ 100,000-300,000 บาท
“พรรคประชาธิปัตย์และพรรคเพื่อไทย มีนโยบายที่ต่างกันอีก คือ พรรคประชาธิปัตย์มีนโยบายเรียนรู้ที่อยู่กับธรรมชาติ จะพลิกโฉมเมืองท่องเที่ยวตลอดชายฝั่งทะเลภาคใต้ เพื่อให้ประเทศไทยเป็น “มนตร์เสน่ห์แห่งเอเชียด้วยเงินลงทุน 10,000 ล้านบาทต่อปี และยกเลิกนโยบายแลนด์บริดจ์หรือเซาเทิร์น ซีบอร์ด ซึ่งเคยเป็นนโยบายเดิมของพรรคประชาธิปัตย์ เพราะดูเทรนด์เศรษฐกิจโลกแล้วอยากให้คนไทยมีความสุข”
ส่วนนโยบายของคนดูไบ (พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร) เน้นเส้นทางขนส่งคมนาคมน้ำมัน เพราะเขาอยู่ประเทศดูไบ มองอะไรแบบดูไบ จะพัฒนาภาคใต้ให้เป็นศูนย์การขนส่ง เอาเป็นว่าหากอยากได้แท็งก์น้ำมันมาภาคใต้ ให้เลือกพรรคเพื่อไทย ใครอยากได้เมืองท่องเที่ยวเลือกพรรคประชาธิปัตย์
เปิดแผนใช้เงินพรรคประชาธิปัตย์
นายกอร์ปศักดิ์ กล่าวว่า ในภาคตะวันออกมีแผนจะสร้างแหลมฉบังให้เป็นเมืองท่าสมบูรณ์แบบ (Harbor City) พร้อมรถไฟความเร็วสูงเชื่อมกรุงเทพฯ แหลมฉบังและระยอง และเครือข่ายโลจิสติกส์ด้วยเงินลงทุนกว่า 100,000 ล้านบาท ขณะที่จะสานต่อโครงการรถไฟความเร็วสูง ไทย-จีน เชื่อมคุนหมิง ภาคอีสานสู่ภาคใต้เชื่อมต่อไปยังมาเลเซียเพื่อพัฒนาการค้าการลงทุน และการท่องเที่ยว โดยเงินลงทุนทั้งหมดนี้ไม่ได้ลงในปีเดียว แต่มีแผนใช้จ่ายแต่ละปี
“แผนการใช้เงินของพรรคประชาธิปัตย์จะแบ่งใช้ 3-4 ปี ลงทุนร่วม 300,000 ล้านบาท ในปีแรกใช้เงินไม่มาก ประมาณ 60,000 ล้านบาท จะไปใช้มากในปีที่ 2-3-4 ซึ่งในเวลานั้นจะปรับโครงสร้างภาษีแล้วมีรายได้มากขึ้น โดยปีแรกนั้นโครงการประกันรายได้เกษตรกร เฟส 2 ตั้งงบ ประมาณไว้แล้ว 50,000 ล้านบาท ต้องตั้งเพิ่มอีก 15,000 ล้านบาท ขณะที่โครงการรถไฟไทย-จีน วงเงินลงทุน 20,000 ล้านบาท ในช่วง 4 ปี และเป็นการร่วมทุนกับจีน ฉะนั้นปีแรกใช้เงินประมาณ 3,000 ล้านบาท ส่วนท่องเที่ยวปีละ 10,000 ล้านบาท ได้ตั้งในงบเดิมไว้แล้ว 6,000 กว่าล้านบาท ดังนั้น งบประมาณปี 2555 ที่ตั้งขาดดุลไว้ 350,000 ล้านบาทก็ยังขาดดุลเท่าเดิม”
ส่วนของพรรคเพื่อไทย ผมไม่ค่อยเคลียร์เรื่องวงเงินลงทุนต้องใช้เป็นล้านล้านบาท หรือรถไฟ 5 ระบบที่จะทำทั่วไปหมดนั้น อยากถามว่าจะเอาผู้โดยสารจากไหน แอร์พอร์ตลิงค์ตอนนี้ผู้โดยสาร ก็ยังขึ้นไม่เต็มที่ หรือถ้าจะบอกว่ารู้ว่าประเทศไม่มีเงินก็ต้องลงทุนในรูปแบบ PPP ที่ดึงเอกชนมาร่วมลงทุน ก็ถามว่าการไปกำหนดราคาค่าโดยสารตลอดเส้นทาง 20 บาท แล้วจะมีเอกชนรายไหนจะกล้ามา.
Re: นโยบาย ปชป มีcash flow ประกอบ พท ไม่มีเลย

Posted:
Fri Jun 03, 2011 7:14 pm
by ผู้ใช้เสรีไทย
นโยบายเพื่อไทยตั้ง สามสิบกว่าข้อ ไม่ต้องทำหรอกเป็นฝ่ายค้านน่ะดีแล้วเพื่อไทย
Re: นโยบาย ปชป มีcash flow ประกอบ พท ไม่มีเลย

Posted:
Fri Jun 03, 2011 9:06 pm
by Torres_No9
คุ้นๆว่าเคยฟังเพื่อไทยตอบคำถามนี้ เค้าตอบสั้นๆว่ามันอยู่ที่การบริหารครับ
ตอนนั้นฟังยัง งงๆกะเพื่อไทยเลยเพราะเค้ายกตัวอย่างรายได้เรืองการท่องเที่ยว
ว่าปีนึงประมาณ 600,000 ล้าน และจะเพิ่มให้เป็น 800,000 ล้าน ทำอย่างกะ
รายได้ตรงนั้นเป็นของรัฐหมด คนฟังถ้าไม่รู้หรือไม่คิดคงคิดว่ารายได้จาก
การท่องเที่ยวนั้นเข้ารัฐหมดเลย ++
Re: นโยบาย ปชป มีcash flow ประกอบ พท ไม่มีเลย

Posted:
Fri Jun 03, 2011 9:52 pm
by naiare
Torres_No9 wrote:คุ้นๆว่าเคยฟังเพื่อไทยตอบคำถามนี้ เค้าตอบสั้นๆว่ามันอยู่ที่การบริหารครับ
ตอนนั้นฟังยัง งงๆกะเพื่อไทยเลยเพราะเค้ายกตัวอย่างรายได้เรืองการท่องเที่ยว
ว่าปีนึงประมาณ 600,000 ล้าน และจะเพิ่มให้เป็น 800,000 ล้าน ทำอย่างกะ
รายได้ตรงนั้นเป็นของรัฐหมด คนฟังถ้าไม่รู้หรือไม่คิดคงคิดว่ารายได้จาก
การท่องเที่ยวนั้นเข้ารัฐหมดเลย ++
----------
โครงการ southern seaboad ของ ปชป
ปชป ยังหยุดไว้ มาหนุนท่องเที่ยวใต้แทน แล้วก็รู้อยู่วา ภาคใต้ไทยนั้นดึงดุดการท่องเที่ยวที่สุด
แล้วดุไอ้แม้ว มัวแต่คิดภาคอุตสาหกรรม ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างต่างๆอันนำมาซึ่งเหตุการณ์ 3 จว ใต้จนทุกวันนี้
Re: นโยบาย ปชป มีcash flow ประกอบ พท ไม่มีเลย

Posted:
Fri Jun 03, 2011 9:55 pm
by คนบาป
วันนี้ถ้าใครดูอภิสิทธิ์ที่ศูนย์สิริกิติ์ คงได้ความชัดเจนมาขึ้น
Re: นโยบาย ปชป มีcash flow ประกอบ พท ไม่มีเลย

Posted:
Fri Jun 03, 2011 9:57 pm
by มะแอศิษย์บังโม
ทักษิณ 6 ปี กับ ม๊ากนาซี 2 ปี ใครกู้มากกว่ากัน
กู้น้อยกว่า แถมมีเงินจ่ายคืนไอเอ็มเอฟหมดก่อนสัญญา
Re: นโยบาย ปชป มีcash flow ประกอบ พท ไม่มีเลย

Posted:
Fri Jun 03, 2011 10:00 pm
by dtonNA
มะแอศิษย์บังโม wrote:ทักษิณ 6 ปี กับ ม๊ากนาซี 2 ปี ใครกู้มากกว่ากัน
กู้น้อยกว่า แถมมีเงินจ่ายคืนไอเอ็มเอฟหมดก่อนสัญญา
ขี้โม้ ขี้จุ๊

Re: นโยบาย ปชป มีcash flow ประกอบ พท ไม่มีเลย

Posted:
Fri Jun 03, 2011 10:01 pm
by lovemim001
มะแอศิษย์บังโม wrote:ทักษิณ 6 ปี กับ ม๊ากนาซี 2 ปี ใครกู้มากกว่ากัน
กู้น้อยกว่า แถมมีเงินจ่ายคืนไอเอ็มเอฟหมดก่อนสัญญา
สิบความดี แต่ร้อยความชั่ว
viewtopic.php?f=2&t=35381 ที่บ้านมีตราชั่งมั้ย ?
Re: นโยบาย ปชป มีcash flow ประกอบ พท ไม่มีเลย

Posted:
Fri Jun 03, 2011 10:16 pm
by มะแอศิษย์บังโม
lovemim001 wrote:มะแอศิษย์บังโม wrote:ทักษิณ 6 ปี กับ ม๊ากนาซี 2 ปี ใครกู้มากกว่ากัน
กู้น้อยกว่า แถมมีเงินจ่ายคืนไอเอ็มเอฟหมดก่อนสัญญา
สิบความดี แต่ร้อยความชั่ว
viewtopic.php?f=2&t=35381 ที่บ้านมีตราชั่งมั้ย ?
แถอ้างกระทู้โน้น กระทู้นี้
แล้วกล้าปฏิเสธหรือไม่ ทักษิณอยู่มา 6 ปี กู้น้อยกว่าม๊ากนาซีที่อยู่แค่ 2 ปี

Re: นโยบาย ปชป มีcash flow ประกอบ พท ไม่มีเลย

Posted:
Fri Jun 03, 2011 10:18 pm
by dtonNA
มะแอศิษย์บังโม wrote:lovemim001 wrote:มะแอศิษย์บังโม wrote:ทักษิณ 6 ปี กับ ม๊ากนาซี 2 ปี ใครกู้มากกว่ากัน
กู้น้อยกว่า แถมมีเงินจ่ายคืนไอเอ็มเอฟหมดก่อนสัญญา
สิบความดี แต่ร้อยความชั่ว
viewtopic.php?f=2&t=35381 ที่บ้านมีตราชั่งมั้ย ?
แถอ้างกระทู้โน้น กระทู้นี้
แล้วกล้าปฏิเสธหรือไม่ ทักษิณอยู่มา 6 ปี กู้น้อยกว่าม๊ากนาซีที่อยู่แค่ 2 ปี

อย่ามาขึ้จุ๊ เบเบ๊

Re: นโยบาย ปชป มีcash flow ประกอบ พท ไม่มีเลย

Posted:
Fri Jun 03, 2011 10:19 pm
by lovemim001
มะแอศิษย์บังโม wrote:lovemim001 wrote:มะแอศิษย์บังโม wrote:ทักษิณ 6 ปี กับ ม๊ากนาซี 2 ปี ใครกู้มากกว่ากัน
กู้น้อยกว่า แถมมีเงินจ่ายคืนไอเอ็มเอฟหมดก่อนสัญญา
สิบความดี แต่ร้อยความชั่ว
viewtopic.php?f=2&t=35381 ที่บ้านมีตราชั่งมั้ย ?
แถอ้างกระทู้โน้น กระทู้นี้
แล้วกล้าปฏิเสธหรือไม่ ทักษิณอยู่มา 6 ปี กู้น้อยกว่าม๊ากนาซีที่อยู่แค่ 2 ปี

เหมือนคุณที่ก็อ้างแต่ประเด็นเดิม ๆ ใช่มั้ยคะ ?
ปล. แล้วกู้น้อยกว่าอยู่เท่าไร ?
Re: นโยบาย ปชป มีcash flow ประกอบ พท ไม่มีเลย

Posted:
Fri Jun 03, 2011 10:48 pm
by มะแอศิษย์บังโม
Re: นโยบาย ปชป มีcash flow ประกอบ พท ไม่มีเลย

Posted:
Fri Jun 03, 2011 10:58 pm
by ID007
คนตาบอดไม่กลัวเสือ
พฤติกรรม คนหน้ามืดลงแดง เสพติดอำนาจ ยอมสัญญาทุกอย่าง
ตั้งกองกำลังข่มขู่เพื่อให้มีโอกาส โดยเร็ว
เมื่อมีโอกาสก็หลอกล่อ ด้วยอามิส เพราะเคยชินกับการซื้อคนด้วยเงิน
ทุกอย่างที่คิดเพื่อให้คนโลภ อยากได้ อยากมั่งมี โก้หรู ความสะดวกสบาย
แต่สิ่งแรกที่จะทำก็คือนิรโทษกรรมตัวเอง กับพวกพ้อง
ถ้าไม่ได้ ที่สัญญาไว้ทั้งหมดก็อย่าได้หวัง
Re: นโยบาย ปชป มีcash flow ประกอบ พท ไม่มีเลย

Posted:
Fri Jun 03, 2011 11:22 pm
by PinkDevil
ตัวเลขหนี้สาธารณะโดยรวมของประเทศไทย (งบประมาณของประเทศไทยคือ ตุลาคม-กันยายน) ข้อมูลจาก IMF
ปี>>>>>>>>>>>>>>หนี้สาธารณะ(พันล้านบาท)>>>>>>>>>>>GDP(พันล้านบาท)>>>>>% ต่อ GDP
ตุลาคม 2544>>>>>>>>>2,934.43>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>5,101.367>>>>>>>>>>57.522
ตุลาคม 2545>>>>>>>>>2,943.008>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>5,345.826>>>>>>>>>>55.052
ตุลาคม 2546>>>>>>>>>2,930.042>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>5,780.452>>>>>>>>>>50.689
ตุลาคม 2547>>>>>>>>>3,126.554>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>6,321.068>>>>>>>>>>49.462
ตุลาคม 2548>>>>>>>>>3,276.370>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>6,920.178>>>>>>>>>>47.345
ตุลาคม 2549>>>>>>>>>3,233.120>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>7,702.599>>>>>>>>>>41.974 ทักษิณโดนปฏิวัติ กันยายน 2549
ตุลาคม 2550>>>>>>>>>3,183.420>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>8,310.671>>>>>>>>>>38.305 รัฐบาลสุรยุทธ์
ตุลาคม 2551>>>>>>>>>3,408.331>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>9,130.394>>>>>>>>>>37.330 รัฐบาลสมัคร
ตุลาคม 2552>>>>>>>>>4,002.000>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>8,847.242>>>>>>>>>>45.234 รัฐบาลอภิสิทธิ์
ตุลาคม 2553>>>>>>>>>4,470.162>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>9,819.992>>>>>>>>>>45.521 รัฐบาลอภิสิทธิ์
http://www.imf.org/external/pubs/ft/weo ... 5&pr1.y=16
ถ้าเอาแต่ตัวเลขหนี้ ทักษิณกู้น้อยกว่าอภิสิทธิ์ แต่ลองพิจารณาตัวเลขสัดส่วนหนี้สาธารณะต่อ GDP ดูสิจะเห็นว่าช่วงที่ ทักษิณเป็นนายกรัฐมนตรี สัดส่วนของหนี้ต่อ GDP อยู่ที่ ร้อยละ 57, 55, 50, 49, 47 และ 41 ในปีสุดท้าย เปรียบเทียบกับอภิสิทธิ์ที่สัดส่วนหนี้อยู่ที่ประมาณร้อยละ 45 ตกลงใครกู้มากกว่ากัน ?????
แล้วถ้ามองสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ ในช่วงรัฐบาลทักษิณเป็นช่วงที่เศรษฐกิจโลกเป็นขาขึ้น โดยปกติแล้วการบริหารงานในช่วงเศรษฐกิจขาขึ้น รัฐบาลจะปล่อยให้บทบาทส่วนใหญ่เป็นของภาคเอกชน แต่ขณะที่อภิสิทธิ์เข้ามาเป็นนายกเป็นช่วงเศรษฐกิจโลกตกต่ำ ตลาดส่งออกหลักๆของไทย อย่างอเมริกา ยุโรป ขาดกำลังซื้อ รัฐบาลจำเป็นต้องอัดฉีดเม็ดเงินลงไปในระบบ ซึ่งถามว่าเป็นการตัดสินใจที่ถูกหรือไม่ ตัวเลขเศรษฐกิจที่ออกมาคงเป็นคำตอบได้ว่าถูกต้องแล้วกับการดำเนินนโยบายนั้น
แล้วทักษิณในขณะที่บริหารงานในช่วงเศรษฐกิจขาขึ้น ภาคเอกชนสามารถขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้ด้วยตัวเอง ไม่มีความจำเป็นอะไรที่จะต้องเข้าไปแทรกแซง ทักษิณก็ยังกู้เงินมาจำนวนมาก คำถามคือ เงินเหล่านั้นไปไหน มีการก่อสร้างโครงการอะไรใหญ่ๆที่เป็นรูปธรรมบ้าง ลองช่วยตอบให้ทราบหน่อยสิ ในขณะที่คนไทยเห็นโครงการต่างๆที่ใช้เงินกู้ภายใต้รัฐบาลอภิสิทธิ์ เริ่มก่อสร้าง เห็นโครงการที่เป็นรูปธรรม
ตกลงใครกู้มากกว่ากัน แล้วใครกู้แล้วใช้เงินกู้ให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศมากกว่ากัน
Re: นโยบาย ปชป มีcash flow ประกอบ พท ไม่มีเลย

Posted:
Fri Jun 03, 2011 11:36 pm
by มะแอศิษย์บังโม
PinkDevil wrote: ตกลงใครกู้มากกว่ากัน แล้วใครกู้แล้วใช้เงินกู้ให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศมากกว่ากัน
ถ้าดูตัวเลขตรงๆ ยืนยันว่าสมัย
กู้มากกว่าครับ
ตัวเลขที่อ้างมา เทียบกับ GDP ซึ่งตอนนี้มันโตกว่าสมัยนั้น เมื่อดูจำนวนตรงๆ หนี้สมัยม๊ากนาซีมากกว่า
ตอนที่ท่านนายกทักษิณเข้ามาใหม่ๆ มีหนี้ที่เป็นขี้ก้อนโตที่รัฐบาลชวนทิ้งไว้ให้คือ
1.หนี้กองทุนฟื้นฟูที่เกิดจากการขายทรัพย์ที่เอามาจากสถาบันการเงินล้มแบบโง่ๆ ให้กับโกลด์แมนแซค, เลห์แมน บราเธอร์ส และจีอีแคปปิตอล ได้ราคาไม่ถึง 20% ของต้นทุนทรัพย์สิน แถมยังช่วยไม่ให้ฝรั่งเสียภาษีมูลค่าเพิ่มอีกต่างหาก ก้อนนี้เข้าใจว่าประมาณ 700,000 ล้านบาท
2.หนี้ที่กู้มาจาก มิยาซาวา เอดีบี เวิลด์แบงก์ และไอเอ็มเอฟ อีก 600,000 กว่าล้านบาท
จะเห็นว่ารับหนี้สาธารณะมาในขีดอันตรายคือเกือบ 60% ของ GDP แต่พอบริหารไปซักพักก็ทำให้สัดส่วนหนี้ต่อ GDP ลดลงจนปลอดภัย
ดูตัวเลขสัดส่วนหนี้ต่อ GDP ของปี 44-49 เห็นได้ชัดว่ามันลดลง แต่มาเพิ่มอีกทีในสมัยม๊ากนาซี เพราะก่อหนี้ไว้เยอะ
Re: นโยบาย ปชป มีcash flow ประกอบ พท ไม่มีเลย

Posted:
Fri Jun 03, 2011 11:41 pm
by baezae
บัง หนี้ไอเอ็มเอฟน่ะ ชวลิต ที่มีเหลี่ยมเป็นรัฐมนตรีกู้ว่ะ กองทุนฟื้นฟู ก็เป็นที่ชวลิตเซ็นไว้ตาม LOI ที่ไอเอ็มเอฟ(ซึ่งมันก็เป็นคนกู้แถมเบิกเงินงวดแรกอีก) ก่อนคุณชวนเป็นนายกว่ะ
GDP โตกว่า ในขณะที่เศรษฐกิจโลกชะลอ ส่วนสมัยเหลี่ยมขาขึ้น?
มีแค่ปีเดียวคือปี ๒๐๐๓ ที่เศรษฐกิจเราอยู่สูงเป็นอันดับสอง หลังจากนั้นก็สาละวันเตี้ยลงต่อเนื่อง ในขณะที่เพื่อนบ้านเค้าพุ่งสวนทางขึ้น ข้อมูลจุดนี้ผมเคยลงไว้แล้ว ปีท้าย ๆ เรารั้งรองบ๊วยของภูมิภาคเลยด้วยซ้ำ
อ้อ ข้อมูลสัดส่วนหนี้ปัจจุบันน่ะ อยู่ที่ราวร้อยละ ๔๑ กว่า ข้อมูลจาก World Bank
คงคลังก็ไม่เยอะ ๓ แสนกว่าล้านเอง จริง ๆ ควรจะเยอะกว่านี้อีก ถ้าตอนสมัยสมัครสมชายไม่ถลุงไปกว่า ๑.๗ แสนล้าน จากตอนที่มันรับไม้มาจากสุรยุทธที่ ๒.๒ แสนล้าน จนคงคลังเหลือมาปี ๕๒ แค่ราว ๕.๕ หมื่นล้าน
ปีที่ผ่านมา จีดีพีเราเป็นอันดับ ๒ เหมือนสมัยเหลี่ยมว่ะ แต่โตกว่าร้อยละ .๔ เมื่อเทียบกับสมัยเหลี่ยม อัตราการเพิ่มของรายได้ต่อหัวสูงกว่า เหลี่ยมดีสุดที่ร้อยละ ๑๘ ในขณะที่ปัจจุบันราวร้อยละ ๒๑
เงินเฟ้อสมัยเหลี่ยมสูงสุดปาเข้าไปเกือบร้อยละ ๕ ในขณะที่ปัจจุบันร้อยละ ๓
อย่าไปฟังเหลี่ยมมันโม้มากนักเลย
Re: นโยบาย ปชป มีcash flow ประกอบ พท ไม่มีเลย

Posted:
Fri Jun 03, 2011 11:42 pm
by Torres_No9
มะแอศิษย์บังโม wrote:PinkDevil wrote: ตกลงใครกู้มากกว่ากัน แล้วใครกู้แล้วใช้เงินกู้ให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศมากกว่ากัน
ถ้าดูตัวเลขตรงๆ ยืนยันว่าสมัย
กู้มากกว่าครับ
ตัวเลขที่อ้างมา เทียบกับ GDP ซึ่งตอนนี้มันโตกว่าสมัยนั้น เมื่อดูจำนวนตรงๆ หนี้สมัยม๊ากนาซีมากกว่า
ตอนที่ท่านนายกทักษิณเข้ามาใหม่ๆ มีหนี้ที่เป็นขี้ก้อนโตที่รัฐบาลชวนทิ้งไว้ให้คือ
1.หนี้กองทุนฟื้นฟูที่เกิดจากการขายทรัพย์ที่เอามาจากสถาบันการเงินล้มแบบโง่ๆ ให้กับโกลด์แมนแซค, เลห์แมน บราเธอร์ส และจีอีแคปปิตอล ได้ราคาไม่ถึง 20% ของต้นทุนทรัพย์สิน แถมยังช่วยไม่ให้ฝรั่งเสียภาษีมูลค่าเพิ่มอีกต่างหาก ก้อนนี้เข้าใจว่าประมาณ 700,000 ล้านบาท
2.หนี้ที่กู้มาจาก มิยาซาวา เอดีบี เวิลด์แบงก์ และไอเอ็มเอฟ อีก 600,000 กว่าล้านบาท
จะเห็นว่ารับหนี้สาธารณะมาในขีดอันตรายคือเกือบ 60% ของ GDP แต่พอบริหารไปซักพักก็ทำให้สัดส่วนหนี้ต่อ GDP ลดลงจนปลอดภัย
ดูตัวเลขสัดส่วนหนี้ต่อ GDP ของปี 44-49 เห็นได้ชัดว่ามันลดลง แต่มาเพิ่มอีกทีในสมัยม๊ากนาซี เพราะก่อหนี้ไว้เยอะ
นั่นสิครับการที่ตัวเลข GDP เติบโตมากกว่า ในวันที่เศรษฐกิจโลกแย่กว่า มันหมายความถึงอะไรหล่ะครับ

++
Re: นโยบาย ปชป มีcash flow ประกอบ พท ไม่มีเลย

Posted:
Fri Jun 03, 2011 11:44 pm
by lovemim001
ขออภัยที่ข้าพเจ้ามาตอบกระทู้ช้าไปหน่อย เรื่อง GDP หรืออะไรเกี่ยวกับข้อมูลทางเศรษศาสตร์ข้าพเจ้ายอมรับว่าไม่ค่อย get เท่าไร จึงขออนุญาติ quote มาลงเลยแล้วกัน
ผมประเมินสถานการณ์เอาไว้เมื่อ 15 ธ.ค.2551 ว่ารัฐบาลสุรยุทธ์เจอภาวะเศรษฐกิจชะงักงัน แต่รัฐบาลอภิสิทธิ์จะต้องเจอเศรษฐกิจถดถอย
"...ในสมัยรัฐบาลสุรยุทธ์ ต้องแก้ปัญหาเศรษฐกิจชะงักงัน ภาวะน้ำมันแพง ข้าวของราคาแพง และต้องแก้ปัญหาที่ตกทอดมาจากระบอบทักษิณ เช่น ภาระหนี้กองทุนน้ำมันกว่า 100,000 ล้านบาท หนี้ครัวเรือน หนี้สาธารณะ และภาระหนี้สินที่ซุกไว้ตามสถาบันการเงินต่างๆ แต่ในสมัยรัฐบาลอภิสิทธิ์ จะต้องเจอกับปัญหาเศรษฐกิจโลกถดถอย รุนแรงเสมือนหนึ่ง "สึนามิเศรษฐกิจ" ประเทศที่เป็นตลาดส่งออกของไทยมีกำลังซื้อลดลง เช่น สหรัฐ ยุโรป ญี่ปุ่น ฯลฯ รายได้ของประเทศเหล่านั้นตกต่ำ ทำให้การส่งออกของไทยย่ำแย่ ธุรกิจส่งออกและท่องเที่ยวในประเทศไทยอาการสาหัส อาจต้องปิดกิจการหรือลดพนักงาน ปี 2552 จะมีคนว่างงานกว่า 1 ล้านคน ราคาสินค้าเกษตรมีแนวโน้มจะตกต่ำ เกษตรกรลำบาก ในขณะที่เครื่องมือทางนโยบายการเงินของภาครัฐไม่สามารถนำมาใช้แก้ปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะดอกเบี้ยลดต่ำลงมากแล้ว การลงทุนก็ไม่กระเตื้อง รัฐบาลจึงเหลือเพียงนโยบายการคลัง ซึ่งมีข้อจำกัดในเรื่องรายได้ของประชาชนในประเทศ..."
ผ่านไป 2 ปีครึ่ง ประเมินได้ว่า รัฐบาลอภิสิทธิ์ได้ได้รับมือปัญหาเศรษฐกิจที่ลุกลามจากต่างประเทศ โดยใช้นโยบายการคลังกระตุ้นกำลังซื้อในประเทศ ลดการว่างงานในประเทศได้สำเร็จ
ที่สำคัญ ได้ใช้การกู้ในประเทศ ไม่ใช่กู้จากต่างประเทศ แก้ปัญหาเงินหลับ หรือภาวะที่เงินไปกองอยู่ในสถาบันการเงินโดยไม่ยอมปล่อยกู้จ่ายออกมาสู่ระบบเศรษฐกิจ
ผลปรากฏว่า อัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจโดยรวมดีกว่าที่คิดมาก โตถึง 6-7 %
ตลาดหุ้นดีขึ้น ราคาสินค้าเกษตรหลายตัวก็ดี ทุนสำรองของประเทศก็เข้มแข็ง
ทั้งๆ ที่ ระหว่างนั้น เกิดเหตุการณ์ความไม่สงบในบ้านเมืองถึง 2 ปีซ้อน สั่นคลอนความเชื่อถือของไทยในสายตาต่างชาติอย่างรุนแรง
สถานการณ์เช่นนี้ แตกต่างจากสถานการณ์รัฐบาลยุคทักษิณเข้ามาบริหารประเทศในปี 2544 ซึ่งเป็นช่วงที่เศรษฐกิจไทยเริ่มคลี่คลายจากวิกฤตต้มยำกุ้งปี 2540 (รัฐบาลพลเอกชวลิตลอยตัวค่าเงินบาท)
ตอนที่รัฐบาลทักษิณเข้ามานั้น ประเทศไทยได้ทยอยชำระหนี้กองทุนไอเอ็มเอฟไปจำนวนมากแล้ว แถมชำระหนี้ได้ดีกว่าแผนการเดิมอีกด้วย จึงประเมินว่าอาจไม่ต้องกู้ยืมไอเอ็มเอฟครบวงเงินที่ขอไว้ทั้งหมด ซึ่งจะทำให้สามารถชำระหนี้ได้เสร็จสิ้นก่อนกำหนดเดิม
ทักษิณไม่ใช่คนปลดหนี้ไอเอ็มเอฟทั้งหมด แต่เป็นแค่ทำงานธุรการใช้หนี้งวดสุดท้าย แล้วใช้วิธีหาเสียงทางการเมือง ชักธงชาติ จัดกิจกรรมเอิกเริก สร้างภาพวีรบุรุษให้ตัวเอง แล้วก็บริหารประเทศบนฐานเศรษฐกิจการเงินการคลังที่เริ่มกลับมาเข้มแข็งได้อีกครั้งหลังวิกฤติเศรษฐกิจ 2540 แล้ว
เครดิต อ.เจิมศักดิ์
Re: นโยบาย ปชป มีcash flow ประกอบ พท ไม่มีเลย

Posted:
Fri Jun 03, 2011 11:45 pm
by มะแอศิษย์บังโม
baezae wrote:บัง หนี้ไอเอ็มเอฟน่ะ ชวลิต ที่มีเหลี่ยมเป็นรัฐมนตรีกู้ว่ะ กองทุนฟื้นฟู ก็เป็นที่ชวลิตเซ็นไว้ก่อนเป็นนายกว่ะ
GDP โตกว่า ในขณะที่เศรษฐกิจโลกชะลอ ส่วนสมัยเหลี่ยมขาขึ้น?
มีแค่ปีเดียวคือปี 2003 ที่เศรษฐกิจเราอยู่สูงเป็นอันดับสอง หลังจากนั้นก็สาละวันเตี้ยลงต่อเนื่อง ในขณะที่เพื่อนบ้านเค้าพุ่งสวนทางขึ้น ข้อมูลจุดนี้ผมเคยลงไว้แล้ว ปีท้าย ๆ เรารั้งรองบ๊วยของภูมิภาคเลยด้วยซ้ำ
ก็บอกให้รู้ว่าหนี้ที่สัดส่วนเกือบร้อยละ 60 ของ GDP นั้น ท่านนายกทักษิณไม่ได้ก่อไว้ มันมาตั้งแต่ก่อนหน้านั้น ไม่ว่าจะไอเอมเอฟสมัยชวลิต หรือมิยาซาว่าและหนี้อื่นๆสมัยชวน
แต่ท่านนายกทักษิณบริหารประเทศจนสามารถทำให้สัดส่วนหนี้ลดลงมาได้จนถึงระดับน่าพอใจ แต่ม๊ากกำลังก่อขึ้นอีก และจะเป็นขี้ที่โยนให้รัฐบาลใหม่ต้องตามมาแก้
Re: นโยบาย ปชป มีcash flow ประกอบ พท ไม่มีเลย

Posted:
Fri Jun 03, 2011 11:48 pm
by dtonNA
มะแอศิษย์บังโม wrote:baezae wrote:บัง หนี้ไอเอ็มเอฟน่ะ ชวลิต ที่มีเหลี่ยมเป็นรัฐมนตรีกู้ว่ะ กองทุนฟื้นฟู ก็เป็นที่ชวลิตเซ็นไว้ก่อนเป็นนายกว่ะ
GDP โตกว่า ในขณะที่เศรษฐกิจโลกชะลอ ส่วนสมัยเหลี่ยมขาขึ้น?
มีแค่ปีเดียวคือปี 2003 ที่เศรษฐกิจเราอยู่สูงเป็นอันดับสอง หลังจากนั้นก็สาละวันเตี้ยลงต่อเนื่อง ในขณะที่เพื่อนบ้านเค้าพุ่งสวนทางขึ้น ข้อมูลจุดนี้ผมเคยลงไว้แล้ว ปีท้าย ๆ เรารั้งรองบ๊วยของภูมิภาคเลยด้วยซ้ำ
ก็บอกให้รู้ว่าหนี้ที่สัดส่วนเกือบร้อยละ 60 ของ GDP นั้น ท่านนายกทักษิณไม่ได้ก่อไว้ มันมาตั้งแต่ก่อนหน้านั้น ไม่ว่าจะไอเอมเอฟสมัยชวลิต หรือมิยาซาว่าและหนี้อื่นๆสมัยชวน
แต่ท่านนายกทักษิณบริหารประเทศจนสามารถทำให้สัดส่วนหนี้ลดลงมาได้จนถึงระดับน่าพอใจ แต่ม๊ากกำลังก่อขึ้นอีก และจะเป็นขี้ที่โยนให้รัฐบาลใหม่ต้องตามมาแก้
ในสมัยรัฐบาลชวลิตไอ้แม้วมันก็เป็นรองนายกเศรษฐกิจไม่ใช่เหรอ เป็นรัฐที่เซ็นกู้ไอเอ็มเอฟด้วยไม่ใช่เหรอ แสดงว่าสมัยที่ตัวเองเป็นผู้กู้นะซิ

Re: นโยบาย ปชป มีcash flow ประกอบ พท ไม่มีเลย

Posted:
Fri Jun 03, 2011 11:50 pm
by มะแอศิษย์บังโม
lovemim001 wrote: ขออภัยที่ข้าพเจ้ามาตอบกระทู้ช้าไปหน่อย เรื่อง GDP หรืออะไรเกี่ยวกับข้อมูลทางเศรษศาสตร์ข้าพเจ้ายอมรับว่าไม่ค่อย get เท่าไร จึงขออนุญาติ quote มาลงเลยแล้วกัน
ผมประเมินสถานการณ์เอาไว้เมื่อ 15 ธ.ค.2551 ว่ารัฐบาลสุรยุทธ์เจอภาวะเศรษฐกิจชะงักงัน แต่รัฐบาลอภิสิทธิ์จะต้องเจอเศรษฐกิจถดถอย
"...ในสมัยรัฐบาลสุรยุทธ์ ต้องแก้ปัญหาเศรษฐกิจชะงักงัน ภาวะน้ำมันแพง ข้าวของราคาแพง และต้องแก้ปัญหาที่ตกทอดมาจากระบอบทักษิณ เช่น ภาระหนี้กองทุนน้ำมันกว่า 100,000 ล้านบาท หนี้ครัวเรือน หนี้สาธารณะ และภาระหนี้สินที่ซุกไว้ตามสถาบันการเงินต่างๆ แต่ในสมัยรัฐบาลอภิสิทธิ์ จะต้องเจอกับปัญหาเศรษฐกิจโลกถดถอย รุนแรงเสมือนหนึ่ง "สึนามิเศรษฐกิจ" ประเทศที่เป็นตลาดส่งออกของไทยมีกำลังซื้อลดลง เช่น สหรัฐ ยุโรป ญี่ปุ่น ฯลฯ รายได้ของประเทศเหล่านั้นตกต่ำ ทำให้การส่งออกของไทยย่ำแย่ ธุรกิจส่งออกและท่องเที่ยวในประเทศไทยอาการสาหัส อาจต้องปิดกิจการหรือลดพนักงาน ปี 2552 จะมีคนว่างงานกว่า 1 ล้านคน ราคาสินค้าเกษตรมีแนวโน้มจะตกต่ำ เกษตรกรลำบาก ในขณะที่เครื่องมือทางนโยบายการเงินของภาครัฐไม่สามารถนำมาใช้แก้ปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะดอกเบี้ยลดต่ำลงมากแล้ว การลงทุนก็ไม่กระเตื้อง รัฐบาลจึงเหลือเพียงนโยบายการคลัง ซึ่งมีข้อจำกัดในเรื่องรายได้ของประชาชนในประเทศ..."
ผ่านไป 2 ปีครึ่ง ประเมินได้ว่า รัฐบาลอภิสิทธิ์ได้ได้รับมือปัญหาเศรษฐกิจที่ลุกลามจากต่างประเทศ โดยใช้นโยบายการคลังกระตุ้นกำลังซื้อในประเทศ ลดการว่างงานในประเทศได้สำเร็จ
ที่สำคัญ ได้ใช้การกู้ในประเทศ ไม่ใช่กู้จากต่างประเทศ แก้ปัญหาเงินหลับ หรือภาวะที่เงินไปกองอยู่ในสถาบันการเงินโดยไม่ยอมปล่อยกู้จ่ายออกมาสู่ระบบเศรษฐกิจ
ผลปรากฏว่า อัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจโดยรวมดีกว่าที่คิดมาก โตถึง 6-7 %
ตลาดหุ้นดีขึ้น ราคาสินค้าเกษตรหลายตัวก็ดี ทุนสำรองของประเทศก็เข้มแข็ง
ทั้งๆ ที่ ระหว่างนั้น เกิดเหตุการณ์ความไม่สงบในบ้านเมืองถึง 2 ปีซ้อน สั่นคลอนความเชื่อถือของไทยในสายตาต่างชาติอย่างรุนแรง
สถานการณ์เช่นนี้ แตกต่างจากสถานการณ์รัฐบาลยุคทักษิณเข้ามาบริหารประเทศในปี 2544 ซึ่งเป็นช่วงที่เศรษฐกิจไทยเริ่มคลี่คลายจากวิกฤตต้มยำกุ้งปี 2540 (รัฐบาลพลเอกชวลิตลอยตัวค่าเงินบาท)
ตอนที่รัฐบาลทักษิณเข้ามานั้น ประเทศไทยได้ทยอยชำระหนี้กองทุนไอเอ็มเอฟไปจำนวนมากแล้ว แถมชำระหนี้ได้ดีกว่าแผนการเดิมอีกด้วย จึงประเมินว่าอาจไม่ต้องกู้ยืมไอเอ็มเอฟครบวงเงินที่ขอไว้ทั้งหมด ซึ่งจะทำให้สามารถชำระหนี้ได้เสร็จสิ้นก่อนกำหนดเดิม
ทักษิณไม่ใช่คนปลดหนี้ไอเอ็มเอฟทั้งหมด แต่เป็นแค่ทำงานธุรการใช้หนี้งวดสุดท้าย แล้วใช้วิธีหาเสียงทางการเมือง ชักธงชาติ จัดกิจกรรมเอิกเริก สร้างภาพวีรบุรุษให้ตัวเอง แล้วก็บริหารประเทศบนฐานเศรษฐกิจการเงินการคลังที่เริ่มกลับมาเข้มแข็งได้อีกครั้งหลังวิกฤติเศรษฐกิจ 2540 แล้ว
เครดิต อ.เจิมศักดิ์
ก็ยอมรับตรงๆว่าม๊ากนาซีบริหารประเทศ 2 ปี กู้มากกว่าสมัยทักษิณที่บริหารประเทศนาน 6 ปี ซะก็สิ้นเรื่อง
แล้ววิกฤติของประเทศที่เกิดขึ้นมาหลังรัฐประหารปี 49 ใครต้นเหตุก่อเรื่องหวะ ที่มันเย้วๆ บนเวทีว่า "เราต้องเสียสละ ปิดสนามบินไม่เป็นไร คนไทยต้องอดทน" ใครก่อวะ ?
Re: นโยบาย ปชป มีcash flow ประกอบ พท ไม่มีเลย

Posted:
Fri Jun 03, 2011 11:51 pm
by lovemim001
มะแอศิษย์บังโม wrote:lovemim001 wrote: ขออภัยที่ข้าพเจ้ามาตอบกระทู้ช้าไปหน่อย เรื่อง GDP หรืออะไรเกี่ยวกับข้อมูลทางเศรษศาสตร์ข้าพเจ้ายอมรับว่าไม่ค่อย get เท่าไร จึงขออนุญาติ quote มาลงเลยแล้วกัน
ผมประเมินสถานการณ์เอาไว้เมื่อ 15 ธ.ค.2551 ว่ารัฐบาลสุรยุทธ์เจอภาวะเศรษฐกิจชะงักงัน แต่รัฐบาลอภิสิทธิ์จะต้องเจอเศรษฐกิจถดถอย
"...ในสมัยรัฐบาลสุรยุทธ์ ต้องแก้ปัญหาเศรษฐกิจชะงักงัน ภาวะน้ำมันแพง ข้าวของราคาแพง และต้องแก้ปัญหาที่ตกทอดมาจากระบอบทักษิณ เช่น ภาระหนี้กองทุนน้ำมันกว่า 100,000 ล้านบาท หนี้ครัวเรือน หนี้สาธารณะ และภาระหนี้สินที่ซุกไว้ตามสถาบันการเงินต่างๆ แต่ในสมัยรัฐบาลอภิสิทธิ์ จะต้องเจอกับปัญหาเศรษฐกิจโลกถดถอย รุนแรงเสมือนหนึ่ง "สึนามิเศรษฐกิจ" ประเทศที่เป็นตลาดส่งออกของไทยมีกำลังซื้อลดลง เช่น สหรัฐ ยุโรป ญี่ปุ่น ฯลฯ รายได้ของประเทศเหล่านั้นตกต่ำ ทำให้การส่งออกของไทยย่ำแย่ ธุรกิจส่งออกและท่องเที่ยวในประเทศไทยอาการสาหัส อาจต้องปิดกิจการหรือลดพนักงาน ปี 2552 จะมีคนว่างงานกว่า 1 ล้านคน ราคาสินค้าเกษตรมีแนวโน้มจะตกต่ำ เกษตรกรลำบาก ในขณะที่เครื่องมือทางนโยบายการเงินของภาครัฐไม่สามารถนำมาใช้แก้ปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะดอกเบี้ยลดต่ำลงมากแล้ว การลงทุนก็ไม่กระเตื้อง รัฐบาลจึงเหลือเพียงนโยบายการคลัง ซึ่งมีข้อจำกัดในเรื่องรายได้ของประชาชนในประเทศ..."
ผ่านไป 2 ปีครึ่ง ประเมินได้ว่า รัฐบาลอภิสิทธิ์ได้ได้รับมือปัญหาเศรษฐกิจที่ลุกลามจากต่างประเทศ โดยใช้นโยบายการคลังกระตุ้นกำลังซื้อในประเทศ ลดการว่างงานในประเทศได้สำเร็จ
ที่สำคัญ ได้ใช้การกู้ในประเทศ ไม่ใช่กู้จากต่างประเทศ แก้ปัญหาเงินหลับ หรือภาวะที่เงินไปกองอยู่ในสถาบันการเงินโดยไม่ยอมปล่อยกู้จ่ายออกมาสู่ระบบเศรษฐกิจ
ผลปรากฏว่า อัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจโดยรวมดีกว่าที่คิดมาก โตถึง 6-7 %
ตลาดหุ้นดีขึ้น ราคาสินค้าเกษตรหลายตัวก็ดี ทุนสำรองของประเทศก็เข้มแข็ง
ทั้งๆ ที่ ระหว่างนั้น เกิดเหตุการณ์ความไม่สงบในบ้านเมืองถึง 2 ปีซ้อน สั่นคลอนความเชื่อถือของไทยในสายตาต่างชาติอย่างรุนแรง
สถานการณ์เช่นนี้ แตกต่างจากสถานการณ์รัฐบาลยุคทักษิณเข้ามาบริหารประเทศในปี 2544 ซึ่งเป็นช่วงที่เศรษฐกิจไทยเริ่มคลี่คลายจากวิกฤตต้มยำกุ้งปี 2540 (รัฐบาลพลเอกชวลิตลอยตัวค่าเงินบาท)
ตอนที่รัฐบาลทักษิณเข้ามานั้น ประเทศไทยได้ทยอยชำระหนี้กองทุนไอเอ็มเอฟไปจำนวนมากแล้ว แถมชำระหนี้ได้ดีกว่าแผนการเดิมอีกด้วย จึงประเมินว่าอาจไม่ต้องกู้ยืมไอเอ็มเอฟครบวงเงินที่ขอไว้ทั้งหมด ซึ่งจะทำให้สามารถชำระหนี้ได้เสร็จสิ้นก่อนกำหนดเดิม
ทักษิณไม่ใช่คนปลดหนี้ไอเอ็มเอฟทั้งหมด แต่เป็นแค่ทำงานธุรการใช้หนี้งวดสุดท้าย แล้วใช้วิธีหาเสียงทางการเมือง ชักธงชาติ จัดกิจกรรมเอิกเริก สร้างภาพวีรบุรุษให้ตัวเอง แล้วก็บริหารประเทศบนฐานเศรษฐกิจการเงินการคลังที่เริ่มกลับมาเข้มแข็งได้อีกครั้งหลังวิกฤติเศรษฐกิจ 2540 แล้ว
เครดิต อ.เจิมศักดิ์
ก็ยอมรับตรงๆว่าม๊ากนาซีบริหารประเทศ 2 ปี กู้มากกว่าสมัยทักษิณที่บริหารประเทศนาน 6 ปี ซะก็สิ้นเรื่อง
แล้ววิกฤติของประเทศที่เกิดขึ้นมาหลังรัฐประหารปี 49 ใครต้นเหตุก่อเรื่องหวะ ที่มันเย้วๆ บนเวทีว่า "เราต้องเสียสละ ปิดสนามบินไม่เป็นไร คนไทยต้องอดทน" ใครก่อวะ ?
กู้มากกว่า ใช่ค่ะ และกู้มากกว่าด้วยเหตุผลตามที่ quote มาลง

อ่านเหตุผลยังคะ ?