บางครั้งกฎหมู่กับการดื้อแพ่งมันก็คล้ายกันนะครับ ต่างที่ฝ่ายหนึ่งไม่ยอมรับโทษทางกฎหมายอีกฝ่ายยอมรับโทษ บางคนอ้างเสียงส่วนใหญ่กระทำตามใจตัวเองไม่สนใจว่าการกระทำนั้นจะผิดกฎหมาย พอถึงเวลาที่ต้องรับโทษกลับหนีคดีไปต่างประเทศ แบบนี้จัดเป็นกฎหมู่หรือไม่arch_freeman wrote:นี่แหละครับ ที่ผมถึอว่าเป็นการก้าวพลาดของพันธมิตร เมื่อครั้งกระโน้นตอนที่บุกเข้าไปยึดทำเนียบ
เพราะเปลี่ยนจากการที่เคยประท้วงตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ มาเป็นการใช้กฎหมู่ซึ่งละเมิดกฏหมาย บุกรุกสถานที่ราชการ
แต่พันธมิตรใช้คำเลี่ยง ว่า อารยะขัดขืนขั้นสูงสุด
ซึ่งการกระทำแบบนี้ เป็นการสร้างบรรทัดฐานการชุนนุมแบบผิดๆ ให้กับสังคมไทย
อีกหน่อย รัฐบาลอื่นๆ เข้ามาบริหารประเทศแล้วมี ม๊อบชาวนา ชาวไร่ เข้าไปยึดทำเนียบบ้าง แล้วอ้างว่าอารยะขัดขืนขั้นสูงสุด
ใครจะว่าอะไรเขาได้ครับ ในเมื่อ พันธมิตรบังคับให้คนไทยยอมรับบรรทัดฐานดังกล่าวเสียแล้ว
ที่ผมเขียนไปนี้ ผมไม่ได้บอกให้พันธมิตร ถอนออกจากทำเนียบนะครับ คือตอนนี้คุณยึดไปแล้วล่ะ ผิดกฎหมายไปแล้ว ไหนๆ ก็ทำแล้วก็ต้องเดินหน้าต่อไป แต่ก็ต้องเตรียมรับผิดชอบกับ สิ่งที่จะตามมาภายหลังกับประเทศไทยด้วยเช่นกัน
ข้อดีเดียวที่ผมเห็นจากการเข้าไปยึดทำเนียบคือ การสร้างความกดดัน ขัดขวางการบริหารราชการแผ่นดินได้เล็กน้อย และ สร้างความอับอายกับรัฐบาล แต่ รัฐบาลชุดนี้มันหน้าด้านเกินกว่าที่มันจะมีจิตสำนึกอยู่แล้ว
ไม่ได้ทำให้ สมัคร หมดสภาพ หรือ หยุดยั้งความชั่วที่นักการเมืองพรรครัฐบาล ยังกระทำแต่อย่างใดไม่ คนเหล่านั้นก็ยังทำชั่วต่อไป โดยไม่สะทกสะท้าน และ สนใจสิ่งที่ พธม กระทำแต่อย่างใด
สมัคร หมดสภาพ เพราะ กระบวนการยุติธรรม
ทักษิณ ติดคุก เพราะ กระบวนการยุติธรรม
และ คนอื่นๆ ก็กำลังจะติดคุก เพราะ กระบวนการยุติธรรม
สิ่งเหล่านี้ไม่ได้เกิดจากการยึดทำเนียบรัฐบาลแต่อย่างใด แต่มันเป็นผลพวงจากการทำงานของ คตส ปปช กกต และ อัยการ เท่านั้น
ซึ่งกระบวนการทั้งหมด ดำเนินไปตามเงื่อนไขเวลา อยู่แล้ว ถึงแม้คุณจะยังคงชุนนุมที่สะพานมัฆวาน
Moon wrote:อ้างอิง : ธานินทร์ กรัยวิเชียร , ระบอบประชาธิปไตย , พิมพ์ครั้งที่ ๔ (กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์คุรุสภาลาดพร้าว) , ๒๕๒๐ , หน้า ๖๙ – ๗๐ .
ครับ ๒๕๒๐ ผ่านมา 30 ปีแล้วครับ ถ้าตอนนี้กลับไปถามท่านธานิทร์ ในสถานการณ์บ้านเมืองเป็นเช่นนี้ ท่านจะบอกว่าอย่างไร
พวกมากลากไปไม่สนใจกฎหมาย ไม่ยอมรับการตัดสินของกฎหมายมันก็คือกฎหมู่แหละครับ ส่วนการดื้อแพ่งนั้นอยู่นั้นหลักนิติศาสตร์นะครับarch_freeman wrote:ไม่ใช่กฎหมู่ครับ
แต่เป็นการกระทำของโจรที่ขี้ขลาดตาขาว
ผมมองแบบนี้ครับ คือ ทักษิณทำชั่ว ทำเลวแล้ว พันธมิตรก็สมควรเป็นตัวอย่างของการกระทำที่ถูกกฎหมายน่าจะเหมาะกว่า
ไม่ใช่เพราะ ทักษิณชั่ว พันธมิตรก็มีสิทธิทำชั่ว แบบนี้ทั้งสองฝ่ายมันก็ไม่ต่างกัน แบบที่หลายคนกำลังมอง
อย่างไรก็ดี มุมของคุณพรรณชมพูนั้น เป็นมุมมอง ที่ต้องการชัยชนะทางการเมืองเป็นหลัก ซึ่งในคำว่า politics นั้น มันไม่มีคำว่า ศีลธรรม อยู่แล้วแหล่ะครับ แต่มันเต็มไปด้วยการหักเหลี่ยมโหดกันทั้งนั้น เพื่อชัยชนะทางการเมืองของตน
แต่สิ่งที่ผมมองคือ รูปแบบ ที่ สนธิ พยายามบอกกับ ผู้ชุนนุมว่า เขาเอาธรรมนำหน้า ไงครับ แต่จริงๆ แล้วสิ่งที่เขาตัดสินใจ บางครั้งก็ไม่ใช่เป็นไปเพื่อธรรม แต่เป็นไปเพื่อการเอาชัยชนะ โดยไม่คำนึงถึงตัวบทกฎหมาย ซึ่งการกระทำดังกล่าว ถึงแม้จะเลวน้อยกว่าสิ่งที่ทักษิณทำ แต่ก็ถือว่าเลวเหมือนกันไม่ใช่หรอครับ และ เป็นเหตุให้ มวลชนของ นปช ใช้อ้างเพื่อสร้างความชอบธรรมในการโจมตี พธม มาได้ตลอด
arch_freeman wrote: นี่แหละครับ ที่ผมถึอว่าเป็นการก้าวพลาดของพันธมิตร เมื่อครั้งกระโน้นตอนที่บุกเข้าไปยึดทำเนียบ
เพราะเปลี่ยนจากการที่เคยประท้วงตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ มาเป็นการใช้กฎหมู่ซึ่งละเมิดกฏหมาย บุกรุกสถานที่ราชการ
แต่พันธมิตรใช้คำเลี่ยง ว่า อารยะขัดขืนขั้นสูงสุด
ซึ่งการกระทำแบบนี้ เป็นการสร้างบรรทัดฐานการชุนนุมแบบผิดๆ ให้กับสังคมไทย
อีกหน่อย รัฐบาลอื่นๆ เข้ามาบริหารประเทศแล้วมี ม๊อบชาวนา ชาวไร่ เข้าไปยึดทำเนียบบ้าง แล้วอ้างว่าอารยะขัดขืนขั้นสูงสุด
ใครจะว่าอะไรเขาได้ครับ ในเมื่อ พันธมิตรบังคับให้คนไทยยอมรับบรรทัดฐานดังกล่าวเสียแล้ว
ที่ผมเขียนไปนี้ ผมไม่ได้บอกให้พันธมิตร ถอนออกจากทำเนียบนะครับ คือตอนนี้คุณยึดไปแล้วล่ะ ผิดกฎหมายไปแล้ว ไหนๆ ก็ทำแล้วก็ต้องเดินหน้าต่อไป แต่ก็ต้องเตรียมรับผิดชอบกับ สิ่งที่จะตามมาภายหลังกับประเทศไทยด้วยเช่นกัน
ข้อดีเดียวที่ผมเห็นจากการเข้าไปยึดทำเนียบคือ การสร้างความกดดัน ขัดขวางการบริหารราชการแผ่นดินได้เล็กน้อย และ สร้างความอับอายกับรัฐบาล แต่ รัฐบาลชุดนี้มันหน้าด้านเกินกว่าที่มันจะมีจิตสำนึกอยู่แล้ว
ไม่ได้ทำให้ สมัคร หมดสภาพ หรือ หยุดยั้งความชั่วที่นักการเมืองพรรครัฐบาล ยังกระทำแต่อย่างใดไม่ คนเหล่านั้นก็ยังทำชั่วต่อไป โดยไม่สะทกสะท้าน และ สนใจสิ่งที่ พธม กระทำแต่อย่างใด
สมัคร หมดสภาพ เพราะ กระบวนการยุติธรรม
ทักษิณ ติดคุก เพราะ กระบวนการยุติธรรม
และ คนอื่นๆ ก็กำลังจะติดคุก เพราะ กระบวนการยุติธรรม
สิ่งเหล่านี้ไม่ได้เกิดจากการยึดทำเนียบรัฐบาลแต่อย่างใด แต่มันเป็นผลพวงจากการทำงานของ คตส ปปช กกต และ อัยการ เท่านั้น
ซึ่งกระบวนการทั้งหมด ดำเนินไปตามเงื่อนไขเวลา อยู่แล้ว ถึงแม้คุณจะยังคงชุนนุมที่สะพานมัฆวาน
Moon wrote:บรรยายในหัวข้อ
" นักกฎหมายกับอคติ" ให้กับเนติบัณฑิต รุ่นที่ 60
ของสำนักอบรมกฎหมายของเนติบัณฑิตยสภา
เมื่อวันศุกร์ที่ 18 กรกฎาคม 2551 ที่ผ่านมาว่าสาเหตุของความผิดพลาดของนักกฎหมาย
คืออคติของนักกฎหมายจึงได้มีการเตือนใจนักกฎหมายให้เอาใจใส่ และระมัดระวัง
ไม่ให้อคติก่อให้เกิดปัญหาในการประกอบวิชาชีพ
ทำให้มองสถานการณ์ผิดพลาด และเห็นว่า อคติยังมีอยู่ในฝ่ายนิติบัญญัติ
และฝ่ายบริหาร ซึ่งถือว่าเป็นอันตรายอย่างมาก
ทั้งนี้ ยกพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ
หากนำกฎหมายไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ หรือเจตนารมณ์จะเป็นอันตรายต่อ
บ้านเมือง หากผู้บริหารไม่ว่าระดับใดลุแก่อำนาจ ทำอะไรอยู่เหนือกฎหมาย
เช่น การขู่ฆ่า ฆ่าตัดตอน และการสร้างพยานหลักฐานเท็จ
จะสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชน เจ้าพนักงานจึงไม่ควรลุแก่อำนาจ
และให้คำนึงถึงผลกระทบที่จะตามมา
อันนี้มีเต็มๆ จากเว็บลุงแคนด้วยคร้าบ
http://www.weopenmind.com/board/index.php?topic=7760.0
arch_freeman wrote:นี่แหละครับ ที่ผมถึอว่าเป็นการก้าวพลาดของพันธมิตร เมื่อครั้งกระโน้นตอนที่บุกเข้าไปยึดทำเนียบ
เพราะเปลี่ยนจากการที่เคยประท้วงตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ มาเป็นการใช้กฎหมู่ซึ่งละเมิดกฏหมาย บุกรุกสถานที่ราชการ
แต่พันธมิตรใช้คำเลี่ยง ว่า อารยะขัดขืนขั้นสูงสุด
ซึ่งการกระทำแบบนี้ เป็นการสร้างบรรทัดฐานการชุนนุมแบบผิดๆ ให้กับสังคมไทย
อีกหน่อย รัฐบาลอื่นๆ เข้ามาบริหารประเทศแล้วมี ม๊อบชาวนา ชาวไร่ เข้าไปยึดทำเนียบบ้าง แล้วอ้างว่าอารยะขัดขืนขั้นสูงสุด
ใครจะว่าอะไรเขาได้ครับ ในเมื่อ พันธมิตรบังคับให้คนไทยยอมรับบรรทัดฐานดังกล่าวเสียแล้ว
ที่ผมเขียนไปนี้ ผมไม่ได้บอกให้พันธมิตร ถอนออกจากทำเนียบนะครับ คือตอนนี้คุณยึดไปแล้วล่ะ ผิดกฎหมายไปแล้ว ไหนๆ ก็ทำแล้วก็ต้องเดินหน้าต่อไป แต่ก็ต้องเตรียมรับผิดชอบกับ สิ่งที่จะตามมาภายหลังกับประเทศไทยด้วยเช่นกัน
ข้อดีเดียวที่ผมเห็นจากการเข้าไปยึดทำเนียบคือ การสร้างความกดดัน ขัดขวางการบริหารราชการแผ่นดินได้เล็กน้อย และ สร้างความอับอายกับรัฐบาล แต่ รัฐบาลชุดนี้มันหน้าด้านเกินกว่าที่มันจะมีจิตสำนึกอยู่แล้ว
ไม่ได้ทำให้ สมัคร หมดสภาพ หรือ หยุดยั้งความชั่วที่นักการเมืองพรรครัฐบาล ยังกระทำแต่อย่างใดไม่ คนเหล่านั้นก็ยังทำชั่วต่อไป โดยไม่สะทกสะท้าน และ สนใจสิ่งที่ พธม กระทำแต่อย่างใด
สมัคร หมดสภาพ เพราะ กระบวนการยุติธรรม
ทักษิณ ติดคุก เพราะ กระบวนการยุติธรรม
และ คนอื่นๆ ก็กำลังจะติดคุก เพราะ กระบวนการยุติธรรม
สิ่งเหล่านี้ไม่ได้เกิดจากการยึดทำเนียบรัฐบาลแต่อย่างใด แต่มันเป็นผลพวงจากการทำงานของ คตส ปปช กกต และ อัยการ เท่านั้น
ซึ่งกระบวนการทั้งหมด ดำเนินไปตามเงื่อนไขเวลา อยู่แล้ว ถึงแม้คุณจะยังคงชุนนุมที่สะพานมัฆวาน
รักษ์สยาม wrote:
ถ้าไม่มีพันธมิตรก็ไม่แน่ว่ากระบวนการยุติธรรมจะเดินมาถึงจุดนี้ได้ รธน. และ กม.ต่างๆอาจได้รับการแก้ไขจนคดีเป็นโมฆะไปหมดก็ได้ เพราะรัฐบาลพยายามมาแทบทุกวิถีทาง
พันธมิตรไม่ได้กระทำโดนใจตรงใจผมทุกเรื่อง แต่ถ้่้าไม่มีพันธมิตรคานไว้ บ้านเมืองคงจะเตลิดเปิดเปิงไปแล้ว
พุฒิพงศ์ wrote:มติมหาชน กับ กฎหมู่ บนวิถีประชาธิปไตยที่ไม่หลงทาง
โดย ศาสตราจารย์ ธานินทร์ กรัยวิเชียร ผู้ทรงคุณวุฒิอาวุโสแห่งวงการนิติศาสตร์ไทย
กระแสความปั่นป่วนทางการเมือง อันเกิดจากการเรียกร้องบางประการของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย บทความนี้จึงขอนำหลักวิชาการบริสุทธิ์ ซึ่งศาสตราจารย์ ธานินทร์ กรัยวิเชียร ได้บรรยายลักษณะของความเป็นประชาธิปไตย ที่เกี่ยวข้องสอดรับกับกระแสความวุ่นวายในปัจจุบัน ไว้อย่างน่ารับฟัง ในเรื่องประชามติ มติมหาชน และ กฎหมู่ ความดังนี้
“ในระบอบประชาธิปไตยนั้น วิธีการที่จะทำให้รัฐบาลทราบเจตนารมณ์ร่วมกันของประชาชนทั้งประเทศได้ คือ ประชามติ และมติมหาชน สำหรับประชามตินั้นเป็นสิ่งที่กฎหมายกำหนดให้รัฐบาลจัดให้มีการลงคะแนนโดยประชาชนทั้งประเทศ จึงไม่มีปัญหาแต่ประการใด แต่ที่ก่อให้เกิดปัญหาอย่างยิ่งในระบอบประชาธิปไตยก็คือ มติมหาชน และ กฎหมู่
อย่างไรก็ตาม แม้มติมหาชนจะไม่มีกฎหมายบัญญัติรับรองไว้โดยชัดแจ้งก็ตาม แต่เป็นสิ่งที่กฎหมายรับรองไว้โดยปริยาย นั่นคือการแสดงความคิดเห็น อภิปราย ถกเถียง และเสนอแนะโดยมีเหตุผล จนรัฐบาลหรือประชาชนส่วนใหญ่มีความเห็นคล้อยตามด้วย และในการรวบรวมมติมหาชนนี้ จะต้องไม่มีลักษณะเป็นการละเมิดกฎหมาย อาทิ ไม่มีการชุมนุมโดยมีอาวุธ หรือ ไม่มีการปลุกระดมมวลชน โดยมุ่งหมายจะก่อให้เกิดการวุ่นวายในบ้านเมือง
มติมหาชนที่ปรากฏออกมาจากประชาชนส่วนใหญ่ทั้งประเทศนั้น ย่อมมีลักษณะเป็นเครื่องชี้แนะทางให้รัฐบาลและรัฐสภา ดำเนินการเท่านั้น หาได้มีลักษณะบีบบังคับหรือกดดันให้รัฐบาลหรือรัฐสภาจำต้องกระทำตามไม่
ส่วนกฎหมู่นั้น เป็นสิ่งที่ตรงกันข้ามกับประชามติ และ มติมหาชนอย่างชัดแจ้ง เพราะกฎหมู่นั้นเอง ย่อมมีลักษณะเป็นการละเมิดกฎหมาย ซึ่งเป็นหลักในการปกครองประเทศ เพื่อความสงบสุขของประชาชนอยู่ในตัว อาทิ มีอาวุธในการชุมนุม หรือมีเจตนาพิเศษในการชุมนุม เช่น มีเจตนาก่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง หรือเรียกร้องให้ล้มเลิกกฎหมาย หรือให้ถอดถอนตัวบุคคลในคณะรัฐบาล หรือ รัฐสภา อันเป็นความผิดตามกฎหมายอาญา
ที่สำคัญที่สุดก็คือ การยกข้ออ้างในเรื่องคนที่มาชุมนุม ซึ่งอาจมาร่วมโดยความเห็นด้วยหรือต้องการมาดูเหตุการณ์ แล้วอ้างว่า เป็นมติมหาชนที่รัฐบาลและรัฐสภาจะต้องปฏิบัติตาม อันเป็นลักษณะของการบีบบังคับรัฐบาลหรือรัฐสภาไม่ให้ใช้ดุลยพินิจโดยอิสระในการวินิจฉัยปัญหานั้นได้
ซ้ำร้ายไปกว่านั้น การชุมนุมนั้นเอง อาจมีการข่มขู่รัฐบาลโดยจำนวนคน หรือโดยวิธีการอันมิชอบด้วยกฎหมาย แสดงความอาฆาตมาดร้ายบุคคลบางคนในรัฐบาลหรือรัฐสภา สร้างความวุ่นวายยุ่งเหยิงขึ้นในบ้านเมือง พอเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด ก็พยายามบิดเบือนให้เห็นว่า นั่นเป็นการใช้อำนาจรัฐคุกคามและลิดรอนสิทธิเสรีภาพของประชาชนตามรัฐธรรมนูญ
ซ้ำยังอ้างว่า การกระทำดังกล่าวของเจ้าหน้าที่ เป็นการใช้อำนาจเผด็จการของรัฐบาล
จริงอยู่ การชุมนุมกันแสดงออกซึ่งความคิดเห็น เป็นสิ่งที่กระทำได้และพึงกระทำในระบอบประชาธิปไตย และจะทำให้รัฐบาลได้รับทราบความคิดเห็น และความต้องการของประชาชนได้ทางหนึ่ง อันจะทำให้เกิดประโยชน์ในการบริหารราชการแผ่นดิน แต่ต้องพึงระลึกอยู่เสมอว่า อำนาจ หน้าที่ในการบริหารราชการแผ่นดินนั้น ตกอยู่กับรัฐบาลซึ่งเป็นผู้แทนปวงชนทั้งประเทศ จึงต้องปล่อยให้อยู่ในดุลยพินิจของรัฐบาล ในการวินิจฉัยปัญหานั้น ๆ การยื่นคำขาดก็ดี การบีบบังคับก็ดี เป็นสิ่งที่ไม่ควรกระทำอย่างยิ่งในระบอบประชาธิปไตย”
อ้างอิง : ธานินทร์ กรัยวิเชียร , ระบอบประชาธิปไตย , พิมพ์ครั้งที่ ๔ (กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์คุรุสภาลาดพร้าว) , ๒๕๒๐ , หน้า ๖๙ – ๗๐ .