Page 1 of 1

2 เดือนต่อไป จะสุ่มเสี่ยงต่อเศรษฐกิจโลก ถ้า พท เป็นรัฐบาลหนา

PostPosted: Fri Jun 17, 2011 1:35 am
by naiare
ผมตามข่าวสารแล้วรู้สึกไม่ดี

ตัวเลขเศรษฐกิจของอเมริกาตุ๊มๆ ต่อมๆอีกรอบ หลังหมดมาตราการช่วยเหลือ QE2
รัฐบาลเมกาพยายามขอขยายวงเงินกู้เพิ่มจากเพดานไปอีก แต่ก็ติดขัดงัดข้อกันทางการเมืองอยู่
นั่นคือ อเมริกาอาจเริ่มผิดนัดชำระหนี้เหมือนประเทศในยุโรปได้ในเร็วๆนี้
จะทำให้ค่าเงิน และ เศรษฐกิจโลกปั่นป่วนอย่างแน่นอน

เศรษฐกิจจีนก็เริ่มชะลอตัว
ถ้าฟลุ๊คๆเงินไหลมาทางเราก็ดีไป แต่ถ้ามันไม่ใช่ละก้อ ยุ่งเหยิงกันทั้งโลกแน่ๆ

ผมฟังเทพเศรษฐกิจของ พท แล้วปลงผสมหนาวมาก ประเทศไทยจะเป็นอย่างไรต่อไป

Re: 2 เดือนต่อไป จะสุ่มเสี่ยงต่อเศรษฐกิจโลก ถ้า พท เป็นรัฐบาลหนา

PostPosted: Fri Jun 17, 2011 2:02 am
by คนบาป
นักธุรกิจ คงส่งต่อคลิปกันไปแล้ว หนาวละทีนี้

Re: 2 เดือนต่อไป จะสุ่มเสี่ยงต่อเศรษฐกิจโลก ถ้า พท เป็นรัฐบาลหนา

PostPosted: Fri Jun 17, 2011 2:32 am
by saopao
รัฐบาลนี้เก็บเงินไว้ได้เยอะแล้วไม่น่ากลัว

Re: 2 เดือนต่อไป จะสุ่มเสี่ยงต่อเศรษฐกิจโลก ถ้า พท เป็นรัฐบาลหนา

PostPosted: Fri Jun 17, 2011 2:56 am
by naiare
ผมเชื่อส่วนตัวว่า ถ้า พท เป็นรัฐบาลต้องมีการไปเอาเงินทุนสำรองของชาติที่มีอยู่สองแสนกว่าล้านเหรียญมาใช้ทำตามนโยบายอย่างแน่นอน
และนี่คือ สิ่งที่แม้วจ้องตาเป็นมันกับอภิมหาโปรเจคโกงแหลก

เงินทุนสำรอง ณ ปัจจุบัน มีมากพอที่จะหยิบยืมมาใช้ได้บ้างอย่างมีวินัย แต่สำหรับเผาไทยแล้ว ถ้าเปิดกล่องนี้ออกมา มันจะหายแล้วหายเลยจนต้มยำกุ้งรอบสองหรือเปล่า อันนี้ไม่รู้ได้

อภิมหาเศรษฐีไทย คุณธนินท์เคยให้ความเห็นไว้ว่า ถ้าเงินมีมากน่าจะตั้งกองทุนแบบเทมาเสคไปลงทุนให้ผลงอกเงยนอกบ้าน
แต่ถ้าเป็นแม้วบริหารกองทุนนี้ ไม่อยากคิดเลยครับ

Re: 2 เดือนต่อไป จะสุ่มเสี่ยงต่อเศรษฐกิจโลก ถ้า พท เป็นรัฐบาลหนา

PostPosted: Fri Jun 17, 2011 6:08 am
by konansa
พอสร้างหายนะเสร็จ
ถูกประชาชนขับไล่
ปชป ก็จะเข้ามาแก้ไข
ประเทศไทยจะเป็นอย่างนี้ต่อไป
ปชป เขาจึงให้ความสำคัญกับการศึกษา
เพื่อให้คนร้เท่าทันนักการเมือง

Re: 2 เดือนต่อไป จะสุ่มเสี่ยงต่อเศรษฐกิจโลก ถ้า พท เป็นรัฐบาลหนา

PostPosted: Fri Jun 17, 2011 7:17 am
by mrmax45
ทีมเศรษฐกิจรัฐบาลควรออกมาแถลงถึงตัวเลขทางเครษฐกิจให้ชัดเจน ว่าตอนนี้เรามีอะไรอยู่ ให้ประชาชนทุกคนรับทราบ

จะได้ใช้เป็นตัวเลขที่อ้างอิงสำหรับรัฐบาลหน้า

Re: 2 เดือนต่อไป จะสุ่มเสี่ยงต่อเศรษฐกิจโลก ถ้า พท เป็นรัฐบาลหนา

PostPosted: Fri Jun 17, 2011 7:18 am
by Yasuhiro
มันมีโครงการแลนด์บริดจ์ที่เพื่อไทยเสนอ ถ้ามองตามหลักยุทธศาสตร์โครงการแลนด์บริดจ์เป็นโครงการที่ควรจะทำเพราะเราจะได้ผลประโยชน์ระยะยาวจากจีน เกาหลีใต้และญี่ปุ่น
และไทยเราควรจะทำตรงนี้มากกว่าเข้าไปลงทุนพัฒนาท่าเรือน้ำลึกทวายให้พม่าและได้สัมปทานแทน เพราะวันดีคืนดีพม่าปิดด่านขึ้นมาหรือจีนให้เงินสร้างทางเชื่อมโดยตรงจากยูนานไปทวายไม่ต้องผ่านไทยขึ้นมาจะทำอย่างไรหล่ะตอนนั้น? ที่สำคัญหากไทยเราต้องการเป็นศูนย์กลางด้านโลจิสติกในภูมิภาค โครงการแลนด์บริดจ์จำเป็นต้องทำให้สำเร็จขึ้นมาเป็นรูปเป็นร่างให้ได้ครับ (หมายเหตุ ผมขอข้ามประเด็นในส่วนที่มีการคัดค้านโครงการนี้เนื่องจากเหตุผลต่างๆออกไปก่อนนะครับ เพราะไม่ใช่ประเด็นหลักที่ผมจะเขียนในกระทู้นี้)

ถึงแม้ผมจะสนับสนุนให้มีการทำโครงการแลนด์บริดจ์หรือพัฒนาแค่ท่าเรือน้ำลึกปากบาราและเชื่อมต่อกับโครงการรถไฟความเร็วสูงของจีน แต่ผมไม่สนับสนุนให้เพื่อไทยเป็นคนทำโครงการแลนด์บริดจ์โดยเด็ดขาด
เหตุผลคือในสมัยรัฐบาลสมัครและสมชายได้มีการตุกติกเร่งรัดลงนามอนุมัติให้กลุ่มดูไบเวิร์ลเข้าไปทำการศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการ และมีการร่างข้อตกลงให้สิทธิแก่กลุ่มดูไบเวิร์ลได้รับสิทธิพิเศษสามารถดำเนินการก่อสร้างและพัฒนาโครงการแลนด์บริดจ์ก่อน และได้รับสัมปทานไปอีกหลายสิบปี (วิธีที่ควรจะเป็นคือการเปิดประมูลครับ เพื่อให้มีแข่งขัน (จริงๆมันก็ฮั๋วๆกันแหล่ะครับ) แต่ไม่ใช่จู่ๆให้กลุ่มใดกลุ่มหนึ่งเข้าไปรับสัมปทานได้เฉยเลย แต่มันเป็นโชคดีของประเทศไทยเราครับ ที่กลุ่มดูไบเวิร์ลมีปัญหา และทางสนข. ก็เปลี่ยนนโยบายไม่ให้สิทธิพิเศษแก่กลุ่มดูไบเวิร์ลในรัฐบาลชุดนี้ (ถ้าจำไม่ผิด เห็นว่าเราไปทาบทามให้จีนเข้ามาร่วมลงทุนแทน)

ทีนี้เราๆก็รู้กันน่ะครับว่า ไอ้กลุ่มดูไบเวิร์ลที่ว่านี้ ไอ้ตัวกินไก่ตัวไหนที่มันมีสายสัมพันธ์อยู่ การที่พยายามผลักดันให้ไอ้กลุ่มนี้ได้รับสัมปทานไป มันก็ไม่ต่างกับการส่งนอมินีมาฮุบเอาสัมปทานของประเทศไป เอารายได้ที่รัฐบาลพึงได้ที่สามารถนำไปพัฒนาประเทศเข้าสู่กระเป๋าแค่ครอบครัวนึง กับพวกแขกดูไบอีกหย่อมหนึ่ง ผมว่ามันไม่ใช่เรื่องที่จะต้องไปขุนให้ไอ้ตระกูลที่เข้ามาอาศัยแผ่นดินไทยทำมาหากินแล้วตั้งตัวได้แล้วยังทำร้ายประเทศชาติอยู่ทุกวันนี้ ต้องมาโกงกินได้ไอ้ส่วนนี้ไปเพื่อมาล้มระบอบการปกครองที่มันดีอยู่แล้วของบ้านเราไปทำไม เกลียดพวกมันครับ และนี่คือตัวอย่างหนึ่งที่มันชี้ชัดครับว่าอย่าไปเลือกพวกนี้เข้าไปในสภาเพราะมันเล่นจะฮุบประเทศอยู่ โดยผ่านการคอรัปชั่นจากโครงการต่างๆที่มันเสนอมา

Re: 2 เดือนต่อไป จะสุ่มเสี่ยงต่อเศรษฐกิจโลก ถ้า พท เป็นรัฐบาลหนา

PostPosted: Fri Jun 17, 2011 8:25 am
by ridkun_user
มันก็จริง
แต่พท. ไม่ได้เป็นรัฐบาลหรอกครับ :lol:

Re: 2 เดือนต่อไป จะสุ่มเสี่ยงต่อเศรษฐกิจโลก ถ้า พท เป็นรัฐบาลหนา

PostPosted: Fri Jun 17, 2011 8:27 am
by Yasuhiro
ridkun_user wrote:มันก็จริง
แต่พท. ไม่ได้เป็นรัฐบาลหรอกครับ :lol:


อยากให้เป็นอย่างนั้นครับ แถมสูญพันธุ์ไปเลยก็ดี

Re: 2 เดือนต่อไป จะสุ่มเสี่ยงต่อเศรษฐกิจโลก ถ้า พท เป็นรัฐบาลหนา

PostPosted: Fri Jun 17, 2011 9:11 am
by -3-
ไม่เป็นไร เราสามารถดึงเงินในอากาศมาใช้ได้ :lol: :lol:

Re: 2 เดือนต่อไป จะสุ่มเสี่ยงต่อเศรษฐกิจโลก ถ้า พท เป็นรัฐบาลหนา

PostPosted: Fri Jun 17, 2011 12:42 pm
by naiare
เรื่องแลนด์บริดจ์ ผมไม่มีความรู้ ให้ความเห็นไม่ได้ครับ แต่เท่าที่จำได้ มันเป็นโครงการเก่าตั้งแต่ ปชป ยุคก่อนแล้วไม่ใช่เหรอครับ
พอมาครั้งนี้ ปชป เปลี่ยนแนวทางพัฒนาภาคใต้เน้นหารายได้จากการท่องเที่ยวแทนซึ่งผมเข้าใจว่า คงพับโครงการแลนด์บริดจ์ไป

เรื่องนโยบายพรรคการเมือง ความจริงบางอย่างถ้าดีที่สุดต่อประเทศ มันเหมือนกันได้ ไม่เห็นจะต้องแตกต่างกันทุกเรื่อง
อย่าง ปชป ไม่ซีเรียสเรื่องนี้ แต่ไอ้แม้วมันซีเรียสมาก เวลามันทำตามนโยบายคนอื่น จะเงียบไม่ให้เครดิตเขา แต่ถ้าใครไปทำตามมันเข้า
มันจะบอกว่าลอกข้อสอบเสมอ
เหมือนกรณีจ่ายหนี้ IMF ก็คุยโวข่มทับ

ผมคิดว่าแนวทางการพัฒนาภาคใต้ ปชป คงคิดมาดีแล้วว่าเน้นการท่องเที่ยว ไม่ทำลายสภาพแวดล้อมไม่เกี่ยวกับต้องการแค่ความต่างทางนโยบาย
แต่จะดีที่สุดจริงหรือไม่ อันนี้ต้องตอยดูกันต่อไป

อย่างไรก็ดี แม้ว่านโยบายจะดีแค่ไหน แต่ถ้าได้ตัวเอี้ยมาบริหาร กำไรเข้ากระเป๋ามัน แต่ประเทศย่อยยับแน่

Re: 2 เดือนต่อไป จะสุ่มเสี่ยงต่อเศรษฐกิจโลก ถ้า พท เป็นรัฐบาลหนา

PostPosted: Fri Jun 17, 2011 1:08 pm
by Yasuhiro
naiare wrote:เรื่องแลนด์บริดจ์ ผมไม่มีความรู้ ให้ความเห็นไม่ได้ครับ แต่เท่าที่จำได้ มันเป็นโครงการเก่าตั้งแต่ ปชป ยุคก่อนแล้วไม่ใช่เหรอครับ
พอมาครั้งนี้ ปชป เปลี่ยนแนวทางพัฒนาภาคใต้เน้นหารายได้จากการท่องเที่ยวแทนซึ่งผมเข้าใจว่า คงพับโครงการแลนด์บริดจ์ไป

เรื่องนโยบายพรรคการเมือง ความจริงบางอย่างถ้าดีที่สุดต่อประเทศ มันเหมือนกันได้ ไม่เห็นจะต้องแตกต่างกันทุกเรื่อง
อย่าง ปชป ไม่ซีเรียสเรื่องนี้ แต่ไอ้แม้วมันซีเรียสมาก เวลามันทำตามนโยบายคนอื่น จะเงียบไม่ให้เครดิตเขา แต่ถ้าใครไปทำตามมันเข้า
มันจะบอกว่าลอกข้อสอบเสมอ
เหมือนกรณีจ่ายหนี้ IMF ก็คุยโวข่มทับ

ผมคิดว่าแนวทางการพัฒนาภาคใต้ ปชป คงคิดมาดีแล้วว่าเน้นการท่องเที่ยว ไม่ทำลายสภาพแวดล้อมไม่เกี่ยวกับต้องการแค่ความต่างทางนโยบาย
แต่จะดีที่สุดจริงหรือไม่ อันนี้ต้องตอยดูกันต่อไป

อย่างไรก็ดี แม้ว่านโยบายจะดีแค่ไหน แต่ถ้าได้ตัวเอี้ยมาบริหาร กำไรเข้ากระเป๋ามัน แต่ประเทศย่อยยับแน่


โครงการนี้เกิดในสมัยแม้วครับ หลังจากที่ขุดคอคอดกระไม่ได้ แล้วตอนนั้นมีวิกฤตการณ์การเมืองขึ้นมา แล้วสองรัฐบาลต่อมาก็เร่งรีบรวบรัดเหลือเกินในการที่จะให้ดูไบเวิร์ลเข้าไปทำ
พอมาเป็นประชาธิปัตย์ ก็มีการศึกษาโครงการอีกรอบนึง ฉบับแรก สภาพัฒน์บอกให้ทำต่อคุ้มค่าต่อการลงทุน แล้วก็มีการถกกันว่าจะดำเนินการแบบไหน แล้วไม่รู้อีท่าไหน ผลการศึกษาของสภาพัฒน์ที่ได้รับเงินสนับสนุนโดย
อิตัลไทย ออกมาว่าท่าเรือทวายคุ้มกว่า ปากบาราไม่คุ้ม (พอได้เงินจากอิตัลไทย ผู้ได้รับสัมปทานการพัฒนาท่าเรือทวาย ผลเปลี่ยนได้เลยวะเฮ้ย) ตอนนั้นภาคเอกชนอื่นๆก็บ่นกันเสียงระงมอ่ะครับ ส่วนเรื่องการต่อต้านนี่ มันมีประเด็นที่น่าเอะใจครับ ตรงที่ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องออกมาบ่นเป็นเสียงเดียวกันครับว่าตอนสำรวจประชามติครั้งแรกๆ ประชาชนที่นั่นให้การสนับสนุนเป็นอย่างดี และมีการส่งคณะเข้าไปทำความเข้าใจกับประชาชน แล้วจู่ๆทัศนคติก็เปลี่ยนไป เป็นการโวยวายเรื่องผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมแทน

ผมเชื่อว่าคนที่เรียกร้องเรื่องสิ่งแวดล้อมจริงๆ ก็คงจะมี แต่มันก็อดนึกไม่ได้ครับถึงตอนก่อนจะสร้างสนามบินที่หนองงูเห่าที่มี เอ็นจีโอบางกลุ่มไปรับเงินจากประเทศเล็กๆประเทศหนึ่ง ให้หาเรื่องออกมาต้านการสร้างสุวรรณภูมิ เพื่อให้สนามบินชางฮีของมันขยายปรับปรุงเสร็จ ผมก็อดนึกไม่ได้น่ะครับ เพราะถ้าทำดีๆ ไอ้เกาะเล็กๆนั่นก็จะขาดรายได้ไปเยอะเหมือนกัน

ถ้าจะทำเกี่ยวกับการท่องเที่ยว ผมก็ไม่ขัดอ่ะครับ แต่ถ้าโครงการท่าเรือน้ำลึกปากบาราต้องโดนยกเลิกไปเพราะผลการศึกษาถูกบิดเบือน หรือนักการเมืองเราถูกซื้อโดยประเทศเกาะเล็กๆ ผมก็รับไม่ได้อ่ะครับ เพราะมันทำให้เราเสียผลประโยชน์มหาศาลในระยะยาว ส่วนตัวผมเชื่อว่า พอผลการศึกษาบิดเบือน มันก็เลยทำให้การตัดสินใจมันโดนบิดเบือนไปมากกว่าสำหรับกรณีของปชป