อะไรจะสำคัญไปกว่า ชีวิต ความเป็นอยู่ที่ดีของ ประชาชนเพื่อนร่วมชาติ
ผมคิดว่า หากเราไม่มองโลกในแง่่ร้ายจนเกินไปนัก มนุษย์ทุกคนต้องพึ่งพากัน ไม่ใช่แก่งแย่งกัน กรณีไม่ว่าจะเป็นปราสาท
หรือพื้นที่ 4.6 ก็ตามแต่ ทั้งสองประเทศ ก็น่าจะหาประโยชน์ร่วมกันได้ ตัวอย่างในEU ก็มี Muskau Park ที่อยู่ในพรมแดน
ที่ติดกันของประเทศเยอรมนีกับประเทศโปแลนด์ ยูเนสโกได้ประกาศให้เป็น “มรดกโลก” มรดกโลกแห่งนี้ เป็นตัวอย่าง
ความร่วมมือทางมรดกวัฒนธรรมและพรมแดนระหว่างเยอรมนีและโปแลนด์ที่น่าสนใจยิ่ง โดย Muskau Park แห่งนี้เป็น
สวนภูมิทัศน์ความร่วมมือกั้นระหว่างโปแลนด์และเยอรมนีในการเสนอสวนภูมิทัศน์Muskau Parkเป็นมรดกโลกต่อยูเนสโก
เป็นสิ่งที่ชี้ให้เห็นได้ชัดว่าทั้งสองประเทศเลือกเส้นทางประการหลัง เพราะเส้นทางนี้เป็นเส้นทางแห่งโอกาสปัจจุบันนี้
Muskau Park เป็นมรดกโลกข้ามพรมแดนที่มีนักท่องเที่ยวจำนวนมาก
ลิงค์ครับ ไปชมกัน สวยดี
http://www.muskauer-park.de/?cat=8กรณีพื้นที่ 4.6 นั้นขึ้นศาลโลกเมื่อไร เราก็จะเสียเมื่อนั้น(เว้นแต่คนจะไม่รับมติศาลโลกอีก ทำสงครามครองโลกไปเลย)
เพราะเป็นผลสืบเนื่องมาจาก MOU43 ของ ปชป.นั่นเอง ทางตรงกันข้าม กรณีคุณนพดล แถลงการณ์ดังกล่าวเป็นครั้งแรก
ที่กัมพูชายอมรับว่า 4.6 ตารางกิโลเมตรเป็นพื้นที่ทับซ้อนทั้งที่ก่อนหน้านั้น กัมพูชายืนยันว่าเป็นของเขาแต่เพียงฝ่ายเดียว
ซึ่งทำให้ทั้งสองประเทศ จัดสรรแบ่งปันใช้ประโยชน์ร่วมกันได้