สื่อนอกชี้นโยบายเพื่อไทยทำข้าวแพง
04 กรกฎาคม 2554 เวลา 20:38 น.
http://slki.ru/6SS
สื่อนอกชำแหละนโยบายพรรคเพื่อไทย เก็งราคาข้าวขึ้นแน่ คาดธุรกิจอุปโภคบริโภคเตรียมอู้ฟู่
หลังจากรับทราบชัยชนะของพรรคเพื่อไทยในการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ สื่อต่างชาติได้เริ่มต้นวิเคราะห์นโยบายทางเศรษฐกิจของพรรคเพื่อไทย เพื่อคาดการณ์แนวโน้มทิศทางเศรษฐกิจของประเทศไทยในครึ่งปีหลังและในอนาคตข้างหน้า
สำนักข่าวบลูมเบิร์กเผยแพร่รายงานที่ได้จากการสำรวจเจ้าของโรงสี ผู้ส่งออก และผู้ค้าข้าวซึ่งระบุตรงกันว่า ราคาส่งออกข้าวของประเทศไทยจะไต่อันดับขึ้นไปสูงถึง 810 เหรียญสหรัฐ (ราว 2.46 หมื่นบาท) ต่อตัน ภายในวันที่ 31 ธ.ค.ปีนี้ หรือเพิ่มขึ้นกว่า 56%
ทั้งนี้ ราคาข้าวที่เพิ่มสูงขึ้นเป็นผลมาจากนโยบายประกันราคาข้าวของพรรคเพื่อไทยที่เสนอว่าจะจำนำราคาข้าวที่ 15,000 บาทต่อเกวียนหรือเกือบ 500 เหรียญสหรัฐ ถือเป็นราคาที่สูงกว่าอัตราเดิมถึง 63% จะยังผลให้ต้นทุนการขนส่ง และต้นทุนการส่งออกอีกเป็นจำนวนมาก
การที่ราคาข้าวของผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่ที่สุดของโลกอย่างประเทศไทยปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น จะยิ่งทำให้ราคาในตลาดโลกมปรับตัวเพิ่มขึ้นไปในทิศทางเดียวกัน ขณะเดียวกันก็เอื้อประโยชน์ใหักับคู่แข่งคนสำคัญอย่างเวียดนามที่สามารถขายข้าวในราคาที่ถูกกว่าประเทศไทยได้
ขณะเดียวกัน ทางรอยเตอร์สได้ตีพิมพ์รายงานวิเคราะห์ถึงประโยชน์มากน้อยที่แต่ละบริษัทจะได้รับจากนโยบายของพรรคเพื่อไทย
โดยรอยเตอร์สระบุว่า นโยบายหลักของพรรคเพื่อไทยภายใต้การนำของยิ่งลักษณ์ ชินวัตร คือการกระตุ้นให้ประชาชนเกิดการใช้จ่าย ซึ่งวิธีการดังกล่าวจะเอื้อประโยชน์โดยตรงต่อภาคธุรกิจค้าปลีกและอสังหาริมทรัพย์
ทั้งนี้ ธุรกิจค้าปลีกที่มีแนวโน้มจะได้รับอานิสงค์เต็มที่ก็คือบริษัทซีพี ออล์ ยักษ์ใหญ่ค้าปลีกอย่างบิ๊กซี สยาม แม็กโคร และผู้ค้าวัสดุอุปกรณ์ก่อสร้างและตกแต่งบ้านอย่าง โฮม โปรดัก เซ็นเตอร์
ในส่วนของภาคอสังหาริมทรัพย์นั้น จากนโยบายดอกเบี้ย0% ในการซื้อบ้าน ยกเว้นค่าธรรมเนียมการโอนและการจำนอง ตลอดจนลดภาษี 50% สำหรับการซื้อบ้านหลังแรก นับเป็นแรงจูงใจให้ผู้บริโภคตัดสินในซื้อบ้านได้ไม่ยาก จนทำให้นักวิเคราะห์คาดการณ์อย่างไม่ยากเย็นว่า ธุรกิจอสังหาริมทรัยพ์ในกลุ่มคนชั้นกลาง มีสิทธิ์เติบโตได้ดี ซึ่งจะส่งผลต่อเนื่องมาที่ธุรกิจก่อสร้างอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้
โดยอิตาเลียน-ไทย และช.การช่าง ในกลุ่มธุรกิจก่อสร้างถือได้ว่าได้ประโยชน์เต็มที่ ขณะที่บริษัทซิโน-ไทย อาจจะไม่เติบโตดีเท่าที่ควร เนื่องจากเชาวรัตน์ ชาญวีระกุล ผู้ก่อตั้ง มีจุดยืนตรงข้ามกับพรรคเพื่อไทย
ส่วนธุรกิจที่น่าจับตามองที่สุดหนีไม่พ้น ภาคโทรคมนาคมของประเทศที่พรรคเพื่อไทยมีนโยบายเปิดเสรีมากขึ้น ซึ่งรอยเตอร์สมองว่าบริษัทที่น่าจะได้รับประโยชน์เต็มที่คือเอไอเอส และชินคอร์ป ธุรกิจในตระกูลชินวัตร ขณะที่คู่แข่งอย่างทรู มีแนวโน้มเจอกับศึกหนัก
ทั้งนี้ ในช่วงท้ายของรายงาน รอยเตอร์สได้สรุปถึงธุรกิจในกลุ่มรัฐวิสาหกิจ ทั้งบริษัทการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย (ปตท.) การบินไทย ธนาคารกรุงไทย และองค์การสื่อมวลชนแห่งประเทศไทย (อสมท.หรือเอ็มคอท) โดยระบุว่าในสายตาของบรรดานักวิเคราะห์ต่างมองว่า บริษัทเหล่านี้มีแนวโน้มที่จะถูกการเมืองแทรกแซงมากขึ้น ขณะที่รัฐบาลเองก็จะใช้เงินอุดหนุนต่อไป