S&PเตือนฐานะคลังไทยCNNชี้รัฐถังแตกหากทุ่มประชานิยม
วันที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2554
ล่าสุด S&P ออกโรวเตอนฐานะการคลังในระยะปานกลางและแจจะส่งผลต่อความเชื่อมั่นในระยะยาว หากรัฐบาลใหม่ใช้จ่ายเงินตามนโยบายหาเสียงจนทำให้เกิดการขาดดุลโดยเฉพาะนโยบายจำนำราคาข้าวตันละ 15,000 บาท ขณะที่ซีเอ็นเอ็นตั้งคำถามรัฐบาลพรรคเพื่อไทย สามารถรักษาสัญญาที่ให้ไว้ได้หรือไม่ เตือนนโยบายประชานิยมต้องใช้งบสูงกว่างบประมาณประเทศ 5 เท่า อาจทำให้เงินหมดประเทศภายใน 1 ปี ด้าน "เอเอฟพี"ชี้ประชาธิปัตย์พ่ายเลือกตั้ง เหตุ "อภิสิทธิ์" เข้าไม่ถึงรากหญ้า ขณะที่กัมพูชา แสดงความยินดีกับพรรคเพื่อไทยที่คว้าชัยชนะอย่างถล่มทลาย เอเอฟพี ชี้ "อภิสิทธิ์" จะยังไม่หายหน้าไปจากเวทีการเมือง แต่จะยังมีบทบาทอีกยาวนาน ด้านสหรัฐ อียู ชมคนไทยใช้สิทธิคึกคัก
สำนักข่าวซีเอ็นเอ็น รายงานวานนี้ (4 ก.ค.) ถึงผลการเลือกตั้งในไทย โดยระบุว่า การเลือกตั้งครั้งที่ 4 ในรอบ 7 ปีของไทยนี้ ผู้มีสิทธิออกเสียงได้ตัดสินใจครั้งประวัติศาสตร์ ที่จะทำให้ประเทศมีผู้นำเป็นนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของประเทศ
นักวิเคราะห์หลายคนวิตกว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ซึ่งกำลังจะก้าวขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของประเทศ จะบริหารประเทศภายใต้ร่มเงาของพี่ชาย คือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ซึ่งเป็นเรื่องที่เธอปฏิเสธมาตลอด
ซีเอ็นเอ็น ระบุด้วยว่า ความตึงเครียดระหว่างพรรคประชาธิปัตย์ และพรรคเพื่อไทย สะท้อนถึงความแตกแยกอันร้าวลึกในสังคมไทย โดยเมื่อปีที่แล้ว กลุ่มคนเสื้อแดงที่สนับสนุนพรรคเพื่อไทย ประท้วงต่อต้านรัฐบาลของนายอภิสิทธิ์ ซึ่งหลังเกิดจลาจล รัฐบาลได้พยายามจะทำงานเพื่อให้เกิดความประนีประนอมในชาติ รวมถึงการเยียวยาการแตกแยกทางชนชั้นและทางการเมือง
แต่ในการเลือกตั้งที่ผ่านมา พบว่า ผู้มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้งต่างแสดงความวิตกต่อปัญหาเศรษฐกิจ และต้องการผู้นำที่จะลดช่องว่างระหว่างรายได้กับค่าครองชีพที่พุ่งทะยานขึ้น ผู้มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้งหลายคน ให้ความเห็นว่า เรื่องเรียนฟรีเป็นเรื่องที่ดี หรือเรื่องการให้เงินสงเคราะห์คนชรา ก็เป็นเรื่องที่ดี ซึ่งที่จริงแล้วนโยบายของทุกพรรคนั้นต่างก็ดีหมด แต่คำถามก็คือ พวกเขาจะทำตามที่รับปากไว้ได้หรือไม่
โดยที่จริง สองพรรคใหญ่ ต่างก็มีนโยบายที่คล้ายคลึงกัน ทั้งเรื่องการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ เรียนฟรี และการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ ซึ่งเป็นสิ่งผู้มีสิทธิเลือกตั้งต้องการจะได้ยิน แต่นักวิเคราะห์หลายคนระบุว่า โครงการเหล่านี้ ฟุ่มเฟือยเกินกว่าที่ประเทศไทยจะสามารถรองรับได้ไหว
ซีเอ็นเอ็น อ้างความเห็นของนายสุพงษ์ ลิ้มธนากุล จากศูนย์ศึกษากลยุทธ์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ ที่ระบุว่า พรรคการเมืองใหญ่ทั้ง 2 พรรค ให้คำมั่นในเรื่องที่จะทำตามคำพูดได้ยาก
นายสุพงษ์ ระบุว่า โครงการฟุ่มเฟือยต่างๆ ต้องใช้เงินเพิ่มเติมอีกประมาณ 1.5 - 7.5 ล้านล้านบาท ซึ่งสูงกว่างบประมาณของประเทศถึง 5 เท่า และหมายความว่า ถ้าทำแบบนี้จริง ไทยก็คงตกอยู่ในสภาพถังแตกภายในเวลาเพียงปีเดียว
เขมรสุดปลื้มเพื่อไทยชนะเลือกตั้ง
ขณะสำนักข่าวซินหัวของทางการจีน รายงานอ้างนายฮอร์ นัม ฮง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีต่างประเทศกัมพูชาว่า กัมพูชาขอแสดงความยินดีกับพรรคเพื่อไทยที่คว้าชัยชนะอย่างถล่มทลายจากการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อวันอาทิตย์ (3 ก.ค.) โดยกล่าวว่า "เราไม่อาจปิดบังได้ว่าเรามีความสุขกับชัยชนะของพรรคเพื่อไทย"
นายฮอร์ นัม ฮง ยังแสดงความหวังจะทำงานร่วมกับรัฐบาลใหม่ที่มีพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำ เพื่อคลี่คลายกรณีพิพาทชายแดนได้อย่างสร้างสรรค์มากกว่ารัฐบาลชุดก่อน โดยย้ำว่ากัมพูชาต้องการยุติปัญหาขัดแย้งบริเวณชายแดนที่เป็นธรรมและสันติ บนพื้นฐานกฎหมายระหว่างประเทศ ความเป็นเพื่อนบ้านที่ดี มิตรภาพระหว่างชาวกัมพูชาและชาวไทย ตลอดจนคำพิพากษาของศาลโลกปี 2505
ส่วนกรณีที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กำลังจะเป็นนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกนั้น สำนักข่าวต่างประเทศอ้างความเห็นของกลุ่มผู้หญิงที่มองว่าเป็นย่างก้าวสำคัญของผู้หญิงในประเทศที่มีความเท่าเทียมในการเข้าไปนั่งทำงานในทำเนียบรัฐบาล
ผู้หญิงบางคนให้ความเห็นว่ารอเวลาที่จะได้ผู้หญิงเป็นนายกรัฐมนตรี หลังจากเห็นความล้มเหลวของผู้ชายหลายคน และอาจถึงเวลาแล้ว ที่จะได้เห็นความแตกต่างในสิ่งที่มีผู้หญิงทำได้และผู้ชายทำไม่ได้ ซึ่งก็คือความประณีตพิถีพิถัน
อย่างไรก็ดี มีคนตั้งข้อสังเกตว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ จะสามารถทำงานได้ด้วยตัวเองหรือไม่ ซึ่งถ้าการเป็นนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรก หมายถึงการทำเพื่อผลประโยชน์ของบุคคลเพียงคนเดียวหรือมีผู้ชายคอยกุมบังเหียนอยู่เบื้องหลัง ก็เป็นเรื่องที่ไม่อาจยอมรับได้
ส่วนนักวิเคราะห์การเมืองให้ความเห็นว่า ยังเร็วเกินไปที่จะบอกได้ว่า เธอจะเป็นผู้นำแบบไหน เพราะรู้กันแต่เพียงว่า เธอไม่มีประสบการณ์ทางการเมือง แต่เป็นไปได้ที่เธอจะมีกองทัพของผู้ทรงคุณวุฒิ และที่ปรึกษาทางเศรษฐกิจคอยให้ความช่วยเหลือและให้คำแนะนำต่างๆ
ระบุ "อภิสิทธิ์" เข้าไม่ถึงรากหญ้า
สำนักข่าวเอเอฟพี รวมทั้งเว็บไซต์หนังสือพิมพ์สเตรต ไทม์ส ของสิงคโปร์ ได้วิเคราะห์สาเหตุความพ่ายแพ้ของพรรคประชาธิปัตย์ ภายใต้การนำของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ว่า เป็นเพราะไม่อาจเอาชนะใจคนยากจนในพื้นที่ชนบท หรือ พวกรากหญ้า ซึ่งส่วนใหญ่ยังคงภักดีต่อ พ.ต.ท.ทักษิณ
โดยนักสังเกตการณ์ทางการเมืองได้เปรียบเทียบความเป็นผู้นำของนายอภิสิทธิ์ ว่า เย็นชาและห่างเหิน ทำให้เข้าไม่ถึงกลุ่มคนที่ภักดีต่อ พ.ต.ท.ทักษิณ แม้กระทั่งในช่วงวันท้ายๆ ของการหาเสียง นายอภิสิทธิ์ ก็ยังเข้าถึงฝูงชนได้ไม่เท่ากับ น.ส.ยิ่งลักษณ์
ส่วนกรณีที่นายอภิสิทธิ์ ลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ นักวิเคราะห์เชื่อว่านายอภิสิทธิ์ จะยังไม่หายหน้าไปจากเวทีการเมือง แต่จะยังมีบทบาทอีกยาวนาน
สหรัฐชมคนไทยใช้สิทธิคึกคัก
นางวิคตอเรีย นูแลนด์ โฆษกกระทรวงต่างประเทศสหรัฐ แถลงแสดงความยินดีกับประชาชนคนไทย ซึ่งเป็นพันธมิตรเก่าแก่ของสหรัฐ ออกมามีส่วนร่วมการเลือกตั้งทั่วไปในวันอาทิตย์กันอย่างล้นหลาม พร้อมกับคาดหวังจะทำงานกับรัฐบาลใหม่เพื่อขยายและกระชับความร่วมมือ โดยตั้งอยู่บนค่านิยมและความเคารพซึ่งกันและกันต่อไป
นอกจากนี้ สหรัฐยังคาดหวังทำงานร่วมกับพรรคฝ่ายค้าน และภาคประชาสังคมดังที่กระทำมาเสมอต่อไปเช่นกัน
เช่นเดียวกับนางแคเธอรีน แอชตัน กรรมาธิการด้านนโยบายต่างประเทศของสหภาพยุโรป (อียู) ที่ออกมาแสดงความยินดีต่อการเลือกตั้งไทย ที่ดำเนินไปอย่างเรียบร้อย พร้อมแสดงความหวังว่าจะทำให้เกิดความปรองดองขึ้นมา
นางแอชตัน แสดงความหวังว่าผลการเลือกตั้งจะเป็นพื้นฐานที่แข็งแกร่งสำหรับทุกกลุ่มการเมืองในการผนึกกำลังกัน แก้ไขประเด็นสำคัญๆ ทางการเมืองและสังคมที่ประเทศไทยกำลังเผชิญในระยะปานกลาง และว่า สภาพการณ์ดังกล่าวจะช่วยสานต่อความสัมพันธ์ของไทยกับอียู และส่งเสริมบทบาทสำคัญของไทยในอาเซียน รวมถึงบนเวทีโลก
------------------------