ศาลโลกตัดสินแล้ว...ไม่มีใครอ้างชัยชนะได้
Posted by สุทธิชัย หยุ่น
วินิจฉัยของศาลโลกวันนี้ ทั้งไทยและกัมพูชาต่างอ้างว่าเป็น "ชัยชนะ" ของตัวเองได้...แต่เป็นชัยชนะที่จำกัด, บนเงื่อนไขที่ว่าจะต้องยอมอีกฝ่ายหนึ่งในบางเรื่อง, ไม่มีใครได้ทั้งหมดที่ต้องการ
คอยดู พาดหัวหนังสือพิมพ์พรุ่งนี้ จะเห็นความแตกต่างของมุมมอง บางฉบับอาจจะบอกว่าไทยกับเขมรต้องถอนทหารจากบริเวณพิพาททั้งคู่ ทั้ง ๆ ที่เขมรคิดว่าจะขอให้ศาลโลกสั่งไทยถอนฝ่ายเดียว
บางฉบับอาจจะบอกว่าไทยชนะ, บางฉบับอาจจะบอกว่าเขมรชนะ..แต่ผมเห็นว่าศาลโลกต้องการจะไกล่เกลี่ยไม่ให้การเผชิญหน้าระหว่างสองประเทศร้ายแรงกว่านี้
แน่นอนว่า นักกฎหมายบางคนบอกว่าไม่เคยมีประเทศไหนทำตามคำสั่ง "คุ้มครองช่ั่วคราว" ของศาลโลกในอดีตเลย ไทยจึงไม่จำเป็นต้องทำตามด้วย
การประกาศของศาลโลกให้มี "เขตปลอดทหารชั่วคราว" หรือ Provisional Demilitarized Zone (DMZ) ก็เป็นประเด็นใหม่ระหว่างสองประเทศ แต่อีกด้านหนึ่ง ศาลโลกก็ให้เรื่องนี้กลับไปสู่อาเซียนที่มีอินโดนีเซียเป็นประธานและผู้พยายามไกล่เกลี่ยโดยที่ "คณะผู้สังเกตการณ์" ของอินโดฯจะทำหน้าที่ตามที่เคยเป็นมติของคณะมนตรีของความมั่นคงของสหประชาชนหรือ UN Security Council.
(11 ต่อ5... Both Parties shall immediately withdraw their military personnal currently present in the provisional demilitarized zone...and refrain from any military presence within that zone and from any armed activity directed at that zone."
ที่ไทยเสียคือที่ไม่สามารถตีตกคำร้องขอของกัมพูชาให้ศาลโลก "ตีความ" คำตัดสินของศาลเมื่อ 1962 ว่าด้วยเขาพระวิหารเพราะศาลมีมติว่าเรื่องนี้อยู่ในอำนาจของศาลที่จะทำอย่างนั้นได้ ซึ่งแปลว่าเรื่องนี้จะยังคงค้างอยู่ในศาลโลกไปอีกระยะหนึ่ง
เรื่องที่ไทยได้คือศาลโลกสั่งให้เขมรต้องถอนทหารออกจากเขตพิพาทเช่นกัน ทั้ง ๆ ที่เขมรเคยคาดว่าจะขอให้ศาลสั่งไทยถอนทหารออกไปแต่เพียงฝ่ายเดียว
ที่ไทยต้องยอมอีกเรื่องหนึ่งคือที่ศาลโลกสั่งให้ไทยเปิด "free access" ให้ฝ่ายเขมรผ่านเข้าไปหรือส่งเสบียงอาหารไปยังบุคลากรที่ไม่ใช่ทหารที่ปราสาทพระวิหาร
(15 ต่อ 1:Thailand shall not obstruct Cambodia's free access to the Temple of Preah Vihear or Cambodia's provision of fresh supplies to its non-military personnel in the Temple)
แต่ไทยก็อ้างได้ว่าสามารถทำให้ศาลโลกโยนเรื่องนี้กลับมาในเวทีอาเซียนอีกรอบหนึ่ง ไม่เป็นไปตามที่กัมพูชาพยายามจะลากเรื่องนี้ไปสู่เวทีสากลตลอด
(15 ต่อ 1: Both Parties shall continue the cooperation which they have entered into within ASEAN and , in particular, allow the observers appointed by that organization to have access to the provisional demilitarized zone)
สรุปได้ว่าศาลโลกไม่ต้องการให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งได้สิ่งที่ตนต้องการทั้งหมด และให้กลับไปสู่ "โหมดเจรจา" ระหว่างที่ "ระงับการสู้รบ" โดยมี "ผู้สังเกตการณ์" ของอาเซียนเป็นผู้ทำหน้าที่รายงานให้เป็นไปตามข้อตกลงนั้นแปลว่าทั้งไทยและกัมพูชาจะอ้างว่าตนชนะได้โดยที่ไม่มีใครชนะได้จริง ๆ เพราะชัยชนะที่แท้จริงจะเกิดขึ้นต่อเมื่อสองประเทศสามารถตกลงที่จะร่วมมือกันพัฒนาบริเวณพิพาทนั้นให้เกิดประโยชน์ต่อประชาชนทั้งสองฝ่ายอย่างแท้จริง โดยไม่ใช้ประเด็นนี้เป็นเรื่องการเมืองหาเสียงภายในประเทศของตนหรือใช้เพื่อสร้างผลประโยชน์แก่ตนเองและพรรคพวกของตน
http://www.oknation.net/blog/black/2011/07/18/entry-1