จี้เคลียร์หนี้จำนำข้าว ค้างบัญชีเก่า1.5แสนล้าน ธ.ก.ส.ขอรบ.ใหม่สะสาง ก่อนเริ่มโครงการใหม่
ธ.ก.ส.เตรียมรวบรวมข้อมูลชงรัฐบาลใหม่พร้อมลุย โครงการประชานิยม อาทิ พักหนี้ บัตรเครดิตเกษตรกร ส่วนการรับจำนำข้าวขอให้รัฐบาลช่วยเคลียร์หนี้จำนำข้าวล็อตเก่าที่ค้างอยู่ 1.5-16 แสนล้านบาทก่อน รวมทั้งจัดหาแหล่งทุนที่จะมารับจำนำล็อตใหม่ที่ต้องใช้สูงถึง 1.5 แสนล้านบาท
นายประกิต เชวงนิรันดร์ ผู้ช่วยผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.)ในฐานะกำกับดูแลโครงการตามนโยบายรัฐบาล เปิดเผยว่า ธ.ก.ส.อยู่ระหว่างเตรียมข้อมูล เพื่อเสนอให้รัฐบาลพรรคเพื่อไทยพิจารณา หากต้องการให้ธ.ก.ส.ดำเนินโครงการตามนโยบายต่างๆที่มีการหาเสียงไว้ ประกอบด้วย 1.การพักหนี้ครัวเรือนละ 5 แสนบาท ระยะเวลา 3 ปี โดยจะเสนอข้อมูลเป็นทางเลือกว่า รัฐบาลจะดำเนินการในลักษณะใดได้บ้าง หรือทำเหมือนที่เคยทำมาแล้วสมัยรัฐบาลพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรคือ พักหนี้ต่อรายทันที 1 แสนบาทหรือพักเฉพาะหนี้ที่มีปัญหาเหมือนสมัยรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช หรือจะเป็นแนวทางอื่น
ทั้งนี้ที่ผ่านมา โครงการพักหนี้เกษตรกรในส่วนที่มีหนี้ไม่เกิน 1 แสนบาท มีเกษตรกรเข้าข่ายกว่า 70% ของลูกค้าธ.ก.ส.ทั้งหมด หรือประมาณ 3 ล้านจากทั้งหมด 4 ล้านครัวเรือน ดังนั้นหากจะพักหนี้ไม่เกิน 5 แสนบาทต่อครัวเรือน ปริมาณลูกค้าเข้าร่วมโครงการน่าจะอยู่ในระดับเดียวกัน ขณะที่การพักเฉพาะหนี้ที่มีปัญหา จะมีลูกค้าเข้าโครงการประมาณ 20% ซึ่งข้อมูลทั้งหมดนี้จะเสนอให้พรรคเพื่อไทย ก่อนกำหนดนโยบายอีกครั้ง
เรื่องที่ 2. โครงการรับจำนำข้าว คาดว่าธ.ก.ส.จะเริ่มดำเนินการตามนโยบายได้ทันทีในฤดูการปลูกข้าวนาปี ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2554 ภายใต้เงื่อนไขราคารับจำนำข้าวเปลือกเจ้าตันละ 15,000 บาท ข้าวหอมมะลิ 2 หมื่นบาท ซึ่งธ.ก.ส.พร้อมดำเนินการ เพราะมีระบบอยู่แล้ว
แต่มีข้อเสนอให้รัฐบาลดูแลเรื่องเงินทุน 2 ส่วนคือ 1.ภาระหนี้ในอดีตประมาณ 1.5-1.6 แสนล้านบาท ซึ่งเกิดจากการดำเนินโครงการรับจำนำช่วงที่ผ่านมา และ 2. เงินทุนสำหรับดำเนินโครงการรอบใหม่ รัฐจะจัดสรรเงินส่วนไหนมาให้ดำเนินการ จะกู้มาให้ธ.ก.ส.ดำเนินการหรือให้ ธ.ก.ส.กู้ แล้วรัฐค้ำประกันให้
อย่างไรก็ดี ระหว่างโครงการรับจำนำกับการรับประกันรายได้ของรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ มีข้อดีข้อเสียแตกต่างกัน การจำนำข้าวมีข้อเสียเรื่องการทุจริต ที่ต้องปิดช่องโหว่แต่ละกระบวนการและการเก็บข้าวไว้เป็นเวลานาน ส่งผลให้คุณภาพข้าวไม่ดี ขายได้ราคาต่ำ ส่วนข้อดีคือ สามารถดูดซับพลายจากการผลิตออกมาทันที ต่างกับการประกันรายได้ ที่มีจุดอ่อนคือ ไม่สามารถดูดซับพลายได้ทันที เป็นแรงกดดันให้ราคาข้าวลดลง แต่มีข้อดีที่ไม่ค่อยมีปัญหาทุจริตและเกษตรกรได้รับประโยชน์อย่างทั่วถึง
"จำนำข้าวรอบใหม่นี้ เราอาจเสนอให้เฉพาะเกษตรกรที่มีการขึ้นทะเบียนหรือผ่านการทำประชาคมแล้ว เพราะในประวัติจะกำหนดว่า ทำเกษตรอยู่ที่ไหนพื้นที่เท่าไหร่ ผลผลิตต่อไร่ควรเป็นเท่าไหร่ เพื่อประโยชน์ของการรับจำนำ รวมถึงเพื่อให้ตรวจสอบได้ว่า เป็นเกษตรกรตัวจริง ทั้งนี้ประเมินเบื้องต้นว่า จำนำรอบใหม่ต้องใช้เงินถึง 1.5 แสนล้านบาท"
นายประกิต กล่าวอีกว่า เรื่องที่ 3. โครงการบัตรเครดิตเกษตรกร ธ.ก.ส.ยอมรับว่า ยังไม่มีประเภทบัตรนี้ ซึ่งตามนโยบายพรรคเพื่อไทยประกาศไว้คือ จะให้เกษตรกรมีบัตรเครดิตและมีวงเงิน สามารถนำบัตรไปรูดซื้อปุ๋ย ยา จากร้านค้าและค่อยมาขึ้นเงินกับธกส. โดยส่วนนี้คงต้องใช้เวลาดำเนินงานประมาณ 3-4 เดือน ในการพัฒนาระบบรองรับ แต่เชื่อว่า จะทันสำหรับการเพาะปลูกรอบใหม่ในช่วง ธันวาคม 2554 - มกราคม 2555
ทั้งนี้ ในหลักการเบื้องต้น ถ้ามีเกษตรกรมาขอกู้วงเงิน 1 แสน ธ.ก.ส.อาจกันวงเงิน 30% สำหรับใช้ซื้ออุปกรณ์การเกษตร แต่ตอนนี้ปัญหาของโครงการนี้อยู่ที่ระบบ ถ้าระบบเสร็จก็สามารถดำเนินการได้ทันที ส่วนผู้ที่สามารถเข้าร่วมโครงการก็เป็นเกษตรกรทุกราย ทั้งที่เป็นและไม่เป็นลูกค้าธ.ก.ส. เพราะปัจจุบันเกษตรกรกว่า 90% เป็นลูกค้าของธ.ก.ส.ทั้งหมด
ขณะที่เกษตรกรที่ไม่ใช่ลูกค้าและต้องการเข้าโครงการ ก็ต้องมาลงทะเบียนกับธ.ก.ส.และหากเข้าเกณฑ์ของธนาคาร ก็จะอนุมัติสินเชื่อให้ ในส่วนของอัตราดอกเบี้ย จะคิดในอัตราของธ.ก.ส. ไม่ใช่อัตราดอกเบี้ยบัตรเครดิต
ส่วนเรื่อง กองทุนหมู่บ้านที่พรรคเพื่อไทยมีนโยบายจะเพิ่มวงเงินจาก 1 ล้านเป็น 2 ล้าน นั้น ไม่เกี่ยวกับธ.ก.ส.เพราะปัจจุบันทุกกองทุนยังมีหนี้กับสำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง หากสำนักงานดังกล่าวสามารถหาเงินมาให้กองทุนได้ ก็แจกจ่ายกันไป ไม่เกี่ยวกับธ.ก.ส. ซึ่งแตกต่างกับช่วงแรกที่เริ่ม 8 หมื่นหมู่บ้าน 8 หมื่นกองทุน โดย ธ.ก.ส.ดูแล 1.6 หมื่นกองทุน ธนาคารออมสินดูแล 6.25 หมื่นกองทุน และ ธ.ก.ส.ก็ทำหน้าที่ดูแลในส่วนดังกล่าวต่อไป
http://www.naewna.com/news.asp?ID=271187
จะเอาเงินมาจากไหน ??