
เปิดเส้นทางชีวิตการเมือง “ดร.ปึ้ง:สุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล” อดีต ส.ส.เขต 1 เชียงใหม่ พรรคประชาธิปัตย์ ที่จุดไฟเผาบ้านเก่าที่ให้แจ้งเกิดทางการเมืองด้วยการยื่นร้อง “ยุบพรรค” ที่ตนเองเคยสังกัดอยู่ พร้อมกับเปิดปฏิบัติการสายเหยี่ยวต่อต้านพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยอย่างต่อเนื่อง ก่อนที่จะกระโดดเกาะชายคา ทรท. เพื่อหวังสิทธิ์ลงสมัคร ส.ส.เขต 2 เชียงใหม่แทนน้องชาย “ทักษิณ”
“ดร.ปึ้ง” หรือ ดร.สุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล เกิดเมื่อ 1 พ.ค.2496 จบการศึกษาระดับปริญญาตรีจากวิศวกรรมศาสตร์บัณฑิต มหาวิทยาลัยขอนแก่น ปริญญาโทวิศวกรรมศาสตร์ (วิศวะเครื่องกล) สหรัฐอเมริกา ปริญญาเอกวิศวกรรมศาสตร์ (วิศวะเครื่องกล) สหรัฐอเมริกา
แจ้งเกิดทางการเมืองในสนามเลือกตั้ง ส.ส.เขต 1 เชียงใหม่ ในนามพรรคประชาธิปัตย์ และได้เป็น ส.ส.สมัยแรกเมื่อปี 2539 แต่ในการเลือกตั้ง 6 ม.ค.44 ได้ลงสมัครในระบบเขตเลือกตั้งเขตเดิมอีกครั้ง โดยได้คะแนน 25,686 คะแนน แต่พ่ายแพ้ให้กับ “ปกรณ์ บูรณุปกรณ์” อดีต ส.ส.เขต 1 เชียงใหม่ พรรคไทยรักไทย ที่ได้คะแนน 33,605 คะแนน ต่อมาการเลือกตั้ง 6 ก.พ. 2548 ที่ผ่านมา “ดร.ปึ้ง” ก็ยังคงสังกัดพรรคประชาธิปัตย์ ที่เขาแจ้งเกิดทางการเมืองมา แต่หนีจากระบบเขตมาลงสมัครในระบบบัญชีรายชื่อของ ปชป.ในลำดับที่ 41 เพียงแต่พลาดหวังไม่ได้เข้าสภาอีกครั้ง
ตลอดเวลา 5-6 ปีหลังการบริหารประเทศของพรรคไทยรักไทย ภายใต้การนำของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เส้นทางเดินทางการเมืองของ “ดร.ปึ้ง” ถือว่า อยู่ฝั่งตรงข้ามกับพรรคไทยรักไทยมาโดยตลอด เคยเคลื่อนไหวยื่นร้องเรียนต่อ กกต.กลางให้ตรวจสอบความถูกต้องการหาเสียงของ ส.ส.พรรคไทยรักไทย (นายปกรณ์ บูรณุปกรณ์) ข้อหาสัญญาว่าจะให้ เมื่อ 6 ก.ค.46 เป็นต้น
กระทั่งปลายปี 48 ต่อเนื่องถึงปัจจุบัน “ดร.ปึ้ง” ที่ชื่อเสียงเงียบหายไปจากแวดวงการเมืองมาระยะหนึ่ง โผล่หน้าตาขึ้นหน้า 1 หนังสือพิมพ์ – โทรทัศน์ หลังจากนำทีมนักศึกษาประมาณ 20 คน ถือธงสีเขียวออกมารณรงค์ต่อต้านการเคลื่อนไหวของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ไปตามท้องถนนในกรุงเทพฯ ในนาม “เครือข่ายพลังประชาชนเพื่อประชาธิปไตย” ที่เขาตั้งตัวเป็นประธานฯ ประกาศยืนอยู่ฝั่ง พ.ต.ท.ทักษิณ – พรรคไทยรักไทย อย่างชัดเจน การเคลื่อนไหวดังกล่าวนำมาซึ่งโอกาสในการขึ้นเวทีปราศรัยที่สนามกีฬา 700 ปี จ.เชียงใหม่ เมื่อคราวที่ พ.ต.ท.ทักษิณ เดินทางมาปราศรัยใหญ่ก่อนการเลือกตั้ง 2 เม.ย.49 เป็นการเปิดตัวอย่างเป็นทางการของ “ดร.ปึ้ง” ในนามพรรคไทยรักไทย และ ตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา เขายังคงเคลื่อนไหวโจมตีฝ่ายตรงข้าม พ.ต.ท.ทักษิณ อย่างต่อเนื่อง
รวมถึงการ “จุดไฟเผาบ้านเก่าตัวเอง” ด้วยการยื่นเรื่องให้อัยการสูงสุด / ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยยุบพรรคประชาธิปัตย์ตามรัฐธรรมนูญ ม. 63 เนื่องจากกระทำการเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศโดยวิธีการซึ่งมิได้เป็นไปตามวิถีทางที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ เมื่อ 5 ก.ค.49 แต่ต่อมาศาลรัฐธรรมนูญได้ยกคำร้องไป
ตลอดจนการเคลื่อนไหวในทำนองเดียวกันอีกหลายครั้ง เช่น 6 ก.ค.49 เดินทางเข้ายื่นหนังสือต่อ พ.ต.ท.พินิจ ศิริชัย หน.สำนักงานผู้บังคับการกองปราบปราม ให้สอบสวนนายมีชัย ฤชุพันธุ์ อดีตประธานวุฒิสภา ที่เขียนบทความลงในเว็บไซต์ “มีชัยไทยแลนด์ดอทคอม” เมื่อ 4 ก.ค.49 โดยอ้างว่า บทความของนายมีชัย ตอนหนึ่ง ระบุว่า ข้อความของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่ระบุถึง “ผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญว่าเกี่ยวข้องกับสถาบันพระมหากษัตริย์” ซึ่งอาจเข้าข่ายการกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ว่าด้วยความผิดดูหมิ่นและหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ เพื่อส่งให้ผู้บังคับการกองปราบปรามพิจารณาต่อไป
วันที่ 12 กรกฎาคม 2549 “ดร.ปึ้ง” นำทีมกลุ่มคนที่อ้างตัวเป็น “แนวร่วมคนเชียงใหม่รักสันติ” พร้อมตัวแทนชาวบ้านที่ประกาศตัวเป็นกลุ่มมวลชนต่าง ๆ อาทิ กลุ่มฮักเมืองพร้าว กลุ่มแม่แตงสามัคคี กลุ่มแม่ริมรักชาติ กลุ่มแม่ริมสร้างสรรค์ กลุ่มสารภีเสรี กลุ่มเชียงใหม่สมานฉันท์ และชมรมสารภีก้าวหน้า จำนวนกว่า 200 คน มารวมตัวกัน ที่บริเวณอนุสาวรีย์สามกษัตริย์ อ.เมือง เรียกร้องให้มีการจัดการเลือกตั้ง ภายใต้กรอบรัฐธรรมนูญโดยเร็ว เป็นต้น
การออกมาเคลื่อนไหวต่อต้านฝ่ายตรงข้าม พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ของ “ดร.ปึ้ง” ตลอดระยะที่ผ่านมาเข้าตาแกนนำพรรคจนนำมาซึ่งสิทธิ์สวมเสื้อไทยรักไทย ลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ระบบเขตเลือกตั้ง ในเขต 2 เชียงใหม่ เขตเลือกตั้งที่มีผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งปลูกลำไยมากที่สุดและเป็นผลผลิตลำไยที่พรรคไทยรักไทยเองก็ยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาผลผลิตล้นตลาด–ราคาตกต่ำ–การทุจริตได้อย่างเบ็ดเสร็จ แทนนายพายัพ ชินวัตร น้องชาย พ.ต.ท.ทักษิณ ที่จะขึ้นไปอยู่ปาร์ตี้ลิสต์ ซึ่งล่าสุดถึงขั้นยึดสำนักงานสาขาเขตเลือกตั้งที่ 2 เชียงใหม่ อ.สารภี จ.เชียงใหม่ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ด้วยเหตุนี้ "ดร.ปึ้ง" จึงทำการโหมจัดกิจกรรมต่อต้านพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย–เก็บคะแนนเสียงในเขตเขตเลือกตั้งอย่างต่อเนื่อง เริ่มตั้งแต่ก่อนหน้าที่ พ.ร.ฎ.เลือกตั้ง จะมีผลบังคับใช้ (24 ส.ค.49) ไม่กี่วัน ก็มีขบวนรถบัสนำทีมแกนนำชุมชนในเขตเลือกตั้งที่ 2 เชียงใหม่ วิ่งออกจากเชียงใหม่ ถึงจันทบุรี/ระยอง หลายคันรถ จากนั้นก็นำมวลชนที่จัดตั้งขึ้นเคลื่อนไหวต่อต้านพันธมิตรฯ ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อหาทางเป็นข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์–จอโทรทัศน์ ประชาสัมพันธ์ตนเอง รวมไปถึงการขึ้นโต๊ะแถลงข่าว ณ สำนักงานพรรคไทยรักไทย ถ.ลอยเคราะห์ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ของ “ดร.สุรพงษ์ – วิทยา ทรงคำ : อดีต ส.ส.เชียงใหม่เขต 4” ขู่ห้ามพันธมิตรฯขึ้นมาจัดเวทีปราศรัยที่เชียงใหม่ พร้อมกับบอกว่า หากขึ้นมาจริงมีสิทธิ์ที่จะถูก “กำปั้น – ถีบ”
และ ตาเหม่งนี่ละที่ประกาศว่า ทักาณมีเชื้อเจ้านายฝ่ายเหนือ แถมบอกว่าตัวเองนี่ละเป็นญาติตาเหลี่ยมด้วย บัดนี้ผลบุญที่สร้างไว้กับทักษิณส่งผลให้เป็นเสนาบดีกระทรวงการต่างประเทศแล้ว....งานแรกขอประเดิมคืนพาสปรอ์ตแดงให้ ญาติแม้ววว สุดเลิฟก่อนเลย แทนที่จะไปแก้ปัญหาชายแดน.....

ภาพประกอบ ที่บริเวณรั้วบ้านเลขที่ 68 ถนนสิริธร ตำบลช้างเผือก อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นบ้านพักและสำนักงาน สส.นายสุรพงษ์ โตวิจักษ์ชัยกุล หรือ ดร.ปึ้ง แกนนำกลุ่มไทยรักไทย ได้มีผู้ก่อเหตุนำสเปรย์สีดำพ่นข้อความหยาบคาย ด่าทอ นายสุรพงษ์ โตวิจักษ์ชัยกุล ใจความว่านายสุรพงษ์รับใช้พันตำรวจโททักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและเป็นมารศาสนา --ดูซิมีคนรักซะขนาดนั้น