เอกชนโวยขึ้นค่าจ้างแลกลดภาษีได้ไม่คุ้มเสีย

เรื่องการเมือง เชิญที่นี่เลยครับ
Forum rules
- ห้ามใช้คำพูดหยาบคาย
- ห้ามโพสกระทู้หรือข้อความที่ดูหมิ่นเสียดสีสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นอันขาด

เชิญทุกท่านเข้าสู่บอร์ดใหม่ได้ที่ http://webboard.serithai.net ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ viewtopic.php?f=2&t=44976 ครับ

เอกชนโวยขึ้นค่าจ้างแลกลดภาษีได้ไม่คุ้มเสีย

Postby pumpkin » Sun Aug 28, 2011 11:17 am

หากจะลดภาษีในสถานการณ์ปัจจุบัน เชื่อว่าจะไม่ช่วยเสริมประสิทธิภาพการผลิต เพราะเมื่อธุรกิจต้นทุนสูง กำไรก็ไม่เกิด" ผู้ประกอบการขนส่งสินค้าทางเรือ กล่าว

จากการที่รัฐบาลมีนโยบายที่จะปรับลดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลจาก 30% เหลือ 23% โดยมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มขีดความสามารถแข่งขันของภาคเอกชน ขณะเดียวกัน ก็หวังจะชดเชยรายได้ให้แก่ภาคธุรกิจที่ต้องมีต้นทุนเพิ่มขึ้น จากนโยบายปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาทต่อวัน แต่นโยบายดังกล่าวภาคเอกชนมีมุมมองเกี่ยวกับนโยบายนี้แตกต่างออกไป

โดย นายไพบูลย์ พลสุวรรณา ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) ให้สัมภาษณ์ "กรุงเทพธุรกิจ" ว่า ภาคเอกชนได้ติดตามการแถลงนโยบายของรัฐบาลเกี่ยวกับนโยบายการลดภาษีเงินได้นิติบุคคลจาก 30% เหลือ 23% ซึ่งพบว่าการลดภาษีดังกล่าวไม่น่าจะเกิดประโยชน์กับผู้ประกอบการทุกราย โดยรายละเอียดของการลดภาษีเงินได้นิติบุคคล ยังไม่ได้กำหนดว่าจะช่วยเพิ่มศักยภาพธุรกิจได้อย่างไร ขณะที่ปัจจุบันบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ และนอกตลาดเสียภาษีอัตราต่างกัน 5% คือ 25% และ 30% แต่รัฐบาลมีนโยบายให้ปรับค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท และต้องการให้การลดภาษีเงินได้ครั้งนี้ ชดเชยค่าแรงที่ปรับขึ้น ขณะที่บริษัทขนาดกลางและขนาดเล็ก (เอสเอ็มอี) ได้ประโยชน์จากอัตราภาษีที่ลดไม่มาก เมื่อเทียบกับค่าแรงงานที่ต้องจ่ายเพิ่มขึ้นทั้งระบบ

รายงานโดย ทินกร เชาว์ชื่น

นอกจากนั้น นักธุรกิจต่างชาติที่เข้ามาลงทุนและได้รับสิทธิประโยชน์จากสำนักงานส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล 8 ปี และเมื่อครบกำหนดยังได้สิทธิยกเว้นต่อได้อีก 7 ปี ซึ่งเป็นแนวทางที่ไทยใช้ส่งเสริมการลงทุนช่วง 30 ปีที่ผ่านมา ทำให้ภาครัฐไม่ได้ประโยชน์จากนิติบุคคลกลุ่มนี้ ส่วนบริษัทที่ได้รับส่งเสริมก็ไม่สนใจนโยบายลดภาษีของรัฐบาล ดังนั้น การลดอัตราภาษีจึงไม่ช่วยกระตุ้นการลงทุน รวมทั้งในอนาคตประเทศไทยต้องลดอัตราภาษีให้ใกล้เคียงกับประเทศในอาเซียนอยู่แล้ว

"ผู้ที่เสียภาษีเต็มเม็ดเต็มหน่วย ส่วนใหญ่เป็นพวกเอสเอ็มอีที่อยู่นอกตลาดหลักทรัพย์ที่ต้องเสีย 30% เพราะบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ จะเสียภาษีแค่ 25% โดยนโยบายการลดภาษีครั้งนี้ อาจทำให้กลุ่มที่ได้ประโยชน์เป็นบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เป็นส่วนใหญ่"

นอกจากนั้น นโยบายที่ไม่ชัดเจน ยังอาจทำให้เกิดปัญหาการตีความในอนาคตว่านิติบุคคลทั้งในและนอกตลาดจะเสียภาษีอัตราเดียวกันคือ 23% แต่บริษัทที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์จะมีกฎระเบียบที่เข้มงวดมากกว่า รวมถึงผู้ถือหุ้น ซึ่งนโยบายไม่ได้ระบุว่าเมื่อเสียภาษีอัตราเดียวกันแล้ว จะมีคำถามว่าบริษัทในตลาดหลักทรัพย์จะยอมหรือไม่เมื่อต้องเสียภาษีเท่ากับบริษัทนอกตลาดหลักทรัพย์ แต่ต้องถูกตรวจสอบเข้มข้นมากกว่าทั้งจากกฎระเบียบและผู้ถือหุ้น

ขณะเดียวกัน นโยบายเพิ่มรายได้แรงงานเป็นวันละ 300 บาท จะทำให้ต้นทุนค่าแรงงานในกรุงเทพฯ และปริมณฑลเพิ่มขึ้น 15% เทียบกับอัตราภาษีที่ลดลง 7% ขณะที่การทำธุรกิจจะมีต้นทุนแฝงมาก ดังนั้น ภาครัฐควรเตรียมการก่อนดำเนินการนโยบายอะไร โดยเฉพาะนโยบายค่าแรงเมื่อดำเนินการไปแล้วผู้ประกอบการจะขาดทุนอย่างน้อย 3 เดือน และอาจทำให้บัญชีปลายปี ไม่มีกำไร ซึ่งก็ไม่ได้ประโยชน์จากภาษีอยู่ดี

"หากจะลดภาษีในสถานการณ์ปัจจุบัน เชื่อว่าจะไม่ช่วยเสริมประสิทธิภาพการผลิต เพราะเมื่อธุรกิจต้นทุนสูง กำไรก็ไม่เกิด ภาครัฐควรช่วยเอกชนลดต้นทุนแฝงและเพิ่มประสิทธิภาพด้านต่างๆ เช่น โลจิสติกส์ หากประสิทธิภาพของไทยดีจะจูงใจให้มีการลงทุนในประเทศเพิ่มมากขึ้น แทนที่จะรอสิทธิประโยชน์จากบีโอไอหรือลดภาษี"

นอกจากนี้ นโยบายลดภาษีนิติบุคคลเหลือ 23% หรือลดลงจากอัตราเดิม 7% ดูแล้วเหมือนจะทำให้บริษัทลดรายจ่ายภาษี แต่จะไม่กระตุ้นให้เอกชนนำส่วนต่างที่ได้ไปลงทุนในทันที หากการขยายธุรกิจจะทำเมื่อเห็นโอกาส ถึงแม้ไม่มีกำไรก็คงต้องหาทางกู้เงินมาลงทุน แต่อาจจะนำกำไรที่ได้ไปจ่ายปันผลให้ผู้ถือหุ้นมากกว่า

นายไพบูลย์ ย้ำว่า เมื่อการลดภาษีเงินได้นิติบุคคลทำให้บริษัทใหญ่ได้ประโยชน์ก็ควรลดภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาลงจะทำให้ทุกคนได้ประโยชน์ และทำให้ผู้ที่ไม่ยื่นแบบเสียภาษีจะเข้าสู่ระบบภาษีมากขึ้น ซึ่งจะทำให้ฐานภาษีกว้างขึ้นและเป็นการเพิ่มรายได้ให้ประชาชนมีกำลังบริโภคมากขึ้น แต่รัฐบาลไม่ได้เอ่ยถึงการลดภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา เพราะอาจกระทบรายได้ของรัฐบาลมากกว่า เมื่อเทียบกับลดภาษีนิติบุคคล ที่มีผู้ได้ประโยชน์ไม่มาก รัฐบาลควรจะแยกให้ชัดเจนว่าการเสียภาษีของผู้ประกอบการรายใหญ่ กลางและเล็กมีสัดส่วนอย่างไร เพื่อจะได้กำหนดนโยบายให้ชัดเจนว่า มีเป้าหมายช่วยใคร

ขอบคุณ ข้อมูล จาก http://www.suthichaiyoon.com/detail/14351
"เมื่อบุญเราไม่เคยสร้าง.. จะมีใครที่ไหนมาช่วยเจ้า.." : สมเด็จพระพุฒาจารย์(โต พรหมรังษี)
User avatar
pumpkin
 
Posts: 325
Joined: Wed Jul 13, 2011 11:05 am

Re: เอกชนโวยขึ้นค่าจ้างแลกลดภาษีได้ไม่คุ้มเสีย

Postby อาวุโสโอเค » Sun Aug 28, 2011 11:32 am

ก็ แ ม ร่ ง ทำ HA อะไรเคยถามคนอื่นก่อนไหมเนี่ยะ

ไม่เป็นไรซวยทั้งประเทศ สุดท้ายกลายเป็น รายได้ 300 (ไม่ได้ขึ้นแน่นอน)

ของแพงถ้วนหน้า คืนความทุกข์ให้ประชาชน

ต้องถามว่า นโบย เห้... ๆ แบบนี้ในอนาคตเราจะมีบทลงโทษแบบไหนดี
User avatar
อาวุโสโอเค
 
Posts: 1300
Joined: Mon Jul 04, 2011 8:08 am

Re: เอกชนโวยขึ้นค่าจ้างแลกลดภาษีได้ไม่คุ้มเสีย

Postby pumpkin » Sun Aug 28, 2011 11:36 am

น่าคิดนะ ลดภาษีนิติบุคคล ก็ควรจะลดภาษีบุคคลธรรมดาด้วย

จะได้ลดรายได้รัฐไปอีกตัว เอิ๊กๆ :D
"เมื่อบุญเราไม่เคยสร้าง.. จะมีใครที่ไหนมาช่วยเจ้า.." : สมเด็จพระพุฒาจารย์(โต พรหมรังษี)
User avatar
pumpkin
 
Posts: 325
Joined: Wed Jul 13, 2011 11:05 am

Re: เอกชนโวยขึ้นค่าจ้างแลกลดภาษีได้ไม่คุ้มเสีย

Postby phoeniix » Sun Aug 28, 2011 1:31 pm

ไม่เป็นไรฉิหายยังไงก็ช่าง เป่าหูนิๆหน่อยๆ ความผิดทั้งหมดก็ไปอยู่ ปชป
ส่วนปู แม้ว เทพเจ้าค้าาา :lol: :lol:

ไม่เคยเห็นไม่เคยได้ยินว่า วัวควายในโรงฆ่าสัตว์ โวยวายแม้ในวินาทีที่โดนฆ่า
User avatar
phoeniix
 
Posts: 5104
Joined: Thu Apr 23, 2009 3:59 am



Return to สภากาแฟ



cron