HWD wrote:tigermao wrote:สุดท้ายก็ต้องขึ้นแต่ต้องหาจังหวะที่เหมาะสม..แต่อาจไม่ใช่ตอนนี้..
ที่แน่ๆ รัฐบาลที่กล้าขึ้นต้องมั่นใจในตัวเองสูงมากว่า ขึ้นแล้วจะไม่กระทบกับฐานเสียง
อันที่จริง ผมยอมรับว่า ทักษิณมีความสามารถในการจูงใจคนได้เยี่ยมมาก ... ผมเชื่อว่าการขึ้น vat ของรัฐบาลทักษิณไม่กระทบฐานเสียงครับ ทุกอย่างมันขึ้นกับศรัทธา ประชาชนเค้าเชื่อว่า รัฐบาลไตร่ตรองแล้วและทำเพื่อพวกเค้า .. ต่อให้หนักกว่านี้ก็ยอมครับ ถ้าเป็นรัฐบาลอื่น อย่าว่าแต่จะทำเลยครับ แค่คิดก็เตรียมต่อโลงได้เลย
ไม่ได้ประชดนะครับ ผมเปิดหมวกให้เลยเรื่องนี้ .... ตามสบายครับ ยังไงก็รับกรรมร่วมกันทั้งประเทศอยู่แล้ว
เป็นทาสแต่ตัว หัวใจให้ประเทศ
Forbesii wrote:เคยอ่านข่าวที่ไหนจำไม่ได้ การขึ้นภาษี 10% คนที่กระทบมากสุด คือ คนจน หรือคนหาเช้ากินค่ำ
serithai11 wrote:hentai wrote:ถ้าคิดว่า 3% ที่ขึ้นมามันหายไปใน หลุมดำ มันก็ ซวยกันหมดละครับ ทั้งรากหญ้า และ กินหญ้่า(Wheatgrass)
ดีไม่ดี กินหญ้า โดนเยอะกว่าด้วย เพราะ ของ ที่ใช้ๆกันนี่ โดน VAT ทั้งนั้น ซื้อของแพงกว่า ก็โดนเยอะกว่า (คิดแบบนี้ไม่รู้ถูกป่าว)
แต่ 3% มันไม่ได้หายไปไหน มันก็เป็นเงินของ รัฐบาล ที่เอาไป ใช้ "ประโยชน์" จะเอาไปใช้ที่ไหนละครับ ก็ ประเทศเราไง
vat 3% มันไม่หายหรอกครับ เอามาพัฒนาประเทศ แต่
ภาษีเงินได้นิติบุคคล ที่จะลดลงไป 7% มันหายไปเยอะอยู่
Forbesii wrote:เคยอ่านข่าวที่ไหนจำไม่ได้ การขึ้นภาษี 10% คนที่กระทบมากสุด คือ คนจน หรือคนหาเช้ากินค่ำ
Forbesii wrote:เคยอ่านข่าวที่ไหนจำไม่ได้ การขึ้นภาษี 10% คนที่กระทบมากสุด คือ คนจน หรือคนหาเช้ากินค่ำ
เช neverdie wrote:Forbesii wrote:เคยอ่านข่าวที่ไหนจำไม่ได้ การขึ้นภาษี 10% คนที่กระทบมากสุด คือ คนจน หรือคนหาเช้ากินค่ำ
ถูกต้องครับ เพราะ VAT มันคือภาษีมูลค่าเพิ่มที่บวกอยู่ในสินค้าแล้ว คนจนใช้สบู่ คนรวยก็ใช้สบู่ คนจนใช้ยาสีฟัน คนรวยก็ใช้ยาสีฟัน ฯลฯ ดังนั้นภาษีมูลค่าเพิ่มมันไม่ได้จำแนกว่าคนรวยใช้หรือคนจนใช้ แต่มันเอาแค่ว่าใครใช้สินค้าเมื่อไหร่ต้องจ่ายภาษีทันที ดังนั้นคนจนคนรวยจ่ายภาษีเท่ากัน แต่คนรวยมีกำลังทรัพย์มากกว่าย่อมไม่เดือดร้อนเมื่อเทียบกับเปอร์เซ็นต์ของภาษีที่เพิ่มขึ้น แต่คนหาเช้ากินค่ำที่มีรายได้ตายตัวน้อยนิด มันคือเม็ดเงินที่เป็นเปอร์เซ็นต์สูงมากสำหรับการดำรงชีวิตประจำวัน
ต่างจากภาษีที่ดินอัตราก้าวหน้า หรือภาษีมรดกอัตรก้าวหน้าของประชาธิปัตย์ เพราะไอ้สองตัวนี้เล่นงานคนเฉพาะรวยเท่านั้น คนจนที่ไหนจะถือครองที่ดินสี่ร้อยไร่ ห้าร้อยไร่ขึ้นไป คนจนที่ไหนจะทำพินัยกรรมยกมรดกให้ทายาทสองร้อยล้าน สามร้อยล้าน ก็มีแต่คนรวยเท่านั้นแหละ ดังนั้นสมมุติว่าคนรวยถือครองที่ดิน 200 ไร่ ต้องเสียภาษี 200 บาท แต่ถ้าถือครอง 300 ไร่ จะเสียภาษีที่ดินไม่ใช่อัตรา 300 บาท แต่ต้องเสียภาษี 600 บาท และเพิ่มขึ้นเรื่อยๆในอัตราก้าวหน้า หมายความว่าท้ายสุดจะไม่มีใครอยากถือครองที่ดินเป็นพันไร่ เพราะอาจต้องเสียภาษีที่ดินปีละเป็นพันล้านบาท ดังนี้แล้วที่ดินก็จะถูกเกลี่ยกลับไปอยู่ในมือคนจน ที่ต้องการที่ดินใว้พอทำมาหากินเลี้ยงชีพเท่านั้น
นี่คือกำลังภายในจากพวกแลนด์ลอดจ์(เจ้าที่ดินของไทย) ที่ทำทุกวิถีทางไม่ให้พรรคประชาธิปัตย์ได้เป็นรัฐบาล นี่คือ SILENCE PROBLEM ของประเทศของเรา
อยากฟังทัศนะของเสื้อแดงเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้ครับ
ถ้าใครคิดว่าภาษีมูลค่าเพิ่มที่จะเพิ่มนี้ มันเพิ่มแค่ 3% ขอให้กำมือแล้วเอามะเหงกเขกกระโหลกตัวเองหนึ่งทีครับ
เดิม 100 บาทเก็บภาษี 7 บาท
ใหม่ 100 บาท เก็บภาษี 10 บาท เพิ่มมาอีก 3 บาท
3 บาทที่เพิ่มมา คิดเป็นกี่เปอร์เซ็นต์ของ 7 บาทที่เคยเก็บครับ
ติ้กต็อก ติ้กต็อก ๆๆๆ .... รีบตอบมา ก่อนจะหมดเวลา
เช neverdie wrote:ถ้าใครคิดว่าภาษีมูลค่าเพิ่มที่จะเพิ่มนี้ มันเพิ่มแค่ 3% ขอให้กำมือแล้วเอามะเหงกเขกกระโหลกตัวเองหนึ่งทีครับ
เดิม 100 บาทเก็บภาษี 7 บาท
ใหม่ 100 บาท เก็บภาษี 10 บาท เพิ่มมาอีก 3 บาท
3 บาทที่เพิ่มมา คิดเป็นกี่เปอร์เซ็นต์ของ 7 บาทที่เคยเก็บครับ
ติ้กต็อก ติ้กต็อก ๆๆๆ .... รีบตอบมา ก่อนจะหมดเวลา
เอาเข้าไป ยังไม่มีใครมาตอบอีก
ผมตอบเองก็ได้...
รัฐบาลขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่มอีก 42.85% จากที่เคยเก็บครับ
ขอเชิญสำราญกันต่อไปนะครับ ไพร่แดง ผู้ดีอย่างพวกผม ไม่ลำบาก
Forbesii wrote:เช neverdie wrote:ถ้าใครคิดว่าภาษีมูลค่าเพิ่มที่จะเพิ่มนี้ มันเพิ่มแค่ 3% ขอให้กำมือแล้วเอามะเหงกเขกกระโหลกตัวเองหนึ่งทีครับ
เดิม 100 บาทเก็บภาษี 7 บาท
ใหม่ 100 บาท เก็บภาษี 10 บาท เพิ่มมาอีก 3 บาท
3 บาทที่เพิ่มมา คิดเป็นกี่เปอร์เซ็นต์ของ 7 บาทที่เคยเก็บครับ
ติ้กต็อก ติ้กต็อก ๆๆๆ .... รีบตอบมา ก่อนจะหมดเวลา
เอาเข้าไป ยังไม่มีใครมาตอบอีก
ผมตอบเองก็ได้...
รัฐบาลขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่มอีก 42.85% จากที่เคยเก็บครับ
ขอเชิญสำราญกันต่อไปนะครับ ไพร่แดง ผู้ดีอย่างพวกผม ไม่ลำบาก
Forbesii wrote:เช neverdie wrote:Forbesii wrote:เคยอ่านข่าวที่ไหนจำไม่ได้ การขึ้นภาษี 10% คนที่กระทบมากสุด คือ คนจน หรือคนหาเช้ากินค่ำ
ถูกต้องครับ เพราะ VAT มันคือภาษีมูลค่าเพิ่มที่บวกอยู่ในสินค้าแล้ว คนจนใช้สบู่ คนรวยก็ใช้สบู่ คนจนใช้ยาสีฟัน คนรวยก็ใช้ยาสีฟัน ฯลฯ ดังนั้นภาษีมูลค่าเพิ่มมันไม่ได้จำแนกว่าคนรวยใช้หรือคนจนใช้ แต่มันเอาแค่ว่าใครใช้สินค้าเมื่อไหร่ต้องจ่ายภาษีทันที ดังนั้นคนจนคนรวยจ่ายภาษีเท่ากัน แต่คนรวยมีกำลังทรัพย์มากกว่าย่อมไม่เดือดร้อนเมื่อเทียบกับเปอร์เซ็นต์ของภาษีที่เพิ่มขึ้น แต่คนหาเช้ากินค่ำที่มีรายได้ตายตัวน้อยนิด มันคือเม็ดเงินที่เป็นเปอร์เซ็นต์สูงมากสำหรับการดำรงชีวิตประจำวัน
ต่างจากภาษีที่ดินอัตราก้าวหน้า หรือภาษีมรดกอัตรก้าวหน้าของประชาธิปัตย์ เพราะไอ้สองตัวนี้เล่นงานคนเฉพาะรวยเท่านั้น คนจนที่ไหนจะถือครองที่ดินสี่ร้อยไร่ ห้าร้อยไร่ขึ้นไป คนจนที่ไหนจะทำพินัยกรรมยกมรดกให้ทายาทสองร้อยล้าน สามร้อยล้าน ก็มีแต่คนรวยเท่านั้นแหละ ดังนั้นสมมุติว่าคนรวยถือครองที่ดิน 200 ไร่ ต้องเสียภาษี 200 บาท แต่ถ้าถือครอง 300 ไร่ จะเสียภาษีที่ดินไม่ใช่อัตรา 300 บาท แต่ต้องเสียภาษี 600 บาท และเพิ่มขึ้นเรื่อยๆในอัตราก้าวหน้า หมายความว่าท้ายสุดจะไม่มีใครอยากถือครองที่ดินเป็นพันไร่ เพราะอาจต้องเสียภาษีที่ดินปีละเป็นพันล้านบาท ดังนี้แล้วที่ดินก็จะถูกเกลี่ยกลับไปอยู่ในมือคนจน ที่ต้องการที่ดินใว้พอทำมาหากินเลี้ยงชีพเท่านั้น
นี่คือกำลังภายในจากพวกแลนด์ลอดจ์(เจ้าที่ดินของไทย) ที่ทำทุกวิถีทางไม่ให้พรรคประชาธิปัตย์ได้เป็นรัฐบาล นี่คือ SILENCE PROBLEM ของประเทศของเรา
อยากฟังทัศนะของเสื้อแดงเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้ครับ
กำลังคิดอยู่ว่าค่ะทำไมคนจนถึงลำบากมากกว่า ก็นึกขึ้นได้ว่า คนที่มีฐานะขึ้นมาหน่อย มีรถไปซื้อของ มีเงินพอไม่ลำบาก สามารถหาแหล่งซื้อของหรือซื้อในปริมาณมากหน่อย ก็จะได้ของราคาถูก ขณะที่คนจน หาเช้ากินค่ำ พอมีเงินประทังไปวันๆ หรือที่ได้ค่าแรงเป็นรายวัน ต้องอาศัยซื้อของใช้ตามกำลังที่มี โอกาสเข้าหาแหล่งขายของราคาถูกก็ต่ำกว่า พอคิดแบบนี้ ค่าใช้จ่ายประจำวัน หมายถึงของกิน ของใช้ทั่วไปของคนจนจะสูงกว่าและได้รับผลกระทบมากกว่าคนรวย
เช neverdie wrote:Forbesii wrote:เช neverdie wrote:Forbesii wrote:เคยอ่านข่าวที่ไหนจำไม่ได้ การขึ้นภาษี 10% คนที่กระทบมากสุด คือ คนจน หรือคนหาเช้ากินค่ำ
ถูกต้องครับ เพราะ VAT มันคือภาษีมูลค่าเพิ่มที่บวกอยู่ในสินค้าแล้ว คนจนใช้สบู่ คนรวยก็ใช้สบู่ คนจนใช้ยาสีฟัน คนรวยก็ใช้ยาสีฟัน ฯลฯ ดังนั้นภาษีมูลค่าเพิ่มมันไม่ได้จำแนกว่าคนรวยใช้หรือคนจนใช้ แต่มันเอาแค่ว่าใครใช้สินค้าเมื่อไหร่ต้องจ่ายภาษีทันที ดังนั้นคนจนคนรวยจ่ายภาษีเท่ากัน แต่คนรวยมีกำลังทรัพย์มากกว่าย่อมไม่เดือดร้อนเมื่อเทียบกับเปอร์เซ็นต์ของภาษีที่เพิ่มขึ้น แต่คนหาเช้ากินค่ำที่มีรายได้ตายตัวน้อยนิด มันคือเม็ดเงินที่เป็นเปอร์เซ็นต์สูงมากสำหรับการดำรงชีวิตประจำวัน
ต่างจากภาษีที่ดินอัตราก้าวหน้า หรือภาษีมรดกอัตรก้าวหน้าของประชาธิปัตย์ เพราะไอ้สองตัวนี้เล่นงานคนเฉพาะรวยเท่านั้น คนจนที่ไหนจะถือครองที่ดินสี่ร้อยไร่ ห้าร้อยไร่ขึ้นไป คนจนที่ไหนจะทำพินัยกรรมยกมรดกให้ทายาทสองร้อยล้าน สามร้อยล้าน ก็มีแต่คนรวยเท่านั้นแหละ ดังนั้นสมมุติว่าคนรวยถือครองที่ดิน 200 ไร่ ต้องเสียภาษี 200 บาท แต่ถ้าถือครอง 300 ไร่ จะเสียภาษีที่ดินไม่ใช่อัตรา 300 บาท แต่ต้องเสียภาษี 600 บาท และเพิ่มขึ้นเรื่อยๆในอัตราก้าวหน้า หมายความว่าท้ายสุดจะไม่มีใครอยากถือครองที่ดินเป็นพันไร่ เพราะอาจต้องเสียภาษีที่ดินปีละเป็นพันล้านบาท ดังนี้แล้วที่ดินก็จะถูกเกลี่ยกลับไปอยู่ในมือคนจน ที่ต้องการที่ดินใว้พอทำมาหากินเลี้ยงชีพเท่านั้น
นี่คือกำลังภายในจากพวกแลนด์ลอดจ์(เจ้าที่ดินของไทย) ที่ทำทุกวิถีทางไม่ให้พรรคประชาธิปัตย์ได้เป็นรัฐบาล นี่คือ SILENCE PROBLEM ของประเทศของเรา
อยากฟังทัศนะของเสื้อแดงเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้ครับ
กำลังคิดอยู่ว่าค่ะทำไมคนจนถึงลำบากมากกว่า ก็นึกขึ้นได้ว่า คนที่มีฐานะขึ้นมาหน่อย มีรถไปซื้อของ มีเงินพอไม่ลำบาก สามารถหาแหล่งซื้อของหรือซื้อในปริมาณมากหน่อย ก็จะได้ของราคาถูก ขณะที่คนจน หาเช้ากินค่ำ พอมีเงินประทังไปวันๆ หรือที่ได้ค่าแรงเป็นรายวัน ต้องอาศัยซื้อของใช้ตามกำลังที่มี โอกาสเข้าหาแหล่งขายของราคาถูกก็ต่ำกว่า พอคิดแบบนี้ ค่าใช้จ่ายประจำวัน หมายถึงของกิน ของใช้ทั่วไปของคนจนจะสูงกว่าและได้รับผลกระทบมากกว่าคนรวย
ผมละสุดแสนจะแปลกใจ ถ้าพรรคประชาธิปัตย์มาเป็นรัฐบาล ก็พวกผมล้วนๆทั้งนั้นที่ต้องเสียประโยชน์การถครอบครองที่ดิน ลูกหลานพวกผมทั้งนั้นที่ต้องเสียประโยชน์จากการรับสืบทอดมรดก ส่วนไพร่เสื้อแดงได้ประโยชน์เต็มๆจากนโยบายของประชาธิปัตย์ที่ได้ทำออกมาแล้ว และนโยบาย+มาตรการที่กำลังจะทำออกมาอีก
แต่ไพร่แดงกลับต่อต้านนโยบายของประชาธิปัตย์ และเชียร์พรรคเพื่อไทย ทั้งๆที่พรรคเพื่อไทยไม่เคยแสดงวิสัยทัศน์ด้านสังคมแบบนี้แม้สักครั้ง หรือไม่เคยออกนโยบายแนวสร้างสังคมเข้มแข็งสักหน มีแต่ชักจูงให้เป็นหนี้
นอกจากเหตุผลที่ถูก "ขบวนการทักษิน" ล้างสมองให้เชียร์การเมืองเหมือนเชียร์บอล พวกเรา ทีมเรา แพ้ไม่ได้อีกแล้ว ผมก็มองไม่เห็นเหตุผลอื่นที่ทำไมไพร่แดงจึงเชียร์พรรคเพื่อไทย
นู๋ฟิว wrote:(นอกเรื่องนิดครับ) อ่านกระทู้นี้แล้วนึกถึงตอนอดีตที่เล่นเกมส์ SIM CITY 2000 (เกมส์สร้างเมือง) ในเครื่อง PC สมัย 10 ปีที่แล้ว
ตอนนั้นเด็กๆมือเติบสร้างนู่นสร้างนี่สุดท้ายเงินในเเกมส์มันหมดสร้างอะไรไม่ได้อีก ผมก็เลยขึ้นภาษีซะเลยได้เรื่องเลยครับม๊อบเกิดเต็มเมืองผมเลย ไม่นึกว่าจะประสบพบเจอกับชีวิตจริง(แล้วมันจะมีม๊อบเหมือนในเกมส์มั้ยหว่า)
มีพี่ๆท่้านใดเคยเล่นบ้างมั้ยครับ
Forbesii wrote:เช neverdie wrote:Forbesii wrote:เช neverdie wrote:Forbesii wrote:เคยอ่านข่าวที่ไหนจำไม่ได้ การขึ้นภาษี 10% คนที่กระทบมากสุด คือ คนจน หรือคนหาเช้ากินค่ำ
ถูกต้องครับ เพราะ VAT มันคือภาษีมูลค่าเพิ่มที่บวกอยู่ในสินค้าแล้ว คนจนใช้สบู่ คนรวยก็ใช้สบู่ คนจนใช้ยาสีฟัน คนรวยก็ใช้ยาสีฟัน ฯลฯ ดังนั้นภาษีมูลค่าเพิ่มมันไม่ได้จำแนกว่าคนรวยใช้หรือคนจนใช้ แต่มันเอาแค่ว่าใครใช้สินค้าเมื่อไหร่ต้องจ่ายภาษีทันที ดังนั้นคนจนคนรวยจ่ายภาษีเท่ากัน แต่คนรวยมีกำลังทรัพย์มากกว่าย่อมไม่เดือดร้อนเมื่อเทียบกับเปอร์เซ็นต์ของภาษีที่เพิ่มขึ้น แต่คนหาเช้ากินค่ำที่มีรายได้ตายตัวน้อยนิด มันคือเม็ดเงินที่เป็นเปอร์เซ็นต์สูงมากสำหรับการดำรงชีวิตประจำวัน
ต่างจากภาษีที่ดินอัตราก้าวหน้า หรือภาษีมรดกอัตรก้าวหน้าของประชาธิปัตย์ เพราะไอ้สองตัวนี้เล่นงานคนเฉพาะรวยเท่านั้น คนจนที่ไหนจะถือครองที่ดินสี่ร้อยไร่ ห้าร้อยไร่ขึ้นไป คนจนที่ไหนจะทำพินัยกรรมยกมรดกให้ทายาทสองร้อยล้าน สามร้อยล้าน ก็มีแต่คนรวยเท่านั้นแหละ ดังนั้นสมมุติว่าคนรวยถือครองที่ดิน 200 ไร่ ต้องเสียภาษี 200 บาท แต่ถ้าถือครอง 300 ไร่ จะเสียภาษีที่ดินไม่ใช่อัตรา 300 บาท แต่ต้องเสียภาษี 600 บาท และเพิ่มขึ้นเรื่อยๆในอัตราก้าวหน้า หมายความว่าท้ายสุดจะไม่มีใครอยากถือครองที่ดินเป็นพันไร่ เพราะอาจต้องเสียภาษีที่ดินปีละเป็นพันล้านบาท ดังนี้แล้วที่ดินก็จะถูกเกลี่ยกลับไปอยู่ในมือคนจน ที่ต้องการที่ดินใว้พอทำมาหากินเลี้ยงชีพเท่านั้น
นี่คือกำลังภายในจากพวกแลนด์ลอดจ์(เจ้าที่ดินของไทย) ที่ทำทุกวิถีทางไม่ให้พรรคประชาธิปัตย์ได้เป็นรัฐบาล นี่คือ SILENCE PROBLEM ของประเทศของเรา
อยากฟังทัศนะของเสื้อแดงเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้ครับ
กำลังคิดอยู่ว่าค่ะทำไมคนจนถึงลำบากมากกว่า ก็นึกขึ้นได้ว่า คนที่มีฐานะขึ้นมาหน่อย มีรถไปซื้อของ มีเงินพอไม่ลำบาก สามารถหาแหล่งซื้อของหรือซื้อในปริมาณมากหน่อย ก็จะได้ของราคาถูก ขณะที่คนจน หาเช้ากินค่ำ พอมีเงินประทังไปวันๆ หรือที่ได้ค่าแรงเป็นรายวัน ต้องอาศัยซื้อของใช้ตามกำลังที่มี โอกาสเข้าหาแหล่งขายของราคาถูกก็ต่ำกว่า พอคิดแบบนี้ ค่าใช้จ่ายประจำวัน หมายถึงของกิน ของใช้ทั่วไปของคนจนจะสูงกว่าและได้รับผลกระทบมากกว่าคนรวย
ผมละสุดแสนจะแปลกใจ ถ้าพรรคประชาธิปัตย์มาเป็นรัฐบาล ก็พวกผมล้วนๆทั้งนั้นที่ต้องเสียประโยชน์การถครอบครองที่ดิน ลูกหลานพวกผมทั้งนั้นที่ต้องเสียประโยชน์จากการรับสืบทอดมรดก ส่วนไพร่เสื้อแดงได้ประโยชน์เต็มๆจากนโยบายของประชาธิปัตย์ที่ได้ทำออกมาแล้ว และนโยบาย+มาตรการที่กำลังจะทำออกมาอีก
แต่ไพร่แดงกลับต่อต้านนโยบายของประชาธิปัตย์ และเชียร์พรรคเพื่อไทย ทั้งๆที่พรรคเพื่อไทยไม่เคยแสดงวิสัยทัศน์ด้านสังคมแบบนี้แม้สักครั้ง หรือไม่เคยออกนโยบายแนวสร้างสังคมเข้มแข็งสักหน มีแต่ชักจูงให้เป็นหนี้
นอกจากเหตุผลที่ถูก "ขบวนการทักษิน" ล้างสมองให้เชียร์การเมืองเหมือนเชียร์บอล พวกเรา ทีมเรา แพ้ไม่ได้อีกแล้ว ผมก็มองไม่เห็นเหตุผลอื่นที่ทำไมไพร่แดงจึงเชียร์พรรคเพื่อไทย
การเชียร์และความรู้สึกว่าเป็นพวกตัวเองก็คงส่วนหนึ่ง แล้วสังคมใมหมู่บ้าน การเชื่อในผู้นำก็สูงซะด้วย เคยไปสัมภาษณ์ชาวบ้านแถวอุบล ปากมูลนะคะ ตอนนั้นออกแนวคุยไปเรื่อย ก็ลองถามแกว่าชอบพรรคไหน เค้าก็บอกพรรคทักษิณ เพราะมีกองทุนหมู่บ้าน ได้เงิน ที่นี้ก็ถามต่อ ว่าได้เงินไปทำไร ก็เอามาใช้จ่ายทั่วไป ก็ถามต่อแล้วเป็นหนึ้ไหม แกก็บอกว่าเป็น ก็ถามกลับ อ้าวแล้วมันดีตรงไหน กับอยู่ๆก็เป็นหนี้ เค้าก็บอกไม่ดีนะคะ แต่เค้าก็ชอบนะ เพราะไม่เคยมีใครให้เงินแบบนี้ บางที่สำหรับคนที่ไม่มีหรือยากจน ชาวบ้านอาจไม่มีเวลาไปคิดไกลกว่าเรื่องนอกหมู่บ้าน
ด๋อยแทง wrote:ซิมซิตี้ ผมโกงตังค์ครับ ชอบการจัดวางที่สวยงามมากกว่า จะรอกู้มาสร้าง มันไม่ทันใจ กว่าจะผ่านแต่ละปีสร้างได้นิดหน่อย ภาษีก็ไม่กล้าขึ้นกลัวคนหนี(ตอนแรกมันต้องลดเพื่อเรียกคนใช่ม่ะ) จบ
ส่วนผมก็รอภาษีมรดกกับภาษีที่ดินอยู่ ร่างมาแล้ว มีข่าวมาแล้ว แต่ไม่เสร็จสักที เห็นเสื้อแดงชนชั้นกลางแถวบ้านบ่นอยู่เรื่องที่จะโดนเก็นภาษีที่ดิน ทาวเฮาเล็กๆ หลังนึงมันจะโดนปีละเท่าไรหว่า บ่นซะ ด่ากันซะ เดี๋ยวจะรอดูถ้ามีขึ้นภาษีจริงจะชมนังโง่นั่นกันยังไง
แต่บางคนก็เริ่มตาสว่างแล้วนะครับ แต่ถอดเสื้อแดงออกไม่ได้ เพราะคงไม่อยากยอมรับว่าตัวเอง โง่
ด๋อยแทง wrote:ซิมซิตี้ ผมโกงตังค์ครับ ชอบการจัดวางที่สวยงามมากกว่า จะรอกู้มาสร้าง มันไม่ทันใจ กว่าจะผ่านแต่ละปีสร้างได้นิดหน่อย ภาษีก็ไม่กล้าขึ้นกลัวคนหนี(ตอนแรกมันต้องลดเพื่อเรียกคนใช่ม่ะ) จบ
ส่วนผมก็รอภาษีมรดกกับภาษีที่ดินอยู่ ร่างมาแล้ว มีข่าวมาแล้ว แต่ไม่เสร็จสักที เห็นเสื้อแดงชนชั้นกลางแถวบ้านบ่นอยู่เรื่องที่จะโดนเก็นภาษีที่ดิน ทาวเฮาเล็กๆ หลังนึงมันจะโดนปีละเท่าไรหว่า บ่นซะ ด่ากันซะ เดี๋ยวจะรอดูถ้ามีขึ้นภาษีจริงจะชมนังโง่นั่นกันยังไง
แต่บางคนก็เริ่มตาสว่างแล้วนะครับ แต่ถอดเสื้อแดงออกไม่ได้ เพราะคงไม่อยากยอมรับว่าตัวเอง โง่
tigermao wrote:สุดท้ายก็ต้องขึ้นแต่ต้องหาจังหวะที่เหมาะสม..แต่อาจไม่ใช่ตอนนี้..
ที่แน่ๆ รัฐบาลที่กล้าขึ้นต้องมั่นใจในตัวเองสูงมากว่า ขึ้นแล้วจะไม่กระทบกับฐานเสียง
john wrote:ผมว่าขึ้น VAT แล้วลด ลดภาษีเงินได้นิติบุคคล ก็เข้าท่าดีนะครับ เพราะยังไงพวกบริษัทมันก็แต่งบัญชีกันเลยสวยแต่จ่ายภาษีน้อยอยู่แล้ว เก็บ VAT นี่โดนกันเต็ม ๆ อย่างทั่วถึงเลยไม่ต้องมีการเสียบเปรียบกันแถมหนียากด้วย ปัญหาแค่พวกรากหญ้าจะลำบากขึ้นจนสะเทือนรัฐบาลหรือเปล่า (ถ้ามั่นใจว่าขึ้นได้ก็ขึ้นไปเลย)