"นายกฯ"รับคุมสถานการณ์น้ำไม่ได้

12 ตค. 2554 12:23 น.
เมื่อเวลา 9.10 น. ที่ศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.) น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความคืบหน้าในการแก้ไขปัญหาสถานการณ์อุทกภัย ว่า วันนี้เราต้องดูแลเรื่องการอพยพผู้คนให้ปลอดภัย เพราะจากการบินสำรวจพบว่า ยังมีประชาชนต้องการให้ความช่วยเหลือ และติดอยู่ในน้ำอีกมาก ขณะเดียวกันต้องเร่งกู้ในพื้นที่ที่ถูกน้ำท่วมด้วย และวันนี้ได้เชิญจังหวัดที่เกี่ยวข้องซึ่งจะต้องเตรียมรองรับสถานการณ์ต่างๆ เพื่อปรับปรุง แต่หากคิดว่าจะสู้น้ำไม่ไหวคงต้องมีแผนสำรองในการเตรียมอพยพผู้คน โดยต้องเน้นเรื่องความปลอดภัยให้ได้มากที่สุด
ผู้สื่อข่าวถามว่า วันนี้รัฐบาลเลือกที่จะป้องกันและปล่อยจุดไหน น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า ในความเป็นจริงเราเป็นห่วงทุกจังหวัด การทำงานเราจะกระจายกำลังโดยไม่ให้ซ้ำซ้อน สิ่งสำคัญคือต้องให้ความปลอดภัยกับชีวิต ส่วนทรัพย์สินเป็นอันดับสอง เพราะเราไม่สามารถทำสองอย่างได้ในเวลาเดียวกัน ซึ่งการดำเนินการทั้งหมดจะต้องนำประสบการณ์จากจังหวัดอื่นๆที่ถูกน้ำท่วมมาเป็นตัวอย่าง เพื่อให้ผู้ว่าราชการเตรียมทำงาน หากโซนไหนที่คิดว่าปลอดภัยต้องกั้นไว้ก่อน ไม่ควรกั้นที่น้ำกำลังจะมา เพราะเราจะสู้กับน้ำไม่ไหว เนื่องจากวันนี้น้ำทั้งประเทศเยอะมาก แม้แต่อุตสาหกรรมไฮเทคที่ใช้ก่อปูนสูงถึงสองเมตร วันนี้น้ำเริ่มซึม ซึ่งรัฐบาลได้เตือนให้ขนย้ายแล้ว และเวลานี้กำลังดูแลเรื่องของพนักงาน
เมื่อถามถึงกรณีที่ผู้ประกอบการโก่งราคาสินค้าโดยเฉพาะกระสอบทราย น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า จะกำชับให้ทางกระทรวงพาณิชย์เข้าไปดูแล แต่คงต้องขอร้องและขอความร่วมมือผู้ประกอบการทุกราย เพราะวันนี้ประชาชนเดือดร้อนมาก ดังนั้นอยากให้ขายในปริมาณที่เพียงพอต่อต้นทุนที่ดำรงอยู่ หากปรับราคาสูงคนก็ยิ่งจะเก็บสต๊อกของส่งผลให้ผู้เดือดร้อนไม่สามารถนำไปแก้ไขปัญหาได้ อย่างไรก็ตามเบื้องต้นรัฐบาลพยามจะล๊อคสินค้าบางส่วนที่ขาดตลาดมาเอง เพื่อนำไปแก้ไขปัญหาให้กับประชาชน โดยจะประสานตรงกับทุกหน่วยงาน ส่วนความต้องการกระสอบทราย 1.7 ล้านกระสอบนั้นเวลานี้น่าจะได้ครบแล้ว ซึ่งทาง กทม.เป็นผู้รับผิดชอบพร้อมกันนี้เราได้มีหน่วยเข้าไปดูเรื่องของความแข็งแรงด้วย
การกั้นน้ำด้วยกระสอบทรายบางครั้งเราตั้งทิ้งไว้นานๆบางทีเกิดการเปื่อยยุ่ย ตรงนี้เป็นสาเหตุหนึ่งในการทำให้แนวกั้นน้ำพัง ส่วนแนวกั้นน้ำ 3 จุดที่ป้องกันน้ำทะลักเข้าพื้นที่กทม. เวลานี้จะเร่งรัดให้เสร็จภายในสองวันคือว่าวันพรุ่งนี้ 13 ต.ค.คงจะเสร็จ เมื่อถามว่า ฝั่งตะวันออกที่เป็นปัญหาแนวกั้นน้ำพังบางส่วนจะป้องกันน้ำได้หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ยืนยันต้องทำให้ดีที่สุด แต่ยอมรับมีปัจจัยหลายๆอย่างที่เราควบคุมไม่ได้ เช่น เมื่อมีการนำกระสอบทรายตั้งเป็นแนวกั้นน้ำแต่ถูกประชาชนดึงออกบวกกับความไม่แข็งแรงและการเปื่อยยุ่ยของกระสอบทราย ดังนั้นวันนี้จะใช้สรรพกำลังตรวจสอบคุณภาพให้ดีที่สุด อย่างไรก็ตามจากการคาดการณ์ของกรมอุตินิยมวิทยารายงานว่า พายุลูกใหม่ยังไม่พัดผ่านเข้าไทย หากไม่มีตัวนี้จากการวางแผนที่ดำเนินการมาคิดว่าน่าจะรับมือได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับปริมาณน้ำฝนด้วยและไม่ใช่เป็นการแตกของเขื่อนที่ไหวแรงเกินกว่าปริมาณ ยอมรับมีหลายปัจจัยที่เราควบคุมไม่ได้ แต่เราจะทำล้างหน้าให้ครอบคลุมมากที่สุด
http://breakingnews.nationchannel.com/r ... ang=T&cat=
เมื่อเวลา 9.10 น. ที่ศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.) น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความคืบหน้าในการแก้ไขปัญหาสถานการณ์อุทกภัย ว่า วันนี้เราต้องดูแลเรื่องการอพยพผู้คนให้ปลอดภัย เพราะจากการบินสำรวจพบว่า ยังมีประชาชนต้องการให้ความช่วยเหลือ และติดอยู่ในน้ำอีกมาก ขณะเดียวกันต้องเร่งกู้ในพื้นที่ที่ถูกน้ำท่วมด้วย และวันนี้ได้เชิญจังหวัดที่เกี่ยวข้องซึ่งจะต้องเตรียมรองรับสถานการณ์ต่างๆ เพื่อปรับปรุง แต่หากคิดว่าจะสู้น้ำไม่ไหวคงต้องมีแผนสำรองในการเตรียมอพยพผู้คน โดยต้องเน้นเรื่องความปลอดภัยให้ได้มากที่สุด
ผู้สื่อข่าวถามว่า วันนี้รัฐบาลเลือกที่จะป้องกันและปล่อยจุดไหน น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า ในความเป็นจริงเราเป็นห่วงทุกจังหวัด การทำงานเราจะกระจายกำลังโดยไม่ให้ซ้ำซ้อน สิ่งสำคัญคือต้องให้ความปลอดภัยกับชีวิต ส่วนทรัพย์สินเป็นอันดับสอง เพราะเราไม่สามารถทำสองอย่างได้ในเวลาเดียวกัน ซึ่งการดำเนินการทั้งหมดจะต้องนำประสบการณ์จากจังหวัดอื่นๆที่ถูกน้ำท่วมมาเป็นตัวอย่าง เพื่อให้ผู้ว่าราชการเตรียมทำงาน หากโซนไหนที่คิดว่าปลอดภัยต้องกั้นไว้ก่อน ไม่ควรกั้นที่น้ำกำลังจะมา เพราะเราจะสู้กับน้ำไม่ไหว เนื่องจากวันนี้น้ำทั้งประเทศเยอะมาก แม้แต่อุตสาหกรรมไฮเทคที่ใช้ก่อปูนสูงถึงสองเมตร วันนี้น้ำเริ่มซึม ซึ่งรัฐบาลได้เตือนให้ขนย้ายแล้ว และเวลานี้กำลังดูแลเรื่องของพนักงาน
เมื่อถามถึงกรณีที่ผู้ประกอบการโก่งราคาสินค้าโดยเฉพาะกระสอบทราย น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า จะกำชับให้ทางกระทรวงพาณิชย์เข้าไปดูแล แต่คงต้องขอร้องและขอความร่วมมือผู้ประกอบการทุกราย เพราะวันนี้ประชาชนเดือดร้อนมาก ดังนั้นอยากให้ขายในปริมาณที่เพียงพอต่อต้นทุนที่ดำรงอยู่ หากปรับราคาสูงคนก็ยิ่งจะเก็บสต๊อกของส่งผลให้ผู้เดือดร้อนไม่สามารถนำไปแก้ไขปัญหาได้ อย่างไรก็ตามเบื้องต้นรัฐบาลพยามจะล๊อคสินค้าบางส่วนที่ขาดตลาดมาเอง เพื่อนำไปแก้ไขปัญหาให้กับประชาชน โดยจะประสานตรงกับทุกหน่วยงาน ส่วนความต้องการกระสอบทราย 1.7 ล้านกระสอบนั้นเวลานี้น่าจะได้ครบแล้ว ซึ่งทาง กทม.เป็นผู้รับผิดชอบพร้อมกันนี้เราได้มีหน่วยเข้าไปดูเรื่องของความแข็งแรงด้วย
การกั้นน้ำด้วยกระสอบทรายบางครั้งเราตั้งทิ้งไว้นานๆบางทีเกิดการเปื่อยยุ่ย ตรงนี้เป็นสาเหตุหนึ่งในการทำให้แนวกั้นน้ำพัง ส่วนแนวกั้นน้ำ 3 จุดที่ป้องกันน้ำทะลักเข้าพื้นที่กทม. เวลานี้จะเร่งรัดให้เสร็จภายในสองวันคือว่าวันพรุ่งนี้ 13 ต.ค.คงจะเสร็จ เมื่อถามว่า ฝั่งตะวันออกที่เป็นปัญหาแนวกั้นน้ำพังบางส่วนจะป้องกันน้ำได้หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ยืนยันต้องทำให้ดีที่สุด แต่ยอมรับมีปัจจัยหลายๆอย่างที่เราควบคุมไม่ได้ เช่น เมื่อมีการนำกระสอบทรายตั้งเป็นแนวกั้นน้ำแต่ถูกประชาชนดึงออกบวกกับความไม่แข็งแรงและการเปื่อยยุ่ยของกระสอบทราย ดังนั้นวันนี้จะใช้สรรพกำลังตรวจสอบคุณภาพให้ดีที่สุด อย่างไรก็ตามจากการคาดการณ์ของกรมอุตินิยมวิทยารายงานว่า พายุลูกใหม่ยังไม่พัดผ่านเข้าไทย หากไม่มีตัวนี้จากการวางแผนที่ดำเนินการมาคิดว่าน่าจะรับมือได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับปริมาณน้ำฝนด้วยและไม่ใช่เป็นการแตกของเขื่อนที่ไหวแรงเกินกว่าปริมาณ ยอมรับมีหลายปัจจัยที่เราควบคุมไม่ได้ แต่เราจะทำล้างหน้าให้ครอบคลุมมากที่สุด
http://breakingnews.nationchannel.com/r ... ang=T&cat=