ป.สั่งไม่ฟ้อง "พสิษฐ์" แพร่คลิปฉาวยุบพรรคปชป.
วันที่ 12 ต.ค. ที่สำนักงานอัยการสูงสุด ถ.รัชดาภิเษก ผู้สื่อข่าว "ข่าวสด" รายงานว่า ช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา พนักงานสอบสวนกองปราบปรามโดย พ.ต.อ.นัยวัฒน์ ผะเดิมชิต รอง ผบก.ป. ได้นำสำนวนพร้อมความเห็นสั่งไม่ฟ้องนายพสิษฐ์ ศักดาณรงค์ อายุ 40 ปี อดีตเลขานุการส่วนตัวประธานศาลรัฐธรรมนูญ และน.ส.ชุติมา หรือพิมพ์พิจญ์ แสนสินรังสี อายุ 29 ปีเจ้าหน้าที่ระดับ 3 หน้าห้องประธานศาลรัฐธรรมนูญ ผู้ต้องหาคดี เป็นเจ้าพนักงานร่วมกันล่วงรู้ความลับในราชการ เปิดเผยความลับโดยประการให้เกิดความเสียหายตามกฎหมายอาญามาตรา164 และความผิดฐานร่วมกันเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลอันเป็นเท็จ โดยประการน่าจะเกิดความเสียหาย ตามพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 มาตรา 14 เสนอให้พนักงานอัยการพิจารณา
โดยคดีนี้เลขาธิการศาลรัฐธรรมนูญเข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน กก. 1 ป. กล่าวหาว่า นายพสิษฐ์ และพวกแอบนำกล้องเว็บแคมไปซ่อนในห้องประชุมตุลาการรัฐธรรมนูญ แล้วบันทึกภาพขณะตุลาการกำลังหารือกันในคดียุบพรรคประชาธิปัตย์ เป็นคลิปวีดิโอรวม5คลิป และมีการเผยแพร่ในระบบอินเตอร์เน็ต ในช่องทาง “ยูทูป” ซึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนสัญชาติสหรัฐ โดยผู้กระทำเจตนาให้มีการเผยแพร่ข้อมูลลับทางเครือข่ายดังกล่าวทั่วโลก และมีการเปิดรับข้อมูลข่าวสารในต่างประเทศ
อย่างไรก็ตาม เมื่อพนักงานสอบสวนสอบสวนเสร็จสิ้นแล้ว และผู้ต้องหาอยู่ในความควบคุมของพนักงานสอบสวน แต่ได้การประกันตัวออกไป จึงส่งเฉพาะสำนวนการสอบสวนให้อัยการตามกฎหมาย ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 142 โดยกำหนดให้อัยการสูงสุด เป็นพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบ และทำความเห็นชี้ขาดว่า จะมีความเห็นสั่งฟ้องผู้ต้องหาหรือไม่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับการพิจารณาของ พนักงานสอบสวนนั้นมีหลายประเด็น คือ ผู้ต้องหาเป็นเจ้าพนักงานต้องรับผิดตามมาตรา 164 หรือไม่เห็นว่า ความผิดตามกฎหมายนี้ผู้กระทำต้องเป็นเจ้าพนักงาน แม้นายพสิษฐ์กับพวกเป็นบุคคลทั่วไปแต่เมื่อประธานศาลรัฐธรรมนูญแต่งตั้งให้เป็นเลขานุการ จึงเป็นเจ้าพนักงานตามกฎหมาย
สอง มีการกระทำผิดหรือไม่ เห็นว่า คลิปที่เผยแพร่มี 5 รายการ คลิปแรกเป็นภาพบุคคลระดับสูง คลิปที่สอง เป็นภาพ ทนายความของพรรคการเมืองหนึ่งไปพบบุคคลหนึ่ง และพูดคุยกันเรื่องยุบพรรคประชาธิปัตย์ คลิปที่ 3 เป็นภาพตุลาการศาลรัฐธรรมนูญกำลังพูดคุยกันเรื่องยุบพรรคการเมือง โดยน่าเชื่อว่า ภาพถูกบันทึกมาจากเก้าอี้ของนายพสิษฐ์ คลิปที่4 เป็นการสนทนาต่อเนื่องกับคลิปที่ 3 และมีการพูดว่า”เพื่อป้องกันการครหา ให้ดึงนายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธานกกต.มาร่วมรับผิดชอบด้วย” คลิปที่5 เป็นการสนทนาของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ พูดคุยกันเรื่องให้ความช่วยเหลือส.ส. คนหนึ่ง
ทั้งนี้ พนักงานสอบสวนพิจารณาแล้วเห็นว่า ไม่มีพยานปากใดเห็นผู้ต้องหาเป็นผู้นำกล้องไปซ่อนในห้องประชุม หรือบันทึกภาพ ไม่มีใครเห็นว่าผู้ต้องหา นำคลิปเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์แล้วเผยแพร่ทางยูทูป มีแต่ผู้ใช้ยูสเนมว่า “โอ้มายก็อด 3009” โดยไม่ระบุอีเมล์แอดเดรส จึงไม่เข้าองค์ประกอบความผิดตามพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ นอกจากนี้พนักงานสอบสวนได้พยายามขอตรวจสอบข้อมูล จากบริษัท ยูทูปฯซึ่งเป็นบริษัทในเครือของบริษัทกูเกิล สัญชาติสหรัฐฯ ก็ได้รับแจ้งกลับมาว่า คดีลักษณะดังกล่าว ไม่ตรงกับความผิดในสหรัฐฯ จึงไม่อาจสนับสนุนข้อมูลให้ได้
พนักงานสอบสวนจึงยุติการสอบสวน พร้อมทำความเห็นเสนออัยการสมควรสั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหาทั้งสอง และปล่อยผู้ต้องหาไปตามกฎหมาย ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา143 โดยขณะนี้คดีอยู่ระหว่างการกลั่นกรองของคณะทำงานอัยการสูงสุด คาดว่าจะเสนอความเห็นต่อนายจุลสิงห์ วสันตสิงห์ อัยการสูงสุดพิจารณาชี้ขาด
http://www.khaosod.co.th/view_newsonlin ... sectionid=