Page 1 of 2

อี NGO เอ้ย

PostPosted: Thu Oct 13, 2011 5:12 pm
by amplepoor
"ปู"สั่ง กต.ขอแผนแก้ปัญหาน้ำท่วมจากสหรัฐ



น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้ตนประสานกับสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกา เพื่อขอแผนบริหารจัดการและแก้ไขปัญหาน้ำท่วม หรือที่เรียกว่า CIMA ที่ทางการสหรัฐเคยใช้แก้ปัญหาอุทกภัยในเมืองนิวออร์ลีนส์ มลรัฐลุยเซียนา ภายหลังพายุเฮอริเคนแคทรีน่าเข้าถล่ม เมื่อปี 2550


รู้หรือเปล่า อี NGO เอ้ย......
พายุแคทรีน่า คือความล้มเหลวที่สุดของรัฐบาลบุช ต่อจากสงครามก่อการร้าย ...

บางพื้นที่ สองเดือนแล้วยังไมมีเจ้าหน่าที่โผล่ศรีษะเข้าไป คนผิวสีบางแห่งเริ่มก่อการจลาจล แม้จะผ่านไปแล้วครึ่งปี ชาวบ้านก็ต้องช่วยตัวเอง มันคือกรณีศึกษาถึงหายนะภัย....ไม่ใช่จากธรรมชาติ แต่จากการบริหารประเทศที่งี่เง่าที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐ

อยากรู้รายละเอียด พิมพ์ katrina failures ให้อากู๋หาให้ จะเจอข้อมูลดีๆ เช่น
Katrina's Manmade Failures
http://www.cbsnews.com/video/watch/?id=1644251n

หรือ ที่วิกกี้ เขาทำเป็นหัวข้อเฉพาะไปเลย
Criticism of government response to Hurricane Katrina
http://en.wikipedia.org/wiki/Criticism_ ... ne_Katrina



ขอบคุณข้อมูลคุณภาพจากปุกลูก นำเสนอความโง่สุดตรีน ของท่านนายกชะนีโบท่อกให้พวกเราได้ประจักษ์

ทูตเมกาคงปลื้มน่าดูแหละ ที่ไปเปิดแผลเขาต่อหน้าธารกำนัล

viewtopic.php?f=2&t=44683
Image
KATRINA IS LIVING MONUMENT OF BUSH INEPTITUDE
http://www.opednews.com/articles/opedne ... ing_mo.htm

Re: อี NGO เอ้ย

PostPosted: Thu Oct 13, 2011 5:17 pm
by ชายน้ำ
ถ้าจะให้เจ๋งกว่านี้

ขอแผน CIMA เขา

เอายุทธการปราบม็อบตากใบของโจรหนีคุกไปแลก

Re: อี NGO เอ้ย

PostPosted: Thu Oct 13, 2011 5:21 pm
by irq5
:roll: แล้วบางระกำโมเดลอ่ะหายไปไหน

Re: อี NGO เอ้ย

PostPosted: Thu Oct 13, 2011 5:21 pm
by Bookmarks
:lol: :lol: :lol: อีปูมันโง่จริงๆ ด้วย สะเล่อ อยากเป็นนายก แต่ประวัติศาสตร์ ความรู้รอบตัว ไม่มีเอาซะเลย ทำอะไรก็อายประชาชีเค้าไปทั่ว อยากเลียอเมริกา แต่ไม่เคยรู้เรื่องประวัติศาสตร์ ไม่รู้วันๆ ชี อ่านหนังสือพิมพ์ อ่านหนังสือบ้างหรือเปล่า
มิน่ามันถึงเป็นเสื้อแดงได้ เพราะอ่านหนังสือไม่เกิน วันละ 3 บรรทัดนี่เอง ถึงได้บอกว่า หญ้าแพรก ป้องกันน้ำท่วม

Re: อี NGO เอ้ย

PostPosted: Thu Oct 13, 2011 5:23 pm
by Limmy
บางระกำโมเดล ขยำทิ้งลงท่อไปแล้วหรือครับ ?

หมดไปหลายล้านแล้วนะท่าน ขยันสร้างวาทะกรรมกลบเกลื่อนปัญหารายวันจริง ๆ

Re: อี NGO เอ้ย

PostPosted: Thu Oct 13, 2011 5:27 pm
by Limmy
ชายน้ำ wrote:ถ้าจะให้เจ๋งกว่านี้

ขอแผน CIMA เขา

เอายุทธการปราบม็อบตากใบของโจรหนีคุกไปแลก


สงสัยจะแจกซีม่าให้ชาวบ้านมากกว่าครับ

แช่น้ำมาเป็นเดือนแล้ว

:mrgreen:

Re: อี NGO เอ้ย

PostPosted: Thu Oct 13, 2011 5:29 pm
by หนูอ้อย
แผน CIMA ของเมกามาปรับใช้เป็นแผนซีม่าโลชั่น แก้สังคังหัวใจไงคะ
ถ้าเป็นศัพท์กระเทยวันละคำละก้อ เหอๆๆๆ ตัวใครตัวมัน

Re: อี NGO เอ้ย

PostPosted: Thu Oct 13, 2011 5:32 pm
by zeus
ทำไปได้ โดนด่าอีกตามเคย น่าสงสาร :lol: :lol: :lol:

Re: อี NGO เอ้ย

PostPosted: Thu Oct 13, 2011 6:01 pm
by คนในพื้นที่
เข้ามาฮา "NGO" ครับ คิดได้ไงเนี่ย :lol:

Re: อี NGO เอ้ย

PostPosted: Thu Oct 13, 2011 6:04 pm
by คนบาป
มันดูถูกคนไทยมาก

โง่จนไม่รู้ว่าควรใช้วาทกรรมแบบไหน

รับสั่งให้เข้าเฝ้า บอกวิธีแก้ปัญหามันไม่รับใส่เกล้าฯ โง่จริง ๆ

Re: อี NGO เอ้ย

PostPosted: Thu Oct 13, 2011 6:14 pm
by antiseptic
เค้าไม่ได้ต้องการแผนแก้ไขปัญหาน้ำท่วมไงครับ

แต่ต้องการแผนแก้ไขปัญหาความล้มเหลวจากการแก้น้ำท่วม :D

Re: อี NGO เอ้ย

PostPosted: Thu Oct 13, 2011 6:17 pm
by orogaros
เข้ามาตอนแรกตกใจ นึกว่ากลุ่ม NGO (เอ็นจีโอ) ไปก่อปัญหาอะไร

พอมาอ่านเนื้อใน "***" นี่เอง แต่ก็เอาเถอะวิธีไหนทำให้น้ำลดได้ไวก็ทำกันไป

Re: อี NGO เอ้ย

PostPosted: Thu Oct 13, 2011 6:19 pm
by Great Wall
อยากให้ ไอ้แม้ว- ทักษิณ ชินวัตร เข้ามาอ่าน และรับรู้ความโง่ ของ"อีโคลน" ของมันเหลือเกิน
ไอ้แม้วเอ้ย ประเทศไทย ไม่ใช่ Lab of Hell ของตระกูล mreung นะเว้ยยยยยย

Re: อี NGO เอ้ย

PostPosted: Thu Oct 13, 2011 6:23 pm
by amplepoor
ข่าวนี้ นำมาให้ปุกลูกโดยเฉพาะ ทราบว่าน้องทำงานหนักในการอวยหอยนังชะนีปู คงไม่มีเวลาหาความรู้ พี่ก็ดันเอาลิ้งค์ภาษาต่างประเทศมาให้ ......ขอแก้ตัว เอาภาษาไทยมาลงแล้วนะจ๊ะ

น้องปุกลูก ก๊อบไปส่งอี NGO มารดาเธอได้เลย....จุ๊บๆๆๆๆๆ

อ้อ...ฝากบอกมารดาปุกลูกด้วยว่า จะทำตัวเป็นคนมีประโยชน์น่ะ สำหรับบางคน ให้นอนอยู่กับลูกที่บ้าน นั่นแหละ เกิดประโยชน์สูงสุด

http://www.localtalk2004.com/V2005/deta ... 5092005_01
--------------------------
วิเคราะห์เจ้าโลก หลังภัยเฮอร์ริเคน แคทริน่า
15 กันยายน 2548
เรื่องโดย กรรณิการ์ กิจติเวชกุล

Image
ภาพจาก http://www.army.mil/katrina

ความย่อ : สหรัฐอเมริกา ประเทศที่สามารถท้าทายธรรมชาติด้วยการยิงขีปนาวุธใส่ดาวหางเพื่อเปลี่ยนทิศทาง คงไม่มีใครคาดคิดว่าพายุเฮอร์ริเคน “แคทริน่า” เพียงแค่ลูกเดียว จะทำให้เจ้าโลกอย่างสหรัฐอเมริกามีสภาพที่ปรากฏตามภาพข่าวไม่ต่างอะไรกับ ประเทศประเทศโลกที่สาม

คงไม่มีใครคาดคิดว่าพายุเฮอร์ริเคน “แคทริน่า” เพียงแค่ลูกเดียว จะทำให้เจ้าโลกอย่างสหรัฐอเมริกามีสภาพที่ปรากฏตามภาพข่าวไม่ต่างอะไรกับ ประเทศประเทศโลกที่สาม ผู้คนบาดเจ็บล้มตายจำนวนมาก ศพลอยเกลื่อน คนที่รอดชีวิตก็ขาดน้ำขาดอาหาร ขาดซึ่งสาธารณูปโภคแทบทุกอย่าง และคนแก่อีกไม่น้อยที่นอนรอความช่วยเหลือจนตายคาเก้าอี้วีลแชร์ ขณะที่สภาพบ้านเมืองไร้ขื่อแป แทนที่ทหารจะออกไปบรรเทาสาธารณภัย กลับต้องแบกปืนไปเด็ดหัวประชาชนที่คิดเป็นโจร

คำถามต่าง ๆ เกิดขึ้นมากมายว่า ทำไมเหตุการณ์เช่นนี้จึงเกิดขึ้นกับมหาอำนาจเดี่ยวอย่างสหรัฐอเมริกา ประเทศที่สามารถท้าทายธรรมชาติด้วยการยิงขีปนาวุธใส่ดาวหางเพื่อเปลี่ยนทิศ ทาง กลับพ่ายแพ้ต่อธรรมชาติโดยสิ้นเชิง ตกอยู่ในสภาพไม่สามารถปกป้องหรือช่วยเหลือตัวเองได้เลย

ผู้ช่วยเหลือกับผู้ได้รับความช่วยเหลือ
“บุช คุณไม่ดูแลคนผิวสีเลย” คานยี เวสต์ นักร้องแร๊ปผิวหมึก พูดกลางรายการการกุศลร่วมบริจาคให้ผู้ประสบภัย เพราะพื้นที่ประสบภัย นิวออร์ลีน มิสซิซิปปี้ และหลุยส์เซียน่า อัดแน่นไปด้วยคนผิวสีที่ยากจนส่วนใหญ่ เช่นเดียวกับนายกเทศมนตรีนิวออร์ลีนซึ่งเป็นคนผิวสีเช่นกัน เขาทดท้อกับสภาวะไร้ความช่วยเหลือจากรัฐบาลกลาง

“แน่นอน มันเป็นเรื่องของสีผิวและชนชั้น ถ้าภัยพิบัตินี้เกิดขึ้นที่นิวยอร์ค หรือแคลิฟอร์เนีย พวกเขาคงได้รับการช่วยเหลืออย่างดีไปแล้ว”

ประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช พยายามเรียกร้องความเห็นใจว่า มันเป็นเรื่องที่ไม่มีใครสามารถคาดเดาได้ หลังจากถูกรุมประนามความล้มเหลวในการช่วยเหลือผู้ประสบภัย บุชได้ลงไปดูพื้นที่ถึง 2 ครั้ง สั่งการให้เพิ่มกำลังทหารเป็น 40,000 คน และความช่วยเหลือถึงขั้นอพยพประชาชนทางอากาศและเช่าเรือสำราญ 6 ลำให้เป็นที่พักของผู้ประสบภัย แต่นั่นก็หลังเหตุการณ์ผ่านไปแล้วหลายวัน

อย่างไรก็ตาม ประเด็นทั้งหมดของภัยพิบัติครั้งนี้คงไม่ได้อยู่แค่การเหยียดผิว แต่มันเป็นภาพสะท้อนของ “ตลาดเสรี”

"คนเหล่านี้ไม่ใช่คนดื้อด้าน แต่พวกเขาไม่มีที่จะไป
พวกเขายากจนเกินกว่าจะอพยพออกไป ไม่มีทั้งยานพาหนะ"

ในวันแรกที่พายุเฮอร์ริเคน “แคทริน่า” พัดถล่มอ่าวเม็กซิโก (29 สิงหาคม) สื่อมวลชนกระแสหลักในสหรัฐฯรายงานว่า ผู้ประสบภัยส่วนใหญ่เป็นพวก “ดื้อด้าน” ที่ไม่ยอมอพยพไปอยู่ในที่ที่ปลอดภัยตามคำแนะนำของรัฐบาล แต่เมื่อเวลาผ่านไป พวกเขาจึงเริ่มตระหนักว่า คนเหล่านี้ไม่ใช่คนดื้อด้าน แต่พวกเขาไม่มีที่จะไป พวกเขายากจนเกินกว่าจะอพยพออกไป ไม่มีทั้งยานพาหนะ ไม่มีทั้งจุดหมายที่จะรองรับ และไม่มีเงินที่จะใช้จ่าย เพราะการประกาศให้อพยพออกจากพื้นที่นั้น เป็นไปในลักษณะ “ตัวใครตัวมัน”

หากดูประสบการณ์ที่ใกล้เคียงกัน เมื่อปีที่แล้วประเทศคิวบาก็โดนพายุเฮอร์ริเคนพัดเข้าใส่เต็ม ๆ รัฐบาลคาสโตรได้ร่วมมือกับ คณะกรรมการประชาชนประจำท้องถิ่น และสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์ในพื้นที่อพยพประชาชน 1.3 ล้านคนซึ่งนับเป็นประชาชนถึง 10% ของประเทศไปอยู่ในที่ที่ปลอดภัยได้ทั้งหมด ทำให้ไม่มีผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์เลยแม้แต่คนเดียว คนอเมริกันอาจไม่เคยได้รับรู้เรื่องราวเหล่านี้เลย เพราะสื่อไม่นำเสนอ พวกเขาจึงได้แต่ก้มหน้าก้มตาช่วยเหลือตัวเอง

ตลาดเสรี อำนาจเหนือภัยพิบัติ
เมื่อพิจารณาที่การช่วยเหลือ ประชาชนหลังเหตุการณ์ จะพบว่า ในช่วงแรกรัฐบาลสหรัฐไม่ได้รู้สึกว่าเป็นหน้าที่ของตัวเอง แต่เป็นภาระขององค์กรบรรเทาสาธารณภัย และองค์กรการกุศลต่าง ๆ เช่น กาชาด ไม่แปลกที่ไม่เห็นเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลกลางให้ความช่วยเหลือ ส่งแต่เงินสนับสนุนเท่านั้น เพราะถือว่าธุระไม่ใช่ จนกระทั่งแม้แต่สื่อกระแสหลักยังทนไม่ได้

รัฐบาลกลางให้ความสนใจก็เพียงแต่ “จะต้องเข้าไปรักษาความสงบด้วยการยิงคนที่ออกปล้นชิง” ซึ่งสะท้อนความคิดของระบบตลาดเสรีที่ต้องรักษาทรัพย์สินส่วนบุคคล เช่น ห้างสรรพสินค้าที่ถูกปิดตาย เพราะเจ้าของร่ำรวยพอที่จะอพยพไปอยู่ในที่ที่ปลอดภัย โดยไม่สนใจว่าประชาชนใกล้จะอดตายหรือไม่ หรือจริง ๆ พวกเขาปล้นชิงเพื่อไปแบ่งปันให้คนเจ็บป่วยและแก่ชรา

ดับเบิลยู เอส ไรลีย์ รองผู้บัญชาการตำรวจนิวออร์ลีน ประจานพฤติกรรมทหารกองหนุนรักษาดินแดนของสหรัฐที่ถูกส่งเข้ามาช่วยเหลือผู้ เดือดร้อน 48 ชั่วโมงหลังเกิดเฮอร์ริเคน

"แม้ว่าจะมีผู้นำที่ไม่ใช่จอร์จ ดับเบิลยู บุช ก็ตาม
เพราะหลักการแสวงหากำไรในตลาดเสรียังคงอยู่อย่างเหนียวแน่น
ขณะที่หลักการของมนุษยธรรมไม่มีความหมาย "


“72 ชั่วโมงผ่านไป ตำรวจ พนักงานดับเพลิง และพลเมืองดียังคงออกช่วยเหลือผู้ประสบภัยเพียงลำพัง เรามีผู้คนล้มตายจำนวนมาก ขณะที่ทหารรักษาดินแดนพากันนั่งลงเล่นไพ่ ผมเข้าใจแล้วว่า ทำไมเราจึงไม่ชนะสงครามอิรัก เพราะเรามีคนแบบนี้”

ไมเคิล อัลเบิร์ต บรรณาธิการนิตยสารออนไลน์ Z ตั้งคำถามว่า ทำไมรัฐบาลไม่ออกคำสั่งให้บริษัทรถโดยสารพาผู้คนอพยพออกไปจากพื้นที่ก่อน เกิดเหตุ ทำไมรัฐบาลไม่สั่งให้โรงแรมจำนวนมากเปิดรับผู้ประสบภัยเข้าไปพักอาศัยแทนที่ จะใช้สนามกีฬาที่ไม่ปลอดภัยเพียงพอ ทำไมรัฐบาลไม่สั่งให้ซุปเปอร์มาร์เก็ตที่มีอาหารตุนอยู่นำอาหารออกมาแจกจ่าย ให้กับประชาชนในขณะที่ความช่วยเหลือยังไปไม่ถึง

คำตอบง่าย ๆ ก็คือ Business as usual หมายความว่ามันเป็นเรื่องของธุรกิจ เป็นหลักการของตลาดเสรี ที่คำสั่งเหล่านั้นจะไปทำลายการแสวงหากำไรของภาคเอกชน ฉะนั้นรัฐบาลไม่พึงทำ บรรณาธิการนิตยสารออนไลน์ Z ระบุว่า เหตุการณ์ที่ประชาชนชาวนิวออนลีนประสบอยู่จะไม่ได้แตกต่างกันมากนัก แม้ว่าจะมีผู้นำที่ไม่ใช่จอร์จ ดับเบิลยู บุช ก็ตาม เพราะ หลักการแสวงหากำไรในตลาดเสรียังคงอยู่อย่างเหนียวแน่น ขณะที่หลักการของมนุษยธรรมไม่มีความหมาย

สิ่งที่ก่อให้เกิดพายุเฮอริเคน “แคทริน่า”
อีกแง่มุมหนึ่งที่น่าสนใจจาก เหตุการณ์พายุเฮอร์ริเคน “แคทริน่า” ถล่มสหรัฐอเมริกา นั่นคือ ข้อมูลย้อนหลังที่ชี้ว่า งบประมาณบรรเทาสาธารณภัยในการปรับปรุงเขื่อนกั้นน้ำและระบบสูบน้ำออกหากเกิด อุทกภัย ถูกรัฐบาลกลางตัดทิ้งไป 71.2 ล้านเหรียญสหรัฐ นับเป็น 44% ของงบประมาณทั้งหมด งบประมาณส่วนนี้ถูกโอนไปส่งกำลังรบในอิรัก ซึ่งชัดเจนว่า สงครามอิรักเป็นไปเพื่อน้ำมันในอิรักมากกว่าสงครามต่อต้านการก่อการร้าย

"รัฐบาลอเมริกันและคนอเมริกันจะตระหนักว่า
พฤติกรรมและวิถีชีวิตของพวกเขาที่กำลังระบาดไปทั่วโลก
เป็นสาเหตุหลักของมหันตภัยร้ายในโลกนี้"


ยิ่งไปกว่านั้น รัฐบาลบุชยังสนับสนุนให้นักลงทุนเอกชนเข้าไปพัฒนาที่ดินในพื้นที่ชุ่มน้ำและ ชายฝั่งซึ่งส่วนใหญ่เป็นป่าโกงกางที่จะสามารถลดแรงปะทะและลดความสูงของคลื่น ได้ แต่ด้วยนโยบาย “แปลงสินทรัพย์ให้กับทุน”ชายฝั่งอ่าวเม็กซิโกสูญเสียป่าโกงกางไปอย่างรวด เร็ว ปรากฏการณ์นี้ไม่ได้ต่างไปจากพื้นที่ประสบภัยสึนามิที่ป่าโกงกางถูกถางเป็น รีสอร์ท ทำให้พลังการทำลายล้างรุนแรงกว่าพื้นที่อื่น ๆ

ย้อนหลังกลับไปไม่นานนัก ราวเดือนมีนาคม กลุ่มนักวิทยาศาสตร์ของแท้ ในนาม The Union of Concerned Scientists ได้นำเสนอรายงานสภาวะอากาศเปลี่ยนแปลงในพื้นที่ชายฝั่งอ่าวเม็กซิโก ระบุว่า พื้นที่ชายฝั่งจะถูกน้ำท่วมรุนแรง หน้าดินพังทลายอันเนื่องมาจากน้ำทะเลที่สูงขึ้นจากภาวะโลกร้อนจะเป็นตัวเร่ง ความรุนแรงของพายุจากพายุลูกเล็ก ๆ เป็นพายุระดับรุนแรง ซึ่งในกรณีของ แคทริน่า เมื่อเริ่มต้นเป็นแค่พายุเฮอร์ริเคนระดับหนึ่งเท่านั้น แต่เมื่อพัดเข้าสู่ชายฝั่งเม็กซิโกมีความรุนแรงระดับห้า

“หลักฐานทางวิทยาศาสตร์ชี้ชัดว่า ภาวะโลกร้อน อาจไม่ส่งผลโดยตรงต่อความถี่ของการเกิดพายุ แต่ส่งผลโดยตรงต่อความรุนแรงของเฮอร์ริเคน เฮอร์ริเคนจะทวีความรุนแรงขึ้นอันเนื่องมาจากน้ำทะเลที่อุ่นขึ้นเพราะภาวะ โลกร้อน” ดร.เบรนด้า เอควูเซล นักวิทยาศาสตร์ด้านสภาวะอากาศระบุ

เจอร์เก้น ทริตทิน รัฐมนตรีสิ่งแวดล้อมเยอรมันนี้ เขียนคอลัมน์ในหนังสือพิมพ์ชื่อดังของเยอรมันเช้าวันอังคารหลังแคทริน่า เยือนชายฝั่งเม็กซิโก “ประธานาธิบดี อเมริกันปิดตาไม่รับรู้ความเสียหายทั้งทางเศรษฐกิจและชีวิตผู้คนอันเกิดจาก พายุเฮอร์ริเคนแคทริน่า โดยการที่เขาไม่เคยใส่ใจที่จะปกป้องสภาวะอากาศโลก”

อีกนานแค่ไหนกว่าที่ รัฐบาลอเมริกันและคนอเมริกันจะตระหนักว่า พฤติกรรมและวิถีชีวิตของพวกเขาที่กำลังระบาดไปทั่วโลกเป็นสาเหตุหลัก ของมหันตภัยร้ายในโลกนี้ หายนะจากน้ำมือมนุษย์ที่ธรรมชาติเพียงสั่งสอนให้รู้สำนึกเท่านั้น

เมื่อหลายพันปีก่อน อินเดียนแดงเผ่าโฮปี มีคำพยากรณ์กล่าวว่า ...

เมื่อความโง่เขลาของพวก ผิวขาวได้ขยายตัวไปจนถึงที่สุดแล้ว ในท้ายที่สุดโลกจะถูกทำลายลงไปจนมนุษย์ทั้งหลายแหลกเหลวไปเหมือนโคลนเละๆ... หลังจากนั้น ปัญญาอันประเสริฐจะมาจากฟากฟ้าตะวันออกนำความก้าวหน้าทางจิตใจมาสู่มนุษย์ ให้หวนกลับมาใช้ชีวิตร่วมกับธรรมชาติอย่างเป็นสุขอีกครั้ง...

Re: อี NGO เอ้ย

PostPosted: Thu Oct 13, 2011 6:31 pm
by amplepoor
ประเทศที่ NGO ยิ่งเลอะควรไปขอคำปรึกษา

คือ ประเทศคิวบา

น้องปุกลูกเอาไฮไลท์ที่พี่ทำตรงประโยคสำคัญไปให้ได้เลย อ้อ ให้เด็กแพคของที่นพดลคุยว่าเก่งกว่ามาร์ค คนใหนก็ได้แถวๆ นั้น อ่าน และ อธิบาย ให้ก็ได้.......

ในวันแรกที่พายุเฮอร์ริเคน “แคทริน่า” พัดถล่มอ่าวเม็กซิโก (29 สิงหาคม) สื่อมวลชนกระแสหลักในสหรัฐฯรายงานว่า ผู้ประสบภัยส่วนใหญ่เป็นพวก “ดื้อด้าน” ที่ไม่ยอมอพยพไปอยู่ในที่ที่ปลอดภัยตามคำแนะนำของรัฐบาล แต่เมื่อเวลาผ่านไป พวกเขาจึงเริ่มตระหนักว่า คนเหล่านี้ไม่ใช่คนดื้อด้าน แต่พวกเขาไม่มีที่จะไป พวกเขายากจนเกินกว่าจะอพยพออกไป ไม่มีทั้งยานพาหนะ ไม่มีทั้งจุดหมายที่จะรองรับ และไม่มีเงินที่จะใช้จ่าย เพราะการประกาศให้อพยพออกจากพื้นที่นั้น เป็นไปในลักษณะ “ตัวใครตัวมัน

หากดูประสบการณ์ที่ใกล้เคียงกัน เมื่อปีที่แล้วประเทศคิวบาก็โดนพายุเฮอร์ริเคนพัดเข้าใส่เต็ม ๆ รัฐบาลคาสโตรได้ร่วมมือกับ คณะกรรมการประชาชนประจำท้องถิ่น และสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์ในพื้นที่อพยพประชาชน 1.3 ล้านคนซึ่งนับเป็นประชาชนถึง 10% ของประเทศไปอยู่ในที่ที่ปลอดภัยได้ทั้งหมด ทำให้ไม่มีผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์เลยแม้แต่คนเดียว คนอเมริกันอาจไม่เคยได้รับรู้เรื่องราวเหล่านี้เลย เพราะสื่อไม่นำเสนอ พวกเขาจึงได้แต่ก้มหน้าก้มตาช่วยเหลือตัวเอง

Re: อี NGO เอ้ย

PostPosted: Thu Oct 13, 2011 6:37 pm
by -3-
^เกิน 3 บรรทัดครับท่าน amplepoor :|

Re: อี NGO เอ้ย

PostPosted: Thu Oct 13, 2011 7:02 pm
by amplepoor
-3- wrote:^เกิน 3 บรรทัดครับท่าน amplepoor :|



ถึงได้บอกให้ปุกฯแค่ก๊อปไปก็พอ .....นังชะนีปูก็คงอ่านไม่รู้เรื่องเหมือนกัน

ผมถึงฝากความหวังไว้ที่เด็กแพคของงัย....5555555

:P :P :P

:lol: :lol: :lol:

Re: อี NGO เอ้ย

PostPosted: Thu Oct 13, 2011 7:10 pm
by tifosi
นี่เลยครับ ได้แผนเจ๊งๆแบบนี้ประเทศเรารอดแล้ว

http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%9E% ... 9%E0%B8%B2

Re: อี NGO เอ้ย

PostPosted: Thu Oct 13, 2011 7:13 pm
by weshare
ชีม่า
เอามาทาฮ่องกงฟู้ด :lol:

Re: อี NGO เอ้ย

PostPosted: Thu Oct 13, 2011 7:31 pm
by เพื่อนร่วมชาติ
เอ้า สาวกลัทธิบูชาไอ้ขี้โกง ช่วยเอาไปให้อีเหี่ยวกลวงของพวกมืงอ่านหน่อย

เหยื่อแคทริน่าทึ่ง เหยื่อสึนามิฟื้นฟูชุมชนดีกว่าอเมริกา

Re: อี NGO เอ้ย

PostPosted: Thu Oct 13, 2011 7:34 pm
by amplepoor
tifosi wrote:นี่เลยครับ ได้แผนเจ๊งๆแบบนี้ประเทศเรารอดแล้ว

http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%9E% ... 9%E0%B8%B2



โอ้ว.....


ได้ขุนพลแนวรบวิกกี้มาช่วยแล้ว.......สรุปได้ถึงใจพระเดชพระคุณ

NGOปูโบท้อก ได้ใช้ซีม่าทาหูกันละ

....น้องปุกลูกอย่าลืมเอาข้อมูลไปให้มารดาด้วยเน่อ

Re: อี NGO เอ้ย

PostPosted: Thu Oct 13, 2011 7:35 pm
by ปกติทำแต่งาน
irq5 wrote: :roll: แล้วบางระกำโมเดลอ่ะหายไปไหน


เพี้ยง อีโพยอย่ามาทำ ตลิ่งชันโมเดล แถวบ้าน กรูนะโว้ย กลัวอิ๋บอ๋าย

Re: อี NGO เอ้ย

PostPosted: Thu Oct 13, 2011 7:40 pm
by amplepoor
เพื่อนร่วมชาติ wrote:เอ้า สาวกลัทธิบูชาไอ้ขี้โกง ช่วยเอาไปให้อีเหี่ยวกลวงของพวกมืงอ่านหน่อย

เหยื่อแคทริน่าทึ่ง เหยื่อสึนามิฟื้นฟูชุมชนดีกว่าอเมริกา


ขออนุญาต คัดไฮไลท์มาลงครับ

อีนังชะนีจะได้รู้ว่า เมกาต้องมาเรียนรู้จากเรา (แต่ไม่ใช่จากเธอนะ ยัยหน้าเด้ง)
-------------------
วันที่ 11 กันยายนที่ผ่านมา ตัวแทนชุมชนยากจนที่ประสบภัยพิบัติจากพายุเฮอริเคนแคทริน่า เมืองนิวออรีนส์ รัฐหลุยเซียส์น่า สหรัฐอเมริกา จำนวน 4 คน เดินทางมาศึกษาการพัฒนาชุมชนแออัดที่ชุมชนบ่อนไก่พัฒนา กรุงเทพฯ ซึ่งก่อนหน้านี้ได้เดินทางไปศึกษาดูงานการฟื้นฟูชุมชนที่ประสบภัยสึนามิใน จ.อาเจะห์ ประเทศอินโดนีเซีย รวมถึงชุมชนในจังหวัดภูเก็ต และชุมชนบ้านน้ำเค็ม ชุมชนทับตะวัน อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา

คุณพาม แดสีล์ล (Pam Dashiell) หนึ่งในเหยื่อพายุเฮอริเคนแคทริน่าที่เดินทางมาดูงานด้วย กล่าวว่า การฟื้นฟูชุมชนที่ประสบภัยจากเฮอริเคนแคทริน่าเป็นไปอย่างล่าช้า โดยเฉพาะในชุมชนยากจน รัฐบาลกลางไม่มีประสิทธิภาพในการแก้ปัญหา กลไกต่างๆ ไม่ได้ทำงานอย่างเต็มที่

แม้เฮอริเคนแคทริน่าถล่มเมืองนิวออรีนส์ มาหนึ่งปีแล้ว แต่ประชาชนก็ยังกลับไปอยู่ในชุมชนเดิมไม่ได้ ตัวแทนของชุมชนที่เดินทางมาครั้งนี้บอกว่า เกิดจากการที่รัฐบาลห้ามประชาชนเข้าไปในที่ดินเดิม ขณะเดียวกันประชาชนก็ยังตกลงเรื่องความเสียหายกับบริษัทประกันไม่ได้ จึงต้องปล่อยสภาพความเสียไว้เช่นเดิม

นอกจากนี้ยังมีการอพยพประชาชนไป อาศัยในที่ดินว่างของเมืองต่างๆ ทั่วประเทศ ส่วนที่ดินของชุมชนยากจนก็กำลังถูกนายทุนเข้ามาครอบครอง การที่ชุมชนดังกล่าวเป็นชุมชนแอฟริกันผิวดำ พวกเขาจึงยิ่งกังวลว่ารัฐบาลอาจจะไม่ให้พวกเขากลับมาอยู่ในชุมชนเดิม

สำหรับพายุเฮอริเคนแคทริน่านั้น ทำให้มีชาวอเมริกันเสียชีวิตถึง 1,800 คน ในเดือนสิงหาคมปีที่แล้ว โดยส่วนใหญ่เป็นชุมชนคนผิวดำ และชุมชนผู้อพยพชาวเอเชีย


Re: อี NGO เอ้ย

PostPosted: Thu Oct 13, 2011 7:50 pm
by PinkDevil
"ปู"สั่ง กต.ขอแผนแก้ปัญหาน้ำท่วมจากสหรัฐ

น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้ตนประสานกับสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกา เพื่อขอแผนบริหารจัดการและแก้ไขปัญหาน้ำท่วม หรือที่เรียกว่า CIMA ที่ทางการสหรัฐเคยใช้แก้ปัญหาอุทกภัยในเมืองนิวออร์ลีนส์ มลรัฐลุยเซียนา ภายหลังพายุเฮอริเคนแคทรีน่าเข้าถล่ม เมื่อปี 2550

เฮอริเคนแคทรีน่าพัดเข้าถล่มอเมริกา ปลายสิงหา 2005 หรือ 2548
สุรพงษ์นี่เป็นว่าการกระทรวงการต่างประเทศหรือเป็นคนขายไก่กันแน่
ส่งไปแข่ง ถ้าคุณแน่อย่าแพ้เด็ก ป 4 สงสัยจะตกรอบ

Re: อี NGO เอ้ย

PostPosted: Thu Oct 13, 2011 8:03 pm
by amplepoor
หึหึ คุณพิ้งค์ต้องเข้าใจนะครับ โตวิจักไชปฎิกูลต้องแกล้งโง่ ความจริงตัวเขาเป็นไพรเมทที่ก้าวหน้ากว่าชะนียิ่งลัก แต่ด้วยความฉลาดจึงต้องทำตัวNGOกว่านังโบท่อก....ฮาฟฟฟฟฟฟ

เอาคำวิจารณ์จากไทยีัฐเรื่องบางระกำโมเดลมาให้อ่าน ขนาดไทยรัฐไม่เชื่อน้ำยา ก็คงเหลือแต่สอยุดกับโว้ยทีวีเท่านั้น ที่เชื่อ (ต้องเข้าทางแคชไฟล์นะครับ ข่าวเก่าแล้วไทยรัฐเก็บเข้าคลังไปแระ)

จาก'อาจสามารถ' สู่ 'บางระกำโมเดล' อย่าให้เป็นแค่'วาทกรรม'

ภารกิจ เร่งด่วนภารกิจแรกของรัฐบาลนี้ หลังจากมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี คือ การแก้ปัญหาน้ำท่วมในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะพื้นที่ภาคกลาง และภาคเหนือตอนล่าง ซึ่งส่อเค้าวิกฤติหนักรอให้รัฐบาลมาแก้ปัญหา บรรเทาความเดือดร้อน

ซึ่งหลังจากนายกรัฐมนตรี และคณะ ลงพื้นที่ประสบอุทกภัย ก็ได้มีการร่างแผนการแก้ปัญหาระยะยาว "บางระกำโมเดล" คลอดออกมา โดยเน้นการแก้ปัญหาแบบ "บูรณาการ" ให้หน่วยงานที่รับผิดชอบบริหารจัดการแบบจุดเดียวเบ็ดเสร็จ หรือ วัน สต็อป เซอร์วิส (One Stop Service)

จากวันนั้นถึงวันนี้ เชื่อว่าสิ่งที่คนส่วนใหญ่ต้องการจะรู้ก็คือ บางระกำโมเดล มีรายละเอียดอย่างไร.. ?

วันนี้ ไทยรัฐออนไลน์ได้นำรายละเอียดของ "บางระกำโมเดล" มากางให้สังคมได้รับรู้ โดยมีคำอธิบายว่า บางระกำโมเดลคือ "รูปแบบการดำเนินงานในการแก้ไขปัญหาสถานการณ์อุทกภัยในระดับจังหวัด ตามหลัก 2P 2R ในแบบ One-Stop Service"

มี โครงสร้าง คือ ศูนย์ปฏิบัติการ One-Stop Service ระดับจังหวัด แบ่งส่วนงานเป็น การประสานงาน และประชาสัมพันธ์ โดยส่วนประสานงาน จะมี 1P 1R คือ การเตรียมความพร้อม (Preparation) ทั้งในด้านข้อมูลและแผน ด้านการสื่อสาร ด้านทรัพยากร และด้านการประชาสัมพันธ์ การเผชิญเหตุ (Response) ทั้งการจัดตั้งระบบการ ICS ที่มีศูนย์ปฏิบัติการร่วมกันทุกหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน การกำหนดให้มีศูนย์สั่งการเพียงศูนย์เดียว

ส่วน งานประชาสัมพันธ์ จะประกอบด้วย การฟื้นฟู (Recovery) ได้แก่ ข้อมูลความเสียหายและการจัดลำดับความเร่งด่วนในการฟื้นฟู เช่น แหล่งสาธารณูปโภคหลัก โครงสร้างพื้นฐาน และการป้องกันในระยะยาว (Prevention) ได้แก่ การบริหารจัดการน้ำอย่างครบวงจร เช่น ระบบแก้มลิง ระบบทางน้ำ (Waterway)

โดยแต่ละส่วนงานก็จะมีหน่วยงานหลักรับผิดชอบ อาทิ การเตรียมข้อมูลและแผน, การสื่อสาร จะมีกรมชลประทาน กรมทรัพยากรน้ำ กรมทรัพยากรธรณี กรมอุตุนิยมวิทยา รับผิดชอบ การจัดตั้งระบบ ICS จะมีกรมการปกครอง (ปค.) กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น (สถ.) กระทรวงสาธารณสุข ทหาร ตำรวจ รับผิดชอบ การบริหารจัดการน้ำอย่างครบวงจรเช่น ระบบแก้มลิง จะมีกระทรวงมหาดไทย กระทรวงยุติธรรม กระทรวงคมนาคม กระทรวงเกษตรฯ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯ รับผิดชอบ เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม มีการวิเคราะห์บางระกำโมเดล ว่ายังไม่น่าจะเป็นคำตอบของการแก้ปัญหา โดยนายณรงค์ ลีนานนท์ ผู้อำนวยการสำนักชลประทานที่ 3 ชี้ว่า ปัญหาน้ำท่วมพื้นที่บางระกำ จ.พิษณุโลก เพราะลุ่มน้ำยม ยังขาดแผนการบริหารจัดการที่ดี และยังไม่มีวิธีควบคุมปริมาณน้ำที่ไหลผ่าน ซึ่งบางระกำโมเดลยัง ขาดการมองภาพรวมทั้งระบบ โดยเฉพาะแนวทางการป้องกัน ด้วย "วอเตอร์เวย์" หรือการขุดลอกแม่น้ำยมทั้งระบบ อาจส่งผลกระทบกับพื้นที่อื่นได้??และเมื่อเปรียบเทียบแม่น้ำ 4 สายหลักที่มาจากภาคเหนือ ทั้งแม่น้ำปิง ที่มีเขื่อนภูมิพล แม่น้ำวัง มีเขื่อนกิ่วลม แม่น้ำน่าน มีเขื่อนสิริกิติ์ และเขื่อนแควน้อย ดังนั้น แนวทางการสร้างเขื่อนเพื่อควบคุมปริมาณน้ำในลุ่มน้ำยมยังเป็นปัจจัยสำคัญ ในการแก้ปัญหาน้ำท่วมที่ต้องเร่งทบทวนควบคู่กับบางระกำโมเดล โดยเฉพาะการสร้างเขื่อนแม่น้ำยมตอนบน และเขื่อนแม่น้ำยมตอนล่าง เพื่อทดแทนการสร้างเขื่อนแก่งเสือเต้นที่ยังไร้คำตอบ

ด้าน นายฐานิสร์ เทียนทอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยกับไทยรัฐออนไลน์ ว่า นายกรัฐมนตรีมอบหมายให้ตัวเขาแก้ปัญหาในเรื่องนี้อย่างเร่งด่วน แต่ก็ไม่สามารถจะดำเนินการในขณะนี้ได้ เพราะว่าน้ำบริเวณโดยรอบยังสูงอยู่ ถ้าเริ่มการถ่ายน้ำในตอนนี้ ก็คงจะไหลเอ่อเข้าท่วมอยู่ที่เดิม จึงมีคำสั่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่มาร่วมแก้ไขในครั้งนี้ พยายามทำความเข้าใจและอธิบายให้พี่น้องประชาชนเข้าใจว่าทำอะไรได้บ้าง ซึ่งการแก้ปัญหาในเบื้องต้นตอนนี้ก็ช่วยเหลือเยียวยาเฉพาะหน้าไปก่อน เช่น อาหาร การสาธารณสุข หรือเงินช่วยเหลือในเบื้องต้น

"บางระกำโมเดลนั้น ค่อนข้างจะมีปัญหาที่สลับซับซ้อน ซึ่งต้องศึกษาหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหลายหน่วยงาน เพราะว่าอย่างทำแก้มลิงหากทำโดยไม่ศึกษา ก็อาจจะสร้างความเดือดร้อนให้จังหวัดข้างเคียงได้เหมือนกัน จึงยังหาข้อยุติไม่ได้ เนื่องจากว่าสถานการณ์ในตอนนี้ได้เกิดปัญหาน้ำท่วมพร้อมกันในหลายจังหวัด จำเป็นต้องแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าไปก่อน แต่การแก้ไขปัญหาในระยะยาวคงต้องมีการประชุมและหารือต้องมีการประชุมกับหลาย หน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างรัดกุมเสียก่อน หากการสำรวจไปอย่างรวดเร็วอาจจะทำให้เกิดข้อผิดพลาดได้ง่าย" รมช.มหาดไทย กล่าว

นายฐานิสร์ ยอมรับว่า โครงการที่เสนอมาก่อนหน้านี้เป็นเพียงโมเดลโครง สร้างให้เป็นแนวทางในการดำเนินการเท่านั้น และเป็นการเสนอแบบด้านเดียว แต่อาจส่งผลกระทบต่อด้านอื่นอีก หากมีแนวทางที่เสนอมาดีกว่าโครงสร้างที่วางไว้ รัฐบาลก็พร้อมที่จะปรับเปลี่ยนเพื่อให้เกิดความเหมาะสมที่สุด ทางรัฐบาลก็ได้เปิดรับฟังความคิดเห็นอยู่ตลอดเวลา ต้องยอมรับว่าเรื่องนี้ต้องใช้ความบูรณาการในการแก้ปัญหาร่วมกัน ทั้งรัฐและเอกชนต้องมาระดมความคิดกัน แล้วค่อยมาคุยกันอีกที

"ที่สุดแล้วต้องมีการใช้เวลา โดยอย่างน้อยที่สุดก็ต้องผ่านพ้นช่วงนี้ไปก่อน จึงจะเห็นความชัดเจนขึ้น" นายฐานิสร์ กล่าว

เมื่อ ฟังคำอธิบายจาก รมช.มหาดไทย แล้ว อาจจะทำให้หลายคนเกิดความรู้สึกไม่แน่ใจว่านี่จะเป็นการแก้ปัญหาที่ยั่งยืน หรือไม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อ "อาจสามารถโมเดล" ต้นแบบแก้จนสมัย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี ที่ถูกวิจารณ์ว่าการดำเนินการเหมือนช่วงลงพื้นที่หาเสียงก่อนการเลือกตั้ง ยังตามหลอกหลอนอยู่

ดังนั้น คำถามที่เกิดขึ้นกับ "บางระกำโมเดล" จึงไม่ต่างอะไรกับคำถามที่เคยเกิดขึ้นกับ "อาจสามารถโมเดล" จะสามารถแก้ปัญหาได้จริง หรือแค่วาทกรรม.


ดูรายละเอียดแบบราชะก๊านราชะกานได้ที่นี่
http://www.thairath.co.th/page/flood2p2r

Re: อี NGO เอ้ย

PostPosted: Thu Oct 13, 2011 8:14 pm
by นักรบมือตบ
เจ๊ปูสงสัยคันแบบน้องจ๊ะ คันหู เลยอยากใช้ซีม่า :lol: :lol:

ว่างๆให้ปั๋วนอกสมรสเกาให้หน่อยจิ :oops:

Re: อี NGO เอ้ย

PostPosted: Thu Oct 13, 2011 8:19 pm
by phoosana
อายโว้ย มีนายกแบบนี้ :oops:

Re: อี NGO เอ้ย

PostPosted: Thu Oct 13, 2011 8:47 pm
by overtherainbow
:shock: :shock:
ใครส่งโพยให้เจ๊แก

สอดไส้ป่าว

หรือคราวนี้เป็นความคิดส่วนตัว

Re: อี NGO เอ้ย

PostPosted: Thu Oct 13, 2011 10:40 pm
by b...
กระทู้นี้......


แรงได้ใจจริงๆ

Re: อี NGO เอ้ย

PostPosted: Thu Oct 13, 2011 11:05 pm
by hidden dragon
ไอ้ 2P 2R นี่ก็เป็นวาทกรรมที่เจ๊กลวงแกไปจำขี้ปากเค้าพูดอีกที
ไม่รู้ว่าใช้เวลานานเท่าไรกว่าจะท่องจำได้ :D
http://daily.bangkokbiznews.com/detail/26605