กระทรวงต่างประเทศออกแถลงการณ์ชี้แจง หลัง"ยูเอ็น" ย้ำ ไทยต้องแก้กฎหมายหมิ่นฯ–พ.ร.บ.คอมพ์ฯ
วันที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2554 เวลา 20:30:00 น.
หลังจากเมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2554 ที่นายแฟรงค์ ลา รู ผู้ตรวจการพิเศษแห่งสหประชาชาติด้านเสรีภาพด้านการแสดงออก ออกแถลงการณ์ที่เมืองเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เรียกร้องให้รัฐบาลไทยจัดเวทีสาธารณะเพื่อแก้ไขกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพและพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ของไทย พร้อมเสนอความร่วมมือกับคณะกรรมการปฏิรูปกฎหมายเพื่อแก้ไข กฎหมายดังกล่าวให้สอดคล้องกับหลักสิทธิมนุษยชนสากลนั้น
ในวันนี้ (13 ต.ค.) กระทรวงการต่างประเทศได้ออกแถลงการณ์ชี้แจง กรณีแถลงการณ์ของผู้เสนอรายงานพิเศษขององค์การสหประชาชาติเกี่ยวกับกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพและพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ของไทย โดยมีข้อความดังนี้
13 ตุลาคม 2554 15:41:21
อ้างถึงแถลงการณ์ของนาย Frank La Rue ผู้เสนอรายงานพิเศษขององค์การสหประชาชาติว่าด้วยการปกป้องและพิทักษ์สิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นและการแสดงออก เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2554 เกี่ยวกับกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพและพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ของไทย กระทรวงการต่างประเทศขอให้ข้อมูล ดังนี้
ในฐานะสังคมเสรีประชาธิปไตย ประเทศไทยให้ความสำคัญกับความคิดเห็นต่าง ๆ เกี่ยวกับเรื่องกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพของไทย ซึ่งมิใช่กฎหมายพิเศษ หากแต่เป็นส่วนหนึ่งของประมวลกฎหมายอาญา เพื่อเป็นกลไกคุ้มครองพระบรมวงศานุวงศ์ชั้นสูง กฎหมายดังกล่าวให้ความคุ้มครองต่อสิทธิส่วนพระองค์และชื่อเสียงของพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทน ในลักษณะเดียวกับที่กฎหมายหมิ่นประมาท – ซึ่งเป็นความผิดทางอาญา – ให้ความคุ้มครองต่อบุคคลทั่วไป ทั้งนี้ ความแตกต่างอยู่ที่ภายใต้กฎหมายและรัฐธรรมนูญของไทย สถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งอยู่เหนือความขัดแย้งใด ๆ ไม่อยู่ในสถานะที่จะฟ้องร้องประชาชนของพระองค์เองได้
กฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพไม่ได้มีวัตถุประสงค์ที่จะจำกัดเสรีภาพในการแสดงออกหรือลิดรอนสิทธิเสรีภาพด้านวิชาการ อย่างไรก็ดี เมื่อใดที่คำวิพากษ์วิจารณ์หรือความคิดเห็นกลายมาเป็นข้อกล่าวหา บุคคลที่เกี่ยวข้องต้องพร้อมจะรับผิดชอบต่อความคิดเห็นของตน ซึ่งเรื่องนี้ถือเป็นแนวปฏิบัติทั่วไปไม่ว่าผู้ที่ตกเป็นเป้าหมายของการถูกกล่าวหาจะเป็นบุคคลธรรมดาหรือสถาบันพระมหากษัตริย์
แม้กระนั้นก็ตาม ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ได้ปรากฏการใช้กฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพไม่ตรงตามเจตนารมณ์ของกฎหมายฯ ในการเป็นกลไกเพื่อคุ้มครองพระเกียรติของพระบรมวงศานุวงศ์ชั้นสูง ซึ่งในบางกรณีอาจส่งผลกระทบต่อสิทธิเสรีภาพในการแสดงออกของประชาชนด้วยเช่นกัน รัฐบาลตระหนักถึงศักยภาพของประเด็นปัญหาดังกล่าว และมุ่งที่จะป้องกันการใช้กฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพในทางที่ไม่ถูกต้อง
ในการนี้ จึงได้มีการดำเนินมาตรการที่เกี่ยวข้อง อาทิ การจัดตั้งคณะกรรมการพิจารณาคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อพิจารณากลั่นกรองคำร้องต่าง ๆ ทั้งนี้ เพื่อให้การบังคับใช้กฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพมีมาตรฐานที่ชัดเจนต่อเนื่อง รวมทั้งเป็นไปตามเจตนารมณ์ของกฎหมายฯ ส่งผลให้คำร้องจำนวนมากตกไป เนื่องจากพิจารณาแล้วเห็นว่าขาดหลักฐานที่เพียงพอ
สำหรับพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 มีขึ้นเพื่อให้อำนาจแก่เจ้าหน้าที่รัฐในการห้ามชั่วคราวการเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ เพื่อป้องกันและระงับการแพร่กระจายการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ทางอินเทอร์เน็ต อนึ่ง เพื่อป้องกันการใช้อำนาจตามพระราชบัญญัติดังกล่าวในทางที่ไม่ถูกต้อง จึงกำหนดให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องจะต้องได้รับคำสั่งศาลก่อนที่จะดำเนินการใด ๆ ในปัจจุบัน พระราชบัญญัติดังกล่าวอยู่ระหว่างการปรับปรุงแก้ไข โดยรัฐบาลจะรวบรวมความเห็นจากภาคส่วนที่เกี่ยวข้องรวมถึงผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต เพื่อให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากล
ที่ผ่านมา หลายภาคส่วนในสังคมไทยได้มีการหารือและจัดโต้เวทีเชิงวิชาการเกี่ยวกับประเด็นเรื่อง กฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ รวมถึงพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ การโต้เวทีดังกล่าวได้ให้ข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะที่น่าสนใจ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาของรัฐบาลในเรื่องดังกล่าวต่อไป
ที่มา
http://www.matichon.co.th/news_detail.p ... &subcatid=เห็นข่าวในมติชิน พอดีได้เห็นเพื่อนๆ คุยกันเรื่องนี้ในกระทู้ก่อน ก็เลยอยากกระจ่างว่าตกลงการออกแถลงการณ์ครั้งแรกนี่ นายแฟรงค์ ลา รู ทำในนามของ UN ใช่หรือไม่นะครับ