ผมมีวิธีการจัดการน้ำ เมื่อเกิดเหตุการณ์แบบนี้อีก มาเสนอ

เรื่องการเมือง เชิญที่นี่เลยครับ
Forum rules
- ห้ามใช้คำพูดหยาบคาย
- ห้ามโพสกระทู้หรือข้อความที่ดูหมิ่นเสียดสีสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นอันขาด

เชิญทุกท่านเข้าสู่บอร์ดใหม่ได้ที่ http://webboard.serithai.net ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ viewtopic.php?f=2&t=44976 ครับ

ผมมีวิธีการจัดการน้ำ เมื่อเกิดเหตุการณ์แบบนี้อีก มาเสนอ

Postby นักเรียนตลอดชีพ » Fri Oct 14, 2011 8:29 pm

ผมนึกไอเดีย อะไรบางอย่างออก เกี่ยวกับ การจัดการน้ำ ขณะที่มีน้ำหลาก เหมือนอย่างเที่ยวนี้ (ไม่ใช่การป้องกันระยะยาว แต่เป็นการจัดการเมื่อที่มีน้ำหลากมา)....

น้ำท่วมคราวนี้ ผมเห็นปัญหาหลายอย่าง เกี่ยวกับการจัดการน้ำ รวมไปถึง ความขัดแย้งกันระหว่างชุมชน ในพื้นที่ ที่ต้องป้องกันไว้ และ พื้นที่ ที่เราจัดให้เป็นพื้นที่รับน้ำ ....นี่คือสิ่งที่ทุกคน ในทุกวันนี้ กำลังปฏิบัติกันอยู่ คือกั้นพื้นที่ของตัวเองให้"แห้ง"(ไม่เดือดร้อนเลย)เลย ในขณะที่พื้นที่รับน้ำ รับน้ำ จนคนในพื้นที่เดือดร้อน จนแสนสาหัส ไปจนถึงเสียชีวิต....

เมื่อน้ำมามากเข้า มากเข้า เรายิ่งพยายามรักษา พื้นที่แห้ง ไว้ต่อไป โดยการทำคันกั้นน้ำ ให้สูงยิ่งๆขึ้นไป แต่อย่างที่รู้กันไม่ว่ากำแพงใหญ่ และสูงแค่ไหน เมื่อเจอกับปริมาณน้ำมหาศาล กำแพง ก็ไม่สามารถรับได้ ในที่สุดกำแพงก็พัง ความเสียหายที่รุนแรง จึงตามมา .... ในวันข้างหน้า ต่อไป เมืองในแต่ละเมือง จะยิ่งทำกำแพงของตัวเองให้สูงขึ้น แข็งแรงขึ้น .... แต่น้ำต้องการที่ไป ในเมื่อทุกที่ กั้นหมด กำแพงที่ แข็งแรงน้อย ก็จะล่ม และถ้าน้ำมากจนแม้แต่กำแพง ที่แข็งแรงที่สุด ก็ไม่สามารถทานไว้ได้ มันก็พังเหมือนเดิม ...


แนวทางการบริหารจัดการน้ำ แบบขั้นบันได ....

....... ผมเรียกวิธีนี้ว่า การเฉลี่ยน้ำแบบขั้นบันได(เหมือนการทำนาแบบขั้นบันได)คือ เมื่อมีน้ำมา เราต้องกั้น เท่าที่พื้นที่นั้นสามารถ รับน้ำได้ แล้วจึงปล่อยไป ปล่อยไปในพื้นที่อื่น และพื้นที่ที่รับน้ำต่อมา ก็รับน้ำเท่าที่รับได้ แล้วก็ปล่อยไป ไปเรื่อยๆ(เหมือนการกักเก็บน้ำของนาขั้นบันได) .... ทำดังนี้ จะเป็นเฉลี่ยความเดือดร้อน เฉลี่ยปริมาณน้ำ ในแต่พื้นที่ ให้ง่ายต่อการจัดการ ....

ข้อสำคัญ ของการบริหารจัดการน้ำ แบบนี้ คือ เมื่อปริมาณน้ำมาก พื้นที่ที่รับน้ำ ต้องไม่เร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่ตนจนแห้ง ให้กักน้ำไว้ส่วนหนึ่ง แล้วจึงปล่อยส่วนเกินออกไป เท่านั้น ... จนน้ำในทุกพื้นที่ สามารถจัดการได้แล้ว จึงทยอยปล่อย ตามแต่ความเหมาะสม ...

เช่น ฝนตกลงมาที่เชียงใหม่ 3,000ล้านลบ.ม. + ที่อื่นๆ รวมเป็นเป็น 10,000ล้านลบ.ม. ....... ระดับ เชียงใหม่น้ำท่วมที่ทำให้เดือดร้อน จนอยู่ไม่ได้ ที่ระดับ 1,500ล้านลบ.ม. เชียงใหม่ควรกักน้ำไว้ที่ 1,000ล้าน แต่ไม่ให้เกิน 1,500ล้านลบ.ม.แล้วจึงปล่อยน้ำส่วนเกินออกมา ทำเช่นนี้ กับในพื้นที่ ถัดไป ลำปาง,พิษณุโลก,สุโขทัย ในทุกจว.ที่น้ำผ่าน จะทำให้น้ำที่ลงมาในพื้นที่ถัดๆไปมีปริมาณลดลง ตามลำดับ นอกจากนี้ ปริมาณน้ำ ในแต่ละพื้นที่(จว.เชียงใหม่) ก็ควรมีการเฉลี่ย ความสามารถ แบบขั้นบันไดนี้ ในพื้นที่นั้นๆด้วยได้ จะยิ่งทำให้การบริหารจัดการน้ำ มีประสิทธิภาพสูงขึ้นไปอีก ...

ความเดือดร้อนก็ถูกเฉลี่ย , ความเสียหายถูกเฉลี่ย ระดับน้ำควบคุมได้ ความขัดแย้ง ก็จะลดลงไปด้วย เช่นกัน ...


คิดว่าไง ครับ ..............
User avatar
นักเรียนตลอดชีพ
 
Posts: 1995
Joined: Tue Feb 03, 2009 8:27 pm

Re: ผมมีวิธีการจัดการน้ำ เมื่อเกิดเหตุการณ์แบบนี้อีก มาเสนอ

Postby นักเรียนตลอดชีพ » Fri Oct 14, 2011 8:44 pm

ตกเร็ว เหลือเกิน ขออนุญาติดันไว้ สักแป็ปหนึ่งได้ไหม ........... :lol:

Image
User avatar
นักเรียนตลอดชีพ
 
Posts: 1995
Joined: Tue Feb 03, 2009 8:27 pm

Re: ผมมีวิธีการจัดการน้ำ เมื่อเกิดเหตุการณ์แบบนี้อีก มาเสนอ

Postby เพลิงสีนิล » Fri Oct 14, 2011 9:27 pm

ความเดือดร้อนก็ถูกเฉลี่ย , ความเสียหายถูกเฉลี่ย ระดับน้ำควบคุมได้ ความขัดแย้ง ก็จะลดลงไปด้วย เช่นกัน ...

ตรรกนี้มันอาจไม่มีทางเป็นไปได้อะครับ

1. ระดับพื้นที่สูงต่ำไม่เท่ากัน คนเดือดร้อนไม่เท่ากัน คนที่ถูกน้ำท่วมสูงก็อยากให้ระบายน้ำออกไปให้ไว หรือ ทำอย่างไรก็ได้ขอให้มันลดลง

2. ความเสียหายที่เกิดขึ้นไม่เท่ากัน ในกรณีเขตเมืองที่มีคนอาศัยอยู่หนาแน่น มีกิจการร้านค้ามากมาย หากท่วมย่อมเสียหายมากกว่าพื้นที่ที่เป็นไร่นา หรือ สวน การช่วยเหลือในเขตเมืองจัดการได้ยาก เพราะจำนวนคนมีมาก รวมถึงสถานที่สำคัญ อย่าง รพ. ที่เกี่ยวพันกับชีวิตคน

3. หากทุกที่ท่วมเหมือนกันหมด แล้วจะให้ใครมาช่วยเหลือใครครับ เพราะทุกคนต่างคิดช่วยตัวเอง

4. ความโกลาหลจะเกิดขึ้นทุกที่ควบคุมยาก การตั้งศูยน์ประสานงานแทบเป็นไปไม่ได้ เพราะเส้นทางต่างๆ ถูกตัดขาดหมด

5.จะต้องไม่ลืมคำว่า สันดานมนุษย์ ครับ มันมักจะไม่มีใครยอมใคร ยามภัยมาถึงตัว

:ugeek: :ugeek:
User avatar
เพลิงสีนิล
 
Posts: 513
Joined: Fri Jul 08, 2011 3:02 pm

Re: ผมมีวิธีการจัดการน้ำ เมื่อเกิดเหตุการณ์แบบนี้อีก มาเสนอ

Postby halfmoon » Fri Oct 14, 2011 9:49 pm

วิธีน้ำป้องกันและเอาประโยชน์จากน้ำหลากได้ถูกต้องแล้วครับ เห็นด้วย คือการตัดถนนแนวขวางทางลาดภูมิประเทศ แล้วรวมน้ำที่จุดตัดลำน้ำ แม่น้ำอีกครั้งหนึ่ง ส่วนการแก้ปัญหาน้ำท่าหรือน้ำในลำน้ำที่จะวิ่งตรงลงมาภาคกลางตอนล่างและกรุงเทพฯ ต้องใช้วิธีเบียงน้ำครับ

การเบี่ยงน้ำในภาคกลางจนมาถึงกรุงเทพฯ ต้องเบี่ยงออกทิศตะวันออก คือเริ่มตั้งแต่อำเภอมโนรมย์ จังหวัดชัยนาท ซึ่งเป็นจุดต่อเชื่อกันระหว่างแม่น้ำเจ้าพระยากับคลองชลประทานชัยนาท-ป่าสัก ใช้วิธีการสูบอัดย้อนให้กลับมาที่อำเภอเมืองลพบุรีโดยการสร้างทางน้ำอ้อมเมือง และสูบดันต่อมาในคลองชลประทานมาออกอำเภอท่าหลวง ที่อำเภอท่าหลวงต้องใช้วิธีกักเป็นประตูน้ำและคัดน้ำข้ามไปคลอง 13 และออกที่หนองแค จากหนองแคคลอง 13 สูบอัดผ่านหนองเสือ มาถึงคลองรังสิต-นครนายก ต้องกักน้ำย้อนกลับรังสิตและสืบแยกเป็นสองสาย สายบนไปองครักษ์ ออกแม่น้ำนครนายก ช่วงนี้ปล่อยให้ไหลตามธรรมชาติ ออกบางคล้า แม่น้ำบาประกง ผ่านแปดริ้ว และออกบางประกง อ่าวไทย

อีกสายหนึ่งจากหนองเสือคลอง 13 สูบอัดเข้ามาหนองจอกทำทางอ้อมน้ำเพื่อแยกอีกสองสายย่อย สายบนออกคลองแสนแสบไปบางน้ำเปรี้ยว และออกตอนเหนือของแปดริ้วลงบางประกง สายล่างออกที่คลองแสนแสบไปแยกคลองสวน หลวงแพ่ง และเปร็ง ออกบางเสาธง บางบ่อ อ่าวไทย
  • อธิปัตย์ 5 : อิสรภาพ เสรีภาพ ภราดรภาพ มิตรภาพ สันติภาพ : คือแก่นแท้แห่งอำนาจประชาธิปไตย : ท่านมีหรือยัง ถ้าไม่ จงสร้างเอง
User avatar
halfmoon
 
Posts: 10731
Joined: Wed Nov 19, 2008 11:34 pm

Re: ผมมีวิธีการจัดการน้ำ เมื่อเกิดเหตุการณ์แบบนี้อีก มาเสนอ

Postby halfmoon » Fri Oct 14, 2011 9:53 pm

การสร้างทำนบหรือ dyke กั้นทางน้ำหลากต้องยึดคอนทัวร์ ตามลักษณะนี้ในทางละภูมิประเทศด้วย
:arrow: http://forum.serithai.net/viewtopic.php?f=2&t=44692
Last edited by halfmoon on Fri Oct 14, 2011 9:53 pm, edited 1 time in total.
  • อธิปัตย์ 5 : อิสรภาพ เสรีภาพ ภราดรภาพ มิตรภาพ สันติภาพ : คือแก่นแท้แห่งอำนาจประชาธิปไตย : ท่านมีหรือยัง ถ้าไม่ จงสร้างเอง
User avatar
halfmoon
 
Posts: 10731
Joined: Wed Nov 19, 2008 11:34 pm

Re: ผมมีวิธีการจัดการน้ำ เมื่อเกิดเหตุการณ์แบบนี้อีก มาเสนอ

Postby นักเรียนตลอดชีพ » Fri Oct 14, 2011 9:53 pm

เพลิงสีนิล wrote:ความเดือดร้อนก็ถูกเฉลี่ย , ความเสียหายถูกเฉลี่ย ระดับน้ำควบคุมได้ ความขัดแย้ง ก็จะลดลงไปด้วย เช่นกัน ...

ตรรกนี้มันอาจไม่มีทางเป็นไปได้อะครับ

1. ระดับพื้นที่สูงต่ำไม่เท่ากัน คนเดือดร้อนไม่เท่ากัน คนที่ถูกน้ำท่วมสูงก็อยากให้ระบายน้ำออกไปให้ไว หรือ ทำอย่างไรก็ได้ขอให้มันลดลง ต้องทำความเข้าใจ ร่วมกันครับ เดือดร้อนเหมือนกันหมด

2. ความเสียหายที่เกิดขึ้นไม่เท่ากัน ในกรณีเขตเมืองที่มีคนอาศัยอยู่หนาแน่น มีกิจการร้านค้ามากมาย หากท่วมย่อมเสียหายมากกว่าพื้นที่ที่เป็นไร่นา หรือ สวน การช่วยเหลือในเขตเมืองจัดการได้ยาก เพราะจำนวนคนมีมาก รวมถึงสถานที่สำคัญ อย่าง รพ. ที่เกี่ยวพันกับชีวิตคน ส่วนพื้นที่นั้ ก็ท่วมได้ แต่ถ้าถามว่า ท่วมแค่หน้าแข้ง เดือดร้อนไหม เดือดร้อน แต่ทนได้ ก็รับน้ำเท่าที่รับได้ ... โรงพยาบาล ท่วมหน้ารพ.แต่ไม่ท่วมเข้ามาในอาคาร ท่วมแค่นั้น แต่ ยั้งน้ำไว้ ไม่เร่งปล่อยออกมา ....

3. หากทุกที่ท่วมเหมือนกันหมด แล้วจะให้ใครมาช่วยเหลือใครครับ เพราะทุกคนต่างคิดช่วยตัวเอง ...ไม่ใช่ท่วมเท่ากันหมดเลย ครับ ...... เฉลี่ย ความเดือดร้อน เท่าที่แต่ละพื้นที่รับได้ เช่น ตอนนี้ ถ้า น้ำทีเชียงใหม่ ยั้งไว้ได้ สัก 1,000ล้าน ลบ.ม. แล้วปล่อยน้ำที่เหลือ ลงมานครสวรรค์จะน้องลง ไป 1,000ล้าน ลบ.ม.

4. ความโกลาหลจะเกิดขึ้นทุกที่ควบคุมยาก การตั้งศูยน์ประสานงานแทบเป็นไปไม่ได้ เพราะเส้นทางต่างๆ ถูกตัดขาดหมด ไม่ใช่ทุกพื้นที่ต้องท่วมเท่ากัน นี่ครับ ที่นารับน้ำไป 2เมตร ในเมืองรับไว้สัก30ซม.(ในเมืองบางที่ ที่ต้องแห้งก็ต้องแห้ง ทำเป็นส่วนศุนย์ ต่างๆ )

5.จะต้องไม่ลืมคำว่า ***มนุษย์ ครับ มันมักจะไม่มีใครยอมใคร ยามภัยมาถึงตัว ....ต้องทำความเข้าใจร่วมกัน ครับ

:ugeek: :ugeek:



อย่างที่บอก สมมุติ น้ำฝน ตกลงมา คะเนได้ 10,000ล้านลบ.ม. เชียงใหม่กักไว้สัก 1,000ลบ.ม. ----->ลำพูนจว.เล็ก กักไว้สัก500ล้านลบ.ม.------->ลำปาง1,000ล้านลบ.ม.-------->นครสวรรค์ 1,000ล้านลบ.ม.------->ชัยนาท500ล้านลบ.----->สิงฆ์บุรี อ่างทอง1,000ล้าน ลบ.ม.------>พอน้ำมาถึงอยุธยา ปริมาณน้ำมวลใหญ่ จะลดลง เรื่อยๆ... กทม. หรือ พื้นที่ท้ายน้ำ ก็สามารถเอาตัวรอดได้ ...


อย่างในปีนี้ .... เมื่อฝนตกในแต่ละพื้นที่ ทุกคนพยายามดันน้ำออกจาก ที่ของตน แต่ถ้าเปลี่ยนเป็นทุกที่ พยายามกัก น้ำไว้ในพื้นที่ของตนเอง ในปริมาณที่ ไม่ทำให้เดือดร้อน จนอยู่ไม่ไหว น้ำที่เหลือเกินจะรับไหว จึง ปล่อยมา ....
User avatar
นักเรียนตลอดชีพ
 
Posts: 1995
Joined: Tue Feb 03, 2009 8:27 pm

Re: ผมมีวิธีการจัดการน้ำ เมื่อเกิดเหตุการณ์แบบนี้อีก มาเสนอ

Postby นักเรียนตลอดชีพ » Fri Oct 14, 2011 10:01 pm

halfmoon wrote:วิธีน้ำป้องกันและเอาประโยชน์จากน้ำหลากได้ถูกต้องแล้วครับ เห็นด้วย คือการตัดถนนแนวขวางทางลาดภูมิประเทศ แล้วรวมน้ำที่จุดตัดลำน้ำ แม่น้ำอีกครั้งหนึ่ง ส่วนการแก้ปัญหาน้ำท่าหรือน้ำในลำน้ำที่จะวิ่งตรงลงมาภาคกลางตอนล่างและกรุงเทพฯ ต้องใช้วิธีเบียงน้ำครับ

การเบี่ยงน้ำในภาคกลางจนมาถึงกรุงเทพฯ ต้องเบี่ยงออกทิศตะวันออก คือเริ่มตั้งแต่อำเภอมโนรมย์ จังหวัดชัยนาท ซึ่งเป็นจุดต่อเชื่อกันระหว่างแม่น้ำเจ้าพระยากับคลองชลประทานชัยนาท-ป่าสัก ใช้วิธีการสูบอัดย้อนให้กลับมาที่อำเภอเมืองลพบุรีโดยการสร้างทางน้ำอ้อมเมือง และสูบดันต่อมาในคลองชลประทานมาออกอำเภอท่าหลวง ที่อำเภอท่าหลวงต้องใช้วิธีกักเป็นประตูน้ำและคัดน้ำข้ามไปคลอง 13 และออกที่หนองแค จากหนองแคคลอง 13 สูบอัดผ่านหนองเสือ มาถึงคลองรังสิต-นครนายก ต้องกักน้ำย้อนกลับรังสิตและสืบแยกเป็นสองสาย สายบนไปองครักษ์ ออกแม่น้ำนครนายก ช่วงนี้ปล่อยให้ไหลตามธรรมชาติ ออกบางคล้า แม่น้ำบาประกง ผ่านแปดริ้ว และออกบางประกง อ่าวไทย

อีกสายหนึ่งจากหนองเสือคลอง 13 สูบอัดเข้ามาหนองจอกทำทางอ้อมน้ำเพื่อแยกอีกสองสายย่อย สายบนออกคลองแสนแสบไปบางน้ำเปรี้ยว และออกตอนเหนือของแปดริ้วลงบางประกง สายล่างออกที่คลองแสนแสบไปแยกคลองสวน หลวงแพ่ง และเปร็ง ออกบางเสาธง บางบ่อ อ่าวไทย


ใช่ครับ หลักการ มันคือการผันน้ำ แต่ไม่ใช่ว่า ผันผ่านไปเลย มันต้องยอมให้้ำน้ำ เข้ามาบ้าง ...

ถามว่า คนกทม. รับน้ำได้ เท่าตาตุ่ม ในทุกพื้นที่ ได้ไหม (แล้วค่อยผันน้ำไปลงอ่าวไทยต่อไป)........???

ถ้าได้ การผันน้ำ ออกไปให้ทางอื่นรับน้ำแทน ก็จะน้อยลง ....
User avatar
นักเรียนตลอดชีพ
 
Posts: 1995
Joined: Tue Feb 03, 2009 8:27 pm

Re: ผมมีวิธีการจัดการน้ำ เมื่อเกิดเหตุการณ์แบบนี้อีก มาเสนอ

Postby เพลิงสีนิล » Fri Oct 14, 2011 10:03 pm

ไอ้ที่ยากที่สุด ก็คือ ทำความเข้าใจร่วมกันนี่ละครับ

ยากนะ และ ยากมากด้วย
User avatar
เพลิงสีนิล
 
Posts: 513
Joined: Fri Jul 08, 2011 3:02 pm

Re: ผมมีวิธีการจัดการน้ำ เมื่อเกิดเหตุการณ์แบบนี้อีก มาเสนอ

Postby เพลิงสีนิล » Fri Oct 14, 2011 10:04 pm

นึกถึงตอนอธิบายอะไรให้พวก ควายแดงเข้าใจสิครับ ยากไหม
;)
User avatar
เพลิงสีนิล
 
Posts: 513
Joined: Fri Jul 08, 2011 3:02 pm

Re: ผมมีวิธีการจัดการน้ำ เมื่อเกิดเหตุการณ์แบบนี้อีก มาเสนอ

Postby นักเรียนตลอดชีพ » Fri Oct 14, 2011 10:36 pm

เพลิงสีนิล wrote:นึกถึงตอนอธิบายอะไรให้พวก ควายแดงเข้าใจสิครับ ยากไหม
;)


ถ้ามาร์คอธิบายจะโดนด่า ถ้าปูอธิบาย แดงรับได้ ............ :lol:
User avatar
นักเรียนตลอดชีพ
 
Posts: 1995
Joined: Tue Feb 03, 2009 8:27 pm

Re: ผมมีวิธีการจัดการน้ำ เมื่อเกิดเหตุการณ์แบบนี้อีก มาเสนอ

Postby เพลิงสีนิล » Fri Oct 14, 2011 11:03 pm

นักเรียนตลอดชีพ wrote:
เพลิงสีนิล wrote:นึกถึงตอนอธิบายอะไรให้พวก ควายแดงเข้าใจสิครับ ยากไหม
;)


ถ้ามาร์คอธิบายจะโดนด่า ถ้าปูอธิบาย แดงรับได้ ............ :lol:


ให้ปูอธิบาย แดง ก็รับเละสิครับ

ตรรกคงแบบนี้

while (โพย <> NULL)
{
Scanf("%mempu", &โพล);

Printf ("ซ้อม",โพล);

Printf ("แถลง",mempu);

if ( mempu <> โพล )
{
Printf ("ความ ฉิบ หาย บังเกิด");
Printf ("แก้ตัว บลา ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ");
}
else Printf ("บลา ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ต้องเข้าใจให้ได้นะคะ")
}
User avatar
เพลิงสีนิล
 
Posts: 513
Joined: Fri Jul 08, 2011 3:02 pm

Re: ผมมีวิธีการจัดการน้ำ เมื่อเกิดเหตุการณ์แบบนี้อีก มาเสนอ

Postby Huligan » Fri Oct 14, 2011 11:15 pm

เข้ามาติดตาม :geek:
ทฤษฎีของ เดล คาเนกี ใช้กับเหิ้ยหางแดงไม่ได้

การตัดหางลูกอ๊อด ไม่ได้ทำให้ลูกอ๊อดกลายเป็นกบได้!!!
User avatar
Huligan
 
Posts: 1203
Joined: Mon Jan 12, 2009 3:33 pm

Re: ผมมีวิธีการจัดการน้ำ เมื่อเกิดเหตุการณ์แบบนี้อีก มาเสนอ

Postby เพลิงสีนิล » Fri Oct 14, 2011 11:36 pm

การปล่อยน้ำให้ท่วม หรือ ไม่ท่วม อยู่ที่การใช้จิตวิทยาร่วมด้วย เพราะมีปัญหาในการปฎิบัติเยอะมาก

เช่น

ปัญหาการแย่งชิง ซื้ออาหารแห้ง และ น้ำดื่ม

ตัวอย่างใน กรุงเทพ ตอนนี้ยังไม่ท่วม เพียงคาดว่าไม่รอด คนก็แห่ตุนอาหาร และน้ำแล้ว ซื้อจนเกลี้ยงห้าง เพราะความกลัวและความไม่แน่ใจเกิดขึ้นกับทุกคน เราจะไปห้ามเขาอย่างไร หรือ จะไปบอกอย่างไรว่า เอาไปช่วยคนที่ท่วมสูงก่อน เมื่อแต่ละคนก็ไม่รู้ ว่าจะท่วมสูงแค่ไหน จะสามารถออกมาหาซื้อของจำเป็นได้หรือไม่ ยิ่งความมั่นใจต่อรัฐบาลที่ประกาศ มันต้องชั่งใจว่าเอาอยู่แน่หรือ เท่านี้ เท่านั้นจริงๆ หรือไม่ ดังนั้นไม่มีทางแน่ที่คนในพื้นที่น้ำท่วม (ไม่ว่าจะท่วมแค่ไหน) จะคิดช่วยคนที่เดือดร้อนกว่า

ปัญหาการกักน้ำ
แน่นอนเรารู้กันอยู่ว่า ไหลจากสูงลงที่ต่ำ แต่พื้นที่มันสูงต่ำไม่เท่ากัน การจะกักไว้ให้อยู่ในที่สูงก็ต้องใช้ คันกั้นน้ำเอาไว้อยู่ดี เพื่อไม่ให้ที่ต่ำท่วมสูง(ตามหลักการที่เสนอมา) มันก็ยังเป็นปัญหาอยู่ว่าไอ้คันกั้นน้ำ จะต้องวางแนวยาวแค่ไหนไม่ให้ไหลออก และมั่นใจได้อย่างไรว่าไม่มีใครไปทำลาย

ปัญหาเรื่องการลำเลียงขนส่ง
เมื่อน้ำท่วมเป็นวงกว้างก็จำเป็นจะต้องสร้างคันกันน้ำไม่ให้ท่วมถนนสายหลักเพื่อให้สามารถลำเลียงสิ่งของจำเป็นเข้าไปในพื้นที่ให้ได้ เมื่อสร้างคันกั้นน้ำบนถนนมันก็ย่อมเลี่ยงไม่ได้ ที่จะตัดทางน้ำไหล ทำให้ฝั่งหนึ่งท่วมสูง อีกฝั่งท่วมน้อยอยู่ดี

ผมพอสรุปได้คราวๆ ผมไม่ฟันธงว่าทำไม่ได้ แต่

คนที่เป็นผู้นำที่จะแก้ปัญหาแบบเฉลี่ยน้ำ เฉลี่ยทุก เฉลี่ยสุข ต้องเป็นคนที่ประชาชนในพื้นที่รับน้ำเหล่านั้นเชื่อถือ และ มีความมั่นใจในตัวผู้นำอย่างสูงสุด ว่าจะสามารถทำได้จริงอย่างที่พูดหรือบอกไว้ ดังนั้น ผู้นำใสการแก้ปัญหา ต้องมีจิตวิทยาสูง และ มีความสามารถในการบริหารจัดการขั้นเทพจริง เท่านั้น


แต่ปัจจุบัน และ อีก3 ปีต่อจากนี้ ผู้นำเราคือ เจ๊ปูอะครับ ท่านเชื่อมั่นเจ๊แกหรือเปล่า
User avatar
เพลิงสีนิล
 
Posts: 513
Joined: Fri Jul 08, 2011 3:02 pm

Re: ผมมีวิธีการจัดการน้ำ เมื่อเกิดเหตุการณ์แบบนี้อีก มาเสนอ

Postby นักเรียนตลอดชีพ » Sat Oct 15, 2011 12:45 am

เพลิงสีนิล wrote:
ปัญหาการกักน้ำ
แน่นอนเรารู้กันอยู่ว่า ไหลจากสูงลงที่ต่ำ แต่พื้นที่มันสูงต่ำไม่เท่ากัน การจะกักไว้ให้อยู่ในที่สูงก็ต้องใช้ คันกั้นน้ำเอาไว้อยู่ดี เพื่อไม่ให้ที่ต่ำท่วมสูง(ตามหลักการที่เสนอมา) มันก็ยังเป็นปัญหาอยู่ว่าไอ้คันกั้นน้ำ จะต้องวางแนวยาวแค่ไหนไม่ให้ไหลออก และมั่นใจได้อย่างไรว่าไม่มีใครไปทำลาย

.......คันกั้นน้ำนี้ ยาวไปตามภูมิประเทศ ที่อยู่ในความสูงเดียวกัน(เหมือนนาขั้นบันได) แล้วเมื่อน้ำสูงจนถึงระดับที่ต้องการ ก็จะล้นไปในระดับ ที่ต่ำลง ซึ่งระดับที่ต่ำลงก็จะมีความสูงของคันรักษาระดับ เช่นกัน หากในแต่ละจังหวัด ทำขั้นบันไดในพท.จว.ของตน (โดยส่วนเกินต้องรักษาระดับ โดยใชเครื่องสูบน้ำ หรือผันน้ำไปทางอื่น) ....... ในแต่ละจว.จะสามารถ ชะลอน้ำที่จะไหลลงมา จว.ท้ายน้ำ ให้มีมวลน้ำน้อยลงได้ ..... เมื่อมวลน้ำน้อยลงจนลดความรุนแรง และสามารถบังคับ ทิศทางของมวลน้ำได้แล้ว ก็ค่อยๆ ปล่อย น้ำที่กักไว้ในแต่ละ จว.ันน้ำออกให้หมด ........ ผมรู้แล้ว ว่าจะอธิบาย ยังไง คือ ใช้พื้นที่ ทุกส่วน เป็นแก้มลิง(เมือง ก็เป็นแก้มลิงได้ น้ำสูงสัก35-30ซม. เมืองยังดำเนินกิจกรรมได้) แต่ ความสูงของน้ำในแต่ละ พื้นที่ จะแตกต่างกันไป



ผมพอสรุปได้คราวๆ ผมไม่ฟันธงว่าทำไม่ได้ แต่

คนที่เป็นผู้นำที่จะแก้ปัญหาแบบเฉลี่ยน้ำ เฉลี่ยทุก เฉลี่ยสุข ต้องเป็นคนที่ประชาชนในพื้นที่รับน้ำเหล่านั้นเชื่อถือ และ มีความมั่นใจในตัวผู้นำอย่างสูงสุด ว่าจะสามารถทำได้จริงอย่างที่พูดหรือบอกไว้ ดังนั้น ผู้นำใสการแก้ปัญหา ต้องมีจิตวิทยาสูง และ มีความสามารถในการบริหารจัดการขั้นเทพจริง เท่านั้น


แต่ปัจจุบัน และ อีก3 ปีต่อจากนี้ ผู้นำเราคือ เจ๊ปูอะครับ ท่านเชื่อมั่นเจ๊แกหรือเปล่า

........ถ้าปีหน้า น้ำบ่า มันมาอย่างนี้อยู่ แล้วปูไม่ทำอะไร ปูจะโดนลอยไปกับน้ำ แน่ (ผมว่าคนไทย เป็นคนใจอ่อน ยอมได้ แต่ท่ามันซ้ำซาก คงไม่มีใครทน แล้วล่ะครับ)
User avatar
นักเรียนตลอดชีพ
 
Posts: 1995
Joined: Tue Feb 03, 2009 8:27 pm

Re: ผมมีวิธีการจัดการน้ำ เมื่อเกิดเหตุการณ์แบบนี้อีก มาเสนอ

Postby zereza » Sat Oct 15, 2011 2:01 am

เพลิงสีนิล wrote:
นักเรียนตลอดชีพ wrote:
เพลิงสีนิล wrote:นึกถึงตอนอธิบายอะไรให้พวก ควายแดงเข้าใจสิครับ ยากไหม
;)


ถ้ามาร์คอธิบายจะโดนด่า ถ้าปูอธิบาย แดงรับได้ ............ :lol:


ให้ปูอธิบาย แดง ก็รับเละสิครับ

ตรรกคงแบบนี้

while (โพย <> NULL)
{
Scanf("%mempu", &โพล);

Printf ("ซ้อม",โพล);

Printf ("แถลง",mempu);

if ( mempu <> โพล )
{
Printf ("ความ ฉิบ หาย บังเกิด");
Printf ("แก้ตัว บลา ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ");
}
else Printf ("บลา ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ต้องเข้าใจให้ได้นะคะ")
}


ท่านลืม "หนี" อีกอย่างครับ น่าจะต้องเพิ่มเข้าไปอีกลูปนะ
"ถ้าคุณตั้งคำถามของปัญหาที่เกิดขึ้นผิด ก็อย่าหวังว่าจะได้ทางออกของปัญหาที่ถูกต้อง"
"อิทัปปัจจยตา และ ปฏิจจสมุปปบาท สองหลักใหญ่ที่เป็นหัวใจแห่งพุทธะ หากคนไทยเรียนรู้และปฏิบัติตามได้เกินครึ่ง ชาติไทยจะห่างไกลความวิบัติทั้งปวง"
User avatar
zereza
 
Posts: 1312
Joined: Mon Apr 26, 2010 6:03 pm

Re: ผมมีวิธีการจัดการน้ำ เมื่อเกิดเหตุการณ์แบบนี้อีก มาเสนอ

Postby tunk » Sat Oct 15, 2011 2:19 am

ผมเห็นด้วยในวิธีหน่วงน้ำ เฉลี่ยๆในทุกจังหวัด และขอเสนอความคิดเพิ่มเติมว่า ควรหาพื้นที่หน่วงน้ำ คล้ายๆฝายชั่วคราว ในชัยภูมิที่เหมาะๆ ในทุกจังหวัด อาจจะเป็นทุ่งข้าว ที่สามารถระบายจากแม่น้ำลำคลองลงไปได้ (หากปีไหนน้ำไม่มากพื้นที่เหล่านี้ก็ทำการเพาะปลูกไปตามปรกติ) และกระทบต่อชุมชน หรือพื้นที่เศรษฐกิจในทุกจังหวัดให้น้อยที่สุด

และทุ่งข้าวที่เป็นพื้นที่รับน้ำ หน่วงน้ำ เหล่านี้หากต้องใช้เป็นที่หน่วงน้ำในปีน้ำมาก ก็ให้ได้รับค่าชดเชยจากทางรัฐบาล ตามสิทธิ์ที่เค้าควรได้หากทำการเพราะปลูก ผมว่าวิธีนี้น่าจะเกิดข้อพิพาทน้อยที่สุดครับ

ยกตัวอย่าง
ในที่ราบลุ่มภาคกลาง ตั้งแต่ นครสวรรค์ ชัยนาท อ่างทอง สิงบุรี อยุธยา สุพรรณบุรี ปทุมธานี นนทบุรี ลพบุรี สระบุรี นครนายก และกรุงเทพ 12 จังหวัด
กำหนดให้มีพื้นที่รับน้ำ หน่วงน้ำ ชั่วคราว จังหวัดล่ะ ประมาณ 50,000 ไร่
(อาจจะไม่ใช่พื้นที่เดียวกันเป็นผืนใหญ่ แต่อาจจะกระจายๆไปตามแต่ล่ะภูมิประเทศจะอำนวย ใน 1 จังหวัดให้รวมแล้วได้ 50,000 ไร่ )

ในพืื้นที่รับน้ำเหล่านี้ให้ อาจเป็นพื้นที่ทุ่งนา และต้อง กระทบต่อชุมชนให้น้อยที่สุด แล้วก็ทำคันกั้นน้ำเอาไว้ไม่ให้น้ำไหลออกจากเพิ่มที่กักเก็บน้ำ
สมมุติว่าพื้นที่เหล่านี้สามารถรองรับน้ำได้สูง 3 เมตร พื้นที่ 50,000ไร่ จะสามารถรองรับน้ำได้ 50,000x1,600x3= 240,000,000 ลบ.ม.
รวม 12 จังหวัด = 240,000,000x12= 2,880,000,000 ลบ.ม.

ถ้าบริหารจัดการน้ำดีๆ น่าจะพอกันน้ำไม่ให้ท่วมนอกเขตพื้นที่หน่วงน้ำได้

ส่วนค่าเสียหายก็สมารถคำนวณคร่าวๆได้ ประมาณนี้
สมมติพื้นที่หน่วงน้ำเป็นนาข้าวทั้งหมด
นาข้าว 1 ไร่ มีผลผลิตข้าวเปลือก ประมาณ 0.7 ตัน
ราคาข้าวเปลือก ตันล่ะ ประมาณ 15000 บาท
พื้นที่รับน้ำ 12 จังหวัด รวม 6 แสนไร่
รัฐบาลจะเสียเงินชดเชย = 600,000 x 0.7 x 15000 = 6,300 ล้านบาท

ถ้าเทียบกับน้ำท่วมปีนี้ที่เสียหายไป แสนล้านกว่าบาท น่าจะคุ้มกว่านะครับ
Last edited by tunk on Sat Oct 15, 2011 2:33 am, edited 1 time in total.
User avatar
tunk
 
Posts: 25
Joined: Mon Sep 12, 2011 4:18 pm

Re: ผมมีวิธีการจัดการน้ำ เมื่อเกิดเหตุการณ์แบบนี้อีก มาเสนอ

Postby คลำปม » Sat Oct 15, 2011 2:30 am

ผมคัดค้านวิธีนี้นะครับ

การเฉลี่ยน้ำลงไปในทุกพื้นที่ จะสร้างความเสียหายให้กับประเทศมากกว่าครับ
เพราะอย่าง กทม. ถ้าน้ำท่วมผิวถนนสัก 30 ซม. บางซอยอาจท่วมถึง 1 เมตร
การเดินทางเป็นอัมพาตทั้งกรุงเทพแน่นอน
อย่าว่าแต่ท่วมเดือนนึงเลยครับ ท่วมแค่สัปดาห์เดียว อย่าคิดว่าจะมีใครยอมเลย
การลงทุน การจราจร ภาพลักษณ์การท่องเที่ยววินาศสันตะโรหมด

ไม่มีมหานครไหนในโลกยอมให้ถูกน้ำท่วมถ้าป้องกันได้หรอกครับ

คิดดูสิครับคนเสียภาษีใน กทม. รวมแล้วก็มหาศาล ผู้คนก็หนาแน่น
รัฐบาลไหน หรือผู้ว่าคนไหน เอา กทม.มาเป็นแหล่งรับน้ำรับรองว่าคงไม่ได้ผุดไม่ได้เกิดทางการเมืองอีกเลย
และอย่าว่าแต่ กทม.เลยครับ
เอาแค่นิคมอุตสาหกรรมหลายแห่งในอยุธยา
ถ้าน้ำท่วมทุกปี ปีละแค่ 30 ซม.
ไม่กี่ปีโรงงานพวกนี้ก็จะย้ายไปหมด คนตกงานหลายแสนคนแน่นอน

คิดเล่นสนุกๆได้ครับแต่รับรองทำจริงๆไม่มีใครเอาด้วย
ถ้าอยากให้คนยอมรับเสียงส่วนใหญ่ เสียงส่วนใหญ่ก็ต้องรู้จักมารยาท รู้จักแสดงออกอย่างมีคุณภาพครับ...
User avatar
คลำปม
 
Posts: 1791
Joined: Sat Jan 08, 2011 6:58 pm

Re: ผมมีวิธีการจัดการน้ำ เมื่อเกิดเหตุการณ์แบบนี้อีก มาเสนอ

Postby คนบาป » Sat Oct 15, 2011 2:47 am

พื้นที่ราบต้องมีแก้มลิงไงครับ มันเป็นธรรมชาติของพื้นที่อยู่แล้ว มันขึ้นกับการใช้ประโยชน์ในพื้นที่มากกว่า

แนวพระราชดำริทรงคิดไว้ให้หมดแล้วเรื่องทำแก้มลิงและทำคันรักษาเมือง ต้องทำแบบถาวรแต่เรามีงบประมาณทำหรือไม่

ส่วนที่เป็นแก้มลิงรัฐก็ชดเชยให้ ตามแต่จะตกลงกัน

การเฉลี่ยกักเก็บน้ำน้ำแต่ละจุดทำได้โดยเขื่อนเท่านั้น ที่ราบทำไม่ได้

คำว่า "น้ำหลาก" คือน้ำล้นตลิ่งเพราะศักยภาพการระบายตามธรรมชาติของแม่น้ำลำคลองแต่ละะช่วงไม่เท่ากัน

พื้นที่หน่วงน้ำก็คือพ้นที่แก้มลิงนั่นเอง บางจังหวัดทำเตรียมรับไว้ พอเริ่มฝนก็สูบน้ำออกจากแก้มลิง รอน้ำหลาก เค้าใช้คำว่า "พร่องน้ำ"
User avatar
คนบาป
 
Posts: 13482
Joined: Fri Nov 19, 2010 3:52 pm

Re: ผมมีวิธีการจัดการน้ำ เมื่อเกิดเหตุการณ์แบบนี้อีก มาเสนอ

Postby halfmoon » Mon Oct 17, 2011 2:38 pm

ประตูน้ำ มโนรมย์ แตกซะแล้ว หากผันน้ำเบี่ยงมาแต่แรก อาจจะไม่แตก หรือแม้จะแตกแต่ก็ผันน้ำมาได้เยอะพอสมควร หากผันต่อไปคลอง 13 นะครับ
  • อธิปัตย์ 5 : อิสรภาพ เสรีภาพ ภราดรภาพ มิตรภาพ สันติภาพ : คือแก่นแท้แห่งอำนาจประชาธิปไตย : ท่านมีหรือยัง ถ้าไม่ จงสร้างเอง
User avatar
halfmoon
 
Posts: 10731
Joined: Wed Nov 19, 2008 11:34 pm

Re: ผมมีวิธีการจัดการน้ำ เมื่อเกิดเหตุการณ์แบบนี้อีก มาเสนอ

Postby PeterPan » Mon Oct 17, 2011 3:18 pm

ความคิดของจขกท.ถิอว่าดี แต่ในทางปฎิบัติมันยากนะครับ
การที่จะผลักดันน้ำให้ไหลไปท่วมในทุกๆพื้นที่อย่างเท่ากันถ้วนหน้า เพื่อลดระดับน้ำที่ท่วมท้นอยู่สูงในบางพื้นที่ แต่พื้นดินแต่ละแห่งไม่มีความเท่ากันเสมอไป แถมเรื่องน้ำทางเหนือ ที่ไหลลงที่ต่ำก็เป็นหลักการของธรรมชาติอยู่แล้ว ไหลจากเหนือลงมา เมืองที่รับกรรมหนักก็เป็นปากน้ำโพ ที่ซึ่งแม่น้ำมาบรรจบ เจอแม่น้ำหลายสายมารวมกัน เลยยิ่งอ่วมอรทัย แล้วก็ไหลเรื่อยลงมาเอ่อท่วมอยุธยา ปลายทางมุ่งเข้าเมืองต่างๆทางกลางตอนใต้ โดยเฉพาะที่น่าหวาดเสียวคือ กรุงเทพ ซึ่งมีพื้นดินอ่อนนุ่ม และค่อนข้างต่ำอยู่แล้วด้วย น้ำไหลมา ต่างคนต่างกั้น ก็ยังไม่รอด
เห็นด้วยที่ว่าควรผลักดันน้ำไปยังพื้นที่อื่น แต่ควรผลักดันน้ำไปยังพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่งที่มีความจำเป็นต้องรับน้ำได้มากแทนการไหลทะลักเข้าเมืองหลวง ซึ่งเป็นหัวใจเป็นหลักเอาไว้ให้ได้
ต้องเร่งขุดขยายคูคลอง และสร้างทางน้ำเพิ่มเพื่อให้น้ำไหลเข้าไปยังพื้นที่ๆต้องการนำน้ำออกไปสู่ทะเลอ่าวไทยให้ได้เร็วไว งานนี้ต้องพึงรักษาชีวิตยอมตัดอวัยวะส่วนใดส่วนหนึ่งไป ชีวิตสำคัญที่หัวใจ ต้องรักษากรุงเทพฯเอาไว้ สำคัญสุด
"การมีสิทธิและเสรีภาพนั้นเป็นสิ่งดี แต่ควรระมัดระวังว่าการใช้สิทธิและเสรีภาพนั้น ได้ไปละเมิดสิทธิและเสรีภาพของบุคคลอื่นหรือไม่" พระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
PeterPan
Moderator
 
Posts: 765
Joined: Tue Nov 30, 2010 6:47 pm


Return to สภากาแฟ



cron