คอลัมน์ของ เปลว สีเงิน วันนี้ครับ

เรื่องการเมือง เชิญที่นี่เลยครับ
Forum rules
- ห้ามใช้คำพูดหยาบคาย
- ห้ามโพสกระทู้หรือข้อความที่ดูหมิ่นเสียดสีสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นอันขาด

เชิญทุกท่านเข้าสู่บอร์ดใหม่ได้ที่ http://webboard.serithai.net ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ viewtopic.php?f=2&t=44976 ครับ

คอลัมน์ของ เปลว สีเงิน วันนี้ครับ

Postby by lamom » Mon Oct 17, 2011 11:21 am

คอลัมน์ของ เปลว สีเงิน ไทยโพสต์ วันนี้ครับ ลองอ่านกันดู
http://www.thaipost.net/news/171011/46709
กม.มุนา วต.ตตี โลโก

( กัมมุนา วัตตะตี โลโก )

สัตว์โลก ย่อมเป็นไปตามกรรม
by lamom
 
Posts: 375
Joined: Tue Apr 20, 2010 3:09 pm

Re: คอลัมน์ของ เปลว สีเงิน วันนี้ครับ

Postby rakchart thai » Mon Oct 17, 2011 12:35 pm

ขออณุญาติแปะให้นะครับท่าน

ด้วยกาล-เทศะ"อย่าปลุกระดม"

เปลว สีเงิน

17 ตุลาคม 2554 - 00:00

อืมมมม...เราจะคุยกันตรงไหนก่อนล่ะ เพราะกองทัพน้ำไหลบ่าไปทางไหน ก็แหลกราบไปทางนั้นเกือบทุกแห่ง ไล่จากนครสวรรค์ลงมาถึงอยุธยา-ปทุมธานี ทั้งเมือง ทั้งนิคมอุตสาหกรรม ทั้งสาธารณูปโภคพื้นฐาน "จมไปหมด" อย่าไปตำหนิรัฐบาลเลยครับ ทุกคนทำเต็มที่และดีที่สุดแล้ว แต่...ที่ดีที่สุด มันก็ได้อย่างที่เห็น-อย่างที่เป็น "เมืองบาดาล" นั่นแหละ!
ถ้าใครเครียดนักก็เปิดโทรทัศน์ช่อง ๑๑ แช่ไว้ เพราะเขาจะมี "โฆษกจำอวด" ของรัฐบาล หรือศปภ.เวียนกันออกมาพูด มาแถลง มายอวาทีนายกฯ สลับด้วยนักการเมืองมานั่งพูดถึงความสำเร็จในสงครามปราบน้ำท่วมของรัฐบาลต่างๆ นานา
ก็ว่ากันไป เป็นธรรมดาครับ เหมือนสุนัขตกน้ำ ถ้าไม่สลัดขนเอง แล้วใครจะสลัดให้มัน นี่ก็ทำนองนั้น ด้วยหวงอำนาจ แล้วกุมสภาพบริหาร-จัดการปัญหาอย่างที่เห็น-อย่างที่เป็น
จะรอให้ใครที่ไหนเขามาชมล่ะ?
แต่ขออย่างได้ไหม ท่านนายกฯ ยิ่งลักษณ์ หรือนางอะไรผมจำชื่อไม่ได้ซักที รัฐมนตรีคุมสื่อน่ะ ให้ผู้หลักผู้ใหญ่ของพรรคได้โฆษณาสรรพคุณพรรค-สรรพคุณรัฐบาลก็น่าจะพอแล้ว ไม่ควรขยิบตา หรือแกล้งไม่รู้ ปล่อยให้ "วิทยุชุมชน" เครือข่าย นปช.ตอกลิ่มทำลายความเป็นหนึ่งเดียวกันของคนไทยและของบ้านเมืองทุกเมื่อเชื่อวัน
จะยกย่อง-เชิดชูทักษิณเป็นเทพเจ้าเหนือประเทศไทยอย่างไร ก็ว่ากันไป แต่ที่ควรต้องห้าม-ต้องปรามกันไว้บ้างตรงที่ จะช่วยไม่ให้ชาวบ้านบ่น-โทษ-ตำหนิรัฐบาลจากวิกฤติน้ำ ด้วยการบิดเบือนข่าวสาร-ข้อมูล โดยผูกเรื่อง-แต่งประเด็น
แล้วแจกบทให้บรรดาสมุนนำไปเผยแพร่ตามมวลชนด้วยช่องทางต่างๆ โดยเฉพาะทางวิทยุชุมชนที่ปล่อยจนเป็นเหมือนวิทยุกรมประชาสัมพันธ์ไปแล้ว เผลอๆ จะเหนือกรมประชาฯ ด้วยซ้ำ
การออกอากาศบิดเบือนใส่ไคล้ หรือการทำเป็นชาวบ้านโทรศัพท์เข้ามาพูดทำนอง...ได้ยินเขาว่า ที่เขื่อนเก็บน้ำไว้จนล้น แล้วปล่อยออกมาทีเดียวมากๆ พร้อมๆ กันจนท่วม นั่นเป็นแผนของ.....บ้าง ทหารกั๊ก ไม่ยอมออกมาช่วยจริงๆ จังๆ บ้าง
อะไรทำนองนี้ รัฐบาลปล่อยได้อย่างไร ไม่มีสิทธิ์อ้าง ไม่รู้..ไม่เห็น..ไม่ได้ยิน มันเป็นหน้าที่ต้องดูแลโดยตรง และนับแต่เพื่อไทยชนะเลือกตั้งมาเป็นรัฐบาล วิทยุชุมชนแต่ก่อนที่คลื่นส่งไม่สูงนัก ทุกวันนี้กลับเสียงดัง ฟังชัด หรือมีนโยบายให้เป็น
"กรม นปช.สัมพันธ์" ของรัฐบาล?
แล้วระบาดไปทุกจังหวัดนะ วิทยุชุมชนบิดเบือนข่าวให้คนเสื้อแดงด้วยกันหลงเชื่อ สร้างบรรยากาศให้ชาวบ้านคล้อยตาม เพื่อให้เกลียดชังสถาบัน อย่างที่เรียกว่า "ล้างสมองชาวบ้าน" ให้เชื่อว่าประเทศนี้ ต้องทักษิณเท่านั้น
แถมยังจ้างให้ "ทนายต่างชาติ" เข้ามามีอำนาจเหนืออธิปไตยประเทศ ดังที่เห็นขณะนี้!?
ก็ปล่อยให้พูดกันทั้งวัน-ทั้งคืน ทั้งในกรุงเทพฯ และทุกตำบล-อำเภอ-จังหวัด ระดับรัฐบาลเป็นใบ้ ระดับท้องถิ่นก็พลอยหูหนวก-ตาบอดตามกันไปหมด!
นี่...ก็ฝากเรื่องนี้ให้ "สุมศีรษะ" คนเป็นนายกฯ ไว้อีกเรื่อง ไม่ใช่อะไรหรอก ผมเข้าห้องน้ำชอบเปิดวิทยุ ตะก่อนวิทยุแดงจะดังแบบคลื่นแทรก แต่เดี๋ยวนี้ วิทยุทหาร-วิทยุกรมประชาฯ ต้องชิดซ้าย ดังแบบคลื่นแทรกวิทยุเสื้อแดงไปแล้ว
ผมฟังแล้วทุเรศ คือตอนนี้ก็เห็นกันอยู่ ชาวบ้านทุกคน ไม่มีพวกเขา หากแต่เป็นพวกเรา "คนไทยด้วยกัน" ทั้งนั้น เมื่อมีทุกข์ก็ไม่รั้งรอปันสุขไปเคล้าทุกข์ ช่วยเหลือกันสุดใจขาดดิ้น
แต่รัฐมนตรีคุมสื่อกลับปล่อยให้วิทยุเสื้อแดง อันเป็นสื่อในเครือข่ายรัฐบาลนั่นแหละ เจาะไชประเทศเรื่อยไป ออกข่าวใส่ไคล้-บิดเบือน ในเรื่องที่ไม่สามารถนำมาพูดตรงนี้ได้ ทำนองตอกลิ่ม-ปลุกระดมให้เชื่อ ด้วยเกรงพวกเสื้อแดงจะกลับใจ-เลิกแดง
ด้วย "รู้แจ้ง-เห็นจริง" ในความรักบริสุทธิ์ของคนไทยด้วยกัน!
มาคุยกันถึงสถานการณ์น้ำวันนี้บ้าง นี่...บ่ายวาน (๑๖ ต.ค.) ได้ยิน ศปภ.เขาประกาศทางโทรทัศน์ด้วยน้ำเสียงค่อนข้างลิงโลดว่า "น้ำก้อนใหญ่จากนครสวรรค์ผ่านกรุงเทพฯ ลงทะเลไปแล้ว" ทำนองจะบอกชาวบ้านว่า
"น้ำไม่ท่วมตัวกรุงเทพฯ แล้ว"!
ก็ขอให้เป็นอย่างนั้น "น้ำไม่ท่วม" กับ "น้ำยังไม่ท่วม" ฟังเผินๆ จะเหมือนกัน แต่มันไม่เหมือนนะ ที่ไม่ท่วมน่ะ เพราะกองทัพน้ำหลังจากเหยียบราบจมบาดาลเรื่อยมาเป็นจังหวัดๆ แล้ว ตอนนี้กำลังโรมรันพันตูอยู่กับแนวต้านทานชานกรุงด้านตะวันออกแถวๆ คลองรังสิต ปทุมธานี
ที่ว่า "น้ำก้อนใหญ่ลงทะเลหมดแล้ว" นั้น ยังหรอกครับ ได้แปรจากทัพก้อนใหญ่ ไปเป็นก้อนเล็ก-ก้อนน้อย กระจายตามพื้นราบกำซาบอาบเอิบ หวังหาช่องซอนซอกแทรกซึมเข้า "กทม.ชั้นนอก-ชั้นใน" ให้ได้
นิคมอุตสาหกรรม ๔-๕ แห่ง นั่นคือบทพิสูจน์ฝีมือ ศปภ. และขณะนี้ยุทธการชิง "นิคมอุตสาหกรรมนวนคร" ระหว่างน้ำก้อนใหญ่ กับกองกำลังต้านรับที่เปลี่ยนจากบัญชาการ ศปภ. มาเป็นภายใต้บัญชาการของทหาร
วัดกันละครับ ใครดี-ใครได้ ถ้าน้ำเหนือกว่า ตีนวนครแตก กทม.คงต้องเสียเมืองบางส่วนให้กองทัพน้ำก้อนใหญ่ กระทั้งที่ตั้ง ศปภ.เองก็เหอะ คงต้องรับสภาพ "กองบัญชาการใหญ่ฝ่ายรัฐบาลแตก"
แต่ถ้ากองกำลังภายใต้บัญชาการทหารต้านอยู่ คงพอมีเวลาตั้งหลักถอนหายใจไปจนถึงปลายเดือน นี่ตามตารางน้ำขึ้น-น้ำลง แต่ตามตารางของผม ปลายเดือนตุลาไม่น่ากลัวเท่า
ปลายเดือนพฤศจิกา!?
ด้วยความจำเป็นทางบริหาร-จัดการในภาวะวิกฤติ รัฐบาลคงต้องมอบภาระให้ทหารเข้ามาควบคุมสถานการณ์เต็มตัวมากขึ้นเรื่อยๆ อย่างตัวอย่างที่เห็น ความขัดแย้งระหว่างชาวบ้าน มึงกั้น-กูรื้อ, มึงเปิด-กูปิด
ด้วยอำนาจ ศปภ.ใครก็ควบคุมและสั่งใครไม่ได้ สภาพหดหู่ทางสังคมที่มีให้เห็นคือ "ฉิบหายให้เหมือนกันหมด สะใจ-สบายดี" จึงปรากฏให้รันทด และละอาย
ความแห้งของเพื่อนบ้าน คือภาพทรมานจิตใจของคนอีกฝ่ายหนึ่ง นี่แหละสภาพ "สังคมไทย" ยุคแดงทั้งแผ่นดิน เพื่อทักษิณคนเดียว!
เอาละครับ...วันนี้ผมมีของฝากเล็กๆ น้อยๆ จากคนที่หลายท่านชะเง้อคอย คือบทคุยจาก "อาจารย์กรหริศ บัวสรวง" ต้องขออภัยที่ตัดทอนบางส่วนออกไปด้วยเนื้อที่จำกัด และอีกอย่างเอาไว้ให้ท่านได้พูดคุยเองวันนั้น ดังนี้ครับ
ผมหายไปจากหน้า ๕ ของคุณเปลวนานพอสมควร ในขณะที่บ้านเมืองกำลังเผชิญกับภัยพิบัติก่อนกำหนดในมหาชลาลัยอย่างที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อน และกรุงเทพฯ ก็หนีไม่พ้นที่จะจมน้ำ ตามกำหนดควรจะเกิดจริงแล้วจะเริ่มตั้งแต่วันที่ ๑๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ นับไปถึงอนาคตเป็นระยะเวลานานถึง ๕ ปี โดยจะมีเภทภัยอย่างน้อย ๕ ประการ
ผมขอบคุณผู้ที่ติดตามงานเขียน งานพูดทางโทรทัศน์และวิทยุที่เรตติงแรงมาก แต่ผมคงออกอากาศได้เพียงวันอังคารเท่านั้น และคอลัมน์คุณเปลวที่ให้กำลังใจว่าผมทำประโยชน์เพื่อประเทศชาติ แม้การแก้ดวงเมืองครั้งนี้จะต้องกระทบต่อผู้อื่นหรือใช้งบประมาณสูงมาก ในการพึ่งพาอาศัยใบบุญของของมหาพุทธานุภาพที่ไม่มีไสยศาสตร์เจือปน
วันนี้คงไม่เอาเนื้อที่ของคุณเปลวมากนัก แต่วันที่ ๒๑ ตุลาคม ผมไปที่ไทยโพสต์แน่นอน อาจไปถึงช้าเพราะสอนที่สมาคมฯ เสร็จเวลาเที่ยง และหากคุณเปลวอนุญาต หลังจากฟังธรรมะจากท่าน ว.วชิรเมธี แล้ว ผมจะบรรยายร่ายเรื่องราวเล่าสู่กันฟังสดๆ อย่างกันเองว่าด้วยสถานการณ์บ้านเมืองตามหลักของศาสตร์หลายแขนงที่ผมมีอยู่อย่างถึงพริกถึงขิงตามสไตล์ของผมสักครึ่งชั่วโมง และจะเปิดเผยสิ่งที่คนกว่าค่อนประเทศไม่รู้
ก็คงมีสาระและเอ็นจอยกันพอควร เพื่อตอบแทนท่านที่มาทำบุญกับผมเพราะอ่านไทยโพสต์ ในฐานะเป็นประธานชมรมปวงชนข้าแผ่นดิน ซึ่งยื่นเรื่องจัดตั้งเป็นสมาคมไว้แล้ว ในวันนั้นผมจะนำหนังสือ “สถานการณ์ภัยพิบัติของโลก” เขียนโดย ดร.สมิทธ ธรรมสโรช และผม เพื่อให้ท่านได้บริจาคทำบุญเป็นปัจจัยในการเททองหล่อพระพุทธรูป "องค์แรก" องค์เดียวในบวรพระพุทธศาสนา มีศิลปะทรงเครื่องงดงามดังที่เห็นในภาพ (หากนำลงได้)
เมื่อมาอาศัยหน้าของคุณเปลวแล้ว ท่านผู้อ่านที่เชื่อถือผมคงต้องการรู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับ “ผู้นำ”ก็โปรดสดับดังนี้
๑.ตั้งแต่วันที่ ๑๗ พฤศจิกายน เวลา ๑๒.๓๕ น.ถึง ๑๗ ธันวาคม เวลา ๐๑.๑๖ น.ผู้นำคนนี้แหละจะถูกสังคมพิพากษาจากพฤติกรรมในอดีต ทำให้อับอายขายหน้า เสื่อมเสียชื่อเสียง (ซึ่งที่จริงก็ไม่มีอยู่แล้ว)และอาจเกี่ยวพันไปถึงข้อกฎหมายที่ทำให้ต้องหลุดจากตำแหน่งก็อาจเป็นไปได้
๒.คนในตระกูลในครอบครัวจะเจอกับบทลงโทษจากกฎแห่งกรรม
๓.เศรษฐกิจจะพังพินาศ
๔.ผู้ใช้แรงงาน เกษตรกรจะลุกฮือกันอย่างพร้อมเพรียงกัน
๕.ทหารเตรียมพร้อมไม่ระย่อห่อเหี่ยวเหมือนเดือนกันยายน-ตุลาคม ดาวอังคารซึ่งเป็นดาวประจำดวงเมืองจะเป็นดาวยงยศตั้งแต่วันที่ ๓๑ ตุลาคม ทำมุมทแยงรูปปลายศร ๑๕๐ องศา ส่งกระแสสัมพันธ์ไปยังพระราหูที่อยู่ในเรือนของดาวอังคาร เป็นมุมหักข้อพับ ๙๐ องศา
จะเกิดอะไรขึ้นเมื่ออังคารและพระราหูจรยังส่งแรงดันไปยังดาวเสาร์และดาวพฤหัสบดีเดิมของดวงเมืองด้วยมุมทแยงเช่นกัน ในขณะที่ดาวเสาร์กำลังแสดงฤทธิ์เดชเป็น “พระเสาร์เขย่าโลก” ให้โศกศัลย์จาบัลย์บรรลัยในปีแห่งพญานาค หรือนาคราช ที่จะเริ่มต้นเป็นปีมะโรงในวันที่ ๒๓ มีนาคม ๒๕๕๕ คงจะเห็นภาพบ้างแล้วว่ารัฐบาลและนักการเมืองจะอยู่ได้ไม่นาน
และเรื่องของชาวไทยโพสต์ในวันที่ ๒๑ ตุลาคม เป็นวันที่มีรหัส ๘ ที่หมายถึง ความคิดในแนวทางแห่งปรัชญา (Philosophic though) เป็นวันที่จะบรรลุถึงวัตถุประสงค์อันแรงกล้าต่อศาสนา การศึกษาพิสูจน์ความเร้นลับ เลข ๘ ในทางโหราศาสตร์สากล คือดาวเสาร์ ซึ่งเรียกขานว่า The Planet of Fate ที่นำมาซึ่งอุดมการณ์และประสบการณ์ บังเกิดเป็นความสำเร็จที่ต้องฝ่าฟันอุปสรรคจนได้รับโชคชัยเป็นรางวัลแห่งชัยชนะจนเป็นสื่อสิ่งพิมพ์มีคุณค่าเหนือกว่าใคร
แล้วพบกันครับ ด้วยความขอบคุณต่อผู้ที่มีกุศลกรรมร่วมกัน
-กรหริศ บัวสรวง-
ก็ยินดีครับ แต่ยังไม่ทราบเลยว่า ศุกร์ที่ ๒๑ ตุลานี้ ฟ้าดินจะเมตตาประทานน้ำมาคลองเตยด้วยหรือไม่ แต่ถึงยังไงอาจารย์กรหริศกับผม มากันแค่ ๒ คน ก็ฉลอง ๑๕ ปี ไทยโพสต์กัน ๒ คน มิเห็นจะเป็นไร..นิ.
User avatar
rakchart thai
 
Posts: 454
Joined: Thu May 20, 2010 11:58 am


Return to สภากาแฟ



cron