==บันทึกการแหกรั้วรัฐสภาของ รมต. และ สส.รัฐบาล 7 ตค 51==

เรื่องการเมือง เชิญที่นี่เลยครับ
Forum rules
- ห้ามใช้คำพูดหยาบคาย
- ห้ามโพสกระทู้หรือข้อความที่ดูหมิ่นเสียดสีสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นอันขาด

เชิญทุกท่านเข้าสู่บอร์ดใหม่ได้ที่ http://webboard.serithai.net ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ viewtopic.php?f=2&t=44976 ครับ

==บันทึกการแหกรั้วรัฐสภาของ รมต. และ สส.รัฐบาล 7 ตค 51==

Postby jerasak » Wed Oct 15, 2008 6:55 am

มีอยู่ 2 รายงานข่าวครับ ข่าวแรกจากมติชนเน้น 9 ชั่วโมงที่ถูกปิดล้อมอยู่ในรัฐสภา
อีกข่าวจากประชาชาติฯ เน้นพฤติกรรมรัฐมนตรีที่ปีนรั้วหนีไปทางพระที่นั่งวิมานเมฆ

------------------------------------------------------------------------------------
9 ชม.แหกรั้วสภา!! ส.ส. หนีตายจากค่าย"กักกัน"
โดย ชฎา ไอยคุปต์
วันที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2551 เวลา 12:00:19 น. มติชนออนไลน์
http://www.matichon.co.th/news_detail.p ... 4&catid=01
Image
Image
Image
Image

ว่าด้วยเรื่องความพยายามแหก... ของเหล่าส.ส.กลุ่มหนึ่ง

ความทุลักทุเลของบรรดาส.ส.ที่ต้องใช้คำว่า "หนีตาย" ออกจากรัฐสภาเมื่อเจอแผน"ปิดประตูตีแมว" ของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ภายหลังจากใช้แก๊สน้ำตาทะลวงเปิดช่องเพื่อเข้าไปแถลงนโยบาย จนกลายเป็นเหตุการณ์"นองเลือด 7 ตุลาคม"

ท่ามกลางเสียงวิพาษ์วิจารณ์ของนักวิชาการและส.ส.ฝ่ายค้านที่ไม่เห็นด้วยและให้ยกเลิกการประชุมสภา"เลือด" แต่ "สมชาย วงศ์สวัสดิ์" นายกรัฐมนตรี ไม่ได้สนใจกระแสรอบด้านและฝูงชนที่บีบเข้ามายึดสภาอีกครั้งหลังจากที่ตำรวจเข้าสลายเปิดทางให้ส.ส.และส.ว.เข้าประชุมฟังรัฐบาลแถลงนโยบาย เวลาประมาณ 11 โมงเช้า

ระหว่างที่นายกฯเร่งสปีดอ่านนโยบายพร้อมกระดกน้ำดื่มเพราะน้ำลายแห้งไหลไม่ทันกับการอ่านฉบับไฟแล่บ ทำให้คอแหบคอแห้ง อ่านข้ามไปหลายย่อหน้า จากแรงสนับสนุนของประธานสภา "ชัย ชิดชอบ" รับหน้าที่ให้การแถลงนโยบายเสร็จสิ้นสมบูรณ์ด้วยการหาองค์ประชุมให้ครบ และต้องล้มไปในรอบแรกเพื่อดึงเวลาออกไปก่อนที่จะเริ่มใหม่ในอีก 10 นาทีต่อมาพร้อมจำนวนส.ส.เกิน 311 คน

ก่อนที่คำแถลงนโยบายสุดท้ายจบลงรัฐสภาก็ถูกกลุ่มพันธมิตรฯล็อคกุญแจ 3 ชั้น ล่ามโซ่ประตูรัฐสภาทุกด้าน กองทัพมนุษย์สกัดกั้นทุกประตูเข้าออก ราวกับว่าเป็นค่ายกักกันนักโทษ "นาซี"

ค่ายกักกันแห่งนี้ไม่ใช่นักโทษแต่เป็น บรรดา ส.ส.- ส.ว.เจ้าหน้าที่รัฐสภารวมถึงผู้สื่อข่าวที่เข้ามาทำข่าวติดอยู่ภายในรัฐสภาเพื่อฟังแถลงนโยบายของรัฐบาล อยู่ในวงล้อมผู้ชุมนุม

ท่ามกลางความหิวโหยอดยากไม่มีไฟฟ้า ปริมาณไฟสำรองที่มีอยู่จำกัดใช้ได้ 7 ชั่วโมงก็เริ่มหมดลงเรื่อยๆ อากาศในห้องประชุมเริ่มลดลงกลายเป็นเตาอบแทน

แรกๆก็ดูไม่มีใครกังวลสักเท่าไรออกมายืนดูเหตุการณ์

"อภิวันท์ วิริยะชัย" รองประธานสภา ยืนดูเหตุการณ์ที่ชั้นลอยรัฐสภา แอบตลกว่า "จะออกตีหนึ่ง" พร้อมออกมาดูปริมาณคนล้อมเป็นระยะ ซักพักก็บอกว่า "ขอเข้าไปคุยกะ มท.1 ต่อละกัน"


ส่วนนักข่าวก็ทำงานกันมืดๆในห้อง ข้าราชการสภาก็ออกมานั่งกันข้างนอกตึก นั่งกะพื้นตึก ทุกคนต่างหามุมเหมาะๆนั่งจับกลุ่มคุยกันแก้เหงา

ส่วนผู้ที่ต้องรับศึกหนักกับคำถามซ้ำๆ "จะออกทางไหน" คือ "พิทูร พุ่มหิรัญ" เลขาสภาฯ ทำหน้าที่คล้ายๆฝ่ายธุรการ ทุกเรื่องของสภา ตอบว่า "ทางออกนะมีแต่ต้องปีนกันหน่อยนะ" (ฮา)

บรรยากาศเริ่มเหมือนค่ายกักกันนาซีทุกขณะ

ส.ส. -ส.ว. ต่างพากันออกมาภายนอกอาคารเพื่อคลายความอึดอัดและความร้อนที่ระอุทั้งภายในจิตใจและภายนอกร่างกาย เหงื่อตก เริ่มถอดสูทปลดเน็คไท พากันนั่งมองปลาคราฟในบ่อคลายกังวล พร้อมกับถอนหายใจเป็นระยะ ขนาด "บรรหาร ศิลปอาชา" หัวหน้าพรรคชาติไทยที่มีผู้ติดตามคอยนั่งพัดให้เย็นลง ยังออกปากบ่น"หายใจไม่ออก"

เมื่อนั่งทนร้อนกันพักใหญ่ก็ทนไม่ไหว บรรดารัฐมนตรี ก็สั่งพลขับสตาร์ทรถจอดอยู่กับที่เข้าไปนั่งรับแอร์เย็นฉ่ำ รอให้คนมาช่วย!

"ปู่ชัย" ไปนั่งตากแอร์รถสปอร์ตใครก็ไม่รู้

ระหว่างนั้นเอง นายสมชาย ผู้ที่พันธมิตรอยากให้ติดอยู่ภายในมากที่สุด กลับควงลูกสาวปีนรั้วออกไปนั่งเฮลิคอปเตอร์ของตำรวจ เหินฟ้าไปที่กองบัญชาการกองทัพไทยเพื่อร่วมประชุมกับผู้บัญชาการเหล่าทัพประเมินสถานการณ์เหตุการณ์รุนแรงที่เกิดขึ้น

ผู้ที่ดูไม่ทกข์ร้อน เห็นจะเป็น เสธ.หนั่น(สนั่น ขจรประศาสน์) บอกว่า "ไม่ซีเรียส ออกยังไม่ได้ไม่เป็นไร" แต่ก็ต้องทำท่างุนงงเมื่อนักข่าวถามว่านายกฯไปแล้วหรอค่ะ "เสธ.หนั่น" ก็ตอบว่า "ไปแล้วหรอ"

"ไปแล้วสิท่านจะมาอยู่ทำไม"

งานนี้นายกฯบินเดี่ยว ปล่อยให้บรรดาลูกพรรคและพรรคร่วมติดแหง็กอยู่ในอาคารรัฐสภา ท่ามกลางความอดอยาก แย่งกันกินแย่งกันใช้ รุมซื้อของใน "สภามินิมาร์ท" น้ำดื่มเกลี้ยงตู้ น้ำเปล่าขายหมดก่อน น้ำอัดลม น้ำนมก็ทยอยหมดลงที่ละอย่างสองอย่าง แบบว่าไม่เย็นด้วย เพราะไม่มีไฟฟ้า

ส่วนของกินที่ขายดีที่สุดก็คือ "มาม่า" แต่ไม่มีน้ำร้อนต้มก็เลยต้องกินมาม่าแห้งกันแทน ส่วน"ไอติม"ก็ขายดีไม่แพ้กัน โรงอาหารเปิดแค่สองร้านก็รุมกันซื้อกินจนเกลี้ยงไม่เคยปรากฏมาก่อน

เมื่อเวลาผ่านไปกว่า 4-5 ชั่วโมงแกนนำพันธมิตรเริ่มเห็นใจเจ้าหน้าที่สภาบอกว่าจะปล่อยออกไปก่อน แต่ก็เกรงว่าจะส.ส.จะแฝงตัวออกมาด้วย จึงแจ้งให้เจ้าหน้าที่ตั้งแถวเรียงหนึ่ง และให้แขวนบัตรประจำตัวเพื่อตรวจสอบบัตรกับตัวจริงตรงกันหรือไม่ ซึ่งเจ้าหน้าที่สภาก็ว่าง่ายยอมทำทุกอย่างเพื่อแลกกับอิสรภาพ ตั้งแถวยาวเหยียดรอออกจากค่ายกักกัน

แต่แล้วแกนนำคนที่จะเปิดให้ออกไปก็ประกาศว่า "เสียใจด้วยกุญแจประตูอยู่ที่ตำรวจ" แล้วกัน

ระหว่างนั้นเองส.ส.เริ่มอึดอัด เดินไปขอให้กลุ่มพันธมิตรเปิดทางออกเริ่มด้วยนายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล รมว.กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่บ่นตลอดเวลาว่า "ร้อนมาก" เห็นว่าพันธมิตรยอมให้นางรสนา โตสิตระกูล ส.ว.สรรหา ปีนรั้วออกไปได้ ก็เข้าไปขอบ้างแทนที่จะได้ออกไปกลับถูกน้ำสาดกลับมา แล้วยิ่งไปกว่านั้นนายสมศักดิ์หลบทันคนที่รับเต็มก็คือนักข่าวที่ตามติดมาทำข่าว

อยู่ดีไม่ว่าดีโผล่ไปให้กลุ่มพันธมิตรเห็นตัวเป็นๆ ความเครียดแค้นแทนเพื่อนที่ได้รับบาดเจ็บถึงขึ้นเลือดตกยางออกทำให้ผู้ชุมนุมเริ่มเคลื่อนไหวอีกรอบโดยการระดมยิงลูกเหล็ก ลูกแก้วเข้ามาในรัฐสภา แบบไม่ทันตั้งตัว

ทั้งนักข่าวและส.ส.ต่างพากันล้มลุกคลุกคลานคอยหลบกระสุนจากหนังสติ๊กที่ระดมยิงเข้ามา "ป๊อกแป็กๆ"เป็นระยะๆ "ปู่ชัย" เริ่มไม่ไหว หอบสังขารปีนรั้วสูงถึง 2 เมตรกว่าๆ เพื่อข้ามไปยังพระที่นั่งวิมานเมฆก่อนจะหลบม็อบออกไปได้สำเร็จ และมีเจ้าหน้าอีกหลายคนที่ปีนไปช่องเดียวกัน ซึ่งเจ้าหน้าที่หญิงส่วนใหญาจะนุ่งกระโปรงทำให้ลำบากในการปีนบางคนปีนข้ามไปสำเร็จแต่กลับทิ้งกระโปรงเอวยางยืดห้อยต่องแต่งอยู่บนรั้ว เจ้าหน้าที่ชายต้องถอดเสื้อสูทให้คลุมชั่วคราวก่อนปลดกระโปรงลงมา

ขณะที่ด้านหน้าทุกคนเริ่มเคลื่อนเข้ามาหลบในอาคารอีกครั้ง ต้องพบกับปัญหาอีกอย่างเมื่อชักโครกกดไม่ลง เมื่อไฟดับก็พลอยทำให้น้ำไหลช้าไปด้วย "ถึงก่อนมีสิทธิก่อน" ฝาชักโครกห้องไหนปิดลงเป็นอันรู้กันว่ากดไม่ค่อยลงไม่พร้อมให้บริการ ขนาด ดร.มั่น พัธโนทัย รมว.ไอซีที ยังถือกระโถนลายเบญจรงค์เดินลงจากรถพร้อมขวดน้ำดื่มมาเทเขย่าๆก่อนกลับขึ้นรถ เดาอาการไม่ถูกว่าอะไร

ระหว่างนั้นเองเสียงตูมตาม ! ก็เริ่มดังขึ้นต่อเนื่องเป็นระยะๆ มีทั้งเสียงปืน เสียงระเบิด ท่ามกลางวงล้อมคนข้างในไม่สามารถรู้ได้เลยว่าเกิดอะไรขึ้น ราวกับว่าเกิด "สงคราม" สักพักมีกลุ่มควันพวยพุ่งหลังเสียงระเบิดตูมใหญ่ เพราะรถจิ๊ปที่จอดหน้าพรรคชาติไทยเกิดระเบิดเสียงดังสนั่นจนทำให้หัวหน้าการ์ดพันธมิตรที่อยู่บริเวณนั้นเสียชีวิต ความหวังเริ่มปรากฏขึ้น เมื่อตำรวจขับไล่ม็อบที่ปิดล้อมประตูฝั่งถนนราชวิถีกระเจิง

เจ้าหน้าที่ตำรวจระดมยิงแก๊สน้ำตาเปิดทางออกอีกครั้งหลังจากที่เปิดทางเข้ามาแล้วรอบหนึ่ง เป็นการส่งสัญญาณดีว่าคนที่ถูกกักกันอยู่ภายในกำลังจะเป็นอิสระ

ขบวนรถของ รมต.- ส.ส.- ส.ว.เริ่มตั้งแถวจ่อที่ประตูฝั่งสามแยกพิชัย ถ.ราชวิถี เตรียมเคลื่อนเร็ว แต่ก็ต้องรอนานเกือบ 2 ชั่วโมงกว่าประตูจะเปิดออก ขบวนรถต่างพากันพุ่งออกจากประตูชนิดที่ไม่แตะเบรกเลี้ยวซ้ายและตรงไปขณะที่ฝั่งขวากลุ่มพันธมิตรกำลังขับเขี้ยวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ร่นถอยออกไป

ทางด้าน"นักรบศรีวิชัย" ก็พยายามจะตีค่ายกลับบุกอย่างบ้าระห่ำไม่เกรงกลัวราวกับศึกบางระจัน

เจ้าหน้าที่และกลุ่มนักข่าวพากันวิ่งกระเจิงออกมาจากประตูโดยเร็ว เพื่อขึ้นรถบัสที่จอดรอรับอยู่แล้ว ท่ามกลางกลุ่มควันของแก๊สน้ำตา ขึ้นมานั่งน้ำตาไหลพรากในรถบัสหลังจากที่ได้รับอิสรภาพอีกครั้ง

นักข่าวบางคนก็วิ่งกระเจิงไปถึงหน้ารพ.วชิระ เพื่อไปขึ้นรถเมล์สาย 9 ก็เจอ ส.ส.พปช.หลายคนที่ลงทุนเปลี่ยนเสื้อผ้าสลัดคราบ ส.ส.ทิ้ง กลัวกลุ่มผู้ชุมนุมจำได้ ทิ้งรถยนต์ส่วนตัวไว้ในสภาขึ้นใช้บริการรถเมล์แทน

ระหว่างที่กลุ่มแรกถูกปล่อยตัวออกมาได้นั้นกลุ่มพันธมิตรก็ตีค่ายกลับได้อีกครั้งโดยกลุ่มนักรบศรีวิชัย เคลื่อนขบวนมาปิดประตูยึดพื้นที่ได้อีกครั้ง ทำให้ ส.ส.-ส.ว.ที่ช้า ยังไม่กล้าออกมาหรืออาจจะเพราะว่าขบวนรถอยู่ท้ายแถวออกไม่ทันต้องเข้าไปหลบพักตั้งหลักกันอีกครั้ง


เมื่อประเมินสถานการณ์ดูแล้วก็พากันลงความเห็นว่าคงไม่มีอัศวินขี่ม้าขาวมาช่วยเปิดทางให้อีกเป็นรอบที่ 3

นายประชา ประสพดี ส.ส.สมุทรปราการพร้อม ส.ส.อีกจำนวนหนึ่งตัดสินใจพากันปีนรั้วออกพร้อมกับกลุ่มนักข่าวและแม่ค้ารวมถึงเจ้าหน้าที่ชุดสุดท้ายที่หนีออกมาพร้อมกับกระแสไฟฟ้าเฮือกสุดท้ายดับลงลาไปพร้อมกับแสงสุดท้ายของวัน
Last edited by jerasak on Wed Oct 15, 2008 6:59 am, edited 2 times in total.
== นักฝันมีชิวิตเพื่อนิรันดร์กาล ==
User avatar
jerasak
 
Posts: 1803
Joined: Mon Oct 13, 2008 1:22 am

Re: ==บันทึกการแหกรั้วรัฐสภาของ รมต. และ สส.รัฐบาล 7 ตค 51==

Postby jerasak » Wed Oct 15, 2008 6:56 am

บันทึกประสบการณ์ "หนีตาย" ฉบับความ "กลัว" ของรัฐมนตรี
วันที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2551 ปีที่ 32 ฉบับที่ 4044
http://www.matichon.co.th/prachachat/pr ... ionid=0202
Image

สัญชาตญาณความกลัวของ มนุษย์ไม่แบ่งแยกชั้น ฝูงชนที่ทั้งไม่รู้หน้า ไม่รู้จักใจ และอยู่คนละขั้ว อาจทำให้ยิ่งเพิ่มดีกรีความกลัว

3 ชั่วโมงแห่งพิธีกรรมการแถลง "นโยบาย" จึงต้องเร่งอ่านแบบย่อหน้า เว้นย่อหน้า

แม้ผู้ทรงเกียรติบางคนจะทัดทาน แม้ "ฝ่ายค้าน" จะคว่ำบาตร และแม้กำแพงมนุษย์สีเหลืองจะหนาแน่น

แต่ภายในอาคารรัฐสภายังกึกก้องไปด้วยเสียงแซ่ซ้องถึงความ "ชอบธรรม" ของฝ่ายรัฐบาล

แต่แล้วนาทีวิกฤตและความกลัวก็เดินทางมาถึง เมื่อทั้ง ส.ส. ข้าราชการ ส.ว.และคณะรัฐมนตรี รับทราบอย่างเงียบๆ งงๆ ว่า "นายกฯและลูก...ออกจากสภาไปแล้ว" ด้วยการ "ปีนกำแพงหนี"

โดยรั้ว-กำแพง สะพานและบันได ของ "วัง" ในพระที่นั่งวิมานเมฆ ถูกเปิดเป็น "ทางลง" ให้รัฐมนตรีและ ส.ส. "หนี" ในช่วงตะวันเริ่มจะตกดิน และนาฬิกาเริ่มหมุนไปสู่ช่วงใกล้มืด

เสียง "ม็อบ" ตะโกนไล่รัฐบาล ดังกระหึ่ม สวนกับเสียงรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข "วิชาญ มีนชัยนันท์" ที่ตะโกนโต้ "เดี๋ยวพวกมึงแหละจะไม่รอด"

"ยิ่งมืดจะยิ่งออกลำบาก ต้องหาทางสำรองไว้ก่อน" รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา "วีระศักดิ์ โควสุรัตน์" บอกกับนักข่าว 2 คน ก่อนก้มมองนาฬิกา ด้วยสายตาเป็นกังวล

ใช้เวลาเดินหาทางออกอยู่ครู่ใหญ่ จึงพบ "ทางออก" แนวเดียวกับทางหนีของ "นายกรัฐมนตรี"

ถังน้ำมันและเก้าอี้เก่าที่ริมรั้วหลังอาคารรัฐสภาถูกนำมาต่อสร้างบันไดชั่วคราว เป็น "ทางออกเดียว" ของคนทั้งสภา

ผู้ได้ "อภิสิทธิ์" ในการ "หนี" รอบแรกเป็น "รัฐมนตรี" คละกับ "เด็ก" และสตรี

แต่รัฐมนตรี "วีระศักดิ์" ไม่อยู่ในรอบแรกและรอบสอง เพราะเขาส่งสัญญาณ ให้ "นักข่าวหญิง" 2 คน ปีนออกไป ล่วงหน้า ก่อนที่จะไปรับ "หัวหน้าพรรค" บรรหาร ศิลปอาชา และลูก 2 คน พร้อมรองนายกฯ "พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์" และลูกตามออกไปสมทบ

เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยฝ่ายพระที่นั่ง 2 คน คอยอำนวยความสะดวก พร้อมบอกทางหนีทีไล่ ให้เดินออกไปตามทางเล็กๆ ที่ทอดตัวไปยังตึกใหญ่ ขนานกับทางออก

ทุกคนที่ข้ามรั้วไปได้ ถูกแนะนำให้ ถอดสูท ถอดเนกไท ไม่ให้ผิดสังเกต

เมื่อเปิดประตูตึกเข้าไป เจ้าหน้าที่ "วัง" ต้อนรับอบอุ่น ส่งเสียงและผายมือให้เดินขึ้นไปบนชั้นสามของตัวตึก ซึ่งห้องประชุมใหญ่ถูกดัดแปลงเป็นห้องนั่ง พักผ่อนชั่วคราว พร้อมนำน้ำมาแจกจ่าย

ในห้องเล็กๆ อีก 2-3 ห้อง มองเห็นรัฐมนตรีแยกไปนั่งโทรศัพท์ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด สายตาจับจ้องมองจอโทรทัศน์ กดรีโมตไปที่ช่อง "เอ็นบีที"

"ไชยา สะสมทรัพย์" รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นั่งคุยโทรศัพท์อยู่ใน ห้องเล็กๆ ตรงข้ามกับห้องพักใหญ่ พร้อมมองลอดแว่นออกไปอีกห้อง เช็กว่ามีใครเข้าไปสมทบเพิ่ม

"อนุสรณ์ วงศ์วรรณ" อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวง ควักผ้าเช็ดหน้าขึ้นปาดเหงื่อ มอบไปรอบๆ ห้อง ไม่ปริปากสนทนากับใคร

"ธีระชัย แสนแก้ว" รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สายเหยี่ยวแห่งพรรคพลังประชาชน เดินเหงื่อท่วมตัววางท่าเป็นเสนาบดีเข้ามากับ "ลูกน้อง" อีก 2 คน

"สุพล ฟองงาม" รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เดินมือล้วงกระเป๋าเข้ามาด้วยสีหน้าเรียบเฉย

"นางอนงค์วรรณ เทพสุทิน" รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและ สิ่งแวดล้อม เข้ามาในสภาพสวมกางเกง ขาสั้น เสื้อยืดสีขาว รองเท้าแตะ ยิ้มแห้งๆ อย่างมีหวัง ซุกตัวอยู่กับลูกน้องหญิงชายที่ประกบไม่ห่าง

"นายไชยยศ จิรเมธากร" โฆษกพรรคเพื่อแผ่นดิน ถกแขนเสื้อสีชมพูอ่อนขึ้น ปลดกระดุม พร้อมเดินทางทุกรูปแบบ สมทบอยู่กับ วราวุธ ศิลปอาชา

ในขณะที่ "สันติ พร้อมพัฒน์" รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ใส่เชิ้ตขาวแขนยาว สูททับสีดำ เดินหายไปในห้องน้ำ แล้วกลับออกมาด้วยสภาพ กลับลำ 180 องศา "เนียน" อยู่ในชุดเสื้อเหลืองแจ็กเกตสีขาว ไม่ทักทายใคร แม้รอบๆ จะเต็มไปด้วยรัฐมนตรีคณะเดียวกัน

สายตาของรัฐมนตรีทุกคู่เพ่งมองรถตู้ "ร.ย.ล." ที่จอดอยู่หน้าตึก ตามวิสัยที่จะ "เอาตัวรอด"

มีเสียงกระซิบจากใครบางคน ทำให้ทั้ง "บรรหาร-เสธ.หนั่น" และครอบครัว "พรรคชาติไทย" เดินลงไปด้านล่างของตัวตึก ทำให้มีรัฐมนตรีและ ส.ส.บางคนแห่เดินตามลงไป

ข้าราชการชายในชุดสีกากีตะโกนห้ามด้วยความสุภาพว่า "อย่าออกไปครับ ยังออกไม่ได้ ประตูเปิดไม่ได้ ถ้าถึงเวลาออกได้จะไปส่งด้วยรถตู้ครับ"

ทำให้ทั้ง "บรรหารและครอบครัว" รวมทั้งรัฐมนตรีอีกหลายคนต้องลงไปยืนแออัดอยู่ที่ห้องโถงด้านล่างติดกับ "กัญจนา" ลูกสาวที่ยังระบายยิ้มในชุดสวย มี "เสธ.หนั่น" กับลูกชายยืนอยู่ใกล้ๆ

"นายบรรหาร" สีหน้าเคร่งเครียด ขบกราม เอามือเคาะโต๊ะ ก้มหน้านิ่ง ขณะที่ "วราวุธ" หรือ "ลูกท็อป" เข้ามาโวยวายเกือบลั่นห้อง "ดูซิ ไอ้พวกนักข่าวมันรู้ได้ไง" พร้อมอ่านข้อความสั้นจากโทรศัพท์มือถือที่ขึ้นว่า "ส.ส.-รมต.หนีออกด้านหลังสภา"

ข้าราชการประจำสำนักพระราชวังเดินเข้าประชิดตัว "บรรหาร" พร้อมเชิญด้วยเสียงเบาๆ ให้ไปนั่งพักในห้องรับรองเล็กด้านล่างใกล้ประตูทางออก "ลูกท็อป-ลูกนา" เดินตามไปเงียบๆ

ในห้องเก็บของด้านล่างของตัวตึก "ลูกยอด" ศิริวัฒน์ ขจรประศาสน์ เปิดประตูเข้าไป กับผู้ติดตามคนสนิทของ "เสธ.หนั่น" ช่วยกันเปิดแอร์รุ่นเก่าโบราณ จัดเก้าอี้ให้ "พ่อ" พร้อมด้วย "นักข่าว" 2 คนเดิมเข้าไปสมทบ

"เธอทำข่าวมานานเท่าไรแล้ว...เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้มั้ย" คนสนิท "เสธ." เอ่ยถาม นักข่าวยิ้มตอบว่า "ไม่เคยค่ะ"

"โอ๊ย...อยู่ในเวียดนามลำบากกว่านี้" เสธ.หนั่นถอดรองเท้าร่วมวงสนทนายิ้มอย่างเยือกเย็นใจ

"ศรีเมือง เจริญศิริ" รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เดินเข้ามาสมทบ พร้อมบ่นพึมพำ "พวกประชาธิปัตย์นี่ พันธมิตรฯชัดๆ"

"ลูกน้อง" ของ "ศรีเมือง" เดินข้ามหน้า "เสธ.หนั่น" อย่างไม่เกรงใจ นำโทรศัพท์ 2 เครื่องไปชาร์จแบตเตอรี่ที่มุมห้อง สลับกับการออกไปสอดสˆายสายตามองหารถที่จะออกจากที่ตั้ง ด้วยท่าทางลุกลี้ลุกลน

เสียงโทรศัพท์มือถือของคนสนิท "เสธ.หนั่น" สั่นครืดๆ ถูกกดรับแล้วส่งสายให้ "เสธ.หนั่น" เสียงสนทนาจากต้นสายปนหัวเราะเบาๆ "อยู่ในนี้กันหมดแหละ...ถ้าจะมารวบตัวก็คงทีเดียว"

ทุกคราวที่เสียงแก๊สน้ำตาดังราวระเบิดถี่ๆ ต่อเนื่องประมาณ 40 นาที ทำให้รัฐมนตรีบางคนสะดุ้งเฮือก

สายตาเกือบทุกคู่มองนาฬิกาที่ผนังห้อง เข็มของมันกระดิกไปที่เวลา 17.15 นาฬิกา เสียงเจ้าหน้าที่ชายดังขึ้นอีกครั้ง

"ออกไปได้แล้วครับ ประตูเปิดได้แล้ว วิ่งถือน้ำไปคนละขวดด้วย ราดตาไว้นะครับ"

รัฐมนตรีและคนติดตามวิ่งกรูไปยัดทะนานแบบ "โอ่งบ้านผีปอบ" ในรถตู้ 2 คันแน่นขนัดแทบซ้อนตัก

คันหนึ่งมุ่งหน้า จรัญสนิทวงศ์ ที่หมายคือ "บ้านศิลปอาชา" อีกคันมุ่งหน้าสะพานซังฮี้ ด้วยความเร็ว

นักข่าวและผู้ร่วมชะตากรรมที่เหลือ วิ่งฝ่าควันแก๊สน้ำตาตามออกไปด้วย ใจระทึก

ประตูวังพระที่นั่งวิมานเมฆถูกลากปิดสนิท

ช่วงเวลาแห่งการ "หนีตาย" จาก "ม็อบพันธมิตรฯ" และคนแปลกหน้า จบสิ้นลงด้วยเลือด 2 ศพ พร้อมความพ่ายแพ้ ของทั้ง 2 ฝ่าย
== นักฝันมีชิวิตเพื่อนิรันดร์กาล ==
User avatar
jerasak
 
Posts: 1803
Joined: Mon Oct 13, 2008 1:22 am

Re: ==บันทึกการแหกรั้วรัฐสภาของ รมต. และ สส.รัฐบาล 7 ตค 51==

Postby Solidus » Wed Oct 15, 2008 12:49 pm

แต่ละคนนี่หมดสภาพเลย
User avatar
Solidus
 
Posts: 8593
Joined: Mon Oct 13, 2008 1:47 pm

Re: ==บันทึกการแหกรั้วรัฐสภาของ รมต. และ สส.รัฐบาล 7 ตค 51==

Postby สวิส » Wed Oct 15, 2008 1:06 pm

สมน้ำหน้าตาชัย ไงล่ะ ต้องปีนออกแบบทุลักทุเล ถ้าเชื่อพี่จิ๋วที่แนะนำให้ไปประชุมที่อื่นซะก็สิ้นเรื่อง
"ประชาธิปไตยคือการถือประโยชน์ของประชาชนเป็นใหญ่" ...พุทธทาสภิกขุ...

เป็นสมุนอำมาตย์ ดีกว่า เป็นสมุนทรราชย์ทักษิณ
User avatar
สวิส
 
Posts: 1591
Joined: Mon Oct 13, 2008 9:08 am

Re: ==บันทึกการแหกรั้วรัฐสภาของ รมต. และ สส.รัฐบาล 7 ตค 51==

Postby muekzero » Wed Oct 15, 2008 1:55 pm

ดูสงาผาเผยดีจริงๆ
User avatar
muekzero
 
Posts: 125
Joined: Mon Oct 13, 2008 11:39 am

Re: ==บันทึกการแหกรั้วรัฐสภาของ รมต. และ สส.รัฐบาล 7 ตค 51==

Postby จะบ้าตาย » Wed Oct 15, 2008 1:58 pm

สมควรเรียก รัฐบาลเหี้eตระกายตึก
User avatar
จะบ้าตาย
 
Posts: 1317
Joined: Mon Oct 13, 2008 2:41 pm

Re: ==บันทึกการแหกรั้วรัฐสภาของ รมต. และ สส.รัฐบาล 7 ตค 51==

Postby THE THIRD WAY » Wed Oct 15, 2008 2:13 pm

บรรหารได้เปรียบ
คนอื่นปีน
กรู"ลอด"สบาย
อยู่เฉยๆ แล้วบอกว่าเป็นกลาง
ทีคนอื่นทำอีกอย่าง บอกว่าเอียง
User avatar
THE THIRD WAY
 
Posts: 615
Joined: Mon Oct 13, 2008 12:46 pm

Re: ==บันทึกการแหกรั้วรัฐสภาของ รมต. และ สส.รัฐบาล 7 ตค 51==

Postby see-u » Wed Oct 15, 2008 7:15 pm

* น่าเอน็จอนาจ .... แต่ละคนหมดสภาพผู้แทน เห็นแล้วอนาถาจริง ๆ

เนี่ย !! ถ้าไม่จัญไรกันมากนักก็คงไม่ได้คนเค๊าไล่เหมือนหมูเหมือนหมา

จนต้องหนีหัวซุกหัวซุนแบบนี้หรอก
:twisted:
* See - U Never Die *

** ข้ออ้างจากพวกหิวคะแนน..

แมงสาบ : ไม่เลือกเราเขา (แม้ว) มาแน่
ตะกวดแดง : เลือกเรา "แม้ว"จะกลับมา


ศ.ดร.จรัส สุวรรณมาลา : ถ้าไม่มีคนดีก็ไม่ต้องเลือก พรรคการเมืองอย่าดูถูกประชาชน
User avatar
see-u
 
Posts: 5073
Joined: Mon Oct 13, 2008 10:04 am


Return to สภากาแฟ



cron