คดีที่ดินรัชดา - ทำไมคุณถึงคิดว่า ทักษิณ ควรติดคุก 2 ปี

เรื่องการเมือง เชิญที่นี่เลยครับ
Forum rules
- ห้ามใช้คำพูดหยาบคาย
- ห้ามโพสกระทู้หรือข้อความที่ดูหมิ่นเสียดสีสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นอันขาด

เชิญทุกท่านเข้าสู่บอร์ดใหม่ได้ที่ http://webboard.serithai.net ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ viewtopic.php?f=2&t=44976 ครับ

คดีที่ดินรัชดา - ทำไมคุณถึงคิดว่า ทักษิณ ควรติดคุก 2 ปี

Postby Neoconservative » Sat Apr 25, 2009 9:06 pm

วิเคราะห์เชิงวิชาการ : คดีที่ดินรัชดาฯ

‘ตุลาการผู้ไม่ภิวัตน์’

ในช่วงรัฐบาลของพรรคประชาธิปัตย์ ได้เกิดวิกฤตเศรษฐกิจทำให้สถาบันการเงินต่าง ๆ โดยเฉพาะบริษัทเงินทุนต่าง ๆ ขาดสภาพคล่อง ด้วยพฤติกรรมของพรรคประชาธิปัตย์ที่เคย
อิงแอบศักดินาอำมาตย์ และนายทุนสามานย์ ที่ยึดประโยชน์ของพวกตนเป็นใหญ่ จึงได้ทุ่มเทเงินจากภาษีของประชาชนเข้าช่วยเหลืออุ้มชูบริษัทเงินทุนเหล่านั้นไว้ โดยมิได้คำนึงถึงความทุกข์ยากแร้นแค้นของราษฎร์

บริษัทเงินทุน เอราวัณทรัสต์ จำกัด เป็นบริษัทหนึ่งที่ขาดสภาพคล่องในทางการเงิน กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินสังกัดธนาคารแห่งประเทศไทย ภายใต้การควบคุมดูแลของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังขณะนั้น ได้สั่งให้กองทุนฟื้นฟูฯเข้าแก้ไขฟื้นฟูโดยเพิ่มทุนให้ 300,000,000 บาท และรับโอนหุ้นจดทะเบียนและชำระค่าหุ้นแล้วจากบริษัทเงินทุนเอราวัณทรัสต์ จำกัด ร้อยละ 75 ทำให้กองทุนฟื้นฟูฯ เป็นผู้ถือหุ้นของบริษัทดังกล่าวร้อยละ 92 แต่กระนั้นบริษัทก็ยังมีกองทุนติดลบอยู่ จำเป็นต้องทำให้เงินกองทุนของบริษัทเป็นบวกเสียก่อนนำออกขาย เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2538 กองทุนฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน จึงซื้อที่ดินย่านรัชดาภิเษกของบริษัทเงินทุนเอราวัณทรัสต์ จำกัด 2 แปลง 31 โฉนด เนื้อที่รวม 121 ไร่ 2 งาน 34 ตารางวา เป็นราคาค่าซื้อทั้งสิ้น
4,889,497,500 บาท ซึ่งล้วนแต่เป็นเงินของประชาชนทั้งสิ้นต่อมากองทุนฟื้นฟูฯ ได้ปรับปรุงเกณฑ์บัญชีทรัพย์สินรอขายใหม่ทั้งหมดเพื่อรับรู้การขาดทุน โดยใช้ราคาประเมินของกรมที่ดินในขณะนั้นเป็นราคาที่สะท้อนมูลค่าที่แท้จริง เป็นผลให้ที่ดิน 2 แปลงดังกล่าวมีราคาลดลงเหลือเพียง 2,064,600,000 บาท เฉพาะแปลงที่ 2 ที่เกี่ยวกับคดีนี้มีราคา 754,500,000 บาท

เมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม 2546 กองทุนฟื้นฟูฯ นำที่ดินแปลงที่ 2 ออกประมูลขายทางอินเตอร์เน็ต โดยกำหนดราคาขั้นต่ำไว้ที่ 870,000,000 บาท มีผู้ประสงค์จะซื้อ 8 ราย แต่เมื่อกำหนดต้องเสนอราคาปรากฏว่า ไม่มีผู้ใดเสนอราคาประมูล กองทุนฟื้นฟูได้ดำเนินการรังวัดแบ่งแยกที่ดินแปลงที่ 2 ออกเป็น 4 โฉนดโดยแบ่งหักส่วนที่เป็นสาธารณะประโยชน์ออกไป เหลือเนื้อที่ 22 ไร่ 78.9 ตารางวา หลังจากนั้นจึงประกาศขายที่ดินนี้ใหม่อีกครั้งโดยวิธีประกวดราคาโดยไม่กำหนดราคาขั้นต่ำเอาไว้ มีผู้เสนอราคา 3 ราย คือบริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) เสนอราคา 730,000,000 บาท บริษัท โนเบิลดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) เสนอราคา 750,000,000 บาท และคุณหญิงพจมาน ชินวัตร จำเลยที่ 2 เสนอราคา 772,000,000 บาท ซึ่งเป็นผู้ให้ราคาสูงสุด และสูงกว่าราคาที่ดินที่ปรับแล้วคือ 754,500,000 บาท กองทุนฟื้นฟูจึงประชุมกันและอนุมัติให้คุณหญิงพจมาน เป็นผู้ชนะการประกวดราคา คุณหญิงพจมานได้ทำสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินดังกล่าวกับกองทุนฟื้นฟูฯ เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2546 และชำระราคาครบถ้วนในเวลาต่อมาก่อนที่จะทำสัญญาซื้อขาย และจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินกันในวันที่ 30 ธันวาคม 2546 โดยพันตำรวจ ดร.ทักษิณ ชินวัตร จำเลยที่ 1 ลงลายมือชื่อในหนังสือให้ความยินยอมแก่คุณหญิงพจมาน ชินวัตร ซึ่งเป็นภรรยา โดยมอบหลักฐานสำเนาบัตรประจำตัวประเภทข้าราชการการเมือง ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีประกอบการทำสัญญาด้วย

มีปัญหาว่า โดยหลักกฎหมายและหลักนิติธรรม Rule of Law แล้วพันตำรวจโท
ดร.ทักษิณ ชินวัตร ในฐานะจำเลยที่ 1 และคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ในฐานะจำเลยที่ 2
ควรต้องรับโทษในทางอาญาหรือไม่

ตามคำพิพากษาที่ได้อ่านและเปิดเผยแล้ว ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง วินิจฉัยว่า การกระทำของจำเลยที่ 1 ตามที่โจทก์(อัยการสูงสุด) บรรยายฟ้องมามีเพียงการที่จำเลยที่ 1 ให้ความยินยอมแก่จำเลยที่ 2 ในการร่วมประมูลซื้อและทำสัญญาซื้อขายที่ดินพิพาท และจากการไต่สวนพยานของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองประกอบรายงานสรุปสำนวนการตรวจสอบไต่สวนของ คตส. (คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ) ได้ความว่า การดำเนินการตั้งแต่ร่วมเสนอราคา ทำสัญญาจะซื้อจะขายจนกระทั่งทำสัญญาซื้อขายที่ดินพิพาทกับกองทุนฟื้นฟูฯ นั้น เป็นการดำเนินการของจำเลยที่ 2 เพียงคนเดียว โดยไม่ได้ความว่า จำเลยที่ 1 มีการกระทำการอย่างใดที่แสดงให้เห็นว่าร่วมกระทำการดังกล่าวกับจำเลยที่ 2 ด้วย จึงฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ 1 มีส่วนกระทำหรือเกี่ยวข้องในอันที่จะแสดงให้เห็นถึงเจตนาของจำเลยที่ 1 ว่าประสงค์จะมีเจตนาร่วมซื้อที่ดินพิพาทกับจำเลยที่ 2 ลำพังการที่จำเลยที่ 1 ลงลายมือชื่อให้ความยินยอมในสัญญาซื้อขายที่ดินพิพาท ยังไม่มีเหตุผลเพียงพอถึงขนาดให้รับฟังได้ว่าจำเลยที่ 1 มีเจตนากระทำการร่วมกับจำเลยที่ 2 แล้ววินิจฉัยเฉพาะจำเลยที่ 2 ว่าจำเลยที่ 2 ไม่ได้กระทำผิดเพราะไม่มีกฎหมายบัญญัติว่าการกระทำดังกล่าวของจำเลยที่ 2 เป็นความผิดและกำหนดโทษไว้ จึงให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 2

ส่วนพันตำรวจโท ดร.ทักษิณ ชินวัตร จำเลยที่ 1 นั้น ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของ
ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ปรับบทกฎหมายตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 100 และมาตรา 122 ว่าจำเลยที่ 1 กระทำความผิดและพิพากษาจำคุก 2 ปี โดยไม่รอการลงอาญา

พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต
พ.ศ. 2542 มาตรา 100 บัญญัติว่า “ห้ามมิให้เจ้าหน้าที่ของรัฐผู้ใดดำเนินกิจการ
ต่อไปนี้ (1) เป็นคู่สัญญาหรือมีส่วนได้เสียในสัญญาที่กำกับหน่วยงานของรัฐที่เจ้าหน้าที่ของรัฐผู้นั้นปฏิบัติหน้าที่ในฐานะที่เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐซึ่งมีอำนาจกำกับ ดูแล ควบคุม ตรวจสอบ หรือดำเนินคดี” วรรคสองบัญญัติว่า “เจ้าหน้าที่ของรัฐตำแหน่งใดที่ต้องห้ามมิให้ดำเนินกิจการตามวรรคหนึ่งให้เป็นไปตามที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. กำหนดโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา” (ซึ่งหมายถึง นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีด้วย) และวรรคสามบัญญัติว่า

“ให้นำบทบัญญัติในวรรคหนึ่งมาใช้บังคับกับคู่สมรสของเจ้าหน้าที่ของรัฐตามวรรคสอง โดยให้ถือว่าการดำเนินกิจการของคู่สมรส ดังกล่าวเป็นการดำเนินกิจการของเจ้าหน้าที่ของรัฐ”


มาตรา 122 บัญญัติว่า “เจ้าหน้าที่ของรัฐผู้ใดฝ่าฝืนบทบัญญัติมาตรา 100 มาตรา 101 หรือมาตรา 103 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ” และวรรคสองบัญญัติว่า “กรณีความผิดตามมาตรา 100 วรรคสาม หากเจ้าหน้าที่ของรัฐผู้ใดพิสูจน์ได้ว่า ตนมิได้รู้เห็นยินยอมด้วยในการที่คู่สมรสของตนดำเนินกิจการตามมาตรา 100 วรรคหนึ่ง ให้ถือว่าผู้นั้นไม่มีความผิด” ดังนี้

จะเห็นได้ว่า ตามคำวินิจฉัยของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองและตามข้อเท็จจริงที่ปรากฏนั้น พันตำรวจโท ดร.ทักษิณ ชินวัตจร จำเลยที่ 1 ไม่ได้ร่วมเสนอราคาในการประมูลซื้อที่ดินพิพาทกับคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ไม่ได้เป็นผู้ทำสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินพิพาทไม่ได้เป็นผู้ทำสัญญาซื้อขายที่ดินพิพาท แต่เป็นการดำเนินการของคุณหญิงพจมาน จำเลยที่ 2 แต่เพียงผู้เดียว ไม่ได้ความว่าจำเลยที่ 1 มีการกระทำการอย่างใดที่แสดงให้เห็นว่าจำเลยที่ 1 ร่วมกระทำการดังกล่าวกับจำเลยที่ 2 ด้วย เหตุนี้จำเลยที่ 1 จึงไม่ใช่ผู้ที่ได้กระทำการใดหรือลงมือกระทำการใด อันจะปรับได้ว่าเป็นผู้กระทำความผิดในตัวของจำเลยที่ 1เอง แต่จะเป็นความผิดได้เพราะการกระทำของคู่สมรสคือคุณหญิงพจมาน ผู้ภรรยาเท่านั้น ดังนั้นในเบื้องต้นจึงถือไม่ได้ว่าพันตำรวจโท ดร.ทักษิณ ชินวัตร จำเลยที่ 1 เป็นคู่สัญญาหรือมีส่วนได้เสียในสัญญาที่กำกับหน่วยงานของรัฐอันจะเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 100 วรรคหนึ่ง (1)

ปัญหามีว่าพันตำรวจโท ดร.ทักษิณ ชินวัตร จำเลยที่ 1 ควรจะต้องรับโทษในทางอาญาเพราะการกระทำของคู่สมรสคือ คุณหญิงพจมาน ชินวัตร จำเลยที่ 2 ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 100 วรรคสามหรือไม่ เห็นว่า เมื่อการกระทำของคุณหญิงพจมาน ชินวัตร จำเลยที่ 2 ไม่เป็นความผิดเพราะเป็นการเข้าประมูลประกวดราคาซื้อที่ดินโดยสุจริตและเปิดเผย และเงินที่ชำระราคาที่ดินที่ประมูลได้ก็ไม่ใช่ทรัพย์ที่ได้มาโดยการกระทำความผิด ต้องคืนแก่คุณหญิงพจมานจำเลยที่ 2 ไปเช่นนี้ จึงไม่อาจจะนำเอาการกระทำที่ไม่เป็นความผิดของคุณหญิงพจมานไปเป็นการกระทำที่เป็นความผิดเพื่อลงโทษพันตำรวจโท ดร.ทักษิณ ชินวัตร จำเลยที่ 1 ซึ่งไม่ได้กระทำหรือลงมือกระทำใด ๆ ดังกล่าวแล้วได้

นอกจากนั้น ตามมาตรา 122 วรรคสองยังบัญญัติไว้ดังกล่าวข้างต้นด้วยว่า “กรณีความผิดตามมาตรา 100 วรรคสาม หากเจ้าหน้าที่ของรัฐผู้ใด พิสูจน์ได้ว่า ตนมิได้รู้เห็นยินยอมด้วยในการที่คู่สมรสของตนดำเนินกิจการตามมาตรา 100 วรรคหนึ่ง ให้ถือว่าผู้นั้นไม่มีความผิด” ดังนี้ เมื่อข้อเท็จจริงซึ่งศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองรับฟังเป็นยุติมาแต่แรกดังกล่าวแล้วว่า การดำเนินกิจการของคุณหญิงพจมาน ชินวัตร จำเลยที่ 2 คู่สมรสของจำเลยที่ 1 เกี่ยวกับการเข้าประมูลซื้อที่ดินพิพาทนั้น เป็นเรื่องที่จำเลยที่ 2 ดำเนินการด้วยตนเองตามลำพังเพียงคนเดียว ตั้งแต่การร่วมเสนอราคาการทำสัญญาจะซื้อจะขายตลอดจนกระทั่งทำสัญญาซื้อขายที่ดินพิพาท โดยพันตำรวจโท ดร.ทักษิณ ชินวัตร จำเลยที่ 1 ไม่ได้เกี่ยวข้องหรือไม่ได้กระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดที่จะแสดงให้เห็นว่าจำเลยที่ 1 มีส่วนกระทำหรือเกี่ยวข้องในอันที่จะแสดงว่าจำเลยที่ 1 ประสงค์จะมีเจตนาร่วมซื้อที่ดินพิพาทกับจำเลยที่ 2 ด้วย

ดังนั้นเมื่อข้อเท็จจริงปรากฏชัดแจ้งต่อศาลดังที่ปรากฏในคำวินิจฉัยของศาลเองเช่นนี้แล้ว การดำเนินกิจการดังกล่าวของจำเลยที่ 2 ในฐานะคู่สมรสของจำเลยที่ 1 จึงเป็นการดำเนินการของจำเลยที่ 2 เองตามลำพัง จำเลยที่ 1 จึงไม่ได้รู้เห็นด้วย เมื่อจำเลยที่ 1 ไม่ได้รู้เห็นตั้งแต่ต้นเสียแล้ว โอกาสที่จำเลยที่ 1 จะให้หรือไม่ให้ความยินยอมจึงไม่มีหรือเป็นไม่ได้อยู่ในตัวซึ่งก็ไม่ผิดวิสัยที่ครอบครัวที่ร่ำรวยมั่งคั่งมีทรัพย์สินนับแสนล้านบาท อย่างเช่นจำเลยที่ 1 และ จำเลยที่ 2 จะทำเช่นนั้นได้ การที่จะเหมารวมและฟังเป็นผลร้ายแก่จำเลยที่ 1 ว่าจำเลยที่ 1 รู้เห็นเป็นใจหรือให้ความยินยอมแก่จำเลยที่ 2 ในการเข้าประมูลซื้อที่ดินพิพาท อันถือเป็นการกระทำของจำเลยที่ 1 และลงโทษจำเลยที่ 1 ตามมาตรา 100 (1) ประกอบด้วยมาตรา 122 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตพ.ศ. 2542 นั้น น่าจะไม่เป็นไปตามบทกฎหมายและความเป็นจริงดังกล่าวแล้ว

ลำพังการยินยอมที่สามีให้แก่ภรรยาภายหลังจากภรรยาได้อสังหาริมทรัพย์มาจากการประมูลขายโดยชอบนั้น หาเป็นเหตุที่จะแสดงว่า สามีได้รู้เห็นยินยอมให้คู่สมรสของตนดำเนินกิจการที่ผิดกฎหมายมาแต่แรก อันจะทำให้สามีต้องรับโทษในทางอาญาไม่ และเมื่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองวินิจฉัยมาแล้วว่า จำเลยที่ 1 ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการกระทำของจำเลยที่ 2 และจำเลยที่ 1 ไม่ประสงค์ที่จะมีเจตนาซื้อที่ดินพิพาทกับจำเลยที่ 2 แล้ว การที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองวินิจฉัยว่า จำเลยทั้งสองไม่มีพยานหลักฐานใดมาพิสูจน์ให้เห็นได้ว่าจำเลยที่ 1 มิได้รู้เห็นยินยอมด้วยในการที่จำเลยที่ 2 ดำเนินการตามมาตรา 100 นั้น ย่อมเท่ากับบังคับให้จำเลยที่ 1 หรือจำเลยที่ 2 นำพยานหลักฐานมาสืบพิสูจน์ข้อเท็จจริงที่ศาลรู้เองอยู่แล้ว ทั้งศาลก็ได้รับฟังข้อเท็จจริงดังกล่าวเป็นยุติมาแต่แรกดังกล่าวแล้ว น่าจะเป็นการขัดต่อข้อเท็จจริงที่ปรากฏ เหตุนี้ที่อ้างว่าจำเลยทั้งสองไม่มีพยานหลักฐานมาพิสูจน์ให้เห็นว่าจำเลยที่ 1 มิได้รู้เห็นยินยอมและลงโทษจำเลยที่ 1 จึงน่าจะขัดต่อเหตุผลและความเป็นจริงและไม่ต้องด้วยพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2541 มาตรา 122 วรรคสอง ปัญหาจึงควรแก่การพิจารณาว่าจำเลยที่ 1 ได้ทำผิดบทกฎหมายดังกล่าวหรือไม่

ยิ่งกว่านั้นในคดีที่มีองค์คณะผู้พิพากษาหลายคนที่จะต้องร่วมกันพิพากษาคดีโดยเฉพาะคดีอาญานั้น กฎหมายได้บัญญัติไว้อย่างเคร่งครัดและชัดเจนถึงการใช้ดุลพินิจและการออกเสียงลงมติในการพิพากษาแต่ละคดีว่า

1. รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2550 มาตรา 39 บัญญัติว่า
“บุคคล
ไม่ต้องรับโทษอาญา เว้นแต่ได้กระทำการอันกฎหมายที่ใช้อยู่ในเวลากระทำนั้นบัญญัติเป็นความผิดและกำหนดโทษไว้และโทษที่จะลงแก่บุคคลนั้น จะหนักกว่าโทษที่กำหนดไว้ในกฎหมายที่ใช้อยู่ในเวลาที่กระทำความผิดมิได้

ในคดีอาญา ต้องสันนิษฐานไว้ก่อนว่าผู้ต้องหาหรือจำเลยไม่มีความผิด”

2. ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 227 บัญญัติว่า
“ให้ศาล
ใช้ดุลพินิจฉัยชั่งน้ำหนักพยานหลักฐานทั้งปวงอย่าพิพากษาลงโทษจนกว่าจะแน่ใจว่ามีการกระทำผิดจริงและจำเลยเป็นผู้กระทำความผิดนั้น

เมื่อมีความสงสัยตามสมควรว่าจำเลยได้กระทำผิดหรือไม่ ให้ยกประโยชน์
แห่งความสงสัยนั้นให้จำเลย”


3. ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 184 บัญญัติว่า “ในการประชุมปรึกษาเพื่อมีคำพิพากษาหรือคำสั่งให้อธิบดีผู้พิพากษา ข้าหลวงยุติธรรม หัวหน้าผู้พิพากษาในศาลนั้น หรือเจ้าของสำนวนเป็นประธาน ถามผู้พิพากษาที่นั่งพิจารณาทีละคนให้ออกความเห็นทุกประเด็นที่จะวินิจฉัยให้ประธานออกความเห็นสุดท้าย การวินิจฉัยให้ถือตามเสียงข้างมากถ้าในปัญหาใดมีความเห็นแย้งกันเป็นสองฝ่าย หรือเกินกว่าสองฝ่ายขึ้นไปจะหาเสียงข้างมากมิได้ ให้ผู้พิพากษาซึ่งมีความเห็นเป็นผลร้ายแก่จำเลยมากยอมเห็นด้วยผู้พิพากษาซึ่งมีความเห็นเป็นผลร้ายแก่จำเลยน้อยกว่า”

ปรากฏว่าในคดีที่ดินรัชดาฯ นี้ มีผู้พิพากษาเป็นองค์คณะ 9 คน การพิจารณาพิพากษาอรรถคดีต้องดำเนินการให้เป็นไปโดยยุติธรรมตามรัฐธรรมนูญ ตามกฎหมายและในพระปรมาภิไธยพระมหากษัตริย์ ทั้งนี้ตามที่รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2550 มาตรา 197 วรรคแรก บัญญัติไว้ ดังนั้นผู้พิพากษาทั้ง 9 คน จึงต้องตระหนักและต้องสันนิษฐานไว้ก่อนว่าพันตำรวจโท ดร.ทักษิณ ชินวัตร และคุณหญิงพจมาน จำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 ไม่มีความผิดตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
พ.ศ. 2550 มาตรา 39 วรรคสอง และหากกรณีมีความสงสัยตามสมควรว่าจำเลยได้กระทำผิดหรือไม่ต้องยกประโยชน์แห่งความสงสัยนั้นให้จำเลยตามประมวลกฏหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 227 สำหรับการประชุมปรึกษาเพื่อมีคำพิพากษาคดีดังกล่าวนี้

แม้พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ. 2542 มาตรา 20 จะบัญญัติว่า

“การทำคำสั่งที่เป็นการวินิจฉัยชี้ขาดหรือพิพากษาคดี ให้ผู้พิพากษาในองค์คณะผู้พิพากษาทุกคนทำความเห็นในการวินิจฉัยคดีเป็นหนังสือพร้อมทั้งต้องแถลงด้วยวาจาต่อที่ประชุมก่อนการลงมติ และให้ถือมติตามเสียงข้างมาก ในการนี้องค์คณะผู้พิพากษาอาจมอบหมายให้ผู้พิพากษาคนใดคนหนึ่งในองค์คณะผู้พิพากษาเป็นผู้จัดทำคำสั่งหรือคำพิพากษาตามมตินั้นก็ได้...” ก็ตาม

แต่ก็ไม่ปรากฏมีข้อกำหนดของประธานศาลฎีกาหรือบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัตินี้ บัญญัติถึงการปฏิบัติหน้าที่ของผู้พิพากษาเจ้าของสำนวนในการประชุมปรึกษาคดีไว้ ตลอดจนกรณีที่มีความเห็นแย้งกันเป็นสองฝ่ายจะหาเสียงข้างมากมิได้นั้น จะต้องดำเนินการอย่างไร ด้วยเหตุนี้ความในมาตรา 18 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติเดียวกัน จึงบัญญัติว่า

“...ให้นำบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาคดีอาญาใช้บังคับ...โดยอนุโลม” นั่นก็คือต้องนำประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 184 ข้างต้น มาบังคับใช้นั่นเอง โดยบทกฎหมายดังกล่าวไม่ได้บัญญัติให้ผู้พิพากษาทั้ง 9 คนออกเสียงพร้อมกันในคราวเดียวกันเพื่อให้ได้เสียงข้างมาก แต่บัญญัติให้ผู้พิพากษาเจ้าของสำนวนต้องทำหน้าที่เป็นประธานยังไม่มีสิทธิออกเสียงทันทีถามผู้พิพากษาที่นั่งพิจารณาอีก 8 คนทีละคนว่า จำเลยที่ 1 กระทำความผิดหรือไม่ปรากฏจากคำพิพากษาที่อ่านและเปิดเผยแล้วว่า คณะผู้พิพากษาทั้ง 9 คนลงมติด้วยคะแนน 5 ต่อ 4 ว่าจำเลยที่ 1 มีความผิดให้จำคุก 2 ปี ย่อมแสดงให้เห็นอย่างชัดแจ้งว่า ในชั้นที่ผู้พิพากษาเจ้าของสำนวนทำหน้าที่ประธานสอบถามความเห็นผู้พิพากษาอีก 8 คนนั้นมีผู้พิพากษา 4 คนเห็นว่าจำเลยที่ 1 มีความผิดแต่ผู้พิพากษาอีก 4 คนเห็นว่าจำเลยที่ 1 ไม่มีความผิดคะแนนเสียงจึงเป็น 4 ต่อ 4 เท่ากันแย้งกันอยู่กรณีเช่นนี้ ณ เวลานั้นขณะนั้นจึงต้องด้วยบทบัญญัติแห่งกฎหมายรัฐธรรมนูญและประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาดังกล่าวข้างต้นว่าต้องสันนิษฐานไว้ก่อนว่าจำเลยที่ 1 ไม่มีความผิดและกรณียังเป็นที่สงสัยว่าจำเลยที่ 1 กระทำผิดจริงหรือไม่เพราะมีคะแนนเสียงเท่ากันหาเสียงข้างมากไม่ได้ ซึ่งกรณีย่อมต้องด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 184 ที่บัญญัติว่า

“ถ้าปัญหาใดมีความเห็นแย้งกันเป็นสองฝ่าย จะหาเสียงข้างมากมิได้ ให้ผู้พิพากษาที่เห็นเป็นผลร้ายแก่จำเลยมากยอมเห็นด้วยผู้พิพากษาซึ่งมีความเห็นเป็นผลร้ายแก่จำเลยน้อยกว่า” อีกด้วย

ดังนั้นผู้พิพากษาเจ้าของสำนวนคดีนี้ ซึ่งเป็นประธานและต้องออกเสียงเป็นคนสุดท้ายจึงต้องถูกผูกมัด และถูกบังคับด้วยบทกฎหมายที่บัญญัติไว้อย่างชัดแจ้งดังกล่าว ให้จำต้องลงมติว่าจำเลยที่ 1 ไม่มีความผิดเพราะเป็นผลร้ายแก่จำเลยน้อยกว่า แม้ผู้พิพากษาเจ้าของสำนวนจะมีความเห็นขณะนั้นว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดก็ตาม เหตุนี้คะแนนเสียงของผู้พิพากษาคดีนี้ ที่พิพากษาลงโทษจำเลยที่ 1 ด้วยคะแนน 5 ต่อ 4 จึงเท่ากับว่าผู้พิพากษาเจ้าของสำนวนที่ออกเสียงเป็นคนสุดท้ายได้ลงมติว่าจำเลยที่ 1 กระทำความผิดซึ่งเป็นผลร้ายแก่จำเลยที่ 1 มากกว่า น่าจะเป็นการฝ่าฝืนและขัดต่อบทบัญญัติแห่งกฎหมายรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2550 มาตรา 39 วรรคสอง และประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 227 และมาตรา 184
จึงมีข้อพิจารณาว่าเป็นการลงมติที่ถูกต้องหรือไม่ คำพิพากษาคดีนี้สามารถยืนยันได้แท้จริงหรือไม่ว่าพันตำรวจโท ดร.ทักษิณ ชินวัตร จำเลยที่ 1 ควรต้องรับโทษในทางอาญา

อนึ่งการลงมติที่จะต้องเป็นไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 184 ดังกล่าวนี้ย่อมครอบคลุมทุกประเด็นปัญหาในการประชุมเพื่อมีคำพิพากษาหรือคำสั่งในคดีอาญา ไม่ว่าจะเป็นปัญหาว่า จำเลยกระทำผิดหรือไม่ ควรลงโทษจำเลยหรือไม่เพียงใดหรือสมควรลงโทษหรือรอการกำหนดโทษ หรือกำหนดโทษแต่รอการลงโทษจำเลยไว้หรือไม่เป็นต้น ดังจะเห็นได้จากถ้อยคำตามตัวบทมาตรา 184 ที่ว่า “...ให้เจ้าของสำนวนเป็นประธาน ถามผู้พิพาทที่นั่งพิจารณาทีละคน ให้ออกความเห็นทุกประเด็นที่จะวินิจฉัย... ถ้าในปัญหาใด มีความเห็นแย้งกัน…” ดังนี้ แสดงว่าการลงมติขององค์คณะผู้พิพากษาในคดีอาญาต้องปฏิบัติตามความในมาตรา 184 ทุก ๆ ประเด็นปัญหา ไม่มีข้อยกเว้น

ด้วยเหตุผล ข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายที่กล่าวมา พันตำรวจโท ดร.ทักษิณ ชินวัตร จำเลยที่ 1 จะได้รู้เห็นยินยอมให้คุณหญิงพจมาน ชินวัตร จำเลยที่ 2 ดำเนินกิจการเป็นคู่สัญญาหรือมีส่วนได้เสียในสัญญาที่จะทำให้จำเลยที่ 1 กลายเป็นผู้กระทำผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 100(1) และมาตรา 122 วรรคสอง หรือไม่และการประชุมปรึกษาองค์คณะผู้พิพากษาเป็นการประชุมและลงมติที่สอดคล้องกับกฎหมายดังกล่าวมาแล้วหรือไม่ หากองค์คณะผู้พิพากษาทั้ง 9 คนได้ลงมติให้เป็นไปตามที่กฎหมายบัญญัติไว้อย่างถูกต้องครบถ้วนแล้ว มติในการพิพากษาคดีนี้น่าจะเป็นว่าจำเลยที่ 1 ไม่ได้ทำผิดด้วยคะแนนเสียง 5 ต่อ 4 ตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายรัฐธรรมนูญและประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาดังกล่าวหรือไม่

หากกรณีเป็นไปตามที่กล่าวมาโดยลำดับ สมควรหรือไม่ที่พันตำรวจโท ดร.ทักษิณ ชินวัตร จะต้องได้รับโทษในทางอาญา


--------------------------------------------------------------------------------
โดย : ประชาไท วันที่ : 24/4/2552

http://www.prachatai.com/05web/th/home/16596


หลังจากอ่านเหตุผล จากบทวิเคราะห์เชิงวิชาการข้างต้น

ทำให้ผมรู้สึกว่า ทักษิณ ไม่น่าจะต้องรับโทษ จำคุกสองปี

ท่านสมาชิกคิดเห็นเช่นไร ครับ

หรือว่า บทวิเคราะห์นี้ บิดเบือนบางประเด็น

หรือว่าผู้เขียนบทวิเคราะห์ เข้าใจอะไรผิด
Reality Check. Base on Fact and Truth. ......"The Red Ally".......
User avatar
Neoconservative
 
Posts: 840
Joined: Wed Nov 12, 2008 1:00 pm

Re: คดีที่ดินรัชดา - ทำไมคุณถึงคิดว่า ทักษิณ ควรติดคุก 2 ปี

Postby ppneer » Sat Apr 25, 2009 9:15 pm

พยายามอ่านบทความ และ เข้าใจคนที่เขียนบทความนี้ขึ้นมา

สุดท้าย ก็ ลงเอย ที่ ปชป. ว่าเป็นพรรคที่เข้าข้างพรรคพวก

แล้วทำไมบทความนี้พึ่งมาเผยแพร่

การที่ นช.ทักษิณ สมควรติดคุก กรณีหรือไม่

คุณต้อง ย้อนกลับ ไป กรณีซุกหุ้น คุณลองหาเหตุผล

ให้ผมสักนิดได้หรือไม่ว่า ทำไม ต้อง โอนหุ้นไปให้ คนขับรถกับ คนใช้

ถ้าคุณหาเหตุผลดีๆ ถึงกรณี แล้วผมจะตอบให้คุณ ว่า นช.ทักษิณ สมควร

ติดคุกเรื่องที่ดินนี้หรือไม่
ขวานทอง บรรพบุรุษ เป็นคนสร้างให้เราทุกวันนี้ ตัวกูจะปกปักรักษาเท่าชีวิตเพื่อ พ่อหลวง กูถวายชีวิต

ใอ้แม้ว ออกไปๆๆๆ กูเกลียดใอ้แม้ว
User avatar
ppneer
 
Posts: 3382
Joined: Mon Jan 19, 2009 2:59 pm

Re: คดีที่ดินรัชดา - ทำไมคุณถึงคิดว่า ทักษิณ ควรติดคุก 2 ปี

Postby soco » Sat Apr 25, 2009 9:19 pm

ทำไมถึงคิดเช่นนั้นครับ

ยกประเด็นมาเลยดีกว่า

เพราะปัจจุบันนี้ โดนคำพิพากษาศาลฎีกาฯ ให้จำคุกไปแล้ว

และเรื่องนี้ก็เกิดจาก รธน. 40 และ พรบ.ประกอบฯ 42
.
.
.
.
.
User avatar
soco
 
Posts: 4816
Joined: Mon Oct 13, 2008 12:03 pm

Re: คดีที่ดินรัชดา - ทำไมคุณถึงคิดว่า ทักษิณ ควรติดคุก 2 ปี

Postby loginofu » Sat Apr 25, 2009 9:21 pm

ไปอ่านคำพิพากษาสิครับ
จะมาอ่านพวกนั่งทางในเขียนเลียแม้ว แล้วเอามาเป็นประเด็นทำไม
http://www.prachathon.org/forum/index.php
ทางเข้าบอร์ดสำรอง http://siamseri.orgfree.com/
ประชาทนธิปไตย : ทนได้ก็ทนไป
loginofu
 
Posts: 10316
Joined: Mon Oct 13, 2008 3:22 am

Re: คดีที่ดินรัชดา - ทำไมคุณถึงคิดว่า ทักษิณ ควรติดคุก 2 ปี

Postby juicekung » Sat Apr 25, 2009 9:24 pm

ก้อเพราะทักษิณเป็นนายกรัฐมนตรีในขณะนั้น 1.อย่างแล้วที่ไม่สมควรที่จะให้คู่สมรสไปประมูลซื้ออะ หย่าแล้วก้อว่าไปอย่าง

2 คุณเล่นประมูลโดยไม่กำหนดราคาขั้นต่ำเลยนี่หว่า ผิดจริยธรรม ผมถือว่าจงใจทำให้ราคาถูกกว่าปกติเพราะคุณไม่กำหนดราคาขั้นต่ำผลประโยชน์จากการนี้ไปตกอยู่แก่ผู้ประมูลได้แน่แท้และแน่นอน

ถ้าคุณคิดว่าศาลเชื่อไม่ได้พึ่งไม่ได้ งั้น ประเทศนี้ก้ออยู่ไม่ได้แล้วมั้งสำหรับคุณอะ เหอๆๆๆ
User avatar
juicekung
 
Posts: 62
Joined: Sat Feb 28, 2009 10:49 pm

Re: คดีที่ดินรัชดา - ทำไมคุณถึงคิดว่า ทักษิณ ควรติดคุก 2 ปี

Postby ThaksinJunrai » Sat Apr 25, 2009 9:26 pm

ผมเห็นด้วยว่าทักษิณไม่ควรติดคุก 2 ปี



ควรติด 10 ปีเป็นอย่างน้อย พร้อมกับให้การขายที่ดินเป็นโมฆะอีกด้วย
ห้ามปรามคนดีด้วยเหตุผล เพราะเขามีจริยธรรมและจิตสำนึก
กำราบคนพาลด้วยความเด็ดขาด เพราะสัน.ดานโจรยังไงก็แก้ไม่หาย
แยกความเข้มแข็งและมีเมตตา ออกจากความอ่อนแอและโง่เขลา
User avatar
ThaksinJunrai
 
Posts: 562
Joined: Thu Nov 27, 2008 8:00 pm

Re: คดีที่ดินรัชดา - ทำไมคุณถึงคิดว่า ทักษิณ ควรติดคุก 2 ปี

Postby นักตอบกระทู้อิสระ » Sat Apr 25, 2009 9:26 pm

บทความนี้ เป็นกลางอย่างที่สุด แค่อ่านย่อหน้าแรก ก็รู้สึกได้ถึงความเที่ยงธรรม จริยธรรมของผู้เขียนอย่างชัดเจน

คดีความที่ว่า
ภาษาชาวบ้านคือ
กดราคาประมูลที่ดินให้ต่ำกว่าความเป็นจริงอย่างมหาศาล
เซ็นให้เมียไปประมูลโดยใช้ตำแหน่งนายกฯ ได้ราคาถูก
เพราะล๊อคการประมูล ไม่มีใครกล้าประมูลสู้ด้วย
เหล่านี้คือสิ่งที่เกิดขึ้นจริงๆ ไม่ใช่สำบัดสำนวนทนายในกระดาษ

จึงเกิดปัญหหา มีคนฟ้องศาล
ศาลเห็นว่ามีมูล
ศาลตัดสินว่าผิด
แต่พวกลิ่วล้อร้องแรกแหกกระเชอว่า ศาลเอียง

ไม่ใช่ทนาย ก็ต้องวิเคราะห์แบบบ้านๆ
ถ้าใครเป็นทนาย จะแถหรือสู้อย่างไร ก็ตามแต่ จะว่าศาลเอียงก็ตามสบาย
หรือจะไปสู้ใต้ดิน หรือในนรก ก็เชิญ หากมองว่าตุลาการไทย ไม่น่าเชื่อถือ
ก็สะบัดตูดตามเจ๊เพ็ญ กระเทย underground ลงไปร่วมขบวนการตุ๊ดใต้ดิน ได้ตามสะดวก

เพียงแต่ว่า วันนี้ ปัญหาของพวกลิ่วล้อก็คือ ทักษิณได้ทำผิดมากกว่าคดีที่ดินรัชดาไปเรียบร้อยแล้ว
ยังไม่ร่วมคดีก่อนหน้านี้ที่กำลังอยู่ในชั้นศาล ไม่ว่าจะเป็น exim bank หรือ ctx ซึ่งผลการตัดสินคงไม่ถูกใจลิ่วล้อ กองเชียร์แน่นอน
แต่เมื่อถึงวันนั้น กองเชียร์และลิ่วล้อ ก็ต้องออกมาต่อต้านคำตัดสินอยู่ดี

ตอนกำลังมุดลงใต้ดิน ก็อย่าเผลอหันตูดให้แกนนำละกัน


กร๊ากกกกกกส์
User avatar
นักตอบกระทู้อิสระ
 
Posts: 1165
Joined: Sat Feb 14, 2009 6:26 pm

Re: คดีที่ดินรัชดา - ทำไมคุณถึงคิดว่า ทักษิณ ควรติดคุก 2 ปี

Postby juicekung » Sat Apr 25, 2009 9:32 pm

แถมอีกนิด ศาลเขาประชุมแล้วลงมติกันมันก้อย่อมเป็นอำนาจของศาลนะครับผม มันเป็นสิ่งที่กฏกติกาของสังคมกำหนดไว้แล้ว

ถ้าศาลตัดสินแล้วคนที่คุณชื่นชอบได้รับผลร้าย คุณก้อมาด่าศาลว่าลำเอียงเชื่อถือไม่ได้ พวกมากลากไปเนี่ย

คุณน่ะกำลังไม่ยอมรับกฏกติกาเพราะใจอันลำเอียงของคุณนะจะบอกให้ ไปหาอ่านเรื่อง หลัก อคิติ 4 ของพุทธศาสนาซะมั่งนะครับ

จะได้รู้ใจตนเอง อ้อ จะให้ดีหัดนำหลักพุทธศาสนามาใช้ในการดำเนินชีวิตและวิเคราะห์เหตุและผล ปัจจัยต่างๆที่ทำให้เกิดเหตุและผลนั้น

คุณก้อคงเข้าใจเองว่าทำไมถึงมีประชาชนคนทั่วไปเกลียดทักษิณเยอะ

(ผมละเบื่อนะ พุทธศาสนาไม่ใช่การอ่านคำสวด เป็นการนำมาใช้ในชีวิต พระสงฆ์ควรจะให้เมื่อ ญาติโยมขอ ควรเจริญภาวนาเพื่อการหลุดพ้นไม่ใช่มาประท้วงและชี้นำชาวบ้านให้เกลียดกัน)
User avatar
juicekung
 
Posts: 62
Joined: Sat Feb 28, 2009 10:49 pm

Re: คดีที่ดินรัชดา - ทำไมคุณถึงคิดว่า ทักษิณ ควรติดคุก 2 ปี

Postby Matahari » Sat Apr 25, 2009 9:35 pm

ท่านฟาย....Neoconservative ออเหรอ แหมท่านฟายต้องเกริ่นเรื่องด้วยนะ ว่าใครต้นเหตุทำให้เกิดวิกฤต ปี 40 เหลียมพ่อของฟายนะ
เรื่องที่รัชดา ไม่ว่าใครจะพล่ามหรือแก้ตัว มันก็ไม่สามารถล้างความผิด คือ กม ห้ามนะ จำไว้ เขาห้ามเพราะว่า ความเป็นนายก อำนาจ ชี้เป็นชี้ตายเหลือล้น ให้แก้กม เพื่อตนก็ไม่ผิด แต่มันเอิ้อประโยชน์ เหมือนที่บอกว่าสร้างถนนที่นักการเมืองไปซื้อทีดินเพื่อทำหมู่บ้านมันก็ไม่ผิด แต่ใตรได้ประโยชน์ เขาถึงออกกม เข้ม และกม ของกองทุนเขาห้ามนะให้ขายราคาต่ำกว่าทุน จำไว้นะท่านฟาย แล้วถามว่าทำไมกองทุนกล้าทำเพื่อทักษิณาขนาดนั้นเหรอ หรือวันที่ 31 ธันวาไม่หยุดเพื่อให้โอนทันเพื่อมิต้องเสียภาษี ที่กว่าจะทำเสร็จก็ 4 ทุ่ม ถ้าตาสีตาสา พ่อของฟายมีปัญญา มีอภิสิทธิ์ชน มีอำนาจมะ
เหลียมรุ้เรื่องนี้มะ ก็รุ้เพราะอะไร ปชป เขาเปิดประเด็นและขอเปิดสภา และฟ้อง ปปช พวกเหลี่ยมก็ไม่รับเรื่อง อ้างโน้นอ้างนี้ เหลียมทำไม่ไม่พิสูจน์ถ้าตนเองไม่ผิด
เขาคอรรัปชั้นเชิงนโยบาย.................. มันตรวจสอบยาก เขาก็เลยออก กม ห้ามนะ จำไว้ใส่กระโหลกนะห้ามนะ อย่าเสือกนะ อย่ายุ่งนะ อย่าแหยนะ
ถึงได้ถามฟาย เมือรู้ว่าผิด ก็เลยไม่ให้ปชป เปิดสภาซักฟอก
อย่าแก้ตัวหน้าด้านฉบับแดงนะ มันไร้ประโยชน์จะอ้างชักแม่น้ำทั้ง 5 ก็ไม่มีประโยฃน์ กม ห้าม ก็อย่าเสือกเข้าไปนะ แต่ไหงข้อสงสัยว่า เหลียมรู้เน่ ว่าตนเองผิด ก็เลยไม่เปิดสภา ............ จะยกอะไรมาอ้างไม่มีประโยชน์หรอกฟาย ห้ามก็อย่าเสือก จำไว้นะท่านฟาย..........................
***********************************************************
User avatar
Matahari
 
Posts: 2405
Joined: Mon Oct 13, 2008 12:30 pm

Re: คดีที่ดินรัชดา - ทำไมคุณถึงคิดว่า ทักษิณ ควรติดคุก 2 ปี

Postby soco » Sat Apr 25, 2009 9:39 pm

ตามแนวทางของคดี

ฝ่ายผู้ต้องหาได้ปรึกษา นักกฎหมายชั้นยอดหมดแล้ว

และลงเอยว่า ไม่รอดทั้งคู่

เลยหนีไปจีนด้วยกัน จำกันได้มั๊ยครับ

ที่โดนริบเงินประกันนั่นล่ะ
.
.
.
.
.
User avatar
soco
 
Posts: 4816
Joined: Mon Oct 13, 2008 12:03 pm

Re: คดีที่ดินรัชดา - ทำไมคุณถึงคิดว่า ทักษิณ ควรติดคุก 2 ปี

Postby 1ktip » Sat Apr 25, 2009 9:40 pm

:lol: แหม...เขาให้โอกาสยื่นค้านคำตัดสินได้ใน 30 วัน ถ้ามั่นใจว่ามีการวินิจฉัยผิดหลักกฎหมาย ทำไมถึงไม่สู้ รีบหนีทำไมหว่า?


แล้วตัดคำวินิจฉัยเป็นท่อนๆ มาเสริมด้วยความคิดเห็นส่วนตัว เพื่อเบี่ยงเบนเนื้อหาที่แท้จริง วิชาถนัดของชาวเสื้อแดงเลยนะเนี่ย :mrgreen:


"ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 184" อ่านมาตรานี้ให้ดีครับ โดยสรุปคือ ถ้าเสียงออกมาเท่ากัน ไม่สามารถชี้ขาดคำตัดสินได้

จึงจะพิจารณาให้ผลร้ายแก่จำเลยน้อยกว่า ไม่ได้หมายความว่า 4 คนตัดสินว่าผิด อีก 4 คนตัดสินว่าไม่ผิด แล้วเสียงสุดท้ายต้องตัดสินว่าไม่ผิดเสียหน่อย

ยกตัวอย่าง เช่น องค์คณะผู้พิพากษา 9 คน มีผู้พิพากษา 3 คนงดออกเสียง 3 คนตัดสินว่าผิด อีก 3 คนตัดสินว่าไม่ผิด ถึงจะเข้าหลักเกณฑ์

ที่เหลือยกอะไรมาเยิ่นเย้อเพื่อให้เข้าหลักเกณฑ์ ม.184 ไร้สาระทั้งนั้น ถ้าคิดตามนั้นคะแนนเสียง 5 : 4 ก็ไม่มีวันเกิดขึ้นได้น่ะสิ :lol:

คนเขียนบนทความนี้จงใจบิดเบือนข้อกฎหมายและหลักเกณฑ์พิจารณาความอาญาได้น่าอนาถสุดๆ ครับ
User avatar
1ktip
Global Moderator
 
Posts: 3919
Joined: Mon Oct 13, 2008 1:20 am

Re: คดีที่ดินรัชดา - ทำไมคุณถึงคิดว่า ทักษิณ ควรติดคุก 2 ปี

Postby Kamo » Sat Apr 25, 2009 9:43 pm

พระราชบัญญัติ ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. ๒๕๔๒

มาตรา ๑๐๐ ห้ามมิให้เจ้าหน้าที่ของรัฐผู้ใดดำเนินกิจการดังต่อไปนี้

(๑) เป็นคู่สัญญาหรือมีส่วนได้เสียในสัญญาที่ทำกับหน่วยงานของรัฐที่เจ้าหน้าที่ของรัฐผู้นั้นปฏิบัติหน้าที่ในฐานะที่เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐซึ่งมีอำนาจกำกับ ดูแล ควบคุม ตรวจสอบ หรือดำเนินคดี


มาตรา ๑๒๒ เจ้าหน้าที่ของรัฐผู้ใดฝ่าฝืนบทบัญญัติมาตรา ๑๐๐ มาตรา ๑๐๑ หรือมาตรา ๑๐๓ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

http://www.ago.go.th/interest_law/Laws/b/b12.html
User avatar
Kamo
 
Posts: 245
Joined: Mon Apr 20, 2009 3:38 pm

Re: คดีที่ดินรัชดา - ทำไมคุณถึงคิดว่า ทักษิณ ควรติดคุก 2 ปี

Postby Cherub Rock » Sat Apr 25, 2009 9:45 pm

Neoconservative wrote:
หลังจากอ่านเหตุผล จากบทวิเคราะห์เชิงวิชาการข้างต้น

ทำให้ผมรู้สึกว่า ทักษิณ ไม่น่าจะต้องรับโทษ จำคุกสองปี

ท่านสมาชิกคิดเห็นเช่นไร ครับ

หรือว่า บทวิเคราะห์นี้ บิดเบือนบางประเด็น

หรือว่าผู้เขียนบทวิเคราะห์ เข้าใจอะไรผิด


จะรู้สึกนึกคิด จะไม่เห็นด้วยยังไงก็มีสิทธิ์พูดได้ครับ
แต่ต้องยอมรับคำตัดสินครับ นี่คือกติกาที่ระบุไว้แล้ว

ทักษิณเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม เข้าต่อสู้ในกติกาของสังคมนี้
แต่พอแพ้แล้วกลับมาบอกว่ากติกาไม่ดี

ถ้าทุกคนทำแบบทักษิณประเทศนี้ก็ไม่ต้องมีคุกไว้ลงโทษใคร
เพราะเมื่อแพ้คดี ทุกคนก็จะออกมาบอกว่าตัวเองไม่แพ้ แล้วหนีคดีทุกคนไป :geek:
:idea: 1 ปีตุลาเลือด ฆาตรกรต้องไม่ลอยนวล
วันข้างหน้า ผู้มีอำนาจ จะไม่บังอาจฆ่าประชาชน
-->
User avatar
Cherub Rock
 
Posts: 2769
Joined: Mon Oct 13, 2008 12:47 am

Re: คดีที่ดินรัชดา - ทำไมคุณถึงคิดว่า ทักษิณ ควรติดคุก 2 ปี

Postby silance mobius » Sat Apr 25, 2009 10:02 pm

แค่เห็นว่ามาจาก ประชาไท ก็ไม่อยากอ่านแล้วล่ะ
Şįłäŋçé Möbiüş ® (愛しているよ!)™

บางสิ่งบางอย่าง"ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตา แต่มองเห็นได้ด้วยใจ"
User avatar
silance mobius
 
Posts: 4168
Joined: Tue Oct 14, 2008 12:19 am
Location: Blue Planet

Re: คดีที่ดินรัชดา - ทำไมคุณถึงคิดว่า ทักษิณ ควรติดคุก 2 ปี

Postby TBOYX » Sat Apr 25, 2009 10:16 pm

แห๋ม พยายามใช้ศัพท์แสง อ่านผ่าน ๆ ก็นึกว่า เป็นคำวิชาการ พอมาอ่านเจาะอีกที่ การเป็นวิชา"เกิน" หนะคัพ :D

ให้ไปเปิดคำพิพากษาคดีนี้มาดูนะครับ

ส่วนตัวผม ๆ คิดว่า เป็นคำพิพากษาที่ แฟร์ สุด ๆ แล้ว

".... เมื่อปรากฏว่า จำเลยที่ 1 ให้บัตรประจำตำแหน่งนายกรัฐมนตรีลงนามยินยอมให้จำเลยที่ 2 ทำสัญญาซื้อขายที่ดินย่อมถือได้ว่าเป็นการเข้าทำสัญญาด้วยตัวเอง ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วย ป.ป.ช. มาตรา 100 (1) วรรคสาม ที่จำเลยที่ 1 อ้างว่าการลงชื่อยินยอมเป็นเพียงทำตามระเบียบราชการ แต่จำเลยที่ 1 ก็ไม่มีหลักฐานมาแสดงให้เห็นได้ว่าไม่มีส่วนรู้เห็นต่อการซื้อขาย องค์คณะจึงมีมติ 5 ต่อ 4 เห็นว่า จำเลยที่ 1 เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วย ป.ป.ช. มาตรา 100 (1) วรรคสาม และต้องรับโทษตาม มาตรา 122 ขอต่อสู้ของจำเลยฟังไม่ขึ้น

... เมื่อพยานหลักฐานรับฟังได้ว่า จำเลยที่ 1 กระทำความผิด ขณะเกิดเหตุจำเลยที่ 1 เป็นนายกฯ ได้รับมอบหมายให้บริหารราชการแผ่นดินเพื่อประโยชน์สูงสุดแก่ทางราชการและ ประชาชน แต่จำเลยที่ 1 กลับฝ่าฝืนกฎหมายทั้งที่เป็นหัวหน้ารัฐบาล ต้องกระทำตัวให้เป็นแบบอย่างที่ดี ต้องมีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ประพฤติตนในสิ่งที่ดีงามตาม จริยธรรมของนักการเมืองให้เหมาะสมกับที่ได้รับความไว้วางใจในตำแหน่งหน้าที่ อันสำคัญยิ่ง จึงไม่สมควรรอการลงโทษ

... พิพากษาว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วย ป.ป.ช. มาตรา 100 (1) วรรคสาม และมาตรา 122 วรรคหนึ่งให้ลงโทษจำคุก 2 ปี ส่วนความผิดฐานอื่นและคำขออื่นให้ยกฟ้อง เนื่องจากจำเลยที่ 1 หลบหนีไม่มาฟังคำพิพากษาจึงมีคำสั่งให้ออกหมายจับจำเลยที่ 1 เพื่อมาปฏิบัติตามคำพิพากษาต่อไป ส่วนจำเลยที่ 2 พิพากษายกฟ้องจึงให้เพิกถอนหมายจับเฉพาะคดีนี้ "


หนีทำไมครับ ???
Last edited by TBOYX on Sat Apr 25, 2009 10:29 pm, edited 2 times in total.
... We live while we can, love while we can, laugh while we can. So how bout it? Seize the day ...
User avatar
TBOYX
 
Posts: 246
Joined: Sun Mar 01, 2009 8:48 pm

Re: คดีที่ดินรัชดา - ทำไมคุณถึงคิดว่า ทักษิณ ควรติดคุก 2 ปี

Postby pygmy_hippo » Sat Apr 25, 2009 10:19 pm

เรื่องที่ดินรัชดา ไม่อยากพูดมาก เพราะมันสิวๆ
รายละเอียดก็เป็นดังที่พี่ ๆ อธิบายข้างบน

พวกสาวกแม้ว น่าจะเตรียมบทความประมาณนี้สำหรับคดี ขายหุ้นชินคอร์ป ปล่อยกู้ให้พม่า หวยบนดิน CTX
วุ้ย เยอะไปหมด และล่าสุด จราจลที่พัทยากับกรุงเทพ
ฮ่วย เยอะไปไหม
เบื่อพวก "ไม่เอาเจ้าจนคลั่ง"
User avatar
pygmy_hippo
 
Posts: 546
Joined: Sat Oct 25, 2008 9:41 am

Re: คดีที่ดินรัชดา - ทำไมคุณถึงคิดว่า ทักษิณ ควรติดคุก 2 ปี

Postby TBOYX » Sat Apr 25, 2009 10:22 pm

:oops:
Last edited by TBOYX on Sat Apr 25, 2009 10:28 pm, edited 1 time in total.
... We live while we can, love while we can, laugh while we can. So how bout it? Seize the day ...
User avatar
TBOYX
 
Posts: 246
Joined: Sun Mar 01, 2009 8:48 pm

Re: คดีที่ดินรัชดา - ทำไมคุณถึงคิดว่า ทักษิณ ควรติดคุก 2 ปี

Postby เพื่อนร่วมชาติ » Sat Apr 25, 2009 10:27 pm

เวลาจับขี้ปากเขามาอ้างยาว ๆ น่ะ ช่วยสรุปเป็นประเด็น ๆ ด้วยจะดีมาก

โดยเฉพาะบทความที่ขึ้นต้นมาก็แสดงอคติให้เห็นจนกลายเป็นการขับไล่ให้อีกฝ่ายหมดอารมณ์ที่จะอ่าน

ยิ่งช่วงนี้ สส. เพื่อไทย ขี้ข้าศาสดาสารเลวหน้าเหลี่ยมมันตอแหลกันเป็นระวิง

ไอ้เรื่องอธิบายข้อเท็จจริงน่ะไม่ยาก

แต่ไอ้ที่ต้องพยายามอธิบายให้ง่าย ๆ เผื่อว่าพวกเสื้อแดงภูมิคุ้มกันทางสมองบกพร่องจะตาสว่างขึ้นมาบ้างนี่สิ

เล่นเอาอั๊วปวดหัวชิบเป๋ง

ดังนั้นถ้าอยากถกประเด็นนี้ ช่วยสรุปประเด็นสำคัญ ๆ ของบทความออกมาด้วย แค่นี้ทำได้ปะ?

อีกอย่าง ตอนนี้เรื่องที่ดินรัชดาน่ะขี้ ๆ ไปแล้ว

ไอ้ที่สารเลวหน้าเหลี่ยมมันทำกับประเทศช่วงสงกรานต์น่ะ

อั๊วว่ามันไม่ควรติดคุกสองปีหรอก

มันควรจะรีบ ๆ ตายไปได้แล้วมากกว่า
ประชาธิปไตยก็เหมือนส้วมสาธารณะแบบนั่งเต็มตูด คนไทยใช้แล้วเลอะเทอะชิบเป๋ง
User avatar
เพื่อนร่วมชาติ
 
Posts: 3541
Joined: Mon Oct 13, 2008 6:40 pm

Re: คดีที่ดินรัชดา - ทำไมคุณถึงคิดว่า ทักษิณ ควรติดคุก 2 ปี

Postby ridkun » Sat Apr 25, 2009 10:32 pm

มั่วครับ คือ
1. คำพิพากษาเขียนไว้ชัดเจน ว่าทักษิณพิสูจน์ไม่ได้ว่าไม่มีส่วนรู้เห็น (รู้เห็นนะครับ ไม่ใช่มีส่วนร่วม) ดังนั้นจึงไม่สามารถเอามาอ้างเป็นเหตุยกเว้นได้
2. ในเมื่อไม่มีเหตุยกเว้น ดังนั้นการกระทำของพจมาน คือการเข้าเป็นคู่สัญญาซื้อขายที่ดิน จึงสามารถถือว่าเป็นการกระทำของทักษิณ ที่มีความผิดตามกฎหมายได้
3. การอ้างว่าพจมานไม่มีความผิด ดังนั้นทักษิณต้องไม่ผิดด้วยนั้น ฟังยังไงก็ฟังไม่ขึ้น เพราะกฎหมายนั้นมีผลตามที่เขียนไว้ ไม่ใช่มาสรุปมาอนุมานเอาเอง

== ข้อความถูกระงับโดยผู้ดูแล ==

ridkun
Site Admin
 
Posts: 1815
Joined: Mon Oct 13, 2008 12:08 am

Re: คดีที่ดินรัชดา - ทำไมคุณถึงคิดว่า ทักษิณ ควรติดคุก 2 ปี

Postby Neoconservative » Sat Apr 25, 2009 10:47 pm

แล้วประเด็นเรื่องโทษ อาญา หล่ะครับ
Reality Check. Base on Fact and Truth. ......"The Red Ally".......
User avatar
Neoconservative
 
Posts: 840
Joined: Wed Nov 12, 2008 1:00 pm

Re: คดีที่ดินรัชดา - ทำไมคุณถึงคิดว่า ทักษิณ ควรติดคุก 2 ปี

Postby คนไทยคนหนึ่ง » Sat Apr 25, 2009 10:55 pm

คำต่อคำ ศาลฎีกาฯ ชี้ “แม้ว” ฝ่าฝืนกฎหมายช่วยเมียซื้อที่-สั่งจำคุก 2 ปี


องค์คณะผู้พิพากษาจึงมีมติด้วยคะแนนเสียงเอกฉันท์ว่า กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบัน
การเงิน เป็นหน่วยงานของรัฐ ตามความหมายแห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการป้องกัน
และปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 100 (1)

ม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล อดีตปลัดกระทรวงการคลัง และผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย เบิกความว่า
ลักษณะของกรรมการกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน มีปลัดกระทรวงการคลัง
เป็นรองประธาน เพื่อให้สืบความกับกระทรวงการคลัง เงินที่กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบัน
การเงิน ใช้ในการบริหารจัดการ กระทรวงการคลังต้องออกพันธบัตรประมาณล้านกว่าล้านบาท เพื่อเอาเงิน
ใส่เข้าไปในสถาบันการเงิน เมื่อขายไม่ได้ก็ต้องออกพันธบัตรระยะยาว แล้วตั้งงบประมาณชำระ และอีกส่วน
หนึ่งเอากำไรของธนาคารแห่งประเทศไทย มา โดยนายกรัฐมนตรีมีอำนาจที่จะเข้าไปกำกับดูแล
กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน

องค์คณะผู้พิพากษาจึงมีมติด้วยคะแนนเสียง 6 ต่อ 3 ว่า จำเลยที่ 1 เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ผู้มีอำนาจในการกำกับ
ควบคุมดูแลกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ข้อต่อสู้ของจำเลยทั้งสองข้อนี้จึงไม่อาจรับฟังได้

องค์คณะผู้พิพากษาจึงมีมติด้วยคะแนนเสียง 5 ต่อ 4 ว่า จำเลยที่ 1 เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐที่กระทำการฝ่าฝืนบทบัญญัติ
มาตรา 100 (1) ซึ่งต้องรับโทษตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 122 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการ
ป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 ข้อต่อสู้ของจำเลยทั้งสองในส่วนนี้ฟังไม่ขึ้นเช่นกัน

เมื่อพยานหลักฐานที่ได้จากการไต่สวนรับฟังได้ว่า จำเลยที่ 1 กระทำความผิดดังที่วินิจฉัย
มาดังกล่าวข้างต้น ซึ่งขณะเกิดเหตุจำเลยที่ 1 ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ได้รับมอบหมาย
ไว้วางใจให้บริหารราชการแผ่นดิน เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ทางราชการและประชาชน
แต่จำเลยที่ 1 กลับฝ่าฝืนบทบัญญัติของกฎหมาย ทั้งที่จำเลยที่ 1 เป็นหัวหน้ารัฐบาล ต้อง
กระทำตัวให้เป็นแบบอย่างที่ดี ต้องมีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ ประพฤติตนในสิ่ง
ที่ดีงามตามจริยธรรมของนักการเมืองให้เหมาะสมกับที่ได้รับความไว้วางใจในตำแหน่งหน้าที่
อันสำคัญยิ่งนี้ จึงไม่สมควรรอการลงโทษ


พิพากษาว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการป้องกันและ
ปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 100 (1) วรรค 3 และมาตรา 122 วรรค 1 ให้ลงโทษจำคุก 2 ปี

รายละเอียดคำพิพากษาคดีที่ดินรัชดาฯ
http://www.manager.co.th/Politics/ViewN ... 0000125314

สำเนาคำพิพากษาคดีที่ดินรัชดาฯ(ฉบับหัวครุฑ พร้อมตราประทับศาลฎีกาและลายเซ็นคณะผู้พิพากษาทั้ง9ท่าน)
http://www.supremecourt.or.th/file/crim ... t_1_50.pdf
Last edited by คนไทยคนหนึ่ง on Sun Apr 26, 2009 12:33 am, edited 1 time in total.
ประชาธิปไตย คือการที่ฟังเสียงส่วนน้อย แต่ทำเพื่อคนส่วนใหญ่
ประชาธิปไตยต้องมีศีลธรรมเป็นรากฐาน ไม่อย่างนั้นจะเป็นประชาธิปไตยไม่ได้
เมื่อไม่มีศีลธรรมเป็นพื้นฐานแล้ว ระบบประชาธิปไตยนั่นแหละ จะเป็นระบบที่เลวร้ายที่สุด
User avatar
คนไทยคนหนึ่ง
 
Posts: 1884
Joined: Mon Oct 13, 2008 6:51 am

Re: คดีที่ดินรัชดา - ทำไมคุณถึงคิดว่า ทักษิณ ควรติดคุก 2 ปี

Postby ridkun » Sat Apr 25, 2009 11:15 pm

Neoconservative wrote:แล้วประเด็นเรื่องโทษ อาญา หล่ะครับ


ถ้าพูดเรื่องการสันนิษฐานไว้ก่อนว่าจำเลยไม่มีความผิด ก็ไม่เห็นเกี่ยวตรงไหน
การสันนิษฐานไว้ก่อนว่าไม่มีความผิด คือ หากโจทก์ไม่สามารถทำให้เชื่อได้ว่าจำเลยมีความผิด
ให้ถือว่าจำเลยบริสุทธิ์โดยปริยาย ซึ่งไม่เกี่ยวกับการบัญญัติกฎหมายอาญาแต่อย่างใด

เรื่องข้อยกเว้นในกฎหมาย ก็มีอยู่ทั่วไป เช่น การหมิ่นประมาท
ก็มีข้อยกเว้นว่าถ้าพูดเรื่องจริงและเป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ ก็จะไม่ต้องรับโทษ

ซึ่งไม่ได้หมายความว่า จะให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าเรื่องที่พูดเป็นเรื่องจริงและเป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ
แต่จำเลยจะต้องแสดงหลักฐานพิสูจน์เอาเองว่าเป็นอย่างนั้น จึงจะไม่ต้องรับโทษ

== ข้อความถูกระงับโดยผู้ดูแล ==

ridkun
Site Admin
 
Posts: 1815
Joined: Mon Oct 13, 2008 12:08 am

Re: คดีที่ดินรัชดา - ทำไมคุณถึงคิดว่า ทักษิณ ควรติดคุก 2 ปี

Postby TBOYX » Sat Apr 25, 2009 11:34 pm

คือเข้าใจว่า ท่านเข้าใจคลาดเคลื่อนนะครับ

คดีนี้ ทักษิณ ผิดที่ พรบ ปปช นะครับ ถึงได้ติดคุก !

หากท่านคิดว่า การติดคุกจะต้องผิดที่ ประมวลกฏหมายอาญา เท่านั้น มันมิใช่นะครับ

กลับไปที่หัวข้อกระทู้ใหม่ ดีกว่าครับ ...

ท่านเขียนว่า คดีที่ดินรัชดา - ทำไมคุณถึงคิดว่า ทักษิณ ควรติดคุก 2 ปี

ท่านควรเขียนใหม่ว่า คดีที่ดินรัชดา - ทำไมศาลถึงตัดสิน ทักษิณ จำคุก 2 ปี มากกว่านะครับ

เพราะผม และอีกหลาย ๆ คน ไม่ได้คิดว่า ทักษิณควรติดคุก "แค่" 2 ปี หรอกหนะครับ

บทลงโทษเจ้าพนักงาน ข้าราชการที่ทำผิด ควรจะมีบทลงโทษที่รุนแรง มากกว่านี้ เพราะเป็นผู้ออกและบังคับใช้กฎหมาย มิใช่หรือครับ เมื่อกระทำผิดเสียเอง ควรจะลงโทษให้หนักกว่านี้ ทั้งนี้ ก็เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างครับ

ถือว่า ศาลท่านก็กรุณาโดยสมควร ไม่ตัดสินจำคุกในอัตราโทษสูงสุด

ท่านนีโอติดใจตรงไหนอีกไหมครับ ???
Last edited by TBOYX on Sun Apr 26, 2009 12:05 am, edited 1 time in total.
... We live while we can, love while we can, laugh while we can. So how bout it? Seize the day ...
User avatar
TBOYX
 
Posts: 246
Joined: Sun Mar 01, 2009 8:48 pm

Re: คดีที่ดินรัชดา - ทำไมคุณถึงคิดว่า ทักษิณ ควรติดคุก 2 ปี

Postby My Will » Sat Apr 25, 2009 11:59 pm

อ่านย่อหน้าแรกจบผมก็ไม่อ่านแล้วครับ รู้อยู่แล้วว่าจะออกมารูปไหน
User avatar
My Will
 
Posts: 100
Joined: Mon Oct 13, 2008 2:09 pm

Re: คดีที่ดินรัชดา - ทำไมคุณถึงคิดว่า ทักษิณ ควรติดคุก 2 ปี

Postby Kamo » Sun Apr 26, 2009 12:02 am

ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
ไปที่: ป้ายบอกทาง, ค้นหา

แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในศาลฎีกา เป็นแผนกที่จัดตั้งขึ้นใหม่ในศาลฎีกา ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 เพื่อพิจารณาพิพากษาคดีผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ได้แก่ นายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา หรือข้าราชการการเมืองอื่นซึ่งถูกกล่าวหาว่าร่ำรวยผิดปกติ กระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการตามประมวลกฎหมายอาญา หรือกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ หรือทุจริตต่อหน้าที่ตามกฎหมายอื่น รวมทั้งกรณีบุคคลอื่นที่เป็นตัวการ ผู้ใช้ หรือผู้สนับสนุนด้วย
องค์คณะผู้พิพากษาในแผนกนี้ประกอบด้วย ผู้พิพากษาศาลฎีกาจำนวน 9 คน ที่คัดเลือกโดยที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา ขึ้นนั่งพิจารณาคดีเช่นเดียวกับศาลชั้นต้น แต่การพิจารณาคดีจะเป็นระบบไต่สวน ซึ่งแตกต่างจากวิธีพิจารณาที่ใช้ในคดีทั่วไป ศาลมีอำนาจไต่สวนหาข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานเพิ่มเติมได้ตามที่เห็นสมควร ตามวิธีพิจารณาคดีที่บัญญัติไว้ใน พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ. 2542

ประธานแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในศาลฎีกา คนปัจจุบัน คือ นายประพันธ์ ทรัพย์แสง
User avatar
Kamo
 
Posts: 245
Joined: Mon Apr 20, 2009 3:38 pm

Re: คดีที่ดินรัชดา - ทำไมคุณถึงคิดว่า ทักษิณ ควรติดคุก 2 ปี

Postby winyoochon » Sun Apr 26, 2009 12:23 am

[size=150][color=#000000][b] รายละเอียดคำพิพากษาในส่วนของจำเลยที่2
"มีปัญหาต้องวินิจฉัยต่อไปว่าจำเลยที่ 2 มีความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการปราบปรามการทุจริตพ.ศ.2542 มาตรา100(1)ร่วมกับจำเลยที่1หรือไม่ เพียงใด
ปัญหานี้เห็นว่าการกระทำของจำเลยที่1ตามที่โจทก์บรรยายฟ้อง มีเพียงการที่จำเลยที่1ให้ความยินยอมแก่จำเลยที่2ในการร่วมประมูลซื้อ และทำสัญญาซื้อขายที่ดินพิพาท และจากการไต่สวนพยานของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ประกอบรายงานสรุปสำนวนการตรวจสอบไต่สวนของคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ ได้ความว่า การดำเนินการตั้งแต่ผู้เสนอราคาทำสัญญาจะซื้อจะขาย จนกระทั่งทำสัญญาซื้อขายที่ดินพิพาท กับกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน เป็นการกระทำของจำเลยที่2 โดยไม่ได้ความว่าจำเลยที่1มีการกระทำการอย่างใดที่แสดงให้เห็นว่าร่วมกระทำการดังกล่าวกับจำเลยที่ 2ด้วย"
.........................................................



ความผิดของจำเลยที่1ซึ่งถือเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ มันเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อได้"ให้ความยินยอม"แก่จำเลยที่2ในการร่วมประมูลและทำสัญญาซื้อขายแล้ว ไม่จำเป็นที่ถึงขั้นต้องลงไปร่วมกระทำการเสนอราคาและร่วมทำสัญญาด้วย(ยุติแล้วนะว่าได้"ให้ความยินยอม"ยุติแล้วนะว่าได้"รู้เห็น")
ถ้าอ่านแบบลวกๆหรืออ่านแบบมีอคติ(ตั้งธงไว้ก่อน)ก็อาจไปแปลความเป็นว่า "อ้าว นี่ไง ก็ยุติแล้วว่าเค้าไม่ได้ไปร่วมประมูลและร่วมทำสัญญาด้วยตัวเองอีกคนนี่ แล้วไปตัดสินให้เค้าผิดได้ยังไง" ผลก็จะออกมาตามบทความนี้
Last edited by winyoochon on Sun Apr 26, 2009 12:37 am, edited 2 times in total.
winyoochon
 
Posts: 364
Joined: Sat Oct 18, 2008 11:31 pm

Re: คดีที่ดินรัชดา - ทำไมคุณถึงคิดว่า ทักษิณ ควรติดคุก 2 ปี

Postby samepong » Sun Apr 26, 2009 12:33 am

Neoconservative wrote:แล้วประเด็นเรื่องโทษ อาญา หล่ะครับ


5555 จะบอกว่านี่เป็นศาลอาญา เหรอ ครับ แม้น เล่นคำซะ

หรือต่อไปต้อง ศาลฎีกาแผนกคดีเพ่งนักการเมือง ด้วยเหรอเปล่า

อ่านคำนี้ในใจคงคิดกะว่ามันไม่ใช่คดีอาญางั้นซิ ศาลอาญาไม่มีสิทธิ์งั้นซิ โอโห สมองช่าง
User avatar
samepong
 
Posts: 1943
Joined: Mon Oct 13, 2008 4:15 pm

Re: คดีที่ดินรัชดา - ทำไมคุณถึงคิดว่า ทักษิณ ควรติดคุก 2 ปี

Postby zigaratte » Sun Apr 26, 2009 2:52 am

แค่เห็นที่มาว่ามาจากประชาไท ก็เลิกอ่านหล่ะ
User avatar
zigaratte
 
Posts: 819
Joined: Mon Oct 13, 2008 9:08 am

Re: คดีที่ดินรัชดา - ทำไมคุณถึงคิดว่า ทักษิณ ควรติดคุก 2 ปี

Postby ก้อนหินละเมอ » Sun Apr 26, 2009 8:28 pm

ผมไม่ได้ต้องการให้ทักษิณติดคุก 2 ปี
แต่ผมต้องการให้ทักษิณกลับมาสู้คดีตามทำนองคลองธรรม
ถ้าไม่พอใจคำตัดสินศาลชั้นต้น ก็อุทธรณ์ ก็ฎีกาไปสิครับ มี 3 ศาล
ถึงถ้าการตัดสิน เป็นที่สิ้นสุดว่า "ยกฟ้อง" ก็จะยอมรับ

แต่ไม่เป็นไร คดีนั้นจิ๊บๆ ไปแล้ว เมื่อเทียบกับคดีเป็นเบื้องหลังผู้ก่อการร้ายนี่ :mrgreen:
User avatar
ก้อนหินละเมอ
 
Posts: 699
Joined: Sat Nov 01, 2008 12:25 am

Re: คดีที่ดินรัชดา - ทำไมคุณถึงคิดว่า ทักษิณ ควรติดคุก 2 ปี

Postby puggi » Sun Apr 26, 2009 8:46 pm

เคย ชิงโชค พวก คูปองมั้ยครับ

ลองอ่านดูว่า เค้า ห้าม พนักงาน และคนในครอบครัว ของบริษัทที่ร่วมโปรโมชั่นนั้น ชิงโชค

หากว่า เจอ ก็สรุป ให้ริบรางวัลคืน นั่น แค่คูปองชิงโชคนะครับ


แต่ไอ้เหลี่ยม นี่ มันเป็นคนบริหารประเทศ กฎระเบียบต้องแรงกว่า ขนาดพระยังถือศีล มากกว่าคนธรรมดาเลย
จริง มันต้องยึดที่คืน ซะด้วยซ้ำ ศาลยังปราณี ให้

หาก ยังมีสมอง คง ใช้ตรรกะเป็นนะ แค่นี้แหละ
User avatar
puggi
 
Posts: 302
Joined: Mon Oct 13, 2008 2:38 pm

Next

Return to สภากาแฟ