http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sunnews&month=12-2007&date=26&group=3&gblog=10พลันที่มีชื่อของ “สนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม(หนูแก้ว)” เข้ามารับหน้าเสื่อในการดูแล “สถานีโทรทัศน์ทีไอทีวี” ก็ก่อเกิดความเคลื่อนไหวในวงการสื่อและสังคมสาธารณะในวงกว้าง พร้อมกับคำถามตามมาว่า “สนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม” ผู้นี้เป็นใคร?อันที่จริง นามของ “สนธิญาณ” ก็จัดเป็น “บิ๊กเนม” ในวงการสื่อสารมวลชนอยู่พอสมควร ค่าที่ว่าเขาถือว่าเป็นผู้บุกเบิก “สถานีวิทยุข่าว24ชั่วโมง” เป็นเจ้า
แรกๆ อีกทั้ง ยังผ่านการเป็นผู้กุมบังเหียนหนังสือพิมพ์ระดับฮารด์คอร์อยู่หลายเล่ม ไม่ว่าจะเป็น “อาทิตย์วิเคราะห์รายวัน-รายสัปดาห์” หรือจะเป็น “ไอ.เอ็น.เอ็น.เอ็กคูลซีฟนิวส์” ฯลฯ อีกทั้งยังมีงานเขียนดังๆอย่าง “ใจที่วางทางที่เดิน” อำนาจใดจักยืนยง คงค้ำฟ้า ฯลฯ
ถ้าจะเท้าความ กลับไปชีวิตของ “สนธิญาณ” โลดโผน และเคี่ยวกรำกับประสบการณ์นานาชนิด จากชีวิตเด็กกำพร้าในดินแดนภาคใต้ จ.นครศรีธรรมราช (วันนี้เขาตั้งสถานปฏิบัติธรรม “ชื่นฤทัยในธรรม-สนธิญาณ” ที่บ้านเกิด) ที่ใช้ชีวิตเยี่ยง “นักเลง” มาจนเข้าป่าจับปืน ถูกวางบทบาทเป็นคอมมิวนิสต์ หัวรุนแรง เกือบจะจบชีวิตตนเองหลายครั้งหลายคราว
แต่ต่อมาออกจากป่า เข้าสู่รั้วพ่อขุน ร่ำเรียนจนความรู้แน่นปึก ก่อนจะไปเป็น “พนักงานควบคุม” การผลิตและจัดจำหน่ายน้ำตาลทราย บริษัทแห่งหนึ่ง และได้กลายเป็น “ผู้สื่อข่าว” ของ “สถานีโทรทัศน์ช่อง3” อันเป็นจุดเริ่มของ”คนข่าวมืออาชีพ”
หลังจากนั้น “สนธิญาณ” ก็เข้าสู่เส้นทางธุรกิจวิทยุ จัดตั้ง “สำนักข่าวไอเอ็นเอ็น” (สำนักทรัพย์สินฯถือหุ้น) ขึ้นผลิตข่าว 24 ชั่วโมงสร้างความฮือฮาให้กับวงการสื่อด้านวิทยุอย่างมากในช่วงนั้น ด้วยการเสนอข่าวที่ “เร็ว-แรง” ( จนทำให้ “สำนักข่าวไอเอ็นเอ็น” ( ต้องมรสุมอยู่หลายครั้งหลุดหน้าปัดหลายคราวนสพ.ผู้จัดการรายเดือน เคยรายงานข่าวไว้ว่า “ไอเอ็นเอ็น” ถือกำเนิดขึ้นมาจาก “ข่าวด่วนพล.1” ( เริ่มมาจากแนวคิดของพล.อ.มงคลอัมพรพิสิฏฐ์ ซึ่งเป็นผู้บัญชาการของพล.1ในขณะนั้น ต้องการปรับปรุงวิทยุเอเอ็มพล.1 ให้เป็นระบบสเตอริโอ จึงนำเรื่องมาเสนอกับจิรายุ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์และเป็นหนึ่งในคณะรัฐมนตรี ของรัฐบาลเปรมติณสูลานนท์ในสมัยนั้น..จิรายุนำเรื่องมาปรึกษากับสนธิญาณซึ่ง ในขณะนั้นทำงานอยู่สถานีโทรทัศน์ช่อง 3 ก็มีความสนใจในเรื่องสื่อวิทยุมานาน เพราะมองเห็นว่าสื่อวิทยุจะมีบทบาทมากขึ้น แม้จะเป็นสื่อเสริม
แต่ก็ เป็นสื่อที่เข้าถึงคนได้สะดวกและง่ายที่สุด และที่สำคัญมีราคาถูกคนทั่วไปหาซื้อเครื่องรับได้ในราคาไม่กี่สตางค์ สิ่งที่สนธิญาณมองเห็นมากไปกว่านั้น การนำเสนอในรูปแบบของ “ข่าวสาร” ที่ยังเป็นช่องว่างอยู่ในเวลานั้นเพราะคลื่นบนหน้าปัดในเวลานั้นถูกใช้เวลา ไปกับ “เพลง” ( แทบทังสิ้น “ข่าวด่วนพล.1” จึงเป็นก้าวแรกขอไอเอ็นเอ็นที่เริ่มต้นขึ้นมาในเดือนมกราคม 2532”
จน กระทั่งในปี 2536 สำนักนายกรัฐมนตรีได้เปิดให้มีการประมูลทีวีเสรีขึ้น ซึ่งสำนักงานทรัพย์สินฯ เป็นหนึ่งในผู้ร่วมประมูลและเขาพา “ไอเอ็นเอ็น” เข้าเป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้นของสยามทีวี แอนด์ คอมมิวนิเคชั่น ร่วมกับผู้ถือหุ้นอื่นๆ และสยามทีวีก็สามารถคว้าชัยชนะมาได้ การก่อกำเนิดของ “ไอทีวี” ก็เริ่มต้นนับตั้งแต่บัดนั้น
แต่ในที่สุด ด้วย “อุบัติเหตุบางอย่าง” ทำให้เขาไม่สามารถอยู่บริหารงานที่ไอทีวีได้... “ไอเอ็นเอ็น” ต้องถอนตัวออกมา“สนธิญาณ” หันมาวางรากฐานและสร้างความเป็นปึกแผ่นให้กับ “ไอเอ็นเอ็น” จนได้ “ยูคอม” มาเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ในไอเอ็นเอ็น จากนั้นชีวิตของเขาก็โลดแล่นไปตามครรลอง มีการไปพักร้อนที่อื่นบ้าง แล้วก็กลับมาเป็นนายใหญ่ของ “ไอเอ็นเอ็น”” อีก
จนมาปี2550 เขา โผบินออกไปตั้ง “สำนักข่าวทีนิวส์” พร้อมด้วย สำนักพิมพ์กรีนปัญญาญาณ
ก่อน หน้านี้ มีชื่อของ “สนธิญาณ” เป็น1 ในแคนนิเดตผู้ท้าชิงตำแหน่ง กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ อสมท. ที่ภายหลังลูกหม้อเก่าจากเครือผู้จัดการ “วสันต์ ภัยหลีกลี้” ก็กำชัยไป
และล่าสุดชื่อชอง “สนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม” ถูกกล่าวถึงอีกครั้งในฐานะ รองผู้อำนวยการสถานีด้านข่าวและรายการ และรักษาการผู้อำนวยการฝายข่าวแทน “อัชชา สุวรรณปากแพรก” ที่ถูกย้ายไปนั่งในตำแหน่งผู้ช่วยผู้อำนวยการสถานีด้านข่าวและรายการ
นับ เป็นการสร้าง “ฝันที่เป็นจริง” ให้กับ “สนธิญาณ” ที่จะได้เข้ามาทำทีวีหลังจากผลัดพรากจากไอทีวีไปเมื่อ 14ปีก่อน และด้วยความเก๋าบวกคอนเน็คชั่นทั้งนักการเมือง-ทหาร-พันธมิตร-นักวิชาการ น่าจะนำพา “ทีไอทีวี” ไปยังเป้าประสงค์ที่ต้องการได้
ส่วนจะทำได้แค่ไหนนั้น....เวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์!!