หากโยนความขัดแย้งและความเห็นต่างทางการเมืองลงถังขยะแบบที่ไม่ต้องรีไซเคิลมาใช้ใหม่ ฝังความชอบและชังลงดินลึกสัก 10 ฟุต ขยำบทวิพากษ์อันคมกริบต่อภูมิทัศน์ทางการเมืองของผู้ทรงภูมิให้แหลกละเอียด และไม่แข็งกระด้างต่อความอ่อนโยนจนเกินควรด้วยหลักจิตวิทยาฝูงชน อุปทานหมู่ หรือพฤติกรรมศาสตร์
เดินเตร็ดเตร่เข้าไปที่มัฆวานฯ และทำเนียบ มือตบและสีเหลืองมีให้เห็นทั่วถ้วน แต่เหนือไปกว่าสิ่งที่มองเห็นได้ด้วยตา ยังมีนามธรรมบางชนิดที่มองไม่เห็น แต่สัมผัสได้
มนุษย์เรานิยามสิ่งที่มองไม่เห็นนี้ว่า ‘ความเอื้ออาทร’ หรือ ‘น้ำใจ’
เดิน ปวดเมื่อยแข้งขา ไม่มีที่นั่ง บางครั้งมีคนยกเก้าอี้มาให้ บางครั้งบอกให้นั่งบนผืนผ้าพลาสติกผืนเดียวกันทั้งที่ไม่เคยรู้จัก บางครั้งยิ้มให้กันอย่างคุ้นเคยท่ามกลางความแปลกหน้า
เคยได้ยินคนสองคนคุยกัน “ที่นี่เป็นชุมชนในฝันของผมเลย”
ออกจะบังอาจเกินงาม ถ้าจะบอกว่าเป็นยูโทเปียของเซอร์โทมัส มอร์ เอาเป็นว่ามันคือ ‘ม็อบโทเปีย’ ของคนจำนวนหนึ่งที่คิดคล้ายกัน อยู่ในพื้นที่เดียวกัน และมีจุดมุ่งหมายเดียวกัน จนทำให้ ...โทเปีย โผล่ขึ้นมากลางกรุงอันวุ่นวาย
ไมค์ศักดิ์สิทธิ์
“หลังจากที่ตำรวจสลายการชุมนุมในช่วงเช้าวันที่ 7 ตุลาคม มีผู้หญิงคนหนึ่ง คงเป็นนักธุรกิจ ขับเบนซ์มาจอด แล้วขนกล่องใส่พวกหน้ากาก ผ้าปิดปาก เป็นของอย่างดี แพงๆ เลยนะ ขนมาเยอะเลย หลายกล่องมาก ให้ผู้ชุมนุมเอาไปแจกกัน เขาพูดว่า น้องคะ พี่เอาของมาช่วย เอาไปแจกกันนะ พี่มาร่วมชุมนุมไม่ได้ แต่พี่ก็อยากเอาของมาช่วย แล้วพี่ขอเอาใจช่วยด้วยนะคะ สู้ๆ ค่ะ” พี่ผู้หญิงคนหนึ่งที่มาจากบางเขนบอก
กองขวดน้ำปริมาณมหาศาล เครื่องเวชภัณฑ์จำเป็น อาหารที่มีมาไม่ขาดตอน เรี่ยวแรงจากกล้ามเนื้อ หยาดเหงื่อในเนื้อผ้าที่สวมใส่ ฯลฯ สิ่งเหล่านี้หล่อเลี้ยงการชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
เธอเล่าว่าที่แห่งนี้มีไมโครโฟนศักดิ์สิทธิ์...
“บนเวที เวลาต้องการความช่วยเหลือ เขาก็จะประกาศ พอประกาศปุ๊บ ไม่นานของที่ต้องการก็มา แล้วเขาก็จะบอกว่าไมโครโฟนตัวนี้ศักดิ์สิทธิ์ ขออะไรก็มา ขอน้ำน้ำมา ขอข้าวข้าวมา ขอผ้าพลาสติกก็มา แม้แต่ส้วมก็ยังมาเลย ส้วมน็อกดาวน์ ไม่เคยคิดว่าจะมีส้วม พอขอก็ได้ตั้ง 50-60 ส้วม เออ! มีอีก ขอเครื่องซักผ้า เครื่องอบผ้า ก็มา เพราะฝนตก ตากเสื้อผ้าไม่แห้ง แล้วตากกันเต็มทำเนียบฯ บางคนโทรมาบอกว่าที่บ้านมี ไม่ได้ใช้ เครื่องยังดีอยู่ ถ้าจะเอามาบริจาคจะทำยังไง ทุกคนพร้อมให้ พอขอกระบอกไฟฉาย กระบอกไฟฉายก็มาเป็นพันอัน ขอหมวกกันน็อกก็มาเป็นลังๆ แล้วบางคนเขาดูถ่ายทอดเห็นฝนตกหนัก อย่างบ้านแม่เพื่อนเขาเป็นร้านขายพลาสติก เขาบอก ฝนตกคืนนี้รีบเลย! ให้คนงานเอาพลาสติกมาส่ง ให้คนเขาได้ปูนั่งกัน ใช้ทำเป็นหลังคา”
ไข่เค็มโอทอป
ความผูกพันของม็อบเพิ่มพูนทุกวัน บางคนบอกว่าฉันมาไม่ได้ แต่ฉันก็อยากมา บรรยากาศของม็อบก็แตกต่างจากครั้งก่อน อย่างปีนี้พี่สาวคนหนึ่งบอกว่ามีสีสันมาก ทั้งดนตรี เวทีอภิปราย มือตบ และอื่นๆ อีกมากมายที่ทำให้เราผูกพันกัน
“พี่นั่งอยู่ใกล้ๆ คนที่มาจากบุรีรัมย์ พี่มีขนมก็เลยแบ่งขนมให้เขา แล้วเขาก็บอก เอ้า นี่ไข่เค็มโอทอป (หัวเราะ) คนต่างจังหวัดเขาจะเตรียมอาหารการกินของเขามาพร้อม บางคนก็มีผ้าพลาสติก มานั่งๆ เอ้า ขนมๆ จะเอื้อเฟื้อกันอย่างนี้ตลอด ไม่มีการบอกว่า เฮ้ย! มานั่งเก้าตรงนี้ทำไมมันบัง”
บางคนเป็นถึงเถ้าแก่ แต่มายืนแจกข้าว แจกน้ำด้วยตัวเอง
บางคนเป็นคนรวยมาก ตัวไม่ได้มา แต่เขียนใบสั่งให้ร้านค้าเอาน้ำแข็งไปส่งที่พันธมิตรฯ เดี๋ยวมาคิดตังค์ที่อั๊วะ!
มีค่อน่ะครับ แต่เนื่องจาก มีรูปประกอบ ตัดแปะหลายช่วง ลองเข้าไปอ่านต่อเองน่ะครับ
http://www.freeforum101.com/pantamit/vi ... m=pantamit