ความในพระราชหฤทัย "ในหลวง" ผ่านมุมมอง ดร. สุเมธ

เรื่องการเมือง เชิญที่นี่เลยครับ
Forum rules
- ห้ามใช้คำพูดหยาบคาย
- ห้ามโพสกระทู้หรือข้อความที่ดูหมิ่นเสียดสีสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นอันขาด

เชิญทุกท่านเข้าสู่บอร์ดใหม่ได้ที่ http://webboard.serithai.net ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ viewtopic.php?f=2&t=44976 ครับ

ความในพระราชหฤทัย "ในหลวง" ผ่านมุมมอง ดร. สุเมธ

Postby Onizuka » Sun May 31, 2009 3:15 pm

ref http://www.matichon.co.th/news_detail.p ... 0&catid=42


ในหลวงรับสั่ง3ครั้ง"ใครทุจริตแม้นิดเดียวขอให้มีอันเป็นไป" สุเมธเตือนอย่าเหมือนรัสเซีย คิดได้เมื่อสาย

ดร.สุเมธเผย "ในหลวง" ทรงเตือนสติ-ทรงปฏิบัติเป็นแบบอย่าง แต่ไม่มีใครทำตาม สังคมยังบ้าอำนาจ-เงินทอง-โกงกิน ระบุเคยรับสั่งถึง 3 ครั้ง "ใครทุจริตแม้นิดเดียวขอให้มีอันเป็นไป" เลขาฯ มูลนิธิชัยพัฒนาเตือนอย่าให้เหมือนรัสเซีย อยากมีพระเจ้าแผ่นดิน แต่สายไป

เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา ปาฐกถาพิเศษเรื่อง "สถาบันพระมหากษัตริย์กับพระพุทธศาสนา" ในงานสัมมนาเชิงปฏิบัติการ โครงการสมานฉันท์เพื่อความมั่นคงของชาติและพระพุทธศาสนา เนื่องในโอกาสครบ 100 ปี กรมเสมียนตรา ที่หอประชุมใหญ่ สำนักพุทธมณฑล โดยมีพระภิกษุเข้าฟัง 50 รูป และประชาชนที่สนใจ 150 คน


ดร.สุเมธ กล่าวว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเป็นองค์ศาสนูปถัมภกและทรงเป็นพุทธมามกะโดยแท้ ในขณะที่สังคมสมัยนี้ มีแต่พุทธมามกะโดยรูปฟอร์ม เจอพระสงฆ์ก็ได้แต่กราบและขอหวยอย่างเดียว แต่เรื่องแก่นของธรรมะกลับไม่สนใจ ตั้งแต่เช้าจรดเย็นเต็มไปด้วยกิเลสตัณหาทั้งสิ้น ไม่ทราบว่าเป็นกาลสมัยของโลกหรือเปล่า เพราะตอนนี้โลกทั้งโลกถูกครอบด้วยกิเลสตัณหาทั้งสิ้น ต้นเหตุเกิดจากระบบทุนนิยมซึ่งเป็นระบบแห่งตัณหา ชักจูงให้บริโภคเกิดความอยากตลอดเวลา มนุษย์ก็บริโภคจนจะหมดโลกแล้ว ดิน น้ำ ลม ไฟ จะหมดแล้ว คนทั้งโลกมีประมาณ 6,700 ล้านคน แล้วคนทั้งหมดนี้กำลังนั่งกินโลกอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน แล้วจะเอาอะไรมาเลี้ยงดู โลกกำลังดำเนินไปสู่ความพินาศ


"ตั้งแต่วันแรกที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวขึ้นครองราชย์ กระทั่งบัดนี้ 60 กว่าปีแล้ว ทรงพยายามเตือนสติ ทรงปฏิบัติทุกอย่างให้ดูเป็นแบบอย่าง แต่มีใครทำตามบ้าง สังคมก็ยังคงบ้าอำนาจ บ้าเงินทอง โกงกินกันอยู่ทุกวันนี้" ดร.สุเมธกล่าว


ดร.สุเมธ กล่าวอีกว่า ในฐานะที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเป็นพุทธมามกะ ทรงปฏิบัติธรรมอย่างจริงจัง ทรงรู้เรื่องพระพุทธศาสนาลึกซึ้งยิ่งนัก ทรงรับสั่งถึงการบวชว่าเป็นเรื่องที่ดี ทรงยกตัวอย่างพระองค์เอง เมื่อตอนที่ทรงตัดสินพระทัยทรงผนวชนั้น ทรงเข้าไปทูลสมเด็จพระบรมราชชนนีว่าจะทรงผนวชให้สมเด็จพระบรมราชชนนี ทรงดีพระทัยมาก ทรงรับสั่งว่า "แม่ดีใจมาก พอรู้ว่าเราจะบวช เข้ามากอดเราใหญ่เลย แล้วแม่ก็ยิ้มอย่างที่ไม่เคยยิ้มมานานแล้ว และตั้งแต่วันนั้นมา แม่ก็ยิ้มมาตลอด" ซึ่งก็เป็นที่ทราบกันดีว่า สมเด็จพระบรมราชชนนีทรงประสบความโศกเศร้ามาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่สิ้นรัชกาลที่ 8 พระพักตร์นิ่งเฉยตลอด แต่เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะทรงผนวชให้ จากความเศร้าก็เปลี่ยนเป็นความปลื้มปิติ


ดร.สุเมธ กล่าวว่า ในแง่ของการปกครอง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงใช้หลักธรรมภิบาลในการปกครองแผ่นดิน ทรงใช้มา ตลอด 60 กว่าปี ในขณะที่ฝรั่งเพิ่งรู้จักเมื่อ 10 กว่าปีที่ผ่านมา แต่คนไทยกลับเพิ่งมาเห็นคุณค่า เพราะคนไทยบ้าฝรั่ง อะไรที่เป็นของดี ของใกล้ตัวกลับไม่เห็นคุณค่า เป็นกิ้งก่าได้ทอง


"หลักทศพิธราชธรรมเป็นหลักธรรมที่ทุกคนสามารถนำไปปฏิบัติได้ ประกอบด้วย 1.ทาน คือการให้โดยไม่หวังผลตอบแทน 2.ศีล ขอแค่ศีล 5 ข้อก็ยังดี เพราะเป็นหลักสากลของทุกศาสนา แต่ทุกวันนี้พอเปิดโทรทัศน์ดู แค่ศีล 5 ข้อ ยังไม่ปฏิบัติกัน โกหกหน้าตาเฉย ไม่ขอเอ่ยถึงใคร ไม่อยากยุ่ง เพราะฉะนั้นไม่ปฏิบัติไม่ได้ ถ้าเป็นมนุษย์ต้องยึด ถ้าไม่ยึดก็ไม่ใช่มนุษย์ 3.ปริจจาคะ การสละประโยชน์ส่วนตนเพื่อประโยชน์ส่วนรวม เพราะไม่มีข้าศึกคนไหน สามารถทำให้ประเทศไทยแตกได้ ให้ยิ่งใหญ่หรือทรงพลังแค่ไหน ไม่สามารถทำให้คนไทยแตกได้ คนไทยจะแตกหรือไม่แตก อยู่ที่คนไทยด้วยกันเอง กรุงศรีอยุธยาแตกแต่ละครั้ง แตกเพราะข้าศึกหรือ" ดร.สุเมธกล่าว


ดร.สุเมธ กล่าวว่า เมื่อไม่นานมานี้ ได้มีโอกาสไปประเทศรัสเซีย ประเทศที่เป็นต้นตำรับของระบอบการปกครองคอมมิวนิสต์ เมื่อก่อนเคยมีระบบกษัตริย์ แต่ตอนนี้ไม่มีแล้ว


"ตอนนี้คนรัสเซียอยากมีพระเจ้าแผ่นดิน คิดถึงพระเจ้าซาร์ นิโคลัส ที่ 2 แห่งรัสเซีย แต่ไม่รู้จะทำอย่างไร จึงอัญเชิญพระอัฐิของพระเจ้าซาร์มาประดิษฐานในโบสถ์หลวง สถาปนาให้เป็นนักบุญนิโคลัสเพื่อสักการะบูชา ซึ่งก็สายไปแล้ว เพราะได้ทำลายสิ่งที่ตอนนี้ต้องการที่สุดไปแล้ว แล้วของเรามียิ่งกว่านักบุญ ปฏิบัติมาตลอด 60 ปี นักบุญบางคน ผลงานอาจไม่ค่อยเป็นที่ประจักษ์เท่าไหร่ แต่นี่ 60 ปี เราไม่ค่อยจะถนอมกัน แล้ววันนั้นจะเสียใจ ก็ฝากไว้ให้คิด" ดร.สุเมธกล่าว


ดร.สุเมธ กล่าวถึงหลักทศพิธราชธรรมข้ออื่นๆ อาทิ อาชชวะ ความซื่อสัตย์สุจริต พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเคยรับสั่งว่า ใครทุจริตแม้นิดเดียวขอให้มีอันเป็นไป ทรงกำชับถึง 3 ครั้ง แสดงว่าทรงเหลืออดแล้ว เพราะทุกวันนี้โกงกินกันชนิดที่เรียกว่า ไม่เห็นหัวเห็นหางหมดทั้งแผ่นดิน ส่วนข้อ อักโกธะ การระงับความโกรธ ยิ่งเป็นคนใหญ่คนโต ผู้บริหาร หัวหน้า โกรธไม่ได้


"พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ไม่เคยทรงโกรธ อาจมีบ้างที่ทรงไม่พอพระทัย แต่ไม่เคยทรงโกรธ เพราะความโกรธไม่เคยทำให้อะไรดีขึ้น แต่จะเป็นอย่างสังคมที่เป็นอยู่ตอนนี้ เห็นว่า เดือนหน้าจะมีอีกแล้ว ยังไม่หมดแรงกัน น่ารำคาญ" ดรสุเมธกล่าว


ดร.สุเมธ กล่าวว่า เป้าหมายการทรงงานหนักของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว คือ ความเป็นประชาธิปไตย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรับสั่งว่า "เหตุผลที่ทรงงานหนักอยู่ทุกวันนี้ เพราะประชาชนยังยากจนอยู่ เมื่อยังยากจนแล้ว เขาก็ไม่มีอิสรภาพเสรีภาพ เมื่อเขาไม่มีอิสรภาพเสรีภาพ เขาจะเป็นประชาธิปไตยไม่ได้" จุดหมายปลายทางของพระองค์ คือเรื่องประชาธิปไตยที่ทุกคนเปล่งกันทุกวันนี้ โดยไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ เข้าใจแต่ว่าประชาธิปไตยคือเลือกตั้งเท่านั้น ทั้งที่ความจริง ลึกซึ้งกว่านั้น ประชาธิปไตยจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อประชาชนอิ่มท้อง เมื่ออิ่มท้องแล้ว ก็จะมีอิสรภาพเสรีภาพ แต่ถ้าตราบใดที่ประชาชนยังหิว เมื่อ 500 , 1,000 บาทมา เขาก็ไป แล้วก็ไม่เกิดประชาธิปไตยเสียที พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ไม่เคยใช้คำว่าร่ำรวย แต่ทรงใช้คำว่าประโยชน์ ความเจริญ และความผาสุกเท่านั้น

ก่อนจบปาฐกถา ดร.สุเมธ ย้ำถึงพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในวันเฉลิมฉลองครองราชย์ครบ 60 ปี ที่ไม่ค่อยมีใครจดจำได้ว่า พวกเราชอบเห็นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แต่ไม่เคยมองพระองค์ ชอบได้ยินพระเจ้าอยู่หัว แต่ไม่เคยฟังพระองค์ เพราะฉะนั้นถึงไม่เคยจดจำอะไรได้เลย หลัก 4 ข้อคือ 1.คิด พูด ทำ คิดดีต่อกัน 2.ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน 3.อยู่ในความซื่อสัตย์สุจริต 4.คิดต่างกันได้ แต่ให้ตั้งอยู่บนความเที่ยงตรงและมีเหตุมีผล ถ้าทุกคนปฏิบัติตาม 4 ข้อนี้ได้ เหตุการณ์บ้านเมืองคงไม่เป็นอย่างปัจจุบันนี้ และจะทำให้เกิดเอกภาพขึ้นในประเทศ


"เป็นที่น่าเสียดาย เรามีพระบรมครู ยอดปราชญ์อยู่ในแผ่นดิน แต่ไม่ฟัง กลับไปฟังอะไรก็ไม่รู้ แล้ววันหนึ่งจะเสียใจ ผมพูดได้แค่นี้ ยังไม่สายนะครับ อย่าเสียกำลังใจ" ดร.สุเมธกล่าวทิ้งท้าย
"กลุ่มไม่เอาแคนไทย”

1. ไม่อ่าน ไม่คลิ๊ก ไม่ช่วยเพิ่ม rating ให้กระทู้ของคนเหล่านี้
2. เมื่อเป็นฝ่ายถูกกระทำ ให้ตอบโต้อย่างสาสม และ quote ข้อความของคนเหล่านี้เก็บไว้
3. คลิ๊ก ‘!’ ของโพสท์ดังกล่าว แจ้งให้ wm ทราบ

เห็นด้วย ช่วยกันเซฟเป็น signature
User avatar
Onizuka
 
Posts: 663
Joined: Mon Mar 30, 2009 2:42 pm

Re: ความในพระราชหฤทัย "ในหลวง" ผ่านมุมมอง ดร. สุเมธ

Postby integra » Sun May 31, 2009 6:11 pm

น้อมรับครับ :| "พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ไม่เคยทรงโกรธ อาจมีบ้างที่ทรงไม่พอพระทัย แต่ไม่เคยทรงโกรธ เพราะความโกรธไม่เคยทำให้อะไรดีขึ้น แต่จะเป็นอย่างสังคมที่เป็นอยู่ตอนนี้ เห็นว่า เดือนหน้าจะมีอีกแล้ว ยังไม่หมดแรงกัน น่ารำคาญ" ดรสุเมธกล่าว "พระองค์ก็ทรงรับรู้เรื่องราวของพวกตุ๊ดตู่ทั้งเบี้องหน้าและเบี้องหลัง น่าคดนะครับเราทุกคนที่ถือตนเป็นคนไทยเราควรกระทำเช่นไรใรความเป็นไปของเรื่องนี้ที่ส่งผลต่อพวกเราทุกคนทั้งโดยตรงและอ้อม"
โลกเสมือน#เสาะหาความยุติธรรมแม้แก่ผู้อื่นก็ยังดีอย่างน้อยจะได้รู้ว่ามันยังมีจริงในโลก
โลกจริง#กูเหนื่อยและเบื่อความพ่ายแพ้ในเกมส์ที่ถูกยัดเยียด ได้เวลาเลิกหลอกตัวเองว่าอะไรๆยังเหมือนเดิม ถึงเวลากระทืบอุปสรรคแล้วก้าวเดิน
User avatar
integra
 
Posts: 1616
Joined: Tue Apr 21, 2009 3:24 am

Re: ความในพระราชหฤทัย "ในหลวง" ผ่านมุมมอง ดร. สุเมธ

Postby พรรณชมพู » Sun May 31, 2009 6:14 pm

ทรงพระเจริญ




อ่านแล้วเข้าใจอะไรมากขึ้นอีกเยอะค่ะ
"silent key 16/06/2009"
User avatar
พรรณชมพู
 
Posts: 1774
Joined: Mon Oct 13, 2008 1:17 pm

Re: ความในพระราชหฤทัย "ในหลวง" ผ่านมุมมอง ดร. สุเมธ

Postby pojjaman » Sun May 31, 2009 6:28 pm

ชัดเจนครับไม่ต้องตีความอะไร
ผม VOTE NO นะค้าบบบ แต่อย่าเคืองกันนะคับ สหายร่วมรบ ผมไม่ตัดมิตรเหมือนแป๊ะลิ้มคับ สุดโต่งไป อิอิ
User avatar
pojjaman
 
Posts: 2194
Joined: Sun Mar 08, 2009 5:19 pm

Re: ความในพระราชหฤทัย "ในหลวง" ผ่านมุมมอง ดร. สุเมธ

Postby Onizuka » Sun May 31, 2009 6:45 pm

คนไทย มีอะไรดีๆ หลายอย่างอยู่กับตัว

แต่เลือกจะหลงอยู่กับ โลภะ โทสะ โมหะ

หลงอยู่กับไอ้ทุรชน คนลวงโลก อยู่ครึ่งค่อนประเทศ

ไม่มีใครอีกแล้ว ที่จะประเสริฐยิ่ง เท่ากับฝ่าละอองธุลีพระบาท

ผมรับแนวทางการปฎิบัติของพระองค์ น้อมเกล้ามาใช้คิดเตือนตัวเองตลอดเวลาล่ะครับ

;)
"กลุ่มไม่เอาแคนไทย”

1. ไม่อ่าน ไม่คลิ๊ก ไม่ช่วยเพิ่ม rating ให้กระทู้ของคนเหล่านี้
2. เมื่อเป็นฝ่ายถูกกระทำ ให้ตอบโต้อย่างสาสม และ quote ข้อความของคนเหล่านี้เก็บไว้
3. คลิ๊ก ‘!’ ของโพสท์ดังกล่าว แจ้งให้ wm ทราบ

เห็นด้วย ช่วยกันเซฟเป็น signature
User avatar
Onizuka
 
Posts: 663
Joined: Mon Mar 30, 2009 2:42 pm

Re: ความในพระราชหฤทัย "ในหลวง" ผ่านมุมมอง ดร. สุเมธ

Postby 1ktip » Sun May 31, 2009 7:12 pm

ทรงพระเจริญ

ขอบคุณ ดร.สุเมธ ที่เอาบางส่วนของความในพระราชหฤทัยมาถ่ายทอดครับ :)


ปล.มติชนกำลังย้อมสีใหม่แหงๆ :lol:
User avatar
1ktip
Global Moderator
 
Posts: 3919
Joined: Mon Oct 13, 2008 1:20 am


Re: ความในพระราชหฤทัย "ในหลวง" ผ่านมุมมอง ดร. สุเมธ

Postby integra » Sun May 31, 2009 8:55 pm

สงสารประชาชนที่ถูกหลอกล่อไห้หลงเชื่อด้วยวิธีการต่างๆนาไห้มาร่วมขบวนการ :| ผมสังหรณ์ใจว่าการชุมนุมนัดหน้าของกระบือแดงอาจจะเป็นบันทึกประวัติศาสตร์ครั้งสำคัญครั้งหนึ่ง เพราะประเทศเรามีแต่ถอยหลังลงคูเข้าทุกวันเนื่องด้วยเรามัวแต่ใจดีกันเชื้อโรคร้ายที่มันคุกคามบ้านเมืองอยุ่เท่าทุกวัน แม้เราจะโต้เถียงในฉากหน้าไม่ได้ว่ามันพวกนั้นมีจุดมุ่งหมายร้ายกาจเพียงใดในขบวนการแต่ผมมั่นใจว่าคนไทยส่วนมากรู้และเข้าใจ :mrgreen: การเสียสละอาจจำเป็นเพื่อรักษาสังคมรวมไห้คงไว้
โลกเสมือน#เสาะหาความยุติธรรมแม้แก่ผู้อื่นก็ยังดีอย่างน้อยจะได้รู้ว่ามันยังมีจริงในโลก
โลกจริง#กูเหนื่อยและเบื่อความพ่ายแพ้ในเกมส์ที่ถูกยัดเยียด ได้เวลาเลิกหลอกตัวเองว่าอะไรๆยังเหมือนเดิม ถึงเวลากระทืบอุปสรรคแล้วก้าวเดิน
User avatar
integra
 
Posts: 1616
Joined: Tue Apr 21, 2009 3:24 am

Re: ความในพระราชหฤทัย "ในหลวง" ผ่านมุมมอง ดร. สุเมธ

Postby Canthai » Sun May 31, 2009 9:13 pm

ดร.สุเมธ ย้ำถึงพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในวันเฉลิมฉลองครองราชย์ครบ 60 ปี ที่ไม่ค่อยมีใครจดจำได้ว่า พวกเราชอบเห็นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แต่ไม่เคยมองพระองค์ ชอบได้ยินพระเจ้าอยู่หัว แต่ไม่เคยฟังพระองค์ เพราะฉะนั้นถึงไม่เคยจดจำอะไรได้เลย หลัก 4 ข้อคือ

1.คิด พูด ทำ คิดดีต่อกัน

2.ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน

3.อยู่ในความซื่อสัตย์สุจริต

4.คิดต่างกันได้ แต่ให้ตั้งอยู่บนความเที่ยงตรงและมีเหตุมีผล

ถ้าทุกคนปฏิบัติตาม 4 ข้อนี้ได้ เหตุการณ์บ้านเมืองคงไม่เป็นอย่างปัจจุบันนี้ และจะทำให้เกิดเอกภาพขึ้นในประเทศ

"เป็นที่น่าเสียดาย เรามีพระบรมครู ยอดปราชญ์อยู่ในแผ่นดิน แต่ไม่ฟัง กลับไปฟังอะไรก็ไม่รู้ แล้ววันหนึ่งจะเสียใจ

ผมพูดได้แค่นี้ ยังไม่สายนะครับ อย่าเสียกำลังใจ"
ดร.สุเมธกล่าวทิ้งท้าย

***********************

ท่านสุเมธ พูดแบบนี้ แล้ว ท่านสนธิ จะโต้ยังไง...
User avatar
Canthai
 
Posts: 14925
Joined: Fri Oct 24, 2008 3:47 pm

Re: ความในพระราชหฤทัย "ในหลวง" ผ่านมุมมอง ดร. สุเมธ

Postby จูล่ง_j » Sun May 31, 2009 9:17 pm

ในหลวงดีขนาดนี้ แต่ก็ยังมีไอพวกบ้าบางตัวนอกจากไม่สำนึก
ยังพยายามทำลาย ซึ่งพวกนี้ล้วนแล้วแต่แฝงในกลุ่มเสื้อแดงทั้งนั้น
User avatar
จูล่ง_j
 
Posts: 573
Joined: Sat Oct 18, 2008 4:32 pm

Re: ความในพระราชหฤทัย "ในหลวง" ผ่านมุมมอง ดร. สุเมธ

Postby overtherainbow » Sun May 31, 2009 9:23 pm

ลุงค้าาา

มันมีตั้งหลายเสียง เสียงนกเสียงกา
เสียงหมาเฝ้าบ้าน
เสียงโฟนอิน
เสียงอึ่งอ่าง
สารพัดเสียง
แล้วลุงไปเลือกเจาะจงซะคนเดียว
ลุงอย่าชี้นำเลยนะคะ
เกลียด ไม่ชอบ ชิงชัง เค้าก็รู้แล้ว
ลุงก็
ลุงคะ ด้วยความนับถือนะคะ
เราคนไทย รักสงบ รักสามัคคี ดีกว่า
เศร้าเพราะคนกันเอง มันสองสามเท่ากว่าคนที่เราไม่เคยไปคาดหวังนะคะ
User avatar
overtherainbow
 
Posts: 3123
Joined: Sat Dec 27, 2008 12:36 pm

Re: ความในพระราชหฤทัย "ในหลวง" ผ่านมุมมอง ดร. สุเมธ

Postby seclusion_marshal » Sun May 31, 2009 9:41 pm

นั่นสินะ ทั้งๆที่ทรงตรัสเช่นนี้อยู่บ่อยครั้ง

แต่เพราะเหตุใดประเทศชาติถึงยังวุ่นวายอยู่อย่างนี้นะ

มีแต่คนสร้างปัญหาทำให้ประเทศชาติตกต่ำลงอยู่ร่ำไป

มันเป็นเพราะอะไรกันแน่นะ !?
User avatar
seclusion_marshal
 
Posts: 7
Joined: Sun May 31, 2009 7:23 pm

Re: ความในพระราชหฤทัย "ในหลวง" ผ่านมุมมอง ดร. สุเมธ

Postby ริวเซย์ » Sun May 31, 2009 9:43 pm

อ่านแล้วซึ้งใจมากๆเลยครับ

ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน ฯ
เป็นมิ่งขวัญของชาวประชาตลอดกาล

ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ ฯ


รักในหลวงครับ
หากดอกไม้แย้มบานในใจแห่งผู้คนที่ทุกข์ทน
ความสว่างส่องทางสับสนด้วยความรักที่มอบแก่กัน
ให้ดอกไม้นั้นแทนความงามแห่งน้ำใจ ยิ่งใหญ่
เมฆหมอกก็คงสลาย ด้วยดอกไม้คือความสดใสในแสงตะวัน
คือดอกไม้อันดีงาม คงอยู่ด้วยความสดใส
คือดอกไม้ของน้ำใจ งดงามเพียงใดให้แก่กัน
User avatar
ริวเซย์
Site Admin
 
Posts: 3386
Joined: Fri Oct 17, 2008 12:34 pm

Re: ความในพระราชหฤทัย "ในหลวง" ผ่านมุมมอง ดร. สุเมธ

Postby integra » Sun May 31, 2009 10:53 pm

Canthai wrote:ดร.สุเมธ ย้ำถึงพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในวันเฉลิมฉลองครองราชย์ครบ 60 ปี ที่ไม่ค่อยมีใครจดจำได้ว่า พวกเราชอบเห็นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แต่ไม่เคยมองพระองค์ ชอบได้ยินพระเจ้าอยู่หัว แต่ไม่เคยฟังพระองค์ เพราะฉะนั้นถึงไม่เคยจดจำอะไรได้เลย หลัก 4 ข้อคือ

1.คิด พูด ทำ คิดดีต่อกัน

2.ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน

3.อยู่ในความซื่อสัตย์สุจริต

4.คิดต่างกันได้ แต่ให้ตั้งอยู่บนความเที่ยงตรงและมีเหตุมีผล

ถ้าทุกคนปฏิบัติตาม 4 ข้อนี้ได้ เหตุการณ์บ้านเมืองคงไม่เป็นอย่างปัจจุบันนี้ และจะทำให้เกิดเอกภาพขึ้นในประเทศ

"เป็นที่น่าเสียดาย เรามีพระบรมครู ยอดปราชญ์อยู่ในแผ่นดิน แต่ไม่ฟัง กลับไปฟังอะไรก็ไม่รู้ แล้ววันหนึ่งจะเสียใจ

ผมพูดได้แค่นี้ ยังไม่สายนะครับ อย่าเสียกำลังใจ"
ดร.สุเมธกล่าวทิ้งท้าย

***********************

ท่านสุเมธ พูดแบบนี้ แล้ว ท่านสนธิ จะโต้ยังไง...

มันดูตีบตันทางความคิดไปนะครับคุณแคนที่เน้นไปทางคุณสนธิแบบนี้ สิ่งที่คุณยกมาคุณน่าจะฟังเองด้วย
โลกเสมือน#เสาะหาความยุติธรรมแม้แก่ผู้อื่นก็ยังดีอย่างน้อยจะได้รู้ว่ามันยังมีจริงในโลก
โลกจริง#กูเหนื่อยและเบื่อความพ่ายแพ้ในเกมส์ที่ถูกยัดเยียด ได้เวลาเลิกหลอกตัวเองว่าอะไรๆยังเหมือนเดิม ถึงเวลากระทืบอุปสรรคแล้วก้าวเดิน
User avatar
integra
 
Posts: 1616
Joined: Tue Apr 21, 2009 3:24 am

Re: ความในพระราชหฤทัย "ในหลวง" ผ่านมุมมอง ดร. สุเมธ

Postby integra » Sun May 31, 2009 10:57 pm

เสริมอีกนิด ไม่สมควรอย่างยิ่งที่จะดำพระราชดำรัสมาต่อยอดในความคิดขัดแย้งของตน เพราะควรนำไปใช้ในองค์รวมของสังคม ยิ่งสิ่งที่คุณแคนยกกล่าวมานั้น ลองคิดดูเล่นๆนะครับทั้ง 4 ข้อ คุณสดับฟังและปฎิบัติทำแค่ไหนเช่นไร :mrgreen:
โลกเสมือน#เสาะหาความยุติธรรมแม้แก่ผู้อื่นก็ยังดีอย่างน้อยจะได้รู้ว่ามันยังมีจริงในโลก
โลกจริง#กูเหนื่อยและเบื่อความพ่ายแพ้ในเกมส์ที่ถูกยัดเยียด ได้เวลาเลิกหลอกตัวเองว่าอะไรๆยังเหมือนเดิม ถึงเวลากระทืบอุปสรรคแล้วก้าวเดิน
User avatar
integra
 
Posts: 1616
Joined: Tue Apr 21, 2009 3:24 am

Re: ความในพระราชหฤทัย "ในหลวง" ผ่านมุมมอง ดร. สุเมธ

Postby pojjaman » Sun May 31, 2009 10:58 pm

integra wrote:เสริมอีกนิด ไม่สมควรอย่างยิ่งที่จะดำพระราชดำรัสมาต่อยอดในความคิดขัดแย้งของตน เพราะควรนำไปใช้ในองค์รวมของสังคม ยิ่งสิ่งที่คุณแคนยกกล่าวมานั้น ลองคิดดูเล่นๆนะครับทั้ง 4 ข้อ คุณสดับฟังและปฎิบัติทำแค่ไหนเช่นไร :mrgreen:



กำลังคิดจะพิมพ์ ประมาณนี้พอดีเลย เห็นด้วยอย่างมากครับ
ผม VOTE NO นะค้าบบบ แต่อย่าเคืองกันนะคับ สหายร่วมรบ ผมไม่ตัดมิตรเหมือนแป๊ะลิ้มคับ สุดโต่งไป อิอิ
User avatar
pojjaman
 
Posts: 2194
Joined: Sun Mar 08, 2009 5:19 pm

Re: ความในพระราชหฤทัย "ในหลวง" ผ่านมุมมอง ดร. สุเมธ

Postby integra » Sun May 31, 2009 11:07 pm

pojjaman wrote:
integra wrote:เสริมอีกนิด ไม่สมควรอย่างยิ่งที่จะดำพระราชดำรัสมาต่อยอดในความคิดขัดแย้งของตน เพราะควรนำไปใช้ในองค์รวมของสังคม ยิ่งสิ่งที่คุณแคนยกกล่าวมานั้น ลองคิดดูเล่นๆนะครับทั้ง 4 ข้อ คุณสดับฟังและปฎิบัติทำแค่ไหนเช่นไร :mrgreen:



กำลังคิดจะพิมพ์ ประมาณนี้พอดีเลย เห็นด้วยอย่างมากครับ

สำนึกดีสังคมดี<รีเจนซี่บรั่นดีไทย เอ้ยยผิดๆ>มีในชาวเสรีไทยแท้ทุกคนครับ แหะๆ
โลกเสมือน#เสาะหาความยุติธรรมแม้แก่ผู้อื่นก็ยังดีอย่างน้อยจะได้รู้ว่ามันยังมีจริงในโลก
โลกจริง#กูเหนื่อยและเบื่อความพ่ายแพ้ในเกมส์ที่ถูกยัดเยียด ได้เวลาเลิกหลอกตัวเองว่าอะไรๆยังเหมือนเดิม ถึงเวลากระทืบอุปสรรคแล้วก้าวเดิน
User avatar
integra
 
Posts: 1616
Joined: Tue Apr 21, 2009 3:24 am

Re: ความในพระราชหฤทัย "ในหลวง" ผ่านมุมมอง ดร. สุเมธ

Postby Onizuka » Sun May 31, 2009 11:10 pm

pojjaman wrote:
integra wrote:เสริมอีกนิด ไม่สมควรอย่างยิ่งที่จะดำพระราชดำรัสมาต่อยอดในความคิดขัดแย้งของตน เพราะควรนำไปใช้ในองค์รวมของสังคม ยิ่งสิ่งที่คุณแคนยกกล่าวมานั้น ลองคิดดูเล่นๆนะครับทั้ง 4 ข้อ คุณสดับฟังและปฎิบัติทำแค่ไหนเช่นไร :mrgreen:



กำลังคิดจะพิมพ์ ประมาณนี้พอดีเลย เห็นด้วยอย่างมากครับ



ขอลอกการบ้านหน่อย

อืมม ไม่น่าลืมเลย ว่าเด๋วคงมีคนมาต่อยอดแนวๆ เนี้ย

:roll:
"กลุ่มไม่เอาแคนไทย”

1. ไม่อ่าน ไม่คลิ๊ก ไม่ช่วยเพิ่ม rating ให้กระทู้ของคนเหล่านี้
2. เมื่อเป็นฝ่ายถูกกระทำ ให้ตอบโต้อย่างสาสม และ quote ข้อความของคนเหล่านี้เก็บไว้
3. คลิ๊ก ‘!’ ของโพสท์ดังกล่าว แจ้งให้ wm ทราบ

เห็นด้วย ช่วยกันเซฟเป็น signature
User avatar
Onizuka
 
Posts: 663
Joined: Mon Mar 30, 2009 2:42 pm

Re: ความในพระราชหฤทัย "ในหลวง" ผ่านมุมมอง ดร. สุเมธ

Postby Takae » Sun May 31, 2009 11:33 pm

กำลังอ่านกระทู้เพลิน ๆ เจอ ตาลุงนั่นอีกละ

เบื่อโว๊ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย ได้ยินมั้ย??
User avatar
Takae
 
Posts: 55
Joined: Tue May 19, 2009 7:25 pm

Re: ความในพระราชหฤทัย "ในหลวง" ผ่านมุมมอง ดร. สุเมธ

Postby wasurenagusa » Sun May 31, 2009 11:48 pm

Onizuka wrote:
pojjaman wrote:
integra wrote:เสริมอีกนิด ไม่สมควรอย่างยิ่งที่จะดำพระราชดำรัสมาต่อยอดในความคิดขัดแย้งของตน เพราะควรนำไปใช้ในองค์รวมของสังคม ยิ่งสิ่งที่คุณแคนยกกล่าวมานั้น ลองคิดดูเล่นๆนะครับทั้ง 4 ข้อ คุณสดับฟังและปฎิบัติทำแค่ไหนเช่นไร :mrgreen:



กำลังคิดจะพิมพ์ ประมาณนี้พอดีเลย เห็นด้วยอย่างมากครับ



ขอลอกการบ้านหน่อย

อืมม ไม่น่าลืมเลย ว่าเด๋วคงมีคนมาต่อยอดแนวๆ เนี้ย

:roll:


ขอลอกด้วยคน
กรุณาอย่านำพระราชดำรัสไปใช้เพื่อเป็นประโยชน์ต่อคนใดคนหนึ่งหรือกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งเลยค่ะพี่น้องชาวไทยทั้งหลาย

ขอทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน
ขอสาปแช่งให้ผู้ที่คิดร้ายต่อสถาบันและประเทศชาติต้องมีอันเป็นไป...
User avatar
wasurenagusa
 
Posts: 272
Joined: Sun Feb 15, 2009 12:23 am

Re: ความในพระราชหฤทัย "ในหลวง" ผ่านมุมมอง ดร. สุเมธ

Postby bhattee » Mon Jun 01, 2009 8:30 am

Canthai wrote:ดร.สุเมธ ย้ำถึงพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในวันเฉลิมฉลองครองราชย์ครบ 60 ปี ที่ไม่ค่อยมีใครจดจำได้ว่า พวกเราชอบเห็นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แต่ไม่เคยมองพระองค์ ชอบได้ยินพระเจ้าอยู่หัว แต่ไม่เคยฟังพระองค์ เพราะฉะนั้นถึงไม่เคยจดจำอะไรได้เลย หลัก 4 ข้อคือ

1.คิด พูด ทำ คิดดีต่อกัน

2.ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน

3.อยู่ในความซื่อสัตย์สุจริต

4.คิดต่างกันได้ แต่ให้ตั้งอยู่บนความเที่ยงตรงและมีเหตุมีผล

ถ้าทุกคนปฏิบัติตาม 4 ข้อนี้ได้ เหตุการณ์บ้านเมืองคงไม่เป็นอย่างปัจจุบันนี้ และจะทำให้เกิดเอกภาพขึ้นในประเทศ

"เป็นที่น่าเสียดาย เรามีพระบรมครู ยอดปราชญ์อยู่ในแผ่นดิน แต่ไม่ฟัง กลับไปฟังอะไรก็ไม่รู้ แล้ววันหนึ่งจะเสียใจ

ผมพูดได้แค่นี้ ยังไม่สายนะครับ อย่าเสียกำลังใจ"
ดร.สุเมธกล่าวทิ้งท้าย

***********************

ท่านสุเมธ พูดแบบนี้ แล้ว ท่านสนธิ จะโต้ยังไง...


เล่นอย่างนี้เลยหรือครับคุณแคนไท
ถามจริงๆ ว่าอ่านข้อหนึ่งก่อนโฟสต์หรือเปล่า

ไม่อยากจะเชื่อว่าคนระดับพี่แคนไทจะทำอย่างนี้
User avatar
bhattee
 
Posts: 436
Joined: Tue Apr 14, 2009 2:53 pm

Re: ความในพระราชหฤทัย "ในหลวง" ผ่านมุมมอง ดร. สุเมธ

Postby Neoconservative » Mon Jun 01, 2009 9:09 am

Canthai wrote:ท่านสุเมธ พูดแบบนี้ แล้ว ท่านสนธิ จะโต้ยังไง...



เดี๋ยว แป๊ะลิ๊ม คันปาก มันออกมาด่า ดร. สุเมธ อีกแน่ๆ
Reality Check. Base on Fact and Truth. ......"The Red Ally".......
User avatar
Neoconservative
 
Posts: 840
Joined: Wed Nov 12, 2008 1:00 pm

Re: ความในพระราชหฤทัย "ในหลวง" ผ่านมุมมอง ดร. สุเมธ

Postby dtonNA » Mon Jun 01, 2009 9:23 am

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ไม่เคยใช้คำว่าร่ำรวย แต่ทรงใช้คำว่าประโยชน์ ความเจริญ และความผาสุกเท่านั้น
เราต้องการคนดีมาเป็นผู้ปกครองบ้านเมืองเท่านั้น
User avatar
dtonNA
 
Posts: 1493
Joined: Fri Nov 28, 2008 1:28 am

Re: ความในพระราชหฤทัย "ในหลวง" ผ่านมุมมอง ดร. สุเมธ

Postby noppon » Mon Jun 01, 2009 9:39 am

คนที่ยกพระราชดำรัสในหลวงมาสอน มายกย่อง มาเป็นตัวอย่าง (ซึ่งมีมากมาย นับไม่ถ้วน)
ไม่ใช่ว่าจะเป็นคนดี 100% หรือดีแบบไม่มีข้อเสีย

ดร.สุเมธ ก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น

ดังนั้น จะชื่นชอบใคร จะเกลียดใคร ต้องแยกแยะให้ถูก อย่าเอามาผสมปนเปกัน กับเนื้อหาใน
พระราชดำรัสของในหลวง
ระยะทางพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์คน ความอดทนพิสูจน์ใจ
User avatar
noppon
 
Posts: 134
Joined: Tue Oct 14, 2008 8:30 am

Re: ความในพระราชหฤทัย "ในหลวง" ผ่านมุมมอง ดร. สุเมธ

Postby bhattee » Mon Jun 01, 2009 10:56 am

Neoconservative wrote:
Canthai wrote:ท่านสุเมธ พูดแบบนี้ แล้ว ท่านสนธิ จะโต้ยังไง...



เดี๋ยว แป๊ะลิ๊ม คันปาก มันออกมาด่า ดร. สุเมธ อีกแน่ๆ


แล้วอีกประโยคล่ะครับ แดงแท้ไม่ว่าอะไรหรือครับ หรือว่าจะบอกว่าหมดแรงแล้ว...
User avatar
bhattee
 
Posts: 436
Joined: Tue Apr 14, 2009 2:53 pm

Re: ความในพระราชหฤทัย "ในหลวง" ผ่านมุมมอง ดร. สุเมธ

Postby integra » Mon Jun 01, 2009 12:52 pm

Neoconservative wrote:
Canthai wrote:ท่านสุเมธ พูดแบบนี้ แล้ว ท่านสนธิ จะโต้ยังไง...



เดี๋ยว แป๊ะลิ๊ม คันปาก มันออกมาด่า ดร. สุเมธ อีกแน่ๆ

Code: Select all
นีโออ่านเนื้อหาไหม่นะครับ อย่าสนับสนุนไครโดยไม่ดูที่มาที่ไป แด๋วจะหมดราคาเอาง่ายๆ
ไม่อยากวิจารย์ต่ออ่านเองเถอะนะ
โลกเสมือน#เสาะหาความยุติธรรมแม้แก่ผู้อื่นก็ยังดีอย่างน้อยจะได้รู้ว่ามันยังมีจริงในโลก
โลกจริง#กูเหนื่อยและเบื่อความพ่ายแพ้ในเกมส์ที่ถูกยัดเยียด ได้เวลาเลิกหลอกตัวเองว่าอะไรๆยังเหมือนเดิม ถึงเวลากระทืบอุปสรรคแล้วก้าวเดิน
User avatar
integra
 
Posts: 1616
Joined: Tue Apr 21, 2009 3:24 am

Re: ความในพระราชหฤทัย "ในหลวง" ผ่านมุมมอง ดร. สุเมธ

Postby Canthai » Mon Jun 01, 2009 1:47 pm

วันจันทร์ ที่ 1 มิถุนายน 2552
ท่านสุเมธ พูดแบบนี้ แล้ว ท่านสนธิ จะโต้ยังไง...
Posted by Canไทเมือง , ผู้อ่าน : 104 , 11:58:56 น.
พิมพ์หน้านี้

ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล ย้ำถึงพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในวันเฉลิมฉลองครองราชย์ครบ 60 ปี ที่ไม่ค่อยมีใครจดจำได้ว่า

พวกเราชอบเห็นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แต่ไม่เคยมองพระองค์

พวกเราชอบได้ยินพระเจ้าอยู่หัว แต่ไม่เคยฟังพระองค์

เพราะฉะนั้นถึงไม่เคยจดจำอะไรได้เลย หลัก 4 ข้อคือ

1.คิด พูด ทำ คิดดีต่อกัน

2.ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน

3.อยู่ในความซื่อสัตย์สุจริต

4.คิดต่างกันได้ แต่ให้ตั้งอยู่บนความเที่ยงตรงและมีเหตุมีผล

ถ้าทุกคนปฏิบัติตาม 4 ข้อนี้ได้ เหตุการณ์บ้านเมืองคงไม่เป็นอย่างปัจจุบันนี้ และจะทำให้เกิดเอกภาพขึ้นในประเทศ

"เป็นที่น่าเสียดาย เรามีพระบรมครู ยอดปราชญ์อยู่ในแผ่นดิน แต่ไม่ฟัง กลับไปฟังอะไรก็ไม่รู้ แล้ววันหนึ่งจะเสียใจ

ผมพูดได้แค่นี้ ยังไม่สายนะครับ อย่าเสียกำลังใจ" ดร.สุเมธกล่าวทิ้งท้าย

***********************

ตอนที่พวกเราร่วมชุมนุมในทำเนียบ ท่านสุเมธ ก็พูดแบบนี้ แต่ก็โดนท่านสนธิจวกกลับมิใช่น้อย....

บัดนี้การชุมนุมสิ้นสุดลง ท่านสุเมธก็ยังย้ำคำเดิม......

ท่านสุเมธ พูดแบบนี้ แล้ว ท่านสนธิ จะโต้ยังไง...

ท่านสุเมธ พูดแบบนี้ แล้ว สาวกทักษิณแม้วแดง จะว่ายังไง

ท่านสุเมธ พูดแบบนี้ เราคนไทยทั้งมีสีและไม่มีสี...ควรทำอย่างไร

แคน ไทเมือง


http://www.oknation.net/blog/canthai/2009/06/01/entry-1
User avatar
Canthai
 
Posts: 14925
Joined: Fri Oct 24, 2008 3:47 pm

Re: ความในพระราชหฤทัย "ในหลวง" ผ่านมุมมอง ดร. สุเมธ

Postby integra » Mon Jun 01, 2009 2:10 pm

"พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ไม่เคยทรงโกรธ อาจมีบ้างที่ทรงไม่พอพระทัย แต่ไม่เคยทรงโกรธ เพราะความโกรธไม่เคยทำให้อะไรดีขึ้น แต่จะเป็นอย่างสังคมที่เป็นอยู่ตอนนี้ เห็นว่า เดือนหน้าจะมีอีกแล้ว ยังไม่หมดแรงกัน น่ารำคาญ" ดรสุเมธกล่าว :mrgreen: ถามคุณแคนว่าท่านกล่าวถึงสีใด ถามอีกคำว่า สนธิในเวลานี้ทำความเดือนร้อนอะไรไห้ประเทศคุณแคนจึงหาข้อสมมุติมากระแนะกระแหนและคนกลุ่มใดที่กำลังทำไห้บ้านเมืองปั่นป่วนกำลังวางแผนอย่างต่อเนื่อง ผมว่าคุณแคนควรอ่านและวิเคราะห์ด้วยใจที่เปิดกว้างแล้วคุณจะรุ้จะเห็น รึถ้าคุณฟังแต่ไม่ได้ยินผมก็จนด้วยเกล้าครับ :roll:
โลกเสมือน#เสาะหาความยุติธรรมแม้แก่ผู้อื่นก็ยังดีอย่างน้อยจะได้รู้ว่ามันยังมีจริงในโลก
โลกจริง#กูเหนื่อยและเบื่อความพ่ายแพ้ในเกมส์ที่ถูกยัดเยียด ได้เวลาเลิกหลอกตัวเองว่าอะไรๆยังเหมือนเดิม ถึงเวลากระทืบอุปสรรคแล้วก้าวเดิน
User avatar
integra
 
Posts: 1616
Joined: Tue Apr 21, 2009 3:24 am

Re: ความในพระราชหฤทัย "ในหลวง" ผ่านมุมมอง ดร. สุเมธ

Postby Canthai » Mon Jun 01, 2009 2:18 pm

ท่านสุเมธ พูดแบบนี้ แล้ว ท่านสนธิ จะโต้ยังไง...

ท่านสุเมธ พูดแบบนี้ แล้ว สาวกทักษิณแม้วแดง จะว่ายังไง

ท่านสุเมธ พูดแบบนี้ เราคนไทยทั้งมีสีและไม่มีสี...ควรทำอย่างไร

แคน ไทเมือง
User avatar
Canthai
 
Posts: 14925
Joined: Fri Oct 24, 2008 3:47 pm

Re: ความในพระราชหฤทัย "ในหลวง" ผ่านมุมมอง ดร. สุเมธ

Postby loginofu » Mon Jun 01, 2009 2:56 pm

Canthai wrote:ท่านสุเมธ พูดแบบนี้ แล้ว ท่านสนธิ จะโต้ยังไง...
ท่านสุเมธ พูดแบบนี้ แล้ว สาวกทักษิณแม้วแดง จะว่ายังไง
ท่านสุเมธ พูดแบบนี้ เราคนไทยทั้งมีสีและไม่มีสี...ควรทำอย่างไร
แคน ไทเมือง


เกาะข่าวหัวเขียวก็ว่าแย่แล้ว
นี่เล่นเกาะ"ความในพระราชหฤทัย "ในหลวง" ผ่านมุมมอง ดร. สุเมธ" เลยเหรอ
ไอ้คนที่มีวัตถุประสงค์แอบแฝง ไม่ได้ตั้งใจวิจารณ์โดยสุจริต
เอาเบื้องสูงมาอ้าง ถุ๊ยยยยย หมาขี้เรื้อน ไปดูตัวเองก่อนเถอะ
http://www.prachathon.org/forum/index.php
ทางเข้าบอร์ดสำรอง http://siamseri.orgfree.com/
ประชาทนธิปไตย : ทนได้ก็ทนไป
loginofu
 
Posts: 10316
Joined: Mon Oct 13, 2008 3:22 am

Next

Return to สภากาแฟ



cron