Canthai wrote:เมืองพันธมิตรในทำเนียบเป็นสิ่งดีงาม การปลูกฝังดี และควรสนับสนุนให้เกิดในวงกว้างกับคำว่า "ภราดรภาพ"
เมื่อทำดี คิดดี ก็ควรนำแนวคิดนั้นขยายวงออกมาในวงกว้าง
จริงอยู่ ภราดรภาพในเมืองพันธมิตรเป็นสิ่งดีงามนั่นย่อมไม่มีใครเถียงเกิดขึ้นที่ใด ที่นั่นย่อมมีความสงบสุข
แต่ภราดรภาพนั้นหากจำกัดอยู่แต่เพียง "เมืองพันธมิตร" เท่านั้น.....ก็เป็นสิ่งที่น่าเสียดาย
เพราะสิ่งเป็นเป้าหมายของคำว่า "ภราดรภาพ" หรือการยอมรับความแตกต่างของหมู่ชนทั่วทั้งสังคม ทั่วทั้งประเทศ ทั่วทั้งโลกต่างหากคือความหมายที่แท้จริงของคำว่า "ภราดรภาพ"
หากภราดรภาพจำกัดอยู่แต่เพียงความเอื้ออาทรอยู่ในกลุ่มคนเสื้อเหลืองเท่านั้น มันก็ไม่แตกต่างจากการรวมหมู่ของคนเสื้อแดงหรือคนเสื้อสีอื่น
ภราดรภาพของคนเสื้อเหลือง ควรนำออกมาขยายให้กว้างขวางทั่วประเทศ ไม่ถือเขาถือเรา สีไหนๆ ก็คือเพื่อนเรา
คิดต่างไม่ใช่ศัตรู มุมมองของแต่ละปัญหาย่อมมีความหลากหลาย ต้องมีที่ยืนให้ความเห็นที่แตกต่าง
ดังนั้นการยอมรับในอัตลักษ์ของแต่ละคนนั่นต่างหากคือความหมายของ "ภราดรภาพ"
หากเข้าไปใช้ชีวิตในเมืองพันธมิตรออกมาแล้วยังติดอยู่แต่ "พวกเรา เพื่อนเรา" แล้วเราจะเอาคนที่ไม่ใช่เพื่อนเราไปไว้ที่ไหน
ประชาธิปไตยมีหลักอยู่ 3 อย่าง คือ เสรีภาพ เสมอภาค และภราดรภาพ
แต่คนไทยมักจะใช้แค่ เสรีภาพและเสมอภาค แต่ลืมคำว่า "ภราดรภาพ" ไปอย่างน่าเสียดาย
เพราะ "ภราดรภาพ" เท่านั้นที่จะสามารถรวบรวมความเป็นหนึ่งของสังคมให้ก้าวหน้าเป็นปึกแผ่นได้
ถ้าใช้มุมมอง เราเสื้อเหลือง ถ้านายไม่เหลืองไม่ใช่พวกเรา...แบบนี้จะเรียกคนเสื้อสีอื่นว่าเป็นคนไทยได้หรือไม่
หรือจะให้เค้าแบ่งประเทศไปปกครองกันเอง...
Canthai wrote:ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล ย้ำถึงพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในวันเฉลิมฉลองครองราชย์ครบ 60 ปี ที่ไม่ค่อยมีใครจดจำได้ว่า
พวกเราชอบเห็นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แต่ไม่เคยมองพระองค์
พวกเราชอบได้ยินพระเจ้าอยู่หัว แต่ไม่เคยฟังพระองค์
เพราะฉะนั้นถึงไม่เคยจดจำอะไรได้เลย หลัก 4 ข้อคือ
1.คิด พูด ทำ คิดดีต่อกัน
2.ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน
3.อยู่ในความซื่อสัตย์สุจริต
4.คิดต่างกันได้ แต่ให้ตั้งอยู่บนความเที่ยงตรงและมีเหตุมีผล
ถ้าทุกคนปฏิบัติตาม 4 ข้อนี้ได้ เหตุการณ์บ้านเมืองคงไม่เป็นอย่างปัจจุบันนี้ และจะทำให้เกิดเอกภาพขึ้นในประเทศ
"เป็นที่น่าเสียดาย เรามีพระบรมครู ยอดปราชญ์อยู่ในแผ่นดิน แต่ไม่ฟัง กลับไปฟังอะไรก็ไม่รู้ แล้ววันหนึ่งจะเสียใจ
ผมพูดได้แค่นี้ ยังไม่สายนะครับ อย่าเสียกำลังใจ" ดร.สุเมธกล่าวทิ้งท้าย
Canthai wrote:Canthai wrote:เมืองพันธมิตรในทำเนียบเป็นสิ่งดีงาม การปลูกฝังดี และควรสนับสนุนให้เกิดในวงกว้างกับคำว่า "ภราดรภาพ"
เมื่อทำดี คิดดี ก็ควรนำแนวคิดนั้นขยายวงออกมาในวงกว้าง
จริงอยู่ ภราดรภาพในเมืองพันธมิตรเป็นสิ่งดีงามนั่นย่อมไม่มีใครเถียงเกิดขึ้นที่ใด ที่นั่นย่อมมีความสงบสุข
แต่ภราดรภาพนั้นหากจำกัดอยู่แต่เพียง "เมืองพันธมิตร" เท่านั้น.....ก็เป็นสิ่งที่น่าเสียดาย
เพราะสิ่งเป็นเป้าหมายของคำว่า "ภราดรภาพ" หรือการยอมรับความแตกต่างของหมู่ชนทั่วทั้งสังคม ทั่วทั้งประเทศ ทั่วทั้งโลกต่างหากคือความหมายที่แท้จริงของคำว่า "ภราดรภาพ"
หากภราดรภาพจำกัดอยู่แต่เพียงความเอื้ออาทรอยู่ในกลุ่มคนเสื้อเหลืองเท่านั้น มันก็ไม่แตกต่างจากการรวมหมู่ของคนเสื้อแดงหรือคนเสื้อสีอื่น
ภราดรภาพของคนเสื้อเหลือง ควรนำออกมาขยายให้กว้างขวางทั่วประเทศ ไม่ถือเขาถือเรา สีไหนๆ ก็คือเพื่อนเรา
คิดต่างไม่ใช่ศัตรู มุมมองของแต่ละปัญหาย่อมมีความหลากหลาย ต้องมีที่ยืนให้ความเห็นที่แตกต่าง
ดังนั้นการยอมรับในอัตลักษ์ของแต่ละคนนั่นต่างหากคือความหมายของ "ภราดรภาพ"
หากเข้าไปใช้ชีวิตในเมืองพันธมิตรออกมาแล้วยังติดอยู่แต่ "พวกเรา เพื่อนเรา" แล้วเราจะเอาคนที่ไม่ใช่เพื่อนเราไปไว้ที่ไหน
ประชาธิปไตยมีหลักอยู่ 3 อย่าง คือ เสรีภาพ เสมอภาค และภราดรภาพ
แต่คนไทยมักจะใช้แค่ เสรีภาพและเสมอภาค แต่ลืมคำว่า "ภราดรภาพ" ไปอย่างน่าเสียดาย
เพราะ "ภราดรภาพ" เท่านั้นที่จะสามารถรวบรวมความเป็นหนึ่งของสังคมให้ก้าวหน้าเป็นปึกแผ่นได้
ถ้าใช้มุมมอง เราเสื้อเหลือง ถ้านายไม่เหลืองไม่ใช่พวกเรา...แบบนี้จะเรียกคนเสื้อสีอื่นว่าเป็นคนไทยได้หรือไม่
หรือจะให้เค้าแบ่งประเทศไปปกครองกันเอง...
loginofu wrote:Canthai wrote:กระทู้นี้ ไม่ได้โต้แย้งที่ตัวบุคคล ( วงเล็บไว้ในกระทู้แล้วนี่นะ )
แต่โต้แย้งในวิธีคิด ซึ่งสามารถโต้แย้งได้ ไม่ใช่เรื่องส่วนตัว
พวกเราก็มักนำบทความต่างๆ มาวิพากษ์วิจารณ์กันอยู่เสมอมิใช่เหรอ
คนเขียนคอลัมน์พวกนั้น เค้าก็จะปล่อยให้สังคมตัดสินกันเอาเอง
อคติไร้สาระ ภาคนิยมด้วยอัตตา ไม่ใช่ด้วยปัญญา ก็เป็นที่ตัวของหมาขี้เรื้อนตัวเดียวCanthai wrote:แสนหก...
ก็นี่เป็นความคิดเรา ไม่ได้บอกใครกว้างใครแคบ
นี่เป็นความเห็นเรา คนอื่นก็คิดต่างได้นี่
ไม่ใช่กว้างแคบหรือคิดต่างหรอก นี่มันมืดบอดเลยต่่างหากCanthai wrote:ก็มุมมองคับแคบ ก็คือคับแคบ
แสนหกจะบอกว่า นั่นเป็นมุมมองที่กว้างขวาง ก็ว่าไปซีครับ
ภราดรภาพ เสิร์ชเอาได้นี่ครับ
บางทีตอนหาเสียงเลือกตั้ง ก็ไม่มีภราดรภาพ ใช่มั๊ยครับ[ /color]
[ color=#0000FF]สส.สอบตกหลายคนอาจเห็นด้วยกับการไล่คนแยกประเทศ เพราะอาจทำให้หาเสียงง่ายมั๊ง
กรั๊กๆๆ
กรูม่ายรุ กรูจำขี้ปากเขามา
กรูม่ายเข้าใจ กรูถุยออกมาแล้วมันก็อยู่นอกปากกรู ม่ายเกี่ยวกะกรูCanthai wrote:คนเปลี่ยนชื่อใกล้เคียง คงมีจุดประสงค์บางอย่าง
แต่มันก็บ่งบอกถึงนิสัย หรืออะไร ๆ อีกมากมายของเจ้าของล็อคอินนั้น
คนที่ไปตั้งกระทู้ ถามหากะหรี่นะเหรอ...
ผมว่าเสียหายหมดแล้วมั๊ง พอๆ กับ คุณกบ ที่มาตั้งกระทู้ที่เสรีไทย[ /color]
[ color=#0000FF]ผมปักหมุดให้แล้วนี่ครับ ไปดูกันได้ 3 กระทู้ซ้อน
สิ่งใดส่งให้คนอื่นแล้วเค้าไม่รับ มันก็ส่งคืนเจ้าของ...ก็เท่านั้น
แสนหกไปอ่านหรือยังล่ะ
เออ...แล้วมันเกี่ยวกับกระทู้ตรงไหน แสนหก
เขาก็ตั้งไว้ให้หมาขี้เรื้อนมางับ แล้วหมาขี้เรื้อนก็วิ่งเข้ามางับ
สันดานหมาขี้เรื้อน กรูไม่เคยผิด มันก็อยู่นี่เองCanthai wrote:ระดับคนเคยสมัคร สส. ลองอธิบายมาดูครับ
ระัดับอดีตสื่อโดนเฉดหัวส่งเพราะทำเรื่องชั่วๆ ยกมาพูด ก็หัดตอบสิ่งที่ตัวเองถุยออกมาหน่อยCanthai wrote:ผมสิถามก่อน ไม่งั้นจะมาตั้งกระทู้ทำไม
ถ้าคิดแบ่งแยก มันก็ไม่มี ภราดรภาพไง หรือต้องให้นิยาม ภราดรภาพ
กรั๊กๆๆๆๆ ไอ้เรื่องที่ตอแหล แล้วโดนเขาเฉดหัวส่ง คือไม่มีภารดรภาพ
ไอ้เรื่องอคติไร้สาระ ภาคนิยมด้วยอัตตา ไม่ใช่ด้วยปัญญา คือภารดรภาพ
ไอ้เเรื่องถ่มถุยด้วยคำหยาบคาย ไม่ใช้เหตุผล คือภารดรภาพ
หมาขี้เรื้อนCanthai wrote:มันก็สิทธิ์ของคุณ แต่ต้องถามสมาชิกเป็นการทั่วไป
การตั้งกระทู้ถามเป็นการเฉพาะตัว รู้สึกเป็นกติกา มารยาทที่ไม่ได้รับการยอมรับนะครับ
ถ้าตั้งคำถามให้สมาชิกทุกคนตอบ มันถึงจะใช่ ว่ามั๊ย
นินทาลับหลัง ลอบกัดคนอื่น คือภารดรภาพCanthai wrote:ทำไมไม่ไปตั้งในกระทู้ถามตอบละครับ กระทู้นั้นสร้างสรรค์ดีออก
รักจะเป็นนักการเมืองเคยได้ยินคำนี้มั๊ยครับ
"คุณมีสิทธิ์จะถาม ผมมีสิทธิ์จะตอบหรือไม่ตอบ"
******* กัดเขาแล้วไม่ยอมรับ ไม่ตอบคำถาม คือภารดรภาพCanthai wrote:ก็บอกมาสิ ความเห็นที่ผมใส่ไปเรื่องภราดรภาพ คิดยังไง
ถ้าอ่านตรงไหนไม่เข้าใจก็ถามมา แต่ถ้าถามว่า ภราดรภาพคืออะไร
สงสัยสอบอีกกี่สมัยก็ตกครับ[ /color]
[ color=#0000FF]เรื่องแค่นี้ถามผู้ใหญ่ลีก็ได้ เรื่อง สุกร ๆ เนี่ย ผู้ใหญ่ลีตอบได้ในทันใด
สักแต่เอาคำหรูๆ มาอวดว่ากรูเก่ง แต่จริงๆก็ไม่รู้ความหมาย คือภารดรภาพCanthai wrote:เมืองพันธมิตรในทำเนียบเป็นสิ่งดีงาม การปลูกฝังดี และควรสนับสนุนให้เกิดในวงกว้างกับคำว่า "ภราดรภาพ"
เมื่อทำดี คิดดี ก็ควรนำแนวคิดนั้นขยายวงออกมาในวงกว้าง
จริงอยู่ ภราดรภาพในเมืองพันธมิตรเป็นสิ่งดีงามนั่นย่อมไม่มีใครเถียงเกิดขึ้นที่ใด ที่นั่นย่อมมีความสงบสุข
แต่ภราดรภาพนั้นหากจำกัดอยู่แต่เพียง "เมืองพันธมิตร" เท่านั้น.....ก็เป็นสิ่งที่น่าเสียดาย
เพราะสิ่งเป็นเป้าหมายของคำว่า "ภราดรภาพ" หรือการยอมรับความแตกต่างของหมู่ชนทั่วทั้งสังคม ทั่วทั้งประเทศ ทั่วทั้งโลกต่างหากคือความหมายที่แท้จริงของคำว่า "ภราดรภาพ"
หากภราดรภาพจำกัดอยู่แต่เพียงความเอื้ออาทรอยู่ในกลุ่มคนเสื้อเหลืองเท่านั้น มันก็ไม่แตกต่างจากการรวมหมู่ของคนเสื้อแดงหรือคนเสื้อสีอื่น
ภราดรภาพของคนเสื้อเหลือง ควรนำออกมาขยายให้กว้างขวางทั่วประเทศ ไม่ถือเขาถือเรา สีไหนๆ ก็คือเพื่อนเรา
คิดต่างไม่ใช่ศัตรู มุมมองของแต่ละปัญหาย่อมมีความหลากหลาย ต้องมีที่ยืนให้ความเห็นที่แตกต่าง
ดังนั้นการยอมรับในอัตลักษ์ของแต่ละคนนั่นต่างหากคือความหมายของ "ภราดรภาพ"
หากเข้าไปใช้ชีวิตในเมืองพันธมิตรออกมาแล้วยังติดอยู่แต่ "พวกเรา เพื่อนเรา" แล้วเราจะเอาคนที่ไม่ใช่เพื่อนเราไปไว้ที่ไหน
ประชาธิปไตยมีหลักอยู่ 3 อย่าง คือ เสรีภาพ เสมอภาค และภราดรภาพ
แต่คนไทยมักจะใช้แค่ เสรีภาพและเสมอภาค แต่ลืมคำว่า "ภราดรภาพ" ไปอย่างน่าเสียดาย
เพราะ "ภราดรภาพ" เท่านั้นที่จะสามารถรวบรวมความเป็นหนึ่งของสังคมให้ก้าวหน้าเป็นปึกแผ่นได้
ถ้าใช้มุมมอง เราเสื้อเหลือง ถ้านายไม่เหลืองไม่ใช่พวกเรา...แบบนี้จะเรียกคนเสื้อสีอื่นว่าเป็นคนไทยได้หรือไม่
หรือจะให้เค้าแบ่งประเทศไปปกครองกันเอง...loginofu wrote:แหม...มั่วไปได้ พธม.ไม่คิดเรื่อง เพศ วัย ภาคอยู่แล้ว
ในการชุมนุม มาจากจังหวัดไหนชูป้ายเขาก็ตบมือ(ตบ)ต้อนรับด้วยความยินดีทั้งนั้น
ข่าวชื่นชมพธม.ขอนแก่นขายข้าวเป็นล่ำเป็นสันก็พึ่งออกมา มันเป็นการจำกัด เป็นการแบ่งภาคกันตรงไหน
ไอ้ที่ยกคำสวยหรูมาพูดนั่นน่ะ อ่านแล้วก็ให้มันเข้าสมองตัวเองบ้างนะ
คนอื่นเขามองข้ามประเด็นนั้นไปแล้ว พูดคุยกันดีๆ
จู่ๆก็มีไอ้บ้าภาคนิยมสุดกู่ ใครแตะไม่ได้ "สาวใต้ให้ฟรี" นั่นใครหว่า
แถในกระทู้นั้นแล้วยังมาแถต่อในกระทู้นี้ โทษแต่คนอื่น โถ ไอ้หมาขี้เรื้อนจนกระทั่ง คคห.หลัง ๆ ปรากฎว่ามี "อีสานลิซึ่ม" ประเภทใครแตะต้องคนอีสาน - วิพากย์วิจารณ์ไม่ได้เลย โผล่เข้ามา
ด่าผม - ด่ากระทู้ - ทะเลาะกับคนอื่น ๆ ไล่เรื่อยด่าไปถึงคนกรุงเทพ ฯ คนใต้ อย่างเสียหาย หยาบคาย โดยไม่สนใจว่าจุดประสงค์ของกระทู้คืออะไร
และด่าอย่างไม่มีเหตุผลรองรับ ด่าอย่างเอาชนะ
แล้วพรรคพวกคนอีสานด้วยกันก็เข้ามาสรุปว่า "เป็นกระทู้ที่ทำให้แตกแยก"
โควตแปะซ้ำแล้วซ้ำอีก แบบไม่มีมารยาท คือภารดรภาพ
โคดสีงี่งเง่าซ้ำๆ คือภารดรภาพ
pojjaman wrote:ภาดรภาพ
Canthai wrote:ในยุคสมัยการปฏิวัติฝรั่งเศสได้เกิดคำขวัญขึ้นมาว่า "เสรีภาพ เสมอภาค ภราดรภาพ หรือความตาย"
แต่หลังจากนั้นในสมัยจักรวรรดิฝรั่งเศสและราชวงศ์บูร์บงฟื้นฟู คำขวัญดังกล่าวก็ได้ถูกลืมหายไปจนกระทั่งปี พ.ศ. 2391 ปีแอร์ เลอรูซ์ได้นำคำขวัญกลับคืนมาใช้อีกครั้งหนึ่ง และนายกเทศมนตรีนครปารีสได้เขียนคำขวัญดังกล่าวบนกำแพงเมือง จนกระทั่งสมัยสาธารณรัฐฝรั่งเศสที่ 3 ที่คำขวัญนี้ได้กลายเป็นคำขวัญอย่างเป็นทางการ
ในระหว่างการบุกประเทศฝรั่งเศสของเยอรมนีในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 คำขวัญได้ถูกแทนโดย "งาน ครอบครัว ปิตุภูมิ" โดยฟิลิป เปแตง หัวหน้ารัฐบาลวิชีฝรั่งเศสโดยการสนับสนุนของนาซีเยอรมนี อย่างไรก็ตามคำขวัญใหม่นี้ได้ถูกล้อเลียนเป็น "แสวงโชค อดอยาก ลาดตระเวน" ซึ่งเป็นการสะท้อนชีวิตความเป็นอยู่ในสมัยวิชีฝรั่งเศสที่มีความขาดแคลนและความยากลำบากในการดำรงชีวิต
ปัจจุบันประเทศฝรั่งเศสได้ใช้คำขวัญว่า "เสรีภาพ เสมอภาค ภราดรภาพ" เป็นคำขวัญประจำชาติซึ่งก็ได้บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญฝรั่งเศสปี 2489 และ 2501
เสรีภาพ
เสรีภาพ คือการเน้นในเสรีภาพของบุคคล หรือ ปัจเจกชนนิยม และได้ขยายไปในเรื่องเสรีภาพในด้านความคิด ความเชื่อทางศาสนา การศึกษาหาความรู้ การพิมพ์และเผยแพร่ข่าวสาร รวมทั้งเสรีภาพในทางการเมือง
เสมอภาค
เสมอภาค คือความเท่าเทียมกันตามกฎหมายของปัจเจกชน ความเสมอภาคขึ้นอยู่กับหลักความเที่ยงธรรม ความเท่าเทียมกันในเรื่องสิทธิและหน้าที่ เช่น ความเท่าเทียมในด้านการเสียภาษี การรับใช้ชาติโดยการเป็นทหาร และสิทธิในการออกเสียงเลือกตั้ง
ภราดรภาพ
ภราดรภาพ คือความเป็นพี่เป็นน้องกัน มนุษย์ทุกคนจะต้องมีความเท่าเทียมกันและปฏิบัติต่อกันดุจพี่น้อง ความเป็นพี่เป็นน้อง เป็นสิ่งที่ธรรมชาติมอบให้มนุษย์ คือ การไม่เน้นผิวพรรณ หรือ เผ่าพันธุ์
ช่องกลางของคานประตูโบสถ์มีคำขวัญประจำชาติ ซึ่งได้ใส่ไว้ในปี พ.ศ. 2448 ตามกฎหมายแยกรัฐออกจากศาสนาของประเทศฝรั่งเศส
halfmoon wrote:ทำไมไม่ตอบตามความรู้สึกนึกคิดของตัวเองเลย ทำไมถึงต้องลากความหมายที่ผู้อื่นให้ไว้ ไม่กล้าแสดงออกแม้แต่ความหมายแค่นี้
อ้างอิงถึงผู้อื่นได้หากต้องการให้ความคิดของผู้อื่นมาเป็นกรอบสนับสนุนความคิดตัวเอง แต่ต้องแสดงความคิดเห็นที่ออกมาจากตัวเราเองด้วย
ว่าเราคิดว่าภราดรภาพที่เราอ้างถึงอยู่เสมอนั้น มันหมายความว่าอย่างไร คนอื่นจะได้รู้เวลาเราพูดถึงสิ่งใดสิ่งหนึ่งนั้น มันหมายความถึงอะไรด้วย
แดง ขาว น้ำเงิน wrote:pojjaman wrote:ภาดรภาพ
ขอแก้เป็น ภาพภราดร
soco wrote:halfmoon wrote:ทำไมไม่ตอบตามความรู้สึกนึกคิดของตัวเองเลย ทำไมถึงต้องลากความหมายที่ผู้อื่นให้ไว้ ไม่กล้าแสดงออกแม้แต่ความหมายแค่นี้
อ้างอิงถึงผู้อื่นได้หากต้องการให้ความคิดของผู้อื่นมาเป็นกรอบสนับสนุนความคิดตัวเอง แต่ต้องแสดงความคิดเห็นที่ออกมาจากตัวเราเองด้วย
ว่าเราคิดว่าภราดรภาพที่เราอ้างถึงอยู่เสมอนั้น มันหมายความว่าอย่างไร คนอื่นจะได้รู้เวลาเราพูดถึงสิ่งใดสิ่งหนึ่งนั้น มันหมายความถึงอะไรด้วย
หนุ่มน้อย เจ้าจงจำใว้ว่า
หากตอบไป
ก็จะมีพวกเลวชาติ มาด่าลุงอีกว่า
บัญญัติคำขึ้นมาใหม่
คงมีเท่านี้
อย่าถามโง่ ๆ ที่มันเป็นมานานแล้ว
หากหาไม่ได้ ก็ไม่น่าถาม ไปแอบถาม ก็ยังดีกว่า
คนอื่นจะไม่ตราหน้าได้ว่า
โง่
Canthai wrote:ความรู้สึก คล้ายๆ เจอควายแดงในราชดำเนิน ว่ามะ
halfmoon wrote:soco wrote:halfmoon wrote:ทำไมไม่ตอบตามความรู้สึกนึกคิดของตัวเองเลย ทำไมถึงต้องลากความหมายที่ผู้อื่นให้ไว้ ไม่กล้าแสดงออกแม้แต่ความหมายแค่นี้
อ้างอิงถึงผู้อื่นได้หากต้องการให้ความคิดของผู้อื่นมาเป็นกรอบสนับสนุนความคิดตัวเอง แต่ต้องแสดงความคิดเห็นที่ออกมาจากตัวเราเองด้วย
ว่าเราคิดว่าภราดรภาพที่เราอ้างถึงอยู่เสมอนั้น มันหมายความว่าอย่างไร คนอื่นจะได้รู้เวลาเราพูดถึงสิ่งใดสิ่งหนึ่งนั้น มันหมายความถึงอะไรด้วย
หนุ่มน้อย เจ้าจงจำใว้ว่า
หากตอบไป
ก็จะมีพวกเลวชาติ มาด่าลุงอีกว่า
บัญญัติคำขึ้นมาใหม่
คงมีเท่านี้
อย่าถามโง่ ๆ ที่มันเป็นมานานแล้ว
หากหาไม่ได้ ก็ไม่น่าถาม ไปแอบถาม ก็ยังดีกว่า
คนอื่นจะไม่ตราหน้าได้ว่า
โง่
คุณ soco คุณอย่ามองโลกนี้และผู้อื่นร้ายสิครับ ในเมื่อลุงแคนชอบอ้างคำนี้ตลอด ใครก็อยากรู้ว่าลุงแคนหมายถึงอะไรจากข้างในของลุงแคนเอง
ส่วนตัวคุณนับวันจะแขวะ ผมจนทำให้ผมมองว่าคุณไม่เป็นตัวของตัวเอง ผมว่าคุณเกิดมาชาติหนึ่งไม่จำเป็นต้องแบกหางคนอื่นคุณก็ดูดีอยู่นะครับ