เค้าลางแห่งความเลวร้าย...แม้ว

คลังปัญญา กระทู้ปักหมุดเดิม เรื่องสำคัญจัดเก็บที่นี่

Re: เค้าลางแห่งความเลวร้าย...แม้ว

Postby แดง ขาว น้ำเงิน » Thu Oct 29, 2009 11:20 am

มาเสริฟน้ำเย็นๆ ให้ จขกท :mrgreen:
"ผู้ที่ใช้สติปัญญาไม่เป็น คือคนโง่ ผู้ที่ไม่กล้าใช้สติปัญญา คือทาส" เพลโต้
User avatar
แดง ขาว น้ำเงิน
Moderator
 
Posts: 4943
Joined: Thu Feb 12, 2009 4:07 pm
Location: Earth


Re: เค้าลางแห่งความเลวร้าย...แม้ว

Postby bird » Thu Oct 29, 2009 1:18 pm

แดง ขาว น้ำเงิน wrote:มาเสริฟน้ำเย็นๆ ให้ จขกท :mrgreen:


ขอบคุณคร้าบ อืม...เย็นชื่นใจ :mrgreen:

overtherainbow wrote:แถมด้วยส้มตำรสจัดจ้าน อิอิ


อืม...เข้ากั๊น เข้ากัน น้ำเย็นกะส้มตำ ขอบคุณคร้าบ :mrgreen:
User avatar
bird
 
Posts: 1426
Joined: Wed Apr 01, 2009 1:25 pm

Re: เค้าลางแห่งความเลวร้าย...แม้ว

Postby bird » Thu Oct 29, 2009 3:13 pm

พฤติกรรมเช่นนี้ สมควรหรือ

รวบรวมให้เท่าที่ความสามารถจะทำได้

๒๕ ธันวาคม ๒๕๔๘
ทักษิณ พูดในงาน นายกฯพบแท็กซี่ ที่ อินดอร์สเตเดียมหัวหมาก
“…บางช่วงนี่นะ ให้คนนั่งแท็กซี่ บอกว่าเนี่ยผมกำลังเหลิงจะเป็นประธานาธิบดี ปัดโธ่!
เป็นแค่นี้เหนื่อยจะตายห่าอยู่แล้ว ทุกวันนี้อยู่ด้วยจิตรับผิดชอบ แล้วเอะอะอะไรก็
แหม! หาว่าผมไม่จงรักภักดี ปัดโธ่! ถ้านายกฯ ไม่จงรักภักดี แล้วผีที่ไหนจะจงรักภักดี”

๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๙
ทักษิณพูดผ่านรายการวิทยุ “นายกฯ คุยกับประชาชน” โดยกล่าวว่า ผู้ที่จะให้ตนลาออก
ได้มีเพียงผู้เดียว
“...ถ้าพระเจ้าอยู่หัวกระซิบผม รับสั่งคำเดียว ทักษิณออกเถอะ รับรอง
กราบพระบาทออกแน่นอน..."

๒๙ มิถุนายน ๒๕๔๙
หลังจากอัยการมีมติส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรคไทยรักไทย และอีก 4 พรรค
ในวันที่ ๒๗ มิถุนายน ๒๕๔๙ เพียง ๒ วันให้หลัง (๒๙ มิถุนายน) พ.ต.ท.ทักษิณก็พูด
ถึงผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญต่อที่ประชุมหัวหน้าส่วนราชการต่างๆ ทันที

“ ...ความวุ่นวายมันเกิดจากหลายอย่าง อย่างหนึ่งเนี่ย เมื่อใด เป็นทฤษฎีบริหารเลยนะ
เมื่อใดองค์กรตามปกติถูกองค์กรที่นอกระบบครอบงำหรือมีอิทธิพลมากกว่าองค์กรปกตินั้น
วุ่นวาย หรือถ้าจะแปลเป็นไทยชัดๆ ก็คือ วันนี้องค์กรนอกรัฐธรรมนูญ ไม่ใช่ในรัฐธรรมนูญ
คือบุคคลซึ่งดูเหมือนมีบารมีนอกรัฐธรรมนูญเข้ามาวุ่นวายองค์กรที่มีในระบบรัฐธรรมนูญ
มากไป...”

๑๘ มีนาคม ๒๕๕๐
นายโชติศักดิ์ แกนนำของเครือข่าย 19 กันยาต้านรัฐประหาร เคลื่อนไหวให้มีการชุมนุม
หน้าบ้านพลเอกเปรม กล่าวหาว่าให้การสนับสนุนการรัฐประหาร

ช่วงเดือน มิถุนายน ๒๕๕๐
เกิดการรวมตัวของแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ (นปก.) ที่ใช้ยุทธศาสตร์โจมตี
ว่าประธานองคมนตรี เป็นผู้อยู่เบื้องหลังการรัฐประหาร ๑๙ กันยายน ๒๕๔๙

ช่วงเดือน กรกฎาคม ๒๕๕๐
มวลชน นปก เดินทางไปขับไล่พลเอกเปรม ออกจากตำแหน่งประธานองคมนตรี

๒๙ สิงหาคม ๒๕๕๐
จักรภพ แกนนำ น-ป-ก บรรยายต่อชมรมผู้สื่อข่าวต่างประเทศ ในหัวข้อ
“ประชาธิปไตยกับระบบอุปถัมภ์ของไทย” เนื้อหาล่อแหลมต่อการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ
ส่งผลให้ถูกดำเนินคดีอาญามาตรา 112ว่าด้วยเรื่อง “หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ”

๒๐ กันยายน ๒๕๕๐
นายโชติศักดิ์ อ่อนสูง อายุ 27 ปี แกนนำเครือข่าย ๑๙ กันยาต้านรัฐประหาร กับพวก
ถูก นายนวมินทร์ วิทยากุล อายุ 40 ปี เข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สน.ปทุมวัน
ให้ดำเนินคดีฐานไม่ยืนตรงแสดงความเคารพในโรงภาพยนตร์ ระหว่างเพลงสรรเสริญ
พระบารมี

ในเวลาต่อมา ร.ต.ท.โสเพชร พนง เจ้าของคดี ได้เรียกตัวมารับทราบข้อหา
หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ระหว่างที่ นายโชติศักดิ์ เดินทางไปรับทราบข้อหานั้น ได้ถือ
ป้ายและสวมเสื้อสกรีนข้อความ ไม่ยืน ไม่ใช่อาชญากร คิดต่าง ไม่ใช่อาชญากรรม

๑๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๐
จักรภพ ปาฐกถาให้คนไทยในอเมริกา เนื้อหาพาดพิงพระบรมราชวงศ์ ลักษณะว่า
ทำกรรมหนัก หรืออนัตริยกรรม โดยการทำให้พระสงฆ์แตกแยกกัน

๒๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๐
เจ้าพนักงานตำรวจประจำสถานีตำรวจภูธร เมืองนนทบุรี ภายใต้การอำนวยการสั่งการ
ของพล.ต.ต.ปริญญา ได้เข้าจับกุมตัวนายชาญวิทย์ พร้อมของกลางเป็นเอกสารขนาด
A4 มีข้อความ หมิ่นประมาท ดูหมิ่นหรือ แสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์
พระราชินีและรัชทายาท

ขณะที่กำลังแจกจ่ายเอกสารดังกล่าวระหว่างการปราศรัยของกลุ่มอดีตคณะผู้บริหาร
ท-ร-ท ที่ถูกตัดสิทธ์ทางการเมือง ริมเขื่อนท่าเรือนนทบุรีโดยนายชาญวิทย์ เป็นแกนนำ
ของกลุ่มกรรมกรปฏิรูปที่นำกรรมกรให้เข้าร่วมการชุมนุมของกุล่ม 19 กันยาต้านรัฐประ
หารและ นปก มาอย่างต่อเนื่อง

เป็นแกนนำปฏิบัติงานที่ได้นำเอาสมุดปกม่วง ของกลุ่มวันเสาร์ไม่เอาเผด็จการ โจมตี
พลเอกเปรม ออกไปเผยแพร่ตามงานสัมมนาในต่างจังหวัด หลายจังหวัดด้วยกัน เป็นที่
รู้จักกันดีในกลุ่มผู้ชุมนุมท้องสนามหลวง ซึ่งคดีนี้ ศาลนนทบุรี มีการนัดสืบเตรียมพร้อม
บัญชีพยาน เมื่อวันที่ ๒๑ เมษายน ๒๕๕๑ และนัดสืบพยานครั้งต่อไปในปี ๒๕๕๒

๑๐ มิถุนายน ๒๕๕๑
นายชูชีพ ปธ.ชมรมพิทักษ์รธน. ขึ้นเวทีปราศรัยของ น-ป-ช จนถูกตำรวจออกหมายจับ
ในข้อหา หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ และตำรวจยังได้ตั้งทีมสืบสวนการจัดรายการของนาย
ชูชีพรวมทั้งข้อความที่นำไปแพร่ในอินเตอร์เน็ต ซึ่งนายชูชีพอยู่ระหว่างการหลบหนีไป
ต่างประเทศ

๑๘ กรกฎาคม ๒๕๕๑
ดารณี หรือ “ดา ตอร์ปิโด” ปราศรัยบนเวทีของกลุ่ม น-ป-ช เนื้อหาที่ปราศรัยเข้าข่าย
“หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ” จนถูกจับกุมและถูกศาลตัดสินจำคุก

๑๕ สิงหาคม ๒๕๕๑
นางบุญยืน เข้ามอบตัวต่อตำรวจหลังถูกออกหมายจับ กรณีกล่าวปราศรัยบนเวทีการ
ชุมนุมกลุ่ม น-ป-ก โดยมีเนื้อหาจาบจ้วงเบื้องสูง ศาลตัดสินจำคุก ๑๒ ปี จำเลยสารภาพ
ลดโทษครึ่งหนึ่งจำคุก ๖ ปี คดีถึงที่สุด

๑๕ สิงหาคม ๒๕๕๑
ศาลอนุมัติหมายจับที่ จ.๒๔๒๘/๒๕๕๑ ต่อนายวีระ เนื่องจากวันที่ ๖ พฤษภาคม ๒๕๕๐
ได้ขึ้นปราศรัยบนเวทีเสื้อแดงมีเนื้อหาหมิ่นเบื้องสูง ตามหลักฐานของ สน.ชนะสงคราม

๑๔ ตุลาคม ๒๕๕๑
นายวราวุธ หรือสุชาติ นาคบางไซ แกนนำกลุ่มวันเสาร์ไม่เอาเผด็จการ ขึ้นปราศรัยใน
การชุมนุมรำลึกเหตุการณ์ ๑๔ ตุลาคม ที่ท้องสนามหลวง จัดโดย น-ป-ช ซึ่งต่อมาตำรวจ
ออกหมายจับ เมื่อวันที่ ๑๗ ตุลาคม ๒๕๕๑ นายสุชาติหลบหนีการจับกุมเดินทางออก
นอกประเทศ

๑๔ ตุลาคม ๒๕๕๑
นายเพชรวรรต แกนนำกลุ่มคนรักเชียงใหม่ ปราศรัยถึงการเข้าร่วมชุมนุมกับกลุ่มนปช.
ที่สนามหลวง และมีการปราศรัยที่หมิ่นเหม่ เรื่องสถาบันกษัตริย์
“คนเชียงใหม่นับถือแค่กษัตริย์ ๓ องค์เท่านั้น ก็คือ อนุสาวรีย์สามกษัตริย์ ซึ่งประดิษ
ฐานอยู่หน้าศาลากลางหลังเก่า (พญาเม็งราย พญางำเมือง และ พ่อขุนรามคำแหง)
ไปกรุงเทพฯ ก็ไปสักการะเฉพาะศาลเจ้าพ่อหลักเมืองเท่านั้น”

ซึ่งคำปราศรัยกล่าวถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์และควรสักการะ มุ่งตอกย้ำว่า เราเคารพ ๓ กษัตริย์
ของเราถ้าไปที่อื่นก็จะไปเคารพเฉพาะศาลหลักเมืองเท่านั้น โดยมีข้อความตอนหนึ่งว่า
“...ส่วนอย่างอื่นอยู่ในอุ้งตีนคนเชียงใหม่หมด...”

๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๑
ทักษิณโฟนอินข้ามประเทศ กล่าวว่า ไม่มีใครสามารถนำตนกลับประเทศได้นอกจาก
พระบารมีของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และพลังของประชาชน
"ไม่มีใครที่จะเอาผมกลับประเทศไทยได้หรอก นอกจากพระบารมีที่จะทรงมีพระเมตตา
หรือไม่ก็พลังของพี่น้องประชาชนทุกท่าน จริงไหมครับ"

๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๑
สภาทนายความออกแถลงการณ์ ชี้เนื้อหาโฟนอิน ก้าวล่วงสถาบัน-ศาล ระบุทักษิณ
โฟนอินความจริงวันนี้สัญจร เมื่อวันที่ ๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๑ เข้าข่ายดูหมิ่นศาล และ
ก้าวล่วงสถาบัน เชื่อมีการวางแผน ตั้งคำถามล่วงหน้า กระทบกระบวนยุติธรรม หวังลด
ความน่าเชื่อถือคำพิพากษาศาลฎีกา

๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๑
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ ๒๔ พ.ย.นี้ เว็บไซต์ของหนังสือพิมพ์อาระเบียน บิวสิเนส
(http://www.arabianbusiness.com/) ซึ่งเป็นหนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษ ที่ตีพิมพ์
ที่เมืองดูไบ ได้รายงานบทสัมภาษณ์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ได้ให้สัมภาษณ์นายไดแลน
ผู้สื่อข่าวของหนังสือพิมพ์อาระเบียน บิวสิเนส เมื่อ ๒๓ พฤศจิกายน ว่า กลับเมืองไทยจะ
มาเล่นการเมือง

“ถ้าผมได้เข้ามาบริหารประเทศ จะนำความมั่นใจกลับสู่ประเทศไทยได้ นี่คือเหตุผลที่ว่า
ทำไมผมต้องกลับไปเล่นการเมือง เราจะต้องหากลไกที่จะทำให้ผมกลับได้ อย่างไรก็ตาม
การจะกลับประเทศได้ ก็ต่อเมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเห็นว่ามีความจำเป็นและ
ประชาชนต้องการ ผมคิดว่าปัจจัยสำคัญขึ้นอยู่กับประชาชน ถ้าพวกเขารู้สึกว่าลำบากมาก
และเรียกร้องให้ผมกลับผมจะกลับ ถ้าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงรู้สึกว่าผมมีประโยชน์
ผมก็จะกลับไป และพระองค์อาจจะทรงอภัยโทษให้ผม แต่ถ้าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ทรงเห็นว่าผมช่วยอะไรไม่ได้ และประชาชนไม่ต้องการผม ผมจะอยู่ที่นี่และทำธุรกิจต่อไป”

๑๑ มกราคม ๒๕๕๒
สตช. ออกหมายเรียก ใจ อึ๊งภากรณ์ ..........หลังจากนั้นหลบหนีออกจากประเทศ
ทิ้งแลถลงการณ์แดงสยามไว้ให้ดูต่างหน้า

๑๘ มกราคม ๒๕๕๒
พล.อ.ชัยสิทธิ์เดินทางร่วมพิธีแก้กรรมสืบชะตาให้ทักษิณที่ จ.เชียงใหม่ เมื่อวันที่ ๑๗
โดยตอนหนึ่งของการให้สัมภาษณ์ กล่าวว่า

“..เราตั้งใจด้วยความบริสุทธิ์ใจ หากไปมองอย่างอื่นช่วยไม่ได้ อยากให้เขียนชื่อผม
ไปด้วยก็ได้ ไม่มีปัญหา เพราะจะได้ไม่มีเวรมีกรรมกับใคร ทั้งนี้ อยากฝากนักการเมือง
อย่าเล่นการเมืองให้มากเกินไป เพราะจะไม่จบ อยากให้ดำเนินการตามธรรมชาติ

เอาของจริงมาพูด ผมยังไม่ทราบว่าทักษิณอยู่ไหน และไม่มีการพูดคุยกัน แต่คิดว่าทักษิณ
คงปลงแล้ว และการที่ผมเข้าร่วมกิจกรรมถือว่าดีเสียอีก เพราะเขาลดทิฐิไปเยอะ โดยเฉพาะ
เกี่ยวกับสถาบัน ผมบอกว่าไม่ได้นะ เราเป็นคนไทยต้องรักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ทุกอย่างอย่า
ไปแตะต้องให้ระคายเคือง ลูกผู้ชายตัวจริงว่ากันซึ่งหน้า ไม่มีลับ"

๒๗ มีนาคม ๒๕๕๒
เนื้อหาบางส่วนของการโฟนอิน
"วันนี้สิ่งสำคัญการที่องคมนตรีเข้ามาเกี่ยวข้องในการเมืองเป็นสิ่งที่ไม่สมควรอย่างยิ่ง
เพราะทำให้เกิดความคลาดเคลื่อนว่า พระเจ้าอยู่หัวทรงเกี่ยวข้องการเมืองได้อย่างไร
พระเจ้าอยู่หัวท่านสถิตอยู่ที่สูง ท่านเป็นที่รักของพสกนิกร แต่คนอยู่รอบพระองค์ท่าน
เข้ามาเกี่ยวข้องกับการเมืองทำให้พระองค์ท่านทรงเสีย..."

ขออนุญาติยุติตัวอย่างข้อความ คำกล่าวในลักษณะเช่นนี้เพียงเท่านี้ เนื่องจากเนื้อหา
ของคำกล่าวไม่น่าจดจำ และไม่อยากเชื่อว่าจะเป็นคำกล่าวของคนไทยกลุ่มหนึ่ง...
Last edited by bird on Thu Oct 29, 2009 8:16 pm, edited 1 time in total.
User avatar
bird
 
Posts: 1426
Joined: Wed Apr 01, 2009 1:25 pm

Re: เค้าลางแห่งความเลวร้าย...แม้ว

Postby overtherainbow » Thu Oct 29, 2009 5:23 pm

หึหึ เนี่ยนะความจงรักภักดีของทักษินที่มีต่อสถาบัน
เกินสามครั้ง ไม่นับว่าบังเอิญแล้ว

หนูเบิร์ด ขยันได้ใจจิงๆ :D
User avatar
overtherainbow
 
Posts: 3123
Joined: Sat Dec 27, 2008 12:36 pm


Re: เค้าลางแห่งความเลวร้าย...แม้ว

Postby เบื่อ นช ทักสิน » Fri Oct 30, 2009 1:22 pm

ATOM wrote:โทษทีท่าน Bird ขอใช้บัตร สอใส่เกือก...
พระท่านว่า..
เขามีส่วน เลวบ้าง ช่างหัวเขา
จงเลือกเอา ส่วนที่ดี เขามีอยู่
เป็นประโยชน์ โลกบ้าง ยังน่าดู
ส่วนที่ชั่ว อย่าไปรู้ ของเขาเลย
จะหาคน มีดี แต่ส่วนเดียว
อย่ามัวเที่ยว ค้นหา สหายเอ๋ย
เหมือนค้นหา หนวดเต่า ตายเปล่าเอย
ฝึกให้เคย มองแต่ดี มีคุณจริง..

เฮอะๆ แบบนี้เขาเรียกว่ามัวเมาจริงๆ ถ้าไอ้เหลี่ยมฆ่าพ่อแม่เอ็งตาย แบบที่ฆ่า ชิปปิ้งหมู เพราะไปเปิดโปงการโกงภาษีอุปกรณ์ดาวเทียม เอ็งก็คงว่ามันเป็นคนดี เพราะว่า เป็นคนที่ทำให้เอ็งได้ใช้โทรศัพท์มือถือ ไม่ต้องไปใช้ขององค์การโทรศัพท์ ว่างั้นเหอะ เออ นะ มันมัวเมาไปได้ เรียกว่าหลับตาเลยแหละ ประเทศเจริญลงเพราะว่าคนแบบเอ็งนี้แหละ
User avatar
เบื่อ นช ทักสิน
 
Posts: 1146
Joined: Mon Nov 03, 2008 11:57 am

Re: เค้าลางแห่งความเลวร้าย...แม้ว

Postby เบื่อ นช ทักสิน » Fri Oct 30, 2009 1:30 pm

ประชาธิปไตยแบบเหลี่ยม
ใครเลือกพรรค ไทยรักไทย เอางบประมาณไปก่อน พวกไม่เลือกก็รอไปก่อน แต่ภาษีของพวกเอ็ง ข้าขอเก็บก่อน แล้วเอาไปแบ่งกันใช้ก่อนนะ ถุย!
User avatar
เบื่อ นช ทักสิน
 
Posts: 1146
Joined: Mon Nov 03, 2008 11:57 am

Re: เค้าลางแห่งความเลวร้าย...แม้ว

Postby bird » Fri Oct 30, 2009 3:08 pm

ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ท่านฝากไว้

ก่อนจะกล่าวถึงเรื่องเขาพระวิหาร บังเอิญอ่านพบกลอนของ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช
ที่ท่านได้แต่งไว้ เมือ ตุลาคม ๒๕๐๒ ก่อนที่ศาลโลกจะมีคำพิพากษาเกี่ยวกับคดีเขา
พระวิหาร ในเดือน มิถุนายน ๒๕๐๕ เนื้อหากลอนความว่า

สัปดาห์นี้มีเรื่องความเมืองใหญ่
ไทยถูกฟ้องขับไล่ขึ้นโรงศาล
เคยเป็นเรื่องโต้เถียงเกี่ยงมานาน
ที่ยอดเขาพระวิหารรู้ทั่วกัน


กะลาครอบมานานโบราณว่า
พอแลเห็นท้องฟ้าก็หุนหัน
คิดว่าตนนั้นใหญ่ใครไม่ทัน
ทำกำเริบเสิบสันทุกอย่างไป

อันคนไทยนั้นสุภาพไม่หยาบหยาม
เห็นใครหย่อนอ่อนความก็ยกให้
ถึงล่วงเกินพลาดพลั้งยังอภัย
ด้วยเห็นใจว่ายังเยาว์เบาความคิด


เขียนบทความด่าตะบึงถึงหัวหู
ไทยก็ยังนิ่งอยู่ไม่ถือผิด
สั่งถอนทูตเอิกเกริกเลิกเป็นมิตร
แล้วกลับติดตามต่อขอคืนดี

ไทยก็ยอมตามใจไม่ดึงดื้อ
เพราะไทยถือเขมรผองเหมือนน้องพี่
คิดตกลงปลงกันได้ด้วยไมตรี
ถึงคราวนี้ใจเขมรแลเห็นกัน


หากไทยจะลำเลิกบ้างอ้างขอบเขต
เมืองเขมรทั้งประเทศของใครนั่น?
ใครเล่าตั้งวงศ์กษัตริย์ปัจจุบัน
องค์ด้วงนั้นคือใครที่ไหนมา?

เป็นเพียงเจ้าไม่มีศาลซมซานวิ่ง
ได้แอบอิงอำนาจไทยจึงใหญ่กล้า
ทัพไทยช่วยปราบศัตรูกู้พารา
สถาปนาจัดระบอบให้ครอบครอง


ได้เดชไทยไปคุ้มกะลาหัว
จึงตั้งตัวขึ้นมาอย่าจองหอง
เป็นข้าขัณฑสีมาฝ่าละออง
ส่งดอกไม้เงินทองตลอดมา

ไม่เหลียวดูโภไคไอศวรรย์
ทั้งเครื่องราชกกุธภัณฑ์เป็นหนักหนา
ฝีมือไทยแน่นักประจักษ์ตา
เพราะทรงพระกรุณาประทานไป


มีพระคุณจุนเจือเหลือประมาณ
ถึงลูกหลานกลับเนรคุณได้
สมกับคำโบราณท่านว่าไว้
อย่าไว้ใจเขมรเห็นจริงเอย...

ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช
หนังสือพิมพ์สยามรัฐ สัปดาห์วิจารณ์
๑๘ ตุลาคม ๒๕๐๒
User avatar
bird
 
Posts: 1426
Joined: Wed Apr 01, 2009 1:25 pm

Re: เค้าลางแห่งความเลวร้าย...แม้ว

Postby dahlia » Fri Oct 30, 2009 10:06 pm

สุดยอดมากเลยครับกระทู้นี้ สมควรปักหมุดอีกแล้วครับ ท่าน
ผมเป็นแฟนคลับ แคนไท , ริดกุน , nontee , eAT , Moon , tonythebest , -3- , amplepoor , เด็กปากดี
User avatar
dahlia
 
Posts: 1375
Joined: Mon Oct 12, 2009 2:35 pm


Re: เค้าลางแห่งความเลวร้าย...แม้ว

Postby mr_satan » Sat Oct 31, 2009 1:26 am

เจ้านายฝ่ายเหนือ wrote:ผมว่าคุณ ATOM น่าจะต่อสู้ทางความคิดกับคุณ bird ไม่ใช่ด้วยการมาเถียงไปๆมาๆในกระทู้นี้
แต่คุณ ATOM ควรตั้งกระทู้ใหม่ และอธิบาย ความดีของทักษิณ อย่างเป็นขั้นเป็นตอน เหมือนที่คุณ bird ทำนะครับ

ลองดูครับ ถ้ารักทักษิณจริง แค่นี้ไม่ยากหรอกครับ ATOM
อาจจะมีชุลมุน รุมสกรัมนิดหน่อย ก็ทนพิมพ์ให้้จบก็แล้วกันนะครับ จะรออ่าน

อย่างนี้ค่อยมีเหตุผลหน่อย
User avatar
mr_satan
 
Posts: 57
Joined: Tue Apr 28, 2009 9:16 pm

Re: เค้าลางแห่งความเลวร้าย...แม้ว

Postby pooyong » Sat Oct 31, 2009 1:44 am

รอดูผลงานของอะตอม
การรับใช้แผ่นดิน คือความเบิกบาน
User avatar
pooyong
 
Posts: 1496
Joined: Mon Oct 19, 2009 9:55 am

Re: เค้าลางแห่งความเลวร้าย...แม้ว

Postby devotion » Sat Oct 31, 2009 1:50 pm

yaigoal wrote:หากเลวขนาดนี้ แล้วทำไมคนชังเพียงกระจุก แต่คนรักทั้งประเทศ


ช่วยอ้างอิงแหล่งข้อมูลด้วย ว่าสรุปจากอะไร เพราะจะสรุปว่าคนไทยทั้งประเทศโง่นั้นไม่ได้
User avatar
devotion
Moderator
 
Posts: 1001
Joined: Tue Apr 28, 2009 7:11 pm

Re: เค้าลางแห่งความเลวร้าย...แม้ว

Postby devotion » Sat Oct 31, 2009 1:59 pm

สุดยอดวาทกรรม

bird wrote:เราเป็นคนของแผ่นดินนี้ นับจากวันที่เราเกิด
และเราจะอยู่บนแผ่นดินนี้จวบจนเราตาย


ขอเติมว่า: จากวันที่เราเกิดจนถึงวันที่เราตาย เราจะไม่ยอมให้ใครบ่อนทำลายแผ่นดินเกิดของเรา
User avatar
devotion
Moderator
 
Posts: 1001
Joined: Tue Apr 28, 2009 7:11 pm

Re: เค้าลางแห่งความเลวร้าย...แม้ว

Postby overtherainbow » Sat Oct 31, 2009 2:03 pm

devotion wrote:สุดยอดวาทกรรม

bird wrote:เราเป็นคนของแผ่นดินนี้ นับจากวันที่เราเกิด
และเราจะอยู่บนแผ่นดินนี้จวบจนเราตาย


ขอเติมว่า: จากวันที่เราเกิดจนถึงวันที่เราตาย เราจะไม่ยอมให้ใครบ่อนทำลายแผ่นดินเกิดของเรา

เราก็ไม่ยอมอีกคน
User avatar
overtherainbow
 
Posts: 3123
Joined: Sat Dec 27, 2008 12:36 pm

Re: เค้าลางแห่งความเลวร้าย...แม้ว

Postby devotion » Sat Oct 31, 2009 2:08 pm

bird wrote:เราไม่เห็นว่าข้อความของเราตรงไหนที่เป็นคำท้า เราเพียงแต่บอกว่า

หากตรงไหนที่ไม่ถูกต้อง ก็ให้อธิบายมา

ถ้าหากนั้นทำให้มองว่าเป็นคำท้าหละก็...ขอโทษที..
เราเพียงแต่อยากเห็นคำอธิบายที่พอจะอ้างอิงได้ จะได้เห็นมุมมองอีกมุม
เผื่อว่า เราอาจจะเห็นจุดที่น่าจะประสานกันได้บ้าง..

เราไม่รับคำท้าของใคร เพราะเราไม่เคยคิดที่จะท้าใคร
การท้า คือ ต้องมีฝ่ายแพ้ ไม่ว่าใครแพ้ มันไม่ดีทั้งนั้น...

ขอเป็น...คำอธิบายที่ดี ที่เข้าใจได้ ที่มีหลักการเป็นรูปธรรม ดีกว่ามั้ย

จะได้ไม่ต้องมุ่งว่า ฉันต้องต้อนให้แกจนมุม หรือ ต้องไล่ล่าล้างเผ่าพันธ์กัน


นี่คือความคิดในสังคมที่มีการศึกษา
User avatar
devotion
Moderator
 
Posts: 1001
Joined: Tue Apr 28, 2009 7:11 pm

Re: เค้าลางแห่งความเลวร้าย...แม้ว

Postby bird » Sat Oct 31, 2009 3:13 pm

ครั้งหนึ่งกับถ้อยแถลง

ถ้อยแถลงของ พล.อ.ชวลิต อดีตนายกรัฐมนตรี ที่แสดงออกถึงความห่วงใยสถานการณ์
บ้านเมืองให้ห้วงเวลาที่ผ่านมา เมื่อครั้งท่านได้รับเชิญไปปาฐกถาในงาน สัมมนาหลักสูตร
ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขาภาวะผู้นำเชิงยุทธศาสตร์ความเป็นเลิศ ในหัวข้อปาฐกถาเรื่อง
"ยุทธศาสตร์กู้ชาติและเข็มทิศใหม่เพื่อผ่าทางตันการเมืองไทย" ณ ศูนย์พัฒนาทุนมนุษย์
มหาวิทยาลัยราชภัฎ สวนดุสิต เมื่อวันที่ 25 เมษายน ๒๕๕๑ ซึ่งมีใจความโดยสรุป

"...ขณะนี้ (เมย.๒๕๕๑) บ้านเมืองมีสิ่งที่อาเพศ 10 ประการ เป็นเรื่องการแหย่ เป็นเรื่อง
การคิดกระตุ้นความรู้สึก แต่ไม่ต้องการให้อ่านแล้วต้องเชื่อ " เนื้อหาอาเพศ 10 ประการ
ในเอกสารการบรรยายของ พล.อ.ชวลิต ได้ระบุว่า

ประเทศไทยหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง ๒๔ มิ.ย. ๒๔๗๕ เป็นต้นมาถึงปัจจุบัน
เหตุเพราะขาดผู้นำทางความคิดที่ถูกต้อง จึงเกิดปรากฏการณ์ทางการเมืองที่วิปริตผิดเพศ
ที่เรียกว่า "อาเพศประเทศไทย ๑๐ ประการ" คือ

๑) การเมืองปัจจุบัน เป็นการเมืองเรื่องตัณหา ไม่ใช่การเมืองเรื่องคุณธรรม
๒) พรรคการเมือง ทำเป็นแต่การหาเสียงเลือกตั้ง แต่ทำการจัดตั้งประชาธิปไตยไม่เป็น
๓) สส เป็นได้แต่ผู้แทนผลประโยชน์ของปัจเจกชน แต่เป็นผู้แทนประโยชน์ของปวงชนไม่ได้
๔) ทหาร ทำเป็นแต่รัฐประหาร แต่ทำการปฏิวัติไม่เป็น
๕) นักเคลื่อนไหว ทำเป็นแต่ม็อบ (MobX แต่ทำแมส (Mass) ไม่เป็น
๖) นักวิชาการ คิดเป็นแต่รัฐธรรมนูญ แต่คิดเป็นลัทธิประชาธิปไตยไม่เป็น
๗) ผู้นำ (๒๕๕๑) ซึ่งนำเป็นแต่ม็อบและองค์กร แต่นำทางการเมือง ความคิดจิตวิญญาณไม่เป็น
๘) รัฐบาล (ณ ๒๕๕๑) สร้างเป็นแต่รัฐธรรมนูญ แต่สร้างประชาธิปไตยไม่เป็น
๙) สื่อสวลชน สะท้อนได้แต่ปรากฏการณ์ แต่สะท้อนธาตุแท้ไม่เป็น
๑๐) รัฐธรรมนูญ ทำหน้าที่เป็นนโยบาย แต่ไม่ทำหน้าที่เป็นกฎหมาย


นอกจากนี้มีการสรุปว่า การเมืองในปัจจุบัน (ณ ๒๕๕๑) มีหลักการปกครองเป็นเผด็จการ
แต่มีรูปการปกครองเป็นประชาธิปไตย คือ ระบอบเผด็จการ และพรรคการเมืองของไทย
เป็นพรรคของปัจเจกชนคนใดคนหนึ่ง ทำให้การเมืองยังตกอยู่ภายใต้ระบอบเผด็จการและ
ไม่สามารถเปลี่ยนเป็นการปกครองในระบอบประชาธิปไตยได้

ยังนำเนื้อหาในการปาฐกถาไปขยายความต่อในหนังสือที่ชื่อว่า "แนวทางประเทศไทย
ยุทธศาสตร์ ยุทธวิถี การต่อสู้เอาชนะภัยความมั่นคงของชาติ" ซึ่งแจกเนื่องในโอกาสครบ
รอบวันคล้ายวันเกิด ๗๖ ปี เมื่อวันที่ ๑๕ พฤษภาคม ๒๕๕๑ พล.อ.ชวลิต ได้กล่าวใน
คำปรารภ ความว่า

"ประเทศไทย ตั้งแต่ก่อตั้งชาติเมื่อยุคประวัติศาสตร์สมัยกลาง (Middle Age) ในระบบ
ฟิวดัล (Feudalism) นั้นมีรูปของประเทศเป็นแบบราชอาณาจักรตลอดมากว่า 700 ปี
ราชอาณาจักรนี้เป็นวัฒนธรรมตะวันออกทางการเมืองการปกครองที่ถูกหล่อหลอม เป็น
จิตวิญญาณของชาติตลอดมาล่วงถึงประวัติศาสตร์สมัยใหม่


พระมหากษัตริย์ รัชกาลที่ 5 และรัชกาลที่ 6 ได้ทรงประยุกต์ก่อตั้งเป็นชาติสมัยใหม่ ซึ่ง
ประกอบไปด้วยองค์คุณเอกภาพ 3 ประการ ที่แยกออกจากกันไม่ได้ ถ้าแยกแล้วจะไม่มี
ความเป็นชาติ คือ สถาบันชาติ ศาสนา กษัตริย์ สะท้อนอยู่ในธงไตรงค์ 3 สี คือ สีแดง
สีขาว สีน้ำเงิน

สถาบันพระมหากษัตริย์ของประเทศไทยนั้น ยิ่งใหญ่ด้วยพระบรมเดชานุภาพ และพระบารมี
เหนือสถาบันพระมหากษัตริย์ในหลายประเทศทั้งปวง เพราะหลักสาระสำคัญของสถาบัน
พระมหากษัติรย์ไทย คือทศพิธราชธรรม ซึ่งสืบทอดมาแต่บรรพกาล โดยประสานอหิงสา
ซึ่งเป็นลักษณะพิเศษประจำชาติไทยเข้ากับพุทธอหิงสาธรรมคือ ทศพิธราชธรรม


ธรรมะ ๑๐ ประการของสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งสรุปลงในพระบรมราโชวาท เมื่อเสด็จ
เถลิงถวัลย์ราชสมบัติของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลปัจจุบันว่า

เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม

ซึ่งได้พิสูจน์ให้เห็นเป็นที่ประจักษ์เป็นจริง ด้วยพระราชจริยาวัตร และพระราชกรณียกิจ
ตลอดเวลากว่าค่อนศตวรรษ โดยเฉพาะความประจักษ์เป็นจริง ตามที่ได้เห็นกันอย่างชัด
แจ้งในเหตุการณ์เฉพาะหน้า ถึงพระบรมเดชานุภาพ และพระมหาบารมีที่สยบ พฤษภาทมิฬ
เป็นข้อเท็จจริงยิ่งใหญ่ ซึ่งสามารถขจัดความเคลือบแคลงสงสัยที่อาจจะหลงเหลืออยู่บ้างใน
บุคคลบางจำพวก ถึงความจำเป็น และสำคัญสูงสุดที่ประเทศไทยจะต้องมีพระมหากษัตริย์
เป็นประมุขไปตลอดกาล

แม้แต่ในยุคปัจจุบันภายใต้การปกครองของประเทศไทยที่ยังไม่เป็นประชาธิปไตย พสก
นิกรผู้จงรักภักดีทั้งหลายก็ยังเชิดชูบูชาสถาบันพระมหากษัตริย์ ด้วยความรู้แจ้งในวิวัฒนา
การทางประวัติศาสตร์แห่งความสัมพันธ์ระหว่างชนชาติไทย โดยเฉพาะไทยสยามกับ
สถาบันพระมหากษัตริย์ เพื่อเป็นหลักประกันอันแน่นอน ของมาตรการที่ถูกต้องในการ
รักษาส่งเสริมความมั่นคงของสถาบันพระมหากษัตริย์


เพราะแม้ว่าจะเปี่ยมล้นด้วยความจงรักภักดีเพียงใด ถ้าขาดความรู้แจ้ง หรือเจือปนด้วย
ความงมงายแล้วก็อาจจะนำไปสู่มาตรการที่ผิดพลาด ซึ่งผลทางปฏิบัติแทนที่จะเป็นการ
รักษาส่งเสริมความมั่นคงของสถาบันพระมหากษัตริย์อาจกลายเป็นบั่นทอนหรือทำลาย
โดยไม่รู้ตัวไปเสียก็เป็นได้

เวลานี้การเรียกร้องการสร้างประชาธิปไตยกำลังขึ้นสู่กระแสสูง วงการเมืองยอมรับกัน
อย่างกว้างขวางแล้วว่า ทางออกของชาติ คือการสร้างประชาธิปไตย ที่ไหนก็ได้ยินแต่
คำว่า “ สร้างประชาธิปไตย ” แต่วิธีการสร้างประชาธิปไตยทำอย่างไร ยังเต็มไปด้วย
ความสับสน วิธีการสร้างประชาธิปไตยในประเทศเอกราชเอชียนั้น แตกต่างกับในประ
เทศยุโรป ซึ่งประชาชนลุกขึ้นช่วงชิงอำนาจพระมหากษัตริย์มาเป็นของตน

" วรรคตอนตรงนี้ขอละไว้ เนื่องจากยังไม่สามารถทำความเข้าใจกับเนื้อหาของวรรคนี้
เมื่อใดที่สามารถกระจ่างต่อถ้อยแถลงของวรรคนี้ จะนำมาเสนอให้ทราบ
"

พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย (พคท.) ในอดีตได้ใช้หลัก 3 ประการ คือ พรรค
แนวร่วม กองกำลังติดอาวุธ เข้าทำแนวร่วมกับนายทุน ทำสงครามกลางเมือง และยก
ระดับขึ้นสู่สงครามประชาชน เพื่อโค่นล้มกองทัพแห่งชาติ โดยตั้งกองกำลังปลดแอก
ประชาชนขึ้นเมื่อปี ๒๕๑๒ เริ่มสงครามในปี ๒๕๑๕ ฝ่ายกองทัพแห่งชาติเป็นฝ่ายตั้ง
รับมาโดยตลอด เพราะใช้ยุทธศาสตร์ผิด คือใช้ยุทธศาสตร์ เผด็จการเข้าต่อสู้กับคอม
มิวนิสต์ ไม่ใช่ยุทธศาสตร์ประชาธิปไตยที่เป็นยุทธศาสตร์ ชนะตามหลักของยุทธศาสตร์

เผด็จการแพ้คอมมิวนิสต์ คอมมิวสต์แพ้ประชาธิปไตย

จนถึง ปี พ.ศ. ๒๕๒๓ เกือบจะพ่ายแพ้ กองทัพแห่งชาติจึงได้ปรับเปลี่ยนยุทธศาสตร์คอม
มิวนิสต์ ตามนโยบาย ๖๖/๒๓ สถานการณ์จึงพลิกผันกลับจากหน้ามือเป็นหลักมือ จากแพ้
แก้เป็นชนะ กองทัพแห่งชาติเป็นฝ่ายชนะสงครามกลางเมืองต่อคอมมิวนิสต์อย่างงดงาม
ด้วยการปฏิบัตินโยบาย ๖๖/๒๓

ขั้นตอนที่ 1 คือ สร้างประชาธิปไตยระดับต่ำเท่านั้น ก็สามารถนำพาประเทศจากสถานการณ์
สงครามเข้าสู่สถานการณ์สันติภาพได้สำเร็จ จนสามารถยุบกองกำลังติดอาวุธ หรือกองทัพ
ปลดแอกลงได้อย่างสิ้นเชิง

ได้ทราบว่ามีกลุ่มบุคคลผู้นิยมลัทธิคอมมิวนิสต์ที่ดิ้อรั้นบางกลุ่มหันมาใช้ยุทธวิธีแนวร่วมแทน
อย่างเต็มที่โดยพยายามใช้วิธีการต่าง ๆ เช่น ชุบตัวในสถาบันวิชาการ เข้าร่วมทำเศรษฐกิจ
ทุนนิยม เข้าร่วมถืออำนาจรัฐยุยงให้ทั้งฝ่ายรัฐ และฝ่ายทุนทำผิดให้มากๆ จึงมีการกล่าวกันว่า
ปัจจุบันมีขบวนการบ่อนทำลายประเทศโดยใช้ระบบเผด็จการรัฐสภาเป็นเครื่องมือดำเนินยุทธ
วิธีแนวร่วม เพื่อก่อสงครามกลางเมือง เพื่อเปลี่ยนรูปของประเทศจากราชอาณาจักรไปสู่
สาธารณรัฐ โดยใช้รัฐธรรมนูญเป็นอาวุธหลัก

ด้วยเหตุ และปัจจัยของความขัดแย้งทางการเมืองอย่างรุนแรงของผู้คนในสังคม ในปัจจุบัน
ความขัดแย้งทางการเมืองอย่างรุนแรงของผู้คนในสังคม ในปัจจุบันเป็นแรงผลักดันให้
ตัวกระผม และผู้รักชาติรักประชาธิปไตยไม่อาจทนนิ่งเฉย เพราะเป็นความรับผิดชอบต่อ
บ้านเมือง เป้นภารกิจแห่งชีวิตที่จะต้องดำเนินการ

เพื่อยุติปัญหาทั้งมวลลง โดยเฉพาะกับความเห็นที่ผิด ๆ หรือที่เรียกว่า “มิจฉาทิฎฐิ”
ที่ก่อตัวขึ้นเป็นขบวนการบ่อนทำลายความมั่นคงของชาติที่เรียกว่า “ขบวนการสาธารณรัฐ”
มีความมุ่งหมาย และดำเนินการโดยยุทธวิธีแนวร่วม เพื่อ ล้มปืน ล้มทุน ล้มเจ้า

และในฐานะที่กระผมเองได้ผ่านพิธีศักดิ์สิทธิ์ดื่มน้ำพิพัฒน์สัตยา และเป็นหนึ่งของสมาชิก
เหรียญรามาธิบดีที่ได้รับพระมหากรุณาธิคุณ ได้รับพระราชทานเหรียญ ชั้นมหาโยธิน
จึงขอประกาศต่อสู้กับกลุ่มบุคคลทุกกลุ่มที่กระทำการกระทบกระเทือน และเป็นปรปักษ์
ต่อสถาบันหลักของชาติ และมีลักษณะรบกวนเบื้องพระยุคลบาทไม่ว่ากรณีใด ๆ ต่อสถาบัน
พระมหากษัตริย์แห่งพระบรมราชวงศ์จักรี ซึ่งปวงข้าพระพุทธเจ้าขอเทิดทูนไว้เหนือเกล้า
เหนือกระหม่อมจนกว่าชีวิตจะหาไม่ "


และกับอีกถ้อยแถลงที่ผ่านมาเมื่อ ท่านอ้างว่าสมเด็จฯ ฮุนเซนได้โทรศัพท์มาพูดเรื่องได้
เตรียมสร้างบ้านเพื่อให้ที่ลี้ภัยกับพ.ต.ท.ทักษิน การกระทำครั้งนี้จะเป็นความตั้งใจหรือไม่
รวมทั้งบทสนทนาจะมีการนำข้อมูลภายในประเทศ เรื่องการเมืองและกระบวนการยุติธรรม
ไปพูดหรือไม่ อย่างไร เรื่องนี้น่าห่วงมากกว่า

ด้วยความเคารพ จึงไม่อาจวิเคราะห์วิจารณ์การกระทำของท่าน คงปล่อยให้เป็นหน้าที่ของ
ทุกท่านจะพิจารณา จะวิเคราะห์ ตามวิสัยทัศน์ของแต่ละท่าน
User avatar
bird
 
Posts: 1426
Joined: Wed Apr 01, 2009 1:25 pm

Re: เค้าลางแห่งความเลวร้าย...แม้ว

Postby bird » Sat Oct 31, 2009 3:22 pm

overtherainbow wrote:หึหึ เนี่ยนะความจงรักภักดีของทักษินที่มีต่อสถาบัน
เกินสามครั้ง ไม่นับว่าบังเอิญแล้ว

หนูเบิร์ด ขยันได้ใจจิงๆ :D


dahlia wrote:สุดยอดมากเลยครับกระทู้นี้ สมควรปักหมุดอีกแล้วครับ ท่าน


devotion wrote:
bird wrote:เราไม่เห็นว่าข้อความของเราตรงไหนที่เป็นคำท้า เราเพียงแต่บอกว่า

หากตรงไหนที่ไม่ถูกต้อง ก็ให้อธิบายมา

ถ้าหากนั้นทำให้มองว่าเป็นคำท้าหละก็...ขอโทษที..
เราเพียงแต่อยากเห็นคำอธิบายที่พอจะอ้างอิงได้ จะได้เห็นมุมมองอีกมุม
เผื่อว่า เราอาจจะเห็นจุดที่น่าจะประสานกันได้บ้าง..

เราไม่รับคำท้าของใคร เพราะเราไม่เคยคิดที่จะท้าใคร
การท้า คือ ต้องมีฝ่ายแพ้ ไม่ว่าใครแพ้ มันไม่ดีทั้งนั้น...

ขอเป็น...คำอธิบายที่ดี ที่เข้าใจได้ ที่มีหลักการเป็นรูปธรรม ดีกว่ามั้ย

จะได้ไม่ต้องมุ่งว่า ฉันต้องต้อนให้แกจนมุม หรือ ต้องไล่ล่าล้างเผ่าพันธ์กัน


นี่คือความคิดในสังคมที่มีการศึกษา


น้อมรับไว้ด้วยความขอบคุณค่ะ :oops: :oops:
User avatar
bird
 
Posts: 1426
Joined: Wed Apr 01, 2009 1:25 pm

Re: เค้าลางแห่งความเลวร้าย...แม้ว

Postby bird » Sat Oct 31, 2009 3:25 pm

mr_satan wrote:
เจ้านายฝ่ายเหนือ wrote:ผมว่าคุณ ATOM น่าจะต่อสู้ทางความคิดกับคุณ bird ไม่ใช่ด้วยการมาเถียงไปๆมาๆในกระทู้นี้
แต่คุณ ATOM ควรตั้งกระทู้ใหม่ และอธิบาย ความดีของทักษิณ อย่างเป็นขั้นเป็นตอน เหมือนที่คุณ bird ทำนะครับ

ลองดูครับ ถ้ารักทักษิณจริง แค่นี้ไม่ยากหรอกครับ ATOM
อาจจะมีชุลมุน รุมสกรัมนิดหน่อย ก็ทนพิมพ์ให้้จบก็แล้วกันนะครับ จะรออ่าน

อย่างนี้ค่อยมีเหตุผลหน่อย


pooyong wrote:รอดูผลงานของอะตอม


รออยู่เหมือนกันค่ะ และจะรอต่อไปด้วยความอดทนค่ะ :roll: :roll:
User avatar
bird
 
Posts: 1426
Joined: Wed Apr 01, 2009 1:25 pm

Re: เค้าลางแห่งความเลวร้าย...แม้ว

Postby pooyong » Sun Nov 01, 2009 5:24 am

รออะตอมอยู่ ไปอัพเดทโปรแกรมนานจัง :lol: :lol:
การรับใช้แผ่นดิน คือความเบิกบาน
User avatar
pooyong
 
Posts: 1496
Joined: Mon Oct 19, 2009 9:55 am

Re: เค้าลางแห่งความเลวร้าย...แม้ว

Postby อธิฏฐาน » Sun Nov 01, 2009 12:55 pm

pooyong wrote:รออะตอมอยู่ ไปอัพเดทโปรแกรมนานจัง :lol: :lol:


ต้องไปสแกนมัลแวร์อยู่ด้วยค่ะ ไม่งั้นอัพเดทโกรแกรมไม่ผ่าน
User avatar
อธิฏฐาน
 
Posts: 3001
Joined: Mon Oct 13, 2008 1:18 pm

Re: เค้าลางแห่งความเลวร้าย...แม้ว

Postby Angsana » Sun Nov 01, 2009 2:10 pm


มหากาพย์ ความเลวร้าย ของไอ้เหลี่ยม
ข้อมูลเยี่ยม ต้องดันไว้ อย่าให้หล่น
ในรอบร้อย ปีนี้ มีหนึ่งตน
ที่ท่วมท้นความชั่วช้า.. ช่วยประจาน!
Image

Image
แม้ผืนฟ้า มืดดับ เดือนลับละลาย
ดาวยังพราย ศรัทธา เย้ยฟ้าดิน (จิตร ภูมิศักดิ์)
http://www.oknation.net/blog/angsana
User avatar
Angsana
 
Posts: 861
Joined: Mon Oct 13, 2008 6:55 am

Re: เค้าลางแห่งความเลวร้าย...แม้ว

Postby jrr. » Sun Nov 01, 2009 3:15 pm

...........click..............
User avatar
jrr.
 
Posts: 887
Joined: Mon Oct 13, 2008 7:41 am

Re: เค้าลางแห่งความเลวร้าย...แม้ว

Postby tu249cm » Sun Nov 01, 2009 4:20 pm

กระทู้ Top 3 ของเสรีไทย
User avatar
tu249cm
 
Posts: 1422
Joined: Mon Oct 13, 2008 10:33 am

Re: เค้าลางแห่งความเลวร้าย...แม้ว

Postby bird » Sun Nov 01, 2009 8:54 pm

ความเหิมเกริมที่ไม่สมควร

จากถ้อยแถลงของท่านผู้ทรงเกียรติบางท่าน บางกลุ่ม ที่กล่าววาจาเหิมเกริมก้าวร้าว
เกี่ยวกับองคมนตรีและผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ที่กำลังแพร่สะพัดอยู่ในมวลชล
บางกลุ่มบางก้อนจากคำแถลงการณ์ของแกนนำที่กล่าวอย่างไม่สะทกสะท้าน กล่าวด้วย
วาจาที่ไม่น่าจะเป็นคำพูดของบรรดาผู้มีตำแหน่งทางสังคม โดยเฉพาะอย่างยิ่งบางท่าน
ยังอยู่ในฐานะผู้แทนของประชาชน อยู่ในตำแหน่งที่ทรงเกียรติ

ดังข้อเสนอว่าในการแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่ควรแก้เฉพาะ ๖ ประเด็น แต่ควรแก้เรื่อง
การแต่งตั้งผู้สำเร็จราชการ ซึ่งปัจจุบันระบุว่า ช่วงที่ยังไม่มีการแต่งตั้งผู้สำเร็จราชการ
จากสภา ให้ประธานองคมนตรีเป็นผู้สำเร็จราชการแทนไปพลาง แต่ในปัจจุบันนี้มี
พระบรมวงศานุวงศ์ที่มีความรู้อยู่อย่างเพียบพร้อม ทำไมไม่เสนอแก้รัฐธรรมนูญ
โดยแก้ว่าระหว่างที่ไม่มีผู้สำเร็จราชการให้พระบรมวงศานุวงศ์ผู้ใหญ่เป็นผู้สำเร็จราชการ
แทน เพราะประธานองคมนตรีคือ สามัญชนธรรมดา ทำไมรัฐบาลไม่เสนอมาตรานี้
http://www.matichon.co.th/news_detail.p ... 0&catid=00

องคมนตรี หรือที่เรียกกันในภาษาอังกฤษว่า Privy Council เป็นองค์กรที่พระบาทสมเด็จ
พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงจัดให้มีขึ้นครั้งแรกเมื่อ พ.ศ.๒๔๑๗ โดยทรงให้ใช้คำว่า
ปรีวี เคาน์ซิล หรือ สภาที่ปรึกษาราชการแผ่นดิน ซึ่งสันนิษฐานได้ว่าการจัดตั้ง
ปรีวีเคาน์ซิล พระองค์ทรงรับอิทธิพลมาจาก Privy Council ของอังกฤษ ดังเอกสาร
ที่เจ้าพระยาภาสกรวงศ์ (พร บุนนาค) ซึ่งต่อมาดำรงตำแหน่งในปรีวีเคาน์ซิลและเคาน์ซิล
ออฟสเตท ได้ร่วมกับนายเฮนรี่ อาลบาสเตอร์ แปลพระราชบัญญัติ Privy Council
ของอังกฤษไว้เมื่อ พ.ศ.๒๔๑๒

ต่อมาในรัชกาลของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงบัญญัติคำว่าองคมนตรี
ขึ้นใช้แทนปรีวีเคาน์ซิล โดยพระราชทานตำแหน่งองคนมนตรีแก่ข้าราชการระดับพระยา
พานทองหรือผู้ที่เห็นสมควรรวม ๒๒๗ คน แต่มิได้ทำหน้าที่ถวายคำปรึกษาราชการ
แผ่นดิน จนกระทั่งพระองค์มีพระราชดำริให้ข้าราชการได้ทดลองและปลูกฝังการศึกษา
วิธีดำเนินงานแบบรัฐสภาให้เหมาะสมกับสภาพบ้านเมืองในขณะนั้น จึงได้ทรงเลือก
องคมนตรีจำนวน ๔๐ คน ตั้งเป็นสภากรรมการองคมนตรีทำหน้าที่พิจารณาร่างก
ฎหมายที่จะออกบังคับใช้

หลังเปลี่ยนแปลงการปกครอง ๒๔ มิถุนายน ๒๔๗๕ คณะราษฎรได้ล้มระบบองคมนตรี
โดยการยกเลิกพระราชบัญญัติองคมนตรี พ.ศ.๒๔๗๐ และยกเลิกตำแหน่งองคมนตรี
นับแต่วันที่ ๒๗ มิถุนายน พ.ศ.๒๔๗๕ แต่เพียง ๑๕ ปี องคมนตรีก็กลับมาสู่ระบอบ
การปกครองประชาธิปไตยไทยอีกครั้ง โดยเริ่มจากหลังการรัฐประหารของ จอมพลผิน
ชุณหะวัณ รัฐธรรมนูญ พ.ศ.๒๔๙๐ ฉบับชั่วคราวหรือที่เรียกกันว่า รัฐธรรมนูญฉบับใต้ตุ่ม
ได้จัดตั้งอภิรัฐมนตรีประกอบไปด้วยผู้ทรงคุณวุฒิ ๕ ท่าน ทำหน้าที่เป็นผู้บริหารราชการ
ในพระองค์ และถวายคำปรึกษาแด่พระมหากษัตริย์ นอกจากนี้ยังทำหน้าที่เป็นผู้สำเร็จ
ราชการแทนพระองค์ ในกรณีที่พระมหากษัตริย์ไม่ประทับอยู่ในราชอาณาจักรหรือทรง
บริหารพระราชภาระไม่ได้

2 ปีถัดมา รัฐธรรมนูญ พ.ศ.๒๔๙๒ รัฐธรรมนูญฉบับแรกที่ย้อนกลับไปใช้คำว่าองคมนตรี
และนำเอาระบบองคมนตรี มาใช้โดยแยกตำแหน่งผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์กับองคมนตรี
ออกจากกัน โดยให้องคมนตรีทำหน้าที่ถวายความเห็นต่อพระมหากษัตริย์ในพระราช
กรณียกิจทั้งปวงที่พระมหากษัตริย์ทรงปรึกษา

และผู้สำเร็จราชการแทนนั้นให้พระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้งผู้ใดผู้หนึ่งด้วยความเห็นชอบ
ของรัฐสภาเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์นับแต่รัฐธรรมนูญพ.ศ.๒๔๙๒ จวบจนฉบับ
ปัจจุบัน บทบัญญัติที่เกี่ยวข้องกับองคมนตรีมีทุกฉบับ โดยอยู่ในหมวด 2 ว่าด้วยเรื่อง
พระมหากษัตริย์ รัฐธรรมนูญได้กำหนดอำนาจหน้าที่องคมนตรีไว้ 4 ประการ

ประการที่ ๑ การถวายความเห็นต่อพระมหากษัตริย์ในพระราชกรณียกิจทั้งปวงที่
พระมหากษัตริย์ทรงปรึกษา

ประการที่ ๒ การเสนอชื่อผู้ใดผู้หนึ่งซึ่งสมควรดำรงตำแหน่งผู้สำเร็จราชการแทน
พระองค์ต่อรัฐสภา เพื่อขอความเห็นชอบในกรณีที่พระมหากษัตริย์มิได้ทรงแต่งตั้ง
ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ไว้ หรือในกรณีที่พระมหากษัตริย์ไม่สามารถทรงแต่ง
ตั้งผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์


ประการที่ ๓ ในระหว่างที่ไม่มีผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ให้ประธานองคมนตรี
เป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์เป็นการชั่วคราวไปพลางก่อน

ประการที่ ๔ ในกรณีที่ราชบัลลังก์ว่างลงและเป็นกรณีที่พระมหากษัตริย์มิได้ทรงแต่งตั้ง
พระรัชทายาทไว้ ให้คณะองคมนตรีเสนอพระนามผู้สืบราชสันตติวงศ์ต่อคณะรัฐมนตรี
เพื่อเสนอต่อรัฐสภาเพื่อให้ความเห็นชอบ


ทั้งนี้การแต่งตั้งองคมนตรี การถอดถอนองคมนตรี ล้วนเป็นพระราชวินิจฉัยส่วนพระองค์
การทรงแต่งตั้งผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ในทุกกรณ๊ ล้วนเป็นพระชวินิฉัยส่วนพระองค์
เช่นกัน นับจากรัฐธรรมนูญ พ.ศ. ๒๔๙๒ เป็นต้นมาจวบจนกระทั่งปัจจุบัน รัฐธรรมนูญ
พ.ศ.๒๕๕๐ ระยะเวลา ๖๐ ปี (ปี พ.ศ. ๒๕๕๒) บทบัญญัติว่าด้วยเรื่ององคมนตรี
ในรัฐธรรมนูญใช้ประโยคเดียวกัน คล้ายคลึงกัน อาจจะแตกต่างกันด้วยภาษาที่ใช้เพื่อ
ให้เหมาะกับยุคสมัย หากแต่ยังคงความหมายเดียวกันมาโดยตลอด โดยไม่ปรากฎว่า
มีผู้ใดขัดค้านแต่ประการใด

จึงมองไม่เห็นเหตุว่า ทำไมจึงต้องแก้ไข และหากจะถามกลับว่า สิ่งที่ท่านผู้ทรงเกียรติ
บางท่านกำลังกล่าวถึง หรือแกนนำบางท่านยื่นข้อเสนอมานั้น สมควรหรือไม่ จะด้วย
กาละ และ เทสะ คงทิ้งไว้ให้ทุกท่านได้วิเคราะห์และพิจารณาด้วยประการทั้งปวง

หมายเหตุ
หากข้อความใดในกระทู้นี้ไม่เหมาะสม ไม่สมควร ขอได้โปรดลบกระทู้นี้ทันที
User avatar
bird
 
Posts: 1426
Joined: Wed Apr 01, 2009 1:25 pm

Re: เค้าลางแห่งความเลวร้าย...แม้ว

Postby bird » Sun Nov 01, 2009 9:18 pm

Angsana wrote:
มหากาพย์ ความเลวร้าย ของไอ้เหลี่ยม
ข้อมูลเยี่ยม ต้องดันไว้ อย่าให้หล่น
ในรอบร้อย ปีนี้ มีหนึ่งตน
ที่ท่วมท้นความชั่วช้า.. ช่วยประจาน!
Image

Image


jrr. wrote:...........click..............


tu249cm wrote:กระทู้ Top 3 ของเสรีไทย


ไม่ต้องเป็นกระทู้ Top ก็ได้ค่ะ แค่มีใครแวะมาอ่านก็ดีใจแล้วค่ะ

ขอบคุณค่ะ จะพยายามต่อไปค่ะ :oops: :oops:
User avatar
bird
 
Posts: 1426
Joined: Wed Apr 01, 2009 1:25 pm

Re: เค้าลางแห่งความเลวร้าย...แม้ว

Postby pooyong » Sun Nov 01, 2009 9:38 pm

ต่อไปเรื่อยๆครับคุณbird รออ่าน :mrgreen:
การรับใช้แผ่นดิน คือความเบิกบาน
User avatar
pooyong
 
Posts: 1496
Joined: Mon Oct 19, 2009 9:55 am

Re: เค้าลางแห่งความเลวร้าย...แม้ว

Postby dahlia » Mon Nov 02, 2009 3:45 pm

ขอร้องเถอะครับปักหมุดกระทู้นี้เถิด จะปล่อยให้ตกไปถึงไหนครับ
หวังว่าไม่ใชเพราะ กลัวพวกคนเสื้อแดงมาเห็นหรอกนะครับ

ปักหมุดเถิด
ผมเป็นแฟนคลับ แคนไท , ริดกุน , nontee , eAT , Moon , tonythebest , -3- , amplepoor , เด็กปากดี
User avatar
dahlia
 
Posts: 1375
Joined: Mon Oct 12, 2009 2:35 pm

Re: เค้าลางแห่งความเลวร้าย...แม้ว

Postby dahlia » Mon Nov 02, 2009 10:15 pm

สิ่งที่ผมกลัวตอนนี้นะครับ
กลัวพวกเสื้อแดงจะชุมนุมยืดเยื้อจนเลยเถิดถึงวันที่ 5 ธค
ซึ่งนั่นจะทำให้งานวันพ่อไม่มีหรือ อีกในกรณี จะเป็นปลุกระดมคนให้เข้าใจพ่อหลวงแบบผิดๆ
ที่ไม่ช่วยเหลือ ทักษิณ ซึ่งพวกนี้ก็ค่อนข้างจะโดนหลอกง่ายซะด้วยสิ

นั่นอาจสั่นคลอนสถาบันได้ ซึ่งหากสมมติว่าผมเป็นแกนนำ นปช
ผมจะเลือกใช้วิธีนี้แน่นอน ซึ่งผมมองว่ามีความเป็นไปได้สูงทีเดียวที่จะเกิดขึ้น
ผมเป็นแฟนคลับ แคนไท , ริดกุน , nontee , eAT , Moon , tonythebest , -3- , amplepoor , เด็กปากดี
User avatar
dahlia
 
Posts: 1375
Joined: Mon Oct 12, 2009 2:35 pm

PreviousNext

Return to ห้องสมุด