เค้าลางแห่งความเลวร้าย...แม้ว

คลังปัญญา กระทู้ปักหมุดเดิม เรื่องสำคัญจัดเก็บที่นี่

Re: เค้าลางแห่งความเลวร้าย...แม้ว

Postby pooyong » Mon Dec 28, 2009 9:01 pm

ขอบคุณ คุณเบิร์ด ที่ช่วยเรียบเรียงความเลวร้ายต่างๆ มาให้อ่าน
ปีใหม่อยากส่งของขวัญไปให้ จัง ขอที่อยู่ด้วยครับ :mrgreen:
การรับใช้แผ่นดิน คือความเบิกบาน
User avatar
pooyong
 
Posts: 1496
Joined: Mon Oct 19, 2009 9:55 am


Re: เค้าลางแห่งความเลวร้าย...แม้ว

Postby bird » Tue Dec 29, 2009 7:32 am

overtherainbow wrote:นั่นน่ะซี
เห็นชอบอ้างกันนักว่ารากหญ้าตื่นแล้ว ตอนนั้นรากหญ้าก็ทำมาหากินเป็นปกติวิสัย
แต่พอตื่นแล้วของรากหญ้า
กลายมาเป็นไม่ทำอะไร ได้แต่คอยฟังใบบอกและรวมพลัง
งานการไม่คิดทำกันแล้วหรือไง


พี่สาวจ้า... การรวมพลังก็ถือเป็นงานอย่าหนึ่งน่ะค่ะ อิ อิ อิ :mrgreen:

pooyong wrote:ขอบคุณ คุณเบิร์ด ที่ช่วยเรียบเรียงความเลวร้ายต่างๆ มาให้อ่าน
ปีใหม่อยากส่งของขวัญไปให้ จัง ขอที่อยู่ด้วยครับ :mrgreen:


มะเป็นไรค่ะ...ส่งรอยยิ้มหล่อ ๆ มาก็พอแล้ว เอ้า...ยิ้มมมมม :mrgreen:
User avatar
bird
 
Posts: 1426
Joined: Wed Apr 01, 2009 1:25 pm

Re: เค้าลางแห่งความเลวร้าย...แม้ว

Postby bird » Wed Dec 30, 2009 10:37 pm

ทรราชตัวพ่อ

เพื่อนคนหนึ่งฝากข้อความไว้ให้พิจารณาและวิเคราะห์ ดังนี้

๑) สี่ปีแรกเอาเงินคลังมาแจกแถมสร้างภาพ สี่ปีหลังยึดสมบัติอันเป็นต้นทุนของชาติเข้า
ตลาดหุ้น เพื่อแปรรูปมาเป็นสมบัติของพรรคพวกตนที่ถือหุ้น


๒) ประชานิยม แจกแถม ไม่มีสร้างงานยั่งยืน จนเงินหมดคงคลังแล้ว มีแต่ตัวเลขลวง
ชาวบ้านไปวันๆ เบี้ยวแม้เงินเสี่ยงภัยของครู ๓ จังหวัดภาคใต้อย่างน่าอดสู


๓) ห้ามประชาชนและสภาคิดอ่าน หรือคิดร่วมงานบริหารประเทศอันเป็นเสมือนบริษัท
ของตนเองและครอบครัว “คิดเองแทนให้ทุกเรื่อง” เพราะเห็นว่าตนเองฉลาดอยู่คนเดียว
นอกนี้โง่หมด

๔) เมียหัวหน้าพรรค "จ่ายให้หมด" แก่ผู้สมัครทุกคน เมื่อได้เข้าสู่สภาอันทรงเกียรติ"
"ห้ามพูด ห้ามติติง ยกมือให้" อย่างเดียว คนในตระกูลเป็นเจ้าของพรรคอย่างแท้จริง
หาใช่พรรคมหาชนแม้แต่น้อย

สส - สว - ครม ในคอก คือลูกจ้างทำตามนายสั่งอย่างเดียว ถูกครอบงำสิ้น กินทั้ง
เงินเดือนสภาและเงินเดือนจากหัวหน้าพรรค เป็นชุดบริหารและเป็นสภาอัปยศที่สุดในประ
วัติศาสตร์


๕) ผู้นำที่เป็นนักลงทุนข้ามชาติ ย่อมไม่มีความเป็นชาตินิยมได้ เพราะต้องร่วมสมใน
ผลประโยชน์ทำธุรกิจกับต่างชาติ เอาผลประโยชน์แผ่นดินมาแลกกับผลประโยชน์ธุร
กิจตน


๖) คนผีๆ ทรยศได้กับทุกคนที่เคยเป็นกัลยาณมิตร ปัจจุบันเลี้ยงสมุนด้วยเงินแต่ไม่มี
ใครจริงใจด้วยสักคน ต่างรู้ไร้จริยธรรม คนดีๆ เมธี ปัญญาชน ล้วนขับไล่ไสส่ง
ให้ออกไป

๗) สร้างภาพไม่ให้ขายบุหรี่เปิดเผย แต่อนุมัติเงิน ๑๘,๐๐๐ ล้านบาทให้สร้างโรงงาน
ยาสูบสุดแพงที่เชียงใหม่ นายหน้าค้าที่ดินและเครื่องจักรเป็นใคร ?


๘) วงศาคณาญาติพวกพ้องยิ่งมั่งคั่ง แต่เงินคลังประเทศถังแตก ต้องกู้เป็นแสนๆ ล้าน
จะตามมาอีกหลายงวด ล่าสุดกู้ธนาคารพาณิชย์ต่างๆ ทั้งๆ ที่เงินกู้ออมสินถึงวาระยัง
ไม่มีจ่ายต้องผลัดส่งเลย


๙) ครอบงำและทำลายองค์กรอิสระจนเป็นง่อยเปลี้ย ขาดความสมดุลการตรวจสอบ

๑๐) ครอบงำทีวี ทั้ง ๖ ช่อง (ในขณะนั้น) บงการเพื่อเป็นกระบอกเสียงของตนเอง
เสนอข่าวด้านเดียว คุกคามสื่อทุกรูปแบบ ใครพูดเรื่องคอร์รัปชั่นโดนปลดรายการ
จ้างชมพู่และหน้าจืดคนที่รับใช้เผด็จการทรราชมาทุกยุคทุกสมัย เหมือนสถานีทีวีเป็น
สมบัติส่วนตัวของพวกโกงกันทั้งโคตรหรือไง มันคิดว่าทรัพย์สาธารณะ รัฐสภาและ
ทำเนียบของประชาชนเป็นสมบัติของบริษัทมันทั้งสิ้น


๑๑) แปรรูปการไฟฟ้าฝ่ายผลิต ทรัพย์สินมีมูลค่าซ่อนเร้นนับล้านล้านบาทเพื่อทำกำไร
มหาศาลแก่ผู้ถือหุ้น ได้ของแถมสายนำสัญญาณใยแก้ว ๒๔ เส้นแบนด์วิซสูงบนสาย
ไฟแรงสูงมูลค่าแสนล้านฟรีๆ เป็นการเอาสมบัติต้นทุนของแผ่นดินมาแปรรูปเป็นสมบัติ
นายทุนหุ้น กำไรที่เคยเข้าคลังกลายเป็นของผู้ถือหุ้นใหญ่แทนทันทีและแก้กฎหมายให้
ต่างชาติมาถือหุ้นได้มากขึ้น


๑๒) พยายามปลดคุณหญิงตงฉิน สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.) แล้วส่งรายชื่อ
คนของตนเองขึ้นไป ทั้ง สตง.และ ปปช. แต่ถูกตีกลับแล้วยังไม่รู้ตัวว่ากระทำมิควร
ไม่ยอมลาออกแสดงสปิริตแม้แต่คนเดียว อีกทั้งดื้อด้านไม่ยอมถอนเอกสารคืน

๑๓) กว้านซื้อโรงพยาบาลเอกชนอย่างหนักหลังจากได้อำนาจครบ 4 ปี

๑๔) กว้านซื้อธนาคารและสถาบันการเงินอย่างหนักหลังจากได้อำนาจครบ ๔ ปี

๑๕) ข้าวแกง ก๋วยเตียวขึ้นราคาชามละ ๕ บาท แต่ค่าแรงกรรมกรขยับแค่ ๑-๖
บาทในเพียง ๑๖ จังหวัด นอกนั้นไม่ขึ้นให้เลย ไหนค่าเล่าเรียนของลูกๆ อีกที่เบิกไม่
ได้เลย เขาอยู่กันอย่างไรในยามข้าวยากหมากแพงเช่นนี้

๑๖) รัฐวิสาหกิจที่ขาดทุน รัฐบาลไม่มีความสามารถพัฒนาให้มีกำไรได้ แต่กลับเก่ง
ขายรัฐวิสาหกิจที่มีกำไรให้ต่างชาติและพรรคพวกตนกว้านซื้อหุ้น รวยกันเละ


๑๗) กลิ่นเหม็นสนามบินสุวรรณภูมิ มูลค่าก่อสร้างหนึ่งแสนหกหมื่นล้านบาท ยุบยับ
คอรัปชั่น ฮั้ว เหมางานทุกตารางนิ้ว ญาติพี่น้องมามั่วกันครบเครื่อง


๑๘) กำไรจำหน่ายสลากกินแบ่งเคยเข้าคลังเข้ารัฐ ปัจจุบันไม่เข้าคลัง รัฐบาลเอาไป
แจกจ่ายใครกันอย่างไรเปิดเผยเสียที

๑๙) เปิดเสรีเต็มประตูทะเลเพราะตนเองก็เป็นนักลงทุนข้ามชาติ เกรงใจบุชแห่งอเมริกา
เป็นอย่างยิ่ง ร้านค้าย่อยคนไทยทยอยปิดกิจการ ห้างต่างชาติพากันขนเงินกำไรไหล
ออกเข้าบริษัทแม่ที่ต่างชาติ เลือดไทยไหลออกทุกวัน


๒๐) รถไฟไทยขาดทุน ไม่เคยมีผู้บริหารเก่ง สามารถพัฒนาให้ดีมีกำไรได้สักคน
แต่เก่งขายรัฐวิสาหกิจที่มีกำไรอยู่แล้วเข้าตลาดหุ้นแล้วพรรคพวกตนเองก็กว้านซื้อทำ
กำไรให้ตนเองมหาศาล


๒๑) พยายามผลักดันให้ กชท. ทำหน้าที่แทน กสช. เอื้อผลประโยชน์เครือข่ายการ
สื่อสารให้ตนเองและพรรคพวก

๒๒) อุ้มฆ่าชาวบ้านอย่างหนัก สร้างเงื่อนไขสงคราม บ่อนทำลายความมั่นคงของชาติ
อย่างไม่เคยมีมาก่อน


๒๓) ชุมชนง่อยเป็นเปลี้ย รอแต่เงินรัฐบาลโยนมารอบแล้วรอบเล่า พัฒนาตนเองไม่ได้
เพราะ ร้าน SME ที่รัฐบาลให้เงินมาได้ปิดกิจการหมดแล้ว แข่งขันกับห้างของต่างชาติ
ไม่ได้ นโยบายผลาญงบแผ่นดิน ไม่เคยมีนโยบายให้พึ่งตนเองได้อย่างถาวรสักโครง
การ


๒๔) ใช้เวลาเพียง ๕ ปี เท่านั้น รัฐวิสาหกิจ การสื่อสาร คมนาคม ดาวเทียม สื่อ
สถาบันการเงิน โรงพยาบาล สินเชื่อ อยู่ในกำมือตนสิ้น ขายธุรกิจของตนเองไม่จริง
แฝงซื้ออยู่ในกองทุนต่างชาติ เพื่อหลบหนีภาษีและหลบลี้ภัยตามยึดไม่ได้ภายหลังหมด
อำนาจ

๒๕) รถยนต์แห่งชาติ กาแฟแห่งชาติ เทคโนโลยีแห่งชาติ อาวุธแห่งชาติ สินค้า
แบรนด์เนมไทยไม่มีโอกาสได้เกิด เพราะพวก “นายหน้าทุนต่างชาติ” เข้ามาร่วมบริ
หารอยู่ในรัฐบาลต้องรักษาผลประโยชน์แห่งตนไว้ก่อน


๒๖) ประเทศไทยยังมีทรัพยากรธรรมชาติอยู่มาก เช่น ภาคอีสานจากการสำรวจพบ
ว่ามี แร่ทองแดงและโพแทสเซียม สมบูรณ์ที่สุดในโลก ร่างพ.ร.บ.เสียเปรียบให้ต่าง
ชาติเข้าครอบครองในการทำเหมืองดังกล่าวสิ้น


๒๗) ชาวบ้านรากหญ้ามีแต่หนี้ทั้งในระบบและนอกระบบ เปิดโครงการให้กู้เงินจากอีก
สถาบันมาล้างหนี้อีกสถาบันยิ่งเสียดอกมากขึ้น คนจนจะไม่มีอีกต่อไป เพราะอดตายกัน
หมดแล้ว

๒๘) โกงลำไยแห้ง โกงโรงบำบัดน้ำเสียคลองด่านหลายหมื่นล้าน เอาตัวเล็กๆ มาเป็น
แพะ ตัวใหญ่ลอยนวลเพราะอยู่ใกล้ตัว


๒๙) ปลอมวุฒิการศึกษา คาร์ปาร์คสุดอื้อฉาว ทุจริตกล้ายางลอยนวล

๓๐) ต่ออายุราชการให้น้องเขยครั้งแล้วครั้งเล่า

๓๑) ให้ฝรั่งมังค่าเข้ามาประมูลประเทศถึงทำเนียบโดยสภาพัฒน์และนายคลังยังไม่รู้ถึง
นโยบายประเทศของตนเองเลยว่า “มีแบบนี้ด้วยเหรอ” แต่ไม่มีโครงการที่จะเอาฝรั่งที่
ชำนาญการปราบคอรัปชั่นเข้ามาด้วย เพราะตอนนี้ประชาระทมโดนโกงกันจนคลัง

ถังแตก

๓๒) คอมมิชชั่นเครื่องบิน SU-30 MK กำลังจะเข้าปากหมา พวกกัลยาณมิตรกลับใจ
ไม่น่ามาขวางเลย สุดท้ายได้ทีมฟุตบอลจากคอมมิชชั่น


๓๓) ที่แท้พรรคพวกได้ผลประโยชน์ข้างเคียงก่อสร้างไนท์ซาฟารี

๓๔) ให้คนแกล้งหมอพรทิพย์เพราะต้องการเอาคนของตัวเองเข้าไปแทน

๓๕) เอาวัตถุทั้งรถและบ้านมายั่วแจกให้แท็กซี่ไปฟังตนปราศรัย แล้วยังมีหน้าพูดจา
ยั่วยุคนที่คิดเห็นต่างตนว่ารับจ้าง


๓๖) เหยื่อสึนามิ ไม่ได้รับการช่วยเหลือทั่วถึงแต่อย่างใด สื่อรัฐเสนอแต่ส่วนที่ช่วยแล้ว
ได้ออกทีวี ปกปิดข้อเท็จจริง

๓๗) ยุคแม้ว ห้ามทีวีออกรายการช่วยน้ำท่วมภาคใต้ แบ่งแยกดินแดนชัดๆ

๓๘) เซ็นสัญญา FTA โดยไทยเสียเปรียบมาก ไทยขาดการวิจัยและผลิตยา ๒๐ กว่า
ชนิดเป็นเวลา ๒๕ ปี และไม่ให้ปลูกข้าวหอมมะลิสองสายพันธุ์ ต่างชาติอ้างถือสิทธิบัตร
รวมถึงการเกษตรให้เสรีนำเข้าตีภาคผลิตของคนไทย ทุนนิยมสุดโต่ง


๓๙) ทำลายความเชื่อถือความศรัทธาของประชาชนที่มีต่อ ข้าราชการ, เจ้าหน้าที่รัฐ
บ้าอำนาจใช้พระเดชปกครอง ขู่เข็ญ สร้างเงื่อนไขให้ข้าราชการให้รับใช้สอพลอตน
ถ้าแสดงออกได้ดีจะได้รับตำแหน่งข้ามหัวเพื่อน

๔๐) ยุทธ ตู้เย็น ขี้ขลาดตาขาว ยิงตายายเกือบตายถ้าไม่ถูกตู้เย็นพรุนแทนเสียก่อน
วันนี้มันจ้างคนงานชั่วคราวป่าไม้ ให้มาก่อกวนการเสวนาตามระบอบประชาธิปไตย
ถึงเมืองหลวง


๔๑) ผู้นำและครม.หลายคนขับรถจักรยานยนต์ในอำเภออาจสามารถที่หมอดูสั่งให้ไป
นอนให้ครบ ๔ คืน มิฉะนั้นจะไม่มีแผ่นดินอยู่ ทำผิดกฎหมายไม่ใส่หมวกกันน๊อค
ซ้อนท้าย ๓ คนไม่เปิดไฟไม่มีใบอนุญาตขับขี่ ออกกฎหมายบนถนนว่าถนนรองไม่
ต้องใส่หมวก


๔๒) ไปสิงคโปร์ ๔ วันเพื่อบรรลุข้อตกลงให้ต่างชาติซื้อหุ้นได้เงินเกือบแสนล้าน ข้อเท็จ
จริงเป็นการโยกหุ้นไปอยู่ในกองทุนต่างชาติเพื่อหลบหนีภาษีและป้องกันการถูกยึดใน
ภายหลังหมดอำนาจ แอบตั้งบริษัทที่ไม่รักชาติ เพื่อซุกซ่อนสมบัติ เลี่ยงภาษีที่หมู่
เกาะบริติชเวอร์จิ้น

๔๓) มีจิตใจอาฆาตต่อราษฎรและไร้เมตตาธรรมต่อผู้ที่คิดเห็นต่างตน แม้ ๑๙ ล้าน
เสียงก็ขว้างเกือกคืนให้แล้วยังมีหน้าเอามาอ้างอีก


๔๔) ตลาดหุ้นไทยกลายเป็นเครื่องมือของกลุ่มทุนใหญ่ไม่กี่ตระกูลที่รวมหัวกับต่างชาติ
ปั่นทำกำไร


๔๕) ศักดิ์ศรีประเทศไทยอยู่ตรงไหน ต่อการขายสมบัติของแผ่นดินไปให้ต่างชาติแถม
กำไรเข้ากระเป๋านักการเมือง เขาซื้อเราขาย ใครเป็นมหาอำนาจ ใครเป็นขี้ข้า ยาม
หมดทรัพย์สมบัติชาติ หนังคนละเรื่องกันเลย

๔๖) ไม่เคยมียุคใดสมัยไหนที่คณะผู้บริหารชาติบ้านเมืองคิดพิเรนทร์ ขนาดจะขาย
แผ่นดินไทยเหมือนยุคสมัยแห่งรัฐบาลแม้วอีกแล้ว เตรียมออกกฎหมายที่ดิน เพื่อเปิด
โอกาสให้ต่างชาติสามารถ “ถือครองกรรมสิทธิ์ที่ดิน” ของประเทศไทยได้ พอดีมี
เรื่องขับไล่เสียก่อน


๔๗) ชาวบ้านตั้งคำถาม ๕๐ ข้อ ไม่เคยตอบแม้แต่ข้อเดียว กลับยุบสภาหนีคำถาม
เก่งแต่ฟ้องร้องแก้เกี้ยว เมธี ปัญญาชนถูกฟ้องไปทั่ว


๔๘) จ้างผู้สมัครพรรคอื่นให้ลงสมัคร ส.ส. เพื่อหาความชอบธรรมในสภา มหาโจร
หน้าเหลี่ยมใช้สภาและอาศัยอาศัยรูปแบบประชาธิปไตยเป็นเครื่องมือในการปล้นชาติ
กินเมือง

๔๙) ตระบัตสัตย์ กระล่อน โมฆะบุรุษ ไม่มียางอาย เคยให้สินบน รสช เพื่อสิทธิ์
ในการผูกขาดตลาดการสื่อสาร


๕๐) ไม่มีคนดีๆ ไม่มีปัญญาชนคนไหนชื่นชอบ ล้วนขับไล่ไสส่งอย่างไม่เคยมีมาก่อน

๕๑) ขี้นค่าไฟฟ้า ค่าน้ำประปา น้ำมัน และต้องไปจ่ายเองที่ออฟฟิต ต้องเสียค่าธรรม
เนียมที่มินิมาร์ท การที่ผู้บริโภคต้องใช้รถราไปจ่ายเองต้องเสียค่าน้ำมันเพิ่มทุกครัวเรือน
ซึ่งผู้ถือหุ้นใหญ่หุ้นน้ำมันก็คือเจ้าของระบอบชั่วนี้

๕๒) ตั้งบริษัทนอมินีให้เครือญาติมาเกี่ยวข้องงานราชการ ฮั้วประมูลงาน จนรวยล้นฟ้า
ภายในห้าปี แต่ละเครือรวยกันจริงๆแบบไม่กลัวบาปกรรมแม้แต่น้อย


๕๓) ไปเจ็ดประเทศไปบังคับฑูตให้ติดต่อผู้นำดังกล่าวอย่างเสียมารยาท ทั้งเหมาลำนั่ง
กันสองคน ใช้เงินภาษีราชการ เศรษฐีขี้เหนียว มันสารเลวจริงๆ มีแต่ปูตินของรัสเซีย
ให้พบเพราะอยากถามเรื่องซื้อเครื่องบินจะว่าไง


๕๔) นางแว่น กลิ่นเหม็นคอมมิชชั่นเครื่องคอมฯ พวกหมอพวกพยาบาลเกลียดหนักหนา
ไม่รู้รวยมาจากไหนเอาเงินกว้านซื้อที่ดินตามเกาะต่างๆทั้งในอ่าวไทยและอันดามันหลาย
ร้อยแปลง รวมพันล้านบาท แล้วให้ ครม.งุบงิบแอบออกกฎหมายขายชาติ เพื่อเตรียม
ขายที่ดินที่พรรคพวกตนกว้านซื้อขายต่อฟาดกำไรให้ชาวต่างชาติจากกฎหมายขายชาติ
ดังกล่าว

๕๕) น้ำท่วมไฟลุกทั้งแผ่นดินเพราะคนตระบัตสัตย์คนโกงคนไร้จริธรรมเข้าทำเนียบ

๕๖) เป็นผู้นำคนเดียวในโลกที่มีคนแต่งเพลงไล่ให้ออกไป ๒๐๐ กว่าเพลง แหล่ กลอน
กวี การ์ตูน ด่าไล่เป็นจังไรมากที่สุดในโลก


๕๗) ไม่เคยตอบคำถามที่ชาวบ้านถาม มันกลับฟ้องแก้เกี้ยวรกเต็มศาล ทั้งปัญญาชน
เมธี คนรักชาติถูกมันฟ้องเรียกค่าเสียหายไปทั่วเมือง แสดงว่ามันยังรวยไม่พอ

อย่างนี้จะให้มันกลับมาอีกหรือ ? ...ยิ่งรวยยิ่งโกง

๕๘) ทั่วโลกบอยคอตรัฐบาลเผด็จการพม่าที่กักขังนางอองซูจี ไม่ช่วยเหลือใดๆ แต่
มันกลับเอาเงินเอ็กซิมแบ็งก์ให้พม่ากู้ แลกกับผลประโยชน์ส่วนตัวขายสัญญาณดาวเทียม


๕๙) ยุคแม้ว บริษัทใหญ่ ๆ ของนักการเมือง พวกพ้อง และเครือญาติหลีกเลี่ยงภาษี
กันอย่างหนัก เพราะมันควบคุมกลไกของรัฐไปทุกหย่อมหญ้าเบ็ดเสร็จ


๖๐) ล่าฆ่าปิดปากชิปปิ้งหมู ที่ออกมาเปิดเผยการลักลอบเอาชุดดาวเทียมหนีภาษีเข้าสู่
ประเทศเป็นมูลค่าหลายพันล้านบาท

๖๑) งานประมูล งานรับเหมาของรัฐ ในยุคแม้ว วนเวียนอยู่แต่ในบริษัทนอมินีของ
นักการเมือง พวกพ้องและเครือญาติทั้งสิ้น ไม่มีการกระจายอย่างกว้างขวางไปให้กลุ่ม
บริษัทอื่นๆบ้างเหมือนดังที่ผ่านๆมา


๖๒) ครม.ทั้งชุดคือลูกจ้างของบริษัทเหลี่ยมดาวเทียม ไม่ไปไหน เพราะเงิน ดีงานดี
หนายิ่งกว่าวาสหนา


๖๓) จ้างพรรคเล็กลงเลือกตั้ง กลายเป็นคนจ้างไม่ผิดแต่คนมีรูปถ่ายเป็นหลักฐานผิด
กล้องถ่ายรูปผิด เหมือนตากใบ คนจับชาวบ้านมัดมือไพร่หลังแล้วเตะคาง เตะก้านคอ
ทับกันตาย คนทำทารุณกรรมไม่มีความผิด กลายเป็นวีซีดีผิด ! บ้ากันใหญ่แล้
วยุคทรราชเหลี่ยมครองเมือง

๖๔) เมียทรราชและนายหญิงทั้งหลายกว้านซื้อที่รอบๆสนามบินแล้วรีบออกกฎหมายปั่น
ที่ดินหวังเทขาย หวังรวยติดอันดับโลก


๖๕) ปากทรราชพูดจะเจริญรอยตามนโยบายเศรษฐกิจพอเพียง แต่พฤติกรรมมัน
"ให้ต่างชาติเข้ามาครอบงำธุรกิจไทยหมดสิ้น"


๖๖) มันพูดแต่คำว่า "กติกาประชาธิปไตย" โดยมันซื้อยกพรรค ซื้อยกหมู่บ้าน
ประชาธิปไตยแบบแม้ว ๆ

๖๗) น้องสาวปลอมวุฒิการศึกษา เดี๋ยวนี้รวยเป็นพันๆล้านกว้านซื้อที่ดินซื้อหมู่บ้าน
ได้มากมาย


๖๘) วางระเบิดบ้านคนไล่มันหลายแห่งตำรวจจับไม่ได้สักแห่ง แต่มันวางเองไม่ระเบิด
ดันจับได้ งงกันทั้งเมือง คนเชียร์ทรราชวางระเบิดทรราชเอง?


๖๙) ตำรวจสอพลอ ทรราช สืบ ๖ ให้พรรคพวกกุ้ยค้ายาเสพติดทั้งแก็งก์มาทุบตีชาว
บ้าน ไม่มีการสั่งพักราชการหรือสอบเอาผิดจริงจังแต่อย่างใด โจรในเครื่องแบบครอง
เมืองประชาชนจะอยู่กันอย่างไร

ดังกล่าวข้างต้น เป็นเพียงความคับข้องใจของเพื่อนคนหนึ่ง ที่จรดปลายปากการวบ
รวมขึ้นมา เพื่อหวังว่าคงจะพอช่วยดลใจให้ผู้หนึ่งผู้ใดที่กำลังคิดกระทำสิ่งหนึ่งส่ิงใด
ในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้ ได้หยุดเพื่อตั้งงสติ แล้วฉุกคิดสักนิด หวังเพียงว่าอาจจะช่วย
ยับยั้งสิี่งที่กำลังจะเกิดขึ้น ให้ยุติลงโดยสวัสดิภาพ

ได้โปรดหยุดเถอะน่ะ...หากคุณยังพอมีความเป็นไทยหลงเหลืออยู่ภายในจิตใจ..
User avatar
bird
 
Posts: 1426
Joined: Wed Apr 01, 2009 1:25 pm

Re: เค้าลางแห่งความเลวร้าย...แม้ว

Postby jrr. » Thu Dec 31, 2009 12:40 am

.............midnight click...............
User avatar
jrr.
 
Posts: 887
Joined: Mon Oct 13, 2008 7:41 am

Re: เค้าลางแห่งความเลวร้าย...แม้ว

Postby bird » Thu Dec 31, 2009 4:32 pm

ท่านอดีตหน่วยข่าวกรอง

"พัลลภ" ครั้งใดที่ชื่อนี้ผุดขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็นตามหน้าข่าวสื่อหนังสือพิมพ์ หน้าเว็บบอร์ด
หรือตามสื่อกระจายเสียงต่าง ๆ ทำให้นึกย้อนไปถึงพฤติกรรมของบุคคลท่านนี้อย่างเสีย
ไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็น เหตุการณ์ในอดีตเมื่อครั้งท่านยังสวมเครื่องแบบหน่วยล่าสังหาร เคย
ไปรับจ้างรบที่เวียดนามและเคยเป็นหัวหน้าชุดล่าสังหาร

เป็นหนึ่งในคณะผู้กระทำการปฏิวัติรัฐประหารและการเปลี่ยนแปลงการเมืองมาหลายครั้ง
ตั้งแต่การปฏิวัติรัฐบาลนายธานินทร์ อีกทั้งเคยกดดัน พล.อ.เกรียงศักดิ์ ให้ลาออกจาก
ตำแหน่ง และหนุนให้ พล.อ.เปรม ขึ้นเป็นนายก เคยร่วมปฏิวัติ ๑-๓ เมษายน ๒๕๒๔
กับเพื่อนร่วมรุ่น ๗ แต่ไม่สำเร็จ ต้องลี้ภัยไปต่างประเทศ แต่ได้รับนิรโทษกรรมในเวลา
ต่อมา

ตามคำกล่าวอ้างของท่านผู้นี้ว่า เคยคิดลอบสังหาร พล.อ.อาทิตย์ หรือ บิ๊กซัน มาแล้ว
เมื่อครั้งกำลังบิ๊กซันเรืองอำนาจในตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบก ส่วนท่านอดีตหน่วยล่า
สังหารอยู่ในช่วงพักฟื้นหลังได้รับการนิรโทษกรรม และยังไม่เป็นที่ไว้วางใจของกลุ่มผู้
มีอำนาจในขณะนั้น

เขาเคยให้สัมภาษณ์ว่าถูกกลุ่มรุ่น ๕ กลั่นแกล้ง โดยได้ "ไฟเขียว" จาก บิ๊กซัน อดีต
ผบ ทบ ในขณะนั้น แต่ก็เป็นเพียงคำกล่าวอ้างที่ไร้ซึ่งหลักฐานใด ๆ

อดีตหน่วยล่าสังหารจึงตัดสินใจตั้งทีมล่าสังหาร บิ๊กซัน ขึ้นมา แต่ไม่สำเร็จ

" ผมต้องการฆ่าพี่ซันคนเดียว เพราะท่านอนุมัติให้จัดการกับผม ทั้งที่ผมสนิทกับท่าน
ผมเป็นผู้หมวด ท่านเป็นผู้บังคับกองร้อย แต่อยู่คนละกองพัน เวียดนามก็ไปรบด้วยกัน
ท่านเป็น พ.ท. "

"ผมไปตามล่าท่านอยู่ ๗ ครั้ง ท่านก็รู้ ตอนหลังเจอกัน ท่านยังเรียกชื่อเก่าผมไอ้นาจ
มึงลอบยิงกู ๑๕ ครั้งเชียวหรือ"

" สมัยเป็นหัวหน้าทีมล่าสังหาร ผมล่าใครไม่เกิน ๒ ครั้ง ไม่เคยพลาด "

แต่บิ๊กซันก็รอดมาได้ จะด้วยปาฎิหารย์ หรือ ความดวงดี หรือเพราะคำอวดอ้างเกิน
เหตุ ก็ตามแต่ท่านจะพิจารณะวิเคราะห์ตามมุมมองของทุกท่าน

วีรกรรมหนึ่งที่ท่านภาคภูมิใจเมื่อครั้งอดีตนั่นคือ กรณี "พฤษภาทมิฬ" เพราะท่านผู้นี้คือ
การเป็นผู้นำเผาสถานีนางเลิ้ง

เคยลงสมัคร สส ในสังกัดพรรค ปชป แต่ "สอบตก" เป็นเลขาฯ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระ
ทรวงกลาโหม แต่ลาออกเพราะขัดแย้งกับนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
ในขณะนั้น และเข้าสังกัดพรรคไทยรักไทย

เหตุการณ์คาร์บอมบ์ คาร์บ็อง การให้สัมภาษณ์พาดพิงถึงกลุ่มผู้ร่วมวางแผนโค่นล้ม
อำนาจแม้ว หรือ การขึ้นเวทีพันธมิตรในฐานะเพื่อนคนสำคัญของแกนนำท่านหนึ่ง
และในปัจจุบัน ท่านได้เคลื่อนไหวภายใต้หมวก พท อะไรคือความจริงใจของท่าน
ผู้นี้กันหนอ

พฤติกรรม คำพูดของท่านล้วนกลับไปกลับมา หาจุดยืนที่เป็นตัวของตัวท่านเองไม่ได้
ท่านแสดงพฤติกรรมเสมือนหนึ่ง ท่านเป็นจิ้งจกปรับเปลี่ยนสีได้ตามแหล่งพำนักพักพิง
แล้วจะเชื่อถือในคำพูดของท่านได้อย่างไรกัน ทำให้นึกย้อนกลับไปว่า

คำพูดที่ท่านกล่าวอ้างถึง บทบาทเมื่อครั้งอดีต มีข้อเท็จจริงประการใด...

จากคำให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ ๒๗ มีนาคม ๒๕๕๒ เกี่ยวกับแผนการโค่นล้มอำนาจแม้ว
อันสืบเนื่องจากการโฟนอินของอดีตนายกไร้แผ่นดิน พาดพิงถึงบุคคลผู้อยู่เบี้องหลัง
ร่วมวางแผนโค่นล้มระบอบแม้ว เมื่อ ๑๙ กันยายน ๒๕๔๙ อันประกอบด้วย พล.อ.
สุรยุทธ์และมิสเตอร์พี เจ้าบ้านย่านสุขุมวิท

ท่านอดีตหน่วยข่าว ยืนยันว่าคำกล่าวอ้างของแม้วผ่านการโฟนอินดังกล่าวเป็นเรื่องจริง
แต่ว่า พล.อ.สุรยุทธ์ ไม่เคยเชิญต้นเข้าร่วมประชุม หากแต่เจ้าบ้านย่านสุขุมวิท เป็นผู้
เชิญตนและประชุมวางแผนร่วมกัน และไม่ได้ประชุมกันเพียงแค่ครั้งเดียว แต่ประชุม
กันถึง ๓-๔ ครั้ง ก่อนเริ่มดำเนินการตามแผน

และท่านยังกล่าวอีกว่า การพุดคุยว่าจะล้มรัฐบาลแม้วได้อย่างไร โดยมีการวางไว้ ๒
แนวทาง คือ ด้านกฎหมายและรัฐธรรมนูญ ซึ่งหารไม่สำเร็จ ให้ทำการรัฐประหาร
และไม่มีการกำหนดผุ้ที่จะขึ้นดำรงตำแหน่งต่อจากนายกแม้ว

การหารือครั้งนี้เป็นลักษณะโต๊ะกลม ไม่มีอดีต ผบ ทบ พล.อ.สนธิ เข้าร่วมหารีอด้วย
ท่านอดีตหน่วยล่าสังหารยังกล่าวอ้างว่า ไม่สามารถกล่าวได้ว่า พล.อ.สุรยุทธิ์เป็นตัวตั้งตัว
ตีในการโค่นล้มอำนาจแม้ว แต่ พล.อ.สุรยุทธิ์จะเข้าร่วมหารือด้วยทุกครั้ง และไม่สามารถ
บอกได้ว่าใครเป็นแกนนำในการโค่นล้มแม้ว

กล่าวมาถึงตอนนี้ อยากให้ย้อนกลับไปพิจารณาคำกล่าวของคนไกลบ้านอีกสักครั้ง
ซึ่งเนื้อหาโดยสรุปคงพอจะทราบกันดี เพราะเป็นข่าวบนหน้าแรกของสื่อหนังสือพิมพ์
หลายๆ ฉบับ ทั้งเว็บบอร์ด สื่อโทรทัศน์ และ สื่อกระจายเสียง รวมถึงสื่อต่างประเทศ
เช่น ไฟแนนเชียลไทม์ ในดูไบ และ เซเรนา ทาร์ลิง ในลอนดอน

คำกล่าวของแม้วในครั้งนั้น ได้กล่าวพาดพิง จาบจ้วง ว่าสถาบันสูงสุดของประเทศว่า
ทรงทราบเรื่องการทำรัฐประหารก่อนเหตุการณ์ยึดอำนาจเมื่อวันที่ ๑๙ กันยายน ๒๕๔๙
โดยประธานองคมนตรี นำคณะองค์มนตรีและนายพลเข้าถวายรายงานถึงแผนการก่อน
การลงมือ และกล่าวอ้างว่า พัลลภ เป็นผู้นำข่าวนี้มาแจ้งต่อนายกผู้ไร้แผ่นดิน แต่ใน
ขณะนั้น พัลลภ ปฏิเสธอย่างสิ้นเชิง

ขอสงวนคำปราศัยของผู้จาบจ้วง เพราะเป็นคำพูดจากคนโกหก ที่กระทำการปล้นประเทศ
ภายใต้นโยบายและกฎหมายที่ตนเป็นผู้กำหนดขึ้น อีกที้งยังมีพฤติกรรมยั่วยุให้เกิดความ
แตกแยกขึ้นภายในประเทศ ที่จุดที่สำคัญ คำพูดเหล่านั้นไม่มีหลักฐานยืนยันว่าเหตุการณ์
ตามที่คนไร้แผ่นดินกล่าวอ้างเกิดขึ้นจริง ถึงแม้นว่า จะมีผู้ออกมารับรองก็ตาม ด้วยเหตุว่า
ผู้รับรองมีพฤติกรรมเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา จึงขาดความน่าเชื่อถือต่อคำรับรองที่ให้ไว้

ย้อนกลับมาที่คำกล่าวอ้างถึงการประชุมวางแผนเพื่อโค่นล้มแม้ว ที่พัลลภปฏิเสธว่าไม่ได้
เป็นผู้คาบข่าวแจ้งต่อคนไร้แผ่นดิน หากแต่ว่า

การให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ ๒๗ มีนาคม ๒๕๕๒ ต่อคำถามที่ว่า ในการพูดคุยกันมี
การวางแผนอย่างไร พัลลภ กล่าวว่า

" อย่างแรก คือการวางแผนทางด้านกฎหมาย และการทำรัฐประหารว่าจะทำอย่างไร
ซึ่งการที่ผมเดินทางไปพบท่านอดีตนายก ท่านทราบเรื่องหมดแล้ว แต่ท่านถามในลักษณะ
ใช่หรือไม่ใช่..."

" เรื่องนี้ไม่เป็นความลับ พตท ทรักษินรู้ดีตั้งแต่ตนว่า จะมีการล้มรัฐบาล เพราะมีแหล่ง
ข่าวที่ติดตามพวกที่เคลื่อนไหวทั้งหมด "

" ท่านรู้มานานแล้ว แต่คงหาคนอ้างอิงไม่ได้ บังเอิญผมเดินทางไปหาท่านพอดี จึงหา
พยานเสียเลย "

จากคำกล่าวข้างต้น พอจะสรุปได้หรือไม่ว่า ใครเป็นผู้แจ้งข่าว ใครที่รับรองคำกล่าว
พาดพิง จาบจ้วง ใครที่ยอมเป็นพยานให้กับคนไร้แผ่นดิน โดยไม่มีหลักฐานใด ๆ
ยืนยันว่า คำกล่าวอ้างทั้งหมดเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง เพราะบุคคลที่กล่าวพาดพิง
บุคคลที่รับรองคำกล่าวนั้น ๆ รวมทั้งบุคคลที่ยอมเป็นพยานให้ มีความน่าเชื่อถื่อในคำ
พูดได้มากน้อยเพียงใด...

รวมไปถึง คำกล่าวที่ว่า แหล่งข่าวที่ติดตามพวกที่เคลื่อนไหวทั้งหมด พฤติกรรมเช่นนี้
เรืยกว่า สะกดรอยตาม หรือ พวกนกสองหัว ได้หรือไม่ แหล่งข่าวที่อ้างถึง มีความน่า
เชื่อถือมากน้อยเพียงใด ซึ่งหากแหล่งข่าวเหล่านี้ใส่ร้ายบุคคลที่ถูกพาดพิงถึงจะด้วยความ
รู้สึกส่วนตัว ความอคติเล่า นั่นก็หมายความข้อมูลที่ได้รับมาเป็นข้อมูลเท็จ ใช่หรือไม่

ในช่วงเวลานี้ ความแตกแยกในสังคมกำลังเข้าสู่สภาวะวิกฤต ความรู้สึกของมวลชน
กำลังเปราะบาง พร้อมที่จะเผชิญหน้ากันได้ทุกเวลา ความสัมพันธ์ในครอบครัวอยุ่ใน
วงจำกัด ไม่สามารถพูดคุยกันได้ในกรณีที่เกี่ยวกับการเมือง และการแบ่งสี ซึ่งใน
ความเป็นจริงแล้ว ครอบครัวควรจะพูดคุยกันได้ในทุกเรื่อง

สามีภรรยาต้องระวังคำพูดและต้องมีความพยายาม ความอดทนในการรับฟังความคิด
เห็นของอีกฝ่ายในกรณีที่เกี่ยวกับการเมือง หรือ เลี่ยงที่จะไม่พูดถึง ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่
ควรจะเกิดขึ้น ครอบครัวเดียวกัน ควรจะพูดคุยกันได้ในทุก ๆ เรื่อง สังคมมาถึง
จุดที่ต้องหันหน้าเข้าหากัน มองหาหนทางที่จะยุติเหตุการณ์เหล่านี้

ฝ่ายหนึ่งต้องการแก้ไขให้ความแตกแยกให้สังคมดีขึ้น อาจจะไม่ทั้งหมด เพียงแค่
ระดับความแตกแยกลดลง อยู่ในระดับที่รับฟังเหตุและผล อย่างมีสติ มีสมอง มีความ
นึกคิด ไตร่ตรอง

ในขณะที่อีกฝ่าย เร่งเร้า พยายามให้เกิดเหตุที่ยากต่อการควบคุม ด้วยการปลุก
ระดม ยั่วยุ สร้างสถานการณ์เท็จขึ้นต่าง ๆ นา ๆ เพื่อหาคำกล่าวอ้างว่า โดน
รังแก โดนกลั่นแกล้ง โดยมีบรรดาบุคคลที่น่าเชื่อถือเมื่อครั้งอดีตยอมเป็นตัวหมาก
ตัวเบี้ยบนกระดานให้ แลกกับผลประโยชน์ที่จะได้รับ เช่น รองเท้่ากอล์ฟ ๑ คู่

แต่สิ่งที่ต้องสูญเสีย คือ ความแตกแยกของมวลชน ความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นสงคราม
ระหว่างประชาชนกับประชาชน ความเสี่ยงกับที่ต้องสูญเสียแผ่นดิน...

ท่านผู้มีเกียรติทุกท่าน ท่านผู้เคยมีซึ่งศักดิ์ศรีทุกท่าน ขอวิงวอนท่าน ด้วยหัวใจ
ขอได้โปรด หยุด...และ ทบทวน ถึงพฤติกรรมต่าง ๆ ที่ท่านพึงกระทำมานั้น
และสิ่งที่ท่านกำลังจะกระทำ ว่าสิ่งต่าง ๆ เหล่านั้น สมควรหรือไม่ ถูกหรือผิด...
เชื่อว่า วุฒิภาวะและประสบการณ์ของท่านที่ผ่านมา สามารถแยกแยะชั่ว-ดี ได้แน่

ขอวิงวอน จากใจคนไทยคนหนึ่ง ที่รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ด้วยชีวิต
Last edited by bird on Thu Dec 31, 2009 8:31 pm, edited 1 time in total.
User avatar
bird
 
Posts: 1426
Joined: Wed Apr 01, 2009 1:25 pm

Re: เค้าลางแห่งความเลวร้าย...แม้ว

Postby พายุ » Thu Dec 31, 2009 5:36 pm

มาดักสวัสดีปีใหม่คุณ bird และเพื่อนสมาชิกเสรีไทยในกระทู้นี้ไว้ก่อน :lol: :lol:

Image


ในปีหน้าที่กำลังจะมาถึงนี้
ขอให้คุณbirdและเพื่อนๆสมาชิกทุกท่าน มีสุขภาพแข็งแรง
ถ้าต้องเจอปัญหาก็ขอให้สามารถแก้ไขได้ด้วยดี
มีเวลาพักผ่อน สดชื่นรื่นเริงกันถ้วนหน้านะคะ
:D :D
" คนที่พูดคำว่า จงรักภักดี คำที่ดีที่สุดคือ สติ เหนือสิ่งอื่นใด ทุกวันนี้สติหด หาย ขาด ถ้ามีสติ มีศีล มีปัญญา ฉลาดรอบคอบ ก็ไม่ทำให้ใครเดือด ร้อน เพราะฉะนั้น คนในสังคมต้องมีสติ อย่าขาดสติ จะให้เราเข้าใจที่สุด"
ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล
User avatar
พายุ
 
Posts: 3977
Joined: Mon Oct 13, 2008 1:33 am


Re: เค้าลางแห่งความเลวร้าย...แม้ว

Postby bird » Thu Dec 31, 2009 8:42 pm

พายุ wrote:มาดักสวัสดีปีใหม่คุณ bird และเพื่อนสมาชิกเสรีไทยในกระทู้นี้ไว้ก่อน :lol: :lol:

Image


ในปีหน้าที่กำลังจะมาถึงนี้
ขอให้คุณbirdและเพื่อนๆสมาชิกทุกท่าน มีสุขภาพแข็งแรง
ถ้าต้องเจอปัญหาก็ขอให้สามารถแก้ไขได้ด้วยดี
มีเวลาพักผ่อน สดชื่นรื่นเริงกันถ้วนหน้านะคะ
:D :D


ขอบคุณค่ะ..สำหรับภาพสวย ๆ และคำอวยพรดี ๆ
ขอน้อมรับไว้ ด้วยความขอบคุณ :mrgreen:
และขออวยให้คุณพายุ มีสุขภาพแข็งแรงเช่นเดียวกัน
ปัญหาน้อยใหญ่แก้ไขได้ทั้งหมด ประสบความสำเร็จ
ในทุก ๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นหน้าที่การเงิน ครอบครัว
โชคลาภ เงินทอง และ ความรัก สดชื่นทุก ๆ วันค่ะ :mrgreen:

overtherainbow wrote::D ขอรับค่ะ
ขออวยพร คืนให้ทุกๆคนด้วยค่ะ


สวัสดีวันสิ้นปี และ สวัสดีวันปีใหม่ด้วยค่ะ
ขออวยพรให้คุณพี่คนสวยของน้อง สวยยิ่ง ๆ ขึ้นไป
ภาวะจิตตก ก็ให้หายเป็นปลิดทิ้ง สุขภาพแข็งแรง ๆ
หน้าที่การงานเจริญขึ่น ๆ โชคลาภมากมาย ๆ เงินทองเยอะ ๆ
สดชื่น สดชื่น ค่ะ :mrgreen:

jrr. wrote:.............midnight click...............


คุณ jrr ด้วยค่ะ
ขออวยพรให้ สุขภาพแข็งแรง หน้าที่การงานรุ่ง ๆ มีโชภมีลาภ
มีเงินทองเยอะ ๆ นะค่ะ สดชื่น ด้วยค่ะ สดชื่น :mrgreen:
User avatar
bird
 
Posts: 1426
Joined: Wed Apr 01, 2009 1:25 pm

Re: เค้าลางแห่งความเลวร้าย...แม้ว

Postby devotion » Thu Dec 31, 2009 8:52 pm

ขอขอบคุณ คุณ bird สำหรับผลงานอันน่าประทับใจ ซึ่งต้องใช้ทั้งเวลา ความพยายาม สติปัญญา และความกล้าหาญ

ขอให้ยืนหยัดสร้างผลงานที่ช่วยปกป้องประเทศชาติต่อไปในปี 2553 นะคะ
User avatar
devotion
Moderator
 
Posts: 1001
Joined: Tue Apr 28, 2009 7:11 pm

Re: เค้าลางแห่งความเลวร้าย...แม้ว

Postby dtonNA » Thu Dec 31, 2009 9:00 pm

สวัสดีปีใหม่ครับ

ขอให้ จขกท. และผู้อ่านมีความสุขตลอดไปครับ
เราต้องการคนดีมาเป็นผู้ปกครองบ้านเมืองเท่านั้น
User avatar
dtonNA
 
Posts: 1493
Joined: Fri Nov 28, 2008 1:28 am

Re: เค้าลางแห่งความเลวร้าย...แม้ว

Postby bird » Thu Dec 31, 2009 10:52 pm

Image

สวัสดีปีใหม่ ทุก ๆ ท่านค่ะ :mrgreen:

ดอกไม้ช่อนี้ มอบให้เป็นของขวัญจากใจ แด่ทุกท่านค่ะ

เบิร์ด ขออวยพรให้ทุกท่านมีความสุข สดชื่น ตลอดไป
คิดหวังประการใด ขอให้สมดังปราถนาทุกประการค่ะ
:mrgreen:



devotion wrote:ขอขอบคุณ คุณ bird สำหรับผลงานอันน่าประทับใจ ซึ่งต้องใช้ทั้งเวลา ความพยายาม สติปัญญา และความกล้าหาญ

ขอให้ยืนหยัดสร้างผลงานที่ช่วยปกป้องประเทศชาติต่อไปในปี 2553 นะคะ


ขอบคุณสำหรับกำลังใจมีให้โดยตลอดค่ะ น้อมรับไว้ด้วยความขอบคุณค่ะ :mrgreen:

dtonNA wrote:สวัสดีปีใหม่ครับ

ขอให้ จขกท. และผู้อ่านมีความสุขตลอดไปครับ


สวัสดีปีใหม่เช่นกันค่ะ มีความสุขมาก ๆ น่ะค่ะ
Last edited by bird on Fri Jan 01, 2010 9:43 pm, edited 1 time in total.
User avatar
bird
 
Posts: 1426
Joined: Wed Apr 01, 2009 1:25 pm

Re: เค้าลางแห่งความเลวร้าย...แม้ว

Postby dahlia » Thu Dec 31, 2009 11:15 pm

สวัสดีปีใหม่คนสวยครับ
นอกจากสวยแล้วยังฉลาดอีก
ขอให้หลังปีใหม่นี้สวยวันสวยคืน
ผมเป็นแฟนคลับ แคนไท , ริดกุน , nontee , eAT , Moon , tonythebest , -3- , amplepoor , เด็กปากดี
User avatar
dahlia
 
Posts: 1375
Joined: Mon Oct 12, 2009 2:35 pm


Re: เค้าลางแห่งความเลวร้าย...แม้ว

Postby dahlia » Fri Jan 01, 2010 11:38 am

เยอะจัดตามอ่านไม่ไหว
ผมเป็นแฟนคลับ แคนไท , ริดกุน , nontee , eAT , Moon , tonythebest , -3- , amplepoor , เด็กปากดี
User avatar
dahlia
 
Posts: 1375
Joined: Mon Oct 12, 2009 2:35 pm

Re: เค้าลางแห่งความเลวร้าย...แม้ว

Postby bird » Fri Jan 01, 2010 9:46 pm

dahlia wrote:สวัสดีปีใหม่คนสวยครับ
นอกจากสวยแล้วยังฉลาดอีก
ขอให้หลังปีใหม่นี้สวยวันสวยคืน

ขอบคุณค่ะ คุณ dahlia ก็เช่นกัน หล่อขัี้น หล่อขึ้นน่ะค่ะ :mrgreen:

dahlia wrote:เยอะจัดตามอ่านไม่ไหว

ค่อย ๆ อ่านไปค่ะ ของคุณฉิกตั้ง ๒๙ หน้ายังไหวเลยค่ะ :mrgreen:

overtherainbow wrote::mrgreen:

สวัสดีวันที่ ๑ ค่ะ พี่สาว :mrgreen:
User avatar
bird
 
Posts: 1426
Joined: Wed Apr 01, 2009 1:25 pm

Re: เค้าลางแห่งความเลวร้าย...แม้ว

Postby อธิฏฐาน » Fri Jan 01, 2010 11:21 pm

คำว่าขอบคุณคงน้อยไปค่ะที่จะมอบให้คุณเบิร์ด
Attachments
flowerna3.jpg
(33.26 KiB) Downloaded 150 times
User avatar
อธิฏฐาน
 
Posts: 3001
Joined: Mon Oct 13, 2008 1:18 pm

Re: เค้าลางแห่งความเลวร้าย...แม้ว

Postby dtonNA » Fri Jan 01, 2010 11:36 pm

กระทู้นี้น่าจะปักหมุดอีกครั้งนะ
เราต้องการคนดีมาเป็นผู้ปกครองบ้านเมืองเท่านั้น
User avatar
dtonNA
 
Posts: 1493
Joined: Fri Nov 28, 2008 1:28 am

Re: เค้าลางแห่งความเลวร้าย...แม้ว

Postby bird » Sat Jan 02, 2010 12:06 pm

dtonNA wrote:กระทู้นี้น่าจะปักหมุดอีกครั้งนะ

ขอบคุณที่ให้เกียรติค่ะ...
แต่..
ขอเป็นกระทู้ธรรมดาอย่างนี้ดีแล้วค่ะ
ขอแค่มีคนแวะมาอ่าน แวะมาทักทาย ก็ happpy แล้วค่ะ :mrgreen:

อธิฏฐาน wrote:คำว่าขอบคุณคงน้อยไปค่ะที่จะมอบให้คุณเบิร์ด

ขอบคุณสำหรับช่อดอกไม้ค่ะ ช๊อบ ชอบ...
มีกำลังใจขึ้นอีกเพียบ... :mrgreen:
Attachments
flowerna3.jpg
(33.26 KiB) Downloaded 138 times
User avatar
bird
 
Posts: 1426
Joined: Wed Apr 01, 2009 1:25 pm

Re: เค้าลางแห่งความเลวร้าย...แม้ว

Postby bird » Sat Jan 02, 2010 12:58 pm

คำสัมภาษณ์จากอดีตหน่วยข่าว

ต่อเนื่องจากกระทู้ "ท่านอดีตหน่วยข่าวกรอง" กับการให้สัมภาษณ์สื่อหนังสือพิมพ์เมื่อ
วันที่ ๓๐ มีนาคม ๒๕๕๒ มีใจความโดยสรุป ดังนี้

" การที่นายปีย์ ระบุว่า ตนออกมาโวยวาย เพราะไม่ได้รับตำแหน่งภายหลังเหตุการณ์
๑๙ กันยา ขอยืนยันว่าตนเป็นคนที่รักษาสัจจะ เมื่อตกลงกันว่าการทำครั้งนี้นั้น ทุกคน
ต้องไม่หวังตำแหน่งและลาภยศใด ๆ
"

" ตนจะหลีกเลี่ยงในการพูดถึงบุคคลอื่น แต่วันนี้นายปี มาพูดถึงตน ทำให้ตนเสียหาย
จึงต้องออกมาพูดบ้างว่า นายปี คิดอย่างไรกับอดีตนายก ยังมีเรื่องอีกเยอะเกี่ยวกับ
นายปี ที่พร้อมจะนำมาเปิดเผย เพราะทุกอย่างที่เขาทำนั้น เป็นลักษณะเจ้ากี้เจ้าการ
"

เพียงแค่ ๒ ประโยคข้างต้น ก็ทำใจให้เชื่อถือในคำพูดของบุคคลท่านนี้ได้อย่างลำบาก
และนึกย้อนต่อไปว่า ในอดีตเมื่อครั้งท่านรับผิดชอบในงานหน่วยข่าว ความมั่นคง ซึ่ง
เป็นหน่วยงานที่ต้องรักษาความลับระดับประเทศ เมื่อใครทำอะไรให้ท่านไม่พอใจหรือ
ไม่กระทำตามใจที่ท่านปรารถนา ท่านคงนำความลับไปเผยแพร่ ด้วยวิสัยส่วนตัวหรือ
ความรู้สึกส่วนตัว มากกว่าผลของส่วนรวม

และถ้าหากเป็นความลับระดับชาติเล่า ท่านจะเคยนำไปเผยแพร่ด้วยหรือปล่าวหนอ..
ซึ่งพฤติกรรมเช่นนั้นมิใช่พฤติกรรมของชายชาติทหาร ที่เคยให้สัตย์สาบานว่าจะรักษา
ความลับของชาติ และปกป้องสถาบัน ด้วยชีวิต..

นอกจากนี้ ท่านยังกล่าวว่า

" ครั้งหนึ่งก่อนการประชุมหารือกันที่ย่านสุขุมวิท ในขณะนั้นมีตน นายปี และศุรยุทธ์
นายปี ได้ถามตนว่า ทำให้อดีตนายกหายไปได้หรือไม่ ซึ่งตนตอบว่าคงเป็นเรื่องยาก
เพราะมีบอร์ดี้การ์ดเยอะ คงต้องดวลกันสนั่น อาจมีบาดเจ็บล้มตาย แต่ว่า ก็สามารถ
ทำให้ ตาย ได้
"

และ ประโยคเหล่านี้ ได้แปรสภาพเป็นสถานการณ์หนึ่งที่ปรากฎอยู่ในการโฟนอินของ
คนไกลบ้าน ที่เฝ้ารำพึงรำพัน เรียกร้องความเห็นใจจากบรรดามวลชนที่ยังให้การสนับ
สนุนอยู่ ว่าเป็นการ กลั่นแกล้ง มีการวางแผนลอบสังหาร แต่ ด้วยความดีของคนไกล
บ้านเอง ที่ช่วยให้อยู่รอดมาป่วนประเทศ เผาบ้านเผาเมืองอยู่จนกระทั่งปัจจุบันนี้

จะว่าไป...คำกล่าวอ้างข้างตน ไร้ซึ่งประจักษ์พยานใด ๆ ทั้งสิ้น ไม่มีทั้งพยานบุคคล
และพยานวัตถุ ถือเป็นการกล่าวอ้างลอย ๆ ขาดความน่าเชื่อถือใด ๆ และเมื่อหลุด
รอดออกมาจากปากของอดีตหน่วยข่าวที่ไร้ซึ่งจรรยาบรรณด้วยแล้ว ทำให้ความน่า
เชื่อถือสูญสิ้นไปอย่างสิ้นเชิง

หากท่านยังจำกันได้..บุคคลท่านนี้เคยขึ้นเวทีเสื้อเหลือง ด้วยรูปลักษณ์ของความเป็น
เพื่อนร่วมรุ่นกันแกนนำท่านหนึ่ง..ท่านแสดงทีท่าว่าพร้อมที่จะปกป้องแกนนำ หากว่า
มีใครมาทำร้าย...

แต่แล้ว...เหตุการณ์ก็กลับตาลปัด เมื่อท่านถูกปฏิเสธ ไม่ให้ร่วมเป็นหนึ่งในแกนนำ
ความเป็นเพื่อนสิ้นสุดลงหรือไม่ ไม่มีใครทราบได้ เอาเป็นว่า เมื่อโดนปฏิเสธท่านก็
เข้าร่วมกับฝ่ายตรงข้ามทันที โดยภาระกิจแรกคือ การรับรองถ้อยแถลงโฟนอินของ
คนไกลบ้าน ที่กล่าวร้าย จาบจ้วง พาดพิง สถาบันอย่างไร้สติและจิตสำนึก

พฤติกรรมในปัจจุบันของท่าน ก็เป็นที่ทราบกันโดยทั่วไปว่า เป็นโต้โผในการชักชวน
ชึกจูง เหล่าอดีตชายในเครื่องแบบทั้งร่วมรุ่น ร่นพี รุ่นน้องเข้าเป็นสมาชิกพรรคใหญ่
เพื่อหวังจะทำผลงานให้เข้าตา สร้างภาพว่าบรรดาเหล่าชายในเครื่องแบบให้การสนับ
สนุนคนไกลบ้านที่กำลังจะกลายเป็นคนไร้แผ่นดิน เป็นจำนวนมาก

แต่อย่าลืมว่า...ชายในเครื่องแบบเหล่านั้น เป็นเพียงอดีตเท่านั้น..หาได้มีกำลังหรือ
อำนาจในการสั่งการใด ๆ ทั้งสิ้น..อดีตเหล่านั้น อาจจะเคยมีเพาเวอร์เมื่อหลายสิบปี
แต่ ณ เวลานี้มันต่างกันโดยสิ้นเชิง หรือ อาจจะมองมุมกลับว่า แท้จริงแล้ว บรรดา
อดีตทุกท่านโดนบังคับ ข่มขู่ หากไม่เข้าร่วม จะนำความลับมาเผยแพร่

เพราะพฤติกรรมเช่นนี้..ปรากฎให้เห็นอยู่เป็นระยะ ๆ ก่อนเหตุการณ์เผาบ้านเผาเมือง

จะด้วยเหตุผลใด ผู้ที่ทราบคือ อดีตทุกท่านเท่านั้น..

โดยส่วนตัว ผู้ใหญ่ที่เคารพ เคยเป็นอดีตที่สร้างอะไรมากมายไว้ให้ชาติบ้านเมือง
จวบจนกระทั่งปัจจุบัน ท่านยังคงเป็นผู้ใหญ่ที่หลาย ๆ คนให้ความเคารพ ยำเกรง
เพราะเหตุว่า..ในอดีตท่านไม่เคยสร้างบาดแผล หรือ ความด้าง ให้กับเครื่องแบบ
ที่ท่านสวมใส่...ความภูมิใจได้ถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่น

แล้วท่านเหล่า...จะสร้างสิ่งใดไว้ให้ลูกหลานกล่าวถึง จะเป็นสิ่งดีงามที่สร้างความภาค
ภูมิใจให้ทุกครั้งที่กล่าวถึง หรือ จะเป็นสิ่งชั่วร้ายที่อับอายทุกครั้งเมื่อมีคนกล่าวถึง

ทุก ๆ อย่างขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของตัวท่าน ว่าท่านเลือกสิ่งใด....
User avatar
bird
 
Posts: 1426
Joined: Wed Apr 01, 2009 1:25 pm

Re: เค้าลางแห่งความเลวร้าย...แม้ว

Postby bird » Sat Jan 02, 2010 3:28 pm

งดโฟนอินแลกจัดตั้งคณะรัดทะบาน

ก่อนเข้าสู่ลำดับการโฟนอินช่วง เมษายน ๒๕๕๒ ก่อนการเผาบ้านเผาเมืองของบรรดา
มวลชนผู้คลั่งไคล้ศาสดาแม้วกี้ ขอย้อนกลับไปสู่เหตุการณ์การชุมมุนที่เลือนจากช่วง
วันที่ ๘-๙ มาเป็นวันที่ ๑๓ ธันวาคม ๒๕๕๑ ณ สนามกีฬาปทุมวัน

Image

การชุมนุมในวันนั้น ไม่ได้รับความสนใจจากสื่อภายในประเทศเท่าใดนัก คงมีแต่สื่อที่
ในการสนับสนุนอดีตนายกตกบัลลังค์ และเว็บไซด์ ซึ่งแกนนำการจัดชุมมุมคือทีมงาน
ความจริงวันนี้ ก่อนการชุมนุมจะเริ่มต้นขึ้น มีเหตุยิงกันบริเวณหน้าสนามกีฬาในช่วงเช้า
ซึ่งแกนนำจัดการประชุมได้ออกมาชี้แจง ดังนี้

นายณัฐวุฒิ ชี้แจงว่า เหตุการณ์ยิงกัน หน้าบริเวณสนามศุภชลาสัย เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา
ไม่เกี่ยวกับมือที่ ๓ ที่ต้องการจะมาป่วนการชุมนุมของกลุ่มรายการความจริงวันนี้ โดย
ตนได้ตรวจสอบไปยัง พล.ต.ท.สุชาติ แจ้งว่า วันนี้เป็นวันสถาปนาของช่างกลปทุมวัน
ซึ่งเป็นเหตุการณ์ปกติที่จะมีสถาบันคู่อริ มายิงข่มขู่

ขณะที่ การโฟนอินของพ.ต.ท.ทักษิณ ในวันนี้จะไม่มีการเลื่อนอย่างแน่นอน ที่สำคัญ
พ.ต.ท.ทักษิณ จะพูดถึงเบื้องหน้าเบื้องหลังการพยายามจัดตั้งรัฐบาลของบางพรรค ที่
กำลังวิ่งเต้นในขณะนี้

การโฟนอิน ของ พ.ต.ท.ทักษิณ มีจุดประสงค์ เพื่อให้สังคมเข้าใจถึง พ.ต.ท.ทักษิณ
ไม่ได้มีการให้ร้ายกับบุคคลใด หรือ แม้แต่สถาบัน ในวันที่ ๑๕ ธค. ซึ่งจะมีการประชุม
สภา เพื่อเลือก นายกฯ ทางกลุ่ม นปช.จะไม่มีการยกพลเพื่อไปปิดล้อมรัฐสภา อย่าง
แน่นอน เพราะจะไม่ทำเหมือนกับกลุ่มพันธมิตรฯ


ขอเน้นย้ำ คำพูดของแกนนำอีกสักครั้ง

การโฟนอินของพ.ต.ท.ทักษิณ ในวันนี้จะไม่มีการเลื่อนอย่างแน่นอน

กับอีกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบริเวณสถานที่ประชุม

สื่อหลักรายงานว่า "เมื่อเวลาประมาณ ๑๕.๐๐ น. ได้เกิดเหตุการณ์วุ่นวายขึ้นบริเวณ
หน้าสนามศุภชลาศัย เนื่องจากเกิดเสียงระเบิดดังขึ้น บริเวณตอม่อรถไฟฟ้า สร้างความ
แตกตื่นให้กับผู้คนในบริเวณดังกล่าว จากการตรวจสอบโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจคาดว่าจะ
เป็นปะทัดยักษ์ใส่ในขวดบรรจุน้ำ และมีการวางไว้ล่วงหน้า หรืออาจจะหย่อนลงมาจาก
รถที่ผ่านไปมาบริเวณดังกล่าว อย่างไรก็ตามขณะนี้สถานการณ์ได้คลี่คลายแล้ว และ
ไม่มีผู้บาดเจ็บแต่อย่างใด" สรุป ก็ไม่มีพยานเห็นเหตุการณ์แต่อย่างใด ก็ว่ากันไป

ต่อมาเหตุการณ์ในช่วงเย็นก่อนการโฟนอิน

ในช่วงเย็นที่ผ่านมา มีรายงานจากประชาชนหลายท่านแจ้งผ่านมาทางอินเตอร์เน็ตว่า
สัญญาณการถ่ายทอดสดล่ม ประชาชนที่ยังสามารถรับชมได้ให้คำแนะนำว่า ให้ลอง
เปลี่ยนเว็บไซต์ถ่ายทอดสด เพราะเชื่อว่าสาเหตุที่การถ่ายทอดมีปัญหา เกิดขึ้นจาก
จำนวนผู้เข้าชมเว็บดังกล่าวมีมากเกินกว่าที่ทางเว็บจะรับไหว แต่ในขณะเดียวกันบาง
ท่านก็ให้เหตุผลว่า เกิดขึ้นจากการบล็อกสัญญาณอย่างชัดเจน

ก็น่าสนใจน่ะ การบล็อกสัญญาณ แต่ว่านะ การโฟนอิน หรือ วีดีโอลิงค์ทุกครั้งที่ผ่าน
มา ก็ไม่เคยปรากฎว่ามีการบล็อกสัญญาณแต่อย่างใด..


แล้วก้อ..การวิเคราะห์จากประชาไท หล่ะ


"ผู้คนเกือบทั้งหมด สงสารทักษิณ ไม่ยอบรับประชาธิปัตย์ ส่วนใหญ่มากันเอง คละ
เคล้าหลากหลาย พูดก็พูด ไม่ใช่รากหญ้าเลยนะครับ ส่วนใหญ่มาทางรถไฟฟ้า เดิน
มาจากทางสถานีมาบุญครอง คนเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นพวกเดียวกับที่ไปราชมังคลา
และวัดสวนแก้ว แต่ไม่ทั้งหมด มีมาเพิ่ม แล้วมีที่ไม่มา กำลังคนที่มาแน่ชัดแล้วครับ
ว่ามาสม่ำเสมอ เรียกประชุมเมื่อไรก็มา อาทิตย์หน้าที่สนามอะไรก็มาที่แน่ๆมีทั้งหมด
ประมาณ ๕ หมื่นขึ้นซึ่งถือว่าเยอะมาก สำหรับไทยเรา เยอะที่จะทำอะไรก็ได้ ถ้ามัน
อดไม่ไหว" ดูเหมือนเป็นการเช็คกำลังพลมากกว่าน่ะ ว่ามั้ย

Image

อย่างไรก็ดี ยังมีคำกล่าวอ้างว่า สื่อภายในประเทศไม่กล้าเสนอข่าวการชุมนุมครั้งนี้
คงมีแต่สื่อ บีบีซี ที่สวนกระแสตีข่าวการชุมนุมใหญ่เสื้อแดงเพื่อต้านมารครองเมือง
ดันมาร์คขึ้นเป็นนายกหุ่นเชิด ( ประมาณว่าเป็นนอมินี เหมือน สมัคร และ สมชาย
เมื่อครั้งเป็นรัดทะบานนอมินี แทนทักษินกระมัง )

Image

Image


บีบีซี อ้างว่ามีผู้เข้าร่วมชุมนุมเต็มสนามกีฬา ประมาณ ๔๐,๐๐๐ คน โดยระบุว่า
การชุมนุมครั้งนี้มีจุดประสงค์เพื่อ ต่อต้านผู้นำฝ่ายค้าน ซึ่งแพ้การเลือกตั้งเมื่อวันที่
๒๓ ธันวาคม ๒๕๕๐ ที่คาดว่าจะได้รับการชูขึ้นเป็นผู้นำรัดทะบาน


บีบีซีจะรายงานเช่นใด ก็คงเป็นเรื่องของ บีบีซี ทั้งนี้เพราะ เรา ๆ ท่าน ๆ ต่างก็รับรู้
เหตุการณ์ต่าง ๆ อยู่แล้ว ประเด็นสำคัญอยู่ตรงที่ว่า คำปราศรัยของอดีตนายกตก
บัลลังค์ เป็นการปราศรัยผ่าน เทป วีดีอาร์ เท่านั้น มิใช่การโฟนอินสดตามที่แกนนำ
ได้กล่าวไว้อย่างมั่นอกมั่นใจ แต่อย่างใด สาเหตุหล่ะ...มีรายงานไว้ดังนี้

ภายหลังการเปิดเทปคำปราศัยของอดีตนายกตกบัลลังค์ กระทั่งเวลา ๒๑.๓๐ น.
ยังไม่มีการโฟนอินสดจากอดีต..นายวีระ แกนนำประกาศว่า

เพื่อแลกกับการที่ฝ่ายพรรคเพื่อทักจะได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัดทะบาน โดยมีประชา
ขึ้นเป็นนายก ก็จะไม่ให้ทักษินโฟนอินสดเข้ามาบนเวที แต่ถ้าหากอีกฝ่ายหักหลัง
โดยไปหนุนให้มาร์คเป็นนายก คนสีแดงก็จะออกมาต่อต้านทั่วประเทศ


" ของดโฟนอิน เพื่อแลกกับให้ฝ่ายเราเป็นผู้นำจัดตั้งรัดทะบาน แต่หากเรื่องนี้มี
การผิดพลาดล้มเหลว ผมขอยอมรับความผิดพลาด ให้พี่น้องฉีกเนื้อ..
"

แกนนำวีระ ไม่ได้ระบุชัดเจนว่า ทักษินได้ต่อรองกับใคร เรื่องไม่โฟนอินสด เพื่อ
แลกกับการให้พรรคเป็นแกนนำจัดตั้งรัดทะบาน แต่กล่าวว่านายสะเหนาะแกนนำ
จัดตั้งรัดทะบานแห่งชาติ และ ประชา หัวหน้าพรรครอง ที่เพื่อทักจะสนับสนุนให้
เป็นนายก ได้ขอร้องว่า อยากให้ฝ่ายเราเป็นแกนนำตั้งรัดทะบาน ก็ขอให้งดการ
โฟนอินสด ตนจึงยอมแลก แต่

ขอเตือนว่า อีกฝ่ายอย่าเบี้ยวก็แล้วกัน

พูดง่ายน่ะ แต่ฟังยากชะมัด เหมือนเด็กเล่นขายของอย่างไงอย่างงั้น

ช่วงเช้า แกนนำคงหนึ่งให้คำมั่นสัญญา อย่างเต็มปากเต็มคำ

" การโฟนอินของพ.ต.ท.ทักษิณ ในวันนี้จะไม่มีการเลื่อนอย่างแน่นอน "

ช่วงดึกหน่อย แกนนำอีกคน ก็ประกาศงดซะงั้น

" ของดโฟนอิน เพื่อแลกกับให้ฝ่ายเราเป็นผู้นำจัดตั้งรัดทะบาน..."

เวลาผ่านไปไม่ถึง ๒๔ ชั่วโมงเลย สามารถเปลี่ยนแปลงไปได้ถึงขนาดนี้
แล้วจะไว้วางใจ เชื่อถือในคำพูดของบรรดาคุณ ๆ ท่าน ๆ ได้อย่างไร...

ผู้สดับรับรู้ข้อมูลข้างต้น จะคิดเห็นประการใด พิจารณาวิเคราะห์ออกมาใน
รูปแบบใด คงสุดแต่ความคิดเห็น มุมมองของแต่ละท่าน....
Attachments
002 [320x200].jpg
(38.99 KiB) Downloaded 437 times
003 [320x200].jpg
(34.84 KiB) Downloaded 437 times
User avatar
bird
 
Posts: 1426
Joined: Wed Apr 01, 2009 1:25 pm


Re: เค้าลางแห่งความเลวร้าย...แม้ว

Postby bird » Tue Jan 05, 2010 2:22 pm

ว่าด้วย หลักการประชาธิปไตย

สืบเนื่องจากการให้ความหมายของคำว่า "ประชาธิปไตย" ของท่านหนึ่ง ซึ่งเมื่ออ่านแล้ว
คงต้องขอเรียนตามตรงว่า ไม่สามารถวิเคราะห์ ได้ว่า โดยแท้จริงแล้ว ท่านชอบหรือไม่
ชอบระบอบประชาธิปไตย หรือ ท่านเข้าใจโดยท่องแท้หรือไม่ว่า ประชาธิปไตยคืออะไร
ความหมายคำว่า "ประชาธิปไตย" ที่ท่านได้กรุณาในคำนิยามไว้ (ขออนุญาตินำมาแสดง
เฉพาะส่วนที่สำคัญ) ดังนี้

ประชาธิปไตย คือ เท่ากัน ( ทุกคนมีสิทธิเสรีภาพเท่าเทียมกันหมด)
ชนชั้น คือ ไม่เท่ากัน (คนในประเทศมีสิทธิเสรีภาพไม่เท่ากัน)


ดังนั้น ถ้าประเทศไหนมีประชาธิปไตย ชนชั้นก็จะหมดไป นี่คือหลักการง่ายๆที่จะเข้าใจได้ไม่ยาก


คำถามคือ พวกศักดินาที่เป็นชนชั้นสูงจะยินดีไหมครับ ที่จะยินยอมให้ประเทศมีประชาธิปไตย (เท่ากัน)
คำตอบคือ เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะยินดีกับการมีประชาธิปไตย เพราะถ้าเขายอมให้มีประชาธิปไตย นั่นก็แปลว่า "ชนชั้น" จะหมดไปนั่นเอง ดังนั้นสถานะ ของเขาที่มีอภิสิทธิเหนือผุ้อื่นก็จะหมดลงไปด้วย


และขอความกรุณาทุกท่าน สงวนสิทธิ์ที่จะถกเถียงในประเด็นความหมายข้างต้น ทั้งนี้
เพื่อมิให้เกิดการโต้แย้งในลักษณะที่ว่าใครถูกหรือใครผิด ซึ่งโดยแท้จริง ทุกท่านรวม
ถึงท่านที่กรุณาให้คำนิยามข้างต้น ต่างมีความคิดเห็นเกี่ยวกับคำว่า "ประชาธิปไตย"
ในมุมมองที่ต่างกัน

จึงขอนอกเรื่องกับหัวข้อกระทู้สักนิด ขอนำความหมายของ "ประชาธิปไตย" ที่เก็บ
รวบรวมความหมาย คำนิยาม ที่ท่านนักวิชาการ และ ท่านวิทยากรผู้มีประสบการณ์
หลาย ๆ ท่านได้กรุณาให้ความหมายไว้ ซึ่งในครั้งนี้ ขอนำเสนอความคิดเห็นและคำ
นิยามของท่านวิทยากร เชียงกูล ความว่า

หลักการของระบอบประชาธิปไตย

โดย วิทยากร เชียงกูล


ความหมายและความสำคัญ

ระบอบประชาธิปไตย หมายถึง ระบอบการปกครองตนเองของประชาชน ตรงกันข้ามกับ
ระบอบอำนาจนิยม ( เช่น ระบอบราชาธิปไตย , ระบอบเผด็จการทหาร, ระบอบอำมาตยา
ธิปไตย ) ซึ่งเป็นระบอบปกครองโดยคนเดียว หรือ โดยคนกลุ่มน้อย ผู้มีอำนาจมากกว่า
ประชาชนทั่วไป (เรียกว่า พวกอภิสิทธิชน)

ในโลกยุคเศรษฐกิจตลาดเสรีสมัยใหม่ คนส่วนใหญ่ซึ่งเป็นพลเมือง ผู้เสียภาษี(ทั้งทาง
ตรงและทางอ้อม) และเป็นเจ้าของสาธารณสมบัติร่วมกัน เชื่อว่าระบอบประชาธิปไตย
เป็นระบอบที่จะสร้างความมีประสิทธิภาพ ( ในการแก้ปัญหาและพัฒนาประเทศ ) และ
ความเป็นธรรม ได้มากกว่าระบอบอำนาจนิยม

ในบางสถานการณ์ ในระบอบอำนาจนิยม อาจจะมีผู้ปกครองที่เป็นคนดี หรือคนเก่งอยู่
บ้าง แต่ก็ไม่มีหลักประกันว่า เขาหรือลูกหลาน หรือพรรคพวกเขา ที่ได้ตำแหน่งจากการ
สืบเชื้อสาย หรือการแต่งตั้ง จะปกครองประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเป็นธรรม
สำหรับคนส่วนใหญ่เสมอไป


เพราะระบบสืบเชื้อสายและแต่งตั้งเป็นระบบที่ไม่แน่นอน ไม่มีประสิทธิภาพ และเพราะ
ว่าการให้คนสืบทอดอำนาจโดยไม่มีการตรวจสอบถ่วงดุลมักนำไปสู่การฉ้อฉลเพื่อประ
โยชน์ส่วนตน


ระบอบประชาธิปไตย ดีกว่า ระบอบอำนาจนิยม ในแง่ที่ว่า มีระบบคัดเลือกผู้บริหารที่มี
ประสิทธิภาพกว่า และมีระบบการตรวจสอบถ่วงดุลอำนาจเพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ปกครองมี
อำนาจมากจนเกินไปได้ดีกว่า แต่ทั้งนี้ต้องเป็นระบอบประชาธิปไตยที่ประชาชน มีส่วน
ร่วมอย่างแท้จริง

ไม่ใช้สักแค่มีการเลือกตั้ง แต่ยังมีการซื้อเสียงขายเสียง การโกง การใช้อำนาจและระ
บบอุปถัมภ์


รูปแบบประชาธิปไตย

ระบอบประชาธิปไตย หรือการปกครองตนเองของประชาชน อาจจะแบ่งเป็น

๑) ประชาธิปไตยโดยตรง
– ประชาชนมาประชุมกัน อภิปรายและลงคะแนนกันในเรื่องสำคัญ เช่น การประชุมเรื่อง
งบประมาณ กฏหมาย ในระดับท้องถิ่นหรือการลงประชามติในระดับประเทศ เช่น การจะ
รับหรือไม่รับร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่

๒) ประชาธิปไตยโดยระบบผู้แทน
- เนื่องจากประเทศส่วนใหญ่มีประชาชนมาก มีความซับซ้อน ต้องแบ่งงานกันทำ จึงมัก
ใช้วิธีเลือกผู้แทนขึ้นไปเป็นฝ่ายบริหารและฝ่ายออกกฏหมาย

๓) ประชาธิปไตยแบบประชาชนมีส่วนร่วม
- เป็นการผสมผสานทั้ง ๒ แบบแรก รวมทั้งการให้ประชาชนมีการปกครองตนเองในระ
ดับท้องถิ่น มีองค์กรอิสระที่รักษาผลประโยชน์ฝ่ายประชาชน มีสื่อมวลชนและองค์กร
ประชาชนที่เข้มแข็ง ภาคประชาชนหรือสังคมพลเมืองมีบทบาทในการตัดสินใจในเรื่อง
การบริหารประเทศค่อนข้างมาก ไม่ได้ปล่อยให้ผู้แทนทำทุกอย่างโดยประชาชนให้ใช้
สิทธิแค่เลือกตั้งผู้แทนนานๆครั้งเท่านั้น

ตั้งแต่ปี ๒๔๗๕ ประเทศไทย ใช้ประชาธิปไตยแบบที่ ๒ เป็นบางช่วง (บางช่วงเป็นแบบ
เผด็จการทหาร) ประเทศไทยควรใช้แบบที่ ๑ และ ๓ เพิ่มขึ้น

เพราะระบอบประชาธิปไตยโดยระบบผู้แทนมีข้อจำกัด โดยเฉพาะในสภาพที่นักการเมือง
กลุ่มน้อยมีฐานะทางเศรษฐกิจสูง มีอำนาจและความรู้สูงกว่าประชาชนส่วนใหญ่มาก ซึ่ง
ทำให้คนกลุ่มนี้มักได้เป็นผู้แทน และมักจะทำอะไรก็ทำได้ตามใจชอบ


รวมทั้งการคอรัปชั่น,การหาผลประโยชน์ทับซ้อน โดยอ้างว่าเพราะประชาชนเลือกพวก
เขาเข้าไปแล้ว เขาจะทำอะไรก็ถือว่าเป็นประชาธิปไตยทั้งนั้น


ประชาธิปไตย โดยระบบผู้แทน
- หมายถึงว่า ประชาชนเลือกผู้แทนเข้าไปเป็นผู้บริหารจัดการแทนตัวพวกเขา เพื่อให้บริ
หารประเทศเพื่อประโยชน์ของประชาชน

ไม่ใช่เลือกไปเป็นเจ้านาย

และประชาชนยังมีสิทธิคัดค้านถอดถอนผู้แทนที่ขึ้นไปเป็นรัฐบาลแล้วไม่ได้ทำหน้าที่
อย่างซื่อตรงและเพื่อส่วนรวมด้วย


แต่รัฐธรรมนูญที่ผ่านมาไม่ได้เปิดช่องทาง ไม่มีการให้การศึกษาและข่าวสารแก่ประชา
ชนว่า ประชาชนมีสิทธิ ประการหลังที่สำคัญนี้ด้วย ประชาชนไม่ได้เลือกผู้แทนไปเป็น
เจ้านายในระบอบอำนาจนิยมซึ่งเป็นระบอบเก่า แต่วัฒนธรรมแบบอำนาจนิยม (ยกย่อง
เกรงกลัวคนมีอำนาจ) ยังคงตกค้างมาจนถึงปัจจุบัน โดยเฉพาะในประเทศไทยและประ
เทศกำลังพัฒนาอื่นๆ ที่ประชาชนได้รับการศึกษาและข่าวสารน้อยและหรือได้รับแบบ
คุณภาพต่ำ

ทำให้เป็นประชาธิปไตยแค่รูปแบบ หรือเป็นประชาธิปไตยเพียงบางส่วน ซึ่งยังไม่ใช่การ
ปกครองตนเองของประชาชน ที่ประชาชนมีส่วนร่วมอย่างแท้จริง


ระบอบประชาธิปไตย ไม่ใช่หมายถึงแค่

- ประชาธิปไตยทางการเมือง (ประชาชนมีสิทธิเสรีภาพ เลือกตั้ง คัดค้าน ถอดถอน
ผู้แทนได้) เท่านั้น หากต้องเป็น

- ประชาธิปไตยทางเศรษฐกิจ ( มีการกระจายทรัพย์สิน และรายได้ที่เป็นธรรม มีการ
แข่งขันที่เป็นธรรม) และ

- ประชาธิปไตยทางสังคม ( ประชาชนมีการศึกษา รับรู้ข้อมูลข่าวสาร มีสิทธิเสรีภาพ
และโอกาสการเข้าถึง ศาสนา ความเชื่อ ศิลปวัฒนธรรม อย่างเสมอภาคกัน) ด้วย

ประชาธิปไตย ๒ อย่างหลังนี้ ประเทศไทยยังมีน้อย รวมทั้ง ไม่มีการให้การศึกษา ให้
ความรู้ ข้อมูลข่าวสารประชาชนในเรื่องนี้มากพอ จึงเป็นเหตุให้ประชาธิปไตยการเมือง
พัฒนาไปได้ช้ามาก

ประชาธิปไตยในแง่เนื้อหา

ระบอบประชาธิปไตยไม่ได้หมายถึงแค่ระบบการเลือกตั้ง
หากต้องประกอบไปด้วยสภาวะความเป็นประชาธิปไตย อย่างน้อย ๖ ข้อ คือ

๑) การเลือกตั้งผู้แทนจะต้องเป็นอิสระและยุติธรรม ไม่มีการใช้อำนาจหน้าที่ ของเจ้า
หน้าที่รัฐเพื่อโกงการเลือกตั้ง ไม่มีการซื้อเสียงขายเสียง และการที่กลุ่มอภิสิทธิชนใช้
อำนาจอิทธิพลระบอบอุปถัมภ์ ให้คนต้องเลือกเฉพาะพวกเขาบางคน


๒) จะต้องมีระบบการตรวจสอบถ่วงดุลอำนาจที่ดี เช่น ฝ่ายนิติบัญญัติ ฝ่ายตุลาการ
องค์กรอิสระ องค์กรประชาชนสามารถตรวจสอบถ่วงดุลฝ่ายบริหารได้ และต่างฝ่ายต่าง
ตรวจสอบถ่วงดุลซึ่งกันและกัน รวมทั้งภาคประชาชนสามารถถอดถอนผู้แทนที่มีพฤติ-
กรรมไม่ชอบธรรมได้


๓) การบริหารบ้านเมืองจะต้องโปร่งใส มีเหตุผลอธิบายได้ เป็นไปเพื่อประโยชน์ส่วนรวม
ไม่มีการคอรัปชั่น การหาผลประโยชน์ทับซ้อน การเล่นพรรคพวก หาประโยชน์ส่วนตัว


๔) มีรัฐธรรมนูญและกฏหมาย ขนบธรรมเนียม ที่มุ่งประโยชน์คนส่วนใหญ่ อย่างมี เหตุ
ผล มีความคงเส้นคงวา คนส่วนใหญ่ยอมรับ และรัฐธรรมนูญ กฎหมาย เหล่านั้นมีผลบัง
คับใช้ด้วย


๕) สื่อมวลชนและองค์กรประชาชนมิสิทธิเสรีภาพ, เป็นอิสระ, มีศักดิ์ศรี และเข้มแข็ง
ประชาชนมีจิตสำนึกความเป็นพลเมือง และมีส่วนร่วมในการไปใช้สิทธิเลือกตั้ง รวมทั้ง
การแสดงความคิดเห็น การสมาคม การชุมนุม การทำประชาพิจารณ์ (เปิดอภิปรายความ
คิดเห็นประชาชนเรื่องกฏหมายและโครงการต่างๆ) และการลงประชามติว่า ประชาชนจะ
รับหรือไม่ในเรื่องสำคัญๆ


๖) มีการกระจายการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม สู่ประชาชน ทำให้เกิดประชาธิปไตยทาง
เศรษฐกิจและสังคม และการพัฒนาทางเศรษฐกิจและสังคมที่มั่นคง สม่ำเสมอ


ดังนั้น แม้จะมีการเลือกตั้งและมีผู้สมัคร สส. จากพรรคการเมืองพรรคหนึ่ง ซึ่งได้รับการ
เลือกตั้งเข้ามาด้วยเสียงข้างมาก แต่ถ้าไม่ได้เกิดสภาวะความเป็นประชาธิปไตยตามแนว
ทาง ๖ ข้อนี้ เช่น เป็นรัฐบาลที่ใช้อำนาจผูกขาด แทรกแซงองค์กรอิสระ ปิดปากสื่อมวล
ชนและประชาชน คอรัปชั่น หาผลประโยชน์ส่วนตนและพวกพ้อง


เราก็ควรถือว่า

ระบอบการปกครองแบบนี้เป็นระบอบประชาธิปไตยเพียงเปลือกนอก หรือเป็นประชาธิป
ไตยจอมปลอม ไม่ใช่ระบอบประชาธิปไตยที่ประชาชนมีส่วนร่วมอย่างแท้จริง


หากในบางช่วง เช่น หลัง พ.ศ. ๒๔๗๕-๒๔๙๐, พ.ศ. ๒๕๑๖-๒๕๑๙ ฯลฯ เรามีสภาวะ
ความเป็นประชาธิปไตยบางข้อ มากบ้างน้อยบ้าง ก็อาจถือว่ามีความเป็นระบอบประชาธิป
ไตยในเชิงเปรียบเทียบ (กับประเทศอื่น,กับประวัติศาสตร์ช่วงอื่น) ได้ระดับหนึ่ง

ประเด็นที่สำคัญคือ ประเทศใดจะเป็นประชาธิปไตยในแง่เนื้อหามากน้อยแค่ไหนนั้น
ขึ้นอยู่กับความตื่นตัว และความเข้มแข็งของภาคประชาชน ในแต่ละประเทศในแต่ละ
ช่วงตอนของประวัติศาสตร์เป็นสำคัญ

หลักการประชาธิปไตย

ระบอบประชาธิปไตย อยู่บนรากฐานหลักการที่สำคัญ ๕ ประการ คือ

๑) หลักการอำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชน ประชาชนแสดงออกซึ่งการเป็นเจ้าของ
โดยใช้อำนาจที่มีตามกระบวนการเลือกตั้งอย่างอิสระและทั่วถึง ในการให้ได้มาซึ่งตัว
ผู้ปกครองและผู้แทนของตน รวมทั้งประชาชนมีอำนาจในการคัดค้านและถอดถอนผู้
ปกครองและผู้แทนที่ประชาชนเห็นว่า มิได้บริหารประเทศในทางที่เป็นประโยชน์ต่อสัง
คมส่วนรวม เช่น มีพฤติกรรมร่ำรวยผิดปกติ


๒) หลักเสรีภาพ ประชาชนทุกคนมีความสามารถในการกระทำหรืองดเว้นการกระทำ
อย่างใดอย่างหนึ่งตามที่บุคคลต้องการ ตราบเท่าที่การกระทำของเขานั้น ไม่ไปละเมิด
ลิดรอนสิทธิเสรีภาพของบุคคลอื่น หรือ ละเมิดต่อความสงบเรียบร้อยของสังคม และ
ความมั่นคงของประเทศชาติ


๓) หลักความเสมอภาค การเปิดโอกาสให้ประชาชนทุกคนสามารถเข้าถึงทรัพยากร
และคุณค่าต่างๆของสังคมที่มีอยู่จำกัดอย่างเท่าเทียมกัน โดยไม่ถูกกีดกันด้วยสาเหตุ
แห่งความแตกต่างทางชั้นวรรณะทางสังคม ชาติพันธุ์ วัฒนธรรมความเป็นอยู่ ฐานะทาง
เศรษฐกิจ หรือด้วยสาเหตุอื่น

๔) หลักการปกครองโดยกฏหมายหรือหลักนิติธรรม การให้ความคุ้มครองสิทธิขั้นพื้น
ฐานของประชาชนทั้งในเรื่องสิทธิเสรีภาพในทรัพย์สิน การแสดงออก การดำรงชีพ ฯลฯ
อย่างเสมอหน้ากัน โดยผู้ปกครองไม่สามารถใช้อำนาจใดๆ เพื่อลิดรอนเพิกถอนสิทธิ-
เสรีภาพของประชาชนได้ และไม่สามารถใช้อภิสิทธิอยู่เหนือกฏหมาย หรือเหนือกว่า
ประชาชนคนอื่นๆได้


๕) หลักการเสียงข้างมาก (Majority rule) ควบคู่ไปกับ การเคารพในสิทธิของเสียง
ข้างน้อย (Minority Rights) การตัดสินใจใดๆ ที่จะส่งผลกระทบต่อประชาชนหมู่มาก
ไม่ว่าจะเป็น การเลือกตั้งผู้แทนของประชาชนเข้าสู่ระบบการเมือง, การตัดสินใจของ
ฝ่ายนิติบัญญัติ ฝ่ายบริหาร หรือฝ่ายตุลาการ ย่อมต้องถือเอาเสียงข้างมากที่มีต่อเรื่อง
นั้นๆ เป็นเกณฑ์ในการตัดสินทางเลือก โดยให้ถือว่าเสียงข้างมากเป็นตัวแทนที่สะท้อน
ความต้องการ/ข้อเรียกร้องของประชาชนหมู่มาก หลักการนี้ ต้องควบคู่ไปกับการเคา
รพและคุ้มครองสิทธิเสียงข้างน้อยด้วย


ทั้งนี้ก็เพื่อเป็นหลักประกันว่า ฝ่ายเสียงข้างมากจะ ไม่ใช้ วิธีการพวกมากลากไปตามผล
ประโยชน์ความเห็น หรือ กระแสความนิยมของพวกตนอย่างสุดโต่ง
แต่ต้องดำเนินการ
เพื่อประโยชน์ของประชาชนทั้งหมด เพื่อสร้างสังคมที่ประชาชนเสียงข้างน้อย รวมทั้งชน
กลุ่มน้อย ผู้ด้อยโอกาสต่างๆ สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างสันติสุข โดยไม่มีการเอาเปรียบ
กันและสร้างความขัดแย้งในสังคมมากเกินไป

ค่านิยม ทัศนคติ ที่ส่งเสริมประชาธิปไตย ระบอบประชาธิปไตย นอกจากจะเป็นระบอบ
การเมืองแล้ว ยังเป็นระบอบเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรมด้วย

ดังนั้นจึงไม่ใช่อยู่ที่รัฐธรรมนูญ กฏหมาย การเลือกตั้ง และการต่อรองทางการเมืองเท่า
นั้น หากอยู่ที่สมาชิกในสังคมจะต้องช่วยกันหล่อหลอม สร้างค่านิยม วิถีชีวิต ที่เป็นประ
ชาธิปไตย มาตั้งแต่ในครอบครัว โรงเรียน ที่ทำงาน ชุมชน เพื่อจะนำไปสู่หรือการปก
ป้อง ระบอบประชาธิปไตย ทั้งทางการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม

ค่านิยมประชาธิปไตยที่ประชาชน ระบบการศึกษา สื่อมวลชน ฯลฯ ควรช่วยกันสร้างคือ

๑) เป็นคนที่มีเหตุผล ยอมรับเรื่องสิทธิหน้าที่ ความเป็นจริงในทางสังคม เคารพในตัวเอง
เคารพในศีลธรรมและประโยชน์ร่วมกันของส่วนรวม


๒) มีทัศนคติที่ดีต่อเพื่อนมนุษย์ มีความเคารพซึ่งกันและกัน และมีความสามัคคี

๓) เข้าใจความจำเป็นและประโยชน์ของการเข้ามาอยู่ร่วมกันเป็นพลเมืองของประเทศ
เพื่อประโยชน์ของสมาชิกทุกคนในระยะยาว


๔) เคารพกฏหมายและดำเนินชีวิตในกรอบของกฏหมายที่มีเหตุผลและเป็นธรรม

๕) มีจิตใจเปิดกว้างและพร้อมที่ปรับตัวรับกับการเปลี่ยนแปลงของสังคมได้

๖) เป็นคนที่มีความรับผิดชอบผูกพันกับสิ่งที่เขาได้กระทำลงไป

๗) มีจิตใจที่เป็นธรรม เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ไม่มีอคติต่อผู้ที่มีความแตกต่างจากตน เช่น การ
นับถือศาสนาอื่น หรือ เชื้อชาติอื่น เป็นต้น


บทบาทของประชาชนในการเสริมสร้างระบอบประชาธิปไตยนั้น ไม่ใช่แค่การใช้สิทธิใน
การเลือกตั้งนานๆครั้ง และพยายามเลือกคนดีคนเก่งมาบริหารประเทศเท่านั้น ประชาชน
ต้องขวนขวาย ศึกษา พัฒนาตนเอง ใช้สิทธิและหน้าที่พลเมืองที่ดีเข้าไปแสดงความคิด
เห็นและมีส่วนร่วมในการบริหารประเทศ ในการตัดสินใจ เรื่องการใช้ทรัพยากรของประ
เทศ การพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม ของชุมชน จังหวัด และประเทศ อย่างแข็งขัน และใช้
สิทธิอย่างสม่ำเสมอตลอด ทั้งปีและทุกปีด้วย


อาจจะตรงใจบางท่าน และ อาจจะไม่ตรงใจบางท่าน คงสุดแล้วแต่ว่า ท่านจะวิเคราะห์
ในแง่มุมมองเช่นใด และไม่มีอันควรที่จะชี้นำให้ทุกท่านเชื่อให้คำนิยามและความหมาย
ของท่านวิทยากรที่ได้นำเสนอข้างต้น ด้วยความเคารพในทุกความเห็น และทุกมุมมอง
ทุกการพิจารณาวิเคราะห์ของทุกท่าน

หากมีโอกาส จะนำความคิดเห็นของวิทยากรท่านอื่น มาแบ่งปันทุก ๆ ท่าน
User avatar
bird
 
Posts: 1426
Joined: Wed Apr 01, 2009 1:25 pm

Re: เค้าลางแห่งความเลวร้าย...แม้ว

Postby bird » Tue Jan 05, 2010 2:24 pm

overtherainbow wrote::mrgreen:


:mrgreen: เจอหน้าชวนทานข้าว... 8-) 8-)
User avatar
bird
 
Posts: 1426
Joined: Wed Apr 01, 2009 1:25 pm

Re: เค้าลางแห่งความเลวร้าย...แม้ว

Postby bird » Tue Jan 05, 2010 5:25 pm

ข้อเรียกร้องของท่านผู้ทรงเกียรติ

ความพยายามส่งภาพและเสียงของอดีตนักการเมืองไกลบ้าน มายังกลุ่มมวลชนที่ยังคง
เชื่อมั่นและให้การสนับสนุน เมื่อการชุมนุมช่วงปลายเดือนมีนาคม ถึงกลางเดือนเมษายน
๕๒ หรือที่เรียกกันว่า สงกรานต์วิปโยค, สงกรานต์เลือด นั้น ยังคงมีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง
ซึ่งประโยคแต่ละประโยค คำพูดแต่ละคำพูด ที่แม้วกล่าวผ่านการปราศัยครั้งแล้วครั้งเล่า
ยิ่งก่อปฏิกิริยาให้กับผู้ถูกพาดพิง ถูกกล่าวหา

และเป็นการปลุกเร้าอารมณ์กลุ่มมวลชนให้รู้สึกโกรธแค้นเหล่าบรรดาผู้ที่ถูกพาดพิง หรือ
ถูกกล่าวอย่างไร้ซึ่งหลักฐาน ซึ่งเรียกว่า การปรักปรำ โดยการกล่าวอ้างสถานการณ์เท็จ
ต่าง ๆ ตามแต่ว่าอารมณ์ของแม้ว ในขณะที่ปราศัยอยู่นั้นอยู่ในสภาวะปกติหรือไม่ ซึ่งเป็น
ที่ทราบกันดีอยู่ว่า แม้วมีวิสัยอย่างหนึ่ง คือ เวลาพูดแล้ว มักจะหลงน้ำลายตัวเอง ปากเร็ว
พูดไป เอามันส์เข้าว่า สมควรหรือไม่ สติปัญญาไม่สามารถแยกแยะได้ เช่น

" วันนี้ออกมาปฎิเสธกันลิ้นไก่สั้นกันเป็นแถว ท่านเปรมก็บอกว่าไม่มีอะไรกับผม ผมว่า
ท่านคงพูดผิด คือ ผมไม่มีอะไรกับท่านแน่นอน แต่ท่านมีอะไรหรือเปล่าผมไม่รู้
"

"ท่านมีอายุมากแล้วอุตส่าห์แต่งเครื่องแบบเดินไปตามโรงเรียนเหล่าต่าง ๆ เพื่อด่าผมใน
ระหว่างผมดำรงตำแหน่ง...
"

"ใครเป็นคนอยู่เบื้องหลังการปฏิวัติ ตอนปฎิวัติเห็นกระดี้กระด้าใหญ่เลย ถามไปเลย สิ่ง
เหล่านี้ชัดเจนอยู่แล้ว ไม่ต้องมาแก้ตัวอะไรทั้งสิ้น
"

" สรุปว่า คนรอบวังร่วมกับทหาร ทำการปฎิวัติรัฐประหารเมื่อ ๑๙ กันยายน ทำให้สถาบัน
เสียหาย ซึ่งคนรอบวังเหล่านี้ ไม่ควรจะทำตัวเป็นราชภาระต่อไป...
"

" แต่ว่าคนที่ไปอยู่ถวายรับใช้แยกกันไม่ออกระหว่างทำหน้าที่ หรืออารมณ์ หรือความไม่
พอใจส่วนตัว หรือความอยากส่วนตัว เลยทำให้เสียหาย
"

ล้วนเป็นคำพูดของแม้ว ที่กล่าวไว้เมื่อครั้งโฟนอิน ๓๑ มีนาคม ๒๕๕๒ ทั้งสิ้น หากเป็นผู้
มีสติปัญญาสมบูรณ์ จะกล่าวถ้อยคำเช่นนี้ได้อย่างไร โดยปราศจากหลักฐานใด ๆ มีแต่
คำกล่าวอ้าง และ คำรับรองจากใครคนหนึ่งที่มีหน้าที่ด้านข่าวกรอง เพียงเท่านี้ ท่านแม้ว
ก็สามารถนำมาก่อร่างสร้างภาพเท็จ สร้างละครฉากหนึ่งให้กลุ่มมวลชนหลงเชื่อได้เป็น
ผลสำเร็จ

การพูด บางครั้งก็ทำให้วิเคราะห์ได้ว่า ผู้พูดมีความต้องการหรือมีจุดประสงค์ใดจึงกล่าว
คำพูดนั้น ๆ ออกมา เช่น การโฟนอินเมื่อวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๕๒ เวลาประมาณ 20.20

" นางทีนะ นั่งกินอยู่ของถูกขโมย ก็ตามไปเอาของคืนมา ทุกวันนี้ มึงอย่ากวน กูจะกิน
ก็ของกู มึงเอาไป เอามาคืนกูซี เขามาวิ่งราวไปยังไม่เหนียม แล้วจะไปทวงคืนจะมัวมา
เหนียมทำไม ไม่เหนียมแล้ว ไม่ต้องเหนียมแล้ว
"

จากประโยคพอจะวิเคราะห์ได้หรือไม่ว่า ผู้พูดต้องการอะไรจากการเคลื่อนไหวในครั้งนี้

มัวแต่ไปสนใจการโฟนอินของแม้ว ลืมไปว่าจะเสนอการให้สัมภาษณ์ของบรรดาท่านผู้
ทรงเกียรติ ในนามสมาชิกพรรคการเมืองนอมินีลำดับที่ ๒ ซึ่งเป็นการให้สัมภาษณ์ของ
นายประเกียรติ ในช่วงการโฟนอิน และการชุมนุมปิดล้อมทำเนียบเมื่อ ๓๑ มีนาคม ๕๒
ความว่า

" ทางออกของประเทศวันนี้ มีอยู่ ๓ แนวทางใหญ่ ๆ

๑) แนวทางประนีประนอม การจัดตั้งรัฐบาลแห่งชาติ ที่ข้อเสนอมาก่อนหน้านี้ ซึ่งนายก
จะต้องลาออกก่อน เพื่อเปิดทางในการตั้งนายกคนกลาง กับ การเสนอร่าง พรบ ว่าด้วย
การปรองดองแห่งชาติ เพื่อให้ทุกฝ่ายสมานฉันท์


๒) นายกต้องลาออก หลังจำนนต่อหลักฐาน (แล้วหลักฐานอะไรไม่ได้แจ้งให้กระจ่าง)
คงไม่พอ ในส่วนขององคมนตรี ควรพิจารณาตนเองด้วย


๓) คงไม่สามารถลบล้างความขัดแย้ง และความคลางแคลงในสังคมได้

วันนี้ทางออกจะต้องทำควบคู่กับออกกฎหมายปรองดองแล้ว เพื่อปลดล็อกนักการเมือง
ทั้ง ๑๑๑ และ ๑๐๙ ใหมีอิสระ
เหมือนคำสั่งสำนักนายก ๖๖/๒๕๒๓ นโยบายการต่อสู้
เพื่อเอาชะคอมมิวนิสต์ ซึ่งจะทำให้ทุกอย่างผ่อนคลาย

เพื่อเปิดโอกาสให้นักการเมืองเข้าสู่การเมืองได้ หลังถูกขึงไว้ และจะต้องตั้งรัฐบาลแห่ง
ชาติขึ้น
โดยเลือกนายกจากพรรคเล็กอย่าง นายเสนาะ ขึ้นเป็นนายก พร้อมตั้ง ครม มา
จากทุกพรรค มีกรอบเวลาการทำงานชัดเจน ทั้งในการแก้ไขรัฐธรรมนุญและยกร่างกฎ
หมายลูก กฎหมายเลือกตั้ง สส สว กฎหมายพรรคการเมือง รวมทั้ง คณะ กกต

โดยใช้เวลาอย่างช้าประมาณ ๙๐ วัน เมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้น ให้ยุบสภาเพื่อเลือกตั้งใหม่
ภายใน ๔๕ วัน "

พิจารณาจากคำให้สัมภาษณ์แล้ว พอจะสรุปข้อเรียกร้องของท่านผู้ทรงเกียรติในฐานะ
สมาชิกพรรคการเมืองนอมินีลำดับที่ ๒ ได้หรือไม่ว่า แท้จริงแล้ว การเคลื่อนไหวของ
แม้วในครั้งนี้ต้องการจุดประสงค์ใด การจัดตั้งมวลชนขึ้นมาเคลื่อนไหวในเกือบทุก ๆ
อำเภอ ในเกีอบทุก ๆ จังหวัด ของเหล่าบรรดาแกนนำทั้งหลายมีเป้าหมายเดียวกันหรือ
ไม่ และ เป้าหมายนั้นคืออะไร ทุกท่านคงพอจะวิเคราะห์ได้อย่างถ่องแท้

---------------------------------- เพิ่มเติม ๖ มกราคม ๒๕๕๒

ภาพการชุมนุมของมวลชนที่ให้การสนับสนุนอดีตนายกแม้ว ตั้งแต่ ๒๖ มีนาคม ๕๒
ถึงช่วงประมาณ ๑๖ เมษายน ๕๒ ซึ่งการชุมนุมได้ขยายวงลุกลามในต่างจังหวัด โดย
มีการปิดล้อมศาลากลางจังหวัดในหลายๆจังหวัด อาจมองดูคล้ายว่าการชุมนุมลุกลาม
ไปทั่วประเทศ แต่หากพิจารณาให้ถ่องแท้แล้ว จะเห็นได้ว่าไม่ใช่การลุกลาม หากแต่
เป็นการวางแผนไว้ล่วงหน้าว่าจะ สร้างสถานการณ์

การเคลื่อนไหวของอดีตนายกแม้ว มีการดำเนินการอย่างเป็นขั้นเป็นตอน ประสานกัน
ทั้งในและนอกสภา และมีความพยายามประสานไปถึงสื่อต่างประเทศ เพื่อให้มาคอย
ติดตามทำข่าว เสมือนหนึ่งว่า คาดการณ์ไว้ล่วงหน้าว่าจะต้องมีการปะทะหรือความรุน
แรงเกิดขึ้นอย่างแน่นอน


เป็นความต้องการของบางฝ่าย ที่ต้องการให้เกิดความรุนแรงขึ้น มีความพยายามหลาย
อย่างเพื่อให้เกิดความตึงเครียด เช่น ในวันที่ ๓๐ มีนาคม ๒๕๕๒ มีการพูดปล่อยข่าว
ว่าจะมีการสลายการชุมนุม จะมีการใช้กำลัง และกำลังทหารจะเข้าทำร้ายประชาชน
หรือการแถลงของโฆษกพรรค ที่ว่า

" ขณะนี้มีกระแสข่าวว่าจะมีการสลายการชุมนุมของมวลชนฯ โดยทราบว่ากองพลทหาร
ม้าที่ ๒ และกองพลทหารปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยาน เตรียมกำลังผิดสังเกต โดยอ้างว่า
เป็นการฝึกภาคสนาม นอกจากนี้ ยังมีคนระดับสูงในกองทัพเดินทางเข้าพบอดีตผู้นำ
เหล่าทัพและผู้นำเหล่าทัพคนปัจจุบัน
"

กับอีกหนึ่งคำให้สัมภาษณ์ของหนึ่งในแกนนำการชุมนุมครั้งนี้

" หากรัฐบาลตัดสินใจใช้กำลังเข้าสลายการชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดงอีก กลุ่มเสื้อแดง
ตามจังหวัดต่าง ๆ ก็พร้อมที่จะลุกฮือปิดศาลากลางจังหวัดทุกจังหวัด
"

" ขอตั้งข้อมสังเกตว่ากำลังทหารภายในทำเนียมรัฐบาลมีมากถึง ๖ พันนาย ซึ่งคาดว่า
รัฐบาลอาจจะใช้กำลังทหารสลายการชุมนุม
"

การให้สัมภาษณ์ของแกนนำ ถ้อยแถลงของโฆษกพรรค คำกล่าวของสมาชิกพรรคฯ
รวมไปถึง ถ้อยวลีการโฟนอิน วีดีโอลิงค์ ของนายใหญ่แม้ว ล้วนสอดรับประสานกัน
อย่างบังเอิญเกินไปหรือไม่ หากนั้นมิไช่การวางแผนไว้ล่วงหน้า

ในลักษณะที่ต้องการเสี้ยมให้เกิดปัญหาและเข้าใจผิดของมวลชนต่อรัฐบาล การกล่าว
อ้างเหตุการณ์ต่าง ๆการกล่าวพาดพิงถึงบุคคลที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ ๑๙ กันยา ๕๒
เป็นการพูดอย่างไร้จิตสำนึก เพียงเพื่อให้คนไม่รู้ ไม่เข้าใจฟังแล้วน่าเชื่อถือ

และทั้งหมดนั้น เป็นการเรียกร้องเพื่อตัวเอง ทั้งสิ้น

ทิ้งประเด็นปัญหาการพิจารณา การวิเคราะห์ ว่าข้อเท็จจริงและจุดประสงค์ที่แท้จริงของ
เหล่าบรรดาแกนนำและนายใหญ่แม้ว จากการเคลื่อนไหวเมื่อครั้งสงกรานต์ ๕๒ ที่ผ่าน
มาคืออะไร คงสุดแล้วแต่ท่านจะวิเคราะห์ไปในทิศทางใด....
Last edited by bird on Wed Jan 06, 2010 8:43 am, edited 1 time in total.
User avatar
bird
 
Posts: 1426
Joined: Wed Apr 01, 2009 1:25 pm


Re: เค้าลางแห่งความเลวร้าย...แม้ว

Postby pooyong » Wed Jan 06, 2010 6:58 am

ดันรอครับ ธุรด่วน คงไม่หลายวัน :mrgreen:
การรับใช้แผ่นดิน คือความเบิกบาน
User avatar
pooyong
 
Posts: 1496
Joined: Mon Oct 19, 2009 9:55 am

Re: เค้าลางแห่งความเลวร้าย...แม้ว

Postby bird » Wed Jan 06, 2010 8:46 am

pooyong wrote:ดันรอครับ ธุรด่วน คงไม่หลายวัน :mrgreen:

เพิ่มเติมให้ในกระทู้เดิมเรียบร้อยแล้วค่ะ
ขอบุคณที่ติดตามอย่างต่อเนื่องน่ะค่ะ
ใกล้รวมเล่มแล้วหละค่ะ (ฝันไว้) :mrgreen:

overtherainbow wrote:
bird wrote:
overtherainbow wrote::mrgreen:


:mrgreen: เจอหน้าชวนทานข้าว... 8-) 8-)

:mrgreen:

ไว้โทรนัดกันนะ :mrgreen:
User avatar
bird
 
Posts: 1426
Joined: Wed Apr 01, 2009 1:25 pm

Re: เค้าลางแห่งความเลวร้าย...แม้ว

Postby devotion » Wed Jan 06, 2010 6:39 pm

คุณเบิร์ดสนใจรับข้อมูลไป re-write มาลงในกระทู้ไหมคะ

ดิฉันมีเนื้อหา "ความเลวร้าย" 1 ความเลวร้าย รวม 9 บทความ มี reference อ้างอิงเรียบร้อย ซึ่งไม่มีใครวิเคราะห์เรื่องนี้ไว้โดยเฉพาะอย่างที่เราทำ (ชุดภาษาอังกฤษส่งผู้เกี่ยวข้องระดับสูงในต่างประเทศจำนวนมาก)

อยากส่งให้คุณเบิร์ดสรุปเป็นเนื้อหาต่อเนื่องรวมเป็น 1 ตอนแบบที่นำมาลงในกระทู้นี้ และนำมาเผยแพร่ในกระทู้ (เพราะคุณเบิร์ดเขียนแล้ว อ่านเข้าใจง่าย) ซึ่งเนื้อหาสรุปที่ทำขึ้น คุณเบิร์ดสามารถนำไปรวมเล่มด้วยได้หากต้องการ

ถ้าคุณเบิร์ดอยากดูก่อน จะส่ง link ของบทความไปให้ค่ะ
User avatar
devotion
Moderator
 
Posts: 1001
Joined: Tue Apr 28, 2009 7:11 pm

Re: เค้าลางแห่งความเลวร้าย...แม้ว

Postby overtherainbow » Wed Jan 06, 2010 7:04 pm

:mrgreen: สวัสดีปีใหม่ค่ะคุณ devotion
วันหลังทานข้าวด้วยกันมั้ยคะ
มีความคืบหน้าเรื่องคดีอะไรอะไรมาเล่าบ้างมั้ยคะ
เล่าเรื่องการล้างสมองของพวกตั้งใจล้มอีกได้มั้ยคะ
User avatar
overtherainbow
 
Posts: 3123
Joined: Sat Dec 27, 2008 12:36 pm

PreviousNext

Return to ห้องสมุด



cron