เค้าลางแห่งความเลวร้าย...แม้ว

คลังปัญญา กระทู้ปักหมุดเดิม เรื่องสำคัญจัดเก็บที่นี่

Re: เค้าลางแห่งความเลวร้าย...แม้ว

Postby bird » Sun Oct 04, 2009 8:29 am

แดง ขาว น้ำเงิน wrote:ตามมาอ่านซีรี่ส์อย่างต่อเนื่อง :mrgreen:


ขอบคุณคร้าบ ที่ให้การสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง :lol: :lol: :lol:

overtherainbow wrote:พัก กินน้ำ กินข้าว กินกาแฟ
มาช่วยดันกระทู้ฮ่ะ


ขอบคุณคร้าบ ขอบคุณ จะพยายามเต็มที่คร้าบ :lol: :lol: :lol:

ช่วงนี้อาจจะเน้นเรื่องเศรษฐกิจ ช่วง 2544-2549 ซึ่งเป็นสิ่งที่
สมุนแม้วภูมิใจหนักหนาว่า แม้วเก่งกล้าสามารถ ทำให้ระบบ
เศรษฐกิจของประเทศดี รากหญ้ามีรายได้เพิ่ม
ขออัดเรื่องพวกนี้ให้ตาสว่างกันก่อนว่า
แท้จริงแล้ว แม้วไม่ได้เก่งอย่างที่คุย จะพยายามรวบรวม
ให้สั้นที่สุดคร้าบ :roll: :roll: :roll:
User avatar
bird
 
Posts: 1426
Joined: Wed Apr 01, 2009 1:25 pm

Re: เค้าลางแห่งความเลวร้าย...แม้ว

Postby paradon » Sun Oct 04, 2009 12:48 pm

ATOM wrote:โทษทีท่าน Bird ขอใช้บัตร สอใส่เกือก...
พระท่านว่า..
เขามีส่วน เลวบ้าง ช่างหัวเขา
จงเลือกเอา ส่วนที่ดี เขามีอยู่
เป็นประโยชน์ โลกบ้าง ยังน่าดู
ส่วนที่ชั่ว อย่าไปรู้ ของเขาเลย
จะหาคน มีดี แต่ส่วนเดียว
อย่ามัวเที่ยว ค้นหา สหายเอ๋ย
เหมือนค้นหา หนวดเต่า ตายเปล่าเอย
ฝึกให้เคย มองแต่ดี มีคุณจริง..


ขอโทษที่เห็นต่างครับ
ขอถาม ATOM หน่อยเถอะ
สมมุติ มีคนฆ่าครอบครัวคุณตายยกครัวโดยที่คุณไม่รู้ บังเอิญคนที่ฆ่าครอบครัว ATOM เป็นนายจ้างของ ATOM ที่จ่ายเงินจ้างงาน ATOM คุณจะโกรธเขาไม๊
สำหรับผมว่าคุณคงไม่เพราะเขามีบุญคุณกับคุณและมีเมตราให้คุณมาเป็นลูกจ้าง เอาเงินไปเลี้ยงครอบครัว ATOM อีกทีนี่ก็เป็นความดีของเขา ATOM คงไม่โกรธและแยกแยะได้เพราะมันไม่เกี่ยวกับ ATOM สักนิด คนที่ตายก็ไม่ใช่ ATOM ว่าไม๊

ถ้าคิดแบบ ATOMคงไม่ต้องมีศาลไม่ต้องมีคุก ใครทำอะไรก็ช่างมันลูกเดียว ...มันไม่ใช่....
" Corruption is the cause of poverty "
User avatar
paradon
 
Posts: 1347
Joined: Mon Mar 23, 2009 4:09 pm

Re: เค้าลางแห่งความเลวร้าย...แม้ว

Postby mukdaharn » Sun Oct 04, 2009 1:17 pm

แปลกดี การเมืองก่อนหน้านี้ไม่ค่อยมีคนอยากพูดถึง ตั้งแต่เกิดมาจนโตผมเองก็รับรู้ว่านักการเมืองโกงกินทั้งนั้น มีจับได้บ้างไม่ได้บ้างที่คุณ bird ว่ามามันก็จริงทั้งนั้น ธุกิจกับการเมืองแยกกันไม่ออกฝังรากลึกเกินกว่าที่จะขุดได้ คนบางคนกินนิดเดียวก็อิ่ม บางคนได้กินแล้วก็อยากกินอีก คนที่เป็นนักการเมืองไม่ว่าระดับไหน ไม่ค่อยจนหรอก มีแต่รวยขึ้นแล้วก็ส่งลูกไปเรียนสูงๆ เพื่อฟอกตัวเองให้ดูดีขาวสะอาดจากนั้นก็ส่งมาสืบทอดกิจการการเป็นนักการเมืองต่อไป การเป็นนักการเมืองมันต้องลงทุนมหาศาล คนธรรมดาที่มีความสามารถมีความรู้ก็ไม่ปัญญาที่จะสู้ได้ ไม่ต้องมากเอาแค่เงินค่าสมัครกับงบหาเสียงก็ตายแล้ว มันเลยต้องมีพรรคการเมืองมาสนับสนุน พรรคการเมืองก็ต้องหาเงินทุนจากสปอนเซอร์ซึ่งพอหากได้เป็นรัฐบาลก็ต้องหาทางตอบแทนสปอนเซอร์อีก เป็นงูกินหางอย่างนี้ ใครมาเป็นนายกก็เปลี่ยนอะไรไม่ได้ สิ่งที่ตัวผมเองทำได้คือ ทำงานหาเลี้ยงครอบครัวตัวเองโดยไม่หวังกับสิ่งที่นักการเมืองจะหยิบยื่นให้ และไม่หวังว่าจะมีฮีโร่ที่ไหนมาเปลี่ยนแปลงสิ่งที่พวกคุณเรียกว่าความชั่วร้ายนั้นให้หมดไปจากประเทศนี้ได้ เพราะสิ่งที่ว่ามันเกิดขึ้นมานานมากแล้ว และคนเหล่านั้นก็ยังอยู่ การเมืองในอุดมคติมันก็เป็นเพียงคำที่ดูดีสวยหรูที่ปรากฏอยู่เฉพาะในหนังสือเท่านั้นแหละ.......
User avatar
mukdaharn
 
Posts: 559
Joined: Thu Mar 12, 2009 2:37 pm

Re: เค้าลางแห่งความเลวร้าย...แม้ว

Postby overtherainbow » Sun Oct 04, 2009 2:57 pm

mukdaharn wrote:แปลกดี การเมืองก่อนหน้านี้ไม่ค่อยมีคนอยากพูดถึง ตั้งแต่เกิดมาจนโตผมเองก็รับรู้ว่านักการเมืองโกงกินทั้งนั้น มีจับได้บ้างไม่ได้บ้างที่คุณ bird ว่ามามันก็จริงทั้งนั้น ธุกิจกับการเมืองแยกกันไม่ออกฝังรากลึกเกินกว่าที่จะขุดได้ คนบางคนกินนิดเดียวก็อิ่ม บางคนได้กินแล้วก็อยากกินอีก คนที่เป็นนักการเมืองไม่ว่าระดับไหน ไม่ค่อยจนหรอก มีแต่รวยขึ้นแล้วก็ส่งลูกไปเรียนสูงๆ เพื่อฟอกตัวเองให้ดูดีขาวสะอาดจากนั้นก็ส่งมาสืบทอดกิจการการเป็นนักการเมืองต่อไป การเป็นนักการเมืองมันต้องลงทุนมหาศาล คนธรรมดาที่มีความสามารถมีความรู้ก็ไม่ปัญญาที่จะสู้ได้ ไม่ต้องมากเอาแค่เงินค่าสมัครกับงบหาเสียงก็ตายแล้ว มันเลยต้องมีพรรคการเมืองมาสนับสนุน พรรคการเมืองก็ต้องหาเงินทุนจากสปอนเซอร์ซึ่งพอหากได้เป็นรัฐบาลก็ต้องหาทางตอบแทนสปอนเซอร์อีก เป็นงูกินหางอย่างนี้ ใครมาเป็นนายกก็เปลี่ยนอะไรไม่ได้ สิ่งที่ตัวผมเองทำได้คือ ทำงานหาเลี้ยงครอบครัวตัวเองโดยไม่หวังกับสิ่งที่นักการเมืองจะหยิบยื่นให้ และไม่หวังว่าจะมีฮีโร่ที่ไหนมาเปลี่ยนแปลงสิ่งที่พวกคุณเรียกว่าความชั่วร้ายนั้นให้หมดไปจากประเทศนี้ได้ เพราะสิ่งที่ว่ามันเกิดขึ้นมานานมากแล้ว และคนเหล่านั้นก็ยังอยู่ การเมืองในอุดมคติมันก็เป็นเพียงคำที่ดูดีสวยหรูที่ปรากฏอยู่เฉพาะในหนังสือเท่านั้นแหละ.......

ก็ คิดว่าความดีของทักษินอย่างนึงก็คือ ทำให้คนตระหนักได้ว่ามัน มากเกินไป เกินจะยอมรับแบบเดิมได้อีก
ถามว่าความไม่พึงพอใจในตัวเลือกของนักการเมืองที่มีอยู่เท่าที่เห็น
มันจึงทำให้คำว่าการเมืองใหม่ ดูจะขายได้
พรรคใหม่ที่เป็นตัวเลือกใหม่
อีกและพรรคอื่นตัวเลือกใหม่
ต้องการทำลายคอนเน้คชั่น เดิมๆให้หมดไป และเริ่มตรวจสอบจากภาคประชาชนอย่างจริงใจและจริงจัง
คงไม่ปล่อยไปได้อีก
ใช่การเมืองมันเป็นเรื่องผลประโยชน์ล้วนๆ
แต่ถ้าจัดการให้ผลประโยชน์ ไกลจากตัวและพวกพ้องและยุติธรรมได้ มันก็เป็นเรื่องที่ดี

การเป็นนายก มันต้องเปลืองตัว เพราะต้องจัดการ แก้ไข และบริหารจัดการการเผาจริง เผาหลอก ที่นายกเองก็ไม่ได้ทำการฆาตกรรมใดใดมาก่อน

คงต้องด่างพร้อยได้ ดูชั่วช้าเลวทราม น้อยที่สุดได้
ช่วยกันคัดกรองคนที่จะมาเป็นสมาชิกผู้แทนราษฏร ดีกว่ามั้ย
จะได้มีแต่ผู้แทนที่มีคุณภาพ และการใช้สิทธิที่มีความหมาย ไม่ใช่แบบที่เห็นๆอยู่นี้ :roll:
User avatar
overtherainbow
 
Posts: 3123
Joined: Sat Dec 27, 2008 12:36 pm

Re: เค้าลางแห่งความเลวร้าย...แม้ว

Postby bird » Sun Oct 04, 2009 7:49 pm

mukdaharn wrote:แปลกดี การเมืองก่อนหน้านี้ไม่ค่อยมีคนอยากพูดถึง ตั้งแต่เกิดมาจนโตผมเองก็รับรู้ว่านักการเมืองโกงกินทั้งนั้น มีจับได้บ้างไม่ได้บ้างที่คุณ bird ว่ามามันก็จริงทั้งนั้น ธุกิจกับการเมืองแยกกันไม่ออกฝังรากลึกเกินกว่าที่จะขุดได้ คนบางคนกินนิดเดียวก็อิ่ม บางคนได้กินแล้วก็อยากกินอีก คนที่เป็นนักการเมืองไม่ว่าระดับไหน ไม่ค่อยจนหรอก มีแต่รวยขึ้นแล้วก็ส่งลูกไปเรียนสูงๆ เพื่อฟอกตัวเองให้ดูดีขาวสะอาดจากนั้นก็ส่งมาสืบทอดกิจการการเป็นนักการเมืองต่อไป การเป็นนักการเมืองมันต้องลงทุนมหาศาล คนธรรมดาที่มีความสามารถมีความรู้ก็ไม่ปัญญาที่จะสู้ได้ ไม่ต้องมากเอาแค่เงินค่าสมัครกับงบหาเสียงก็ตายแล้ว มันเลยต้องมีพรรคการเมืองมาสนับสนุน พรรคการเมืองก็ต้องหาเงินทุนจากสปอนเซอร์ซึ่งพอหากได้เป็นรัฐบาลก็ต้องหาทางตอบแทนสปอนเซอร์อีก เป็นงูกินหางอย่างนี้ ใครมาเป็นนายกก็เปลี่ยนอะไรไม่ได้ สิ่งที่ตัวผมเองทำได้คือ ทำงานหาเลี้ยงครอบครัวตัวเองโดยไม่หวังกับสิ่งที่นักการเมืองจะหยิบยื่นให้ และไม่หวังว่าจะมีฮีโร่ที่ไหนมาเปลี่ยนแปลงสิ่งที่พวกคุณเรียกว่าความชั่วร้ายนั้นให้หมดไปจากประเทศนี้ได้ เพราะสิ่งที่ว่ามันเกิดขึ้นมานานมากแล้ว และคนเหล่านั้นก็ยังอยู่ การเมืองในอุดมคติมันก็เป็นเพียงคำที่ดูดีสวยหรูที่ปรากฏอยู่เฉพาะในหนังสือเท่านั้นแหละ.......


bird เองก็ไม่ได้หวังว่าทุจริต คอร์รับชั่น จะหมดไปจากคำว่าการเมือง การเมืองกับธุรกิจเป็นเหมือน
เส้นขนานที่ต้องเดินควบคู่กันไป แต่ทั้งนี้และทั้งนั้น มันขึ้นอยู่กับจริยธรรมและคุณธรรมของบุคคล
ที่ผันตัวเองเข้าสู่วงการการเมือง

หากคุณเป็นคนที่มีจริยธรรม คุณธรรมมากพอ การทุจริตคอร์รับชั่นมันก็ต้องลดน้อยลง คุณต้อง
ยอมรับการตรวจสอบการบริหารได้อย่างไม่ต้องปกปิดหรือ ควรรับฟังเสียงคนรอบข้างบ้าง
ไม่ใช่ดันทุรังไปข้างๆ คูๆ หรือ ไอ้ประเภทกูเก่งอยู่คนเดียว กูถูกคนเดียว คนอื่นผิดหมด
หากเป็นเช่นนั้น มันก็ไม่ใช่ระบอบประชาธิปไตยหรอกนะ

การเมืองหากคุณเล่นกันอย่างมีระบบ ภายใต้กรอบของกฏหมาย ประเทศชาติก็จะสงบลงได้
แต่ในปัจจุบัน นักการเมืองบ้างกลุ่ม บ้างพวก ชอบปั้นน้ำเป็นตัว ชอบสร้างสถานการณ์
ทั้ง ๆ ที่รู้ว่ามันไม่ใช่ มันไม่จริง ก็ยังหน้าด้านพูดอยู่ได้ ไม่ละอายใจ ไม่สนใจว่าประเทศชาติ
จะตกอยู่ในสถานการณ์เช่นใด

การกล่าวร้ายผู้หลักผู้ใหญ่ของบ้านเมือง ด้วยถ้อยคำที่หยาบคาย ไร้สติ ซึ่งบุคคลที่มีการ
ศึกษา สวมสูท ผูกไท ได้รับเกียรติให้เข้ามาบริหารบ้านเมือง ไม่ควรกระทำอข่างยิ่ง
ก็ยังกระทำกันอย่างไร้สามัญสำนึก พยายามพูดยั่วยุให้เกิดอารรมณ์ร่วมของผู้ที่มาร่วม
ชุมนุม ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าผู้พูด ผู้กระทำต้องการให้เกิดอะไรขึ้นในบ้านเมือง
คำก็รักชาติ สองคำก็รักชาติ แต่การกระทำมันบ่งบอกพฤติกรรมที่ตรงกันข้ามอย่างไม่
ต้องปฏิเสธ พูดออกมาแต่ละคำ แต่ละประโยค บอกตรง ๆ ว่ามันส่อให้เห็นถึงจิตใจ
ส่วนลึก ๆ ว่าจริง ๆ แล้ว คน ๆนั้นเป็นอย่างไร มีพื้นฐานทางด้านจิตใจต่ำมากแค่ไหน

เอาเถอะ ยังไง bird ก็ยังเชื่อว่า สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่คุ้มครองประเทศชาติบ้านเมืองมานับร้อยปี
จะยังคงปกปักรักษาบ้านเมืองนี้ให้อยู่รอด ผู้ที่คิดคดทรยศย่อมต้องพบกับความวิบัติใน
เร็ววันนี้
User avatar
bird
 
Posts: 1426
Joined: Wed Apr 01, 2009 1:25 pm

Re: เค้าลางแห่งความเลวร้าย...แม้ว

Postby bird » Mon Oct 05, 2009 5:00 pm

บทสรุป ประชานิยม

ประชานิยม เป็นอุดมการณ์และแนวทางทางการเมืองที่อิงอยู่กับฐานคนยากจน
เป็นแนวทางการเมืองที่ใช้กันมากในกลุ่มประเทศโลกที่ 3 เข้าสู่ประเทศจีนและ
ประเทศแถบลาตินอเมริกาในช่วงศตวรรษที่ 20 ผลลัพท์ที่ปรากฏในประเทศเหล่านี้
หลังนำระบบประชานิยมไปประยุกต์ใช้ก็คือ ความล้มเหลว
ทั้งในการพัฒนาทางการเมืองและเศรษฐกิจ

นโยบายประชานิยมในประเทศเรา คือ นโยบายที่สนับสนุนประชาชนผู้มีรายได้น้อย
หรือคนยากจนเป็นหลัก เพื่อมุ่งหวังความนิยมทางการเมือง โดยไม่จำเป็นต้องมี
ความสมเหตุสมผล หรือเป้าหมายทางเศรษฐศาสตร์โดยรวมมารองรับ นโยบาย
ประชานิยมมีหลายรูปแบบ แต่จะมีลักษณะร่วมกันคือ เป็นนโยบายที่มุ่งเอาอกเอาใจ
และสนองความต้องการของประชาชน โดยไม่คำนึงจำนวนเงินที่ใช้ในการดำเนินงาน
ตลอดจนไม่แสดงมูลค่างบประมาณที่ใช้ หรือจะกล่าวว่า นโยบายประชานิยมเป็นทั้ง
ภาพหลอนทางการคลังของรัฐบาล ก็คงไม่ผิด

นโยบายประชานิยมนอกจากสร้างภาระทางการคลังอย่างใหญ่หลวงให้กับประเทศแล้ว
ยังสร้างปัญหาใหม่ที่ใหญ่กว่าเดิม คือ มวลชนพันธ์ใหม่ที่ชอบแบมือ ใจเร็วด่วนได้
ไร้วินัยการเงิน และไม่อยากรับผิดชอบต่อชีวิตของตนเอง วิธีคิดของมวลชนบางกลุ่ม
ที่เริ่มชอบของฟรี และชอบให้รัฐเข้ามารับผิดชอบจัดการต่อความเป็นอยู่ของตนเอง
มีมากขึ้น ไม่เว้นแม้กระทั่งเรื่องที่เป็นความรับผิดชอบส่วนบุคคล เช่น การชำระหนี้
จากนโยบายพักชำระหนี้ ต้องการให้เป็น ปลดหนี้ คือ ไม่ต้องชำระหนี้ หรือให้รัฐ
จ่ายหนี้ให้ เป็นต้นหากจะกล่าวว่า ประชานิยม เป็น สิ่งเสพติดขนานใหม่
คงไม่ผิดเช่นกัน

สิ่งที่อันตรายที่สุด ของนโยบายประชานิยม คือ มวลชนจะเคยชินกับการเสพ
จนหลงลืมวิถีแห่งการยืนอยู่บนขาของตัวเอง ภายใต้ ความรับผิดชอบ,
เสรีภาพ ที่ทุกคนโหยหา เรียกร้องและชอบอ้างถึงกันเสมอๆ

ประชาธิปไตยแบบเสียงข้างมาก และ นโยบายประชานิยมที่มวลชนเสพติดด้วยความ
โลภหลง นำพาประเทศสู้ปัญหาที่ยากจะแก้ไข ดังที่เห็นกันอยุ่ในปัจจุบัน
Attachments
1 [50%].png
(88.82 KiB) Downloaded 340 times
User avatar
bird
 
Posts: 1426
Joined: Wed Apr 01, 2009 1:25 pm

Re: เค้าลางแห่งความเลวร้าย...แม้ว

Postby แดง ขาว น้ำเงิน » Mon Oct 05, 2009 11:04 pm

ผลักกระทู้รอบดึก :mrgreen:
"ผู้ที่ใช้สติปัญญาไม่เป็น คือคนโง่ ผู้ที่ไม่กล้าใช้สติปัญญา คือทาส" เพลโต้
User avatar
แดง ขาว น้ำเงิน
Moderator
 
Posts: 4943
Joined: Thu Feb 12, 2009 4:07 pm
Location: Earth

Re: เค้าลางแห่งความเลวร้าย...แม้ว

Postby bird » Tue Oct 06, 2009 1:11 pm

แดง ขาว น้ำเงิน wrote:ผลักกระทู้รอบดึก :mrgreen:


ขอบคุณคร๊าบ แล้วจะส่งหนังสือดี ๆ ไปให้อีกนะ

:lol: :lol: :lol:
User avatar
bird
 
Posts: 1426
Joined: Wed Apr 01, 2009 1:25 pm

Re: เค้าลางแห่งความเลวร้าย...แม้ว

Postby bird » Tue Oct 06, 2009 3:49 pm

กองทุนหมู่บ้าน

กองทุนหมู่บ้าน หมู่บ้านละ 1 ล้านบาท เป็นนโยบายหนึ่งของรัฐบาลมันสมองแม้ว ที่ใช้
หาเสียงไว้ช่วงฤดูเลือกตั้งจนมัดใจมวลชนเทคะแนนเสียงเลือกพรรคแม้วอย่างถล่มทลาย
ทั้งรุ่นที่ 1 ( มีค. 2544 ) และรุ่นที่ 2 ( มีค.2548 ) เพราะเป็นนโยบายที่มองเห็นได้เป็นรูป
เป็นร่างที่สุดในสายตาของชาวบ้าน

โครงการเริ่มต้นหลังแม้วขึ้นสู่ตำแหน่งครั้งแรก ประมาณ กรกฎาคม 2544 โดยมอบหมาย
หน้าที่อันสำคัญนี้ให้กับกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ (องค์การมหาชน) เป็นตัว
แทนกู้เงินจาก ธกส และ ออมสิน เพื่อจัดสรรเงินให้กองทุนหมู่บ้านละ 1 ล้านบาท ภายใต้
วัตถุประสงค์ที่วาวไว้อย่างสวยหรู ดูดี

- เพื่อเป็นแหล่งเงินทุนหมุนเวียนในหมู่บ้านและชุมชนเมือง
- เป็นแหล่งเงินทุนสำหรับการลงทุนเพื่อสร้างอาชีพเสริม สร้างรายได้ให้กับคนในชุมชน
และวิสาหกิจขนาดเล็กในครัวเรือน
- เพื่อเสิรมสร้างกระบวนการพึ่งพาตนเองของหมู่บ้านและชุมชนเมืองในการเรียนรู้และ
พัฒนาความคิดริเริ่ม ส่งเสริมเศรษฐิกิจพอเพียง
- เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจใรระดับรากหญ้าของประเทศ สร้างภูมิคุ้มกันทางเศรษฐกิจและ
สังคมของประเทศในอนาคต

จากข้อมูลของ สตง ณ พฤศจิกายน 2549 มียอดเงินกู้ตามโครงการทั้งสิ้นประมาณ
92,214.37 ล้านบาท (เก้าหมื่นสองพันสองร้อย...ล้านบาท) ณ ปัจจุบันกองทุนหมู่บ้าน
มียอดเงินรวมกันไม่น่าจะต่ำกว่า 180,000 ล้านบาท (หนึ่งแสนแปดหมื่นล้านบาท)
ดูเม็ดเงินแล้วน่าจะเป็นโครงการที่ประสบความสำเร็จ หากแต่ว่า

แนวทางการดำเนินงานของโครงการมันน่าสงสัยตั้งแต่ต้น (ช่างสงสัยอีกแล้ว)

คือ กันหน่วยงานราชการออกไป ไม่ให้มีอำนาจในการจัดการเมื่อเข้าสู่ภาคปฏิบัติ
หมายถืง ให้หมู่บ้านจัดการบริหารเงินที่ได้รับมากันเอง มีการจัดตั้งคณะกรรมการ
หมู่บ้านขึ้นมารับผิดชอบ วางกฎ ระเบียบ ในการให้กู้เงินของสมาชิกในหมุ่บ้าน
กันเอง จึงไม่น่าแปลกใจ เพราะเงินกองทุนส่วนใหญ่จะตกอยุ่ในมือของผุ้ยิ่งใหญ่
ในหมู่บ้านนั้น ๆ ไม่ว่าจะเป็น ญาติ สนิท มิตรสหาย...

อีกข้อสงสัยหนึ่ง คือ ท่าทีที่ร้อนรนของฝ่ายการเมืองแม้ว ที่บีบให้หน่ายงานของ
ราชการเร่งจัดตั้งและกระจายเงินกองทุนหมู่บ้านโดยเร็ว ตามมาด้วยข้อมุลที่ว่า
หากหมู่บ้านใดไม่รีบอนุมัติเงินกุ้ให้หมดภายใน 3 เดือนจะถูกยึดเงินกองทุนคืน
ก็แค่ เรื่องที่ชาวบ้านเค้าพูดกันหนาหู ในช่วงนั้นเท่านั้นเอง อย่าไปสนใจเลย

กองทุนหมุ่บ้าน 1 ล้านบาท เริ่มต้นด้วยภาพที่สวยหรู หากแต่ผลการดำเนินงาน
ณ วันนี้เริ่มเห็นภาพชัดขึ้นเรื่อย ๆ กองทุนไม่ได้สร้างรายได้ หากแต่สร้างหนี้สิน
เพิ่มขึ้น และส่วนใหญ่ก็เป็นหนี้เน่า (อยากจะบอกว่าหนี้เลว แต่กลัวไม่สุภาพ)
เป็นหนึ้กันหมู่บ้านละไม่ต่ำกว่า 10 ล้าน ตำบลละไม่ต่ำกว่า 50 ล้านบาท

สมาชิกส่วนใหญ่กุ้เงินไปใช้ตามความต้องการส่วนตัว โดยนำไปบริโภคสิ่งของ
เครื่องใช้ที่ฟุ่มเฟื่อยตามโลกของวัตถุนิยม ไม่ว่าจะเป็น มอร์เตอร์ไซค์ รถปิคอัพ
และที่ขาดไม่ได้คือ โทรศัพท์มือถือ แทนที่จะนำไปใช้ในการเสิรมสร้างอาชีพ
เพราะเกรงว่า หากไม่มีการใช้จ่ายเงินกองทุนจะต้องถูกตัดเงิน จึงหาทางใช้จ่าย
โดยไม่มีหน่วยงานของรัฐมาตรวจสอบ

ปัญหาใหญ่อีกปัญหาหนึ่งคือ หนี้ค้างชำระและเงินขาดบัญชี โดยกองทุนบางแห่ง
อยู่ในภาวะวิกฤต ไม่ได้ดำเนินกิจการมีเป็นเวลาหลายปี และไม่มีเงินคงเหลืออยู่
ในบัญชีกองทุน อันเป็นผลมาจากการไม่ชำระคืนเงินกู้ของสมาชิก ซึ่งส่วนใหญ่
จะเป็นประธานกรรมการของกองทุน หรือ เครือญาติ กู้ไปแล้ว ก็แล้วกันไป ไม่
ต้องใช้คืน ไม่มีเจ้าหน้าที่คอยติดตาม เร่งรัด หรือ ตรวจสอบ ทำให้สมาชิกภาย
ในหมุ่บ้านเกิดพฤติกรรมเลียนแบบ หรือ อีกนัยหนึ่งคือ เป็นเงินกินเปล่า

ซึ่งปัญหาหนี้ค้างชำระที่เกิดขึ้น ส่งผลกระทบต่อการใช้จ่ายเงินงบประมาณแผ่นดิน
ที่ต้องจัดสรรเพื่อชำระหนี้คืนให้แก่ ธกส และ ออมสิน โดยไม่เห็นผลการดำเนิน
งานของกองทุนภายใต้วัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้อย่างสวยหรู... หากจะถามหาความ
รับผิดชอบต่อจำนวนเงินที่สูญเสียไป คงโทษชาวบ้านที่ไม่รู้จักบิรหารเงินให้ดี
ทั้ง ๆ ที่คนคิดโครงการควรจะแนะนำ ประชาสัมพันธ์ และตรวจสอบประเมินผล

หรือว่า... 1 ล้านบาทที่ให้ไปถือเป็นค่าแรงในการเทคะแนนเลือกตั้ง...
หากเป็นเช่นนั้น... ทำไมไม่จ่ายจากเงินในกระเป๋าของตัวท่านเองเล่า
เม็ดเงินที่ท่านหว่านลงไปนะ... งบประมาณแผ่นดิน นะท่าน

ก็แค่สงสัยเท่านั้น....
Attachments
2 [640x480].png
(74.04 KiB) Downloaded 330 times
User avatar
bird
 
Posts: 1426
Joined: Wed Apr 01, 2009 1:25 pm

Re: เค้าลางแห่งความเลวร้าย...แม้ว

Postby แดง ขาว น้ำเงิน » Tue Oct 06, 2009 6:30 pm

bird wrote:
แดง ขาว น้ำเงิน wrote:ผลักกระทู้รอบดึก :mrgreen:


ขอบคุณคร๊าบ แล้วจะส่งหนังสือดี ๆ ไปให้อีกนะ

:lol: :lol: :lol:


ขอบคุณฮับ หนังสือเพิ่มความดัน อ่านแล้วอารมณ์ปรี๊ด เมื่อไหร่เสื้อแดงจะหูตาสว่างก็ไม่รู้เนอะ
"ผู้ที่ใช้สติปัญญาไม่เป็น คือคนโง่ ผู้ที่ไม่กล้าใช้สติปัญญา คือทาส" เพลโต้
User avatar
แดง ขาว น้ำเงิน
Moderator
 
Posts: 4943
Joined: Thu Feb 12, 2009 4:07 pm
Location: Earth

Re: เค้าลางแห่งความเลวร้าย...แม้ว

Postby overtherainbow » Wed Oct 07, 2009 12:21 pm

เฮ้อออ คุณสีธงชาติ
อิอิคุณพ่อลูกอ่อน กับน้องพีพีเนียร์อีกคน
หวังลมลมแล้งแล้ง กันอยู่หรือปล่าวไม่รู้เนอะพวกเรา น้องเบิร์ดอีกคนและสมาชิกคนอื่นๆอีกหลายคน
แต่จะลมจะแล้ง หรือแร้งมาลงยังไง ก็ต้องหวังว่าเสื้อแดง ที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ จะบังเอิญได้อ่านแล้วได้คิด
ว่าแล้วก็ดันกันต่อไป :D

User avatar
overtherainbow
 
Posts: 3123
Joined: Sat Dec 27, 2008 12:36 pm

Re: เค้าลางแห่งความเลวร้าย...แม้ว

Postby แดง ขาว น้ำเงิน » Wed Oct 07, 2009 12:53 pm

overtherainbow wrote:เฮ้อออ คุณสีธงชาติ
อิอิคุณพ่อลูกอ่อน กับน้องพีพีเนียร์อีกคน
หวังลมลมแล้งแล้ง กันอยู่หรือปล่าวไม่รู้เนอะพวกเรา น้องเบิร์ดอีกคนและสมาชิกคนอื่นๆอีกหลายคน
แต่จะลมจะแล้ง หรือแร้งมาลงยังไง ก็ต้องหวังว่าเสื้อแดง ที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ จะบังเอิญได้อ่านแล้วได้คิด
ว่าแล้วก็ดันกันต่อไป :D



ฟังเพลงเจ๊เจนิเฟอร์ คิ้ม บอกว่าจะไม่ยอมหมดหวัง ก็เลยต้องหวังต่อไปๆๆๆ ลมๆ แล้งๆ แห้งๆ น้ำๆ สักวันแดงต้องหมดฤทธิ์

เสื้อแดงดีๆ มีเยอะครับที่อยู่ในชีวิตประจำวันเรา แต่ทัศนคติการเมืองมันคนละอย่างกับเราอธิบายจนจะขี้เกียจอธิบายแล้ว เฮ้อ
อย่างยายที่เป็นแม่บ้านเสื้อแดงปรี๊ดเลย ก็รุ้ว่าผมเกลียดทักษิณ ก็หมั่นทำของอร่อยๆ ให้กินเสมอๆ อิอิ
ที่สำคัญสุดๆ พ่อตานี่สิครับ แดงได้ไง งง :!:
"ผู้ที่ใช้สติปัญญาไม่เป็น คือคนโง่ ผู้ที่ไม่กล้าใช้สติปัญญา คือทาส" เพลโต้
User avatar
แดง ขาว น้ำเงิน
Moderator
 
Posts: 4943
Joined: Thu Feb 12, 2009 4:07 pm
Location: Earth

Re: เค้าลางแห่งความเลวร้าย...แม้ว

Postby paper punch » Wed Oct 07, 2009 12:58 pm

เยี่ยมครับ ผมมีข้อมูลไปเล่นเยอะเลยครับ

อยากให้ ปักหมุดกระทู้นี้ครับ
เคารพและศรัทธาคุณ ชวน หลีกภัย

ราตรีสวัสดิ์(official version)
http://www.youtube.com/watch?v=JFCooDPQ ... re=related
User avatar
paper punch
 
Posts: 922
Joined: Mon Oct 13, 2008 9:16 am

Re: เค้าลางแห่งความเลวร้าย...แม้ว

Postby bird » Wed Oct 07, 2009 1:40 pm

กลโกง บัตร 30 บาท

หนึ่งในนโยบายประชานิยม ที่แม้วใช้ในการหาเสียงเมื่อปี 2544 ซึ่งสามารถซื้อใจ
มวลชนอย่างถล่มทลายในทุกระดับฐานะ โดยเฉพาะกลุ่มผู้มีรายได้น้อยในชนบท
หรือชาวรากหญ้าในสายตาของแม้ว นั้นคือ 30 บาทรักษาทุกโรค

อะไรที่ดี เราก็ต้องยอมรับว่าดี โครงการนี้ก็เช่นกัน เป็นโครงการที่ดี ดีมาก สำหรับ
ประเทศเรา ทุกๆ คนได้รับการรักษาพยาบาลเท่าเทียมกันทั่วทั้งประเทศ โครงการนี้
เปรียบเสมือนพระมาโปรด คนยากจนในชนบทที่ห่างไกล เคยที่รักษากับหมอผี
หมอไสยศาสตร์ อาศัยภูมิปัญญาชาวบ้านหาสมุนไพรในป่ามาบรรเทาอาการเจ็บป่วย
ได้มีโอกาศเข้ามาสัมผัสกับโรงพยาบาล สัมผัสหมอ ที่เป็นหมอจริง ๆ..
เรากราบขอบพระคุณท่านผู้เป็นต้นแบบความคิดดี ๆ แบบนี้ เราขอน้อมรับด้วยบุญคุณ
อันใหญ่หลวง.... แต่ว่า

สมมุตินะท่าน... จำนวนประชากรตามข้อมูลทะเบียนราษฎร์ ในปี 2548 (ยุคเรืองอำนาจ)
ขอวางตัวเลขที่ 63 ล้านคนโดยประมาณ จำนวนบัตรที่หน่วยงานของรัฐออกให้ประชาชน
กะประมาณ 47 ล้านใบ (ข้อมูล ณ ปี 2548) ภายใต้ข้อสมมุติฐานว่า บัตร 1 ใบต่อ 1 คน
รัฐเหมาจ่าย กรุงเทพปริมณฑล 1,750.- ต่อปี ในต่างจังหวัด 1,350.- ต่อปี ณ ปี 2548
นะท่าน อย่าเปรียบเทียบกับปัจจุบันซึ่งเป็นราคาเหมาจ่ายคนละ 2,000.- ต่อปี

จากจำนวนประชากร 63 ล้านคนในขณะนั้นกระจายตามระบบรักษาพยาบาลได้คร่าว ๆ

ระบบราชการ คือ ประเภทสามารถเบิกค่ารักษาพยาบาลได้ เช่น ข้าราชการประจำ
ข้าราชการบำเหน็จ บำนาญ รวมถึง พ่อแม่และลูก ๆ ประมาณ 9 ล้านคน ใช้งบประมาณแผ่นดินประมาณ 5-6 หมื่นล้าน
บาทต่อปี
ระบบประกันสังคม คือ กลุ่มที่ทำงานในบริษัทเอกชนต่างๆ และ รัฐวิสาหกิจ
ก็ประมาณ 7 ล้านคน
ระบบประกันชีวิต คือ กลุ่มที่ทำประกันชีวิตทั้งในรูปประกันสุขภาพและประกัน
อุบัติเหตุกับบริษัทประชีวิตต่าง ๆ อีกประมาณ 8 ล้านคน

เมื่อนำมาหักกลบลบกันแล้ว จะเหลือมวลชนเฉพาะกลุ่มที่รัฐต้องเข้าไปดูแล หรือ กลุ่มที่จำเป็นต้องใช้บัตร 30 บาท
ประมาณ [ 63 - ( 9+7+8 ) ] 39 ล้านคน เพื่อความเป็นธรรมเรายินดีตัดจำนวนประชากรทั้ง 3 ระบบข้างต้นให้อีก
10% ประมาณ 2.4 ล้านคน ก็จะเหลือจำนวนประชากรที่รัฐไม่ต้องเข้าไปดูแลประมาณ {(9+7+8)-2.4] 21.6 ล้านคน
นั้นหมายความว่า จะกลุ่มที่รัฐตัองดูแลหรือกลุ่มที่ต้องใช้บัตร 30 บาทจริงๆ ประมาณ (63-21.6) 41.4 ล้านคน
บัตรที่รัฐออกให้ก็ไม่น่าจะเกิน 42 ล้านใบ แต่ตามทะเบียนของ สธ ในปี 2548 มีจำนวนบัตร 47 ล้านใบ เกินจำนวน
ที่น่าจะเป็นไปได้ 5 ล้านใบ...

จากข้อสมมุติที่ตั้งไว้ในข้างต้น กรุงเทพปริมณฑล 1,750.- บาทต่อคนต่อปี ต่างจังหวัด 1,350.- บาทต่อคนต่อปี
จำนวนบัตรที่เกินอยู่ประมาณ 5 ล้านใบ.. ก็รวมมูลค่าประมาณไม่น่าจะต่ำกว่า 6,000 - 8,000 ล้านบาทต่อปี...
เริ่มโครงการตั้งแต่ปี 2544 - 2548 ก็ประมาณ 5 ปี มุลค่าเท่าไหร่ก็ลองนำ 6,000 - 8,000 ล้านบาท คูณ 5 ดูแล้วกัน
หลักหมื่นล้านเห็น ๆ กระจายไปตามโรงพยาบาลเอกชนทั้งในเมืองและนอกเมือง ใครถือหุ้นบ้าง เครือญาติของใคร
ตรวจสอบกันเอาเองแล้วกัน...

เฮ้อ.... นี่หละหนาที่เค้าเรียกว่า " ซาตาน ในคราบ นักบุญ "

ก็แค่ข้อสมมุติเท่านั้น อย่าคิดมาก
User avatar
bird
 
Posts: 1426
Joined: Wed Apr 01, 2009 1:25 pm

Re: เค้าลางแห่งความเลวร้าย...แม้ว

Postby bird » Wed Oct 07, 2009 1:42 pm

paper punch wrote:เยี่ยมครับ ผมมีข้อมูลไปเล่นเยอะเลยครับ

อยากให้ ปักหมุดกระทู้นี้ครับ


ขอบคุณคร้าบ แต่ว่า ปักหมุด เนี้ย ขอเถอะนะ
เก็บไว้อ่านเล่น ๆ ก็พอคร้าบ

:oops: :oops: :oops:
User avatar
bird
 
Posts: 1426
Joined: Wed Apr 01, 2009 1:25 pm

Re: เค้าลางแห่งความเลวร้าย...แม้ว

Postby bird » Wed Oct 07, 2009 1:53 pm

overtherainbow wrote:เฮ้อออ คุณสีธงชาติ
อิอิคุณพ่อลูกอ่อน กับน้องพีพีเนียร์อีกคน
หวังลมลมแล้งแล้ง กันอยู่หรือปล่าวไม่รู้เนอะพวกเรา น้องเบิร์ดอีกคนและสมาชิกคนอื่นๆอีกหลายคน
แต่จะลมจะแล้ง หรือแร้งมาลงยังไง ก็ต้องหวังว่าเสื้อแดง ที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ จะบังเอิญได้อ่านแล้วได้คิด
ว่าแล้วก็ดันกันต่อไป :D



ขอบคุณพี่สุดสวยของน้อง ที่ดันกันอย่างสม่ำเสมอ
bird หวังแค่ว่า สิ่งที่เขียนไว้อาจสะกิดใจคนไทยที่ยังพอมีสติอยู่บ้างเท่านั้นเองจ๊ะพี่จ้า
ไม่หวังว่าเค้าจะเปลี่ยนทัศนคติ ขอแค่ให้ได้คิดสักนิดก็พอแล้วจ้ะ :lol: :lol: :lol:
User avatar
bird
 
Posts: 1426
Joined: Wed Apr 01, 2009 1:25 pm

Re: เค้าลางแห่งความเลวร้าย...แม้ว

Postby paper punch » Wed Oct 07, 2009 2:00 pm

โธ่ น้อง bird อายอะไรครับ

กระทู้กระจอกๆ ยังดันกันจะเป็นจะตาย เปรอะไปหมด :lol:

กระทู้ดีๆแบบนี้ น่าจะปักให้คนอื่นได้อ่านกันเยอะๆนะครับ :D
เคารพและศรัทธาคุณ ชวน หลีกภัย

ราตรีสวัสดิ์(official version)
http://www.youtube.com/watch?v=JFCooDPQ ... re=related
User avatar
paper punch
 
Posts: 922
Joined: Mon Oct 13, 2008 9:16 am

Re: เค้าลางแห่งความเลวร้าย...แม้ว

Postby bird » Wed Oct 07, 2009 3:13 pm

paper punch wrote:โธ่ น้อง bird อายอะไรครับ

กระทู้กระจอกๆ ยังดันกันจะเป็นจะตาย เปรอะไปหมด :lol:

กระทู้ดีๆแบบนี้ น่าจะปักให้คนอื่นได้อ่านกันเยอะๆนะครับ :D


แบบว่าน้องไม่ได้เล่นตัวนะพี่นะ
แต่น้องติดตรง จรรยาบรรณทางอาชีพนี่หละพี่จ้า.. :lol: :lol: :lol:
User avatar
bird
 
Posts: 1426
Joined: Wed Apr 01, 2009 1:25 pm

Re: เค้าลางแห่งความเลวร้าย...แม้ว

Postby bird » Thu Oct 08, 2009 10:54 am

พักชำระหนี้กับหนี้ที่เพิ่มขึ้น

๒๖ มีนาคม ๒๕๔๔ คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบหลักเกณฑ์และวิธีการในโครงการพักชำระหนี้
และลดภาระหนี้เกษตร ตามนโยบายประชานิยมขายฝันตามที่โฆษณาไว้ในช่วงฤดูการหาเสียง
ซึ่งเป็นนโยบายหนึ่งที่ซื้อใจมวลชนได้อย่างถล่มทลาย โดยเฉพาะมวลชนชาวรากหญ้าในสายตา
ของนายกแม้ว

โครงการนี้มีรองนายกคุณปองพล เป็นประธาน โดยดำเนินโครงการผ่าน ธกส และ การคลังเป็น
ผู้เสนอ โครงการดำเนินงานภายใต้หลักการ เหตุผล และ วัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้อย่างสวยสดงดงาม
ซึ่งพอจะสรุปสาระได้ (ว่ากันตามเอกสาร)

หลักการและเหตุผล ปัจจุบันเกษตรกรซึ่งเป็นประชากรส่วนใหญ่
ของประเทศมีฐานะยากจนและมีปัญหาด้านหนี้สิน และกลุ่มที่มีปัญหามากที่สุดและเป็นคนส่วนใหญ่ใน
กลุ่มนี้คือ เกษตรกรรายย่อย ดังนั้น รัฐบาลจึงมีนโยบายพักชำระหนี้และลดภาระหนี้ให้แก่เกษตรกร
รายย่อยอันจะช่วยฟื้นฟูให้เกษตรการรายย่อยซึ่งเป็นประชากรส่วนใหญ่ของประเทศมีเงินออมและ
เงินลงทุนเพื่อใช้ในการประกอบอาชีพเพื่อสร้างรายได้มากขึ้น ซึ่งจะมีผลโดยตรงต่อการปรับปรุง
ประสิทธิภาพการผลิต การพัฒนาคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ของเกษตรกรรายย่อย ซึ่งประสบ
ปัญหาความยากจน รวมทั้งฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศโดยรวม

วัตถุประสงค์ โดยปกติเกษตรกรรายย่อยที่กู้เงินจาก ธกส
จะไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกันเงินกู้ ดังนั้น จึงกำหนดเป็นหลักการในการดำเนินการให้ความช่วยเหลือ
แก่เกษตรกรรายย่อยที่ประสบปัญหาหนี้สิน อันเนื่องมาจากเหตุสุดวิสัยและจำเป็นให้ได้รับการลดภาระ
หนี้สินเป็นเวลา 3 ปี เพื่อให้เกษตรกรรายย่อยได้มีโอกาสพักฟื้นและฟื้นฟูตนเองในการประกอบอาชีพ
เพื่อสร้างรายได้ และเกษตรกรดังกล่าวจะต้องใช้โอการที่ได้รับการลดภาระหนี้สินในครั้งนี้ปรับปรุง
ประสิทธิภาพการผลิตเพื่อให้มีรายได้เพิ่มขึ้น และสามารถจ่ายชำระหนี้ได้หลังจากสิ้นสุดโครงการ
ซึ่งจะช่วยให้เศรษฐกิจของประเทศมีการฟื้นตัวอย่างแท้จริงและยั่งยืน

เป้าหมาย และ ระยะเวลาพักชำระหนี้ ให้โอกาสแก่เกษตรกร
รายย่อย (วงเงินกู้ไม่เกิน 100,000 บาท) ทั้งหมดที่เป็นลูกค้า ธกส ซึ่งมีจำนวน 2,112,132 ราย
ได้ขอรับความช่วยเหลือโดยการพักชำระหนี้ (พักชำระหนี้เงินต้น และไม่ต้องเสียดอกเบี้ย) รวมมูลค่า
หนี้สินทั้งสิ้น 75,031 ล้านบาท ให้พักชำระหนี้ตั้งแต่ 1 เมษายน 2544 ถึง 31 มีนาคม 2547 รวม 3 ปี

เมื่อสิ้นสุดโครงการ การติดตามประเมินผลกลับระบุว่า โครงการพักหนี้ไม่ได้ช่วยให้ยอดภาระหนี้ของ
เกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการลดลงแต่อย่างใด และยอดเงินกู้คงเหลือเมื่อสิ้นสุดโครงการเพิ่มขึ้นเป็น
ร้อยละ 129.90 เมื่อเทียบจากมูลค่าหนี้ในปี 2544

หากจะเปรียบเทียบมูลหนี้ครัวเรือนในปี 2543 มีหนี้เฉลี่ย 70,586 บาท โดยครัวเรือนที่ยากจนมีหนี้
เฉลี่ย 21,818 บาท แต่ในปี 2545 มีหนี้เฉลี่ย 84,603 บาท ในขณะที่ครัวเรือนที่ยากจนมีหนี้เฉลี่ย
เพิ่มเป็น 24,876 บาท

โครงการนี้ไม่สามารถช่วยเหลือเกษตรกรได้อย่างทั่วถึง การนำเงินภาระที่ต้องจ่ายในอนาคต (เงินที่
ได้จากการพักชำระหนี้) มาใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน ในครัวเรื่อนมากขึ้น ทำให้การใช้จ่ายเกินภาวะปกติ
เกินความจำเป็นในการดำเนินชิวิต ทำให้โอกาสการออกเงินเพื่อชำระหนี้ในอนาคตลดลง ภาระหนี้ที่
ต้องชำระในอนาคตไม่สามารถแก้ไขได้ ในทางตรงข้าม หนี้สินกลับเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งเป็นผลมาจากการ
ก่อหนี้ในปัจจุบัน และส่งผลต่อไปเมื่อถึงกำหนดต้องชำระหนี้ เกษตรกรต้องหากู้เงินนอกระบบเพื่อ
มาชำระหนี้ที่ได้รับการพักชำระหนี้

โครงการพักชำระหนี้และลดภาระหนี้ นอกจากจะไม่สามารถช่วยเหลือเกษตรกรได้แล้ว ยังอาจจะ
เป็นการซ้ำเติมปัญหาหนี้สินให้กับเกษตรกรมากยิ่งขึ้น...
Last edited by bird on Thu Oct 08, 2009 12:13 pm, edited 1 time in total.
User avatar
bird
 
Posts: 1426
Joined: Wed Apr 01, 2009 1:25 pm


Re: เค้าลางแห่งความเลวร้าย...แม้ว

Postby bird » Thu Oct 08, 2009 1:06 pm

overtherainbow wrote:ตอกบัตรก่อนเที่ยง เจ้าาาาา


ทักทาย หลังเที่ยงคร้าบผ้ม :lol: :lol: :lol:
User avatar
bird
 
Posts: 1426
Joined: Wed Apr 01, 2009 1:25 pm

Re: เค้าลางแห่งความเลวร้าย...แม้ว

Postby bird » Thu Oct 08, 2009 2:13 pm

ขายฝัน โครงการเอื้ออาทร

นโยบายเพื่อผู้มีรายได้น้อย คนยากจน หรือ ชาวรากหญ้าในสายตาของแม้ว ได้เปิดตัว
ออกมาเป็นระยะ ในลักษณะแบบลดแลกแจกแถม ไม่ว่าจะเป็น กองทุนหมู่บ้าน ธนาคาร
ประชาชนที่รัฐชี้แจงว่าเป็นแหล่งเงินทุนหมุนเวียนสำหรับชาวบ้านระดับรากหญ้าในชนบท
แต่ผลที่ได้ไม่ต่างอะไรกับเงินให้เปล่าตามสัญญา รัฐบาลแม้วยังได้ดำเนินนโยบายในรูป
แบบเอื้ออาทร ไม่ว่าจะเป็น ทุนการศึกษาเอื้ออาทร แท็กซี่เอื้ออาทร คอมพิวเตอร์เอื้ออาทร
จักรยานเอื้ออาทร โครงการไฟฟ้าเอื่ออาทรที่ยังไม่ประสมความสำเร็จ แต่มีโครงการหนึ่ง
ที่ถือเป็นหัวใจหลักของนโยบายเอื้ออาทร....

บ้านเอื้ออาทร เป็นหนึ่งในนโยบายแก้ปัญหาด้านที่อยู่อาศัย โดยรัฐบาล
มีเป้าหมายในการจัดหาที่อยู่อาศัยให้ผู้มีรายได้น้อย หรือ คนยากจน จำนวน 1 ล้านยูนิต
ภายในระยะเวลา 5 ปี (เริ่มปี 2546 สิ้นสุด ปี 2550) ภายใต้งบประมาณสนับสนุนจากรัฐบาล
80,000 ล้านบาท (แปดหมื่นล้านบาท) ซึ่งงบประมาณดังกล่าวจัดสรรมาจาก 2 ส่วน คือ
จากงบประมาณประจำ และ การให้กู้ยืมดอกเบี้ยตำ โดยคาดว่าจะสร้างได้ปีละ 1 แสนยูนิต

วัตถุประสงค์ ของโครงการที่รัฐตั้งเป้าไว้ พอจะสรุปได้
- เพื่อเสริมสร้างความมั่นคงในการอยู่อาศัยให้แก่กลุ่มเป้าหมาย
- เพื่อเสริมสร้างสายสัมพันธ์อันดีระหว่างภายในครอบครัว ชุมชน และสังคมจากลักษณะ
การออกแบบทางกายภาพที่ก่อให้เกิดความเข้มแข็งและมีดุลยภาพ
- เพื่อส่งเสริมให้เกิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจ
- เพื่อสร้างกลไกการประสานความร่วมมือของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

จากผลการดำเนินที่ผ่านปรากฎว่า สามารถจัดสร้างได้เพี่ยง 53,030 ยูนิตต่อปี (ตั้งไว้
1 แสนยูนิตต่อปี) วัสดุที่ใช้รวมทั้งคุณภาพในการก่อสร้างบ้านไม่ได้มาตรฐานตามที่ได้
ประชาสัมพันธ์ไว้ แบบบ้านไม่สมบูรณ์ ผู้อาศัยต้องทำการปรับปรุงต่อเติมจึงจะสามารถ
เข้าอยู่ได้

คนซื้อบางคนซื้อไว้เพื่อเก็งกำไร ไม่ใช่คนยากจนที่ต้องการซื้อจริง ๆ เพราะ
ไม่ผ่านการพิจารณาอนุมัติสินเชื่อ เนื่องมาจากการปรับระดับรายได้ผุ้กู้จากเดิมตั้งไว้ที่
เดือนละ 15,000 บาท เป็น 22,000 บาท โดยหวังว่าจะเพิ่มกลุ่มผู้ซื้อ แต่กลับเป็นการ
ลดโอกาสของผู้มีรายได้น้อยที่อยากจะมีบ้านเป็นของตัวเอง

ความไม่ชอบมาพากลหลังการอนุมัติสินเชื่อให้ผู้กู้ของ ธอส ในทำนองที่ว่าเกิดความ
ไม่ชัดเจน ส่อเค้าเอาเปรียบผู้เช่าซื้อ ในกรณีที่ผู้เช่าซื้อค้างค่างวดที่ต้องผ่อนชำระ
และได้ทำการจ่ายค่างวดกับ ธอส แล้ว แต่ ธอส กลับโบ้ยให้ไปติดต่อกับการเคหะ
โดยอ้างว่าบ้านถูกยึดแล้ว หรือในกรณี ผู้รับเหมาทิ้งงาน เพราะแบกรับภาวะต้นทุนได้
บ้านเอื้ออาทร บ้านในฝันของผู้มีรายได้น้อย กำลังกลายเป็นฝันร้ายของผู้เป็นเจ้าของ

ปัญหาใหญ่ที่กำลังเกิดขึ้นในกรณีบ้านเอื้ออาทร หนึ่งในโครงการประชานิยมของแม้ว
คือ สร้างภาระหนี้สินจำนวนมหาศาลให้แก่รัฐวิสาหกิจหลายหมื่นล้านบาท เนื่องมาจาก
โครงการบ้านเอื้ออาทร ไม่ได้ตอบสนองความต้องการของประชาชนอย่างแท้จริง แต่
เป็นการเอื้อประโยชน์ให้กลุ่มผุ้รับเหมามากกว่า โครงการที่สร้างแล้วมีผุ้ซื้อจำนวนน้อย
การเคหะต้องแบกรับภาระหนี้สินจากโครงการบ้านเอื้ออาทรเป็นมูลค่า 80,000 ล้านบาท

สรุปผลการดำเนินงาน (หยิบมาแปะ)

ปีงบประมาณ 2546 คณะรัฐมนตรีได้พิจารณาอนุมัติให้การเคหะจัดทำโครงการบ้านเอื้ออาทร
ทั้งสิ้น 5 ระยะ จำนวนรวม 601,727 หน่วย กรอบวงเงินลงทุนจำนวน 273,209.125 ล้านบาท
เป็นเงินอุดหนุนจำนวน 50,715.926 ล้านบาท และเงินกู้จำนวน 222,493.199ล้านบาท

ณ เดือนเมษายน 2550 โครงการมีสัญญาจ้างแล้วรวม 342 โครงการ จำนวน397,152 หน่วย
โดยมีสถานภาพของโครงการ ดังนี้
- รอการส่งมอบสถานที่เพื่อก่อสร้าง 1 โครงการ จำนวน 499 หน่วย
- ก่อสร้างแล้วเสร็จ 65 โครงการ จำนวน 64,737 หน่วย
- อยู่ระหว่างก่อสร้าง 276 โครงการ จำนวน 331,916 หน่วย

ได้เบิกจ่ายงบลงทุนไปแล้ว 82,984.682 ล้านบาท ประกอบด้วยเงินอุดหนุน 20,722.596ล้านบาท
คิดเป็นร้อยละ 93.32 ของเงินอุดหนุนที่ได้รับจัดสรร 22,204.950 ล้านบาท และเงินกู้ภายใน
ประเทศ/เงินรายได้ 62,262.086 ล้านบาท

ผลการดำเนินงานโครงการบ้านเอื้ออาทรไม่บรรลุเป้าหมายและแผนงานส่งผลกระทบต่อฐานะ
การเงินของการเคหะ ทำให้ขาดเงินรายได้ที่จะนำมาลงทุนอย่างต่อเนื่อง การเคหะเสียโอกาส
ในรายได้ที่พึงได้รับจากการขายอาคารที่อยู่อาศัยที่ยังก่อสร้างไม่แล้วเสร็จตามกรอบเวลาที่
กำหนดจำนวน 113,406 หน่วย และอาคารที่อยู่อาศัยที่ก่อสร้างแล้วเสร็จคงเหลือไม่สามารถ
ส่งมอบให้ผู้ได้สิทธิ์ จำนวน 30,787 หน่วย มูลค่ารวม 56,235.270 ล้านบาท

การเคหะต้องแบกรับภาระดอกเบี้ยจ่ายสำหรับอาคารที่อยู่อาศัยที่ก่อสร้างแล้วเสร็จคงเหลือ
ไม่สามารถส่งมอบให้ผู้ได้สิทธิ์ จำนวน30,787 หน่วยๆ ละ 1,500 บาท มูลค่าประมาณ
387.702 ล้านบาท รวมทั้งประชาชนกลุ่มเป้าหมายยังไม่ได้รับการแก้ไขปัญหาเรื่องที่อยู่อาศัย
ในเวลาที่กำหนดอีก 144,193 ครัวเรือน

ขณะเดียวกันรัฐต้องรับภาระจ่ายค่าดอกเบี้ยจากการรับซื้ออาคารคืนและนำกลับมาขายใหม่
เป็นมูลค่าประมาณ 4.237 ล้านบาท

ข้างต้นเป็นความล้มเหลวในโครงการเพื่อแก้ไขปัญหาด้านที่อยู่อาศัยตามสไตล์แม้วอย่างไร้
ซึ่งข้อแก้ตัวใด ๆ
User avatar
bird
 
Posts: 1426
Joined: Wed Apr 01, 2009 1:25 pm

Re: เค้าลางแห่งความเลวร้าย...แม้ว

Postby someone » Thu Oct 08, 2009 6:35 pm

แว๊บบ แว๊บบบ มาอ่าน
User avatar
someone
 
Posts: 752
Joined: Thu Feb 19, 2009 6:27 pm


Re: เค้าลางแห่งความเลวร้าย...แม้ว

Postby bird » Thu Oct 08, 2009 7:57 pm

overtherainbow wrote:ดันกันไป


ขุดคุ้ยกันต่อไป :lol: :lol: :lol:

someone wrote:แว๊บบ แว๊บบบ มาอ่าน


ขอบคุณคร้าบ หากมีข้อมูลเพิ่มเติม เชิญได้คร้าบ :oops: :oops: :oops:
User avatar
bird
 
Posts: 1426
Joined: Wed Apr 01, 2009 1:25 pm


Re: เค้าลางแห่งความเลวร้าย...แม้ว

Postby bird » Fri Oct 09, 2009 1:46 pm

แปลงสินทรัพย์เป็นทุน แน่หรือ

คณะรัฐมนตรีแม้ว มีมติเห็นชอบแนวทางการแปลงสินทรัพย์เป็นทุน วันที่ ๔ มีนาคม ๒๕๔๖
มีผลบังคับใช้เต็มระบบ วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๔๗ พระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสำนักงานบริหาร
การแปลงสินทรัพย์เป็นทุน (องค์การมหาชน) พ.ศ. ๒๕๔๖ เพื่อทำหน้าที่ประสานงาน สั่งการ
ติดตาม และ กำกับการทำงานของหน่วยงานที่รับผิดชอบแต่ละสินทรัพย์

นโยบายแปลงสินทรัพย์เป็น หนึ่งในนโยบายประชานิยมขายฝันของนายกแม้ว ดำเนินงานโดย
มีเป้าหมายหลัก เพื่อเสริมสร้างความมั่งคั่งทางเศรษฐกิจ ด้วยการนำทรัพย์สินของภาครัฐและ
ภาคเอกชนมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดหรือเกิดมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจ เพื่อสร้างโอกาสให้
ประชาชน โดยเฉพาะผู้มีรายได้น้อย หรือคนยากจนในระดับรากหญ้าตามสายตาของนายกแม้ว
ให้เข้าถึงแหล่งเงินทุนในระบบสามารถแปลงสินทรัพย์ของตนเองให้เป็นทุน เพื่อให้เกิดกระบวน
การสร้างงาน สร้างรายได้ กระตุ้นให้มีผู้ประกอบการรายใหม่ ส่งผลให้มีการพัฒนาทางเศรษฐกิจ
ของประเทศอย่างยั่งยืน ( อืม...สวยหรู ดูดี น่าเลื่อมใส )

การแปลงสินทรัพย์เป็นทุนมีหลักการพื้นฐาน คือ เอกสารสิทธิแบบมีเงื่อนไขและสามารถกำกับ
ดูแลการโอนสิทธิได้ สินทรัพย์ภายใต้นโยบายแบ่งเป็น 5 ประเภท ดังนี้

1. ที่ดินและทรัพย์สินติดกับที่ดิน โดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ
และสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดังนี้ สปก. กรมที่ดิน กรมส่งเสริมสหกรณ์ และกรมพัฒนาสังคม
และสวัสดิการ
2. ทรัพย์สินทางปัญญา โดยกรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์
3. เครื่องจักร โดยกรมโรงงานอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม
4. หนังสืออนุญาตให้ใช้ที่ดินสาธารณะ โดยกรุงเทพมหานคร และกรมส่งเสริมการปกครอง
และหนังสือรับรองอื่นๆ ท้องถิ่น กระทรวงมหาดไทย ทั้งนี้ต้องมีอายุคราวละ 3 ปีขึ้นไป
5. สัญญาเช่า เช่าซื้อ โดยกรมธนารักษ์ กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช การเคหะ

นโยบายแปลงสินทรัพย์เป็นทุน มีต้นกำเนิดจากระบบเศรษฐกิจเสรีนิยมในประเทศเปรู ถูกนำเข้ามา
เพื่อต้องการบรรลุเป้าหมายการสร้างความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจผ่านการเร่งเร้าให้ประชาชนเปลี่ยน
ทรัพยากรสาธารณะให้เป็นสินทรัพย์ เพื่อแปลงเป็นทุนในรูปของเม็ดเงิน มิได้เป็นแนวคิดใหม่ เพียงแต่
ทำให้ระบบทุนนิยมกลไกตลาดภายใต้การกำกับของรัฐทำงานมากขึ้น และทรัพยากรทั้งหมดก็จะไหล
กลับสู่มือกลุ่มทุน การจัดการทรัพยากร ก็เพื่อประสิทธิภาพทางเศรษฐกิจเท่านั้น

รัฐบาลแม้วตั้งเป้าความสำเร็จไว้แค่ 10% หมายความว่า มีผู้ร่วมโครงการ 100 คน ถ้ามี 10 คนที่สามารถ
บรรลุเป้าหมายเป็นผู้ประกอบการได้ถือว่าประสบความสำเร็จหรือคุ้มค่าการลงทุน ตามแนวคิดของอดีด
ที่ปรึกษานายก (นายณรงค์) หากเป็นเช่นก็หมายความว่า อีก 90 คนที่เหลือ ที่ไม่ฉลาดพอ ไม่เก่งและ
ไม่เฮง พอจะแปลงเป็น "เถ้าแก่" ชะตากรรมของพวกเขาตามนโยบายนี้ก็จะถูกแปลงเป็น " คนงาน "
ข้อสรุปของโครงการนี้อาจจะจบลงที่ ชุมชนชาวบ้านชนบท แบ่งแยกออกเป็นชนชั้น นายทุนผู้ประกอบ
การ และ ชนชั้นไร้สมบัติผู้ขายแรงงาน....

ฉากสุดท้าย
คณะรัฐมนตรี (ขิงแก่) มีมติให้ยกเลิกนโยบายแปลงสินทรัพย์เป็นทุน และสำนักงานการแปลงสินทรัพย์
เป็นทุน (สปท) โดยให้ดำเนินการทุกอย่างให้แล้วเสร็จภายในวันที่ ๑ มิถุนายน ๒๕๕๐ และระหว่างนี้ห้าม
สปท ไม่ให้ทำสัญญาใหม่เพิ่มเติม... เป็นอันปิดฉากนโยบายขายฝัน หลังดำเนินได้ ๒ ปี แต่มุลค่าความ
เสียหายที่เกิดขึ้น ไม่มีหน่วยงานใดกล้าประเมิน..

ตัวอย่าง นโยบายการแปลงสินทรัพย์เป็นทุนของ สหกรณ์

วัตถุประสงค์
1. เพื่อสร้างโอกาสแก่สมาชิกนิคมสหกรณ์ที่ได้รับหนังสืออนุญาต (กสน.3) และหนังสืออนุญาตให้เข้าทำ
ประโยชน์หรืออยู่อาศัยในเขตป่าสงวนแห่งชาติ (ป.ส.23)
2. เพื่อสร้างผู้ประกอบการรายย่อยรายใหม่ ให้เพิ่มขึ้นในระบบเศรษฐกิจของประเทศ ตลอดจนพัฒนา
ศักยภาพในการลงทุนของสมาชิกฯ
3. เพื่อจัดระบบฐานข้อมูลการจัดที่ดินของกรมส่งเสริมสหกรณ์ให้เป็น Electronic System
เป้าหมาย
1. สมาชิกนิคมสหกรณ์เข้าร่วมโครงการฯ จำนวน 64,320 ราย
2. พื้นที่ประมาณ 700,000 ไร่ ในเขตนิคมสหกรณ์ 49 แห่ง 29 จังหวัด
3. ความต้องการวงเงินสินเชื่อเบื้องต้นประมาณ 6,750,000,000 ล้านบาท
งบประมาณ
Attachments
1 [640x480].png
(38.28 KiB) Downloaded 275 times
User avatar
bird
 
Posts: 1426
Joined: Wed Apr 01, 2009 1:25 pm

Re: เค้าลางแห่งความเลวร้าย...แม้ว

Postby Snowwolf » Fri Oct 09, 2009 1:52 pm

ระวังนะครับ หากทำให้ ATOM ไม่พอใจ จะเอารถเมล์ ปล่อยแก๊ส กะระเบิดขวดมาหน้าหมู่บ้านนะครับ :lol:
ความดังที่ใครก็ฉุดไม่อยู๋ ใครอยากดังแบบ ไม่มียั้งโปรดเข้าลิ้งค์นี้
http://teenoireturns.freeforums.org/canthai-t76.html
User avatar
Snowwolf
 
Posts: 875
Joined: Wed Jul 29, 2009 6:20 am

Re: เค้าลางแห่งความเลวร้าย...แม้ว

Postby bird » Fri Oct 09, 2009 1:56 pm

Snowwolf wrote:ระวังนะครับ หากทำให้ ATOM ไม่พอใจ จะเอารถเมล์ ปล่อยแก๊ส กะระเบิดขวดมาหน้าหมู่บ้านนะครับ :lol:


โบราณท่านว่า สุนัขเห่านะ มันไม่กัดคร้าบ :mrgreen:

แต่ยังไงก็ ขอบคุณที่เป็นห่วงคร้าบผ้ม จะระวังเต็มที่คร้าบ
( มีไว้พอโต้ตอบเหมือนกัน รับรองไม่เกินกว่าเหตุ :mrgreen: )
User avatar
bird
 
Posts: 1426
Joined: Wed Apr 01, 2009 1:25 pm

PreviousNext

Return to ห้องสมุด