mukdaharn wrote:แปลกดี การเมืองก่อนหน้านี้ไม่ค่อยมีคนอยากพูดถึง ตั้งแต่เกิดมาจนโตผมเองก็รับรู้ว่านักการเมืองโกงกินทั้งนั้น มีจับได้บ้างไม่ได้บ้างที่คุณ bird ว่ามามันก็จริงทั้งนั้น ธุกิจกับการเมืองแยกกันไม่ออกฝังรากลึกเกินกว่าที่จะขุดได้ คนบางคนกินนิดเดียวก็อิ่ม บางคนได้กินแล้วก็อยากกินอีก คนที่เป็นนักการเมืองไม่ว่าระดับไหน ไม่ค่อยจนหรอก มีแต่รวยขึ้นแล้วก็ส่งลูกไปเรียนสูงๆ เพื่อฟอกตัวเองให้ดูดีขาวสะอาดจากนั้นก็ส่งมาสืบทอดกิจการการเป็นนักการเมืองต่อไป การเป็นนักการเมืองมันต้องลงทุนมหาศาล คนธรรมดาที่มีความสามารถมีความรู้ก็ไม่ปัญญาที่จะสู้ได้ ไม่ต้องมากเอาแค่เงินค่าสมัครกับงบหาเสียงก็ตายแล้ว มันเลยต้องมีพรรคการเมืองมาสนับสนุน พรรคการเมืองก็ต้องหาเงินทุนจากสปอนเซอร์ซึ่งพอหากได้เป็นรัฐบาลก็ต้องหาทางตอบแทนสปอนเซอร์อีก เป็นงูกินหางอย่างนี้ ใครมาเป็นนายกก็เปลี่ยนอะไรไม่ได้ สิ่งที่ตัวผมเองทำได้คือ ทำงานหาเลี้ยงครอบครัวตัวเองโดยไม่หวังกับสิ่งที่นักการเมืองจะหยิบยื่นให้ และไม่หวังว่าจะมีฮีโร่ที่ไหนมาเปลี่ยนแปลงสิ่งที่พวกคุณเรียกว่าความชั่วร้ายนั้นให้หมดไปจากประเทศนี้ได้ เพราะสิ่งที่ว่ามันเกิดขึ้นมานานมากแล้ว และคนเหล่านั้นก็ยังอยู่ การเมืองในอุดมคติมันก็เป็นเพียงคำที่ดูดีสวยหรูที่ปรากฏอยู่เฉพาะในหนังสือเท่านั้นแหละ.......
bird เองก็ไม่ได้หวังว่าทุจริต คอร์รับชั่น จะหมดไปจากคำว่าการเมือง การเมืองกับธุรกิจเป็นเหมือน
เส้นขนานที่ต้องเดินควบคู่กันไป แต่ทั้งนี้และทั้งนั้น มันขึ้นอยู่กับจริยธรรมและคุณธรรมของบุคคล
ที่ผันตัวเองเข้าสู่วงการการเมือง
หากคุณเป็นคนที่มีจริยธรรม คุณธรรมมากพอ การทุจริตคอร์รับชั่นมันก็ต้องลดน้อยลง คุณต้อง
ยอมรับการตรวจสอบการบริหารได้อย่างไม่ต้องปกปิดหรือ ควรรับฟังเสียงคนรอบข้างบ้าง
ไม่ใช่ดันทุรังไปข้างๆ คูๆ หรือ ไอ้ประเภทกูเก่งอยู่คนเดียว กูถูกคนเดียว คนอื่นผิดหมด
หากเป็นเช่นนั้น มันก็ไม่ใช่ระบอบประชาธิปไตยหรอกนะ
การเมืองหากคุณเล่นกันอย่างมีระบบ ภายใต้กรอบของกฏหมาย ประเทศชาติก็จะสงบลงได้
แต่ในปัจจุบัน นักการเมืองบ้างกลุ่ม บ้างพวก ชอบปั้นน้ำเป็นตัว ชอบสร้างสถานการณ์
ทั้ง ๆ ที่รู้ว่ามันไม่ใช่ มันไม่จริง ก็ยังหน้าด้านพูดอยู่ได้ ไม่ละอายใจ ไม่สนใจว่าประเทศชาติ
จะตกอยู่ในสถานการณ์เช่นใด
การกล่าวร้ายผู้หลักผู้ใหญ่ของบ้านเมือง ด้วยถ้อยคำที่หยาบคาย ไร้สติ ซึ่งบุคคลที่มีการ
ศึกษา สวมสูท ผูกไท ได้รับเกียรติให้เข้ามาบริหารบ้านเมือง ไม่ควรกระทำอข่างยิ่ง
ก็ยังกระทำกันอย่างไร้สามัญสำนึก พยายามพูดยั่วยุให้เกิดอารรมณ์ร่วมของผู้ที่มาร่วม
ชุมนุม ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าผู้พูด ผู้กระทำต้องการให้เกิดอะไรขึ้นในบ้านเมือง
คำก็รักชาติ สองคำก็รักชาติ แต่การกระทำมันบ่งบอกพฤติกรรมที่ตรงกันข้ามอย่างไม่
ต้องปฏิเสธ พูดออกมาแต่ละคำ แต่ละประโยค บอกตรง ๆ ว่ามันส่อให้เห็นถึงจิตใจ
ส่วนลึก ๆ ว่าจริง ๆ แล้ว คน ๆนั้นเป็นอย่างไร มีพื้นฐานทางด้านจิตใจต่ำมากแค่ไหน
เอาเถอะ ยังไง bird ก็ยังเชื่อว่า สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่คุ้มครองประเทศชาติบ้านเมืองมานับร้อยปี
จะยังคงปกปักรักษาบ้านเมืองนี้ให้อยู่รอด ผู้ที่คิดคดทรยศย่อมต้องพบกับความวิบัติใน
เร็ววันนี้