เค้าลางแห่งความเลวร้าย...แม้ว

คลังปัญญา กระทู้ปักหมุดเดิม เรื่องสำคัญจัดเก็บที่นี่

Re: เค้าลางแห่งความเลวร้าย...แม้ว

Postby bird » Wed Oct 14, 2009 3:49 pm

ตัวตนที่แท้จริง

คำพิพากษาของศาลฎีกา พิพากษายกฟ้องสุเทพ ในคดีหมิ่นประมาท เมื่อวันที่ ๒๒ มิถุนายน ๒๕๕๒
ที่ผ่านมา หากอ่านอย่างวิเคราะห์และพิจารณาให้ลึกซึ้งในทุกประโยค จะสามารถมองเห็นถึงจิตใจ
และตัวตนที่แท้จริงได้อย่างไม่ต้องอธิบายใด ๆ เพิ่มเติม

สำเนา คำพิพากษา โดยย่อ

... คดีนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นโจทก์ฟ้อง นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ข้อหาหมิ่นประมาทที่ศาล
อาญา สืบเนื่องจากนายสุเทพได้ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนเมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2552 ว่า พ.ต.ท.
ทักษิณ ชินวัตร คิดจะกลับมาเป็นประธานาธิบดีและยังได้กล่าวอภิปรายในสภาเมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์
2552 ว่า “ผมเชื่อโดยบริสุทธิ์ใจว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชอบระบอบประธานาธิบดีในจิตใจส่วนลึกของ
พ.ต.ท.ทักษิณ อยากเป็นประธานาธิบดี” จึงขอให้ศาลลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา 328

ศาลได้ไต่สวนมูลฟ้องและได้นัดฟังคำพิพากษาในวันนี้ (22 มิ.ย.2552) เวลา 09.00 น.ศาลได้มี
คำพิพากษายกฟ้องโจทก์ โดยวินิจฉัยว่า การกระทำของจำเลยเป็นการแสดงความคิดเห็นหรือข้อความ
ใดโดยสุจริตเพื่อความชอบธรรม ป้องกันตนหรือป้องกันส่วนได้เสียเกี่ยวกับตนตามคลองธรรม ตามประ
มวลกฎหมายอาญา มาตรา 329 (1) ทั้งนี้ ศาลได้พิเคราะห์จากพยานหลักฐานในชั้นไต่สวนมูลฟ้องสรุป
ได้ว่า

โจทก์เคยดำรงตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรี ระหว่างปี 2544 - 2549 ระหว่างดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
พระธรรมวิสุทธิมงคล (หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน) เห็นว่าโจทก์มีพฤติการณ์เหยียบย่ำ ชาติ ศาสนา
และพระมหากษัตริย์ จึงได้เทศนาสั่งสอนโจทก์เมื่อวันที่ 22 กันยายน 2548 ว่า อย่าคิดอาจเอื้อมเป็น
ประธานาธิบดี รายละเอียดปรากฏตามหนังสือฯ เอกสารหมาย ล.4 และในส่วนตัวโจทก์เองก็ได้แสดง
พฤติกรรมอันไม่เหมาะสมต่อองค์พระมหากษัตริย์ คือเมื่อวันที่ 25 ธันวาคม 2548 โจทก์ได้พูดกลับ
กลุ่มบุคคลที่หอประชุมอินดอร์สเตดียมหัวหมาก ด้วยข้อความไม่เหมาะสมต่อองค์พระมหากษัตริย์

ต่อมาเมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2549 โจทก์ได้พูดในรายการนายกทักษิณ คุยกับประชาชน ทางสถานี
วิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย เรื่องการลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของโจทก์ โดยใช้
ถ้อยคำไม่เหมาะสมต่อองค์พระมหากษัตริย์ และเมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2549 โจทก์ได้พูดต่อข้า
ราชการชั้นผู้ใหญ่ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล ว่ามีผู้บารมีเหนือรัฐธรรมนูญมาก่อความวุ่นวายต่อ
ระบอบประชาธิปไตยมากเกินไป จนทำให้นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนว่า การกระทำ
ของโจทก์ทำให้ประชาชนเคลือบแคลงสงสัยว่าโจทก์ไม่ปกป้องต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ดังปรากฏ
ตามหนังสือพิมพ์เอกสารหมาย ล.26 และ ล.27

เมื่อโจทก์พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแล้วได้มีการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง โจทก์ได้โทรศัพท์
พูดคุยกับ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคพลังประชาชน ระหว่างสัมมนาที่โรงแรมที่อำเภอเขาใหญ่
จังหวัดนครราชสีมา โดยโจทก์ยอมรับว่าคนเสื้อแดงเป็นพลังสนับสนุนที่สำคัญของโจทก์ ตามเอกสาร
หมาย ล.1 การชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงทุกครั้งได้นำรูปของโจทก์ขึ้นนำขบวน ปรากฏตามเอกสาร
หมาย ล.12, ล.15 โจทก์ยังได้พูดคุยกับกลุ่มคนเสื้อแดงเรียกร้องให้บรรดาสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
พรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน และ พรรคเพื่อไทย ขึ้นกล่าวปราศัยบนเวทีของคนเสื้อแดง

นอกจากนี้ ร้อยตำรวจโท เชาวริน ลัทธศักดิ์ศิริ ก็ได้อภิปรายยอมรับต่อที่ประชุมสภา เมื่อวันที่ 5
กุมภาพันธ์ 2552 ว่า “พรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน และพรรคเพื่อไทย มีความเชื่อมโยงกัน
เป็นเนื้อเดียวกัน และพรรคเพื่อไทยก็ได้จัดทำเสื้อแดงเตรียมไว้ให้บรรดาสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
พรรคเพื่อไทยเพื่อนำไปแจกจ่ายให้กับกลุ่มคนเสื้อแดงที่มาชุมนุมเมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 2551” ตาม
เอกสารหมาย ล.10, ล.11 และการชุมนุมของคนเสื้อแดงทุกครั้งมักจะพูดพาดพิงถึงสถาบัน
พระมหากษัตริย์ เช่น การชุมนุมเมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2550, วันที่ 10 มิถุนายน 2551, วันที่ 15
สิงหาคม 2251

โดยเฉพาะการชุมนุมที่หน้ารัฐสภาเมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 2551 กลุ่มคนเสื้อแดงได้นำพระบรมฉายา
ลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ ติดไว้ที่ฉากหลัง
เวที โดยมีข้อความที่ไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง ปรากฏตามเอกสารหมาย ล.18 ต่อมาเมื่อวันที่ 31
มกราคม 2552 มีการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงหลายครั้งและมีการตั้งโต๊ะเสนอให้ยกเลิกประมวล
กฎหมายอาญาข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ปรากฎตามเอกสารหมาย ล.16 ล.20

จากพฤติกรรมของโจทก์เป็นผลให้ พล.ต.อ.วิสิษฐ เดชกุญชร เขียนบทความลงในหนังสือพิมพ์ว่า
โจทก์หลบหลู่ดูหมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์ ปรากฏตามเอกสารหมาย ล.30 นอกจากนี้ พล.อ.
พิจิตร กุลละวณิชย์ ก็ยังได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนว่า โจทก์จ้องล้มสถาบันพระมหากษัตริย์ตาม
หนังสือพิมพ์มติชน ฉบับวันที่ 4 เม.ย. 2552 ซึ่งโจทก็น่าจะหยุดการกระทำอันไม่บังควรดังกล่าว
แต่โจทก์กลับไม่หยุด และในทางกลับกันโจทก็กลับให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์ไฟแนนเซี่ยลไทม์ว่า
“พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงทราบเรื่องแผนการรัฐประหารมาล่วงหน้า” ตามหนังสือพิมพ์
แนวหน้า ฉบับวันที่ 15 พ.ค.2552

โจทก์ยังได้ให้การสนับสนุนกลุ่มคนเสื้อแดงให้มาชุมนุมกันที่ถนนราชดำเนิน ลานพระบรมรูปทรงม้า
จนนำไปสู่การจลาจล ซึ่งชวนให้เห็นว่า เป็นส่วนหนึ่งของการปฏิวัติโดยประชาชนตามคำชักชวนของ
โจทก์ ทั้งนี้ เพราะโจทก์กับกลุ่มคนเสื้อแดงย่อมรู้อยู่แล้วว่า การเปลี่ยนแปลงการปกครองระบอบ
ประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ไปสู่การปกครองระบอบประชาธิปไตยรูปแบบอื่น
ตามที่โจทก์ต้องการไม่อาจทำได้โดยการแก้ไขรัฐธรรมนูญ พุทธศักราช 2550 ม.291 วรรค 2 จาก
พฤติการณ์ของโจทก์และกลุ่มคนเสื้อแดงย่อมบ่งชี้ให้เห็นว่ามีเจตนาที่ส่อไปในทางที่สอดคล้องกับ
คำเทศนาของหลวงตามหาบัว ญาณสัมปัณโน

จำเลยอยู่ในฐานะอันชอบธรรมที่จะแสดงความคิดเห็นได้ ทั้งนี้ เพราะจำเลยดำรงตำแหน่งสมาชิก
สภาผู้แทนราษฎร และรองนายกรัฐมนตรี ซึ่งตามรัฐธรรมนูญ พุทธศักราช 2550 มาตรา 123
บัญญัติว่าก่อนเข้ารับหน้าที่ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จะต้องกล่าวปฏิญาณตนในที่ประชุมสภาว่า
จะปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต เพื่อประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน ทั้งจะรักษาไว้
และปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยทุกประการ และตามรัฐธรรมนูญ พุทธศักราช
2550 มาตรา 175 บัญญัติว่า ก่อนเข้ารับหน้าที่รัฐมนตรีต้องถวายสัตย์ปฏิญาณต่อพระมหากษัตริย์ว่า
จะจงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์ และรัฐธรรมนูญ มาตรา 8 บัญญัติว่า พระมหากษัตริย์ทรงดำรงอยู่
ในฐานะอันเป็นที่เครารพสักการะ ผู้ใดจะละเมิดมิได้ ซึ่งจำเลยและประชาชนผู้จงรักภักดีต่อ
พระมหากษัตริย์มีสิทธิโดยชอบธรรมที่จะปกป้องพระมหากษัตริย์ให้ผู้ใดล่วงละเมิด

นอกจากนี้ การที่จำเลยพูดให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 3 ก.พ.2552 ว่า โจทก์คิดจะกลับมาเป็นประธานา
ธิบดี นั้นสืบเนื่องจากกรณีที่ โจทก์ได้พูดคุยกับผู้ร่วมสัมมนาว่า รัฐบาลประชาธิปัตย์เป็นเสือหิวเสือ
โหย ดังนั้น ตามที่จำเลยวิเคราะห์ถึงพฤติกรรมของโจทก์ แล้วสรุปว่าวันหนึ่งโจทก์จะกลับมาเป็น
ประธานาธิบดี จึงน่าเชื่อว่าจำเลยกล่าวไปโดยมีเจตนาว่ากล่าวตักเตือนโจทก์และคนเสื้อแดงมิให้
กระทำการล่วงละเมิดต่อองค์พระมหากษัตริย์ จากสถานะของจำเลยจึงอยู่ในฐานะและมีสิทธิอัน
ชอบธรรมที่จะแสดงความคิดเห็นหรือข้อความนั้นได้

การกระทำของจำเลยซึ่งเป็นการแสดงความคิดเห็นหรือข้อความโดยสุจริตเพื่อความชอบธรรม
ป้องกันตนหรือป้องกันส่วนได้ส่วนเสียเกี่ยวกับตนตามครองธรรม ตามประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา 329 (1) การกระทำของจำเลย จึงไม่มีมูลความผิดตามฟ้อง พิพากษายกฟ้อง

ไม่มีคำอธิบายใด ๆ เพราะทุกอย่างได้ปรากฏอยู่ในคำพิพากษาข้างต้นแล้วอย่างครบถ้วน
User avatar
bird
 
Posts: 1426
Joined: Wed Apr 01, 2009 1:25 pm


Re: เค้าลางแห่งความเลวร้าย...แม้ว

Postby bird » Thu Oct 15, 2009 11:07 am

overtherainbow wrote:ดัน กระทู้นะจ๊ะ :D


ขอบคุณคร้าบ :oops: :oops: :oops:
User avatar
bird
 
Posts: 1426
Joined: Wed Apr 01, 2009 1:25 pm

Re: เค้าลางแห่งความเลวร้าย...แม้ว

Postby overtherainbow » Thu Oct 15, 2009 12:33 pm

งานด่วนนะหนู
แวะไปดูกระทู้ต้นๆหน่อยซี กระทู้หุ้นตกและกระทู้ถึงนายกและสนธิ ฉนวนสำคัญเริ่มแล้ว
อะไรไม่รู้แหล่ะ
แต่รู้สึกใจหายซะแล้ว
ปกติก็ไม่ใช่คนขวัญอ่อนนะ
ช่วงนี้อะไรดูไม่น่าไว้ใจ
ถ้าทำได้เอาแบบ เบรกกิ้ง นิวส์เลยนะหนูนะ
สาธุ
User avatar
overtherainbow
 
Posts: 3123
Joined: Sat Dec 27, 2008 12:36 pm

Re: เค้าลางแห่งความเลวร้าย...แม้ว

Postby bird » Thu Oct 15, 2009 2:49 pm

ย้อนรอย หวยบนดิน

เมื่อวันที่ ๘ กรกฎาคม ๒๕๔๖ คณะรัฐมนตรีรัฐบาลทักษิณ มีมติเห็นชอบข้อเสนอของกระทรวง
การคลัง โดย ร.อ.สุชาติ เชาว์วิศิษฐ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ตามหนังสือของ
กระทรวงเลขที่ กค ๐๑๐๐/๑๑๔๑๕ ลงวันที่ ๘ กค. ๒๕๔๖ ที่เสนอโครงการออกสลากพิเศษ
แบบเลขท้าย ๒ ตัวและ ๓ ตัว (หวยบนดิน) ซึ่งนายกรัฐมนตรีนำเข้ามี่ประชุมคณะรัฐมนตรีเป็น
วาระเพิ่มเติม โดยวางหลักการไว้ ๓ ประการ

๑. ให้สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลออกสลากพิเศษ แบบเลขท้าย ๒ ตัวและ ๓ ตัว
๒. ให้นำรายได้ส่วนเกินของกองทุนเงินรางวัลหลังหักค่าใช้จ่ายในการบริหารงานและการจ่าย
เงินรางวัล กลับคืนสู่สังคม
๓. ได้รับยกเว้นและลดหย่อนภาษีตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ๓๑๐) และภาษีการพนันตามพระราชบัญญัติการพนัน
พุทธศักราช ๒๔๗๘

เมื่อข้อเสนอผ่านความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี ได้เริ่มดำเนินการออกสลากพิเศษดังกล่าว
ตามโครงการตั้งแต่งวดวันที่ ๑ สิงหาคม ๒๕๔๖ ถึงงวดวันที่ ๑๖ พฤศจิกายน ๒๕๔๙ รวม
๘๐ งวด

เริ่มเบิกเงินที่ได้จากโครงการตามมติข้อที่ ๒ ตั้งแต่เดือน กุมภาพันธ์ ๒๕๔๗ ถึงวันที่ ๑๔
กันยายน ๒๕๔๙ เป็นจำนวนเงินประมาณ ๑๖,๐๒๗.๕๑ ล้านบาท มีหน่วยงานส่งคืนเงินที่
ได้รับไป จำนวนประมาณ ๑,๑๖๕.๒๕ ล้านบาท คงเหลือเงินส่วนที่เบิกไปใช้ตามมติข้อ ๒
ประมาณ ๑๔,๘๖๒.๒๖ ล้านบาท

ในส่วนของภาษีที่ต้องชำระตามประมวลรัษฎากร ที่มีมติให้ลดหย่อนตามมติข้อที่ ๓ ข้างต้น
สามารถแยกออกได้เป็น
- ภาษีมูลค่าเพิ่ม ไม่ได้ชำระทั้งสิ้นประมาณ ๘,๘๐๙.๑๖ ล้านบาท
- ภาษีหัก ณ ที่จ่าย ของส่วนลดการจำหน่าย ชำระขาดประมาณ ๑๖๑.๕๙ ล้านบาท
- ภาษีตามพระราชบัญญัติการพนัน พุทธศักราช ๒๔๗๘ ตามกฎกระทรวงฉบับที่ ๔๓
(พ.ศ. ๒๕๔๓) ออกตามความในพระราชบัญญัติการพนัน พุทธศักราช ๒๔๗๘ ข้อ ๑(๔)
ชำระขาดประมาณ ๑๒,๗๙๒.๑๕ ล้านบาท
- ภาษีท้องที่ ตามกฎกระทรวงฉบับที่ ๑๗ ข้อ ๑ ไม่ได้ชำระประมาณ ๓๓๖.๖๔ ล้านบาท

ดังนั้นจากโครงการหวยบนดินภายใต้หลักการ ๓ ประการตามที่คณะรัฐมนตรีเห็นชอบเมื่อ
วันที่ ๘ กรกฎาคม ๒๕๔๖ รวมความเสียหายตามรายละเอียดข้างต้นเป็นเม็ดเงินมูลค่า
ประมาณ ๓๖,๙๖๑.๗๘ ล้านบาท (ตามสำนวนคำฟ้องของ คตส.)

ยังไม่รวมถึงความเสียหายที่ไม่สามารถวัดเป็นมูลค่าเงิน โดยเฉพาะผลกระทบทางสังคม
ไม่ว่าจะเป็นการมอมเมาประชาชน เยาวชน นักเรียน นักศึกษา อีกทั้งยังเป็นภาพการส่งเสริม
ให้เห็นว่า การพนันเป็นสิ่งปกติ การนำเงินที่ได้จากโครงการไปใช้จ่ายตามอำเภอใจ โดยไม่
คำนึงถึงผลที่อาจจะก่อให้เกิดความเสียหายต่อประเทศ เป็นพฤติกรรมที่ผุ้นำท้องถิ่นเอาเป็น
มาตราฐานในการบริหารราชการส่วนท้องถิ่น โดยเป็นการบริหารที่ปราศจาก คุณธรรม และ
จริยธรรม

หากจะมองในอีกมุมหนึ่ง โครงการหวยบนดิน เป็นการต้องกองทุน เพื่อนำไปใช้จ่ายโดย
หวังผลในการเลือกตั้ง และรักษาฐานอำนาจทางการเมืองของตน ครอบครัว เครือญาติ
และพวกพ้อง ก็คงไม่ใช่เรื่องแปลก

การดำเนินงานทางการเมืองไม่ว่าจะออกมาในรูปแบบใด หากผู้นำขาดความละอาย ไม่รุ้ว่า
ขอบเขตของความพอดี ความถูกผิด ความมีเหตุมีผล สิ่งใดควรกระทำ สิ่งใดไม่ควรกระทำ
การบริหารบ้านเมืองในลักษณะนั้นๆ ย่อมไม่สามารถนำพาให้ประเทศให้ประสบความสำเร็จ
อย่างไรก็ดี โครงการหวยบนดิน คตส. ส่งสำนวนการสอบสวนต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญา
ของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เพือพิจารณาและวินิจฉัยตามคำฟ้อง

เมื่อวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๒ ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ได้อ่าน
คำพิพากษาคดีสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลออกสลากพิเศษ แบบเลขท้าย ๒ ตัวและ ๓ ตัวหรือ
หวยบนดิน โดยคดีนี้ คตส. เป็นโจทก์ยื่นฟ้องจำเลยรวม ๔๗ คน

คำพิพากษาของศาลฎีกา สรุปพอสังเขปได้ดังนี้

๑) การออกหวยบนดิน ๒ ตัวและ ๓ ตัว ขัดต่อกฎหมายตาม พ.ร.บ.สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล
พ.ศ.๒๕๑๗ มาตรา ๕ และมาตรา ๙ ด้วยมติเสียงข้างมากกระทำผิดจริง

๒) ครม.และคณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล ให้นำรายได้ในการออกหวยบนดินคืนสู่สังคมโดย
ไม่นำเข้าระบบงบประมาณนั้น ถือเป็นการฝ่าฝืน พ.ร.บ.เงินคงคลัง พ.ศ.๒๔๙๑ มาตรา ๔ และ
มาตรา ๑๓ และยังขัดต่อ พ.ร.บ.สำนักงานสลากฯ พ.ศ.๒๕๑๗ มาตรา ๒๓ และมาตรา ๒๗
ด้วยมติเสียงข้างมากว่ากระทำผิดจริง

๓) มติ ครม. ในยกเว้นภาษีตามพระราชกฤษฎีกา ว่าด้วยการงดเว้นภาษี ประมวลรัษฎากร พ.ศ.
๒๕๔๐ กฎกระทรวงปี ๒๕๐๓ และ ปี ๒๕๔๓ ด้วยมติเสียงข้างมากว่ากระทำผิดจริง

๔) คำพิพากษารายบุคคลดังนี้
๔.๑ จำคุก นายวราเทพ รัตนากร อดีต รมช.คลัง ๒ ปี ปรับ ๒ หมื่นบาท โทษจำคุกให้รอ
ลงอาญา ๒ ปี
๔.๒ จำคุก นายสมใจนึก เองตระกูล อดีตปลัดคลัง ในฐานะประธานกรรมการสำนักงานสลากกิน
แบ่งรัฐบาล ๒ ปี ปรับ ๑ หมื่นบาท โทษจำคุกให้รอลงอาญา ๒ ปี
๔.๓ จำคุก นายชัยวัฒน์ พสกภักดี อดีตผู้อำนวยการกองสลาก ๒ ปี ปรับ ๑ หมื่นบาท
โทษจำคุกให้รอลงอาญา ๒ ปี

๕) จำเลยที่ไม่มีฟังคำพิพากษา ๔ คน ศาลให้ออกหมายจับ โดยนัดฟังคำพิพากษาอีกครั้ง
ในวันที่ ๑๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๒ พร้อมทั้งให้ปรับนายประกันจำเลยส่วนที่เป็นรัฐมนตรีคนละ
๒ แสนบาท ส่วนที่เป็นเจ้าหน้าที่กองสลากปรับคนละ ๕ แสนบาท ได้แก่
๕.๑ ร.อ. สุชาติ เชาว์วิศิษฐ์ อดีต รมว.คลัง
๕.๒ นายอดิศัย โพธารามิก อดีต รมว.พาณิชย์
๕.๓ นายสมใจนึก เองตระกูล อดีต ปลัดกระทรวงการคลัง
๕.๔ พล.ต.ต.สุรสิทธิ์ สังขพงษ์ อดีต ผอ.สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล

๖) จำเลยที่เหลืออีก ๔๓ คน ประกอบด้วย ครม.รัฐบาลทักษิณ และบอร์ดสำนักงานสลากฯ
พิพากษายกฟ้อง

๗) คำพิพากษาในครั้งนี้ ไม่รวมถึง พ.ต.ท.ทักษิณ อดีตนายกรัฐมนตรี เพราะศาลมีคำสั่งให้
จำหน่ายคดีไว้ก่อนชั่วคราว

47 จำเลยคดีหวยบนดิน ประกอบด้วย

1.พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี
2.พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตรองนายกรัฐมนตรี
3.นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ อดีตรองนายกรัฐมนตรี
4.นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรองนายกรัฐมนตรี
5.นายกร ทัพพะรังสี อดีตรองนายกรัฐมนตรี
6.ร.ต.อ.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ อดีตรองนายกรัฐมนตรี
7.นายวิษณุ เครืองาม อดีตรองนายกรัฐมนตรี
8.พล.อ.ธรรมรักษ์ อิศรางกรู ณ อยุธยา อดีตรมว.กลาโหม
9.ร.อ.สุชาติ เชาว์วิศิษฐ์ อดีต รมว.คลัง
10.นายวราเทพ รัตนากรณ์ อดีตรมช.คลัง

11.นายสนธยา คุณปลื้ม อดีตรมว.ท่องเที่ยวและกีฬา
12.นายอนุรักษ์ จุรีมาศ อดีตรมว.พัฒนาสังคม ฯ
13.นายสรอรรถ กลิ่นประทุม อดีตรมว.เกษตรฯ
14.นายเนวิน ชิดชอบ อดีตรมช.เกษตรฯ
15.นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตรมว.คมนาคม
16.นายพิเชษฐ สถิรชวาล อดีตรมช.คมนาคม
17.นายนิกร จำนง อดีตรมช.คมนาคม
18.นายประพัฒน์ ปัญญาชาติรักษ์ อดีตรมว.ทรัพยากร ฯ
19.นายสุรพงษ์ สืบวงศ์ลี อดีตรมว.ไอซีที
20.นายพรหมมินทร์ เลิศสุริยเดช อดีต รมว.พลังงาน

21.นายอดิศัย โพธารามิก อดีตรมว.พาณิชย์
22.นายวัฒนา เมืองสุข อดีตรมช.พาณิชย์
23.นายวันมูหะหมัดหนอ มะทา อดีตรมว.มหาดไทย
24.นายพงษ์เทพ เทพกาญจนา อดีตรมว.ยุติธรรม
25.นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ อดีตรมว.แรงงาน
26.นางอุไรวรรณ เทียนทอง อดีตรมว.วัฒนธรรม
27.นายพินิจ จารุสมบัติ อดีตรมว.วิทยาศาสตร์ฯ
28.คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ อดีตรมว.สาธารณสุข
29.พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก อดีตรมช.สาธารณสุข
30.นายสมศักดิ์ เทพสุทิน อดีตรมว.อุตสาหกรรม

31.นายสมใจนึก เองตระกูล อดีตปลัดกระทรวงการคลัง ฐานะประธานคณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล
32.นายศุภรัตน์ ควัฒน์กุล อดีตปลัดกระทรวงการคลัง
33.นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช ตัวแทนกระทรวงมหาดไทย
34.นายพรชัย นุสุวรรณ ผู้แทนสำนักงบประมาณ
35.น.ส.สุรีพร ดวงโต ผู้แทนกรมบัญชีกลาง
36.นายวุฒิพันธุ์ วิชัยรัตน์ ผู้แทนสำนักงบประมาณ
37.พล.ต.อ.สมบัติ อมรวิวัฒน์ บอร์ดสำนักงานสลากกินแบ่ง
38.นายกำธร ตติยกวี บอร์ดสำนักงานสลากกินแบ่ง
39.นางสตรี ประทีปปะเสน ฐานะผู้แทนสำนักงบประมาณ
40.นายชัยฤกษ์ ดิษฐอำนาจ ฐานะผู้แทนกระทรวงมหาดไทย

41.นายรัถวัช อินทุภูมิ ฐานะผู้แทนสภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย
42.นายชัยวัฒน์ พสกภักดี อดีต ผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล
43.พล.ต.ต.สุรสิทธิ์ สังขพงศ์ อดีตผอ.สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล
44.นายอำนวยศักดิ์ พูลศิริ บอร์ดสำนักงานสลากกินแบ่ง
45.พล.ต.ท.อิสระพันธ์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา บอร์ดสำนักงานสลากกินแบ่ง
46.นายบัณฑรู สุภัควณิช ฐานะผู้แทนสำนักงบประมาณ
47.นางอรนงค์ มณีกาญจน์ ฐานะผู้แทนกรมบัญชีกลาง
Last edited by bird on Sat Oct 17, 2009 11:07 am, edited 3 times in total.
User avatar
bird
 
Posts: 1426
Joined: Wed Apr 01, 2009 1:25 pm

Re: เค้าลางแห่งความเลวร้าย...แม้ว

Postby overtherainbow » Thu Oct 15, 2009 6:58 pm

ดันกระทู้
เผื่อกำลังพลคนเสื้อแดงจะได้มาเห็นชัดๆ
ก่อนจะตัดสินใจ ทำอะไรไป
แล้วจะมาเสียใจทีหลัง
แล้วจะเป็นตราบาป ของชีวิต :!:
User avatar
overtherainbow
 
Posts: 3123
Joined: Sat Dec 27, 2008 12:36 pm

Re: เค้าลางแห่งความเลวร้าย...แม้ว

Postby bird » Thu Oct 15, 2009 10:40 pm

ข่าวลือ ทำร้ายประเทศ

ช่วงบ่ายของวันที่ ๑๔ ตุลาคม ๒๕๕๒ ตลาดหุ้นไทยเกิดการผันผวน หุ้นตกลงอย่างต่อเนื่อง อันเป็น
ผลมาจากนักลงทุนต่างชาติเทขายหุ้นเป็นจำนวนมาก ในขณะเดียวกันเกิดข่าวลือที่ไม่เป็นมงคล ซึ่ง
ต้นต่อข่าวลือ เกิดจากนายเดวิด เหลียง แห่ง First State Investments ให้สัมภาษณ์ในสิ่งที่ไม่เป็น
มงคลสำหรับประเทศเรา ผู้ที่เสนอรายงานข่าวในครั้งนี้คือ Richard Frost และตลาดหุ้นยังคงตกลง
อย่างต่อเนื่องในวันที่ ๑๕ ตุลาคม ๒๕๕๒ โดยเริ่มราคาเปิดตลาด ๗๓๑.๔๗ ปิดตลาดที่ ๖๙๒.๗๒
ลบ ๓๘.๗๕

และในอีกภาพหนึ่งคือ ข่าวการเดินทางไปยังพนมเปญ ของอดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
และอดีตรองหัวหน้าพรรคความหวังใหม่ ในวันที่ ๑๓ การเดินทางไปในครั้งนี้แม้วทวิตในลักษณะว่า
ท่านไปด้วยเรื่องที่สำคัญอย่างยิ่ง และถือเป็นบุญคุณครั้งใหญ่หลวงที่แม้วต้องจดจำ อะไรทำนองนั้น

และยังสอดคล้องกับการแถลงการณ์ของมวลชนบางกลุ่ม ที่นัดชุมนุมกันในวันที่ ๑๗ ตุลาคม ๒๕๕๒
เพื่อทวงถามถึงสิ่งมิบังควรที่ได้กระทำไปแล้วอย่างเอิกเกริก ซึ่งการแถลงการณ์ในครั้งนี้แกนนำบาง
ท่านแสดงท่าทีโอหัง ในลักษณะว่าการชุมนุมในครั้งนี้เป็นการเดิมพันเทหมดหน้าตัก หากรัฐบาลใช้
ความรุนแรงเมื่อใด ทางกลุ่มก็พร้อมที่จะแลกด้วยเลือดเนื้อเช่นกัน เป็นการเรียกร้องตามสิทธิที่พึงมี
ตามสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาธิปไตยในแบบฉบับแม้ว

ในขณะเดียวกัน ตลาดเงินสหรัฐ ค่าเงินดอลล่าห์อ่อนตัวลงอย่างต่อเนื่องเช่นกัน แม้จะเทียบกับค่าเงิน
เยนของญี่ปุ่น ดอลล่าห์ก็ยังอ่อนกว่า ราคาทองปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ราคาน้ำมันในตลาดโลก
ก็พุ่งสูงขึ้น

และที่สำคัญอีกประการหนึ่ง การประชุมผู้นำอาเซียน ที่กำลังจะเรื่มขึ้นในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้ หาก
ยังไม่ลืมเหตุการณ์ที่พัทยา มวลชนบางกลุ่มยังคงกระหยิ่มจากเหตุการณ์ในครั้งนั้น และคาดหวังว่า
การประชุมในครั้งนี้ เค้าจะสามารถสร้างความปั่นป่วนได้อีกครั้ง ถึงแม้ว่ารัฐบาลจะประการใช้ พรบ
ความมั่นคงก็ตาม ส่วนหนึ่งที่เค้าต้องการคือ กระตุ้นเตือนบรรดาผู้นำที่จะเข้าร่วมการประชุมในครั้งนี้
ในหวนคิดถึงเหตุการณ์เมื่อครั้งที่พัทยา ดังนั้น โอกาสที่ผู้นำจะถอนตัวจากการประชุม ทำให้รัฐบาล
เสียหน้าอีกครั้ง ยังพอมีหวัง

เมื่อนำภาพรวมต่าง ๆ มาสะท้อนซึ่งกันและกัน จะมองเห็นการวางหมากของมวลชนบางกลุ่มบางก้อน
ที่ไม่ต้องการให้เกิดความสงบขึ้นในประเทศ พยายามยั่วยุ ปลุกปั่น ด้วยคำพูด ด้วยการกระทำต่างๆ
ครั้งหนึ่งเค้าทำได้กระทั่งตัดต่อแถลงการณ์ของท่านนายก แล้วนับประสาอะไรกับคำสัมภาษณ์ของ
นายคนหนึ่งที่ขึ้นชื่อว่าเป็นเพื่อน ร่วมอุดมการณ์ เป็นคนหนึ่งที่มีส่วนช่วยให้การเจรจาซื้อขายหุ้น
ผ่านไปอย่างราบรื่น

ในขณะนี้ เรือมีผู้ถือหางเสือแล้ว ขึ้นอยู่ที่ว่ากัปตันของเรือจะมีพาวเวอร์ในการต่อรองทั้งในประเทศ
และต่างประเทศได้หรือไม่ เพราะโดยบุคลิกส่วนตัว เป็นบุคคลปราศจากซึ่งพาวเวอร์ใด ๆ เป็นเพียง
บุคคลหนึ่งที่ต้องการสร้างอำนาจสร้างบารมีเท่านั้น หากมีหนใดที่จะทำให้ตนขึ้นไปสู่จุดนั้นได้ ยอม
กระทำได้ทุกอย่าง

ในด้านของเศรษฐกิจ หากจะมองในอีกแง่มุมหนึ่งว่า ราคาทองกำลังพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง ราคาเงิน
ดอลล่าห์กำลังอ่อนค่าลง หากนักลงทุนต่างชาติมีความต้องการย้ายฐานการลงทุน ซึ่งเหตุการณ์
ในลักษณะนี้เคยเกิดขึ้นมาแล้วครั้งหนึ่งเมื่อปี ๒๕๔๐ ที่ค่าเงินบาทแข็งค่า สวนทางกับราคาของ
ตลาดในขณะนั้น รัฐบาลชุดนั้นตรึงราคาเงินบาทอยู่เป็นระยะเวลาหลายเดือน จนในที่สุดประกาศ
ลอยตัวค่าเงินบาท ทำให้ประเทศแทบจะล่มจม ในครั้งนี้ก็เป็นช่วงที่นักลงทุนย้ายฐานการลงทุน
เช่นกัน ต่างกันตรงที่ว่า สหรัฐ ปล่อยให้ค่าดอลล่าห์อ่อนตัวลงตามสภาวะของตลาดเท่านั้น

แต่พวกที่ต้องการป่วนบ้านป่วนเมือง อาศัยจังหวะนี้ ซึ่งหลายสิ่งหลายอย่างสอดคล้องกันได้พอดี
ไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์ภายในประเทศ และเศรษฐกิจโลกที่ยังไม่ฟื้นตัว สร้างภาพลวงขึ้นมาเพื่อ
สร้างสถานการณ์ตามนิสัยและสันดานที่ฝังรากลึกลงไปยังจิตใจที่มืดบอด ดังคำกล่าวของใคร
บางคนที่ลั่นวาจาด้วยจิตอาฆาตมาตรร้าย

" หากไม่คืนของของกรูมา ก็อย่าหวังว่าจะอยู่กันอย่างสงบ "

อย่างไรก็ดี การไม่วางตนอยู่บนความประมาณ ย่อมเป็นการดีที่สุด นั้นย่อมหมายความว่า
ภาพลวงที่คนบางกลุ่มสร้างขึ้น หากหาทางป้องกันไว้ล่วงหน้า ถึงแม้ว่ามันจะไม่เกิดขึ้นก็คงไม่ผิด
และในทางกลับกัน หากเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์เกิดขึ้น การป้องกันที่เตรียมไว้จะได้ช่วยลด
ความรุนแรงของเหตุกาณ์ให้ทุเลาลงได้

เรามีนายกที่สุภาพ อ่อนน้อม ในยามวิกฤต ท่านก็กล้าได้อย่างสมศักดิ์ศรี เรามีแผ่นดินทอง
พื้นนี้ เราจะร่วมกันรักษาแผ่นดินทองแห่งนี้ให้อยู่ตราบนานเท่านาน
User avatar
bird
 
Posts: 1426
Joined: Wed Apr 01, 2009 1:25 pm

Re: เค้าลางแห่งความเลวร้าย...แม้ว

Postby แดง ขาว น้ำเงิน » Fri Oct 16, 2009 2:29 am

ดีนะที่มีเงินพอแค่เล่นหวยไม่มีเงินเล่นหุ้น :mrgreen:

ขอเก็บ MAI เนชั่นได้ม๊า 8-)
"ผู้ที่ใช้สติปัญญาไม่เป็น คือคนโง่ ผู้ที่ไม่กล้าใช้สติปัญญา คือทาส" เพลโต้
User avatar
แดง ขาว น้ำเงิน
Moderator
 
Posts: 4943
Joined: Thu Feb 12, 2009 4:07 pm
Location: Earth

Re: เค้าลางแห่งความเลวร้าย...แม้ว

Postby overtherainbow » Fri Oct 16, 2009 11:44 am

:mrgreen: เฮ้อออ
ถ้าไม่มีบทความนี้มาอ่านในช่วงเช้านี้นะ
เจ๊มีหวังกระอักเลือด จุกอกตาย
ด้วยความไม่รู้
ด้วยความอยากรู้
ด้วยความมืด บอดทางข้อมูลข่าวสาร
มีแสงผ่านมาบ้าง กระจ่างบางทาง คลำคลำ เห็นเห็นเป็นจุดจุด
ค่อยหายตื่น แพนิค หน่อย
;)
โอเคจะเริ่มมีสติ แล้วล่ะนะ
อ่ะ ดันกระทู้ ข้อมูลชักจะอั้พ ทู เดท แย้ววว
User avatar
overtherainbow
 
Posts: 3123
Joined: Sat Dec 27, 2008 12:36 pm

Re: เค้าลางแห่งความเลวร้าย...แม้ว

Postby bird » Fri Oct 16, 2009 1:34 pm

คำพูดที่ไร้สัจจะ

รัฐบาลแม้ว บริหารบ้านเมืองภายใต้นโยบายประชานิยม และอภิมหาโครงการต่าง ๆ หลากหลาย
โครงการ ซึ่งแต่ละโครงการมีเม็ดเงินในการดำเนินงานจำนวนมหาศาล วัตถุประสงค์ของนโยบาย
และโครงการต่าง ๆ มุ่งเน้น เจาะจง พุ่งเป้า หว่านเม็ดเงินไปสู่ผู้มีรายได้น้อย คนยากจน และกลุ่ม
ชาวรากหญ้าในสายตา และความคิดแบบแม้ว ๆ

การบริหารบ้านเมืองภายใต้นโยบายแม้ว เป็นการบริหารแต่เพียงผู้เดียว เป็นไปอย่างสนุกสนาน
โดยมีบรรดาพวกพ้อง ลูกสมุน เจ้าของธุรกิจเอนเตอร์เท้นเม้นท์ ส่งดาราหมุ่นสาวสร้างความบัน
เทิง โชว์นิดโชว์น้อย เพื่อบิดเบือน ปกปิค ความเลวร้ายที่กำลังแพร่สะพัดไปทั่วบ้านทั่วเมือง

๔ - ๕ ปีของการบริหารบ้านเมือง ก่อนหมดวาระตามรัฐธรรมนูญ (ประมาณ ๙ มีค. ๒๕๕๒)
กระแสไม่เอาทักสิน เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องและมีแนวโน้มที่ต้องเพิ่มขึ้นต่อไปอีก ผลกระทบ
ของกระแสดังกล่าว ส่งผลให้ทักสินประกาศว่าไม่แคร์ เมื่อเค้ายังมีฐานเสียงจากประชาชน
ที่รักอีกตั้ง ๑๙ ล้านคน

เหตุการณ์เลวร้ายลงไปอีกเมื่อ ช่อง ๙ ภายใต้ ผอ.มิ่งขวัญ สั่งปลดรายการเมืองไทยรายวัน
ออกจากผังรายการอย่างกระทันหัน ในวันที่ ๑๔ กันยายน ๒๕๔๘ ในขัอกล่าวหาว่า รายการ
มักจะพูดก้าวล่วงกระทบเบื้องสูง ก้าวร้าวต่อนายก นั่นเป็นจุดเริ่มต้นของกลุ่มพันธมิตร โดย
มี นายสนธิ เป็นแกนนำคนสำคัญ

วาระสุดท้ายของรัฐบาลแม้ว เริ่มขึ้นเมื่อปลายเดือนมกราคม ๒๕๔๙ ภายหลังจากการพักผ่อน
กับครอบครัวในช่วงเทศกาลปีใหม่ที่สิงคโปร์ พร้อมกับกระแสข่าวการขายหุ้นชิน ให้กับกลุ่ม
เทมาเส็ก ที่มูลค่าทั้งสิ้นประมาณ ๗๓,๐๐๐ ล้านบาทโดยไม่ได้นำส่งภาษี ทำให้เกิดกระแส
ข่าวในด้านลบอย่างต่อเนื่อง

แม้วปฏิเสธการประกาศยุบสภามาโดยตลอด บอกกับบรรดาลูกพรรคว่า " ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น
จะไม่ลาออก ไม่ยุบสภา เพราะพรรคได้รับฉันทานุมัติจากประชาชน ๑๙ ล้านเสียงให้เข้ามา
บริหารบ้านเมือง จะทรยศต่อเสียงของประชาชนไม่ได้

ทุกครั้งที่ให้สัมภาษณ์ เมื่อถูกถามถึงเรื่องการยุบสภา ก็จะตอบอย่างชัดถ้อยชัดคำทุกครั้ง ว่า
" พรรคมีกติกาทีชัดเจน พรรคจะไม่หักหลังลูกพรรค หากจะยุบสภาเพื่อเลือกตั้งใหม่ จะบอก
ให้รู้ล่วงหน้า ๙๐ วัน
" นั้นเป็นคำมั่นสัญญาอย่างมีสัจจะในวันที่ ๓๐ ธันวาคม ๒๕๔๘

วันที่ ๑๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๙ กระแสข่าวการยุบสภายังคงแพร่สะพัด อันเนื่องมาจากการเดิน
ทางเข้าเฝ้าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ณ พระที่นั่งจิตรดารโหถาร
เวลา ๒๐.๐๐ น. วันเดียวกัน ก็แถลงข่าวยืนยันคำพูดว่าจะไม่ยุบสภา การแถลงข่าวในครั้งนี้
เป็นเหมือนการยืนยันคำพูดที่ทรยศ หักหลัง ลูกพรรค สส. และ ประชาชนกรทั้ง ๖๐ ล้านคน

วันที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๙ ประกาศยุบสภา และมีพระราชกฤษฎีกากำหนดวันเลือกตั้งใหม่
ในวันที่ ๒ เมษายน ๒๕๔๙ หากนับจากวันที่ให้สัมภาษณ์ว่าจะไม่ลาออก ไม่ยุบสภา ซึ่งถ้า
จะยุบสภาจะบอกก่อน ๙๐ วัน (วันที่ ๓๐ ธันวาคม ๒๕๔๘) ถึงวันที่ประกาศยุบสภา รวมระยะ
เวลาประมาณ ๕๗ วันเท่านั้น หากนับจากวันที่แถลงข่าวยืนยันว่าจะไม่ยุบสภาในวันที่ ๑๖
กุมภาพันธ์ ๒๕๔๙ ถึงวันประกาศยุบสภา ก็เพียง ๗ วันเท่านั้น

และอีกครั้ง กับคำแถลงการณ์ เว้นวรรคทางการเมือง เมื่อวันที่ ๔ เมษายน ๒๕๔๙ ผ่าน
โทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจ
" พี่น้องครับ ผมต้องกราบขอโทษจริง ๆ ที่จะไม่ขอรับตำแหน่ง.... ในกระบวนการสรรหา
ที่จะเกิดขึ้นในสภา หลังจากครบ ๓๐ วันหลังการเลือกตั้ง และมีการเปิดประชุมสภา พี่น้อง
ที่เคารพครับ ผมมีเหตุผลที่จำเป็นอย่างยิ่งที่จะไม่รับตำแหน่ง..."

แถลงการณ์ครั้งนี้ จริงเท็จ ประการใด ทุก ๆ ท่านย่อมทราบดีอยู่ เหตุการณ์และสถานการณ์
ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น หลังการประกาศยุบสภา หลังการเลือกตั้งเมื่อ ๒ เมษายน ๒๕๔๙ จนถึง
ปัจจุบัน สามารถใช้เป็นข้อพูสูจน์ได้เป็นอย่างดี
Last edited by bird on Sat Oct 17, 2009 11:14 am, edited 1 time in total.
User avatar
bird
 
Posts: 1426
Joined: Wed Apr 01, 2009 1:25 pm

Re: เค้าลางแห่งความเลวร้าย...แม้ว

Postby bird » Fri Oct 16, 2009 1:36 pm

แดง ขาว น้ำเงิน wrote:ดีนะที่มีเงินพอแค่เล่นหวยไม่มีเงินเล่นหุ้น :mrgreen:

ขอเก็บ MAI เนชั่นได้ม๊า 8-)


ผู้รู้เค้าฝากบอกว่า หากมั่นใจในหุ้นที่ลงทุน ก็จงถือไว้ต่อไป อย่าตื่นตะหนก
เป็นเพียงแค่สัญญาณการย้ายฐานการลงทุนเท่านั้น :mrgreen:
User avatar
bird
 
Posts: 1426
Joined: Wed Apr 01, 2009 1:25 pm

Re: เค้าลางแห่งความเลวร้าย...แม้ว

Postby bird » Fri Oct 16, 2009 1:40 pm

overtherainbow wrote: :mrgreen: เฮ้อออ
ถ้าไม่มีบทความนี้มาอ่านในช่วงเช้านี้นะ
เจ๊มีหวังกระอักเลือด จุกอกตาย
ด้วยความไม่รู้
ด้วยความอยากรู้
ด้วยความมืด บอดทางข้อมูลข่าวสาร
มีแสงผ่านมาบ้าง กระจ่างบางทาง คลำคลำ เห็นเห็นเป็นจุดจุด
ค่อยหายตื่น แพนิค หน่อย
;)
โอเคจะเริ่มมีสติ แล้วล่ะนะ
อ่ะ ดันกระทู้ ข้อมูลชักจะอั้พ ทู เดท แย้ววว


ขอบคุณค่ะ ที่สนับสนุนอย่างต่อเนื่อง
ตั้งสติให้มั่นน่ะจ้ะแจ๊...
ยังจะมีข่าวลือในด้านลบเข้ามาอีก
เป็นระลอก ๆ ให้เขย่าขวัญกันเล่น
คนเป็นโรคหัวใจ กุมหัวใจไว้ให้ดีน่ะค่ะ :mrgreen:
User avatar
bird
 
Posts: 1426
Joined: Wed Apr 01, 2009 1:25 pm

Re: เค้าลางแห่งความเลวร้าย...แม้ว

Postby bird » Fri Oct 16, 2009 3:15 pm

๒ เมษา เลือกตั้งอัปยศ

รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๔๐ บัญญัติเกี่ยวกับการยุบสภา ไว้ดังนี้

มาตรา ๑๑๖ พระมหากษัตริย์ทรงไว้ซึ่งพระราชอำนาจที่จะยุบสภาผู้แทนราษฎร
เพื่อให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรใหม่
การยุบสภาผู้แทนราษฎรให้กระทำโดยพระราชกฤษฎีกา ซึ่งต้องกำหนดวันเลือกตั้งสมาชิก
สภาผู้แทนราษฎรใหม่ เป็นการเลือกตั้งทั่วไปภายในหกสิบวัน และวันเลือกตั้งนั้นต้องกำหนด
เป็นวันเดียวกันทั่วราชอาณาจักร
การยุบสภาผู้แทนราษฎรจะกระทำได้เพียงครั้งเดียวในเหตุการณ์เดียวกัน

หลังการประกาศยุบสภา เมื่อวันที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๙ และมีพระราชกฤษฎีกากำหนดวัน
เลือกตั้งในวันที่ ๒ เมษายน ๒๕๔๙ นั้นหมายความว่าพรรคการเมืองแต่ละพรรคมีเวลาเตรียมตัว
เพื่อการเลือกตั้งเพียงแค่ ๓๗ วันเท่านั้น

การประกาศยุบสภาในครั้งนี้ เกิดขึ้นภายใต้กระแสไม่เอาทักสิน และการเสียงเรียกร้องสนับสนุน
จากประชาชนให้ยุบสภา เพื่อคืนอำนาจให้กับประชาชน หากจะมองว่าเป็นเกมการเมืองที่ทักสิน
และบรรดาลูกพรรคคำนวณแล้วว่า ต้องชนะอย่างท่วมท้นอีกครั้ง นั่นย่อมหมายความ ทักสินและ
สส.ในสังกัดพรรคจะมีความชอบธรรมในการบริหารบ้านเมืองตามระบอบประชาธิปไตยอีกครั้ง

ในวันที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๙ ฝ่ายค้าน (ประชาธิปัตย์ ชาติไทย, มหาชน) ประกาศคว่ำบาตร
ไม่ยอมรับการเลือกตั้งที่เร่งรัด ฉุกละหุก เพื่อใช้เป็นเครื่องมือให้ทักสินฟอกความผิด จากกรณี
การทุจริตต่าง ๆ ที่กำลังแพร่สะพัดไปทั่วบ้านทั่วเมืองในขณะนั้น

เหตุที่นำไปสู่การคว่ำบาตรการเลือกตั้ง มาจาก ฝ่ายค้านยื่นเงื่อนไขในการลงเลือกตั้ง ว่า ไทย
รักไทยต้องลงนามใน สัตยาบันว่าด้วยการ ปฏิรูปการเมือง หลังการเลือกตั้งสิ้นเสร็จแล้ว
ซึ่งไทยรักไทยตอบตกลง ครั้นเมื่อถึงเวลานัดหมายเพื่อลงนาม ไทยรักไทยกลับ ขอเปลี่ยน
เป็นการประกาศ สัญญาประชาคม แทน

ไทยรักไทย ประกาศพร้อมสู่สนามการเลือกตั้ง และจะรักษากติกาอย่างเคร่งครัด หากแต่ว่า
การเลือกตั้งครั้งนี้ ยังมีประเด็นที่น่าพิจารณา 2 ประเด็น

๑) รัฐธรรมนูญ ๒๕๔๐ มาตรา ๑๐๗ (๔) กำหนดให้ผู้มีสิทธิลงสมัครรับเลือกตั้งต้องสังกัดพรรค
ไม่น้อยกว่า ๙๐ วัน แต่การเลือกตั้งครั้งนี้ผู้สมัครมีเวลาเพียง ๓๗ วัน (ประกาศยุบสภาวันที ๒๔
กุมภาพันธ์ ๒๕๔๙ กำหนดวันเลือกตั้ง ๒ เมษายน ๒๕๔๙) และการประกาศคว่ำบาตรของฝ่าย
ค้าน ทำให้คู่แข่งของไทยรักไทย คงเหลือแต่พรรคเล็ก ๆ ที่ไม่มีอดีต สส เลย

๒) ตามกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภา
พ.ศ. ๒๕๔๑ บัญญัติเกี่ยวกับกรณีผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งมีเพียงคนเดียวในเขตเลือกตั้ง ไว้ดังนี้

มาตรา ๗๔ ในเขตเลือกตั้งใด ถ้าในวันเลือกตั้งมีผู้สมัครรับเลือกตั้งแบบแบ่งเขต
เลือกตั้งคนเดียวและผู้สมัครรับเลือกตั้งนั้นได้คะแนนเสียงตั้งแต่ ร้อยละยี่สิบของจำนวนผู้มีสิทธิ
เลือกตั้ง
ในเขตเลือกตั้งนั้น ให้คณะกรรมการการเลือกตั้งประกาศให้ผู้สมัครรับ
เลือกตั้ง ผู้นั้นเป็นผู้ได้รับการเลือกตั้ง
ในกรณีที่เหลือผู้สมัครรับเลือกตั้งคนเดียวตามวรรคหนึ่งและได้คะแนนเสียง น้อยกว่าร้อยละยี่สิบ
ของจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้งในเขตนั้น ให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง จัดให้ มีการเลือกตั้งใหม่ใน
เขตเลือกตั้งนั้น

นั่นหมายความว่า ผู้สมัครรับเลือกตั้งต้องแข่งขันกับตัวเอง คือ ต้องมีคะแนนมากกว่าร้อยละ ๒๐
ของจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้งของเขตนั้นๆ ทำให้เกิดกระแสข่าวการว่าจ้างพรรคเล็กลงเลือกตั้ง
เพื่อที่จะเลี่ยงเงื่อนไขตามมาตรา ๗๔ ข้างต้น

ผลการเลือกตั้งในครั้งประวัติศาสตร์ มีคะแนนโนโหวต หรือ ไม่ประสงค์ลงคะแนนสูงอย่างไม่
เคยปรากฎมาก่อนในอดีต คะแนนช่องโนโหวตมีประมาณ ๑๐ ล้านเสียง โดยเฉพาะเขตพื้นที่
กรุงเทพฯ มีเพียง ๙ เขตจาก ๓๖ เขตที่ผู้สมัครไทยรักไทยชนะคะแนนโนโหวตมาในระดับ
พันคะแนนเท่านั้น ที่เหลือ ๒๗ เขตแพ้โนโหวตอย่างยับเยิน

กฏร้อยละ ๒๐ ถือเป็นชนวนเหตุให้เกิด ปรากฎการณ์เวียนเทียน อันมีสาเหตุมาจากผู้สมัคร
ได้คะแนนไม่ถึง ๒๐% ของผู้มีสิทธิเลือกตั้งในเขตนั้นๆ ทำให้ต้องจัดการเลือกตั้งใหม่ ในวันที่
๒๓ เมษายน ๒๕๔๙ ผลที่ได้ ผู้สมัครรับเลือกตั้งในเขตที่ยังไม่มี
คู่แข่งก็ยังไม่สามารถทำคะแนนผ่านเงื่อนไขร้อยละ ๒๐ ได้เช่นเดิม

ถึงกระนั่น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้ง ยังคงเดินหน้าจัดการเลือกตั้งในเขตที่ยังสอบ
ไม่ผ่านใหม่อีกครั้ง เป็นครั้งที่ ๓ ขึ้นในวันที่ ๒๙ เมษายน ๒๕๔๙ พร้อมทั้งเปิดโอกาสให้
ผู้สมัครรับเลือกตั้งที่สอบตก ย้ายเขตลงสมัครรับเลือกตั้งได้ ซึ่งเหตุการณ์ในครั้งนี้ถูกขนานนาม
ว่า ปรากฎการณ์เวียนเทียน นำไปสู่การฟ้องร้อง และคำวินิจฉัยจาก
ศาลรัฐธรรมนูญครั้งประวัติศาสตร์

เพิกถอนการเลือกตั้ง ๒ เมษายน ๒๕๔๙
เพราะไม่ชอบด้วยกฎหมายรัฐธรรมนูญ


สรุป ง่าย ๆ คือ การเลือกตั้งเป็นโมฆะนั่นเอง เป็นเหตุการณ์ที่ประวัติศาสตร์การเมืองต้องจารึก
ไว้อีกหนึ่งเหตุการณ์ " การเลือกตั้งที่แสนอัปยศ "
Last edited by bird on Sat Oct 17, 2009 9:54 am, edited 1 time in total.
User avatar
bird
 
Posts: 1426
Joined: Wed Apr 01, 2009 1:25 pm


Re: เค้าลางแห่งความเลวร้าย...แม้ว

Postby นู๋เจ๋ง » Fri Oct 16, 2009 9:19 pm

เข้ามาช่วยดันกระทู้นี้ ค่ะ
Last edited by นู๋เจ๋ง on Mon Nov 02, 2009 10:26 pm, edited 1 time in total.
เมื่อรู้ว่าอะไรชั่วแล้วยังทำ..คนนั้นก็จะต้องรับกรรม..เราเชื่อว่ากรรมนั้นมีอยู่จริง...คนไม่เห็น เทวดาย่อมเห็น
User avatar
นู๋เจ๋ง
 
Posts: 962
Joined: Mon Oct 13, 2008 6:24 am

Re: เค้าลางแห่งความเลวร้าย...แม้ว

Postby bird » Sat Oct 17, 2009 10:02 am

overtherainbow wrote:ดัน :D


หุ้นกลับเข้าที่เข้าทางที่มันควรจะเป็นแล้วค่ะ
แต่ยังมีศึกในอีกหลายศึกนัก..
สติเท่านั้นที่จะทำให้ ประเทศพ้นภัย :mrgreen:

นู๋เจ๋ง wrote:เข้ามาช่วยดันกระทู้นี้ ค่ะ

ฝากข้อสอบไว้ให้ทำนะคะ


ข้อสอบ มหา'ลัย เสรีไทย (ข้อละ 10 คะแนน)

1. คนทรยศชาติ มีความหมายว่าอย่างไร?
2. จงยกตัวอย่าง คนที่มีความประพฤติเข้าข่ายลักษณะ "คนทรยศชาติ" ที่ชัดเจน มาสัก 2-3 ตัวอย่าง?

มีเวลาคิดและส่งคำตอบ ภายใน 24 ชั่วโมง
ครบ 24 ชั่วโมง จะเข้ามาตรวจคำตอบและให้คะแนนนะค๊า

!!!ใครจะสอบได้ คะแนนเป็นที่ 1 ของมหา'ลัย ...มีรางวัล อิอิ!!!!


ขอบคุณค่ะ แต่เบิร์ดอยากให้ตั้งกระทู้ใหม่ที่เจาะจงไปเลยดีมั้ยค่ะ
จะได้รวบรวมความคิดเห็นของแต่ละท่านไว้ที่เดียวกัน
ง่ายต่อการพิจารณา เปรียบเทียบ และให้คะแนนตามที่ นู๋เจ๋ง ต้องการ

อีกประเด็น เบิร์ดอยากให้กระทู้นี้ เป็นแค่กระทู้ธรรมดา ๆ ที่ไม่โลดโผดนักค่ะ
หากผู้ที่มีโอกาสได้อ่าน แล้วฉุกคิด สะกิดใจสักเพียงนิดก็ โอเค แล้วค่ะ

ยังไงก็ตาม ขอบคุณอีกครั้งสำหรับคำถามที่ฝากไว้น่ะค่ะ :mrgreen:
User avatar
bird
 
Posts: 1426
Joined: Wed Apr 01, 2009 1:25 pm

Re: เค้าลางแห่งความเลวร้าย...แม้ว

Postby paper punch » Sat Oct 17, 2009 10:42 am

บอกแล้วต้องปักหมุด :lol:

เข้ามาบอกว่าผมเอาข้อมูลในกระทู้นี้ไปเล่นกับหางแดงเชียงใหม่
แล้วยังทำให้คนที่ไม่เคยรู้ ได้รู้เรื่องมากขึ้นด้วยครับ

ขอบคุณครับ :D
เคารพและศรัทธาคุณ ชวน หลีกภัย

ราตรีสวัสดิ์(official version)
http://www.youtube.com/watch?v=JFCooDPQ ... re=related
User avatar
paper punch
 
Posts: 922
Joined: Mon Oct 13, 2008 9:16 am

Re: เค้าลางแห่งความเลวร้าย...แม้ว

Postby แดง ขาว น้ำเงิน » Sat Oct 17, 2009 10:49 am

paper punch wrote:บอกแล้วต้องปักหมุด :lol:

เข้ามาบอกว่าผมเอาข้อมูลในกระทู้นี้ไปเล่นกับหางแดงเชียงใหม่
แล้วยังทำให้คนที่ไม่เคยรู้ ได้รู้เรื่องมากขึ้นด้วยครับ

ขอบคุณครับ :D


เยี่ยมครับ ที่อุดร ขอนแก่นก็ได้อ่านเช่นกันครับ ;)
"ผู้ที่ใช้สติปัญญาไม่เป็น คือคนโง่ ผู้ที่ไม่กล้าใช้สติปัญญา คือทาส" เพลโต้
User avatar
แดง ขาว น้ำเงิน
Moderator
 
Posts: 4943
Joined: Thu Feb 12, 2009 4:07 pm
Location: Earth

Re: เค้าลางแห่งความเลวร้าย...แม้ว

Postby bird » Sat Oct 17, 2009 10:59 am

paper punch wrote:บอกแล้วต้องปักหมุด :lol:

เข้ามาบอกว่าผมเอาข้อมูลในกระทู้นี้ไปเล่นกับหางแดงเชียงใหม่
แล้วยังทำให้คนที่ไม่เคยรู้ ได้รู้เรื่องมากขึ้นด้วยครับ

ขอบคุณครับ :D


แดง ขาว น้ำเงิน wrote:เยี่ยมครับ ที่อุดร ขอนแก่นก็ได้อ่านเช่นกันครับ ;)


ขอบคุณค่ะ ที่ช่วยกระจายข้อมูลให้น่ะค่ะ
เพียงแค่นี้ก็ถือว่า สำเร็จตามที่ตั้งใจไว้แล้วค่ะ

ขอบคุณทั้ง ๒ ท่านอีกครั้งน่ะค่ะ :oops: :oops: :oops:
User avatar
bird
 
Posts: 1426
Joined: Wed Apr 01, 2009 1:25 pm

Re: เค้าลางแห่งความเลวร้าย...แม้ว

Postby just in case. » Sat Oct 17, 2009 12:15 pm

กระทู้ดีดีต้องดัน :lol:
just in case.
 
Posts: 766
Joined: Sat Oct 17, 2009 10:11 am

Re: เค้าลางแห่งความเลวร้าย...แม้ว

Postby just in case. » Sat Oct 17, 2009 1:17 pm

กระทู้ดีดีต้องดัน :lol:
just in case.
 
Posts: 766
Joined: Sat Oct 17, 2009 10:11 am

Re: เค้าลางแห่งความเลวร้าย...แม้ว

Postby ดันดี » Sat Oct 17, 2009 1:56 pm

กระทู้ดี ดันดีชอบ 8-)
User avatar
ดันดี
 
Posts: 169
Joined: Sat Oct 17, 2009 12:16 pm


Re: เค้าลางแห่งความเลวร้าย...แม้ว

Postby bird » Sat Oct 17, 2009 3:15 pm

คำพูดหนึ่งประโยค เปลี่ยนชะตา

ภายหลังเหตุการ์ณ การเลือกตั้งอัปยศ ประเทศตกอยู่ในภาวะตึงเครียด มวลชนแบ่งเป็นฝัก
เป็นฝ่ายอย่างที่ไม่เคยปรากฎมาก่อน ครอบครัวเดียวกัน ญาติพี่น้อง ที่เคยรักกัน เพื่อนสนิท
ล้วนแตกแยก เพราะต่างฝ่ายต่างคิดว่าแกนนำของตัวเองเป็นฝ่ายถูก ข้อมูลที่ตนได้รับรู้วมา
เป็นข้อมูลที่ถูกต้อง ต่างฝ่ายต่างมุ่งให้ร้ายซึ่งกันและกัน ปิดหู ปิดตา ไม่รับรู้ว่าสถานการณ์
บ้านเมืองตกอยุ่ในภาวะที่อันตราย สถานการณ์ต่าง ๆ กำลังนำพาประเทศเข้าสู่ภาวะที่เรียกว่า
" สงครามกลางเมือง "

บรรดาแกนนำของแต่ละฝ่าย ต่างนำข้อมูลที่มุ่งเน้นให้ร้ายอีกฝ่ายอย่างไร้สติ มีเป้าหมาย
เพียงเพื่อให้มวลชนเกิดอารมณ์ร่วม ในลักษณะ โกรธ เกลียด ฝ่ายตรงข้ามอย่างไร้เหตุผล
สถานการณ์บ้านเมืองในขณะนั้น เกิดการชุมนุม ประท้วง ของกลุ่มต่าง ๆ กระจายไปทั่ว
ประชาชนตกอยู่ในภาวะตึงเครียด เพราะต้องรับปัญหาหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็น เศรษฐกิจ
และด้านการเมือง

จนกระทั่ง กันยายน 2549 เหตุการณ์ที่ร้อนแรงถึงจุดอิ่มตัว ข่าวการตั้งมวลชนของแต่ละ
ฝ่ายแพร่สะพัดไปทั่ว ส่มเสี่ยงต่อการปะทะกัน เลือดเนื้อของคนในชาติที่อาจจะต้องนอง
แผ่นดินอีกครั่ง หลังจากเหตุกาณ์ พฤษภา 2535 หากคณะปฎิรูปไม่ตัดสินใจกระทำการ
ซึ่งการดำเนินการเป็นไปอย่างเรียบร้อย ไร้ซึ่งการสูญเสียใด ๆ

จุดเปลี่ยนชะตาของคนหลายคน ณ วันนั้น เกิดจากคำพูดเพียงประโยคเดียวเท่านั้น เป็น
คำพูดที่ลั่นวาจาออกมาอย่างคนไร้สติ บ้าคลั่ง บ้าอำนาจ อาฆาต มาดร้าย เป็นคำพูดที่
สร้างให้เห็นถึง วิสัยทัศน์ของผู้พูดอย่างชัดเจน แม้บุคคลที่อยู่ข้างกายในฐานะผู้ร่วมงาน
และในฐานผุ้ใต้บังคับบัญชา ตัดสินใจ โทรกลับประเทศให้ผู้ใกล้ชิดรีบรายงานเข้าสู่ศูนย์
อำนวยการอย่างเร่งด่วน ก่อนที่เหตุการณ์จะรุนแรงและสายเกินแก้

" ต้องล้างให้หมด " เป็นคำพูดที่เปลี่ยนชะตา เปลี่ยนเกม เปลี่ยนเหตุการณ์ ให้จบลง
อย่างสันติ ดังที่ทุกท่านทราบดี แต่เปลี่ยนอย่างไรหละ เปลี่ยนเกมอะไร.....
เหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น เป็นเรื่องที่สุ่มเสี่ยง ที่จะเรียบเรียงเป็นตัวอักษรได้ จึงขอยุติ
เหตุการณ์ครั้งนี้ไว้ ณ ตรงจุดนี้เท่านั้น

ขอฝากไว้เพียงว่า คนที่มีความอาฆาต ไม่ยอมแพ้ และจะยอมทำทุกอย่างเพื่อชัยชนะ
ไม่ใช้คนที่มีความจริงใจ ให้ใครได้ ทุก ๆ คน ทุก ๆ ชีวิต เป็นเพียงหมากตัวหนึ่งในเกม
ในสายตา ในความคิดของเค้าเท่านั้น ใช้สติคิดให้รอบคอบ พิจารณาเหตุการณ์ต่าง ๆ
ให้ลึกซึ้ง รอบด้าน อย่าหลงกล ยอมเป็นหมากบนกระดาน เป็นบันไดให้เค้าเหยียบย่ำ
เพื่อก้าวขึ้นสู่อำนาจ เพราะนั้นย่อมหมายถึง คุณต้องสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่

อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ก่อนที่ทุกอย่างจะสิ้นสุดลง อย่างไร้การสูญเสียชีวิต
เลือดเนี้อของมวลชนจำนวนมหาศาล จะถูกบันทึกไว้เพื่อส่งต่อยังลูกหลานในอนาตค
User avatar
bird
 
Posts: 1426
Joined: Wed Apr 01, 2009 1:25 pm

Re: เค้าลางแห่งความเลวร้าย...แม้ว

Postby ดันดี » Sat Oct 17, 2009 3:58 pm

:idea:
User avatar
ดันดี
 
Posts: 169
Joined: Sat Oct 17, 2009 12:16 pm

Re: เค้าลางแห่งความเลวร้าย...แม้ว

Postby bird » Sat Oct 17, 2009 4:19 pm

นิทาน เรื่องเล่าจากอดีต

กาลครั้งหนึ่ง ในประเทศที่ห่างไกล แต่เป็นประเทศที่มีความเจริญ ประชาชนมีความเป็นอยู่ที่ดี
ภุมิอากาศหนาวเย็น ณ เวลานั้น ประเทศแห่งนี้กำลังจัดงานเลี้ยงอย่างเอิกเกริก มีตัวแทนจาก
ประเทศต่าง ๆ มาร่วมในงานเป็นจำนวนมาก ในจำนวนแขกที่อยู่ในงานมีตัวแทนจากเมือง ๆ
หนึ่ง มีตำแหน่งเป็นถึง เสนาบดี ผุ้ทรงอำนาจ มีบารมี มีข้าทาสบริวารมากมาย

ในขณะที่ท่านเสนาบดี กำลังเพลิดเพลินอยู่กับรสอาหาร และบรรยากาศ ม้าเร็วได้มาแจ้งข่าว
ว่ามีการเตรียมกำลังเพื่อคิดร้ายต่อท่านเสนาบดี ได้ยินเช่นนั้น เสนาบดี โกรธ หน้าดำ หน้าแดง
แล้วออกคำสั่งผ่านม้าเร็วให้รีบแจ้งกับมายังที่ศูนย์ที่ตั้ง ให้รีบจัดการกับพวกที่ก่อการกบฎให้หมด
ม้าเร็วได้รับคำสั่งเช่นนั้น ก็รีบขี่ม้ากลับมาแจ้งยังที่ตั้งโดยเร็ว

สมุนมือขาวของท่านเสนาบดี นายรัก ได้ยินเช่นนั้น ก็รีบปลีกตัวออกจากงานเลื้ยง ให้บริวาร
คนสนิทรีบแจ้งข่าวมายังบ้านพัก รีบเดินทางเข้ารายงานเหตุการณ์ต่อองครักษ์ของเจ้าผุ้ครองนคร
ทันที ว่าท่านเสนาบดีคิดไม่ซื่อ ให้เตรียมการป้องกัน

ในขณะเดียวกันภายในนคร มีการจัดวางกำลังขึ้น ๒ ฝ่าย ฝ่ายท่านเสนาบดี เป็นฝ่ายเหนือ
โดยมีนายชิดและนายโรจน์เป็นหัวหน้า และฝ่ายองครักษ์ เป็นฝ่ายใต้ โดยมีหัวหน้าองครัก
แต่ละหัวเมือง รวมกันเป็นหัวหน้า ต่างฝ่ายต่างมีแรงหนุนในจำนวนที่พอ ๆ กัน ในช่วงแรก
ฝ่ายเหนือมีทีท่าว่าจะเป็นฝ่ายได้เปรียบ มีการสั่งเคลื่อนกำลังเข้ามาป้องกัน ณ ที่ตั้งก่อน
ในขณะที่ฝ่ายใต้ ยังไม่แน่ใจกับข่าวที่ได้รับมา

แต่เหตุกาณ์ก็ผลิกผัน เมื่อม้าเร็วมาแจ้งข่าวว่า ท่านเสนาบดีสั่งให้จัดการกับพวกที่ตั้งตน
ขึ้นมาต่อต้านท่านเสนาบดีให้หมด ก่อนที่หัวหน้าฝ่ายเหนือจะสั่งการใด ๆ อดีตลูกน้อง
ท่านเสนาบดีคนเก่า ได้ส่งสาน์ส เตือนสติให้ นายโรจน์ หนึ่งในหัวหน้าฝ่ายเหนือใช้สติ
คิดให้รอบคอบ หากท่านเสนาบดีคนเดิมยังอยู่ ท่านจะเลือกอยู่ฝ่ายใด

คิดได้เช่นนั้น หัวหน้าฝ่ายเหนือ ตัดสินใจเดินออกจากศุนย์ที่ตั้งทันที แล้วเข้าร่วมกับ
ฝ่ายใต้ หรือ ฝ่ายองค์รักษ์ เข้าต่อกรกับฝ่ายเหนือของท่านเสนาบดี จนได้รับชัยชนะ

อย่าคิดมาก ก็แค่ นิทานก่อนนอนเรื่องหนึ่งเท่านั้น
User avatar
bird
 
Posts: 1426
Joined: Wed Apr 01, 2009 1:25 pm



Re: เค้าลางแห่งความเลวร้าย...แม้ว

Postby bird » Sun Oct 18, 2009 1:35 pm

นิทาน คำสั่งจากแดนไกล

มีนิทานมาเล่าให้ฟังอีกหนึ่งเรื่อง ก็แค่นิทาน อย่าคิดมาก

หากถอยหลังไปเมื่อสัก ๓ ปีที่ผ่านมา ก็น่าจะประมาณ ตุลาคม ๒๕๔๙ คำพูดประโยคหนึ่ง
ที่แพร่สะพัดในกลุ่มของผู้ที่มีหน้าที่ป้องกันรักษาประเทศ ในเครื่องแบบ ทั้ง ๓ สี คำสั่งนี้
แพร่กระจายมากเป็นพิเศษ เพื่อให้ทุกคนตระหนักถึงความร้ายแรงของสถานการณ์ที่เพิ่ง
ผ่านมาเพียงไม่กี่วัน ที่สุ่มเสี่ยงต่อการเกิดสงครามกลางเมือง เป็นคำสั่งที่ถูกอ้างอิงว่าเป็น
โทรศัพท์จากแดนไกล ณ เมื่องแห่งเสรีภาพ

คำสั่งดังกล่าวมาถึงใครบางคนที่กำลังร่วมบัญชาการ ณ กองอำนวนการสูงสุด ย่านหลักสี่
คำสั่งนี้ มีผู้ได้ยินหลายคน เป็นคนในเครื่องแบบที่ติดตามไปเป็นการ์ด อย่างเป็นทางการ
เมื่อเดินทางกลับได้มาให้ปากคำอย่างไม่เป็นทางการกับต้นสังกัด ซึ่งยืนยันได้ว่า พูดจริง
แต่จะพูดกับใครไม่ชัดแจน อาจจะเป็น ชัยชิด พรหมิน เรือโรจ หริอไม่นั้น ไม่ทราบชัดเจน
ชัดเจนแต่เพียงว่าคำสั่ง ก็คือ “...ต้องฆ่าให้หมด.”

ในขณะนั้นอ ผู้ออกคำสั่งไม่ได้คิดว่าตนเองแพ้ ยังเชื่ออยู่ว่าจะชนะ จะสามารถบดขยี้
ฝ่ายตรงข้ามที่เป็นหนามยอกมานานได้โดยไม่ผิดกฎหมาย ในขณะนั้นเวลาประมาณ ๓
ทุ่ม ซึ่งฝ่ายผู้ออกคำสั่งสามารถตั้งกองอำนวยการได้ก่อน ณ กองอำนวนการสูงสุด
ผู้อำนวยการของฝ่ายผู้ออกคำสั่ง ที่เป็นเหมือนแกนหลักคือ ชัยชิด พรหมิน เรือโรจ
ซึ่งคนกลุ่มนี้ถูกขนานนามว่า ฝ่ายเหนือ และฝ่ายองครักที่มาตั้งมั่นอยู่ที่ดำเนินนอก
ถูกเรียกว่า ฝ่ายใต้

ตามแผนการของฝ่ายเหนือในขณะนั้น คือให้ผู้ออกคำสั่ง ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน
จากแดนไกล ถิ่นเสรีภาพ สั่งการปลด หัวหน้าฝ่ายใต้ พร้อมตั้งผู้อำนายการสูงสุดให้มี
อำนาจคุมกำลังทั้งหมดตาม พรก ฉุกเฉิน หากจำเป็นต้องปะทะ ให้ดำเนินการถึงที่สุด
ไม่ต้องหลีกเลี่ยง ตามคำสั่งการมา “...ต้องฆ่าให้หมด.”

ที่มั่นของฝ่ายเหนืออยู่ในยุทธภูมิที่ได้เปรียบ มีหน่วยงานกระจายอยู่หลายหน่วยงาน
ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ภายใต้ พลปตอ ในขณะนั้นมีเพี่อนร่วมรุ่นที่เอางานเอาการ (เรืองศัก)
เป็นหัวหน้าคุมกำลัง และยังเป็นที่ตั้งของหน่วยไอซีที หากมีการวางแผนเดินหมากดีๆ
จะสามารถคุมการติดต่อสื่อสารได้ทั้งหมด

รถสายพานลำเลียงที่เคลื่อนที่ในเขตเมืองหลวงชุดแรกไม่ได้เป็นของ ฝ่ายใต้ หากแต่
เป็นของฝ่ายเหนือ ที่เคลื่อนมาคุ้มกัน กองอำนวยการสูงสุด และที่สำคัญอีกประการ
ประกาศยึดอำนาจในทางปฏิบัติฉบับแรก ก็ไม่ได้มาจากฝ่ายใต้ แต่มาจากฝ่ายเหนือ
ทางช่องมิ่งขวัญ เวลาประมาณ 4 ทุ่มเศษ ๆ ในคืนนั้น

จุดเปลี่ยนของเหตุการณ์อยู่ที่ การตัดสินใจขั้นสุดท้ายของผู้ใหญ่ฝ่ายเหนิอเรือโรจน์
ที่พอรู้ว่ามีการจัดกำลัง ฝ่ายเหนือ และ ฝ่ายใต้ เตรียมการปะทะ ทั้งเพื่อนสนิท ผู้ใหญ่
ติดต่อมาเพื่อเตือนสติ ทีสำคัญมีอยู่ ๒ ประโยค ที่สร้างความสะเทือนใจ และตั้งสติได้

“...เฮ้ย มึงกำลังจะทำอะไร คิดดูให้ดี ” และ
“...คิดดูให้ดีๆ นะ ถ้านายเอ็งยังอยู่ ในสถานการณ์อย่างนี้ นายเอ็งจะตัดสินใจอย่างไร
นายเอ็งจะเลือกใคร ”

ผู้ที่ได้สติย้อนนึกถึงนายที่ชือ สุนทร ในสถานการณ์เช่นนี้นายจะไม่ลังเลแม้แต่วินาที
ที่จะเลือกเป็นข้ารองบาทราชบัลลังก์ เมื่อคิดได้เช่นนี้แล้ว ก็หันหลังเดินออกจากที่มั่น
ของฝ่ายเหนือทันที เหตุการณ์ที่หวุดหวิดจะปะทะกัน สงครามกลางเมือง ก็มีอันยุติลง
ณ นาทีนั้น ตามมาด้วยข่าวจากฝ่ายเหนือแพร่ออกมาว่า พรหมินโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยง
ที่คน ๆ นี้ไม่สู้จริง จริงเท็จอย่างไร ผู้ร่วมอยู่ในวินาทีนั้นย่อมรู้อยู่แก่ใจ

โทรทัศน์ช่องเดียวที่สัมภาษณ์พิเศษพรหมิน คงต้องบอกว่า น่าประทับใจมากที่บรรดา
มืออาชีพ ผู้บูชาความเป็นกลาง ทั้งหลายในช่องนี้ทำให้สถานีของตนเองปล่อยให้เผย
แพร่ข้อความบางประโยคที่หากพิจารณาอย่างละเอียดถี่ถ้วน ก็จะพบว่า มีความม่งหวัง
สร้างรอยร้าวให้หน่วยรักษาความสงบ ทั้งนี้ เพราะไม่เพียงแต่บอกว่าตัวเองนั้นรักษา
ประชาธิปไตยจนวินาทีสุดท้าย ยังบอกอีกว่าผู้ที่ร่วมอยู่ ณ ที่มั่นของฝ่ายเหนือไม่เพียง
แต่มีเรือโรจ ยังมี บุญส้าง ด้วย

คำสั่ง “...ต้องฆ่าให้หมด.” ไม่มีใครรู้ชัดเจนหมายถึงใครบ้าง สนธิ ทั้ง ๒ พันธมิตร
มวลชนที่ต่อต้าน หรือจะรวมถึงปฏิบัติการเบ็ดเสร็จ บรรลุภารกิจครบถ้วน รู้แต่เพียงว่า
การถอยชั่วคราวนั้นไม่ได้เกิดจากความยินยอมพร้อมใจหรือเสียสละ เพื่อความสงบสุข
ของบ้านเมือง

แต่เกิดจาก ความจำใจ ความพ่ายแพ้ในวินาทีชิงอำนาจ แม้เมื่อถอยชั่วคราวไปแล้ว
ก็ไม่ได้แสดงท่าที สำนึกผิด แม้แต่จดหมายลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรค ก็ยัง
แสดงให้เห็นว่าคนคนนี้ ยังหวังลึกๆ ว่าจะกลับมาอีกครั้ง และไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้
ขึ้นอยู่กับว่ารัฐบาลที่เข้ามาบริหารบ้านเมืองจะรุ้เท่าทันเกมของเค้าหรือไม่....

ก็แค่นิทานธรรมดา เรื่องหนึ่งที่เล่า ต่อ ๆ กันมา เท่านั้น อย่าคิดมาก...
Last edited by bird on Sat Oct 24, 2009 12:07 pm, edited 1 time in total.
User avatar
bird
 
Posts: 1426
Joined: Wed Apr 01, 2009 1:25 pm

Re: เค้าลางแห่งความเลวร้าย...แม้ว

Postby jrr. » Sun Oct 18, 2009 3:44 pm

..............click..............
User avatar
jrr.
 
Posts: 887
Joined: Mon Oct 13, 2008 7:41 am

PreviousNext

Return to ห้องสมุด