jerasak wrote:
สำหรับประเด็นประกอบอื่นๆ เช่น มีการทุจริตเชิงนโยบาย เอื้อประโยชน์ให้กิจการ
ที่ตัวเองถือหุ้นหรือไม่นั้นไม่ใช่สาระสำคัญ เพราะต่อให้ไม่โกงเลยแม้แต่บาทเดียว
เพียงการเป็นนายกฯแล้วถือหุ้นสัมปทานรัฐก็ไม่มีสิทธิรับผลประโยชน์ใดๆแล้ว
protecter wrote:เท่าที่ผมเข้าใจ แบ่ง 2 กรณี
1...ธุรกิจที่ไม่เกี่ยวกับสัมปทานรัฐ ถือหุ้นได้ แต่กฏหมายห้ามถือเกิน 5 เบอร์เซ็น
2...ธุรกิจที่เกี่ยวกับสัมปทานรัฐ ห้ามเด็ดขาด
และไม่ใช่ ใช้บังคับกับแต่ตำแหน่งนายกเท่านั้น ยังรวมถึงตำแหน่งทางการเมืองทุกตำแหน่ง เช่น รมต
เพื่อป้องกัน มิให้นักการเมืองบริหารประเทศเอื้อประโยชน์แก่ธุรกิจของตัวเอง
กรณีของทักษิณ มันเลี่ยงกฏหมาย โดยใช้ชื่อลูกถือแทน และทำทุกวิถีทาง ใช้อำนาจเอื้อประโยชย์แก่ธุรกิจของตัวมันเอง
เช่น แก้สัญญาสัมปทาน
ooo wrote:jerasak wrote:
สำหรับประเด็นประกอบอื่นๆ เช่น มีการทุจริตเชิงนโยบาย เอื้อประโยชน์ให้กิจการ
ที่ตัวเองถือหุ้นหรือไม่นั้นไม่ใช่สาระสำคัญ เพราะต่อให้ไม่โกงเลยแม้แต่บาทเดียว
เพียงการเป็นนายกฯแล้วถือหุ้นสัมปทานรัฐก็ไม่มีสิทธิรับผลประโยชน์ใดๆแล้ว
ผมคิดว่าประเด็นการทุจริต การเอื้อประโยชน์เป็นประเด็นสำคัญเลยในการยึดทรัพย์
ถ้าไม่มีเรื่องเหล่านี้จะไปยึดทรัพย์เขาได้อย่างไร
การเป็นนายกฯแล้วไปถือหุ้นสัมปทานมันก็เป็นเรื่องที่กฎหมายห้าม เมื่อฝ่าฝืนก็ต้องพ้นจากตำแหน่งไป
แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาขี้โกง ดังนั้นทรัพย์สินที่เขาค้าขายมาอย่างสุจริตจะไปยึดเขาไม่ได้ ผิดหลักนิติธรรมเป็นอย่างยิ่ง
ooo wrote:คุณจีครับ
ในส่วนถือหุ้นสัมปทาน ก็ผิดอาจถูกถอดถอนและถูกดำเนินคดีอาญาได้ประเด็นนี้เราเห็นตรงกันครับ
แต่ประเด็นที่คุณสรุปว่าเพียงแค่ถือหุ้นสัมปทานแล้วจะถือว่าร่ำรวยผิดปกติ ยึดทรัพย์ได้เลย อันนี้ผมไม่เห็นด้วย
Superb_Mob wrote:ออกตัวก่อนว่าไม่มีความรู้เรื่องกฏหมาย แต่สงสัยว่า หุ้นที่ว่าซุกๆ กันเนี้ยก็เป็นหุ้นตัวเดียวกับสมัยขึ้นศาลฯ ปี 44 ตอนนั้นรอดมาได้ แต่ตอนนี้ไม่รอด แล้วต่อไปจะเอาคำตัดสินตรงไหนเป็นหลักดีครับ ส่วนตัวแล้วถ้าเมืองไทยสามารถเอาคำตัดสินปัจจุบันเป็นบรรทัดฐานใช้กับผู้ถือครองอำนาจรัฐทุกคนได้อย่างเท่าเทียม ผมจะดีใจเป็นล้นพ้น เพราะเชื่อได้เลยว่าน่าจะโดนกันเป็นทิวแถว แต่ในความเป็นจริงคงเป็นที่รู้อยู่แก่ใจ ใครขึ้นมามีอำนาจก็เล่นพรรคเล่นพวกกันทั้งนั้น มิฉะนั้นแม้วมันก็ต้องโดนซิวตั้งแต่ตอนเป็นนายกไปแล้ว ไม่ต้องให้เกิดรัฐประหารถึงเช็คบิลได้หรอก แล้วผมก็อยากถามกลับว่า คุณคิดกันจริงๆ หรือว่าพรรคเทพเนี้ยไม่มีใครซุกหุ้น(ตามบรรทัดฐานของศาลฯตอนนี้)เลยซักคน ผมละอยากเห็นขบวนการรักชาติมีจริงๆ จังครับ
ooo wrote:ถ้าเป็นอย่างคุณจีว่า ประเด็นของคดีก็ควรมีแค่ว่านายกฯถือหุ้นสัมปทานหรือไม่ ถ้าพิสูจน์ได้ว่าถือหุ้นสัมปทานก็ยึดทรัพย์ได้เลย
โดยไม่จำเป็นต้องมีประเด็นเรื่องเอื้อประโยชน์อีก
แต่ข้อเท็จจริงในคดีมิได้เป็นเช่นนั้น คดียังมีประเด็นเกี่ยวกับการเอื้อประโยชน์อีก 5 กรณี
ซึ่งศาลวินิจฉัยไปทีละประเด็นว่าเป็นการใช้ตำแหน่งหน้าที่เอื้อประโยชน์ แล้วจึงมาสู่การพิพากษายึดทรัพย์
สรุปง่ายๆว่า ถ้าไม่มีเรื่องเอื้อประโยชน์ให้กับตนเองก็ไม่อาจถือได้ว่ามีพฤติการณืร่ำรวยผิดปกติ จึงทำให้ยึดทรัพย์ไม่ได้ครับ...
Superb_Mob wrote:หรือจะพูดแบบภาษาชาวบ้านก็คือทีใครทีมันใช่มั้ยครับ แล้วการรัฐประหารก็จะอยู่คู่กับเมืองไทยตราบนานเท่านาน
Superb_Mob wrote:ออกตัวก่อนว่าไม่มีความรู้เรื่องกฏหมาย แต่สงสัยว่า หุ้นที่ว่าซุกๆ กันเนี้ยก็เป็นหุ้นตัวเดียวกับสมัยขึ้นศาลฯ ปี 44 ตอนนั้นรอดมาได้ แต่ตอนนี้ไม่รอด แล้วต่อไปจะเอาคำตัดสินตรงไหนเป็นหลักดีครับ ส่วนตัวแล้วถ้าเมืองไทยสามารถเอาคำตัดสินปัจจุบันเป็นบรรทัดฐานใช้กับผู้ถือครองอำนาจรัฐทุกคนได้อย่างเท่าเทียม ผมจะดีใจเป็นล้นพ้น เพราะเชื่อได้เลยว่าน่าจะโดนกันเป็นทิวแถว แต่ในความเป็นจริงคงเป็นที่รู้อยู่แก่ใจ ใครขึ้นมามีอำนาจก็เล่นพรรคเล่นพวกกันทั้งนั้น มิฉะนั้นแม้วมันก็ต้องโดนซิวตั้งแต่ตอนเป็นนายกไปแล้ว ไม่ต้องให้เกิดรัฐประหารถึงเช็คบิลได้หรอก แล้วผมก็อยากถามกลับว่า คุณคิดกันจริงๆ หรือว่าพรรคเทพเนี้ยไม่มีใครซุกหุ้น(ตามบรรทัดฐานของศาลฯตอนนี้)เลยซักคน ผมละอยากเห็นขบวนการรักชาติมีจริงๆ จังครับ
ที่ทำให้ยกฟ้องจริง ๆ มันมาจากกรณีนี้ไม่เข้าประเด็น ม.295 ครับ ที่มี 4 เสียงไงครับ แต่ถ้าถามว่ามันจงใจซุกหรือไม่ซุก อันนี้เสียงที่พิจารณาว่าจงใจมี 7 เสียง ไม่จงใจ 4 เสียงooo wrote:Superb_Mob wrote:ออกตัวก่อนว่าไม่มีความรู้เรื่องกฏหมาย แต่สงสัยว่า หุ้นที่ว่าซุกๆ กันเนี้ยก็เป็นหุ้นตัวเดียวกับสมัยขึ้นศาลฯ ปี 44 ตอนนั้นรอดมาได้ แต่ตอนนี้ไม่รอด แล้วต่อไปจะเอาคำตัดสินตรงไหนเป็นหลักดีครับ ส่วนตัวแล้วถ้าเมืองไทยสามารถเอาคำตัดสินปัจจุบันเป็นบรรทัดฐานใช้กับผู้ถือครองอำนาจรัฐทุกคนได้อย่างเท่าเทียม ผมจะดีใจเป็นล้นพ้น เพราะเชื่อได้เลยว่าน่าจะโดนกันเป็นทิวแถว แต่ในความเป็นจริงคงเป็นที่รู้อยู่แก่ใจ ใครขึ้นมามีอำนาจก็เล่นพรรคเล่นพวกกันทั้งนั้น มิฉะนั้นแม้วมันก็ต้องโดนซิวตั้งแต่ตอนเป็นนายกไปแล้ว ไม่ต้องให้เกิดรัฐประหารถึงเช็คบิลได้หรอก แล้วผมก็อยากถามกลับว่า คุณคิดกันจริงๆ หรือว่าพรรคเทพเนี้ยไม่มีใครซุกหุ้น(ตามบรรทัดฐานของศาลฯตอนนี้)เลยซักคน ผมละอยากเห็นขบวนการรักชาติมีจริงๆ จังครับ
คดีแรกทักษิณยอมรับว่าหุ้นที่อยู่ในชื่อคนใช้ คนขับรถ เป็นของตัวเองจริงแต่ที่เอาชื่อคนอื่นใส่ไว้ก็ด้วยเหตุผลทางธุรกิจ
ซึ่งในขณะยื่นบัญชีทรัพย์สินนั้นมีหุ้นบางตัวที่ไม่รู้ว่าอยู่ในชื่อคนอื่นเนื่องจากเลขาเป็นผู้ดำเนินการให้ หรือบางทีหลงลืม
ไม่ได้มีเจตนาปกปิดทรัพย์สิน เป็นเรื่องของการบกพร่องโดยสุจริต เมื่อศาลฟังว่าทักษิณไม่มีเจตนาปกปิดบัญชีทรัพย์สิน
ก็ยกฟ้องไป ซึ่งประเด็นต่างกันกับในคดียึดทรัพย์นี้ที่ทักษิณสู้ว่า หุ้นไม่ใช่ของตนแต่ศาลฟังว่าหุ้นยังเป็นของทักษิณและมีการ
ใช้ตำแหน่งหน้าที่เอื้อประโยชน์จึงพิพากษาให้ยึดทรัพย์ครับ
ดังนั้นเมื่อประเด็นต่างกัน คำพิพากษาทั้งสองครั้งจึงไม่ได้มีอะไรขัดกันเลย...
ooo wrote:คุณจีครับ
ปกติศาลจะไม่วินิจฉัยในประเด็นที่ไม่เป็นสาระแก่คดีหรือไม่มีผลใดๆต่อคำพิพากษา
ถ้าศาลเห็นว่าแค่รับสัมปทานรัฐก็เพียงพอต่อการพิพากษายึดทรัพย์แล้ว
ก็ย่อมไม่มีเหตุผลใดๆที่ศาลจะต้องวินิจฉัยในประเด็นเอื้อประโยชน์อีก
เพราะการจะเอื้อประโยชน์หรือไม่ย่อมไม่ทำให้ผลของคำพิพากษาเปลี่ยนแปลงไป
อันที่จริงในคดียึดทรัพย์นี้คตส.ก็ตั้งไปหลายประเด็นซึ่งศาลก็ไม่ได้วินิจฉัยให้ในหลายประเด็น
เหมือนกันนะครับ โดยบอกว่า "ไม่จำต้องวินิจฉัย เพราะไม่ทำให้ผลของคำวินิจฉัยเปลี่ยนแปลงไป"
ดังนั้น การที่ศาลวินิจฉัยในประเด็นเอื้อประโยชน์ ย่อมแสดงว่าประเด็นดังกล่าวมีความสำคัญ
อันจะส่งผลถึงคำวินิจฉัย ว่าจะยึดหรือไม่ยึด นะครับ
เงินที่เหลือศาลสั่งให้คืนเจ้าของครับ แต่ต้องรอคดีจบก่อนครับ ถ้าใน 30 วันนับตั้งแต่วันตัดสินไม่มีการอุทธรณ์ ก็จัดการยึดทรัพย์และคืนเงินที่เหลือครับ ส่วนเรื่องอายัดเงินที่เหลือนี่เป็นหน้าที่ของหน่วยงานอื่น ๆ ที่จะร้องขอทำการอายัด อยู่ ๆ ศาลจะไปอายัดทรัพย์ใครไม่ได้ครับ และก็นึกจะถอนอายัดใครก็ไม่ได้ด้วยหากไม่มีการร้องขอมาริวเซย์ wrote:ทรัพย์ที่เหลืออีกราวๆสามหมื่นล้าน อายัดเอาไว้เพื่อรอคดีอื่นต่อไป
หรือศาลสั่งให้คืนเจ้าของครับ
แค่สงสัยว่า ทักษิณมันจะได้เงินคืนทันทีเลยหรือไม่ ในเมื่อเจ้าตัวก็ยัง
เป็นนักโทษหลบหนีคดีอาญาอยู่แบบนี้ แถมยังมีคดีอื่นๆติดตัวอีกมาก
ศาลน่าจะอายัดเงินที่เหลือเพื่อใช้ปรับในคดีอื่นๆต่อไปครับ