==ข้อสรุปแบบสั้นๆชัดๆของผม เกี่ยวกับคดียึดทรัพย์ทักษิณ==
Posted: Wed Mar 03, 2010 6:50 pm
จากที่ได้เห็นความเคลื่อนไหวของฝ่ายต่างๆ หลังศาลพิพากษายึดทรัพย์คุณทักษิณ
พบมีความไม่เข้าใจในหมู่ประชาชนโดยเฉพาะชาวเสื้อแดง และมีการวิพากษ์วิจารณ์
กันออกนอกลู่นอกทางไปมาก ผมมีข้อสรุปสั้นๆอยากตั้งกระทู้ให้ชาวเสรีไทยได้อ่าน
นานๆจะได้แวะมาคุยกันสักทีนะครับ
สรุปคือ กฎหมายไทยห้ามนายกฯถือหุ้นสัมปทานรัฐ เช่น กิจการมือถือ ดาวเทียม
กับมีหลักกฎหมายสำคัญคือ บุคคลไม่ควรได้รับประโยชน์ใดๆจากการฝ่าฝืนกฎหมาย
ดังนั้นผลประโยชน์ใดๆ ที่เกิดขึ้นจากการถือหุ้นดังกล่าวระหว่างเป็นนายกฯ ไม่ว่า-
จะเป็นมูลค่าหุ้นที่เพิ่มขึ้นหรือเงินปันผล จึงเป็นผลประโยชน์ที่ได้รับโดยมิชอบทั้งสิ้น
และย่อมถือเป็นความร่ำรวยผิดปกติ เพราะนายกฯไม่สามารถถือหุ้นสัมปทานรัฐได้
เรื่องนี้จึงไม่เกี่ยวกับว่าหุ้นสัมปทานรัฐที่ถืออยู่จะมีราคาเพิ่มขึ้นเหมือนหรือแตกต่างกับ
หุ้นอื่นๆในตลาดหลักทรัพย์ ไม่เกี่ยวว่ากิจการจะมีกำไรมากกว่าหรือเท่ากับกิจการอื่นๆ
ตามที่คุณทักษิณและชาวเสื้อแดงกำลังพยายามชี้แจงแก้ต่าง เพราะนายกฯไม่มีสิทธิ-
รับผลประโยชน์สัมปทานรัฐแม้แต่สตางค์เดียว แต่คุณทักษิณรวยขึ้นหลายหมื่นล้าน
...
ศาลมีคำวินิจฉัยเป็นเอกฉันท์ในประเด็น "ซุกหุ้น" ว่าคุณทักษิณซุกหุ้นสัมปทานรัฐ
ซึ่งคุณทักษิณได้ต่อสู้คดีในประเด็นนี้แล้ว และไม่สามารถแก้ต่างให้ตัวเองได้
การที่ศาลพิพากษาให้คืนเงินคุณทักษิณตามมูลค่าหุ้นก่อนเข้ารับตำแหน่งนายกฯ
คือจำนวน 3 หมื่นล้านบาท และยึดเงินที่เพิ่มขึ้นมา 4.6 หมื่นล้าน ซึ่งประกอบด้วย
มูลค่าหุ้นที่เพิ่มขึ้น และเงินปันผลที่ได้รับระหว่างคุณทักษิณดำรงตำแหน่งนายกฯ
จึงเป็นการตัดสินตามกฎหมายโดยถูกต้องยุติธรรมแล้ว
สำหรับประเด็นประกอบอื่นๆ เช่น มีการทุจริตเชิงนโยบาย เอื้อประโยชน์ให้กิจการ
ที่ตัวเองถือหุ้นหรือไม่นั้นไม่ใช่สาระสำคัญ เพราะต่อให้ไม่โกงเลยแม้แต่บาทเดียว
เพียงการเป็นนายกฯแล้วถือหุ้นสัมปทานรัฐก็ไม่มีสิทธิรับผลประโยชน์ใดๆแล้ว
...
เพิ่มเติมสักหน่อยว่าการยึดทรัพย์เป็นเรื่องหนึ่ง ส่วนความผิดอาญากรณีเป็นนายกฯ
แล้วถือหุ้นสัปทานรัฐก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง การแถลงทรัพย์สินอันเป็นเท็จหลายครั้ง
ก็เป็นความผิดอีกเรื่องหนึ่ง และหากมีการใช้อำนาจหน้าที่ทุจริตก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
ซึ่งคุณทักษิณมีภาระจะต้องต่อสู้คดีต่อไปนะครับ
ข้อสรุปของผมมีเพียงเท่านี้ หากเห็นว่าเข้าท่าจะนำไปเผยแพร่ต่อก็ยินดีครับ
พบมีความไม่เข้าใจในหมู่ประชาชนโดยเฉพาะชาวเสื้อแดง และมีการวิพากษ์วิจารณ์
กันออกนอกลู่นอกทางไปมาก ผมมีข้อสรุปสั้นๆอยากตั้งกระทู้ให้ชาวเสรีไทยได้อ่าน
นานๆจะได้แวะมาคุยกันสักทีนะครับ
สรุปคือ กฎหมายไทยห้ามนายกฯถือหุ้นสัมปทานรัฐ เช่น กิจการมือถือ ดาวเทียม
กับมีหลักกฎหมายสำคัญคือ บุคคลไม่ควรได้รับประโยชน์ใดๆจากการฝ่าฝืนกฎหมาย
ดังนั้นผลประโยชน์ใดๆ ที่เกิดขึ้นจากการถือหุ้นดังกล่าวระหว่างเป็นนายกฯ ไม่ว่า-
จะเป็นมูลค่าหุ้นที่เพิ่มขึ้นหรือเงินปันผล จึงเป็นผลประโยชน์ที่ได้รับโดยมิชอบทั้งสิ้น
และย่อมถือเป็นความร่ำรวยผิดปกติ เพราะนายกฯไม่สามารถถือหุ้นสัมปทานรัฐได้
เรื่องนี้จึงไม่เกี่ยวกับว่าหุ้นสัมปทานรัฐที่ถืออยู่จะมีราคาเพิ่มขึ้นเหมือนหรือแตกต่างกับ
หุ้นอื่นๆในตลาดหลักทรัพย์ ไม่เกี่ยวว่ากิจการจะมีกำไรมากกว่าหรือเท่ากับกิจการอื่นๆ
ตามที่คุณทักษิณและชาวเสื้อแดงกำลังพยายามชี้แจงแก้ต่าง เพราะนายกฯไม่มีสิทธิ-
รับผลประโยชน์สัมปทานรัฐแม้แต่สตางค์เดียว แต่คุณทักษิณรวยขึ้นหลายหมื่นล้าน
...
ศาลมีคำวินิจฉัยเป็นเอกฉันท์ในประเด็น "ซุกหุ้น" ว่าคุณทักษิณซุกหุ้นสัมปทานรัฐ
ซึ่งคุณทักษิณได้ต่อสู้คดีในประเด็นนี้แล้ว และไม่สามารถแก้ต่างให้ตัวเองได้
การที่ศาลพิพากษาให้คืนเงินคุณทักษิณตามมูลค่าหุ้นก่อนเข้ารับตำแหน่งนายกฯ
คือจำนวน 3 หมื่นล้านบาท และยึดเงินที่เพิ่มขึ้นมา 4.6 หมื่นล้าน ซึ่งประกอบด้วย
มูลค่าหุ้นที่เพิ่มขึ้น และเงินปันผลที่ได้รับระหว่างคุณทักษิณดำรงตำแหน่งนายกฯ
จึงเป็นการตัดสินตามกฎหมายโดยถูกต้องยุติธรรมแล้ว
สำหรับประเด็นประกอบอื่นๆ เช่น มีการทุจริตเชิงนโยบาย เอื้อประโยชน์ให้กิจการ
ที่ตัวเองถือหุ้นหรือไม่นั้นไม่ใช่สาระสำคัญ เพราะต่อให้ไม่โกงเลยแม้แต่บาทเดียว
เพียงการเป็นนายกฯแล้วถือหุ้นสัมปทานรัฐก็ไม่มีสิทธิรับผลประโยชน์ใดๆแล้ว
...
เพิ่มเติมสักหน่อยว่าการยึดทรัพย์เป็นเรื่องหนึ่ง ส่วนความผิดอาญากรณีเป็นนายกฯ
แล้วถือหุ้นสัปทานรัฐก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง การแถลงทรัพย์สินอันเป็นเท็จหลายครั้ง
ก็เป็นความผิดอีกเรื่องหนึ่ง และหากมีการใช้อำนาจหน้าที่ทุจริตก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
ซึ่งคุณทักษิณมีภาระจะต้องต่อสู้คดีต่อไปนะครับ
ข้อสรุปของผมมีเพียงเท่านี้ หากเห็นว่าเข้าท่าจะนำไปเผยแพร่ต่อก็ยินดีครับ