ทำไมคณะราษฯ ยังดึงดันเปลี่ยนระบอบ ทั้งๆ ที่ ดุสิตธานี กำเนิด

คลังปัญญา กระทู้ปักหมุดเดิม เรื่องสำคัญจัดเก็บที่นี่

Re: ทำไมคณะราษฯ ยังดึงดันเปลี่ยนระบอบ ทั้งๆ ที่ ดุสิตธานี กำเนิด

Postby paipai » Sat May 01, 2010 1:24 am

jinnivan wrote:คิดเล่นๆในมุมกลับ ถ้าคณะราษฏร์ไม่ยึดอำนาจ ป่านนี้บ้านเราได้เจออำมาตย์ของแท้คุณหลวงตัวเป็นๆแน่ๆ :lol:

แต่ท่านปรีดีก็มีความชอบอยู่บ้างที่เชิญพระยุวกษัตริย์ ขึ้นครองราชย์ แล้วก็โชคดีที่พระยุวกษัตริย์เป็นผู้มีความรู้ความสามารถ รู้ถึงอำนาจของสถาบัน และสามารถรวบรวมความจงรักภักดีของประชาชนต่อพระองค์ได้ สิ่งนี้เป็นสิ่งที่ท่านปรีดีคาดไม่ถึง


คุณไม่รู้หรือว่าการเชิญยุวกษัตริย์ขึ้นครองราชย์ แล้วปรีดีจะได้เป็นผู้สำเร็จราชการแทนยึดอำนาจเบ็ดเสร็จไปไว้ในมือคนเดียวเลย ไม่มีใครห้ามได้(เหมือนตั๋งโต๊ะ) จริงอยู่ปรีดีเป็นนักกฏหมายระหว่างประเทศที่เก่งนะสามารถเจรจายกเลิกสนธิสัญญาที่ไม่เป็นธรรมต่างๆกับหลายๆประเทศได้ แต่เรื่องแก้แค้นส่วนตัวกับก็ไม่สมควรทำอยู่ดี ตอนที่ยึดอำนาจวันแรกมีคำกล่าวปราศัยโจมตี ร.7 ที่ลานพระบรมรูปทรงม้า แต่กลับไปขอพระราชทานอภัยโทษที่วัง อย่างนี้มันตบหัวลูบหลังชัดๆ ยึดอำนาจไปแล้วก็ทำเละ ทุกวันนี้ประชาชนชาวไทยยังเช็ดขี้ไม่หมดเลย ไอ้กากเดนประชาธิปไตยที่เราต้องอาศัยมันอยู่นี่ก็เพราะความใจร้อนของปรีดีนี่แหละ คุณอาจจะเถียงว่าในเวลานั้น เศรษฐกิจไม่ดี ข้าวยากหมากแพง แต่คุณต้องพิจารณาให้ดีว่าในเวลานั้นคล้ายๆกับเวลานี้ เวลานั้นมีสงครามโลก ทุกอย่างขาดแคลน ไม่ว่าใครบริหารแผ่นดินย่อมถูกกล่าวในทางไม่ดีได้เพราะคนเดือดร้อน ตอนนี้ก็เหมือนกัน เศรษฐกิจโลกย่ำแย่มาจากอเมริกาและยุโรป ใครบริหารราชการตอนนี้ก็ต้องถูกด่าครับ
User avatar
paipai
 
Posts: 6
Joined: Thu Apr 29, 2010 12:22 am

Re: ทำไมคณะราษฯ ยังดึงดันเปลี่ยนระบอบ ทั้งๆ ที่ ดุสิตธานี กำเนิด

Postby Oriland » Sat May 01, 2010 1:43 am

เรื่องในประวัติศาสตร์นั้น เป็นความผิดของคณะราษฎ์ ล้วนๆ

อยากได้อำนาจ จนตัวสั่น

ถ้าจำไม่ผิด สมัยก่อนหน้า ร.7 หรือ ในสมัย ร.7 มีหนังสือพิมพ์ให้ประชาชนได้อ่านข่าวสาร

หนังสือพิมพ์ วิจารณ์การทำงานของ รัฐบาลสมบูรณญาณาสิทธิราชได้ ไม่มีความผิด

ประชาธิปไตย เริ่มค่อยเป็นค่อยไป มีโรงเรียนให้ประชาชนได้ศึกษาเรื่องประชาธิปไตย และอื่นๆ

แต่ ไอ้คนกลุ่มนี้ไม่ยอม กูต้องเปลี่ยนทันที โดยไม่นึกถึงผลดีผลเสีย

ถามจริงๆ ว่า มึงเป็น รัฐบุรุษอาวุโส ได้ยังไง ถ้าในตอนนั้น พวกเขาไม่ทำ

และปล่อยให้ประชาธิปไตย ดำเนินไปเรื่อยๆ ลูกหลาน คงไม่ต้องมาทนทุกข์ แบบนี้หรอก

ตอนนี้ คงนั่งมอง ประเทศไทยอยู่ในนรก อยู่แน่ๆ ดูไว้ซะ กับสิ่ง ที่พวกมึงทำ


เรื่องนี้ยาวครับ เอาไว้มีอารมณ์ จะ โพสยาวๆ
User avatar
Oriland
 
Posts: 316
Joined: Sat Jan 24, 2009 4:30 pm

Re: ทำไมคณะราษฯ ยังดึงดันเปลี่ยนระบอบ ทั้งๆ ที่ ดุสิตธานี กำเนิด

Postby GuoJia » Sat May 01, 2010 1:54 am

ไพร่ตัวต้นแบบอยู่ที่นี่เอง

http://www.pridiinstitute.com/autopage/ ... 19&d_id=19

ไพร่แดงปัจจุบันได้รับแรงบันดาลใจ และถอดแบบกันมาเป๊ะ ๆ

:evil: :evil: :evil:
ไอ้จ่อย : เอแบคโพลสำรวจพบคนบ้านเรา 69.9% ตั้งใจรับเงินขายเสียง...
...ผู้ใหญ่ส่งเสริมการปกครองระบอบประชาธิปไตยใช่ไหม?
ผู้ใหญ่มา : ใช่...แล้วไง?
ไอ้จ่อย : ในระบอบประชาธิปไตย เราต้องทำตามมติเสียงส่วนใหญ่

ผู้ใหญ่มากับทุ่งหมาเมิน ชัย ราชวัตร 21/01/2554
User avatar
GuoJia
 
Posts: 893
Joined: Mon Oct 13, 2008 2:19 am


Re: ทำไมคณะราษฯ ยังดึงดันเปลี่ยนระบอบ ทั้งๆ ที่ ดุสิตธานี กำเนิด

Postby CChachoengsao » Sat May 01, 2010 6:58 pm

พวกมักใหญ่ใฝ่สูง

หรือไม่ก็พวก idealistic

สัดพวกแรกมีให้เห็นอยู่ในสังคมไทยแม้กระทั่งตอนนี้ ไอ้มะเร็งไข่ตัวพ่อเป็นตัวอย่างที่ดี
สัดพวกที่สองนี้ ถ้าพูดแบบเหวงๆ ก็เป็นพวกเพ้อเจ้อเพ้อฝัน ตัวอย่างง่ายๆ Communist...ประเทศจีนยังเรียกว่า "Communist" ได้เหรอ

ความคิดบางอย่างสวยหรู เอาไปศึกษาเพียงแค่ให้เป็นปัญญาทาน แต่เอามาปฏิบัติจริงไม่ได้

"Workers of the world Unite!"
User avatar
CChachoengsao
 
Posts: 174
Joined: Sun Nov 29, 2009 1:40 pm

Re: ทำไมคณะราษฯ ยังดึงดันเปลี่ยนระบอบ ทั้งๆ ที่ ดุสิตธานี กำเนิด

Postby zeus » Sat May 01, 2010 7:14 pm

76 ปี กับมรดกบาป เพราะมีอาชีพนักการเมือง โผล่มา วันๆไม่ต้องทำอะไร เถียงมันอย่างเดียว
zeus
 
Posts: 1214
Joined: Wed Apr 21, 2010 11:45 am

Re: ทำไมคณะราษฯ ยังดึงดันเปลี่ยนระบอบ ทั้งๆ ที่ ดุสิตธานี กำเนิด

Postby khunmaedukdik » Sat May 01, 2010 7:46 pm

ดีใจจังค่ะ ตัวเองคิดเรื่องนี้มาหลายปีแล้วนะค่ะ การที่บ้านเมืองเราเป็นแบบนี้เป็นเพราะ ประชาชนยังไม่พร้อมที่จะปฏิรูปการปกครอง พวกที่กลับมาจากต่างประเทศ มองเมืองไทยเป็นสังคมล้าหลังต้องเปลี่ยนแปลงทันที ทั้งที่ฐานรากเมืองไทยยังไม่แน่นพอ ถ้าตอนนั้นพวกคณะราษฏร์ใจเย็นสักนิด จะไม่เกิดเหตุการณ์ในปัจจุบันอย่างนี้หรอกค่ะ
User avatar
khunmaedukdik
 
Posts: 125
Joined: Tue Oct 14, 2008 6:47 pm

Re: ทำไมคณะราษฯ ยังดึงดันเปลี่ยนระบอบ ทั้งๆ ที่ ดุสิตธานี กำเนิด

Postby shinnsei » Sat May 01, 2010 7:56 pm

แนะนำให้ หาเนื้อเรื่องอ่านใน พันทิป / ห้องสมุดครับ มีอะไรดีๆอีกมากให้ศึกษา และเป็นห้องที่แดงตีไม่เคยแตก โดนอัดน่วมกลับราชดำเนินให้ไว
http://twtpoll.com/icfv3a - ช่วยโหวตด้วยนะครับ ความพึงพอใจต่อทหาร ตำรวจ
User avatar
shinnsei
 
Posts: 52
Joined: Wed Apr 07, 2010 2:30 pm

Re: ทำไมคณะราษฯ ยังดึงดันเปลี่ยนระบอบ ทั้งๆ ที่ ดุสิตธานี กำเนิด

Postby -3- » Sat May 01, 2010 8:20 pm

ท่านอื่นตอบไปหมดแล้ว ไม่รู้จะเสริมอะไรดี

เอาเป็นว่าช่วยดันละกัน :D :D
"คนไทยนี่โชคดีจริงๆนะ จะอยู่ที่ไหน จะทำอะไร มีในหลวงฯคอยติดตามเฝ้าดูอยู่อย่างใกล้ชิดตลอดเวลา...ก็ผมเห็นธนบัตรไทยมีรูปในหลวงฯของพวกคุณอยู่ ทุกๆใบแม้นกระทั่งในเหรียญที่มีค่าน้อยที่สุดถึงมีค่ามากที่สุดในธนบัตร ไม่เคยห่างกัน"
User avatar
-3-
Moderator
 
Posts: 6302
Joined: Thu Nov 27, 2008 11:34 am
Location: Gensokyo

Re: ทำไมคณะราษฯ ยังดึงดันเปลี่ยนระบอบ ทั้งๆ ที่ ดุสิตธานี กำเนิด

Postby nanalife » Sat May 01, 2010 8:24 pm

rokjitjung wrote:ทั้งหมดเป็นสงคราม "ควาามเชื่อ" ครับ

แต่หากมองในแง่ดี (คือไม่มองในแง่ว่าใครผิดใครถูก เพราะจริงๆ แล้ว ก็มีมุมมองที่หาเหตุให้ผิดหรือถูกได้ทั้งคู่ ขึ้นอยู่กับว่าจะมองมุมไหน)

ต่างฝ่ายต่างมีมุมมองที่ต้องการเห็นการพัฒนาของประเทศ แต่ "เลือก" วิธีการที่แตกต่างกัน เพราะต่างฝ่ายต่างก็มีเหตุผลรองรับที่ "สมเหตุสมผล" ทั้งคู่ ขึ้นอยู่กับว่า ณ จุดนั้น ในสถานการณ์ขณะนั้น จะดูจากมุมไหน

ไม่เถียงครับที่ว่า ท่านอาจารย์ปรีดี (ในขณะก่อการ) มีแนวคิดในลักษณะที่เห็นว่า สถาบันเป็นอุปสรรคในการพัฒนาประเทศ แต่ไม่ใช่ในมุมมองเชิงความแตกต่างของชนชั้นเพราะท่านเข้าใจสังคมไทยว่าเป็นลักษณะที่มีการอุปถัมป์มานานจนเป็นรากหนึ่งในสังคมแล้ว ดังนั้นท่านยอมรับการมีอยู่ของสถาบัน แต่สิ่งที่ท่านให้ความสำคัญจริงๆ แล้วเป็นเรื่องของความเท่าเทียมในทางกฎหมาย และการเข้าถึงทรัพยากรทางเศรษฐกิจโดยเฉพาะที่ดินครับ แต่โดยอุปสรรคที่สำคัญของท่านซึ่งท่านก็ยอมรับเองในหลายครั้ง คือ ปัญหาว่าประชาชนทั่วไปยังไม่มีความรู้มากเพียงพอ และปัญหาในขณะนั้นเป็นเรื่องภาวะทางเศรษฐกิจที่ถดถอยอย่างมากเนืื่องจากเป็นช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 1

ส่วนในช่วงเวลานั้น จากหลักฐานหลายอย่าง ก็มีรายงานว่า หลังจากที่ ดุสิตธานี ของล้นเกล้ารัชกาลที่ 6 ไม่ประสบความสำเร็จอย่างที่หวัง ร.7 ท่านก็มีการศึกษาปัญหา และพบว่า ดุสิตธานี ก็มีข้อดี ที่ทำให้ข้าราชการชั้นผู้น้อยสามารถเสนอความคิดเห็นในทางการบริหารงานราชการแก่ผู้บังคับบัญชาได้มากขึ้น ในขณะที่ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ก็ต้องยอมรับฟังเสียงข้าราชการชั้นผู้น้อยบ้าง จากเดิมที่ในระบบทั่วไป ข้าราชการชั้นผู้น้อยมีหน้าที่ทำตามคำสั่งอย่างเดียวโดยไม่ต้องมีความเห็น ท่านก็ต้องการให้นำระบบนี้ไปใช้ในวงกว้างโดยเฉพาะตามหัวเมืองต่างๆ แต่ ก็ได้รับการทัดทานจากข้าราชการระดับสูงหลายคน ด้วยเหตุผล 2 ประการสำคัญ คือ 1. คนในพื้นที่หัวเมืองมีคนรู้ภาษาอ่านออกเขียนได้น้อย ทำให้เขาจะไม่สามารรถเข้าถึงสิทธิที่พึงมีและก็อาจโดนหลอกได้ง่าย 2. ในความเป็นจริงการให้สิทธิข้าราชการชั้นผู้น้อยแสดงความคิดเห็นหรือโต้แย้งการสั่งงานของข้าราชการระดับสูงในสมัยนั้น เป็นการหมิ่นศักดิ์ศรี และขัดกับประเพณีปฏิบัติของคนในสมัยนั้น ดังนั้น หากการนำหลักการประชาธิปไตยไปใช้โดยไม่มีแผนทำความเข้าใจกับข้าราชการระดับสูงในสมัยนั้น อาจเกิดปัญหาการกระด้างกระเดืองของขุนนางที่เสียประโยชน์ก็เป็นได้ เพราะสิ่งที่ท่านดำริจะทำเป็นการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางสังคมของประเทศนี้ ทั้งหมด ดังนั้น ในแนวทางของ ร.7 ท่านจึงต้องการ "เปลี่ยนแบบค่อยเป็นค่อยไป" คือสร้างความรู้ก่อนถึงระดับนึงแล้วค่อยเปลี่ยน ดังเช่นกรณีการเลิกทาสของรัชการที่ 5 ซึ่งท่านใช้เวลา ถึง 15 ปี ในการทำความเข้าใจกับประชาชน ซึ่งร. 7 ท่านก็ต้องการใช้ Model นี้ ในการพัฒนประชาธิปไตยเช่นดียวกัน

แต่คณะราษฎร ซึ่งส่วนใหญ่เป็นนักเรียนนอกต่างเห็นว่าวิธีนี้ เห็นผลช้า โดยมีแนวนคิดว่า ถ้าไม่เปลี่ยนะก่อนประชาชนก็จะไม่กระตือรือร้นกับการเมือง และจะไม่พยายามไขว่คว้าหาความรู้เพิ่ม ดังนั้นเปลี่ยนระบบเลยดีกว่า จึงเกิดเป็นการก่อการ 2475 แต่ในหลักฐานหลายอย่าง แม้แต่อาจารย์ปรีดีเอง ท่านก็ยอมรับว่า งานครั้งนั้น หากสิ่งที่ทูลขอให้ ร.7 ท่านพระราชทานรัฐธรรมนูญไม่สำเร็จ งานนั้นหากต้องตัดสินกันด้วยกำลังทางทหาร ฝ่ายคณะราษฎรไม่มีทางสู้ได้อย่างแน่นอน แต่เนืื่องจากร.7 ท่านไม่ต้องการเห็นคนไทยฆ่ากันเอง ท่านจึงเป็นฝ่ายยอมเสียเอง เพื่อป้องกันการนองเลือด ดังนั้น แม้แต่อ.ปรีดีเองก็ยอมรับ และยกย่องให้ท่านเป็นผู้พระราชทานรัฐธรรมนูญ

หากพิจารณา ในเชิงทฤษฎีบริหารสมัยใหม่มาสรุป ก็จะพบว่า จริงๆ แล้ว ทั้ง ฝั่ง อ.ปรีดี และ ร. 7 ต่างก็ต้องการให้ประเทศนี้มีการพัฒนาประชาธิปไตย แต่ ร. 7 ท่านเลือก ที่จะรักษาสมดุลโครงสร้างส่วนต่างๆ ชของสังคม โดยยอมรับว่าจะมีปัญหาอยู่บ้าง แต่ "คาดหวัง" ว่า การเปลี่ยนแปลงช้าๆ แบบมั่นคง จะเหมาะสมกับเมืองไทยมากกว่า

ในขระที่ อ.ปรีดี มองเรื่องการแก้ไขปัญหาทีเิกิดในขณะนั้นเป็นหลักโดยมองว่า เมื่อแก้ไขที่ระบบโครงสร้างหลักคือ การเมืองแล้ว ส่วนอื่นๆ จะต้องพยายามปรับตัวเองตามโครงสร้างหลักทางสังคมกันเอง

ดังนั้น กรณีนี้ ต่างคนต่างมีความหวังดีต่อประเทศ แต่ใช้วิธีการที่ผิดกันแค่นั้นเองครับ

ส่วนการที่เราจะเอาผลที่เกิดขึ้นในวันนี้ ไประบุว่า สิ่งที่ใครคนใดคนหนึ่งได้ทำไปเมื่อ 70 ปีทีค่ผ่านมาแล้วส่งผลให้เกิดปัญหาในปัจจุบัน เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง เพราะ ณ ขณะที่เขาตัดสินใจ ทางที่เขาเลือกอาจเป็นสิ่งที่ดีที่สุดในขณะนั้นแล้ว แต่เขาไม่สามารถคาดการณ์ล่วงหน้าได้ว่าผลในขณะที่ตัดสินใจจะส่งผลอย่างไรบ้าง


นี่เป็นความเห็นเดียวที่อ่านแล้วทำให้ยังรู้สึกดีกับบอร์ดนี้อยู่ ก่อนตัดสินอะไรในเรื่องประวัติศาสตร์ อย่าได้ตัดสินชุ่ยๆไม่เช่นนั้น
อาจเข้าข่ายอกตัญญู ต้องอ่านให้เยอะแล้วก็คิดถึงบริบทในสมัยนั้นด้วย ข้อดีข้อเสียที่เกิดขึ้นในเวลาต่อมา สามารถวิจารณ์ได้
แต่อย่าลืมเจตนาและความตั้งใจดี สิทธิเสรีภาพที่เราเอ็นจอยกันมาตั้งแต่เกิด ไม่ได้เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ
แต่มีคนกล้าคิด กล้าทำ และเสียสละ เราจึงมีมันในทุกวันนี้

ท่านปรีดีเป็นเสรีชนที่มีเจตนาดีต่อประเทศและเพื่อนร่วมชาติ ทำประโยชน์มากมายให้กับประเทศด้วยความรู้ที่ท่านมี โดยเฉพาะ
การปลดแอกไทยจากสนธิสัญญาเอาเปรียบกับมหาอำนาจตะวันตกสมัยนั้น ลองไปหาอ่านดูเองก็ได้
ท่านเป็นตัวอย่างของเป็นคนดีที่มีชะตากรรมอันน่าเศร้าสลดซึ่งมีมากมายในประเทศนี้
ไม่ใช่ไพร่ต้นแบบของไพร่แดงแน่นอน พวกมันต่างหากที่ดึงเอาท่านมาใช้ในทางเสื่อม


ที่สำคัญ อย่าลืมด้วยว่า ท่านปรีดี เป็นหนึ่งในหัวหน้าขบวนการเสรีไทย ชื่อเดียวกับบอร์ดแห่งนี้ หากใครมาเห็นบอร์ดเสรีไทยประเมินท่านแบบนี้
จะคิดยังไงคะ
User avatar
nanalife
 
Posts: 22
Joined: Sun Apr 04, 2010 8:17 am

Re: ทำไมคณะราษฯ ยังดึงดันเปลี่ยนระบอบ ทั้งๆ ที่ ดุสิตธานี กำเนิด

Postby Jibja » Sat May 01, 2010 9:22 pm

อันที่จริงก่อนจะอ่านโพสต์ข้างบนนี้ผมก็กะจะพูดคำเดียวกับในประโยคสุดท้ายของเขาพอดีแต่ว่าคนละเหตุผล คือสมมติว่าไม่มีการเปลี่ยนแปลงการปกครอง2475 แล้วช่วงสงครามโลกครั้งที่สองไทยเรายังเป็นระบอบเดิมอยู่ ตอนที่ญี่ปุ่นเข้ามา"ยึด"ประเทศไทย ขบวนการเสรีไทยก็อาจจะไม่"กล้า"เกิดก็ได้นะครับ และเมื่อสงครามจบลงประเทศไทยกลายเป็นผู้แพ้สงคราม ภาพพจน์ของสถาบันอาจมัวหมองไป

ดังนั้นสิ่งที่เกิดขึ้นผมคิดว่าเป็นสิ่งที่ต้องเกิดขึ้น ควรหรือไม่ควรก็ไม่รู้แต่ก็เป็น"วิถี"ที่ทำให้ประเทศไทยเป็นประเทศที่น่าอยู่จวบจนถึงปัจจุบันนี้ (น่าจะยกเป็นผลงานของพระสยามเทวาธิราชได้และหวังว่าท่านจะดลบันดาลให้ประเทศไทยกลับมาน่าอยู่เหมือนเดิมในเร็วๆวันนี้ด้วย)
User avatar
Jibja
 
Posts: 22
Joined: Thu Apr 22, 2010 1:30 pm

Re: ทำไมคณะราษฯ ยังดึงดันเปลี่ยนระบอบ ทั้งๆ ที่ ดุสิตธานี กำเนิด

Postby sakchai » Sat May 01, 2010 9:46 pm

ผมว่าคณะราษฏร์ััมีส่วนที่ตัดสินใจถูก เช่น

1. สภาพหลังสงครามโลกครั้งที่ 1 ลัทธิคอมมิวนิสต์ขยายอย่างรวดเร็วในโซเวียตและเริ่มมีอิทธิพลในจีน ประเทศไทยในขณะนั้นมีสภาำพไม่ต่างจาก ประเทศรัสเซียในสมัยพระเจ้าซาร์ ที่ขุนนางถือครองที่ดิน ชาวนาอดอยาก ประเทศไทยจึงเหมาะเป็นฐานในการเผยแพร่ลัทธิคอมมิวนิสต์เป็นอย่างมาก และเสี่ยงต่อสงครามกลางเมืองแบบรัสเซีย

2. สภาพหลังสงครามโลกครั้งที่ 1 ฝ่ายไตรพันธมิตรอันประกอบด้วยไทย ชนะสงคราม ประเทศพันธมิตรล้วนมีการปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตย เว้นแต่รัสเซียที่เกิดการปฏิวัติ หากไทยไม่พัฒนารัฐธรรมนูญของตนเอง ก็จะถูกชาติมหาอำนาจมองว่าเป็นประเทศล้าหลัง และไม่มีสิทธิไม่มีเสียงในองค์การสันนิบาตชาติ

3. คณะราษฏร์ยึดอำนาจด้วยเหตุผลที่ว่า คนไทยในยุคนั้น ไม่มีความรู้ ความเข้าใจในประชาธิปไตยดีพอ การกระจา่ยอำนาจ อาจทำให้เกิดความวุ่นวายได้ เพราะเหล่าขุนนางอาจไม่พอใจที่ตนต้องเสียผลประโยชน์ไป

ส่วนที่ัตัดสินใจผิด คือ

1. คณะราษฎร์ยึดการปกครองเพื่อกลุ่มของตนเอง โดยไม่เข้าถึงเจตนาของประชาธิปไตยเพื่อประชาชน สภาพที่เกิดขึ้นมาคือ ความไม่พอใจของกลุ่มอำนาจเก่าที่ต้องสูญเสียผลประโยชน์ไป เช่น กบฎบวรเดช

2. คณะราษฎร์ไม่สามารถพัฒนาความรู้ความเข้าใจ ของประชาชนที่มีต่อประชาธิปไตย ส่งผลให้เกิดการซื้อเสียงขึ้นอย่างมากมาย เกิดการรัฐประหาร และการร่างรัฐธรรมนูญใหม่นับครั้งไม่ถ้วน

3. เมื่อคณะราษฎร์ล้มเหลวในการบริหารประเทศจนส่งผลให้เกิดการรัฐประหาร จนเป็นเหตุให้ไทย ต้องเข้าสู่สงครามโลกครั้งที่ 2 ในฝ่ายอักษะ และต้องอยู่ในสภาพพ่ายแพ้สงคราม และเสี่ยงต่อการแทรกแซงของพรรคคอมมิวนิสต์
User avatar
sakchai
 
Posts: 18
Joined: Fri Apr 23, 2010 12:02 am

Re: ทำไมคณะราษฯ ยังดึงดันเปลี่ยนระบอบ ทั้งๆ ที่ ดุสิตธานี กำเนิด

Postby Albert Einsteins » Sat May 01, 2010 10:56 pm

nanalife wrote:
rokjitjung wrote:ทั้งหมดเป็นสงคราม "ควาามเชื่อ" ครับ

....

ดังนั้น กรณีนี้ ต่างคนต่างมีความหวังดีต่อประเทศ แต่ใช้วิธีการที่ผิดกันแค่นั้นเองครับ

ส่วนการที่เราจะเอาผลที่เกิดขึ้นในวันนี้ ไประบุว่า สิ่งที่ใครคนใดคนหนึ่งได้ทำไปเมื่อ 70 ปีทีค่ผ่านมาแล้วส่งผลให้เกิดปัญหาในปัจจุบัน เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง เพราะ ณ ขณะที่เขาตัดสินใจ ทางที่เขาเลือกอาจเป็นสิ่งที่ดีที่สุดในขณะนั้นแล้ว แต่เขาไม่สามารถคาดการณ์ล่วงหน้าได้ว่าผลในขณะที่ตัดสินใจจะส่งผลอย่างไรบ้าง


นี่เป็นความเห็นเดียวที่อ่านแล้วทำให้ยังรู้สึกดีกับบอร์ดนี้อยู่ ก่อนตัดสินอะไรในเรื่องประวัติศาสตร์ อย่าได้ตัดสินชุ่ยๆไม่เช่นนั้น
อาจเข้าข่ายอกตัญญู ต้องอ่านให้เยอะแล้วก็คิดถึงบริบทในสมัยนั้นด้วย ข้อดีข้อเสียที่เกิดขึ้นในเวลาต่อมา สามารถวิจารณ์ได้
แต่อย่าลืมเจตนาและความตั้งใจดี สิทธิเสรีภาพที่เราเอ็นจอยกันมาตั้งแต่เกิด ไม่ได้เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ
แต่มีคนกล้าคิด กล้าทำ และเสียสละ เราจึงมีมันในทุกวันนี้

ท่านปรีดีเป็นเสรีชนที่มีเจตนาดีต่อประเทศและเพื่อนร่วมชาติ ทำประโยชน์มากมายให้กับประเทศด้วยความรู้ที่ท่านมี โดยเฉพาะ
การปลดแอกไทยจากสนธิสัญญาเอาเปรียบกับมหาอำนาจตะวันตกสมัยนั้น ลองไปหาอ่านดูเองก็ได้
ท่านเป็นตัวอย่างของเป็นคนดีที่มีชะตากรรมอันน่าเศร้าสลดซึ่งมีมากมายในประเทศนี้
ไม่ใช่ไพร่ต้นแบบของไพร่แดงแน่นอน พวกมันต่างหากที่ดึงเอาท่านมาใช้ในทางเสื่อม


ที่สำคัญ อย่าลืมด้วยว่า ท่านปรีดี เป็นหนึ่งในหัวหน้าขบวนการเสรีไทย ชื่อเดียวกับบอร์ดแห่งนี้ หากใครมาเห็นบอร์ดเสรีไทยประเมินท่านแบบนี้
จะคิดยังไงคะ


แต่ละคนก็มีมุมมองที่แตกต่างกัน มีแนวความคิดที่แตกต่างกัน
คงไม่มีใครมีความคิดตัดสินแบบชุ่ยๆ หรอก
หนังสือ ข้อมูล ของเหตุการณ์ก็มีอยู่มากมาย หาอ่านกันได้
ทั้งข้อมูลที่ผู้ชนะเป็นฝ่ายเขียน ข้อมูลของผู้แพ้ที่เสนอมา หรือข้อมูลจากผู้สังเกตุการณ์
ไม่เช่นนั้นบ้านเมืองเราจะมีเห็นแยกเป็นหลายทฤษฏีจากประวัติศาสตร์ที่เกิดขึ้นหรือ


เจตนาและความตั้งใจดี แล้วแต่มุมมองของแต่ละฝ่าย
มีใครบอกได้ว่าเจตนาที่แท้จริงของคณะราษฎร์คืออะไรแน่ ??????????????????????
แล้วที่ทำคือความตั้งใจดี จริงหรือ ?????????????????????
ที่แน่ๆ คือ การปฏิบัติการแย่งชิงอำนาจ เพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการเปลี่ยนแปลงประเทศ
เพื่อทำตามความเชื่อที่ตนเองมี หรือ เพื่อการอื่น
การบอกว่าที่เรามีทุกวันนี้ เพราะ คนกล้าคิด กล้าทำ และเสียสละ
แต่การที่กล้าคิด กล้าทำ และเสียสละ ต้องเพื่อคนส่วนรวม ใช่ส่วนตน


ผมไม่เห็นว่าการวิจารณ์ปรีดี พนมยงค์ ในบริบทที่เราเห็นต่างจะเป็นการอกตัญญูแต่อย่างใด
เพราะเราคงย้อนเวลาไปไม่ได้ ต้องอยู่กับปัจจุบัน และมองไปสู่อนาคต
การตีแผ่ประวัติศาสตร์ เพื่อค้นหาความจริงจากรากเหง้าข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ไม่เห็นแปลก
วิพากย์วิจารณ์วิเคราะห์ เพื่อสร้างสรรแนวทางที่ดีที่จะต้องเดินต่อไป
เราต้องศึกษาประวัติศาสตร์ เพื่อนำมาเป็นแนวทางและก้าวเดินต่อไปในแนวทางที่ดีขึ้น

ส่่วนการที่คนดีที่มีชะตากรรมอันน่าเศร้าสลดนั้น
คงบอกได้ว่าทุกอย่างเป็นไปตามกรรม
ซึ่งมีมากมายในประเทศนี้ เช่นกัน
User avatar
Albert Einsteins
 
Posts: 609
Joined: Mon Oct 13, 2008 1:19 am

Re: ทำไมคณะราษฯ ยังดึงดันเปลี่ยนระบอบ ทั้งๆ ที่ ดุสิตธานี กำเนิด

Postby sanddolphin » Sun May 02, 2010 12:43 am

shinnsei wrote:แนะนำให้ หาเนื้อเรื่องอ่านใน พันทิป / ห้องสมุดครับ มีอะไรดีๆอีกมากให้ศึกษา และเป็นห้องที่แดงตีไม่เคยแตก โดนอัดน่วมกลับราชดำเนินให้ไว



ผมไม่คิดว่าเฉพาะ แดง นะครับที่ตีไม่แตก
"The unjust law is no law at all."
User avatar
sanddolphin
 
Posts: 477
Joined: Sun Apr 12, 2009 1:35 pm

Re: ทำไมคณะราษฯ ยังดึงดันเปลี่ยนระบอบ ทั้งๆ ที่ ดุสิตธานี กำเนิด

Postby sanddolphin » Sun May 02, 2010 12:44 am

GuoJia wrote:ไพร่ตัวต้นแบบอยู่ที่นี่เอง

http://www.pridiinstitute.com/autopage/ ... 19&d_id=19

ไพร่แดงปัจจุบันได้รับแรงบันดาลใจ และถอดแบบกันมาเป๊ะ ๆ

:evil: :evil: :evil:


เก่งดีนี่ครับ เรื่องนั่งเทียน ด่าคนนั้นคนนี้ รู้อีกแน่ะว่า ได้แรงบันดาลใจมาจากอาจารย์ ปรีดี
"The unjust law is no law at all."
User avatar
sanddolphin
 
Posts: 477
Joined: Sun Apr 12, 2009 1:35 pm

Re: ทำไมคณะราษฯ ยังดึงดันเปลี่ยนระบอบ ทั้งๆ ที่ ดุสิตธานี กำเนิด

Postby sanddolphin » Sun May 02, 2010 12:51 am

ประวัติศาสตร์การเมืองไทย=ส่วนหนึ่งของความเป็นสมัยใหม่(modernity)= ส่วนหนึ่งของการสร้าง national consciousness

ขึ้นอยู่กับว่า ในวงวิชาการ หรือแม้กระทั่งผู้สนใจ กะ "กล้า" รื้อความเป็นสมัยใหม่ และยอมรับกับมันแค่ไหน
"The unjust law is no law at all."
User avatar
sanddolphin
 
Posts: 477
Joined: Sun Apr 12, 2009 1:35 pm

Re: ทำไมคณะราษฯ ยังดึงดันเปลี่ยนระบอบ ทั้งๆ ที่ ดุสิตธานี กำเนิด

Postby rokjitjung » Sun May 02, 2010 2:08 am

Albert Einsteins wrote:แต่ละคนก็มีมุมมองที่แตกต่างกัน มีแนวความคิดที่แตกต่างกัน เห็นด้วยครับ

คงไม่มีใครมีความคิดตัดสินแบบชุ่ยๆ หรอก
สำหรับในบอร์ดนี้เห็นด้วยอย่างยิ่ง แต่ขอยกเว้นบังโมกะ ATOM ไว้นะคับ

หนังสือ ข้อมูล ของเหตุการณ์ก็มีอยู่มากมาย หาอ่านกันได้
สมาชิกในบอร์ดนี้คงได้มีการศึกษาข้อมูล อ่านหนังสือ กันอยู่ตลอด แต่ชาวบ้านทั่วไปโดยเฉพาะเสื้อแดง ที่มีสถิติอ่านหนังสือเฉลี่ย ปีละ 8 บรรทัดน่ะครับที่น่าเหนื่อยใจที่สุด เป็นเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดเป็น "ควายแดง" ของบอร์ดนี้แหละครับ

ทั้งข้อมูลที่ผู้ชนะเป็นฝ่ายเขียน ข้อมูลของผู้แพ้ที่เสนอมา หรือข้อมูลจากผู้สังเกตุการณ์
ไม่เช่นนั้นบ้านเมืองเราจะมีเห็นแยกเป็นหลายทฤษฏีจากประวัติศาสตร์ที่เกิดขึ้นหรือ
ส่วนนี้ เป็นอีกเรื่องที่ผม เหนื่อยใจกับการสร้าง "ความเชื่อ" ของนักวิชาการประวัติศาสตร์เฮงซวย ที่ชื่อเหมือนช่า่งทำผมไฮโซ นามสกุลเจียม แต่นิสัยไม่เจียมที่เป็น Master Mind คนหนึ่งของกลุ่มเสื้อแดงนั่นแหละครับ ผมตาม "ความคิดเห็น" ของคนกลุ่มนี้ "เพื่อรับข้อมูล" และเห็นถึงการนำ "ความเชื่อ" มาตีความจนกลายเป็นลัทธิที่บ่อนทำลายความมั่นคงของชาติอย่างมาก หาก ประเทศเราไม่สามารถทำลายการปลูกฝังความเชื่อแบบนี้ให้เยาวชนของชาติได้ นั่นจะเป็นอีก "ภัยคุกคาม"ของประเทศครับ

เจตนาและความตั้งใจดี แล้วแต่มุมมองของแต่ละฝ่าย
ตรรกะนี้ ในปัจจุบันคนเสื้อแดงเขาก็ใช้ในการอธิบายการกระทำของเขา แล้วก็เรียกร้องให้คนอื่นพยายามทำความเข้าใจใน "ความตั้งใจดี" ของพวกเขาไงครับ

มีใครบอกได้ว่าเจตนาที่แท้จริงของคณะราษฎร์คืออะไรแน่ ??????????????????????
ถ้าเป็นซัก 20 ปีที่แล้ว อาจยังพอหาคนบอกได้ครับ แต่ถึงวันนี้ จุดธุปแล้วก็ไม่แน่ว่าจะมาครับ (อิอิ ล้อเล่นคับ ) แค่จะบอกว่า คณะราษฎร์เองก็มีหลายคน ต่างคนก็มีเจตนาส่วนตัว แต่จุดใหญ่ใจความหลักของเจตนาคือเห็นว่า "ระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์" เป็นความล้าหลังและ ทำให้ประเทศไม่เป็น "อารยะ" ไม่เกิดการพัฒนาประเทศอย่างทั่วถึง แต่ต่อมาเมื่อมีคนบางคนที่เอาเจตนาส่วนตัวมา้เป็นใหญ่ ไม่เห็นประโยชน์ส่วนรวม ปัญหาจากการก่อการครั้งนั้นจึงติดตามมาเป็นปัญหาถึงในปัจจุบันไงครับ

แล้วที่ทำคือความตั้งใจดี จริงหรือ ?????????????????????
ผม "เชื่อ" โดย "สุจริตใจ" จากการติดตามงานของอาจารย์ปรีดี มาพอสมควรครับ ผม "คิดเอาเอง"ว่า ตัวท่านอาจารย์ปรีดีเอง มี "เจตนาดี" ที่อยากพัฒนาประเทศให้ก้าวหน้า แต่ด้วยความ "อ่อนโลก" ทำให้ในขณะนั้น "ถูกใช้" เป็นเครื่องมือของกลุ่มนายทหารที่ "บ้าอำนาจ" บางคน สิ่งที่ทำให้ผมเห็นว่า อ.ปรีดีท่านมี "เจตนาดี" จริงๆ คือ การ "ซื้อ" ที่ดินบริเวณวังหน้าเดิมเพื่อสร้างสถาบันการชั้นสูงเพื่อให้โอกาสทางการศึกษาแก่ประชาชนทั่วไป ซึ่งแสดงถึงความต้องการที่จะพัฒนาประเทศจากระดับพื้นฐานอย่างแท้จริง นอกจากนั้น การเป็นผู้นำเสรีไทย หรือการเสนอกฎหมายหลายฉบับที่เป็นการขยายสิทธิของประชาชนในวงกว้าง

ที่แน่ๆ คือ การปฏิบัติการแย่งชิงอำนาจ เพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการเปลี่ยนแปลงประเทศ
เพื่อทำตามความเชื่อที่ตนเองมี หรือ เพื่อการอื่น

จริงคับ ที่การก่อการเป็นการแย่งชิงอำนาจที่ไม่ควรได้ และผมก็ "เ้ห็นด้วย" ว่าเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ --> แต่เมื่อมันเกิดขึ้นแล้ว เราจะไปว่า ไปด่า มันก็ไม่เกิดประโยชน์ สิ่งที่ทำได้ก็เพียง "ทำความเข้าใจ" และหาทางแก้ไขปัญหาที่ตามมาจากปรากฏการณ์นั้นไม่ใช่หรือครับ

การบอกว่าที่เรามีทุกวันนี้ เพราะ คนกล้าคิด กล้าทำ และเสียสละ
แต่การที่กล้าคิด กล้าทำ และเสียสละ ต้องเพื่อคนส่วนรวม ใช่ส่วนตน

เห็นด้วยครับ แต่กว่าจะพิสูจน์ได้ว่า สิ่งที่ทำนั้นมันเพื่อประโยชน์ตัวเองหรือส่วนรวมมันคือเมื่อไหร่ครับ? ครั้งหนึ่งคนไทยค่อนประเทศ เชื่อว่า "ไอ้เควี่ยทักกี้" คือคนที่กล้าคิด กล้าทำ กล้าเสียสละ ประโยชน์ของตัวเองเพื่อรับใช้ส่วนรวม จนเลือกมันเข้ามาเป็นนายกและยังออกแรงกดดันศาลรัฐธรรมนูญในคดีซุกหุ้นภาคแรก จนมันหลุดคดี แต่ต่อมา เมื่อมันทำเพื่อประโยชน์ส่วนตัวจนเป็นที่ประจักษ์ สิ่งที่มันทำก็กลายเป็นความเลว บ้าอำนาจ และเห็นแก่ตัว ซึ่งตรงนี้ ผมก็คงต้องตั้งคำถามที่ต้องขอให้คุณตอบด้วยสติว่า สิ่งที่"ไอ้เควี่ยทักกี้" มันทำตลอดเวลาที่อยู่ในตำแหน่งน่ยกฯ มัน "เลว" ไปหมดทุกอย่างรึเปล่า โอเค เกือบทุกเรื่องไม่โปร่งใส เกือบทุกเรื่องมีเบื้องหลัง แต่ก็เกือบทุกเรื่องก็มีมิติที่ประชาชนได้ประโยชน์และถูกใจรากหญ้า เช่น โครงการ 30 บาท เป็นเรื่องที่ถูกบังคับในรัฐธรรมนูญ รัฐบาลไหนมาก็ต้องทำเรื่องส่งเสริมสิทธิเข้าถึงการรักษาพยาบาล แต่จะทำวิธีไหน จะให้ฟรีเลยก็ได้ แต่ติดที่หากให้ฟรีคนจะไม่ประหยัด และจะเสียงบประมาณมากเกินจำเป็น ก็เลยออกเป็นโครงการ Marketing ซะ หรือกองทุนหมู่บ้าน ก็แค่จะเอาเงินไปคืนให้หัวคะแนน แต่ก็ทำให้เงินไปถึงท้องถิ่นโดยตรง เป็นการฉีดยาเข้าเส้นแบบเดียวกับที่ประชาธิปัตย์แจกเ้ช็คช่วยชาตินั่นแหละครับ โดย 7 พันกว่าหมู่บ้านทั่วประเทศ มีหมู่บ้านที่สามารถนำเงินกองทุนนั้นไปใช้ให้เกิดประโยชน์ได้ซัก 70 หมู่บ้าน เขาก็บอกว่านี่เป็นผลงานแล้ว แล้วใครจะกล้าเถียงว่าไม่ใช่ผลงานของทักษิณ ที่ "ควายแดง" รักหมดใจ

ผมไม่เห็นว่าการวิจารณ์ปรีดี พนมยงค์ ในบริบทที่เราเห็นต่างจะเป็นการอกตัญญูแต่อย่างใด
เพราะเราคงย้อนเวลาไปไม่ได้ ต้องอยู่กับปัจจุบัน และมองไปสู่อนาคต
การตีแผ่ประวัติศาสตร์ เพื่อค้นหาความจริงจากรากเหง้าข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ไม่เห็นแปลก
วิพากย์วิจารณ์วิเคราะห์ เพื่อสร้างสรรแนวทางที่ดีที่จะต้องเดินต่อไป
เราต้องศึกษาประวัติศาสตร์ เพื่อนำมาเป็นแนวทางและก้าวเดินต่อไปในแนวทางที่ดีขึ้น

เห็นด้วยครับ เห็นด้วยอย่างมาก หากมองในมิติที่เป็นเรื่องของ "สามัญชน" ปรีดี ก็เป็นตัวละครหนึ่งในประวัติศาสตร์ชาติไทย เป็น "มนุษย์" คนหนึ่งที่ต้องมีชีวิต ผลงาน ทั้งด้านที่ดีและไม่ดี มีทั้งเรื่องที่สร้างประโยชน์ และเกิดปัญหา ตลอดชีวิตไม่มีโอกาสหรอกครับที่จะ "ไม่ผิดพลาด" แต่ความผิดพลาดนั้น สมควรที่จะจดจำหรือไม่ ดังนั้น ในหนึ่งชีวิตของคนเขาก็จะต้องมีทั้งคนที่รัก และคนที่ชัง ข้อมูลที่ออกจากฝั่งรัก ก็อาจดีแบบสุดขั้ว ข้อมูลที่ออกจาฝั่งชังในเรื่องเดียวกันก็อาจเลวแบบสุดขั้นได้เช่นกัน เช่นเดียวกันกับอัลเบิร์ต ไอน์สไตล์ ซึ่งทฤษฏีสัมพัทธภาพของเขาเป็นที่ยกย่องว่ามีผลกับแนวคิดทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์สมัยใหม่มากมาย ถ้าคุณเป็นคนที่นับถือ หรือชื่นชมเขาอย่างมาก คุณจะรู้สึกอย่างไร หากมีนักประวัติศาสตร์วิทยาศาสตร์บางคน ตั้งข้อสงสัยว่า ไอน์ไสตน์ ไม่ได้คิดทฤษฎีสัมพัทธภาพด้วยตัวเอง ข้อพิสูจน์ของเขาคือ ไอน์สไตน์ไม่ใช่คนที่เก่งคณิตศาสตร์ และช่วงเวลาที่เขาคิดทฤษฎีนี้ได้เป็นช่วงที่ปรากฏหลักฐานที่เขาอยู่กินกับภรรยาอดีตนักศึกษาปริญญาเอกวิชาคณิตศาสตร์ในมหาวิทยาลัยเดียวกันกับเขา และต่อมาเขาไม่เคยคิดทฤษฎีอะไรได้อีกเลยเมื่อเลิกรากับภรรยาคนนั้น
คุณอาจไม่ได้คิดอะไรเพราะคุณอาจเพียงแค่เชื่อ แต่หากคุณเข้าใจสัมพัทธภาพของ ความเชื่อ(Believe)-->ความนับถือ(Trust)-->และความศรัทธา(Faith) แล้วล่ะก็คุณจะเข้าใจ "ควายแดง" ได้มากขึ้น หากผมจะยกตัวอย่างในสังคมไทยให้ใกล้ตัวขึ้นอีกนิด ก็อย่างกรณีโล้นห่มเขียว "ยันดะ" นั่นไงครับ คนที่เชื่อก็จะเชื่อโดยไม่ลืมหูลืมตา เป็นต้น

กรณีเช่นนี้ ที่ผมจะยกอีกนิดหนึ่ง คือ การวิจารย์อ.ปรีดี หากพิจารณาในฐานะที่เป็น "วีรบุรุษ หรือคนที่น่ายกย่อง" ก็จะมีคนบางกลุ่มที่ "เชื่อ" บางกลุ่มที่ "นับถือ" หรือแม้แต่บางกลุ่มที่ "ศรัทธา" ซึ่งคนกลุ่มแบบนี้ เขาอาจไม่ยอมรับการ "วิจารย์"ในระดับที่ต่างกันไป พวกที่จะออกมาก่อนก็จะเป็นพวกที่ "ศรัทธา" จนใครแตะไม่ได้ว่าไม่ดีไม่ได้จนกลายเป็นเหมือนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ต้องเคารพเทอดทูน ข้ามมิติของความถูกผิดในโลกไปแล้ว ดังนั้น จึงสรุปสั้นๆว่า "ห้ามวิจารณ์" กรณีแบบนี้ มันเกินไปหรือไม่ครับ? สิ่งที่ต้องการชี้ในส่วนนี้ คือ หากนำเอาเรื่อง "สิทธิในการวิจารณ์" ในฐานะที่เป็น "ปัจเจกบุคคล" คุณก็ควรที่จะวิจารณ์เฉพาะในฐานะของความเป็น "บุคคลธรรมดา" ของผู้ถูกวิจารณ์เท่านั้น หากบุคคลนั้นอยู่ในฐานะที่เป็น "วีนบุรุษ" ของคนอื่นอีกหลายคน หากคุณก้าวข้ามไปในพรมแดนของความเป็น "วีรบุรุษ" ของคนนั้น คุณอาจได้รับประทานอาหารชุดใหญ่ จากกลุ่มคนที่ศรัทธาบุคคลนั้น

และจุดนี้เอง ที่ผมอยากจะยกมาชี้ให้เห็นว่า หากคุณพิจารณา Model นี้ให้ดี แล้วลองเปลี่ยนอ.ปรีดี เอาภาพสถานการณ์ปัจจุบันเข้ามาใส่ โดยแทนที่อ.ปรีดีด้วย "สถาบัน" (ด้วยความเคารพกรุณาอ่านใให้จบก่อน อย่าเพิ่งด่า ผมไม่ได้มีเจตนาที่จะทำให้เสื่อมเสียใดๆ ทั้งสิ้น) สิ่งที่มองเห็นคือ จะมีคนกลุ่มหนึ่งที่พยายามเรียกร้องว่า การ"วิจารณ์สถาบัน" เป็น "สิทธิ" ที่เขาพึงกระทำได้ และมีกลุ่มคนออกมาต่อต้านการกระทำดังกล่าว ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนแล้วว่า ในความเป็นจริง "สถาบัน" ก็มีสถานะเป็น"วีรบุรุษ" ของคนส่วนใหญ่ในชาติ ดังนั้น จึงไม่ควรวิจารณ์อะไรที่ไม่ใช่ข้อเท็จจริงที่สามารถพิสูจน์ได้ (ผมเข้าใจ และยอมรับว่าการเทียบอ.ปรีดีกับสถาบันเป็นสิ่งไม่บังควร แต่ต้องการชี้ให้เห็นว่า ทุกอย่างมีมิติของการพิจารณาที่แตกต่างหลากหลายมิติ กรุณา "อย่าเหมา" เพราะจะทำให้เกิดความ "เหวง" ได้ :lol: )

ดังนั้น หากหากคุณจะใช้ตรรกะที่ว่้า ปรีดี เป็นประชาชนทำไมจะด่า ไม่ได้ ในวันหนึงคุณอาจจะเจอเสื้อแดงที่บอกว่า จะเสนอแก้ไขประมวลกฎหมายอาญาเรื่องหมิ่นสถาบันเพราะทรงเป็นมนุษย์คนหนึ่งเช่นเดียวกัน หากเจอคำตอบแบบนี้ เราก็คงได้แต่ "ด่า" กันแหละครับ ดังนั้น ผมจึงขอสงวนสิทธิที่พิจารณาเรื่องต่างๆ ไปตามอักษรและข้อมูลเชิงประจักษ์ต่อไปครับ


ทั้งนี้ ผมต้องขอเรียนตรงๆ เลยเหมือนกันว่า สำหรับผมก็เห็นว่า การก่อการเมื่อปี 2475 ยังไม่เหมาะสม แต่มุมของผมเห็นว่าแม้จะเป็นตัวตั้งตัวตี แต่อ.ปรีดีน่าจะถูกหลอกใช้เช่นเดียวกัน และถ้าใครหน้าไหนมีหน้าเสนอสิ่งใดที่เป็นการให้ร้ายสถาบัน ผมก็ไม่ยอมแน่ๆ ขอบคุณครับ


ปล. หากแอดมินเห็นว่า มีความล่อแหลมที่จะผิดกฏ ก็ดำเนินการตามหน้าที่ได้เลยครับ

ขอบคุณครับ
User avatar
rokjitjung
 
Posts: 89
Joined: Mon May 11, 2009 1:47 pm

Re: ทำไมคณะราษฯ ยังดึงดันเปลี่ยนระบอบ ทั้งๆ ที่ ดุสิตธานี กำเนิด

Postby GuoJia » Sun May 02, 2010 2:12 am

sanddolphin wrote:
GuoJia wrote:ไพร่ตัวต้นแบบอยู่ที่นี่เอง

http://www.pridiinstitute.com/autopage/ ... 19&d_id=19

ไพร่แดงปัจจุบันได้รับแรงบันดาลใจ และถอดแบบกันมาเป๊ะ ๆ

:evil: :evil: :evil:


เก่งดีนี่ครับ เรื่องนั่งเทียน ด่าคนนั้นคนนี้ รู้อีกแน่ะว่า ได้แรงบันดาลใจมาจากอาจารย์ ปรีดี


ผมไม่เก่ง ไม่ใช้เทียน ใช้หลอดประหยัดไฟ
คำว่า "ไพร่" พวก นปช เสื้อแดง เรียกตัวเอง ผมก็เรียกตาม และเพิ่มแดงเข้าไปตามสีเสื้อ
(จะว่าด่าก็ด่าตาม นปช)
ส่วน "ไพร่" ของพวก นปช เสื้อแดง ได้แรงบันดาลใจมาจากไหน
ผมฟังรายการของ อ.เจิมศักดิ์ ว่าไว้ ตาม link นี้

ถอดรหัส "ไพร่-อำมาตย์" วาทกรรมอำพราง "ทักษิณ" ตีองคมนตรี-ล้มเจ้า
http://www.manager.co.th/Politics/ViewN ... 0000040227
ไอ้จ่อย : เอแบคโพลสำรวจพบคนบ้านเรา 69.9% ตั้งใจรับเงินขายเสียง...
...ผู้ใหญ่ส่งเสริมการปกครองระบอบประชาธิปไตยใช่ไหม?
ผู้ใหญ่มา : ใช่...แล้วไง?
ไอ้จ่อย : ในระบอบประชาธิปไตย เราต้องทำตามมติเสียงส่วนใหญ่

ผู้ใหญ่มากับทุ่งหมาเมิน ชัย ราชวัตร 21/01/2554
User avatar
GuoJia
 
Posts: 893
Joined: Mon Oct 13, 2008 2:19 am

Re: ทำไมคณะราษฯ ยังดึงดันเปลี่ยนระบอบ ทั้งๆ ที่ ดุสิตธานี กำเนิด

Postby sanddolphin » Sun May 02, 2010 2:25 am

GuoJia wrote:
sanddolphin wrote:
GuoJia wrote:ไพร่ตัวต้นแบบอยู่ที่นี่เอง

http://www.pridiinstitute.com/autopage/ ... 19&d_id=19

ไพร่แดงปัจจุบันได้รับแรงบันดาลใจ และถอดแบบกันมาเป๊ะ ๆ

:evil: :evil: :evil:


เก่งดีนี่ครับ เรื่องนั่งเทียน ด่าคนนั้นคนนี้ รู้อีกแน่ะว่า ได้แรงบันดาลใจมาจากอาจารย์ ปรีดี


ผมไม่เก่ง ไม่ใช้เทียน ใช้หลอดประหยัดไฟ
คำว่า "ไพร่" พวก นปช เสื้อแดง เรียกตัวเอง ผมก็เรียกตาม และเพิ่มแดงเข้าไปตามสีเสื้อ
(จะว่าด่าก็ด่าตาม นปช)
ส่วน "ไพร่" ของพวก นปช เสื้อแดง ได้แรงบันดาลใจมาจากไหน
ผมฟังรายการของ อ.เจิมศักดิ์ ว่าไว้ ตาม link นี้

ถอดรหัส "ไพร่-อำมาตย์" วาทกรรมอำพราง "ทักษิณ" ตีองคมนตรี-ล้มเจ้า
http://www.manager.co.th/Politics/ViewN ... 0000040227


อ๋อ ต้องกราบขออภัยคุณ Guojia (กุยแก) จริงๆนะครับที่ใช้คำพูดเสียดสีไป เป็นความสะเพร่าบวกกับอารมณ์ซึ่งเห็น อาจารย์ปรีดีเป็นจำเลย ทำให้ลืมนึกถึงเรื่องหนึ่งไป ต้องขออภัยและขอขอบคุณๆ กุยแก ที่เตือนสติผมด้วยนะครับ

ขออภัยมา ณ ที่นี้อีกทีครับ
"The unjust law is no law at all."
User avatar
sanddolphin
 
Posts: 477
Joined: Sun Apr 12, 2009 1:35 pm

Re: ทำไมคณะราษฯ ยังดึงดันเปลี่ยนระบอบ ทั้งๆ ที่ ดุสิตธานี กำเนิด

Postby aPpeaR » Sun May 02, 2010 2:51 am

sanddolphin wrote:
GuoJia wrote:ไพร่ตัวต้นแบบอยู่ที่นี่เอง

http://www.pridiinstitute.com/autopage/ ... 19&d_id=19

ไพร่แดงปัจจุบันได้รับแรงบันดาลใจ และถอดแบบกันมาเป๊ะ ๆ

:evil: :evil: :evil:


เก่งดีนี่ครับ เรื่องนั่งเทียน ด่าคนนั้นคนนี้ รู้อีกแน่ะว่า ได้แรงบันดาลใจมาจากอาจารย์ ปรีดี


คุณก็เก่งมากนะครับไล่กัดคนนั้นคนนี้หลายกระทู้

ไม่ทราบว่าเมาอะไรมาหรือเปล่าพออ่านเจออะไรที่ไม่ถูกใจตัวเองหน่อย

วีนแตกซะหมด ถ้าเกิดเห็นต่างจากคนอื่นก็ควรให้เหตุผล

กรุณาทำด้วยใจอย่านำอารมของตนมาโต้ตอบ

มันจะดีกว่าที่คุณทำอยู่ ให้มันเป็นการสนทนาที่ได้รับข้อมูลมากกว่าอารมของตัวเองจะดีกว่ามั้ย ?

ไล่ Quote หลายกระทู้ตามอารม มันจะทำให้คนอื่นใช้อารมกลับสุดท้ายแล้วจะกลายเป็นทะเลาะกันเปล่าๆ


ปล. เตือนด้วยความเคารพ
viewtopic.php?f=2&t=37561 <ทักษิณ=ศาสนา?
viewtopic.php?f=2&t=39526 <ของฟรีมีบนโลก!
viewtopic.php?f=2&t=36943 <เหนือชั้น!
User avatar
aPpeaR
 
Posts: 1357
Joined: Sat Jan 10, 2009 10:54 pm

Re: ทำไมคณะราษฯ ยังดึงดันเปลี่ยนระบอบ ทั้งๆ ที่ ดุสิตธานี กำเนิด

Postby pira » Sun May 02, 2010 3:05 am

aPpeaR wrote:
sanddolphin wrote:
GuoJia wrote:ไพร่ตัวต้นแบบอยู่ที่นี่เอง

http://www.pridiinstitute.com/autopage/ ... 19&d_id=19

ไพร่แดงปัจจุบันได้รับแรงบันดาลใจ และถอดแบบกันมาเป๊ะ ๆ

:evil: :evil: :evil:


เก่งดีนี่ครับ เรื่องนั่งเทียน ด่าคนนั้นคนนี้ รู้อีกแน่ะว่า ได้แรงบันดาลใจมาจากอาจารย์ ปรีดี


คุณก็เก่งมากนะครับไล่กัดคนนั้นคนนี้หลายกระทู้

ไม่ทราบว่าเมาอะไรมาหรือเปล่าพออ่านเจออะไรที่ไม่ถูกใจตัวเองหน่อย

วีนแตกซะหมด ถ้าเกิดเห็นต่างจากคนอื่นก็ควรให้เหตุผล

กรุณาทำด้วยใจอย่านำอารมของตนมาโต้ตอบ

มันจะดีกว่าที่คุณทำอยู่ ให้มันเป็นการสนทนาที่ได้รับข้อมูลมากกว่าอารมของตัวเองจะดีกว่ามั้ย ?

ไล่ Quote หลายกระทู้ตามอารม มันจะทำให้คนอื่นใช้อารมกลับสุดท้ายแล้วจะกลายเป็นทะเลาะกันเปล่าๆ


ปล. เตือนด้วยความเคารพ


ถูกครับ
จะมีประโยชน์อะไรที่จะรักษาตัวให้รอดและปลอดภัย หากประเทศชาติต้องถูกทำลาย
User avatar
pira
 
Posts: 405
Joined: Tue Dec 16, 2008 11:37 pm

Re: ทำไมคณะราษฯ ยังดึงดันเปลี่ยนระบอบ ทั้งๆ ที่ ดุสิตธานี กำเนิด

Postby อหิงสกะ » Sun May 02, 2010 11:50 am

ที่ผมเคยอ่านบ้างคือ อ.ปรีดี ท่านพยายามรักษาระบอบกษัตริย์มาตลอด (เหมือนท่านรู้ว่าท่านเปลี่ยนแปลงการปกครองเร็วเกินไป) แต่เพื่อนท่านนี่สิ เอาอำนาจเข้าตัว เหมือนที่ล้นเกล้า ร.๗ ท่านเคยตรัสว่า "ให้อำนาจการปกครองแก่ประชาชนทุกคน ไม่ใช่แค่ประชาชนบางกลุ่ม" ผิดถูกอย่างไรขออภัยด้วยนะครับ
ข้าพระพุทธเจ้าภาคภูมิใจที่ได้ปฏิบัติตนตามที่ได้ปฏิญาณต่อหน้าพระพักตร์ใต้ฝ่าละอองพระบาท ว่า
"ข้าพระพุทธเจ้าจักบำเพ็ญตนเป็นพลเมืองที่ดีของชาติ สมกับเป็นผู้มีวัฒนธรรม และศีลธรรม" โดยสมบูรณ์แล้ว
User avatar
อหิงสกะ
 
Posts: 179
Joined: Fri Apr 23, 2010 4:31 pm

Re: ทำไมคณะราษฯ ยังดึงดันเปลี่ยนระบอบ ทั้งๆ ที่ ดุสิตธานี กำเนิด

Postby ราชมนู » Sun May 02, 2010 1:17 pm

Blue[bot] wrote:มุมมองผมนะ

เพราะจบจากนอก อยากเป็นอย่างเมืองฝรั่งเขา

คิดเอาว่าต้องเปลี่ยนจากบนสุด เดินตามฝรั่ง คิดเองไม่เป็น ฝรั่งมันทำยังไงก็ทำอย่างนั้น

หารู้ไหมว่า สังคมไทยเป็นยังไง คนไทยต้องการอะไร คนไทยรู้สึกยังไง

เอาตามฝรั่งอย่างเดียว

ระบบประชาธิปไตย เกิดเพราะประชาชนต้องการมีส่วนร่วมในการตัดสินใจในการบริหารประเทศ

ประชาชนไม่ได้หมายถึง นักเรียนนอกไม่กี่คน :mrgreen:

สมัยนี้ ก็เหมือนกัน ประชาชนไม่ได้หมายถึงควายแดงไม่กี่ตัว :mrgreen:


เห็นด้วยเป็นอย่างมากเลยครับ
รักความเป็นไทย ชอบความเที่ยงธรรม
User avatar
ราชมนู
 
Posts: 171
Joined: Fri Apr 10, 2009 8:25 am

Previous

Return to ห้องสมุด



cron