อ่านแล้วน้ำตาไหลครับ ในหลวงในดวงใจชาวไทยทุกคน

คลังปัญญา กระทู้ปักหมุดเดิม เรื่องสำคัญจัดเก็บที่นี่

Re: อ่านแล้วน้ำตาไหลครับ ในหลวงในดวงใจชาวไทยทุกคน

Postby noway2know » Fri Jun 04, 2010 11:14 am

Image

ภาพลายฝีพระหัตถ์แบบร่างต้นแบบเครื่องกลเติมอากาศ
กังหันน้ำชัยพัฒนา
ซึ่งต่อมามูลนิธิชัยพัฒนาได้รับพระบรมราชานุญาติ
ให้ดำเนินการขอจดสิทธิบัตรเครื่องกลเติมอากาศแบบ RX-5C
ในพระปรมาภิไธยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช
ซึ่งกรมทรัพย์สินทางปัญญาได้ออกสิทธิบัตรการประดิษฐ์
เมื่อวันที่ ๑๙ เมษายน ๒๕๔๔
ในชื่อ “เครื่องกลเติมอากาศแบบอัดอากาศและดูดน้ำ ”


Image

Image

สืบเนื่องจากการที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้พระราชทานพระราชดำริในการแก้ไขปัญหาน้ำเสีย ด้วยการใช้เครื่องกลเติมอากาศซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีในชื่อ “กังหันน้ำชัยพัฒนา” เมื่อปี พ.ศ. 2531 ต่อมาในปี พ.ศ. 2533 พระองค์ทรงคิดค้นประดิษฐ์เครื่องบำบัดน้ำเสียเพิ่มเติม โดยพระราชทานพระราชดำริให้มีการจัดสร้างเครื่องกลเติมอากาศแบบ RX-5 และได้พระราชทานภาพลายฝีพระหัตถ์เครื่องกลเติมอากาศทางโทรสารให้กรมชลประทานจัดสร้างเครื่องต้นแบบ 3 รูปแบบ
เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 2533 คือ

รูปแบบที่ 1.แบบอัดอากาศลงไปสืบเนื่องจากการที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้พระราชทานพระราชดำริในการแก้ไขปัญหาน้ำเสีย ด้วยการใช้เครื่องกลเติมอากาศซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีในชื่อ “กังหันน้ำชัยพัฒนา” เมื่อปี พ.ศ. 2531 ต่อมาในปี พ.ศ. 2533 พระองค์ทรงคิดค้นประดิษฐ์เครื่องบำบัดน้ำเสียเพิ่มเติม โดยพระราชทานพระราชดำริให้มีการจัดสร้างเครื่องกลเติมอากาศแบบ RX-5 และได้พระราชทานภาพลายฝีพระหัตถ์เครื่องกลเติมอากาศทางโทรสารให้กรมชลประทาน จัดสร้างเครื่องต้นแบบ 3 รูปแบบ เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 2533 คือปใน น้ำ (Air pump)
รูปแบบที่ 2.แบบใช้ความเร็วของน้ำดึงอากาศจากภาย นอกเข้าผสม (Water pump)
รูปแบบที่ 3.นำรูปแบบที่ 1 และที่ 2 ผสมกัน โดยแทนที่จะดึงอากาศภายนอกเข้าผสมตามรูปแบบที่ 2 แต่ใช้วิธีการอัดอากาศเข้าช่วย(Water-air pump)

การศึกษาวิจัยและพัฒนา


Image

กรมชลประทานรับสนองพระราชดำริในการศึกษาและสร้างต้นแบบตามภาพฝีพระหัตถ์ และได้นำไปทดสอบการทำงานที่อ่างเก็บน้ำห้วยตะแปด ในศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยทรายอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดเพชรบุรี ปรากฏว่ารูปแบบที่ 3 มีประสิทธิภาพดีที่สุด แต่เครื่องกลเติมอากาศต้นแบบนี้มีขนาดใหญ่ จึงได้มีการพัฒนาปรับปรุงให้เครื่องมีขนาดเล็กเพื่อจะได้นำไปติดตั้งในแหล่งน้ำที่ไม่สามารถติดตั้งกังหันน้ำชัยพัฒนาได้แต่การพัฒนาเครื่องต้นแบบ RX-5C ต้องหยุดชะงักเนื่องจากมีการติดตั้งกังหันน้ำชัยพัฒนาตามสถานที่ต่างๆเป็นจำนวนมากและต้องวิจัยแก้ไขปรับปรุงระบบส่งกำหลังของกังหันน้ำชัยพัฒนา การพัฒนาเครื่องต้นแบบ RX-5C ได้เริ่มดำเนินการอีกครั้งในปี พ.ศ. 2541 และสำเร็จเมื่อปี พ.ศ. 2542

Image

คุณสมบัติ
เมื่อได้ปรับปรุงแก้ไขเครื่องกลเติมอากาศแบบ RX-5C ให้ตัวเครื่องมีขนาดเล็กกะทัดรัด เหลือเพียง 60 เซนติเมตร และมีประสิทธิภาพการใช้งานสูงสุด สามารถขนย้ายและติดตั้งง่าย โดยเฉพาะการปรับปรุงคุณภาพน้ำในแหล่งชุมชนและสถานที่ต่างๆ ที่ไม่สามารถติดตั้งกังหันน้ำชัยพัฒนาได้ ทำให้เครื่องเครื่องกลเติมอากาศแบบ RX-5C นี้ สามารถดึงน้ำเสียที่อยู่ก้นบ่อเข้าผสมกับอากาศและเกิดคลื่นน้ำ ทำให้นำไหลหมุนเวียน น้ำเสียจะผสมกับออกซิเจนในอากาศ ซึ่งทำให้น้ำมีคุณภาพ และสามารถนำไปดัดแปลงใช้ประโยชน์เป็นปั๊มดูดตะกอนได้อีกด้วย โดยปิดทางเข้าอากาศ
รูปแบบของตัวเครื่อง ประกอบด้วย ชุดสูบน้ำ และชุดอัดอากาศต่ออยู่บนเพลาเดียวกัน โดยใช้มอเตอร์ไฟฟ้า ขนาด 2 แรงม้า เป็นตัวขับเคลื่อนลอยตัวอยู่บนทุ่นเกือกม้า

Image

หลักการทำงาน

เครื่องกลเติมอากาศแบบ RX-5C
อาศัยแรงขับด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 2 แรงม้า 3,000 รอบ/นาที
ขณะเครื่องทำงานวัดค่ากระแสไฟฟ้าได้ 2.8 แอมแปร์
การทำงานเช่นนี้สามารถถ่ายเทออกซิเจน
ได้ประมาณ 1.8-2 กิโลกรัมออกซิเจน/แรงม้า/ ชั่วโมง

โดยมีหลักการทำงานคือ
มอเตอร์ไฟฟ้าจะทำให้ใบพัดปั๊มน้ำหมุนระบบสูบน้ำทำงาน
จะดูดน้ำที่ส่วนล่างของบ่อขึ้นไปตามท่อดูดน้ำ
ที่ปลายทางออกท่อดูดน้ำจะทำVenturi เมื่อน้ำไหลผ่านตรงจุด Venturi
น้ำมีความเร็วสูงเกิดสุญญากาศจะดูดอากาศจากภายนอก
ผสมกับน้ำ เนื่องจากท่อรับอากาศต่อเข้ากับชุดเป่าอากาศจะอัดอากาศ
จะอัดอากาศส่งไปตามท่อรับอากาศ
เพิ่มปริมาณอากาศเข้าผสมกับน้ำ โดยมีแรงดูดอากาศที่เกิดสุญญากาศ
ตรงจุด Venturi และแรงอัดอากาศจากชุดเป่าอากาศ

Image

สิทธิบัตรในพระปรมาภิไธย

มูลนิธิชัยพัฒนาได้รับพระบรมราชานุญาตให้ดำเนินการขอจดสิทธิบัตรเครื่องกลเติมอากาศแบบ RX-5C ในพระปรมาภิไธยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ซึ่งกรมทรัพย์สินทางปัญญาได้ออกสิทธิบัตรการประดิษฐ์ เมื่อวันที่ 19 เมษายน 2544 ในชื่อ “เครื่องกลเติมอากาศแบบอัดอากาศและดูดน้ำ”

เครื่องกลเติมอากาศแบบ RX-5C ที่สร้างเสร็จสมบูรณ์ตามพระราชดำริแล้วนั้น ได้นำขึ้นน้อมเกล้าฯ ถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสาธิตการทำงานเมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 2543 ณ ทะเลน้อย วังไกลกังวล จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งในปัจจุบันเครื่องกลเติมอากาศเครื่องนี้ยังคงใช้งานอยู่ที่วังไกลกังวล

นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณยิ่งที่ทรงคิดค้นหาวิธีการแก้ไขและปรับปรุงคุณภาพน้ำให้ดีขึ้น
ด้วยทรงเห็นว่า “น้ำ” มีความสำคัญต่อการดำรงชีวิตของมนุษย์ เพราะ “น้ำ คือ ชีวิต"


Image

http://www.chaipat.or.th/chaipat/content/rx5/rx5.html

รักในหลวง หวงแผ่นดิน
เกลียดเสื้อแดง จะรัฐบาล ม.แม้ว หรือ ม.มาร์ค ก็น่าผิดหวัง เลวพอๆกัน
ไปม๊อบมา ไปก็บอกว่าไป..ไม่ใช่ประเภท....ตุลาคมก็อยู่นะ(โกหก)
http://www.baanpud.net/forum/index.php....http://www.prachathon.org/forum/
User avatar
noway2know
 
Posts: 7750
Joined: Thu May 20, 2010 12:19 am

Re: อ่านแล้วน้ำตาไหลครับ ในหลวงในดวงใจชาวไทยทุกคน

Postby noway2know » Fri Jun 04, 2010 11:20 am

khundaan wrote:
noway2know wrote:สำเนียงส่อภาษา....กริยาส่อสกุล


อย่าไปสนใจพวกควายเหล่านี้เลยครับ แถวบ้านมันก็ยังกินฟาง เคี้ยวเอื้องเป็นหลัก หัวจมอยู่ในปลัก ไม่โผล่มาดูเดือนดูตะวัน จนตายแหละ :twisted: :twisted: :twisted:


khundaan ขอบคุณมากนะค่ะ Strangerman ด้วยค่ะ
กระทู้นี้ตั้งใจโพสมาก....
ในหลวงท่านไม่เคยเรียกร้องให้พวกเราตอบแทน
ในสิ่งที่ท่านทรงทำ....ใครจะรับรู้ไม่ได้สำคัญสำหรับพระองค์ท่าน
ทั้งๆที่ท่านทำประโยชน์ต่อแผ่นดินไทย ทรงงานหนักมาตลอดชีวิต
พวกเราต่างหากที่อยากจะถ่ายทอด....สิ่งที่ท่านทรงทำ
ด้วยความภาคภูมิใจ....ในตัวพระองค์ท่าน

Last edited by noway2know on Fri Jun 04, 2010 11:27 am, edited 3 times in total.

รักในหลวง หวงแผ่นดิน
เกลียดเสื้อแดง จะรัฐบาล ม.แม้ว หรือ ม.มาร์ค ก็น่าผิดหวัง เลวพอๆกัน
ไปม๊อบมา ไปก็บอกว่าไป..ไม่ใช่ประเภท....ตุลาคมก็อยู่นะ(โกหก)
http://www.baanpud.net/forum/index.php....http://www.prachathon.org/forum/
User avatar
noway2know
 
Posts: 7750
Joined: Thu May 20, 2010 12:19 am

Re: อ่านแล้วน้ำตาไหลครับ ในหลวงในดวงใจชาวไทยทุกคน

Postby khundaan » Fri Jun 04, 2010 11:22 am

ทรงพระอัจฉริยะภาพจริงๆครับ


ขอบคุณคุณ noway...ด้วยครับ ที่นำมาให้อ่านอีก ;)
Last edited by khundaan on Fri Jun 04, 2010 12:04 pm, edited 1 time in total.
User avatar
khundaan
 
Posts: 840
Joined: Fri May 28, 2010 7:04 pm

Re: อ่านแล้วน้ำตาไหลครับ ในหลวงในดวงใจชาวไทยทุกคน

Postby Sugar » Fri Jun 04, 2010 11:45 am

เราโชคดีที่มีพ่ออย่างพ่อหลวง เรารักพ่อมาก ใครไม่รักพ่อช่างมัน พ่อทำให้เราชาวไทยมากมายเหลือเกิน ขอพ่ออายุยืนเป็นร่มโพธิ์ร่มไทรของลูกหลานชาวไทยนานและนาน รักพ่อ

ขอบคุณบทความดี ๆ ที่นำเสนอให้ได้มีโอกาสทราบน่ะค่ะ
User avatar
Sugar
 
Posts: 42
Joined: Sat May 15, 2010 10:26 am

Re: อ่านแล้วน้ำตาไหลครับ ในหลวงในดวงใจชาวไทยทุกคน

Postby noway2know » Sun Jun 06, 2010 12:35 am

ImageImage

รักในหลวง หวงแผ่นดิน
เกลียดเสื้อแดง จะรัฐบาล ม.แม้ว หรือ ม.มาร์ค ก็น่าผิดหวัง เลวพอๆกัน
ไปม๊อบมา ไปก็บอกว่าไป..ไม่ใช่ประเภท....ตุลาคมก็อยู่นะ(โกหก)
http://www.baanpud.net/forum/index.php....http://www.prachathon.org/forum/
User avatar
noway2know
 
Posts: 7750
Joined: Thu May 20, 2010 12:19 am

Re: อ่านแล้วน้ำตาไหลครับ

Postby Huligan » Sun Jun 06, 2010 1:34 am

noway2know wrote:พ่อทรงช่วยเหลือโดยไม่ได้แยกดี-ชั่ว...แต่ทุกคนคือลูกของพ่อ
Image
คนที่เจ็บ ตาย ทั้งๆที่ออกมาทำร้ายบ้านเมือง บางคนก็จาบจ้วงพระองค์ท่าน ทุกครั้งที่พวกคุณ ญาติพี่้น้องไปรับเงินพระราชทานช่วยเหลือ...หยุดคิดสักนิด....พ่อรักลูกทุกคนเท่าเทียมกัน...
วาระสุดท้ายของเสธ.แดง ทั้งๆในเวบเสธ.แดง มีการขึ้นหน้าเวบ บางส่วนด้วยการพาดพิงสมเด็จพระราชินี แต่สุดท้ายพระองค์ท่านก็ยังทรงแสดงน้ำพระทัยต่อลูกทุกคน ไม่ว่าลูกดีหรือเลว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่และพระราชินี ทรงโปรดเกล้าพระราชทานน้ำหลวงอาบศพ โกฎแปดเหลียม และพระราชทานสวดอภิธรรมศพพล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล 3 คืน

หาใช่ทักษิณ...คนที่เป็นต้นเหตุแห่งความแตกแยกไม่ที่ช่วยเหลือ....

ไม่ใช่เฉพาะรายของเสธ.แดง ที่ทรงช่วยเหลือ กรณีอื่นๆเช่นเดียวกัน แม้เคยให้้ร้ายพระองค์ท่าน แต่บิดา มารดาตาย หรือตัวเองตาย พระองค์ไม่เคยปฏิเสธเวลามีการทำเรื่องขอพระราชทานเพลิงศพ ....โดยเฉพาะบุคคลที่ทำหน้าที่เป็นข้าราชการ พระองค์จะทรงให้ความช่วยเหลือเสมอในวาระสุดท้ายของชีวิต ไม่เลือกว่าดีหรือเลว....นี่คือพ่อแม่ของแผ่นดิน
Image


รวมทั้งป๋าหมัก ที่เคยเป็นนอมินี่ให้กบฏแม้ว ด้วย... :ugeek:
ทฤษฎีของ เดล คาเนกี ใช้กับเหิ้ยหางแดงไม่ได้

การตัดหางลูกอ๊อด ไม่ได้ทำให้ลูกอ๊อดกลายเป็นกบได้!!!
User avatar
Huligan
 
Posts: 1203
Joined: Mon Jan 12, 2009 3:33 pm

Re: อ่านแล้วน้ำตาไหลครับ ในหลวงในดวงใจชาวไทยทุกคน

Postby noway2know » Sun Jun 06, 2010 5:01 am

Image

ในหลวงพระราชทานโกศไม้แปดเหลี่ยม-น้ำหลวงอาบศพแก่ "สมัคร" พระบรมฯ เสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์ไปในการพระราชทานน้ำหลวงอาบศพ

ภายหลังการถึงแก่อสัญกรรมของนายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรี เมื่อเวลา 12.00 น.วันที่ 25 พฤศจิกายน ผู้สื่อข่าวรายงานจากโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ว่าครอบครัวของนายสมัครและญาติเคลื่อนย้ายศพจากโรงพยาบาลไปบำเพ็ญกุศลที่วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม

ในการนี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานโกศ 8เหลี่ยม น้ำหลวงอาบศพและเครื่องอัฐบริขารทั้งหมดและทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมรับศพไว้ในพระบรมราชานุเคราะห์และพระราชทานพระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรม 7 คืน

เมื่อเวลา 17.40 น. สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์ไปในการพระราชทานน้ำหลวงอาบศพนายสมัคร ณ ศาลาบัณณรศภาค วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม และเสด็จฯ กลับในเวลา 18.00 น.

รักในหลวง หวงแผ่นดิน
เกลียดเสื้อแดง จะรัฐบาล ม.แม้ว หรือ ม.มาร์ค ก็น่าผิดหวัง เลวพอๆกัน
ไปม๊อบมา ไปก็บอกว่าไป..ไม่ใช่ประเภท....ตุลาคมก็อยู่นะ(โกหก)
http://www.baanpud.net/forum/index.php....http://www.prachathon.org/forum/
User avatar
noway2know
 
Posts: 7750
Joined: Thu May 20, 2010 12:19 am

Re: อ่านแล้วน้ำตาไหลครับ ในหลวงในดวงใจชาวไทยทุกคน

Postby noway2know » Sun Jun 06, 2010 5:16 am

Image

"พระราชดำรัสในหลวง"ไม่มี"ชาวเขา"เพราะทุกคนเป็น "ชาวเรา"พวกเขาเป็น"ชาวไทยภูเขา"

Image

ท่านผู้หญิงจรุงจิตต์ ทีขะระ รองราชเลขานุการ ในพระองค์สมเด็จพระบรมราชินีนาถ เป็นผู้เปิดเผย

รายละเอียดของข่าวก็คือตัวแทนชาวเขาเผ่ากะเหรี่ยงบ้านจันทร์ อ.แม่ แจ่ม จ.เชียงใหม่ ได้เขียนจดหมายถึงท่านผู้หญิงมนัสนิตย์ วณิกกุลราชเลขานุการในพระองค์สมเด็จพระบรมราชินีนาถ เพื่อแสดงความรู้สึกถึงข่าวพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระประชวร ต่อมากองราชเลขานุการฯ
ได้นำจดหมายดังกล่าวขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ซึ่งประทับดูแลเฝ้าพระอาการพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมาโดยตลอด นับตั้งแต่เสด็จฯ มาประทับ ณ โรงพยาบาลศิริราช เมื่อสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถทรงอ่านจดหมายก็ปลื้มพระราชหฤทัย จึงทรงอ่านจดหมายถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวด้วยพระองค์เองและมีพระราชกระแสรับสั่งเล่าว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวปลื้มพระราชหฤทัย สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถจึงทรงขอพระบรมราชานุญาตนำเนื้อหาจดหมายดังกล่าวมาเผยแพร่ต่อประชาชน


Image

ข้อความจดหมายดังกล่าวเขียนว่า


“ที่ศาลารวมใจบ้านจันทร์ 16 ต.ค. 52 เรื่อง พ่อหลวงไม่สบาย ชาวเขาเผ่ากะเหรี่ยงรักเป็นห่วงมาก เมื่อทราบข่าวว่าพ่อหลวงไม่สบาย ชาวเขาเผ่ากะเหรี่ยง ตั้งจิตอธิษฐานขออาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัย และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายในบ้านจันทร์ คุ้มครองรักษาพ่อหลวง หายจากอาการไม่สบายโดยเร็ว อยู่คู่กับคนไทยไป นานๆ พ่อหลวงองค์เดียวของแผ่นดิน พ่อองค์เดียวนี้หาไม่มี เมื่อพ่อหลวงสุขสบาย กะเหรี่ยงยิ้มแย้ม มีกำลังใจ เมื่อพ่อหลวงไม่สบาย กะเหรี่ยงเมื่อยล้าหมดแรง อบอุ่นใดไม่เหมือน อบอุ่นอยู่กับพ่อหลวงของเรา กะเหรี่ยงเกิดมาร่วมชาติกับพ่อหลวง ไม่มีอะไรตอบแทน นอกจากขอเป็นคนดีของคนไทย รักและเป็นห่วงพ่อหลวงมาก ลงชื่อ นางวราภรณ์ ธรรมสามิสร ตัวแทนชาวเขาเผ่ากะเหรี่ยง”

สำหรับศาลารวมใจบ้านจันทร์เป็นที่อยู่ของชาวเขาเผ่ากะเหรี่ยงใน อ.แม่แจ่ม ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถเสด็จฯทรงเสด็จไปเยี่ยมเมื่อประมาณ 30-40 ปี ก่อนและทรงช่วยเหลือให้พวกเขามีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น โดยพระราชทานโครงการหลวงต่างๆและศาลารวมใจ ยังมีห้องสมุดเล็กๆให้ชาวเขาได้อ่านหนังสือ มีรูปภาพอธิบายให้เข้าใจเรื่องราวเกี่ยวกับประเทศไทย มีการอบรมชาวกะเหรี่ยงให้รู้จักเรื่องการปฐมพยาบาลเบื้องต้น และการใช้ยาสามัญประจำบ้านด้วย

Image

เด็กชาวไทยภูเขากับชุดนักเรียนชุดแรกในชีวิตได้รับพระราชทานจากพระเจ้าอยู่หัวที่วัดโบสถ์วรดิตถ์ อ.ป่าโมก จ.อ่างทอง วัดนี้เป็นสถานสงเคราะห์เด็กยากจนชายไทยภูเขา

น้องๆเล่าให้ฟังว่าพวกเขาไม่เคยมีชุดนักเรียนเลย บางคนถึงมีก็แค่ชุดเดียวใส่ตั้งแต่ ป.1 ถึง ป.4 และแล้วเมื่อวันที่ 10กว่าๆ เดือนพค. 52 พระเจ้าอยู่หัวพ่อหลวงของเราก็ได้ พระราชทานชุดนักเรียนให้ 500 ชุด เด็กๆที่นั่นดีใจมากๆ

รักในหลวง หวงแผ่นดิน
เกลียดเสื้อแดง จะรัฐบาล ม.แม้ว หรือ ม.มาร์ค ก็น่าผิดหวัง เลวพอๆกัน
ไปม๊อบมา ไปก็บอกว่าไป..ไม่ใช่ประเภท....ตุลาคมก็อยู่นะ(โกหก)
http://www.baanpud.net/forum/index.php....http://www.prachathon.org/forum/
User avatar
noway2know
 
Posts: 7750
Joined: Thu May 20, 2010 12:19 am

Re: อ่านแล้วน้ำตาไหลครับ ในหลวงในดวงใจชาวไทยทุกคน

Postby ดอกไม้ » Sun Jun 06, 2010 6:25 am

ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน
รักในหลวงมาก ๆ ค่ะ


แต่ช่วงหลัง ๆ นี้ไปอ่านตามเว็บของพวกเสื้อแดง หรือของพวกที่ฝักใฝ่ใต้เท้าทักษิณแล้ว
อ่านแล้วเลือดขึ้นสมองค่ะ แต่ละคำพูด แต่ละคำเขียนของพวกเค้า อ่านแล้วไม่เข้าใจว่า ทำไมในยุคของพระองค์มีคนแบบนี้ด้วย พระองค์พยายามทำทุกอย่างเพื่อประเทศชาติ เพื่อพสกนิกรของพระองค์ทั่วทุกทิศ ทำไมพวกเค้าไม่พยายามศึกษา ไม่มองให้แง่ที่ว่า เป็นพวกเค้าทำกันได้อย่างนี้ไม๊
อ่านแล้วไม่เข้าใจจริง ๆ เลยค่ะ เฮ้อ...
。◕‿◕。
⊹⊱✲เลือกคนดีเข้าสภา✲⊰⊹
User avatar
ดอกไม้
 
Posts: 67
Joined: Sat May 22, 2010 7:36 pm

Re: อ่านแล้วน้ำตาไหลครับ ในหลวงในดวงใจชาวไทยทุกคน

Postby Blue[bot] » Sun Jun 06, 2010 6:45 am

นายเวร wrote:ซาบซึ้ง น้ำยาไหลพรากเลยคับ พี่น้องงงงง


นายเวร = พ่อมันลาว + แม่เขมร + ชู้แม่มันเป็นพม่า :lol: :lol: :lol:

ไม่แปลกหรอกที่มันไม่รักประเทศไทย :mrgreen:
Blue[bot]
 
Posts: 1773
Joined: Sun Apr 19, 2009 4:38 pm

Re: อ่านแล้วน้ำตาไหลครับ ในหลวงในดวงใจชาวไทยทุกคน

Postby khundaan » Sun Jun 06, 2010 9:44 am

Blue[bot] wrote:
นายเวร wrote:ซาบซึ้ง น้ำยาไหลพรากเลยคับ พี่น้องงงงง


นายเวร = พ่อมันลาว + แม่เขมร + ชู้แม่มันเป็นพม่า :lol: :lol: :lol:

ไม่แปลกหรอกที่มันไม่รักประเทศไทย :mrgreen:


มันปฏิสนธิในน้ำ กำเนิดออกมาเป็นไข่ :lol: :lol: :lol:
User avatar
khundaan
 
Posts: 840
Joined: Fri May 28, 2010 7:04 pm

Re: อ่านแล้วน้ำตาไหลครับ ในหลวงในดวงใจชาวไทยทุกคน

Postby onerukna » Sun Jun 06, 2010 11:10 am

ขอจงทรงพระเจริญ ยิ่งยืนนาน
User avatar
onerukna
 
Posts: 129
Joined: Mon Oct 13, 2008 12:16 pm

Re: อ่านแล้วน้ำตาไหลครับ ในหลวงในดวงใจชาวไทยทุกคน

Postby noway2know » Mon Jun 07, 2010 10:56 am

อลัน เบท 29,500 กม. ประกาศให้โลกรู้ว่า ..ผมรักในหลวง
อลัน เบท 29,500 กม. ประกาศให้โลกรู้ว่า ..ผมรักในหลวง




"ผมอยากเป็นคนไทย อยากมีสัญชาติไทย เพราะผมรักเมืองไทย ผมรักในหลวง"
คำพูดสั้น ๆ แต่สะท้อนให้เห็นถึงความในใจทั้งหมดของ "อลัน เบท"
หนุ่มนักปั่นจักรยานมืออาชีพชาวอังกฤษ
ที่มีหัวใจและเลือดรักชาติเป็นสีแดง ขาว น้ำเงิน คนนี้ได้เป็นอย่างนี้


ชื่อของ "อลัน เบท" หรือนายอิสระ วัย 44 ปี ชายชาวลิเวอร์พูล ประเทศอังกฤษ อาจเป็นที่รู้จักของคนทั่วโลก เพราะเขาเป็นนักปั่นจักรยานฝีมือดี ติดอันดับท็อปเทนของโลก แต่สำหรับคนไทยแล้ว "อลัน เบท" อาจจะกลายเป็นแค่เพียงชาวต่างชาติที่มาปั่นจักรยานเที่ยวเมืองไทย แล้วก็กลับไปเหมือนคนอื่น ๆ หากไม่ใช่เช่นนั้น เพราะเมื่อ "อลัน เบท" มาเที่ยวเมืองไทย ได้สัมผัสวิถีชีวิตเมืองไทยแล้ว มันทำให้เขาซับความเป็นไทย และมีดวงใจจงรักภักดีต่อพ่อหลวง เหมือนคนไทยทั่ว ๆ ไปในแผ่นดินสยามเมืองยิ้ม

อลัน เบท พูดเสมอว่าที่เขาชอบขี่จักรยาน ก็เพราะยามที่ได้นั่งอยู่บนอาน เขาได้สัมผัสถึงชีวิตที่กลมกลืนกับธรรมชาติ อีกทั้งการขี่จักรยานจะเป็นการสร้างมิตรภาพที่ดีเพราะตลอดเส้นทางที่ขี่จะนำเพื่อนใหม่ ๆ มาให้ชีวิต

ย้อนกลับไปเมื่อ พ.ศ.2548 "อลัน เบท" ได้ฝึกซ้อมจักรยานเตรียมเข้าแข่งขันไปยังประเทศลาว เวียดนาม กัมพูชา และไทย แต่แล้วกลับเกิดอุบัติเหตุรถจักรยานตกเหว ทำให้ "อลัน เบท" ต้องพักรักษาตัว "อลัน เบท" ตัดสินใจแต่งงานกับภรรยาคนไทย และใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ กับลูกชายตัวเล็ก ๆ หนึ่งคนที่สามารถใช้ได้ 2 สัญชาติ แต่ "อลัน เบท" กลับเลือกให้ลูกชายใช้เพียงสัญชาติไทยเพียงอย่างเดียว

Image

อลัน เบทปั่นจักรยานรอบโลกสดุดีในหลวง
และมอบรายได้ช่วยเหลือผู้ขาดแคลนในประเทศไทย
ผ่านองค์กร ไรท์ ทู เพลย์

อลันเริ่มเดินทางตั้งแต่วันพุธที่ 31 มีนาคม 2553
อลัน เบท 29,500 กม. ประกาศให้โลกรู้ว่า ..ผมรักในหลวง
และหารายได้ช่วยเหลือผู้ขาดแคลนในไทยผ่านองค์กรไรท์ ทู เพลย์


ที่ผ่านมาอลัน เบท ได้ปั่นจักรยานมาแล้วจากเส้นทางเชียงใหม่ถึงกรุงเทพฯ
ภูเก็ตถึงกรุงเทพฯ และเมื่อปีที่แล้วก็ได้ปั่นจากเชียงใหม่สู่เชียงราย
โดยอลัน ยังได้รับเกียรติคุณยกย่องจากรัฐบาลไทย การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
และสมาคมนักปั่นจักรยาน รวมถึงมูลนิธิภูมิพลอีกด้วย
ปีอลันมีเป้าหมายที่ใหญ่กว่า กับการปั่นรอบโลกพร้อมทำลายสถิติเก่าลงด้วย
กับเวลาที่ตั้งไว้เพียง 150 วัน โดยมีจุดเริ่มต้นที่กรุงเทพ
ประเทศไทยมุ่งหน้าลงใต้ไปยังมาเลเซีย และสิงค์โปร์ ก่อนข้ามไปออสเตรเลีย
และนิวซีแลนด์ หลังจากนั้นการเดินทางในจุดต่อไปก็เป็นอเมริกา
สู่อเมริกาใต้ผ่านประเทศต่างๆรวมทั้งอุรุไกว และบราซิล
จากนั้นจึงไปทวีปยุโรป อาหรับ เอมิเรตส์ อินเดีย บังกลาเทศ ก่อนเข้าสู่พม่า
และสิ้นสุดที่ประเทศไทยอีกครั้ง โดยที่นี่อลันจะได้รับมอบสัญชาติไทย
ซึ่งเป็นการถือร่วมกับสัญชาติอังกฤษของเขา

โดยคาดว่านี่จะเป็นอีกหนึ่งนิมิตหมายที่ดีของมิตรภาพระหว่างทั้งสองประเทศ

อลันมีความมุ่งมั่นที่จะนำมาเพื่อความสำเร็จ
ทั้งนี้เพื่อสร้างชื่อเสียงให้ประเทศไทย โดยการปั่นจักรยานครั้งนี้ของเขา
อลันตั้งใจสร้างสถิติที่อาจไม่มีใครสามารถล้มล้างได้
และนอกจากนั้นยังจะสร้างปรากฎการณ์ใหม่ในช่วงโค้งสุดท้าย
จากเชียงใหม่สู่เชียงรายโดยจะไม่หยุดนอนหรือหยุดรับประทานอาหารเลย
จะหยุดเฉพาะเวลาเข้าห้องน้ำและพักนวดกล้ามเนื้อเท่านั้น
ซึ่งระยะทางนี้คิดเป็น 1150 กม.โดยประมาณ

“ผมมีความยินดีมาก
ที่มีโอกาสแสดงความจงรักภักดีกับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอีกครั้ง
ครั้งนี้เป็นงานระดับนานาชาติสำหรับการแสดงความรู้สึกของผมที่มี
ต่อพระมหากษัตริย์ไทย และประชาชาชนชาวไทยทุกคนซึ่งก็มีทั้งภรรยา
ลูกและเพื่อนๆของผมรวมอยู่ด้วย

ผมตั้งใจที่จะรวบรวมรายได้จากกิจกรรมครั้งนี้มาสมบททุน
องค์กรไรท์ ทู เพลย์ รายได้ช่วยเหลือผู้ขาดแคลนในประเทศไทยด้วย


Image

ติดตามให้กำลังใจอลัน เบท ได้ที่
http://www.youtube.com/user/Alanbate100


รักในหลวง หวงแผ่นดิน
เกลียดเสื้อแดง จะรัฐบาล ม.แม้ว หรือ ม.มาร์ค ก็น่าผิดหวัง เลวพอๆกัน
ไปม๊อบมา ไปก็บอกว่าไป..ไม่ใช่ประเภท....ตุลาคมก็อยู่นะ(โกหก)
http://www.baanpud.net/forum/index.php....http://www.prachathon.org/forum/
User avatar
noway2know
 
Posts: 7750
Joined: Thu May 20, 2010 12:19 am

Re: อ่านแล้วน้ำตาไหลครับ ในหลวงในดวงใจชาวไทยทุกคน

Postby ราชพฤกษ์ » Mon Jun 07, 2010 10:26 pm

Left-Hand Path wrote:So melodramatic

:P :P :P :P


คิดว่ามีคุณแค่คนเดียวที่อ่านภาษาอังกฤษออกหรือไง?

รู้น้อยว่ารู้มาก เริงใจ
กลกบเกิดอยู่ใน สระจ้อย
ไป่เห็นชเลไกล กลางสมุทร
ชมว่าน้ำบ่อน้อย มากล้าลึกเหลือ
ทุกวันนี้ศึกไกลยังไม่ห่วง แต่หวั่นทรวงศึกใกล้ไล่ข่มเหง ถ้าคนไทยหันมาฆ่ากันเอง จะร้องเพลงชาติไทยให้ใครฟัง
User avatar
ราชพฤกษ์
 
Posts: 39
Joined: Tue Oct 27, 2009 10:07 pm

Re: อ่านแล้วน้ำตาไหลครับ ในหลวงในดวงใจชาวไทยทุกคน

Postby noway2know » Mon Jun 07, 2010 10:50 pm

ราชพฤกษ์ wrote:
Left-Hand Path wrote:So melodramatic

:P :P :P :P


คิดว่ามีคุณแค่คนเดียวที่อ่านภาษาอังกฤษออกหรือไง?

รู้น้อยว่ารู้มาก เริงใจ
กลกบเกิดอยู่ใน สระจ้อย
ไป่เห็นชเลไกล กลางสมุทร
ชมว่าน้ำบ่อน้อย มากล้าลึกเหลือ


ในหลวงเป็นของจริงค่ะ...โครงการต่างๆมากมาย
พวกเรารักพระองค์ท่าน....กับบางคนไม่มีประโยชน์หรอกค่ะ
คนส่วนใหญ่ในประเทศรักท่านทั้งนั้น...
และยอมรับในสิ่งที่ท่านทำเพื่อคนไทย


คนที่มาจากฟ้าเดียวกันหรือคนเหมือนกัน
ส่วนใหญ่ก็เป็นแบบนี้...แต่นับถือคนในนั้นที่ปักหลัก
เพื่อพระองค์ท่านมาตลอดหลายๆคน
สถาบันไม่ต้องล้ม ไม่ต้องค่อนแคะหรอก...อยู่ได้ด้วยศรัทธา
ในหลวงท่านทำดีมาตลอดชีวิตพระองค์ท่าน
ความรักที่ท่านได้รับจากประชาชนชาวไทยก็สมควรแล้ว
แม้แต่คนต่างชาติยังรักพระองค์ท่าน
ยกเว้นพวกหูหนวก ตาบอด....ที่ไม่ยอมรับความจริง
ก็ไม่เป็นไรค่ะ...คนไทยที่รักท่านยังมีอีกมาก

ภาคภูมิใจที่ได้เผยแพร่สิ่งดีๆที่ท่านทำ....เรารักในหลวง

รักในหลวง หวงแผ่นดิน
เกลียดเสื้อแดง จะรัฐบาล ม.แม้ว หรือ ม.มาร์ค ก็น่าผิดหวัง เลวพอๆกัน
ไปม๊อบมา ไปก็บอกว่าไป..ไม่ใช่ประเภท....ตุลาคมก็อยู่นะ(โกหก)
http://www.baanpud.net/forum/index.php....http://www.prachathon.org/forum/
User avatar
noway2know
 
Posts: 7750
Joined: Thu May 20, 2010 12:19 am

Re: อ่านแล้วน้ำตาไหลครับ ในหลวงในดวงใจชาวไทยทุกคน

Postby Huligan » Tue Jun 08, 2010 9:11 am

Left-Hand Path wrote:So melodramatic

:P :P :P :P



ขราก.ก...ก ถุยส์สสสสส...
แล้วไอ้ใจ ไอ้เจียม ไอ้จิ๋ม หรือไอ้เหลี่ยม ของพวกมรึง มีผลงานอะไร ที่องค์กรสากล ยอมรับบ้างวะ? หือ?
มีผลงานระดับสากล อย่างกังหันชัยพัฒนามั้ย?
หรือแม้แต่มีรางวัลระดับภูมิภาค อย่าง ศรีบูรพา หรือ แม็กไซไซ มั้ย?(แบบ ประเวศน์ ธีรยุทธ นิธิ ฯลฯ)
เห็นเก่งแต่พ่นสวะ โชว์เกรียนกันในบอร์ด

สร้างนิยายตอแหล เพ้อเจ้อ ล้าหลัง เหมือนยังไม่ผ่านพ้นยุคปฏิวัติอุตสาหกรรม...

กบในกะลาของแท้เลยว่ะ
:?

ปล.กรูนึกถึง ภาพของจิ๊กโก๋ขี้เมาข้างซอย ที่มันชอบคุยว่า มันชกต่อยเก่งกว่าเขาทราย หรือไมค์ไทสัน
ทฤษฎีของ เดล คาเนกี ใช้กับเหิ้ยหางแดงไม่ได้

การตัดหางลูกอ๊อด ไม่ได้ทำให้ลูกอ๊อดกลายเป็นกบได้!!!
User avatar
Huligan
 
Posts: 1203
Joined: Mon Jan 12, 2009 3:33 pm

Re: อ่านแล้วน้ำตาไหลครับ ในหลวงในดวงใจชาวไทยทุกคน

Postby khundaan » Tue Jun 08, 2010 10:41 am

แล้วไอ้ใจ ไอ้เจียม ไอ้จิ๋ม หรือไอ้เหลี่ยม ของพวกมรึง มีผลงานอะไร ที่องค์กรสากล ยอมรับบ้างวะ? หือ?


มีนะครับ ขึ้นชาร์ตอันดับหนึ่งทุกตัว จัดอันดับโดยสถาบัน "ชั่วช้าสาระเลว AWARD"
User avatar
khundaan
 
Posts: 840
Joined: Fri May 28, 2010 7:04 pm

Re: อ่านแล้วน้ำตาไหลครับ ในหลวงในดวงใจชาวไทยทุกคน

Postby noway2know » Tue Jun 08, 2010 11:14 am

พระบรมราโชวาท

คนเรา เมื่อมีอคติแล้ว มักมองไม่เห็นความจริง หรือถึงจะเห็น ก็ไม่ยอมรับ. และเมื่อไม่เห็นหรือไม่ยอมรับความจริงแล้ว ก็ทำให้ไม่ทราบต้นเหตุของปัญหาและแก้ปัญหาไม่ออก. ยิ่งไปกว่านั้น ยังจะถูกอคติซ้ำเติมให้เข้าใจผิด

Image

. . การสร้างสรรค์ตนเอง การสร้างบ้านเมืองก็ตาม มิใช่ว่าสร้างในวันเดียว ต้องใช้เวลา ต้องใช้ความเพียร ต้องใช้ความอดทนเสียสละ แต่สำคัญที่สุดคือความอดทนคือไม่ย่อท้อ ไม่ย่อท้อในสิ่งที่ดีงาม สิ่งที่ดีงามนั้นทำมันน่าเบื่อ บางทีเหมือนว่าไม่ได้ผล ไม่ดัง คือดูมันครึทำดีนี่ แต่ขอรับรองว่าการทำให้ดีไม่ครึต้องมีความอดทน เวลาข้างหน้าจะเห็นผลแน่นอนในความอดทนของตน ในความเพียรของ ตนต้องถือว่าวันนี้เราทำยังไม่ได้ผล อย่าไปท้อ บอกว่าวันนี้เราทำแล้วก็ไม่ได้ผล พรุ่งนี้เราจะต้องทำอีก วันนี้เราทำ พรุ่งนี้เราก็ทำ อาทิตย์หน้าเราก็ทำ เดือนหน้าเราก็ทำ ผลอาจได้ปีหน้า หรืออีกสองปีหรือสามปีข้างหน้า . . .

พระบรมราโชวาท พระราชทานแก่นักเรียน นักศึกษา ครู และอาจารย์ในโอกาสเข้าเฝ้าฯ วันที่ ๒๗ ตุลาคม ๒๕๑๖

Image

รักในหลวง หวงแผ่นดิน
เกลียดเสื้อแดง จะรัฐบาล ม.แม้ว หรือ ม.มาร์ค ก็น่าผิดหวัง เลวพอๆกัน
ไปม๊อบมา ไปก็บอกว่าไป..ไม่ใช่ประเภท....ตุลาคมก็อยู่นะ(โกหก)
http://www.baanpud.net/forum/index.php....http://www.prachathon.org/forum/
User avatar
noway2know
 
Posts: 7750
Joined: Thu May 20, 2010 12:19 am

Re: อ่านแล้วน้ำตาไหลครับ ในหลวงในดวงใจชาวไทยทุกคน

Postby noona » Tue Jun 08, 2010 1:25 pm

ไม่ได้ credit จำที่มาของภาพไม่ได้ค่ะ :)

Image
Image
Image
Image
Image
Image
Image
Image
Image
User avatar
noona
 
Posts: 6433
Joined: Fri May 21, 2010 2:40 am

Re: อ่านแล้วน้ำตาไหลครับ ในหลวงในดวงใจชาวไทยทุกคน

Postby noway2know » Wed Jun 09, 2010 12:12 am

Image

แนวพระราชดำริเกี่ยวกับพลังงานทดแทน

ปี 2529
พระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว กับการพัฒนาน้ำมันเชื้อเพลิงดีเซลชีวมวลจากน้ำมันปาล์ม (โดยสังเขป)ปี 2529 ทรงมีพระราชดำริให้มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ สร้างโรงงานสกัดน้ำมันปาล์มขนาดเล็กที่สหกรณ์นิคมอ่าวลึก จำกัด จ.กระบี่

ปี 2531
ทรงมีพระราชกระแสให้มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ สร้างโรงงานสกัดน้ำมันปาล์มบริสุทธิ์ขนาดเล็ก ขนาดกำลังผลิตวันละ 110 ลิตร ที่ศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทองอันเนื่องมาจากพระราชดำริ

ปี 2534 มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ พัฒนาโรงงานสกัดน้ำมันปาล์มระบบ “ทอดภายใต้สุญญากาศ”

3 ก.ย. 2543 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรับสั่งให้กองงานส่วนพระองค์เริ่มงานทดลองใช้น้ำมันปาล์มทดแทนน้ำมันดีเซล ร่วมกับสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ

10 พ.ย. 2543 รับสั่งแก่นายกรัฐมนตรี (นายชวน หลีกภัย)ว่าทรงมีพระราชประสงค์จะให้รัฐบาลริเริ่มโครงการแปรรูปน้ำมันปาล์มเป็น น้ำมันดีเซลชีวภาพในประเทศไทย

12 พ.ย. 2543 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม (นายอาทิตย์ อุไรรัตน์) รับจะสนองพระราชดำริ

ม.ค. 2544 พระราชทานงบประมาณจากมูลนิธิชัยพัฒนา จำนวนเงินประมาณ 8 ล้านบาท ให้มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เพื่อสร้างโรงงานสกัดน้ำมันปาล์มขนาดกำลังผลิต 2 ตันทะลายต่อชั่วโมง ที่สหกรณ์นิคมอ่าวลึก จำกัด จ.กระบี่ และงบประมาณ 3 ล้านบาท และเครื่องยนต์ขนาด 8 แรงม้า 3 เครื่อง รถไถเดินตามขนาด 11 แรงม้า 2 คัน และขนาด 8 แรงม้า 2 คัน เพื่อใช้ในโครงการทดสอบการใช้น้ำมันปาล์มทดแทนน้ำมันดีเซล ในเครื่องจักรกลการเกษตร

11 เม.ย. 2544 มีพระบรมราชโองการให้องคมนตรี (นายอำพล เสนาณรงค์) เป็นผู้แทนพระองค์ยื่นจดสิทธิบัตรในพระปรมาภิไธยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เรื่องการใช้น้ำมันปาล์มบริสุทธิ์เป็นน้ำมันเชื้อเพลิงเครื่องยนต์ดีเซล ณ กรมทรัพย์สินทางปัญญากระทรวงพาณิชย์

18 เม.ย. 2544 นายกรัฐมนตรีแถลงแก่คณะรัฐมนตรีว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชกระแสรับสั่งให้รัฐบาลดำเนินการวิจัยนำน้ำมันปาล์มมาใช้แทนน้ำมันเชื้อเพลิง

10 พ.ค. 2544 ในวันพืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ มี 4 หน่วยงาน นำผลงานเกี่ยวกับการวิจัยใช้น้ำมันปาล์มเป็นน้ำมันเชื้อเพลิงในเครื่องยนต์ดีเซล ไปจัดนิทรรศการในพระตำหนักสวนจิตรลดา ได้แก่ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย การปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ บริษัทยูนิวานิช จำกัด

2 มิ.ย. 2544 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินโดยเฮลิคอปเตอร์พระที่นั่ง ไปวางศิลาฤกษ์เขื่อนคลองท่าด่าน ที่ อ.เมือง จ.นครนายก เสด็จ ฯ ถึงสนามจอดเฮลิคอปเตอร์พระที่นั่งเวลาประมาณ 16.30 น. แล้วเสด็จไปทอดพระเนตรบริเวณโดยรอบโครงการบนเขาลอย ซึ่งมีความสูงประมาณ 100 เมตร แล้วเสด็จ ฯ ลงมาบริเวณพลับพลาพิธี เมื่อเสร็จพิธีแล้วเสด็จ ฯ ไปยังอาคารรับรองจนถึงเวลาประมาณ 20.00 น. จึงเสด็จ ฯ กลับพระนคร ตลอดเวลาเสด็จพระราชดำเนิน ทั้งสองพระองค์ได้ประทับรถยนต์พระที่นั่งสีขาว ใช้เครื่องยนต์ 4 สูบ ขนาด 2,000 ซีซี เป็นรถยนต์ที่สร้างในประเทศสเปน ด้านหลังรถพระที่นั่งมีป้ายภาษาไทยเขียนว่า “รถยนต์คันนี้ใช้น้ำมันปาล์มบริสุทธิ์ 100 %”

การพัฒนาพลังงานทดแทน แก็สโซฮอล์ ดีโซฮอล์ และน้ำมันปาล์มบริสุทธิ์

"....น้ำมันสมัยใหม่แพงไม่รู้ทำไมมันแพง แต่ก็ยังไงเป็นสมัยนี้อะไร ๆ ก็แพงขึ้นทุกทีจะให้น้ำมันถูกลงมาก็ลำบาก นอกจากหาวิธีที่จะทำน้ำมันราคาถูกซึ่งก็ทำได้เหมือนกัน ถูกกว่านิดหน่อยคือแทนที่จะใช้น้ำมันที่มีออกเทน 95 ก็ใช้ออกเทน 91 แล้วก็เติมแอลกอฮอล์เข้าไปนิดหนึ่ง ก็เป็นออกเทน 95 อาจเป็นได้ว่ารถจะวิ่งไม่เร็วก็ดีเหมือนกัน รถไม่วิ่งเร็วเกินไป รถจะได้ไม่ชนมากเกินไป ก็จะช่วยประหยัดทั้งหมดนี้เป็นความคิดที่ให้พอเพียง...."

"....พูดแบบคนไม่รู้เรื่อง ไม่รู้เรื่องการคลังการเศรษฐกิจ แต่ว่าลองนึกดูถ้าสมมติว่า ใช้ของที่ทำในเมืองไทย ทำในประเทศได้เองแล้วก็ทำได้ดีมาก อ้อยที่ปลูกที่ต่าง ๆ เขาบ่นว่ามีมากเกินไปขายไม่ได้ ราคาตก เราก็ไปซื้อในราคาที่ดีพอสมควร มาทำแอลกอฮอล์แล้วผู้ที่ปลูกอ้อยก็ได้เงิน ผู้ที่ทำแอลกอฮอล์ก็ได้เงิน...." ส่วนหนึ่งของพระราชดำรัสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ พระราชทานแก่ผู้เข้าเฝ้าฯ ถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในวโรกาสเฉลิมพระชนมพรรษา ๕ ธันวาคม ๒๕๔๓

ภาวะราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่พุ่งทะยานสูงขึ้นอย่างไม่ลดละติดต่อกันอย่าง ยาวนานจากราคาบาเรลละ ๓๕ เหรียญสหรัฐ เมื่อกลางปี ๒๕๔๗ เป็นบาเรลละ ๖๗ - ๗๐ เหรียญสหรัฐ เมื่อเดือนกันยายน ๒๕๔๘ มีสาเหตุพื้นฐานจากกรณีที่แหล่งน้ำมันดิบในโลกมีแนวโน้มลดลง ในขณะที่อุปสงค์มีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างรวดเร็วในระยะไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะอุปสงค์จากประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีนและอินเดีย

สภาวการณ์ราคาน้ำมันที่สูงขึ้นมากในระยะ ๒ ปีที่ผ่านมา สะท้อนให้เห็นถึงพระอัจฉริยภาพในพระวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลมาก พระวิริยะอุตสาหะในการวิจัยค้นหาพลังงานทดแทนเพื่อเป็นทางเลือกในยามคับขัน โดยใช้วัสดุเกษตรกรรมภายในประเทศ แม้ว่าในระยะเริ่มต้นจะมีต้นทุนการผลิตค่อนข้างสูงและภาคเอกชนจะไม่สนใจลง ทุน ก็ไม่ทรงท้อแท้พระราชหฤทัย ผลจากการที่ราคาน้ำมันสูงขึ้นประมาณ ๑ เท่าตัวภายในระยะเวลาเพียง ๑ ปีที่ผ่านมา ก็ทำให้ปริมาณการใช้แก๊สโซฮอล์ภายในประเทศเพิ่มสูงขึ้นจากเฉลี่ยเพียงวันละ ๐.๒ ล้านลิตรในเดือนมกราคม ๒๕๔๘ เป็น ๒.๕ ล้านลิตรในเดือน กันยายน ๒๕๔๘ หรือเพิ่มขึ้นกว่า ๑๒ เท่า และสถานีบริการแก๊สโซฮอล์ก็เพิ่มขึ้นจากเพียง ๑ สถานีในปี ๒๕๔๔ เป็น ๔,๐๐๐ สถานี ในเดือน กันยายน ๒๕๔๘

การส่งเสริมการผลิตและการใช้เชื้อเพลิงจากน้ำมันพืช

ในช่วงปี พ.ศ. 2543–2544 ซึ่งเป็นช่วงที่ราคาน้ำมันเพิ่มสูงขึ้น ได้มีกระแสเรื่องการนำน้ำมันปาล์มและน้ำมันมะพร้าว มาใช้เป็นเชื้อเพลิงทดแทนน้ำมันดีเซลและน้ำมันเตาอย่างแพร่หลาย และขยายตัวอย่างรวดเร็วในเชิงพาณิชย์ ซึ่งเป็นเพียงการใช้ในท้องถิ่นเท่านั้น ขณะที่พืชผลของปาล์มและมะพร้าวมีราคาตกต่ำ รัฐบาลต้องเข้าไปช่วยเหลือแทรกแซงราคาเพื่อแก้ไขปัญหา ดังนั้นการนำน้ำมันจากพืชมาใช้เป็นเชื้อเพลิง จึงเป็นแนวทางหนึ่งที่รัฐบาลให้ความสนใจทั้งนี้เพื่อลดผลกระทบจากความผันผวน ของราคาน้ำมันในตลาดโลก และยังช่วยลดการพึ่งพาการนำเข้าน้ำมันจากต่างประเทศได้ด้วย และเมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2544 คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติเสนอ เรื่องการสนับสนุนการใช้น้ำมันจากพืชเป็นเชื้อเพลิงในเครื่องยนต์ดีเซล เป็นแนวทางของการสนับสนุนการใช้น้ำมันจากพืชเป็นเชื้อเพลิง

Image
น้ำมันปาล์มบริสุทธิ์
โครงการพัฒนาพลังงานทดแทนโดยการศึกษาแนวทางการนำน้ำมันพืช โดยเฉพาะอย่างยิ่งน้ำมันปาล์มมาใช้งานแทนน้ำมันดีเซลเริ่มขึ้นเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๒๘ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชดำริให้มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ สร้างโรงงานสกัดน้ำมันปาล์มขนาดเล็กที่สหกรณ์นิคมอ่าวลึก จังหวัดกระบี่ และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างโรงงานสกัดน้ำมันปาล์มบริสุทธิ์ขนาดเล็ก กำลังผลิตวันละ ๑๑๐ ลิตร ที่ศูนย์การศึกษาการพัฒนาพิกุลทอง อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดนราธิวาส

โครงการพัฒนาพลังงานทดแทนโดยการศึกษาแนวทางการนำน้ำมันพืช โดยเฉพาะอย่างยิ่งน้ำมันปาล์มมาใช้งานแทนน้ำมันดีเซลเริ่มขึ้นเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๒๘ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชดำริให้มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ สร้างโรงงานสกัดน้ำมันปาล์มขนาดเล็กที่สหกรณ์นิคมอ่าวลึก จังหวัดกระบี่ และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างโรงงานสกัดน้ำมันปาล์มบริสุทธิ์ขนาดเล็ก กำลังผลิตวันละ ๑๑๐ ลิตร ที่ศูนย์การศึกษาการพัฒนาพิกุลทอง อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดนราธิวาส


การทดลองใช้น้ำมันปาล์มกลั่นบริสุทธิ์เป็นน้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับ เครื่องยนต์ดีเซลเริ่มตั้งแต่เดือนกันยายน พ.ศ. ๒๕๔๓ โดยทดลองใช้รถยนต์เครื่องยนต์ดีเซลของกองงานส่วนพระองค์ ที่วังไกลกังวล อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์

น้ำมันปาล์มกลั่นบริสุทธิ์ (R.B.D.palm olein) เป็นน้ำมันที่สกัดจากผลปาล์มตามกรรมวิธีสะอาด ใช้ปรุงอาหารรับประทานได้ ด้วยคุณสมบัติพิเศษนี้จึงนำมาใช้กับเครื่องยนต์ดีเซลที่มีระบบส่งน้ำมัน เชื้อเพลิงและระบบฉีดน้ำมันเชื้อเพลิงที่มีปั้มและหัวฉีดน้ำมันที่ผลิตมา ด้วยงานละเอียด จากผลการทดลองพบว่า ไม่มีผลกระทบใด ๆ ในทางลบกับเครื่องยนต์ดีเซล

น้ำมันปาล์มกลั่นบริสุทธิ์ร้อยละ ๑๐๐ โดยปริมาตรสามารถใช้เป็นน้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับเครื่องยนต์ดีเซลโดยไม่ต้อง ผสมกับน้ำมันเชื้อเพลิงชนิดอื่น ๆ หรืออาจใช้ผสมกับน้ำมันดีเซลในสัดส่วนน้ำมันปาล์มต่อน้ำมันดีเซลน้อยตั้งแต่ ร้อยละ ๐.๐๑ ไปจนถึง ๙๙.๙๙ ก็ได้เช่นกัน

การใช้น้ำมันปาล์มกลั่นบริสุทธิ์ทำให้เพิ่มกำลังแรงบิดให้ กับเครื่องยนต์ ลดมลพิษในไอเสียของเครื่องยนต์เพิ่มการหล่อลื่น ทำให้เครื่องยนต์มีอายุการใช้งานได้นาน ประหยัดเงินตราในการนำเข้าน้ำมันเชื้อเพลิงดีเซลได้บางส่วน ช่วยเหลือเกษตรกร นอกจากนี้ ยังเป็นทางเลือกใหม่ในการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงที่สามารถปลูกทดแทนได้

จากผลสำเร็จดังกล่าว วันที่ ๙ เมษายน พ.ศ. ๒๕๔๔ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้นายอำพล เสนาณรงค์ องคมนตรี เป็นผู้แทนพระองค์ ยื่นจดสิทธิบัตร ณ กรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ ในพระปรมาภิไธยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ชื่อที่แสดงถึงการประดิษฐ์คือ "การใช้น้ำมันปาล์มกลั่นบริสุทธิ์เป็นน้ำมันเชื้อเพลิงเครื่องยนต์ดีเซล" สิทธิบัตรเลขที่ 10764

ในปี พ.ศ. ๒๕๔๔ สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ
ได้จัดส่งผลงานในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวไปร่วมแสดงในงานนิทรรศการสิ่งประดิษฐ์นานาชาติชื่องาน"BRUSSELS EUREKA 2001"ณ กรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยี่ยม ด้วยพระอัจฉริยภาพและพระปรีชาสามารถในการประดิษฐ์คิดค้นของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวส่งผลให้ผลงานการคิดค้น ๓ ผลงานของพระองค์ คือ "ทฤษฎีใหม่" "โครงการฝนหลวง"และ" โครงการน้ำมันไบโอดีเซลสูตรสกัดจากน้ำมันปาล์ม" ได้รับเหรียญทอง ประกาศนียบัตรสดุดีเทิดพระเกียรติคุณ พร้อมถ้วยรางวัล ในงานดังกล่าว ล้วนเป็นผลงานการคิดค้นแนวใหม่ในการพัฒนาประเทศ นำมาซึ่งความปลาบปลื้มปีติยินดีแก่ประชาชนชาวไทยทั้งมวล


น้ำมันแก็สโซฮอล์

น้ำมันแก๊สโซฮอล์หมายถึง น้ำมันเชื้อเพลิงที่ได้จากการผสมเอทิลแอลกอฮอล์หรือเอทานอลและน้ำมันเบนซิน นิยมใช้กันอย่างแพร่หลายมาเป็นเวลานานในหลายประเทศ อาทิ สหรัฐอเมริกา บราซิล สำหรับประเทศไทย บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ได้เริ่มทดลองจำหน่ายแก๊สโซฮอล์ให้แก่ประชานทั่วไปเป็นครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2528 โดยจำหน่ายผ่านทางสถานีบริการน้ำมันสวัสดิการของกรมศุลกากร กรมวิชาการเกษตรและที่สำนักงานใหญ่ของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) แต่เนื่องจากว่า เอทานอลบริสุทธิ์ร้อยละ 99.5 มีต้นทุนในการผลิตสูงกว่าราคาน้ำมันทั่วไป จึงไม่คุ้มค่าที่จะนำเอทานอลมาใช้ทดแทนน้ำมัน ทำให้บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ต้องหยุดการจำหน่ายแก๊สโซฮอล์ในปี พ.ศ. 2530 ต่อมาในปี พ.ศ. 2539 รัฐบาลให้ยกเลิกการเติมสารตะกั่วในน้ำมันเบนซินเพื่อแก้ไขปัญหามลพิษทาง อากาศ ส่งผลให้โรงกลั่นน้ำมันต้องนำเข้าสารเพิ่มออกเทน (Octane) สารเพิ่มออกเทนที่ใช้กันอย่างแพร่หลายชนิดหนึ่งคือ MTBE (Methyl Tertiary Butyl Ether) โดยนำมาผสมในน้ำมันเบนซินในสัดส่วนระหว่างร้อยละ 5.5–11 ปัจจุบันโรงกลั่นน้ำมันในประเทศทั้งหมดต้องนำเข้าสาร MTBE คิดเป็นมูลค่าสูงถึงปีละ 3,000 ล้านบาท

งานทดลองผลิตภัณฑ์เชื้อเพลิงเริ่มขึ้นเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๒๘ เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินตรวจเยี่ยมโครงการส่วนพระองค์ สวนจิตรลดา และมีพระราชดำรัสให้ศึกษาต้นทุนการผลิตแอลกอฮอล์ (เอทิลแอลกอฮอล์หรือเอทานอล) จากอ้อย เพราะในอนาคตอาจเกิดภาวะน้ำมันขาดแคลนหรือราคาอ้อยตกต่ำ การนำอ้อยมาแปรรูปเป็นเอทานอลเพื่อใช้เป็นพลังงานทดแทน จึงเป็นแนวทางหนึ่งที่จะแก้ปัญหานี้ได้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานเงินทุนวิจัยใช้ในการดำเนินงาน ๙๒๕,๕๐๐ บาท เพื่อใช้ในการจัดสร้างอาคารและอุปกรณ์ต่าง ๆ ในขั้นต้น

วันที่ ๙ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๒๙ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พร้อมด้วยสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินทรงเปิดอาคารโครงการค้นคว้าน้ำมันเชื้อเพลิงและเริ่มผลิตเอทานอลจากอ้อย แต่ต้นทุนการผลิตยังสูงอยู่มาก

ในปี พ.ศ. ๒๕๓๓ จึงได้มีการปรับปรุงและพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง โดยได้รับการสนับสนุนจากบริษัท สุราทิพย์ จำกัด มีการปรับปรุงหอกลั่นเอทานอลให้สามารถกลั่นเอทานอลที่มีความบริสุทธิ์ ร้อยละ ๙๕ ได้ในอัตรา ๕ ลิตร ต่อชั่วโมง วัสดุที่ใช้หมักคือ กากน้ำตาล ซึ่ง บริษัท สุราทิพย์จำกัด น้อมเกล้าฯ ถวาย

ในเดือนตุลาคม พ.ศ. ๒๕๓๗ โครงการส่วนพระองค์ สวนจิตรลดา ร่วมกับบริษัท สุราทิพย์ จำกัด ได้ขยายกำลังการผลิตเอทานอลเพื่อให้มีปริมาณเพียงพอผสมกับน้ำมันเบนซิน ในอัตราส่วนเอทานอลต่อเบนซินเท่ากับ ๑ : ๔ เชื้อเพลิงผสมที่ได้เรียกว่า น้ำมันแก๊สโซฮอล์

น้ำมันแก็สโซฮอล์ที่ผลิตได้นั้น ถูกนำไปใช้เป็นน้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับรถยนต์ทุกคันโครงการฯ ที่ใช้น้ำมันเบนซิน โครงการนี้เป็นหนึ่งในโครงการเฉลิมพระเกียรติเนื่องในมหามงคลวโรกาสเสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติ ๕๐ ปี ของสำนักพระราชวัง

วันที่ ๑๐ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๓๘ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินทรงเปิดโรงงานผลิตเอทานอลเป็นเชื้อเพลิงที่บริษัท สุราทิพย์ จำกัด (ปัจจุบันคือ กลุ่มบริษัท 43) น้อมเกล้าฯ ถวายและดำเนินการกลั่นตลอดมาจนถึงปัจจุบัน กำลังการผลิตหอกลั่น ๒๕ ลิตรต่อชั่วโมง คิดเป็นต้นทุนการผลิตแบบธุรกิจทั่วไป ๓๒ บาทต่อลิตร ถ้าคิดต้นทุนการผลิตแบบยกเว้นต้นทุนคงที่ราคา ๑๒ บาทต่อลิตร (ทำการผลิต ๔ ครั้งต่อเดือน) ได้เอทานอลประมาณ ๙๐๐ ลิตร ต่อการกลั่น ๑ ครั้ง ใช้กากน้ำตาลความหวานร้อยละ ๔๙ โดยน้ำหนัก ครั้งละ ๓,๖๔๐ กิโลกรัม น้ำกากส่า (น้ำเสียจากหอกลั่น) ส่วนหนึ่งจะใช้รดกองปุ๋ยหมักที่โรงงานผลิตปุ๋ยอินทรีย์ของโครงการส่วน พระองค์ สวนจิตรลดา

วันที่ ๑๖ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๓๙ การปิโตเลียมแห่งประเทศไทยได้น้อมเกล้าฯ ถวายสถานีบริการแก๊สโซฮอล์เพื่อให้ความสะดวกกับรถยนต์ที่ใช้แก๊สโซฮอล์ในโครงการส่วนพระองค์ สวนจิตรลดา และสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้เสด็จพระราชดำเนินทรงเปิดสถานีบริการแก๊สโซฮอล์ดังกล่าว

ต่อมาวันที่ ๙ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๔๐ โครงการส่วนพระองค์ฯ ร่วมกับการปิโตรเลี่ยมแห่งประเทศไทย และสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย ดำเนินการปรับปรุงคุณภาพของเอทานอล ที่ใช้เติมรถยนต์ โดยโครงการส่วนพระองค์ฯ ส่งเอทานอลที่มีความบริสุทธิ์ร้อยละ ๙๕ ไปกลั่นซ้ำเป็นเอทานอลที่มีความบริสุทธิ์ร้อยละ ๙๙.๕ ที่สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทยแล้วนำกลับมาผสมกับ น้ำมันเบนซินธรรมดาในอัตราส่วน ๑ : ๙ ได้แก๊สโซฮอล์ที่มีค่าออกเทนเทียบเท่าน้ำนัมเบนซิน ๙๕ เปิดจำหน่ายแก่ประชาชนที่สถานีบริการน้ำมัน ปตท. สาขาสำนักงานใหญ่ ถนนวิภาวดีรังสิต กรุงเทพฯ อีกครั้งหนึ่งเมื่อปี ๒๕๔๔

ในน้ำมันปิโตรเลียมซึ่งเป็นสารไฮโดรคาร์บอน เผาไหม้อย่างไรก็ไม่หมด จะมีสารที่เผาไหม้ไม่หมด (unburnt ) เหลืออยู่จากการเผาไหม้ อาทิ คาร์บอน มอนนอกไซด์ (carbon monoxide ) ในปริมาณที่สูงซึ่งเป็นมลภาวะ แต่ในเอทานอลแม้ว่าจะมีสัดส่วนเพียงแค่ ๑๐ เปอร์เซ็นต์ ในแก๊สโซฮอล์ ก็สามารถลดมลภาวะได้มาก เนื่องจากในเอทานอลมีออกซิเจน (oxygen) เป็นส่วนประกอบ ออกซิเจนจะช่วยในการเผาไหม้ให้สมบูรณ์ซึ่งเป็นข้อได้เปรียบ เอทานอลจึงเป็นทั้งสารช่วยในการเผาไหม้และสารเพิ่มค่าออกเทน (octane enhancer ) อีกด้วย

การผลิตน้ำมันแก๊สโซฮอล์
ในการนำเอทานอลมาใช้เป็นส่วนผสมในน้ำมันเชื้อเพลิงนั้น จะต้องใช้เอทานอลที่มีส่วนผสมของน้ำน้อยที่สุด เนื่องจากจะก่อให้เกิดปัญหาทำให้เครื่องยนต์น็อก ชิ้นส่วนและอุปกรณ์ของเครื่องยนต์เกิดสนิม ซึ่งโดยมาตรฐานสากลแล้วควรเป็นเอทานอลที่มีความบริสุทธิ์ระดับร้อยละ 99.5 โดยปริมาตร เมื่อนำมาผสมกับน้ำมันเบนซินธรรมดาในอัตราส่วน 1 : 9 จะได้แก๊สโซฮอล์ที่มีค่าออกเทนเทียบเท่าน้ำมันเบนซิน 95 โดยมีขั้นตอนการผลิตตามสูตรการผสมของโครงการส่วนพระองค์สวนจิตรลดา ดังต่อไปนี้

ก. นำเอทานอลที่มีความบริสุทธิ์ร้อยละ 99.5 โดยปริมาตร จำนวน 200 ลิตร ใส่ลงในถัง
ข. เติมสารป้องกันการกัดกร่อน (Corrosion Inhibitor) ลงไป จำนวน 30 กรัม
ค. เติมน้ำมันเบนซิน 91 ลงไปจำนวน 1,800 ลิตร เดินเครื่องสูบหมุนเวียน เพื่อให้น้ำมันและส่วนผสมเข้ากันใช้เวลาประมาณ 30–60 นาที จะได้แก๊สโซฮอล์ จำนวน 2,000 ลิตร

น้ำมันดีโซฮอล์
น้ำมันดีโซฮอล์ หมายถึง น้ำมันเชื้อเพลิงที่ได้จากการผสมน้ำมันดีเซล เอทานอล และสารที่จำเป็น สามารถนำไปใช้เป็นเชื้อเพลิงให้กับรถยนต์เครื่องยนต์ดีเซลได้

โครงการดีโซฮอล์ที่โครงการส่วนพระองค์ สวนจิตรลดา ได้เริ่มขึ้นในปี พ.ศ. ๒๕๔๑ โดยการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทยร่วมกับโครงการส่วนพระองค์ฯ ทดลองผสมเอทานอลที่มีความบริสุทธิ์ร้อยละ ๙๕ กับน้ำมันดีเซล และสารอีมัลซิไฟเออร์ ในอัตราส่วน ๑๔ : ๘๕ : ๑ สามารถนำดีโซฮอล์นี้ไปใช้เป็นน้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับรถยนต์เครื่องยนต์ดีเซล เช่น รถกระบะ รถแทรกเตอร์ของโครงการส่วนพระองค์ฯผลการทดลองพบว่าสามารถใช้เป็นเชื้อเพลิงได้ดีพอสมควรและสามารถลดควันดำได้ ปริมาณร้อยละ ๕๐

อนึ่งสารอิมัลซิไฟเออร์คือสารที่มีคุณสมบัติทำให้แอลกอฮอล์กับน้ำมันดีเซลผสมเข้ากันโดยไม่แยกชั้ ซึ่งประกอบด้วยสาร PEOPS และ SB 407

ขั้นตอนการผลิตดีโซฮอล์
ขั้นตอนการผลิตน้ำมันดีโซฮอล์ที่โครงการส่วนพระองค์ สวนจิตรลดา โดยย่อมีดังนี้

๑. นำน้ำมันดีเซล จำนวน ๔๑๙ ลิตร ใส่ลงในถังผสมแล้วเติมสารอิมัลซิไฟเออร์ชนิดที่ ๑ (SB 407) จำนวน ๔.๒ ลิตร เดินเครื่องสูบหมุนเวียนเป็นเวลา ๑๐ นาที
๒. นำเอทานอลที่มีความบริสุทธิ์ร้อยละ ๙๕ โดยปริมาตร จำนวน ๖๗ ลิตร ใส่ลงในถังผสมเติมอิมัลซิไฟเออร์ชนิดที่ ๒ (PEOPS) จำนวน ๔.๓ กิโลกรัม เดินเครื่องสูบหมุนเวียน เป็นเวลา ๒ ชั่วโมง

Image
หาพื้นที่เหมาะสมปลูกปาล์มน้ำมันทดแทนพลังงาน
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์มีนโยบายขยายพื้นที่ปลูกปาล์มน้ำมันทดแทนพลังงาน จำนวน 2.5 ล้านไร่ ภายในระยะเวลา 2 ปีต่อจากนี้ ภายใต้ โครงการพัฒนาพลังงานทดแทน โดยมอบหมายให้ กรมพัฒนาที่ดิน สำรวจพื้นที่ที่เหมาะสมต่อการปลูกปาล์มน้ำมัน โดย เน้นไปในพื้นที่ทิ้งร้างไม่ได้ใช้ประโยชน์ ซึ่งจากการรวบรวมข้อมูลทั้งด้านสภาพการใช้ที่ดิน คุณ สมบัติดิน สภาพแวดล้อม และปริมาณน้ำฝน ปรากฏว่า พื้นที่ที่มีศักยภาพในการขยายพื้นที่ปลูกปาล์มน้ำมันอยู่ในภาคใต้จำนวน 1.9 ล้านไร่ ภาคตะวันออก 509,000 ไร่ และพื้นที่ดินเปรี้ยวภาคกลางที่มีการยกร่องปลูกไม้ผลอีกประมาณ 150,000 ไร่

การวิเคราะห์พื้นที่เป้าหมายที่มีศักยภาพปลูกปาล์มน้ำมัน ในโครงการนี้จะเป็น พื้นที่นาร้าง ที่ทิ้งร้าง พื้นที่ลุ่ม พื้นที่ปลูกไม้ผลในสภาพพื้นที่ที่ไม่เหมาะสม พื้นที่ป่าเสื่อมโทรม ดินเปรี้ยวจัด และพื้นที่ปลูกยางพาราในดินไม่เหมาะสม โดยพื้นที่ต่าง ๆ เหล่านี้ จะต้องไม่อยู่ในพื้นที่เขตป่าไม้ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าและเขตอุทยานแห่งชาติ อย่างไรก็ตาม จะไม่ส่งเสริมให้ปลูกปาล์มน้ำมันในพื้นที่ที่เหมาะสมกับการปลูกพืชอื่นโดย เฉพาะพื้นที่ที่เหมาะต่อการปลูกข้าว เช่น พื้นที่ลุ่มน้ำปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช และพื้นที่ที่อยู่ในกลุ่มดินชุดบางกอกเนื่องจากมีศักยภาพในการปลูกข้าวมาก ที่สุด

การดำเนินงานต่อจากนี้กรมฯ จะต้องปรับปรุงพื้นที่ให้มีความเหมาะสมต่อการปลูกปาล์มน้ำมันมากขึ้น ได้แก่ ยกร่องป้องกันน้ำท่วม ควบคุมระดับน้ำเพื่อป้องกันความรุนแรงของดินกรดในพื้นที่ดินเปรี้ยว ใช้วัสดุปูนปรับปรุงความเป็นกรด-ด่าง ของดิน รวมถึงต้องใช้ปุ๋ยอินทรีย์ร่วมกับปุ๋ยเคมีเพิ่มความอุดมสมบูรณ์ให้กับดินและ ตามความต้องการของปาล์มน้ำมัน

สำหรับพื้นที่ทิ้งร้างในประเทศไทยมีมากถึง 7-8 ล้านไร่ กระจายอยู่ในทุกภูมิภาคของประเทศ ซึ่งการปล่อยพื้นที่ทิ้งร้างไม่เพียงแต่เสียประโยชน์ทางด้านเศรษฐกิจและ สังคมเนื่องจากมีประชาชนจำนวนมากยังขาดที่ดินทำมาหากิน นอกจากนี้ พื้นที่ที่ถูกปล่อยรกร้างว่างเปล่ายังขาดการปรับปรุงบำรุงดินทำให้ดินเสื่อมโทรมได้

ที่ผ่านมากรมพัฒนาที่ดินได้ทำโครงการส่งเสริมปลูกไม้ยืนต้นในพื้นที่ทิ้งร้างทั่วประเทศเพื่อพื้นที่ สีเขียวลดภาวะโลกร้อน ตลอดจนได้ทำโครงการส่งเสริมปลูกปาล์มน้ำมันในพื้นที่ทิ้งร้าง โดยดำเนินการนำร่องในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ มีเป้าหมาย 50,000 ไร่ ซึ่งขณะนี้ดำเนินการไปแล้วประมาณ 20,000 ไร่ ดังนั้น เมื่อกระทรวงเกษตรฯ มีโครงการขยายพื้นที่ปลูกปาล์มน้ำมันในพื้นที่ทิ้งร้างจึงเป็นเรื่องที่ดี ที่จะสามารถให้เกษตรกรหรือเจ้าของที่ดินได้นำที่ดินที่ปล่อยทิ้งร้างมาใช้ ประโยชน์อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืนต่อไป.

http://www.panyathai.or.th/wiki/index.php/%E0%B9%81%E0%B8%99%E0%B8%A7%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%94%E0%B8%B3%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%A2%E0%B8%A7%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%9E%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%94%E0%B9%81%E0%B8%97%E0%B8%99

รักในหลวง หวงแผ่นดิน
เกลียดเสื้อแดง จะรัฐบาล ม.แม้ว หรือ ม.มาร์ค ก็น่าผิดหวัง เลวพอๆกัน
ไปม๊อบมา ไปก็บอกว่าไป..ไม่ใช่ประเภท....ตุลาคมก็อยู่นะ(โกหก)
http://www.baanpud.net/forum/index.php....http://www.prachathon.org/forum/
User avatar
noway2know
 
Posts: 7750
Joined: Thu May 20, 2010 12:19 am

Re: อ่านแล้วน้ำตาไหลครับ ในหลวงในดวงใจชาวไทยทุกคน

Postby noway2know » Wed Jun 09, 2010 12:26 am

Image

พระมหากษัตริย์พระองค์แรกของโลก
กับรางวัลสิ่งประดิษฐ์ดีเด่น “BRUSSELS EUREKA 2001”


พระมหากษัตริย์พระองค์แรกของโลกที่ทรงได้รับสิทธิบัตรประดิษฐ์เครื่องเติมอากาศที่ผิวน้ำหมุนช้าแบบทุ่นลอยหรือ “กังหันน้ำชัยพัฒนา” ซึ่งต่อมาทรงได้รับรางวัลสิ่งประดิษฐ์ดีเด่นรวม ๕ รางวัล จากองค์กรนักประดิษฐ์คิดค้นแห่งเบลเยี่ยม (BRUSSELS EUREKA 2001)

สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงได้รับรางวัล BRUSSELS EUREKA 2001จากผลงาน“ศิลปาชีพ”และงานศิลปหัตถกรรมจากบางไทรที่สภาวิจัยแห่งชาติได้นำไปแสดงในงานนิทรรศการ เฉลิมพระเกียรติที่กรุงบรัสเซลส์

ข่าวที่ประชาชนชาวไทยปีติชื่นชมเมื่อไม่นานมานี้ก็คือพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้ทรงประดิษฐ์คิดค้น “เครื่องเติมอากาศที่ผิวน้ำหมุนช้าแบบทุ่นลอย” หรือ “กังหันน้ำชัยพัฒนา” และทรงได้รับการทูลเกล้าฯ ถวายสิทธิบัตรการประดิษฐ์ เมื่อวันที่ ๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๓๖ คณะรัฐมนตรีจึงกำหนดให้ วันที่ ๒ กุมภาพันธ์ ของทุกปีเป็น “วันนักประดิษฐ์” แห่งชาติ เพื่อเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชฯ สยามมินทราธิราช และเพื่อเป็นวันประวัติศาสตร์แห่งการจดทะเบียนและการทูลเกล้าฯ ถวายสิทธิบัตรแด่พระมหากษัตริย์พระองค์แรกของโลก ที่ทรงคิดค้นประดิษฐ์สิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อพสกนิกรชาวไทย และเพื่อเป็นแบบฉบับให้นักประดิษฐ์ของไทยเจริญรอยตามเบื้องพระยุคลบาทในการ สร้างสรรค์และพัฒนาสิ่งประดิษฐ์ให้เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ และสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติได้จัดงานวันนักประดิษฐ์ขึ้น

ในงาน “วันนักประดิษฐ์” ระหว่าง ๒-๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๓ ที่ผ่านไปนั้น สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติได้นำผลงาน “กังหันน้ำชัยพัฒนา” ไปจัดแสดงเฉลิมพระเกียรติด้วย ปรากฏว่า ผลงานดังกล่าวได้รับความสนใจอย่างยิ่งจากองค์กรนักประดิษฐ์คิดค้นแห่งเบล เยี่ยม The Belgian Chamber of Inventors (BRUSSELS EUREKA) ซึ่งเป็นสมาคมส่งเสริมและคุ้มครองนักประดิษฐ์ของราชอาณาจักรเบลเยี่ยมที่ เก่าแก่ที่สุดของยุโรป จัดตั้งขึ้นเมื่อ พ.ศ.๒๔๑๘ และมีผลงานด้านการจัดนิทรรศการเกี่ยวกับสิ่งประดิษฐ์คิดค้นนานาชาติมา นานกว่า ๕๐ ปี องค์กรดังกล่าวได้ส่งผู้แทนประจำประเทศไทย มาเชิญสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ ให้นำผลงานประดิษฐ์คิดค้นของประเทศไทยที่ได้รับรางวัล ไปร่วมจัดแสดงในงาน “BRUSSELS EUREKA 2000 : 49 th World Exhibition of Innovation, Research and New Technology ระหว่างวันที่ ๑๔-๒๐ พฤศจิกายน ๒๕๔๓ ณ กรุงบรัสเซลส์ ราชอาณาจักรเบลเยี่ยม

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ ๕ มิถุนายน ๒๕๔๓ นายโยเซ ลอริโย (Mr.Jose Loriaux) ประธานของ The Belgian Chamber of Inventors กับเลขาธิการคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ พร้อมคณะได้รับพระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท เพื่อทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายเหรียญรางวัล Merite de I’ Invention แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ณ พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน

Image

ถ้วยรางวัลและเหรียญรางวัลที่ทูลเกล้าฯ ถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ

Image

เหรียญรางวัลและประกาศนียบัตร
การจัดงาน BRUSSELS EUREKA ในปีพุทธศักราช ๒๕๔๓ ณ กรุงบรัสเซลส์ ราชอาณาจักรเบลเยี่ยม นั้น มีประเทศต่างๆ ทั่วโลกเข้าร่วมงานเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะประเทศในเอเชีย เช่น สาธารณรัฐประชาชนจีน มาเลเซีย สาธารณรัฐเกาหลี ไต้หวัน สาธารณรัฐสิงคโปร์ รวมทั้งประเทศต่างๆ ในยุโรป เช่น สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี สาธารณรัฐฝรั่งเศส สมาพันธ์สวิส สาธารณรัฐฮังการี สาธารณรัฐอิตาลี สาธารณรัฐฟินแลนด์ เป็นต้น

สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ ได้นำผลงาน “เครื่องกลเติมอากาศที่ผิวน้ำหมุนช้าแบบทุ่นลอย” หรือ “กังหันน้ำชัยพัฒนา” กับผลงานของนักประดิษฐ์อื่นๆ อีก ๑๔ ผลงาน ไปร่วมแสดงและได้เสนอผลงาน “กังหันน้ำชัยพัฒนา” เข้าประกวดในสิ่งประดิษฐ์ประเภทที่ ๑ เกี่ยวกับการควบคุมมลพิษและสิ่งแวดล้อม Pollution Control-Environment ซึ่งปรากฏผลว่า ผลงานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้รับการยกย่องจากคณะกรรมการจัดงานว่าเป็นผลงานที่ทรงคุณค่าและมีประโยชน์ อย่างยิ่งในการบำบัดน้ำเสีย และคณะกรรมการจัดงานบรัสเซลส์ ยูเรกา BRUSSELS EUREKA 2000 ได้มีมติทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายรางวัลสิ่งประดิษฐ์ดีเด่นแด่พระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว รวม ๕ รางวัล คือ

๑. เหรียญรางวัล Prix OMPI (Organisation Mondiale De La Propriete Intelietuelle) พร้อมประกาศนียบัตร และเงินรางวัลจำนวน ๒,๐๐๐ เหรียญดอลลาร์สหรัฐ

๒. เหรียญรางวัล Gold Medal with Mention และประกาศนียบัตรเกียรตินิยมจาก BRUSSELS EUREKA 2000

๓. ถ้วยรางวัล Grand Prix International (International Grand Prize)

๔. ถ้วยรางวัล Minister J.CHABERT (Minister of Economy of Brussels Capital Region)

๕. ถ้วยรางวัล Yugosiavia

และเมื่อวันที่ ๑๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๔ ณ ศาลาเริง วังไกลกังวล อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ ฯพณฯ นายอำพล เสนาณรงค์ องคมนตรี ในฐานะประธานกรรมการบริหารสภาวิจัยแห่งชาติ นำคณะบุคคลประกอบด้วย นายจิรพันธ์ อรรถจินดา เลขาธิการคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ คณะบุคคลจากสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ นักประดิษฐ์คิดค้นไทย อุปทูตเบลเยี่ยมประจำประเทศไทย เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท โดย นายโยเซ ลอริโย (Mr. Jose Loriaux) ประธานองค์กร BRUSSELS EUREKA แห่งราชอาณาจักรเบลเยี่ยมและคณะ ในฐานะองค์กรผู้จัดงาน BRUSSELS EUREKA 2000 ได้นำรางวัลมาทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวาย รวมทั้งเลขาธิการคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติได้ทูลเกล้าฯ ถวายเงินเพื่อทรงใช้ตามแนวพระราชดำริด้านการประดิษฐ์คิดค้นตามพระราช อัชฌาสัยด้วย

ต่อมา ในปีพุทธศักราช ๒๕๔๔ องค์กร BRUSSELA EUREKA ก็ได้เชิญประเทศไทยให้ร่วมจัดนิทรรศการสิ่งประดิษฐ์คิดค้นในงาน BRUSSELS EUREKA 2001 : 50 th Anniversary of the World Exhebition of Innovation, Research and Technology อีกครั้งหนึ่ง ระหว่างวันที่ ๑๓-๑๘ พฤศจิกายน ๒๕๔๔

การจัดแสดงนิทรรศการฯ ครั้งนี้ แบ่งเป็น ๓ ส่วน แสดงผลงานรวม ๑๗ ผลงาน

ก. คูหาเรือนไทย พื้นที่ ๔๘ ตารางเมตร

จัดแสดงผลงานตามโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริใน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และผลงานในสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ

๑.๑ ผลงานเรื่องทฤษฎีใหม่ (The New Theory)

๑.๒ ผลงานเรื่องน้ำมันไบโอดีเซลล์ สูตรสกัดจากน้ำมันปาล์ม (Palm Oil Formula)

๑.๓ ผลงานเรื่องฝนหลวง (Royal Rain Making)

๑.๔ ผลงานเรื่องศิลปาชีพ

ข. งานของศูนย์ศิลปาชีพบางไทร ๑๖ ตารางเมตร

ค. พื้นที่ของสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ สำหรับการเจรจาธุรกิจ ๒๔ ตารางเมตร

ง. พื้นที่สำหรับแสดงผลงานประดิษฐ์คิดค้นของนักประดิษฐ์ไทยอื่นๆ ๓๒ ตารางเมตร

พื้นที่จัดแสดงของไทย จัดออกแบบเป็นศาลาเรือนไทยมีความสวยงามโดดเด่น รวม ๓ หลัง ซึ่งนอกจากผลงานประดิษฐ์คิดค้นของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ แล้ว ยังมีผลงานของนักประดิษฐ์ไทยอื่นๆ ร่วมแสดงด้วย


ฯพณฯ เอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยี่ยมทำพิธีถวายบังคมพระบรมรูปในงานนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ

ป้ายหน้างานนิทรรศการ ณ ศาลาไทย ซึ่งสภาวิจัยแห่งชาตินำภาพผลงานประดิษฐ์คิดค้นของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่ หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถเรื่องมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพ และงานศิลปหัตถกรรมที่บ้านบางไทรไปจัดแสดง ผลงานดังกล่าวของทั้งสองพระองค์ได้รับรางวัลในงานที่องค์กรนักประดิษฐ์คิด ค้นแห่งเบลเยี่ยมจัดขึ้น เมื่อวันที่ ๑๓-๑๘ พฤศจิกายน ๒๕๔๔ ที่กรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยี่ยม

เมื่อวันที่ ๑๓ พฤศจิกายน ๒๕๔๔ เวลา ๑๑.๐๐ น. นายสุรพงษ์ โปษยานนท์ เอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงบรัสเซลส์ ได้เป็นประธานเปิดงานนิทรรศการ BRUSSELS EUREKA 2001 และนิทรรศการของประเทศไทย ณ ศาลาเรือนไทย ที่แสดงนิทรรศการผลงานประดิษฐ์คิดค้นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ จากนั้นได้ชมนิทรรศการภายในศาลาไทย ได้ตัดริบบิ้นนิทรรศการ BRUSSELS EUREKA 2001 ในงานเปิดนิทรรศการนี้ มีรัฐมนตรีของราชอาณาจักรเบลเยี่ยมมาร่วมเป็นเกียรติในงาน ๓ ท่าน และมีประเทศที่เข้าร่วมแสดงนิทรรศการมากกว่า ๓๑ ประเทศ

การจัดแสดงนิทรรศการผลงานประดิษฐ์คิดค้นของไทย ณ ศาลาไทยในงาน ได้รับความสนใจจากชาวต่างประเทศ ซึ่งมาเยี่ยมชมและสอบถามข้อมูลเป็นจำนวนมาก ต่างแสดงความชื่นชมในพระปรีชาสามารถของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถของไทย และชาวต่างชาติจำนวนมาก แสดงความคิดเห็นความสนใจที่จะมาท่องเที่ยวในประเทศไทย ทุกๆ วัน มีสื่อมวลชนหนังสือพิมพ์และโทรทัศน์จากนานาชาติมาขอสัมภาษณ์และรายงานข่าว ให้ประชาชนทราบอย่างต่อเนื่อง

จากการนำผลงานประดิษฐ์คิดค้นของไทยไปร่วมแสดงใน BRUSSELS EUREKA 2001 (พุทธศักราช ๒๕๔๔) นี้ เป็นที่น่าปลาบปลื้มยินดีที่ผลงานประดิษฐ์คิดค้นทั้งหมดในพระบาทสมเด็จพระ เจ้าอยู่หัว และผลงานหัตถศิลปะจากมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพ ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ได้รับรางวัลสดุดีเทิดพระเกียรติในงาน BRUSSELES EUREKA 2001 : 50 th Anniversary of the World Exhibition of Innovation, Research and New Technology ดังรายละเอียดต่อไปนี้

๑. ผลงานประดิษฐ์คิดค้นในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ได้รับรางวัลสดุดีเทิดพระเกียรติคุณสูงสุด ดังนี้

๑.๑ รางวัล D’ Un Concept Nouveau de Development de la Thailande พร้อมถ้วยรางวัลทำด้วยเงิน โดยคณะกรรมการตัดสินได้ลงมติเห็นชอบทูลเกล้าฯ ถวายรางวัลเทิดพระเกียรติคุณเป็นกรณีพิเศษ แด่ผลงานประดิษฐ์คิดค้นทั้ง ๓ ผลงาน ซึ่งเป็นผลงานมนุษย์ที่เกิดจาก ความคิดใหม่ หรือแนวคิดใหม่ หรือแนวใหม่ ในการพัฒนาประเทศไทย

๑.๒ รางวัล Gold medal with mention พร้อมประกาศเกียรติคุณเทิดพระเกียรติให้แก่ผลงานประดิษฐ์คิดค้น โครงการน้ำมันไบโอดีเซลส์ สูตรสกัดจากน้ำมันปาล์ม หรือ “Palm Oil Fomula”

๑.๓ รางวัล Gold medal with mention พร้อมประกาศเกียรติคุณเทิดพระเกียรติให้กับผลงานประดิษฐ์คิดค้นโครงการทฤษฎีใหม่ (The New Theory)

๑.๔ รางวัล Gold medal with mention พร้อมประกาศเกียรติคุณเทิดพระเกียรติให้กับผลงานประดิษฐ์คิดค้น โครงการฝนหลวง (The Royal Rain making)

๒.ผลงาน หัตถศิลป์จากมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพใน สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ได้รับรางวัลสดุดีเทิดพระเกียรติคุณสูงสุด ดังนี้

๒.๑ รางวัล Diploma “D ‘Un Concept Original de Developmant Rural de la Thailande” พร้อมถ้วยรางวัล โดยรางวัลนี้คณะกรรมการตัดสินรางวัลได้ลงมติเห็นชอบทูลเกล้าฯ ถวายรางวัลเทิดพระเกียรติคุณเป็นกรณีพิเศษ แด่มูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพ เป็นความคิดริเริ่มในการพัฒนาชนบทของประเทศไทย

๒.๒ รางวัล Gold medal with mention พร้อมประกาศเกียรติคุณเทิดพระเกียรติให้แก่ผลงาน “Training Programme to Improve Farmer’ s Income” โดยมอบให้กับมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพ

๒.๓ รางวัล Gold medal with mention พร้อมประกาศเกียรติคุณเทิดพระเกียรติให้กับผลงาน “Bangsai Art and Craft Training Centre” (ศูนย์ศิลปาชีพบางไทร)

๓. รางวัลจาก Bulgarina American Chamber of Commercial and Industry (BACCI) ดังนี้

๓.๑ ถ้วยรางวัล SPECIAL PRIX for His Majesty The King of Thailand พร้อมประกาศนียบัตรมอบให้ผลงานประดิษฐ์คิดค้น ทฤษฎีใหม่ ปาล์มน้ำมัน ฝนหลวง และประกาศนียบัตร Honored Member of BACCI

๓.๒ ถ้วยรางวัล SPECIAL PRIX for Her Majesty The Queen of Thailand พร้อมประกาศนียบัตรมอบให้มูลนิธิศิลปาชีพ และศูนย์ศิลปาชีพบางไทร และประกาศนียบัตร Honored of Member of BACCI

๔. ผลงานสิ่งประดิษฐ์คิดค้นไทยอื่นๆ สามารถสร้างเกียรติประวัติชื่อเสียง ให้แก่วงการประดิษฐ์คิดค้นไทย โดยได้รับรางวัลประกาศนียบัตร รวม ๑๖ รางวัล

ทั่วโลกต่างยอมรับว่าการประดิษฐ์คิดค้นเป็นปัจจัยสำคัญอย่างหนึ่งในการเสริมสร้างสถานะทาง เศรษฐกิจของประเทศก่อให้เกิดการสร้างสรรค์เทคโนโลยีที่ทันสมัยนำไปสู่การพัฒนาประเทศให้เข้าสู่การแข่งขันได้ในโลก ดังนั้นการที่รัฐบาลไทยได้สนับสนุนการประดิษฐ์คิดค้นของไทย ให้ก้าวสู่ระดับโลกดังกล่าวมานี้ จึงนับเป็นนิมิตหมายอันดียิ่ง โดยเฉพาะพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ ทรงได้รับการเทิดพระเกียรติในวงการนักประดิษฐ์ทั่วโลก นำเกียรติยศใหญ่ยิ่งมาสู่ประเทศชาติและประชาชน นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณล้นเกล้าล้นกระหม่อมหาที่สุดมิได้ ขอจงทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน เทอญ

http://www.panyathai.or.th

Image

รักในหลวง หวงแผ่นดิน
เกลียดเสื้อแดง จะรัฐบาล ม.แม้ว หรือ ม.มาร์ค ก็น่าผิดหวัง เลวพอๆกัน
ไปม๊อบมา ไปก็บอกว่าไป..ไม่ใช่ประเภท....ตุลาคมก็อยู่นะ(โกหก)
http://www.baanpud.net/forum/index.php....http://www.prachathon.org/forum/
User avatar
noway2know
 
Posts: 7750
Joined: Thu May 20, 2010 12:19 am

Re: อ่านแล้วน้ำตาไหลครับ ในหลวงในดวงใจชาวไทยทุกคน

Postby noway2know » Wed Jun 09, 2010 12:44 am

Image

ศูนย์ศิลปาชีพ บางไทรฯ ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาในเขตอำเภอบางไทร
จังหวัดพระนครศรีอยุธยามีเนื้อที่ประมาณ 1,000 ไร่ ภายในศูนย์ศิลปาชีพ บางไทรฯ
ประกอบด้วยสถานที่และสิ่งที่น่าสนใจหลายแห่งอาทิ
ImageImage
ImageImage
หมู่บ้านศิลปาชีพ เป็นส่วนหนึ่งของศูนย์ปาชีพ บางไทร....
ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ
โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยสร้างและบริจาคให้ ในปี พ.ศ. 2538
เพื่อใช้เป็นสถานที่จัดแสดงศิลปหัตถกรรมพื้นบ้านจาก 4 ภาคของไทย.
คือภาคกลาง ภาคเหนือ ภาคใต้ และภาคอีสาน... ประกอบด้วยเรือนไทย ..จำนวน 21 หลังบนเนื้อที่ 25 ไร่ สร้างตามแบบสถาปัตยกรรมท้องถิ่นทั้ง 4 ภาค. ต่อมาในปี พ.ศ. 2542 หมู่บ้านศิลปาชีพฯได้ตกแต่งภูมิทัศน์ใหม่ทั้งหมดโดยเน้นให้มีความสอดคล้องกับสภาพแวดลอ้มของแต่ละภาคอย่างสวยงาม

Image
อาคารฝึกอบรมศิลปาชีพ ตั้งอยู่บริเวณใจกลางของศูนย์ฯ
ประกอบด้วยอาคารฝึกอบรมศิลปาชีพของแผนกต่างๆ
ซึ่งรับนักเรียนจากนักเรียนยากจนทั่วประเทศเข้ามาศึกอบรมโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
สามารถเข้าไปชมวิธีการฝึกอบรมศิลปาชีพของศูนย์ฯ
ได้ทุกขั้นตอนและการผลิตงานศิลปาชีพที่มีความประณีตวิจิตร
ซึ่งต้องใช้เวลาอันยาวนานเพื่อให้ได้มาซึ่งผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ
เปิดให้ชมเวลา 09.00 - 16.00 น. ยกเว้นวันจันทร์และช่วงที่ปิดรุ่นการฝึกอบรม
แผนที่การเดินทาง : http://www.rajacram.com/SL/IMAGE0027.jpg
Image

รักในหลวง หวงแผ่นดิน
เกลียดเสื้อแดง จะรัฐบาล ม.แม้ว หรือ ม.มาร์ค ก็น่าผิดหวัง เลวพอๆกัน
ไปม๊อบมา ไปก็บอกว่าไป..ไม่ใช่ประเภท....ตุลาคมก็อยู่นะ(โกหก)
http://www.baanpud.net/forum/index.php....http://www.prachathon.org/forum/
User avatar
noway2know
 
Posts: 7750
Joined: Thu May 20, 2010 12:19 am

Re: อ่านแล้วน้ำตาไหลครับ ในหลวงในดวงใจชาวไทยทุกคน

Postby 8owmp » Wed Jun 09, 2010 3:27 am

รักในหลวง

ขอพระองค์ทรงพระเจริญ มีพระชนม์มายุยิ่งยืนนาน เพื่อเป็นมิ่งขวัญของพสกนิกรชาวไทย

และขอขอบคุณหลายๆคนที่นำบทความดีๆมาให้ได้อ่านกัน
User avatar
8owmp
 
Posts: 95
Joined: Sun Mar 01, 2009 12:58 pm

Re: อ่านแล้วน้ำตาไหลครับ ในหลวงในดวงใจชาวไทยทุกคน

Postby noway2know » Wed Jun 09, 2010 9:27 am

สวนจิตรลดา

Image

1. โรงกระถางผักตบชวา
2. โรงปุ๋ยหมัก
3. โรงโคนม
4. บ่อปลานิล
5. บ้านพลังแสงอาทิตย์
6. บ่อหมักแก๊สชีวภาพ (เดิม)
7. โรงนมยูเอชที
8. ศูนย์คอมพิวเตอร์
9. ถังพักนม
10. ศูนย์รวมนม
11. ธุรการ
12. โรงนมผงใหม่
13. โรงนมผง
14. โรงน้ำดื่ม
15. โรงเนยแข็ง
16. งานควบคุมคุณภาพ (ชั้นบนของโรงนมอัดเม็ด)
17. โรงนมอัดเม็ด
18. สำนักงาน
19. ยุ้งข้าว
20. สำนักงานงานฝึกอบรมและงานประมวลผล
21. โรงสีข้าว
22. ถังเก็บแอลกอฮอล์
23. ปั๊มแก๊สโซฮอล์
24. โรงบดแกลบ
25. งานพัสดุ
26. งานเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อพืช
27. สำนักงานโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชฯ
28. นิทรรศการข้าว (สถานีทดลองข้าวบางเขน กรมวิชาการเกษตร)
29. พิพิธภัณฑ์พืช
30. ธนาคารพืชพรรณ
31. ธนาคารข้อมูลพันธุกรรมพืช
32. เรือนเพาะชำ
33. งานทดลองผลิตภัณฑ์เชื้อเพลิง (โรงกลั่นแอลกอฮอล์)
34. ศาลามหามงคล
35. โรงหล่อเทียนหลวง
36. สำนักงานขาย
37. วิจัยพัฒนา 1
38. โรงน้ำผลไม้บรรจุกระป๋อง
39. โรงน้ำผลไม้พาสเจอร์ไรส์
40. ผลิตภัณฑ์ขนมอบ
41. สาหร่ายเกลียวทองและผลิตภัณฑ์
42. เรือนเพาะชำ
43. โรงผลไม้อบแห้งและผลิตภัณฑ์ขนมอบ
44. เทียนหอม
45. เครื่องหอม
46. หัตถกรรมดิน
47. โรงกระดาษสา
48. โรงน้ำผลไม้บรรจุกระป๋อง 2 และโรงน้ำผึ้ง
49. โรงอาหารปลา
50. อาคารอเนกประสงค์
51. โรงเพาะเห็ดหลินจือ
52. วิจัยพัฒนา 2
53. ผลิตภัณฑ์แปรรูปเห็ดหลินจือ

รักในหลวง หวงแผ่นดิน
เกลียดเสื้อแดง จะรัฐบาล ม.แม้ว หรือ ม.มาร์ค ก็น่าผิดหวัง เลวพอๆกัน
ไปม๊อบมา ไปก็บอกว่าไป..ไม่ใช่ประเภท....ตุลาคมก็อยู่นะ(โกหก)
http://www.baanpud.net/forum/index.php....http://www.prachathon.org/forum/
User avatar
noway2know
 
Posts: 7750
Joined: Thu May 20, 2010 12:19 am

Re: อ่านแล้วน้ำตาไหลครับ ในหลวงในดวงใจชาวไทยทุกคน

Postby noway2know » Wed Jun 09, 2010 10:01 am





พระตำหนักจิตรลดารโหฐานพระราชวังดุสิต หรือที่เราเรียกติดปาก
กันว่า “วังสวนจิตร” ตั้งอยู่ในพื้นที่เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร
เป็นผืนดินรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส มีเนื้อที่กว่า 400 ไร่
สวนจิตรลดาเ็ต็มไปด้วยโครงการพระราชดำริต่างๆมากมายค่ะ


Image

มารู้จักโครงการต่างๆของสวนจิตรลดากันค่ะ

บ้านพลังงานแสงอาทิตย์

ในปี 2539 กรมการพลังงานทหาร ได้น้อมเกล้าฯ ถวาย บ้าน
"พลังงาน แสงอาทิตย์" พร้อมด้วยอุปกรณ์ต่างๆ เพื่อทรงใช้ใน
การทดลองเกี่ยวกับ พลังงานแสงอาทิตย์ ซึ่งเป็นพลังงานทดแทน
ในอนาคตเพื่อเผยแพร่ความรู้สู่ราษฎรต่อไป
ปัจจุบัน ถ้าคุณไปในถิ่นทุรกันดาร จะเห็นแผงโซล่าร์เซลล์
ขนาดไม่โตนัก ตั้งอยู่ในเขตบ้านเรือนคน ที่ไม่มีไฟฟ้าใช้
นั่นเป็นเศษเสี้ยวจากโครงการนี้ค่ะ

ศูนย์คอมพิวเตอร์
จัดขึ้นเพื่อให้โครงการเข้ามาตรฐานสากล มีการทำบาร์โค๊ดให้สินค้า
จัดเก็บข้อมูลในการศึกษาวิจัย และเผยแพร่ข่าวสารอีกด้วย

Image
โรงโคนมสวนจิตรลดา

ก่อตั้ง เมื่อ 12 มกราคม 2505 เพื่อส่งเสริมและเผยแพร่การเลี้ยง
โคนม โดยสาธิตให้เป็นตัวอย่างแก่เกษตรกร รวมถึงเพื่อศึกษา
ค้นคว้าและทดลอง เทคนิคการเลี้ยงโคนมแบบที่มีประสิทธิภาพ
จึงค่อยเผยแพร่ไปสู่เกษตรกร
ครั้ง แรกได้มีผู้ถวายโคเพศเมีย 5 ตัว เพศผู้ 1 ตัว ได้ทรงพระกรุณา
โปรดเกล้าฯ ให้โครงการส่วนพระองค์ฯ จัดการเลี้ยงโคร่วมกับ
เจ้าหน้าที่กรมปศุสัตว์ และจำหน่ายนมสดที่รีดได้แก่สมาชิก
ของโรงโคนมสวนจิตรลดา ทั้งยังพระราชทานลูกวัวเพศผู้เป็นวัวพันธุ์
และแม่โคที่คัดออกแก่ผู้ที่ สนใจไปหัดรีดนม

ศูนย์รวมนม(มีถังพักนมและโรงนม UHT)

ช่วงต้นปี 2546 เกิดภาวะนมสดล้นตลาดขึ้นอีกครั้ง พระเจ้าอยู่หัว
จึงโปรดเกล้าฯ ให้จัดตั้งโรงนม UHT แห่งนี้ขึ้นเพื่อรับซื้อน้ำนมดิบ
จากเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมเพื่อบรรเทา ความเดือดร้อนให้แก่เกษตรกร
มาแปรรูปเป็นนมสดUHT และนั่นคือที่มาของโรงนม UHT จิตรลดา
เมื่อสร้างขึ้นตามพระราชประสงค์ใน การส่งเสริมอาชีพเกษตรกร
ผู้เลี้ยงโคนม จึงทำหน้าที่แสวงหาข้อเท็จจริงและข้อมูลต่างๆ
เพื่อแก้ไขปัญหานมสดล้น ตลาด ซึ่งมักเกิดบ่อยๆ ที่สำคัญ โรงงาน
แห่งนี้จะผลิตนมสดพร้อมดื่มที่มี คุณภาพโดยไม่เน้นการผลิต
เพื่อการพาณิชย์และไม่แสวงหาผลกำไรจากการดำเนินงาน
เพื่อผู้บริโภคในเขตกรุงเทพฯและผู้ที่อยู่ห่างไกล
อาจเคยกินกันมาบ้าง นมถุงแช่เย็นไงค่ะ

โรงเนยแข็ง

สร้างขึ้นในวโรกาสมหามงคล ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ทรง เจริญพระชนมายุครบ 5 รอบ เมื่อปี 2530
หลังศึกษาความเป็นไปได้ในการผลิต เนยแข็ง เพื่อการค้นคว้า
ทดลองและส่งเสริมแนะนำเป็นอาชีพต่อไป โดยได้รับ
ความช่วยเหลือด้านเครื่องมือและการฝึกอบรมในการผลิตเนยแข็ง
จากประเทศเนเธอร์แลนด์
สมเด็จพระเทพฯ ได้พระราชทานชื่อเนยแข็งว่า “เนยแข็งมหามงคล”
ปัจจุบันโรงงานแห่งนี้มีผลิตภัณฑ์จากนมหลากหลายชนิด เช่น
เนยแข็งปรุงแต่ง นมปราศจากไขมัน นมเปรี้ยวพร้อมดื่ม เนยสด
โยเกิร์ต นมข้นหวาน และไอศกรีม

Image
โรงนมผงสวนดุสิต (มีโรงนมผงเพิ่มแล้วในปัจจุบัน)
เกิดขึ้นเพราะ ปี 2512 เกิดภาวะนมสดล้นตลาด กลุ่มผู้เลี้ยงโคนม
ได้ทูลเกล้าฯ ถวายฎีกาให้ทรงช่วยเหลือ จึงได้ทรงจัดตั้งโรงงาน
"นมผง" ขึ้นมาเพื่อผลิตนมผงจากนมสดของเกษตรกรสมาชิก
ผู้เลี้ยงโคนม นมผงของที่นี่มีคุณภาพและราคาถูก
พระราชดำริในครั้งแรกเมื่อตั้งโรงนมผงแห่งนี้คือ เพื่อเป็นโรงงาน
ตัวอย่างให้แก่เกษตรกรและผู้ที่สนใจได้มาเห็นและศึกษาวิธีการ
ทำนมผง ซึ่งโรงงานแห่งนี้ใช้เงินเป็นค่าก่อสร้างและค่าอุปกรณ์
เป็นเงินที่ต่ำมาก สามารถที่จะนำไปเป็นแบบอย่างได้ง่าย

โรงนมเม็ด

ปี 2527 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้มีพระราชดำริให้ปรับปรุง
การจัดทำนมอัด เม็ดขึ้นใหม่อีกครั้งหนึ่งภายหลังจากที่เคยทดลอง
ผลิตครั้งแรกเมื่อปี 2512 แล้ว ซึ่งมีอุปสรรคทางเทคนิคทำให้ไม่
สามารถดำเนินการต่อไปได้ ปัจจุบันโรงนมอัดเม็ดแห่งนี้มีเครื่อง
ตอกเม็ดนม 4 เครื่อง เครื่องบรรจุลงถุง 2 เครื่อง สามารถผลิต
นมอัดเม็ดได้วันละ 7,000 – 12,000 ถุง ถุงหนึ่งบรรจุ 20 เม็ด
ปี 2532 เริ่มการผลิตนมเม็ดช็อกโกแลต
ปี 2539 เริ่มผลิตนมเม็ดรสกาแฟ เรื่อยมาจนถึงปี 2541 จึงปรับปรุงคุณภาพ
จนสามารถผลิตนมเม็ดสำหรับเลี้ยงสัตว์ได้
ในปี 2544 มีการปรับปรุงและขยายพื้นที่โรงนมอัดเม็ด
ทำให้มีพื้นที่กว้างขึ้นเพื่อรับการขยายตัวของการผลิตต่างๆ สามารถรองรับ
การฝึกงานของนิสิตนักศึกษา และผู้ที่สนใจเข้าเยี่ยมชม
ซึ่ง มีจำนวนเพิ่มมากขึ้นทุกปี

ห้องเย็น

เพื่อเก็บรักษาเมล็ดพันธุ์พืช จากหน่วยปฏิบัติการเก็บรักษาพันธุ์พืชและผลิตภัณฑ์ต่างๆ

ยุ้งข้าวและโรงสีข้าว

ตั้งขึ้นเมื่อปี 2514 เนื่องจากในปีนั้นได้มีผู้น้อมเกล้าฯ ถวายเครื่องสีข้าวแบบต่างๆ
ณ วันนี้โรงสีข้าวได้ใช้เครื่องสีข้าวขนาดเล็ก สีได้ครั้งละ 1 เกวียน
และได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้สร้างยุ้งฉางเก็บข้าวแบบต่างๆ
รวมทั้งยุ้ง ฉางข้าวแบบสหกรณ์ ซึ่งขณะนี้ได้ดัดแปลงให้สามารถ
นำข้าวเปลือกเข้าและออกจากยุ้งไปสู่โรงสีโดยที่ไม่ต้องมีคนแบกขน

Image
ในภาพเป็นเครื่องสีข้าวที่ได้มาจากนายจ๋วย ห่วงดี เกษตรกร
จากจังหวัดระยอง เขาสร้างเครื่องสีข้าวขนาดเล็กขึ้น และนำมา
ถวาย แด่พระเจ้าอยู่หัวฯ ในวันเสด็จพระราชดำเนินทางเปิดโรงสีข้าว
เครื่องสีข้าวนี้เป็นแบบลูกหินลูกเดียว ต้องทำการสี 2 เที่ยว ซึ่งเป็นการ
ไม่สะดวกในการปฏิบัติงาน พระเจ้าอยู่หัวฯ จึงให้สถาบันวิจัยเกษตร
วิศวกรรมปรับปรุง และพัฒนาต่อ จนปฏิบัติงานดีขึ้น โดยสามารถสีข้าว
เพียงเที่ยวเดียว และเพิ่มจำนวนขึ้น มีการติดตั้งตะแกรงคัดขนาด
ข้าวสาร พัฒนาจนใช้คนปฏิบัติงานเพียงคนเดียวได้ วัสดุที่ใช้สร้าง
หาซื้อได้ภายในประเทศ


แนวพระราชดำริคือต้องซ่อมแซมและบำรุงรักษาโดยตัวเกษตรกรเองได้
มีขนาดกะทัดรัด ไม่เปลืองเนื้อที่ในการติดตั้ง
นอกจากนั้นยังสามารถกะเทาะเปลือกถั่วเขียวได้ โดยก่อนการสี
ต้องนำถั่วเขียวไป แช่น้ำ 1 ชั่วโมง แล้ว ตากแดดให้แห้ง
(สารพัดประโยชน์ ในการจัดการกับพืชไร่อื่นๆ)

โรงบดแกลบ

ปี 2518 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดสร้างโรงบดแกลบ
แล้วอัดให้เป็นเชื้อเพลิงแท่งและทดลองเผาแกลบอัดแท่งให้เป็นถ่านได้ครั้งแรกเมื่อปี 2529

นอกจากนี้ยังได้ผลิตแกลบบดผสมปุ๋ยเคมีหรือปุ๋ยคอกชนิดต่างๆจำหน่ายซึ่งได้รับความนิยมอย่างมาก
ด้วยพระอัจฉริยภาพทรงค้นพบว่าแกลบที่อัดแล้วจะไม่สามารถ
รักษาเป็นแท่งอยู่ได้เมื่อถูกน้ำหรือฝนจะแปรสภาพเป็นแกลบบด
ดังเดิม แต่เมื่อนำแกลบที่อัดเป็นแท่งแล้วไปเผาเป็นถ่านแม้โดนน้ำ
ก็ยังสามารถ รักษาสภาพเดิมอยู่ได้ พอออกมารูปทรงสวย หักเป็นชิ้น
ก็ง่าย ก็นิยมใช้กันเพราะควันน้อย ให้ความร้อนสูงอีกด้วย
ในโรงบดยังมี “เตาอัดแกลบ”

เป็นเศษไม้จากอุตสาหกรรม เช่น ซังข้าวโพด กะลา เปลือกยาง
กับเปลือกทุเรียน ก็ทำได้ค่ะ... โดยวัสดุประกอบก็เป็นพวก ฟางข้าว
ผักตบชวา แห้ง แกลบ ฯลฯ เหล่านี้เป็นของ “หาได้ไม่ยาก”ทั้งสิ้น

การปลูกพืชปราศจากดิน
เพื่อทดลองสำหรับแก้ไขปัญหา พื้นที่ที่มีปัญหา และมีเนื้อที่จำกัดเพื่อให้ได้ผลผลิตสูง

Image
ธนาคารพันธุ์พืช
เพื่อจัดสร้างธนาคารพืชพรรณเป็นที่เก็บรวบรวมและรักษาพันธุกรรม
ของพืชทั้งในรูปของเมล็ดและเนื้อเยื่อ มีหน่วยงานปฏิบัติการ
เมล็ดพันธุ์พืช ห้องเย็นเก็บรักษาเมล็ดพันธุ์พืช หน่วยปฏิบัติการ
เก็บรักษาพันธุ์พืชโดย การเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ หน่วยปฏิบัติการ
กักกันพืช และสุดท้ายคือหน่วยปฏิบัติการชีวโมเลกุลพืช เพื่อ
ศึกษาประเมินพันธุกรรมพืชด้านชีวเคมี

ส่วนธนาคารข้อมูลพันธุกรรมพืช

เป็นงานต่อเนื่องจากโครงการอนุรักษ์ฯ
ด้วยสมเด็จพระเทพทรงมีพระราชดำริว่า
“การทำศูนย์ข้อมูลพันธุกรรมพืชโดยมีคอมพิวเตอร์นั้น ควรมีโปรแกรม
ที่สามารถแสดงลักษณะของพืชออกมาเป็นสีได้เพื่อความสะดวก
ในการอ้างอิงและค้นคว้าของผู้ที่สนใจ”

โครงการนี้ดำเนินการจัดตั้งธนาคารข้อมูลพันธุกรรมพืช เพื่อเป็น
ฐานข้อมูลในการพัฒนาพันธุ์พืช โดยจัดทำข้อมูลด้านการเก็บรวบรวม
การประเมินพันธุกรรม การอนุรักษ์ และการใช้ประโยชน์ อีกทั้ง
ดำเนินการจัดทำข้อมูลพันธุกรรมพืช เพื่อปลูกฝังจิตสำนึกแก่เยาวชน
ให้เห็นความงดงาม น่าสนใจจนเกิดความปิติที่จะทำการศึกษาอนุรักษ์พืชพรรณต่อไป

Image
โรงค้นคว้าน้ำมันเชื้อเพลิง
คงเคยดูโฆษณา “น้ำมันมะพร้าว” กันแล้วนะคะ เกิดที่นี่ค่ะ
เมื่อปี 2528 พระบาทพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชกระแสรับสั่ง
ให้ทดลองนำเอาแอลกอฮอล์ ที่ผลิตจากอ้อยมาใช้เป็นเชื้อเพลิง
ทรงคาดว่าในอนาคตอาจจะเกิดภาวะ น้ำมันขาดแคลนหรือราคาอ้อย
ตกต่ำ การนำเอาอ้อยมาแปรรูปเป็นแอลกอฮอล์เพื่อใช้เป็นพลังงาน
ทดแทนจึงน่าจะเป็นทางออกที่ดีทางหนึ่ง
โรงงานแห่งนี้ได้ดำเนินการเรื่อยมาจวบจนปัจจุบันนี้ โดยเมื่อปี 2538
กลุ่มบริษัท สุราทิพย์ ได้น้อมเกล้าฯถวายระบบผลิตแอลกอฮอล์ 95 %
พร้อมอุปกรณ์อื่นๆ รวมถึงอาคารใหม่เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติ
ในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระ เจ้าอยู่หัวทรงครองราชย์ครบ 50 ปี
ปัจจุบันโรงงานแห่งนี้สามารถผลิต แอลกอฮอล์ได้ถึง 99.5 %

วัตถุดิบหลักในการหมักคือ กากน้ำตาล แอลกอฮอล์ที่ใช้ในการผลิต
เชื้อเพลิงแก๊สโซฮอล์ , ดีโซฮอล์ นอกจากนั้นโรงแอลกอฮอล์ยังได้
ผลิตภัณฑ์จากแอลกอฮอล์อีกหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็น เจลล้างมือ
สเปรย์ฉีดเท้า น้ำหอม โลชั่นกันยุง เพื่อจำหน่ายเป็นรายได้เสริม
หล่อเลี้ยงหน่วยงานอีกทางหนึ่ง

โรงหล่อเทียนหลวง
ปี 2529 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ
ให้จัดสร้างโรงหล่อ เทียนหลวงสวนจิตรลดาขึ้น เพื่อใช้ผลิตเทียนหลวง
ที่ใช้ในการพระราชพิธี ของสำนักพระราชวังแทนการฟั่นเทียนด้วยมือ
อย่างโบราณ เพื่อให้ได้เทียนที่มีคุณภาพที่ใช้ในการพระราชพิธีต่างๆ
ในราชสำนัก ตลอดจนฝึกหัดบุคลากรให้มีความรู้ความสามารถ
เพื่อลดงบประมาณแผ่นดินในการจัดซื้อ


โรงน้ำผลไม้สวนจิตรลดา(พาสเจอร์ไรซ์)
ปี 2527 โครงการส่วนพระองค์สวนจิตรลดาได้ผลิตน้ำส้มคั้น
และน้ำอ้อยพาสเจอไรซ์ ตามแนวพระราชดำริ โดยใช้เครื่อง
พาสเจอไรซ์นมสดเดิม ซึ่งมีอายุการใช้งานเกือบ 10 ปี
เป็นโครงการแนะนำชาวไร่ส้ม และไร่อ้อย เพื่อแก้ไขปัญหา
ทางด้านการตลาดของส้มและอ้อย
นอกจากนี้แล้วโรงงานแห่งนี้ยังทำการผลิตน้ำกระเจี๊ยบพาสเจอไรซ์
ออกสู่ตลาดเป็นโครงการแนะนำ
โรงน้ำผลไม้กระป๋อง(ปัจจุบันมี 2 จุด)
ปี 2535 มีพระราชดำริให้ก่อสร้างโรงน้ำผลไม้บรรจุกระป๋อง
เพื่อเป็นโรงงานต้น แบบ และครบวงจรของการผลิตน้ำผลไม้ อันได้แก่
การผลิตน้ำผลไม้แบบเข้มข้น น้ำผลไม้แบบพาสเจอไรซ์ น้ำผลไม้
บรรจุกระป๋อง เพื่อเป็นต้นแบบให้แก่เกษตรกรและผู้ที่สนใจ
สามารถเข้ามาศึกษานำความรู้ ใน การผลิตน้ำผลไม้แต่ละชนิด
ไปใช้ประโยชน์ต่อไป

โรงเพาะเห็ด
ปี 2531 มีพระราชดำริให้จัดสร้างโรงเพาะเห็ดชนิดต่างๆ ขึ้นด้วย
เศษวัสดุที่เหลือ ใช้ทางการเกษตรเพื่อปลูกเห็ดชนิดต่างๆ เช่น เห็ดฟาง
เห็ดหูหนู เห็ดนางฟ้า เห็ดนางรม เห็ดเป๋าฮื้อ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเห็ดหลินจือ...
นอกจากนี้ยังได้พระราชทานแนวพระราชดำริให้นำเอาเศษวัสดุ
ที่เหลือใช้จากการเพาะเห็ดมาทำเป็นปุ๋ยหมักอีกด้วย


โรงกระดาษสา
เริ่มในปี 2536 โดยการแปรรูปผลิตภัณฑ์จากกระดาษสาเป็นดอกไม้
นานาชนิด และเป็นของชำร่วยที่สวยงาม มีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม
เป็นที่ปรึกษาในการ ดำเนินงาน ดัดแปลงผลิตภัณฑ์จากกระดาษสา
ในรูปแบบเดียวกันเป็นผลิตภัณฑ์ รูปแบบต่าง ๆ ตามความเหมาะสม
และความต้องการของท้องตลาด โดยใช้วัสดุที่เหลือใช้จากกระดาษสา
แปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่จนครบวงจรเพื่ออนุรักษ์ศิลปะความเป็นไทย
จากผลิตภัณฑ์กระดาษสา

นอกจากนี้แล้วยังได้มีการนำปอสาไทยมาประยุกต์ผลิตเป็นกระดาษสา
แบบญี่ปุ่นด้วย โดยผ่านการต้มและฟอกขาว ใส่สารยูรามีนเพื่อให้
เยื่อกระดาษกระจายตัวและเพิ่มความเหนียวและความเงาให้กระดาษสา
ใช้ตะแกรงช้อนแบบญี่ปุ่นจะได้กระดาษสาแบบญี่ปุ่นที่มีความบางเรียบ
สีสันสดใสเหมาะกับการแปรรูปผลิตภัณฑ์ประเภทเครื่องเขียนและงานบาติก

ในกลุ่มงานนี้ยังประกอบด้วยกลุ่มงานหัตถศิลป์ที่น่าสนใจอีกเช่น...

งาน บาติก - การทำบาติกของโครงการส่วนพระองค์ฯใช้กรรมวิธี
แบบโบราณคือเขียนด้วยมือ

งานสกรีน
- พิมพ์ลวดลายต่างๆ ลงบนกระดาษสา แล้วจึงใช้สีและยาง
ปาดพิมพ์ผ่านแผ่นผ้าที่ต้องการให้เกิดลวดลาย

งานเครื่องหอมและของชำร่วย
- ปัจจุบันนี้มีงานทั้งหมด 7 ชนิด คือ
น้ำอบไทย สวนจิตรลดา น้ำปรุงสวนจิตรลดา ยาหม่องสวนจิตรลดา
ยาหม่องน้ำสวนจิตรลดา พิมเสนน้ำสวนจิตรลดา ยาดมส้มโอมือ
สวนจิตรลดา ออดิโคโลญ (แน่นอน มีขายที่โกลเด้นเพลสค่ะ)

งานเกล็ดปลา
- นำเอาเกล็ดปลาน้ำจืด รวมถึงปลาน้ำเค็มชนิดต่างๆ
มาล้างให้สะอาด ปรับให้หอมและนุ่ม จึงย้อมสี ผึ่งแห้ง แล้วมาประดิษฐ์
เป็นกลีบดอกไม้ชนิดต่างๆ

งานบุหงา - นำเอากลีบดอกไม้ชนิดต่างๆ มาตากแห้ง อบและร่ำให้หอม
ด้วยน้ำปรุงและน้ำ หอม แล้วจึงนำใบยางที่ตากแห้งแล้วมาประกบ
ทั้งสองข้างยึดให้ติดกันด้วย กาวลาเทกซ์ชนิดใสตัดแต่งให้เป็น
รูปบุหงา พัดโบก ผีเสื้อ หรือรูปดอกไม้ตามความต้องการ

เรือนเพาะชำ
สาหร่ายเกลียวทองและผลิตภัณฑ์
โรงอาหารปลา

เริ่มโครงการปี 2529 โดยได้รับการปรึกษาและแนะนำจากภาควิชา
จุลชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
สถาบันวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย
รวม ถึงสถาบันประมงน้ำจืดแห่งชาติ
หลังการศึกษาวิจัยการผลิตอาหารปลาตามแนวพระราชดำริ
ทั้งแบบจมน้ำและแบบ ที่ลอยน้ำ จากการศึกษาพบว่า อาหารปลา
ที่มีสาหร่ายเกลียวทองผสม มีผลทำให้ปลาแฟนซีคราฟ
เจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว มีสีสันมากกว่าที่เลี้ยงจากอาหารปลา
ธรรมดาและการเจริญวัยในการสืบพันธุ์เร็วขึ้นด้วย
ปี 2545 โรงอาหารปลาฯ ได้ก่อสร้างอ่างซีเมนต์ขึ้นอีก 6 อ่าง
และสร้างห้องปฏิบัติการแปรรูปผลิตภัณฑ์สาหร่ายเกลียวทองเพิ่มขึ้น
ได้แก่ ห้องเพาะเลี้ยงเชื้อสาหร่ายเกลียวทอง ห้องตู้อบความร้อน
ห้องแปรรูป ผลิตภัณฑ์ข้าวเกรียบผสมสาหร่ายเกลียวทอง ห้องทอด
ข้าวเกรียบสาหร่ายเกลียวทอง ห้องแปรรูปผลิตภัณฑ์เยลลีผสม
สาหร่ายเกลียวทองและห้องบรรจุแคปซูลสาหร่ายเกลียวทอง

โรงเพาะเห็ดหลินจือและโรงทำผลิตภัณฑ์แปรรูปเห็ดหลินจือ
ใน ปี 2538 กระแส “เห็ดหลินจือ” มาแรง โรงเพาะเห็ดจึงต้อง
ขยายการผลิต และมีการแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ในต้นปี 2539
โรงงานได้พัฒนา ผลิตภัณฑ์เห็ดหลินจือเป็นแคปซูลขึ้นเพื่อง่าย
ต่อการบริโภค

ปี 2543 ได้เริ่มมีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ชงพร้อมดื่มจากสมุนไพร

ชนิดต่างๆ เพื่อสะดวกในการบริโภคและในปีต่อมาคือปี 2544 ได้มีการ
พัฒนาเป็นแบบอัดเม็ดเพื่อสะดวกสำหรับการพกพา

โรงปุ๋ยหมัก

สร้างในปี 2528 เพื่อศึกษากระบวนการผลิตปุ๋ยหมักจากเศษวัสดุ
ที่เหลือใช้จากการเกษตร โดยการใช้น้ำกากส่า ซึ่งเป็นน้ำทิ้ง
จากโรงงานผลิตแอลกอฮอล์เป็นตัวเร่ง ในกระบวนการย่อยสลาย
นอกจากนี้ ทางโรงงานยังศึกษาสายพันธุ์และกรรมวิธีการผลิต
จุลินทรีย์ ที่มีประสิทธิภาพสูงในการย่อยสลายเศษวัสดุเหลือใช้เป็นปุ๋ยหมัก
ปัจจุบันได้มีการพัฒนาปุ๋ยหมักชนิดต่างๆ ขึ้น เพื่อเพิ่มความหลากหลาย
และความสะดวกให้แก่ผู้ต้องการใช้ปุ๋ยหมัก คือ ปุ๋ยอัดเม็ด

พระราชวังสวนจิตรลดายังมีโครงการอื่นๆอีกมากมายค่ะ


Image

รักในหลวง หวงแผ่นดิน
เกลียดเสื้อแดง จะรัฐบาล ม.แม้ว หรือ ม.มาร์ค ก็น่าผิดหวัง เลวพอๆกัน
ไปม๊อบมา ไปก็บอกว่าไป..ไม่ใช่ประเภท....ตุลาคมก็อยู่นะ(โกหก)
http://www.baanpud.net/forum/index.php....http://www.prachathon.org/forum/
User avatar
noway2know
 
Posts: 7750
Joined: Thu May 20, 2010 12:19 am

Re: อ่านแล้วน้ำตาไหลครับ ในหลวงในดวงใจชาวไทยทุกคน

Postby noway2know » Thu Jun 10, 2010 3:36 am

Image

รักในหลวง หวงแผ่นดิน
เกลียดเสื้อแดง จะรัฐบาล ม.แม้ว หรือ ม.มาร์ค ก็น่าผิดหวัง เลวพอๆกัน
ไปม๊อบมา ไปก็บอกว่าไป..ไม่ใช่ประเภท....ตุลาคมก็อยู่นะ(โกหก)
http://www.baanpud.net/forum/index.php....http://www.prachathon.org/forum/
User avatar
noway2know
 
Posts: 7750
Joined: Thu May 20, 2010 12:19 am

Re: อ่านแล้วน้ำตาไหลครับ ในหลวงในดวงใจชาวไทยทุกคน

Postby noway2know » Thu Jun 10, 2010 4:38 am



ในหลวงกับพระอัจฉริยภาพด้านดนตรี
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเป็นนักดนตรี
ที่มีพระปรีชาสามารถสูงพระองค์หนึ่ง
และได้ทรงใช้พระปรีชาสามารถนี้ให้เป็นประโยชน์
ต่อการสร้างสัมพันธภาพอันดีให้เกิดขึ้นในมวลมนุษยชาติ
วันทรงดนตรีเป็นหนึ่งในตัวอย่างของการที่ทรงนำพระอัจฉริยภาพด้านดนตรี
มาใช้เป็นสื่อกลางในการสร้างความสมานฉันท์
โดยได้เสด็จพระราชดำเนินเป็นการส่วนพระองค์
ไปทรงดนตรียังมหาวิทยาลัยต่างๆเป็นประจำทุกปี

สำหรับในระดับชาตินั้นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงประสบความสำเร็จ
ในการใช้ดนตรีเป็นภาษาสากลสร้างมิตรภาพระหว่างประเทศได้อย่างงดงาม
ดังเมื่อคราวเสด็จพระราชดำเนินเยือนสหรัฐอเมริกาในปี 2503
ระหว่างงานถวายเลี้ยงพระกระยาหารค่ำที่วอชิงตันเพลส
ทรงได้รับการกราบบังคมทูลเชิญให้ร่วมบรรเลงดนตรี
กับวงดนตรีที่จัดแสดงถวายหน้าพระที่นั่งโดยไม่ได้ทรงเตรียมพระองค์มาก่อน
สร้างความประทับใจแก่ผู้ร่วมงานในวันนั้นอย่างยิ่ง
และยังได้เสด็จพระราชดำเนินไปทรงดนตรีร่วมกับวงดนตรีของนายเบนนี่ กู๊ดแมน
นักดนตรีแจ๊สระดับโลกที่มหานครนิวยอร์ค
ซึ่งทรงสามารถบรรเลงโต้ตอบได้อย่างครื้นเครง
จนได้รับการถวายคำยกย่องในฐานะทรงเป็นนักดนตรีแจ๊สที่มีพระอัจฉริยภาพสูง

Image

รักในหลวง หวงแผ่นดิน
เกลียดเสื้อแดง จะรัฐบาล ม.แม้ว หรือ ม.มาร์ค ก็น่าผิดหวัง เลวพอๆกัน
ไปม๊อบมา ไปก็บอกว่าไป..ไม่ใช่ประเภท....ตุลาคมก็อยู่นะ(โกหก)
http://www.baanpud.net/forum/index.php....http://www.prachathon.org/forum/
User avatar
noway2know
 
Posts: 7750
Joined: Thu May 20, 2010 12:19 am

Re: อ่านแล้วน้ำตาไหลครับ ในหลวงในดวงใจชาวไทยทุกคน

Postby Little Chef » Thu Jun 10, 2010 8:28 pm

คุณผู้ดูแลเว็บครับ
ช่วยปักหมุด กระทู้ดีๆแบบนี้หน่อยครับ
User avatar
Little Chef
 
Posts: 64
Joined: Tue Apr 14, 2009 5:32 am

Re: อ่านแล้วน้ำตาไหลครับ ในหลวงในดวงใจชาวไทยทุกคน

Postby zomchai » Thu Jun 10, 2010 10:02 pm

ขอบคุณ คุณ Noway2know มากเลยครับที่รวบรวมเรื่องราวของพระองค์ท่านมาให้อ่านอย่างจุใจเลย :D
User avatar
zomchai
 
Posts: 20
Joined: Tue Apr 20, 2010 10:48 am

Re: อ่านแล้วน้ำตาไหลครับ ในหลวงในดวงใจชาวไทยทุกคน

Postby noway2know » Thu Jun 10, 2010 10:32 pm

zomchai wrote:ขอบคุณ คุณ Noway2know มากเลยครับที่รวบรวมเรื่องราวของพระองค์ท่านมาให้อ่านอย่างจุใจเลย :D


ไม่เป็นไรค่ะ ขอบคุณคนอื่นๆที่ช่วยกันโพสเหมือนกันค่ะ
ที่สำคัญขอบคุณคนไทยทุกคนที่รักในหลวงค่ะ :D

รักในหลวง หวงแผ่นดิน
เกลียดเสื้อแดง จะรัฐบาล ม.แม้ว หรือ ม.มาร์ค ก็น่าผิดหวัง เลวพอๆกัน
ไปม๊อบมา ไปก็บอกว่าไป..ไม่ใช่ประเภท....ตุลาคมก็อยู่นะ(โกหก)
http://www.baanpud.net/forum/index.php....http://www.prachathon.org/forum/
User avatar
noway2know
 
Posts: 7750
Joined: Thu May 20, 2010 12:19 am

PreviousNext

Return to ห้องสมุด



cron