อ่านแล้วน้ำตาไหลครับ ในหลวงในดวงใจชาวไทยทุกคน

คลังปัญญา กระทู้ปักหมุดเดิม เรื่องสำคัญจัดเก็บที่นี่

Re: อ่านแล้วน้ำตาไหลครับ ในหลวงในดวงใจชาวไทยทุกคน

Postby noway2know » Sat Jun 12, 2010 3:42 am

Image

“ที่ของข้าพเจ้าในโลกนี้คือ...
การที่ได้อยู่ท่ามกลางประชาชนของข้าพเจ้า...
นั่นคือ...คนไทยทั้งปวง”
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช

รักในหลวง หวงแผ่นดิน
เกลียดเสื้อแดง จะรัฐบาล ม.แม้ว หรือ ม.มาร์ค ก็น่าผิดหวัง เลวพอๆกัน
ไปม๊อบมา ไปก็บอกว่าไป..ไม่ใช่ประเภท....ตุลาคมก็อยู่นะ(โกหก)
http://www.baanpud.net/forum/index.php....http://www.prachathon.org/forum/
User avatar
noway2know
 
Posts: 7750
Joined: Thu May 20, 2010 12:19 am

Re: อ่านแล้วน้ำตาไหลครับ ในหลวงในดวงใจชาวไทยทุกคน

Postby noway2know » Sat Jun 12, 2010 4:19 am



พระราชดำรัสเกี่ยวกับโครงการธนาคารข้าว


จากการที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมราษฎรในชนบททรงเห็นสภาพความยากจน แม้กระทั่งชาวนาผู้ปลูกข้าวเองยังขาดแคลนข้าวที่จะบริโภคและทำพันธุ์ จึงแก้ปัญหาด้วยการกู้ยืมข้าวหรือเงินจากพ่อค้าคนกลาง โดยต้องเสียดอกเบี้ยในอัตราสูงมาก บางครั้งก็กู้ยืมโดยการขายข้าวเขียว ทำให้ผลผลิตข้าวที่ได้ไม่เพียงพอสำหรับ การบริโภคและการชำระหนี้ในที่สุด ก็กลายเป็นผู้มีหนี้สินพอกพูนท่วมตัว ซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาในด้านอื่นๆด้วย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อให้เกษตรกรพ้นจากการเป็นหนี้สินและมีข้าวบริโภคได้ไม่ขาดแคลน

Image

ทรงพระราชดำริว่าธนาคารข้าวจะเป็นวิธีหนึ่งที่จะแก้ปัญหาดังกล่าวได้ จึงทรงสนับสนุนให้มีการจัดตั้งธนาคารข้าวขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ.2519 เมื่อครั้งเสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมราษฎรชาวเขาเผ่ากะเหรี่ยงในเขตอำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่ ได้พระราชทานข้าวเปลือกจำนวนหนึ่งให้ผู้ใหญ่บ้านหลายหมู่บ้าน เพื่อเป็นทุนดำเนินกิจการธนาคารข้าว โดยพระราชทานแนวทางในการดำเนินงานไว้อย่างชัดเจนดังนี้

"…..ให้มีคณะกรรมการควบคุมที่คัดเลือกจากราษฎรในหมู่บ้านเป็นผู้เก็บรักษา พิจารณาจำนวนข้าวที่จะให้ยืมและรับข้าวคืน ตลอดจนจัดทำบัญชีทำการของธนาคารข้าวราษฎรที่ต้องการข้าวไปใช้บริโภคในยามจำเป็น ให้ลงบัญชียืมข้าวไปใช้จำนวนหนึ่ง เมื่อสามารถเก็บเกี่ยวข้าวได้แล้วก็นำมาคืนธนาคารพร้อมดอกเบี้ยเล็กน้อยตามแต่ตกลงกัน ซึ่งข้าวที่เป็นดอกเบี้ยดังกล่าวก็จะเก็บรวบรวมไว้ในธนาคาร และถือเป็นสมบัติของส่วนรวม สำหรับกรรมการควบุคมข้าวนั้นมีสิทธิในการขอยืมข้าวเท่ากับราษฎรทุกประการ ต้องอธิบายให้กรรมการและราษฎรเข้าใจอย่างแจ่มแจ้งถึงหลักการของธนาคารข้าวโดยพยามยามชี้แจงอย่างง่ายๆ แต่ต้องให้แน่ใจว่าทุกคนเข้าใจดีกรรมการและราษฎรก็ต้องมีความซื่อสัตย์ต่อ หลักการ เมื่อยืมข้าวจากธนาคารซึ่งเป็นของส่วนรวมไปใช้ และถึงกำหนดเวลาที่สัญญาไว้ ก็ต้องนำข้าวมาคืนพร้อมดอกเบี้ย นอกจากมีเหตุสุดวิสัย ซึ่งต้องชี้แจงให้กรรมการพิจารณาข้อเท็จจริง ราษฎรต้องร่วมมือกันสร้างยุ้งฉางที่แข็งแรง ทั้งนี้หากปฏิบัติตามหลักการที่วางไว้ จำนวนข้าวที่หมุนเวียนในธนาคารจะไม่มีวันหมด แต่จะค่อยๆ เพิ่มจำนวนขึ้นและจะมีข้าวสำหรับบริโภคตลอดไปถึงลูกหลาน ในที่สุด ธนาคารก็จะเป็นแหล่งที่รักษาผลประโยชน์ของราษฎรในหมู่บ้านและเป็นแหล่งอาหารสำรองของหมู่บ้านด้วย…..

Image

ธนาคารข้าวเป็นโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริในเชิงการให้สวัสดิการสังคมและช่วยเหลือผู้ที่เดือดร้อน โดยราษฎรมีแหล่งข้าวกลางของหมู่บ้านที่สามารถกู้ยืมไปบริโภคหรือทำพันธุ์ ซึ่งเสียดอกเบี้ยต่ำกว่าการกู้จากพ่อค้าคนกลาง รัฐบาลได้สนองพระบรมราโชบายขยายขอบเขตการดำเนินงานของธนาคารข้าวออกไปอย่างกว้างขวางทำให้สามารถแก้ไขปัญหาการขาดแคลนข้าวได้ในระดับหนึ่ง ราษฎรสามารถพึ่งตนเองได้ ทั้งยังเป็นการลดหนี้สินลงได้มาก นอกจากนั้นยังเป็นการสร้างความสามัคคีของชุมชนในอันที่จะเรียนรู้และดำเนินการแก้ไขปัญหาของตนตลอดจนสร้างการมีส่วนร่วมในกิจกรรมอื่น ๆ ที่ส่งผลต่อการพัฒนาในชุมชนอีกด้วย

"...โครงการที่ได้ปฏิบัติมาจนถึงเดี๋ยวนี้ก็ได้ใช้ข้าวเป็นจำนวนมากสำหรับ ส่งไปสงเคราะห์ในบริเวณชายแดน โดยอาศัยการส่งไปให้แก่เจ้าหน้าที่เพื่อที่จะได้แจกจ่ายแก่ผู้ที่ขาดแคลน นอกจากนี้ก็ได้ปฏิบัติอีกวิธีหนึ่งคือนอกจากจะไปแจกแก่ผู้ที่ขาดแคลนคือได้ไปตั้งเป็นคลัง เป็นฉางข้าวในบางแห่งคือ บางแห่งมีความขาดแคลนข้าว โดยเฉพาะอย่างยิ่งปีที่แล้วก็มีความเดือดร้อนเพราะว่ามีการขาดน้ำ ทำให้ข้าวไม่ได้ผลเพียงพอ จึงได้ให้ข้าวจำนวนหนึ่งแก่หมู่บ้านและตั้งเป็นฉางข้าว กล่าวคือให้ข้าวไว้และก็ถ้าต่อมาเขามีรายได้เพิ่มขึ้นหรือปลูกข้าวได้ก็เอามาคืนโดยมีดอกเบี้ยเพิ่มเติมเข้ามา ข้าวที่ให้ไปจึงเป็นข้าวที่หมุนเวียนและทำให้ประชาชนสามารถที่จะเข้าใจถึงการประหยัดถึงวิธีที่จะร่วมมือกันมีชีวิตเป็นกลุ่ม..."

http://www.panyathai.or.th/wiki/index.php/%E0%B8%98%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%84%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%A7%E0%B8%87

Image

(พระบรมฉายาลักษณ์เมื่อ 20 มิถุนายน 2541)
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯเสด็จพระราชดำเนินทรงเปิดโครงการพระราชดำริ
แก้มลิง หนองใหญ่ คลองหัววัง - พนังตัก จังหวัดชุมพร
ซึ่งผลจากโครงการพระราชดำริทำให้น้ำไม่ท่วมเหมือนในอดีต
พระองค์ได้ทรงแนะนำ เรื่องเศรษฐกิจพอเพียงให้กับข้าราชการ ประชาชน
จังหวัดชุมพรได้เข้าใจกันทั่วถึงและให้ทำกันต่อเนื่อง

จากวันนั้นถึงวันนี้ ชาวบ้านได้แนวคิดจากพระองค์ ที่ได้ทรงประทานให้กับชาวชุมพร
ซึ่งทางข้าราชนำโดยผู้ว่าราขการจังหวัดชุมพร ไม่ได้ทอดทิ้งโครงการนี้
ได้นำไปขยายผลให้ชาวบ้านเข้าใจและนำไปสู่ภาคปฏิบัติ
ภาพทุ่งนาเขียวขจี โดยไม่ได้ใช้ปุ๋ยเคมี สร้างที่หนองใหญ่โครงการพระราชดำริ
และยังมีพักที่ได้ปลูกไว้มากมาย สิ่งเหล่านี้ ชาวชุมพรได้
เกิดความภูมิใจยิ่งที่ได้ปฏิบัติตามพระองค์จนเห็นเป็นรูปธรรม

ภาพแก้มลิง - หนองใหญ่ ในปัจจุบัน โครงการพระราชดำริ
Image

Image

Image

รักในหลวง หวงแผ่นดิน
เกลียดเสื้อแดง จะรัฐบาล ม.แม้ว หรือ ม.มาร์ค ก็น่าผิดหวัง เลวพอๆกัน
ไปม๊อบมา ไปก็บอกว่าไป..ไม่ใช่ประเภท....ตุลาคมก็อยู่นะ(โกหก)
http://www.baanpud.net/forum/index.php....http://www.prachathon.org/forum/
User avatar
noway2know
 
Posts: 7750
Joined: Thu May 20, 2010 12:19 am

Re: อ่านแล้วน้ำตาไหลครับ ในหลวงในดวงใจชาวไทยทุกคน

Postby noway2know » Sat Jun 12, 2010 4:47 am

โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริแก้มลิงหนองใหญ่ จังหวัดชุมพร
Image

ในปีพ.ศ.2541 พระองค์ได้มีพระราชกระแสรับสั่งว่า
“ให้ดำเนินการในพื้นที่ว่างเปล่าในที่ดินที่มีหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวง
โดยให้ราษฎรได้รับความเดือดร้อนน้อยที่สุด
ส่วนพื้นที่อื่นปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติและให้ขุดคลองล้อมพื้นที่หนองน้ำ
โดยไม่ต้องมีคันคลอง เพื่อน้ำจะได้ไหลบ่าเข้าในพื้นที่ได้สะดวก
และไม่ท่วมขังพื้นที่การเกษตรของราษฎร”







“...เมื่อพายุลินดาเข้าทีแรกนึกว่าจะเข้าชุมพร
ทางกรมอุตุนิยมวิทยาได้แจ้งว่าจะเข้าแถวชุมพร
แต่ว่าความจริงนึกว่าจะเลยชุมพรขึ้นมาจังหวัดประจวบคีรีขันธ์และจังหวัดเพชรบุรี
เช่นนั้นก็จะทำให้ชุมพรโดนกำลังแรงที่สุดของพายุแม้กระนั้นโดยที่คลองท่าตะเภา
เขาเรียกว่าคลองคือลำน้ำที่ผ่านเมืองชุมพร มีต้นน้ำขึ้นไปถึงจังหวัดประจวบคีรีขันธ์
ก็เข้าใจว่าน้ำจะลงมามากถึงเวลาพายุลินดาเข้าฝนก็ลงตลอดแถว
ตั้งแต่เหนือของชุมพรไปถึงเพชรบุรีน้ำก็จะท่วมแต่โดยที่ได้ระบายน้ำ
ออกจากหนองใหญ่ลงคลองที่ขุดทะลุทะเลตามหน้าที่ของหนองใหญ่
ในฐานะเป็นแก้มลิง ลงท้ายตัวเมืองชุมพรและชนบทข้างๆชุมพร
น้ำจึงไม่ท่วมแม้มีพายุมาอย่างหนัก ”

Image

แผนการจัดการโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริหนองใหญ่
เน้นแนวคิดโดยสรุปการจัดการตามแนวคิดศูนย์
ศึกษาการพัฒนาอันเนื่องมาจากพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว


**โดยการทำพื้นที่หนองใหญ่ให้เสมือนศูนย์ศึกษาการพัฒนาอันเนื่องมาจากพระราชดำริ
โดยจัดการให้สวยงามเหมือนแหล่งท่องเที่ยว
ให้ความรู้เหมือนพิพิธภัณฑ์แต่จัดการให้มีชีวิต
และการจัดการให้เป็นไปตามความเป็นจริงใช้ในชีวิตจริงได้

ชาวบ้านเป็นเจ้าของ ดำเนินการต่อเนื่องตามแผนคณะทำงาน 4 ปี
คนชุมพรเดินตามรอยเท้าพ่อในแนวทางปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
เสมือนเมืองจำลองเล็กๆที่ผู้เข้าชมเห็นและทราบว่าเป็นจังหวัดชุมพร
และเป็นการทำตามแบบของปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
เพื่อเป็นแหล่งรวบรวมความรู้ทางการเกษตรทุกๆด้านของชาวชุมพร

ศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง พึ่งตนเองได้จริง
กำนันเคว็ดโมเดล ณ โครงการพระราชดำริพื้นที่หนองใหญ่


http://www.chumphon.go.th/kingproject/?name=gallery
http://www.greenyouththai.org/index.php?option=com_content&view=article&id=27:2010-04-21-14-44-06&catid=30:the-community&Itemid=30
Image
Image
Image
Image
Image
ImageImage

รักในหลวง หวงแผ่นดิน
เกลียดเสื้อแดง จะรัฐบาล ม.แม้ว หรือ ม.มาร์ค ก็น่าผิดหวัง เลวพอๆกัน
ไปม๊อบมา ไปก็บอกว่าไป..ไม่ใช่ประเภท....ตุลาคมก็อยู่นะ(โกหก)
http://www.baanpud.net/forum/index.php....http://www.prachathon.org/forum/
User avatar
noway2know
 
Posts: 7750
Joined: Thu May 20, 2010 12:19 am

Re: อ่านแล้วน้ำตาไหลครับ ในหลวงในดวงใจชาวไทยทุกคน

Postby noway2know » Mon Jun 14, 2010 12:49 am

Image

ยางพาราของในหลวงที่จังหวัดอุดรธานี

ในหลวงให้จัดทำ“แปลงสาธิตตัวอย่าง”
โดยกำหนดแนวทางการพัฒนาที่ดินในลักษณะดินตื้นปนลูกรัง
เพื่อเป็นแนวทางเลือกแก่เกษตรกรบริเวณใกล้เคียงได้นำไปประยุกต์ใช้

ให้เป็นแปลงสาธิตการเกษตรแบบผสมผสาน พร้อมทั้งขุดสระน้ำ จัด ทำแปลงพืชไร่ พืชสวน
สร้างคอกสัตว์เลี้ยงและเลี้ยงปลา ได้กำหนดแผนบำรุงรักษาแปลงสาธิตการเกษตรแบบผสมผสาน
ให้มีสภาพสมบูรณ์พร้อมที่จะเป็นต้นแบบให้เกษตรกรและบุคคลที่สนใจเข้ามาศึกษาหาความรู้
ควบคู่ไปกับนำผลการศึกษาขยายออกสู่ราษฎร และจะเน้นการขยายพันธุ์พืชที่ประสบผลสำเร็จ
เพื่อเพิ่มผลผลิตและสร้างรายได้นำมาหมุนเวียนเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการ

โครงการพัฒนาพื้นที่การเกษตรบ้านโนนสมบูรณ์ ตำบลคำบง อำเภอบ้านผือ จังหวัดอุดรธานี
การดำเนินงานโครงการ เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2541 มูลนิธิชัยพัฒนานำที่ดินจำนวน 26 ไร่
ไปพัฒนาและสร้างประโยชน์ให้แก่ประชาชน โดยจัดทำเป็นแปลงปลูกยางพารา
เพื่อเป็นตัวอย่างแก่เกษตรกรในการปลูกยางพาราอย่างถูกต้องตามหลักวิธี

แต่เดิมนั้นโครงการพัฒนาพื้นที่การเกษตร บ้านโนนสมบูรณ์ ตำบลคำบง อำเภอบ้านผือ จังหวัดอุดรธานี เป็นโครงการสาธิตการเกษตรแบบผสมผสาน แต่เนื่องด้วยสภาพพื้นที่แห่งนี้มีลักษณะแห้งแล้ง ขาดแคลนน้ำ ไม่สามารถทำการเกษตรได้ สำนักงานมูลนิธิชัยพัฒนาจึงได้ปรับเปลี่ยนแผนการดำเนินงานโครงการเป็นการเป็นการสาธิตการปลูกยางพาราเพราะพบว่าสภาพพื้นที่สามารถปลูกยางพาราได้เป็นอย่างดี เนื่องจากต้นยางพาราต้องการน้ำในระยะแรกปลูกเท่านั้น แต่เมื่อต้นเริ่มโตแล้วสามารถให้น้ำน้อยลงได้ อีกทั้งราษฎรให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก ดังนั้น โครงการพัฒนาพื้นที่การเกษตรบ้านโนนสมบูรณ์ จึงเน้นการสาธิตการปลูกยางพารา เพื่อให้เกษตรกรที่ประกอบอาชีพด้านทำสวนยางได้เข้ามาศึกษาดูงานและนำไปปรับใช้ให้เกิดประโยชน์ในพื้นที่ของตนเอง นอกจากนี้ในช่วงที่ต้นยางพารายังไม่สามารถผลิตน้ำยางได้เกษตรกรที่ปลูกยางพาราได้นำใบของต้นยางพารามาประดิษฐ์เป็นดอกไม้ประดิษฐ์หรือของชำร่วยต่างๆเพื่อเป็นการสร้างรายได้เสริม

วันพฤหัสบดีที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2553
สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี
ทรงตรวจเยี่ยมความก้าวหน้าการดำเนินงานโครงการ


โครงการพระราชดำริยางพารา บ้านโนนสมบูรณ์

Image

Image

Image

นอกจากเป็นแหล่งเพราะสายพันธุ์ยางพาราเพื่อให้ความรู้แล้ว โครงการพระราชดำริที่นี่ยังมี
การเลี้ยงหมูหลุม การฝึกอบรมการฝึกกรีดยางให้กลุ่มเกษตรกรในเครือข่ายและทรงกรีดยาง
กิจกรรมการเลี้ยงสัตว์ปีกและการเลี้ยงปลา โดยโครงการได้สาธิตให้เกษตรกรเห็นว่า
สามารถนำสิ่งที่มีอยู่ หรือสิ่งที่เหลือใช้จากแปลงเกษตรนำมาใช้ประโยชน์ได้อีก อาทิ
สามารถนำมูลจากหมูหลุมมาทำปุ๋ยใส่ต้นไม้ การนำเอาน้ำจากบ่อเลี้ยงปลามารดน้ำต้นไม้
การเลี้ยงเป็ด ไก่ เพื่อขาย เป็นต้น

Image

Image

รักในหลวง หวงแผ่นดิน
เกลียดเสื้อแดง จะรัฐบาล ม.แม้ว หรือ ม.มาร์ค ก็น่าผิดหวัง เลวพอๆกัน
ไปม๊อบมา ไปก็บอกว่าไป..ไม่ใช่ประเภท....ตุลาคมก็อยู่นะ(โกหก)
http://www.baanpud.net/forum/index.php....http://www.prachathon.org/forum/
User avatar
noway2know
 
Posts: 7750
Joined: Thu May 20, 2010 12:19 am

Re: อ่านแล้วน้ำตาไหลครับ ในหลวงในดวงใจชาวไทยทุกคน

Postby noway2know » Thu Jun 17, 2010 11:08 pm

พระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

Image
การดำเนินชีวิตโดยใช้วิชาการอย่างเดียวยังไม่พอ จะต้องอาศัยความรู้รอบตัว
และหลักศีลธรรมประกอบด้วย ผู้ที่มีความรู้ดีแต่ขาดความยั้งคิด นำความรู้ไปใช้ในทางมิชอบ
ก็เท่ากับเป็นบุคคลที่เป็นภัยแก่สังคมของมนุษย์
(ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ 18 กันยายน 2504)

Image
การปิดทองหลังพระนั้น เมื่อถึงคราวจำเป็นก็ต้องปิด
ว่าที่จริงแล้วคนโดยมาก ไม่ค่อยชอบปิดทองหลังพระกันนัก
เพราะนึกว่าไม่มีใครเห็น แต่ถ้าทุกคนพากันปิดทองแต่ข้างหน้า
ไม่มีใครปิดทองหลังพระเลย พระจะเป็นพระที่งามบริบูรณ์ไม่ได้
(ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 25 กรกฎาคม 2506)

ความเจริญของประเทศชาติเป็นความเจริญส่วนรวม ซึ่งเกิดจากผลงาน
หรือผลของการกระทำของคนทั้งชาติ ถือได้ว่าทุกคนแบ่งหน้าที่กันทำประโยชน์ให้แก่ชาติ
ตามความถนัดและความสามารถและเกื้อกูลกันและกัน ไม่มีผู้ใดจะอยู่ได้และทำงาน
ให้แก่ประเทศชาติได้โดยลำพังตนเอง
(ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 10 กรกฎาคม 2513)

Image
การมีเสรีภาพนั้นเป็นของที่ดีอย่างยิ่ง แต่เมื่อจะใช้จำเป็นจะต้องใช้ด้วยความระมัดระวัง
และความรับผิดชอบ มิให้ล่วงละเมิดเสรีภาพของผู้อื่นที่เขามีอยู่เท่าเทียมกัน
ทั้งมิให้กระทบกระเทือนถึงสวัสดิภาพ และความปกติสุขของส่วนรวมด้วย
(พระราชทานแก่ผู้บังคับบัญชาลูกเสือ 9 กรกฎาคม 2514 )


ถ้าทุกคนสนใจในความรักประเทศชาติ รักษาความดีเอาไว้ ไม่ต้องไปตามอย่าง
ในสิ่งที่เราเห็นว่าไม่น่าที่จะเจริญ ไม่น่าจะพัฒนา เราต้องรักษาแนวทางความคิดตามที่เรามีอยู่
แม้จะเป็นสิ่งที่ตกทอดมาแต่โบราณกาลจากปู่ย่าตายายของเรา
แต่เป็นระเบียบการหรือเป็นวิธีการที่ดี จะไม่ล้าสมัย
(ในโอกาสเสด็จไปเยี่ยมวิทยาลัยวิชาการประสานมิตร 13 มีนาคม 2514)

Image

รักในหลวง หวงแผ่นดิน
เกลียดเสื้อแดง จะรัฐบาล ม.แม้ว หรือ ม.มาร์ค ก็น่าผิดหวัง เลวพอๆกัน
ไปม๊อบมา ไปก็บอกว่าไป..ไม่ใช่ประเภท....ตุลาคมก็อยู่นะ(โกหก)
http://www.baanpud.net/forum/index.php....http://www.prachathon.org/forum/
User avatar
noway2know
 
Posts: 7750
Joined: Thu May 20, 2010 12:19 am

Re: อ่านแล้วน้ำตาไหลครับ ในหลวงในดวงใจชาวไทยทุกคน

Postby koong » Fri Jun 18, 2010 3:19 pm

noona wrote:ไม่ได้ credit จำที่มาของภาพไม่ได้ค่ะ :)

Image
Image
Image
Image
Image
Image
Image
Image
Image


+1,000,000 เท่า เห็นด้วยมากๆ
User avatar
koong
 
Posts: 1128
Joined: Tue May 18, 2010 1:20 pm

Re: อ่านแล้วน้ำตาไหลครับ ในหลวงในดวงใจชาวไทยทุกคน

Postby noway2know » Sun Jun 20, 2010 5:20 am

Image

พระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

การทำงานใหญ่ๆทุกอย่างต้องการเวลามากกว่าจะทำสำเร็จ
ผู้ที่เริ่มโครงการอาจไม่ทันทำให้สำเร็จโดยตลอดด้วยตนเองก็ได้
ต้องมีผู้อื่นรับทำต่อไป ดังนั้นไม่ควรยกเอาเรื่องใครเป็นผู้ริเริ่มงาน
ใครเป็นผู้รับช่วงงาน ขึ้นเป็นข้อสำคัญนัก จะต้องถือผลสำเร็จที่จะเกิดจากงานเป็นใหญ่
(ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของมหาวิทยาลัยศิลปากร 14 ตุลาคม 2514)

สามัคคีคือการเป็นแก่บ้านเมืองและช่วยกันทุกวิธีทาง

เพื่อที่จะสร้างบ้านเมืองให้เข้มแข็ง ด้วยการเห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกัน
ทำงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริตแย่งตรงไปตรงมา
นึกถึงประโยชน์ส่วนรวมนั้นคือความมั่นคงของบ้านเมือง
(ในพิธีประดับยศนายตำรวจชั้นนายพล 15 มกราคม 2519)

การที่คนสมัยใหม่บอกว่าคนสมัยเก่ามีความรู้น้อยก็อาจเป็นจริง
แล้วคนสมัยใหม่ดูถูกหรือเหยียดหยามคนสมัยเก่าก็มีสิทธิ์
แต่ถ้าพูดตามความจริงแล้ว สิทธิ์ที่จะเหยียดหยามคนรุ่นเก่าไม่ควรจะมี
ด้วยเหตุว่าคนรุ่นเก่านี้เองทำให้คนรุ่นใหม่เกิดขึ้นมาได้
(พระราชทานแก่คณะบุคคลต่างๆที่เข้าเฝ้าฯ
เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 4 ธันวาคม 2531)

สามัคคีหรือการปรองดองกัน ไม่ได้หมายความว่าคนหนึ่งพูดอย่างหนึ่ง
คนอื่นต้องพูดเหมือนกันหมด ลงท้ายชีวิตก็ไม่มีความหมาย
ต้องมีความแตกต่างกัน แต่ต้องทำงานให้สอดคล้องกัน
แม้จะขัดกันบ้างก็ต้องสอดคล้องกัน
(พระราชทานแก่คณะบุคคลต่างๆ ในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 4 ธันวาคม 2536)

Image

รักในหลวง หวงแผ่นดิน
เกลียดเสื้อแดง จะรัฐบาล ม.แม้ว หรือ ม.มาร์ค ก็น่าผิดหวัง เลวพอๆกัน
ไปม๊อบมา ไปก็บอกว่าไป..ไม่ใช่ประเภท....ตุลาคมก็อยู่นะ(โกหก)
http://www.baanpud.net/forum/index.php....http://www.prachathon.org/forum/
User avatar
noway2know
 
Posts: 7750
Joined: Thu May 20, 2010 12:19 am

Re: อ่านแล้วน้ำตาไหลครับ ในหลวงในดวงใจชาวไทยทุกคน

Postby dahlia » Sun Jun 20, 2010 11:54 pm

เข้ามาอ่านทีไรก็ซาบซึ้งทุกที ดันครับ
ผมเป็นแฟนคลับ แคนไท , ริดกุน , nontee , eAT , Moon , tonythebest , -3- , amplepoor , เด็กปากดี
User avatar
dahlia
 
Posts: 1375
Joined: Mon Oct 12, 2009 2:35 pm

Re: อ่านแล้วน้ำตาไหลครับ ในหลวงในดวงใจชาวไทยทุกคน

Postby bsuthep » Mon Jun 21, 2010 7:20 pm

88477.jpg
[img]
88476.jpg
[img][/img][/img]
88478.jpg
Attachments
88476.jpg
User avatar
bsuthep
 
Posts: 169
Joined: Thu Apr 22, 2010 1:05 pm

Re: อ่านแล้วน้ำตาไหลครับ ในหลวงในดวงใจชาวไทยทุกคน

Postby bsuthep » Mon Jun 21, 2010 7:42 pm

ผมต้องขอโทษด้วยที่เอาภาพเดืมมาลงซ้ำ ผมไม่เข้าใจจริงกับพวกที่ไม่รักในหลวงแต่ไปรักพ่อมันที่อยู่มอนเตเนโกร คือผมอยากจะถามว่า ตั้งแต่พวกมันเกิดมามันรู้จักในหลวงตั้งแต่มันจำความได้ ท่านทำทุกอย่างเพื่อคนไทยมาโดยตลอดท่านยอมเหน็ดเหนื่อยเพื่อคนไทย แต่มันรู้จักพ่อแม้วไม่กี่ปีมันกับรักพ่อแม้วของมัน จัญไรจริงๆพวกนี้
image001.jpg
(18.54 KiB) Not downloaded yet
image002.jpg
User avatar
bsuthep
 
Posts: 169
Joined: Thu Apr 22, 2010 1:05 pm

Re: อ่านแล้วน้ำตาไหลครับ ในหลวงในดวงใจชาวไทยทุกคน

Postby noway2know » Wed Jun 23, 2010 10:53 pm

Image

เบื้องหลังความสำเร็จ


....ในหลวงของทรงแบดมินตันได้ดีมากทีเดียว โดยเฉพาะลูกโด่งสี่สิบห้าองศา ลูกตบของท่านดีมาก รุนแรง ระหว่างที่ไปถวายทรงแบดมินตันแรกๆ พระองค์ท่านจะทรงซักถามรายละเอียดอย่างมากมาย เช่น ทำไมลูกแบคแฮนด์ถึงตีไม่แรงเท่ากับโฟร์แฮนด์ พอแข่งขันเสร็จ ท่านก็พระราชทานเลี้ยงก๋วยเตี๋ยวหาบที่สั่งมาจากถนนหลานหลวง...ท่านก็เสวย ก๋วยเตี๋ยวหาบแบบสามัญชนธรรมดาด้วย ไม่ถือพระองค์เลย...

.....คู่แข่งคนสำคัญของผู้เขียนในยุคบุกเบิกเข้าสู่ระดับโลก ได้แก่นักแบดมินตันจากเดนมาร์กและอินโดนีเซีย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงรู้จักนักแบดมินตันเหล่านี้ดีทุกคน

Image

.....ครั้งหนึ่งพระองค์ท่านรับสั่งถามว่า หนักใจไหมที่เล่นกับเออร์แลนด์ คอปส์ และที่หนักใจนั้น หนักใจในการเล่นแบบไหนของคอปส์ จำได้ว่ากราบบังคมทูลพระองค์ท่านว่า เออร์แลนด์ คอปส์ มีลูกตบที่รุนแรง ที่เสียแต้มให้คอปส์ ส่วนมากเป็นเพราะรับลูกตบที่หนักหน่วงไม่ได้และคอปส์ยังมีพละกำลังมาก อึดและอดทน ยิ่งเล่นก็ยิ่งมีกำลังมาก ยังจดจำใส่เกล้าใส่กระหม่อมตราบเท่าทุกวันนี้

.....พระองค์ท่านรับสั่งว่า"เมื่อคอปส์มีลูกตบที่หนักและรุนแรง สิ่งที่ควรจะทำคือ หลีกเลี่ยงอย่าให้คอปส์ตบลูกได้บ่อย หรือใช้ลูกตบได้ถนัด ควรดึงคอปส์มาเล่นลูกหน้าให้มาก เมื่อเขาพะวงบริเวณหน้าตาข่าย จะทำให้เขาถอยตบลูกไม่ถนัด"

Image

.....และนั่นคือกลยุทธ์ที่ผู้เขียนใช้ปราบมือแชมเปี้ยนโลกชาวเดนมาร์กผู้นี้ ในการป้องกันตำแหน่งแชมเปี้ยนชายเดี่ยวออลมาลายัน ที่เกาะสิงคโปร์เมื่อ พ.ศ. 2502...

ที่มา : บทสัมภาษณ์ในสารคดีโทรทัศน์ "พ่อของแผ่นดิน" และบทความ "บรมครูแห่งแบดมินตัน" โดย ศาสตราจารย์ (พิเศษ) เจริญ วรรธนะสิน หนังสือ "ราชภัฎเฉลิมพระเกียรติ" เนื่องในวโรกาสฉลองสิริราชสมบัติครบ ๕๐ ปี พ.ศ. ๒๕๓๙

Image
Last edited by noway2know on Sat Jun 26, 2010 4:35 am, edited 1 time in total.

รักในหลวง หวงแผ่นดิน
เกลียดเสื้อแดง จะรัฐบาล ม.แม้ว หรือ ม.มาร์ค ก็น่าผิดหวัง เลวพอๆกัน
ไปม๊อบมา ไปก็บอกว่าไป..ไม่ใช่ประเภท....ตุลาคมก็อยู่นะ(โกหก)
http://www.baanpud.net/forum/index.php....http://www.prachathon.org/forum/
User avatar
noway2know
 
Posts: 7750
Joined: Thu May 20, 2010 12:19 am

Re: อ่านแล้วน้ำตาไหลครับ ในหลวงในดวงใจชาวไทยทุกคน

Postby noway2know » Fri Jun 25, 2010 11:35 pm

Image

ความรู้สึกของชาวต่างชาติที่มีแต่ในหลวงของเรา

"ถึงแม้จะไม่รู้ภาษาไทย แต่ก็อยากทราบว่าคนในเรือเขาพูดอะไรกัน เสียงเพราะดี รู้แต่เพียงว่านี่เป็นพิธีสำหรับร่วมเฉลิมฉลองครองราชย์ 60 ปีของกษัตริย์ไทยที่ไม่มีกษัตริย์พระองค์ใดในโลกจะครองราชย์ยาวนานขนาดนี้" หลุย ซ่าราสมัสเซน สาวน้อยวัย 24 ปี จากสหราชอาณาจักรพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นและว่า น่าทึ่งและน่าแปลกใจที่เห็นคนไทยรักในหลวงมากมายเช่นนี้ คงเพราะพระองค์ท่านทรงงานหนักมาตลอด 60 ปี ไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน

"ใช่" กุมาร สิริวาธนา เลขานุการในสมเด็จพระสังฆราชจากประเทศศรีลังกาเล่าว่าเดินทางมาหลายประเทศ ไม่เคยเห็นความรู้สึกใดและที่ใดในโลกที่จะมีพสกนิกรจงรักภักดีพระมหากษัตริย์ขนาดนี้ ทุกแห่งหนตำบลในประเทศไทยมีแต่พระบรมฉายาลักษณ์ มีธงประดับ ทุกคนพูดและพูดถึงแต่พระองค์และร่วมใจสวมเสื้อสีเหลือง

"ผมรู้ดีเสื้อสีเหลืองที่ชาวไทยทุกคนร่วมกันสวมใส่เพื่อร่วมฉลองนั้น สืบเนื่องจากวันพระราชสมภพของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งคือวันจันทร์ และสีประจำวันจันทร์คือสีเหลือง เมื่อทุกคนพร้อมเพรียงกันใส่ ผมซึ่งเป็นคนต่างชาติที่เห็นถึงพระราชกรณียกิจอันมากมายและชื่นชมในพระองค์ก็ใส่ด้วย รู้สึกดีและภูมิใจแทนคนไทยทุกคนจริงๆที่มีพระองค์ทรงเป็นร่มโพธิ์ร่มไทร"

คู่สามีภรรยาในครอบครัวสมิธจากสหรัฐอเมริกา กล่าวในทำนองเดียวกันว่าภูมิใจแทนคนไทยทั้งประเทศที่มีกษัตริย์ที่ทรงอุทิศพระวรกายทำงานเพื่อประชาชนของพระองค์ ทรงทำทุกอย่างจริงๆ ตั้งแต่โครงการที่เกี่ยวกับเกษตรกรรม น้ำ การศึกษา พระองค์ทรงพัฒนาทำให้คนของพระองค์มีการศึกษา ลดช่องว่างระหว่างคนจนกับคนรวย สร้างความสมดุลให้กับประเทศ ที่สำคัญพระองค์ทรงไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเมือง จึงไม่มีอะไรน่าเคลือบแคลงกับสิ่งที่พระองค์ทำต้องยกย่องว่าเป็น "กู๊ดเวิร์ก กู๊ดเพอร์ซัน" จริงๆ

นายเดเนียลและนางลินดา สเตน มาร์ก จากสวีเดน กล่าวว่าแม้เราจะรักพระมหากษัตริย์ของเรา แต่ไม่เหมือนกับที่ประชาชนไทยรักและแสดงออก น่าประทับใจเป็นที่สุดด้วยการที่พระองค์ทรงไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเมืองและสิ่ง ที่พระองค์ทรงกระทำทั้งหมดแสดงให้เห็นว่าไม่มีสิ่งใดที่จะกล่าวอ้างได้ว่าทรงทำเพื่อพระองค์เองแต่ทรงทำเพื่อประโยชน์ของคนไทย เพื่อพัฒนาพสกนิกรของพระองค์ น่าเคารพและศรัทธาจริงๆ

นางเคธี่ ฟรานซ์ สาวแคนาดาวัย 43 ปี กล่าวว่า"อยู่เมืองไทยมาปีครึ่ง รู้สึกได้ถึงความรักของคนไทยและเห็นหลายโครงการส่วนพระองค์ที่เรียกว่าโครงการพระราชดำริ มีแต่โครงการที่ทรงทำเพื่อคนไทยของพระองค์ทั้งนั้น พระองค์ทรงขยันและทำงานหนัก ทำให้รู้ว่าทำไมคนไทยรักพระองค์ เมืองไทยน่าอยู่จริงๆ...ไอ เลิฟ เดอะ คิง ทู"

Image

รักในหลวง หวงแผ่นดิน
เกลียดเสื้อแดง จะรัฐบาล ม.แม้ว หรือ ม.มาร์ค ก็น่าผิดหวัง เลวพอๆกัน
ไปม๊อบมา ไปก็บอกว่าไป..ไม่ใช่ประเภท....ตุลาคมก็อยู่นะ(โกหก)
http://www.baanpud.net/forum/index.php....http://www.prachathon.org/forum/
User avatar
noway2know
 
Posts: 7750
Joined: Thu May 20, 2010 12:19 am

Re: อ่านแล้วน้ำตาไหลครับ ในหลวงในดวงใจชาวไทยทุกคน

Postby noway2know » Sat Jun 26, 2010 12:17 am

Image

Image

Image

Image

Image

Image

Image

Image

Image

Image

Image

รักในหลวง หวงแผ่นดิน
เกลียดเสื้อแดง จะรัฐบาล ม.แม้ว หรือ ม.มาร์ค ก็น่าผิดหวัง เลวพอๆกัน
ไปม๊อบมา ไปก็บอกว่าไป..ไม่ใช่ประเภท....ตุลาคมก็อยู่นะ(โกหก)
http://www.baanpud.net/forum/index.php....http://www.prachathon.org/forum/
User avatar
noway2know
 
Posts: 7750
Joined: Thu May 20, 2010 12:19 am

Re: อ่านแล้วน้ำตาไหลครับ ในหลวงในดวงใจชาวไทยทุกคน

Postby xunji1 » Sat Jun 26, 2010 12:30 am

อยากให้บางคนในนี้เข้ามาดูบ่อยๆจัง ไอที่โพสๆ ชื่อ C ขึ้นเนี่ย :lol:
User avatar
xunji1
 
Posts: 60
Joined: Fri Jun 25, 2010 11:26 pm

Re: อ่านแล้วน้ำตาไหลครับ ในหลวงในดวงใจชาวไทยทุกคน

Postby noway2know » Sat Jun 26, 2010 4:33 am



เรื่องของในหลวงที่เรา(อาจ)ไม่เคยรู้
1.ทรงพระราชสมภพเวลา 08.45 น.
Image

2.นายแพทย์ผู้ทำคลอดชื่อ ดับลิว สจ๊วต วิตมอร์
ทรงมีน้ำหนักแรกประสูติ 6 ปอนด์

Image

3.พระนาม 'ภูมิพล' ได้รับพระราชทานจาก
พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7

Image

4.พระยศเมื่อแรกประสูติคือ
พระวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าภูมิพลอดุลยเดช

Image

5.ทรงมีชื่อเล่นว่า เล็ก หรือ พระองค์เล็ก
Image

6.ทรงเคยเป็นศิษย์เก่าโรงเรียนมาแตร์เดอี
เพราะช่วงพระชนมายุ 5 พรรษา
ทรงเคยเข้าเรียนที่โรงเรียนแห่งนี้ 1 ปี มีพระนามในใบลงทะเบียนว่า
'H.H Bhummibol Mahidol'หมาย เลขประจำตัว 449

Image

7.ทรงเรียกสมเด็จพระราชชนนีหรือสมเด็จย่า อย่างธรรมดาว่า 'แม่'
Image

8.สมัยทรงพระเยาว์ ทรงได้ค่าขนม อาทิตย์ละครั้ง
Image

9.แม้จะได้เงินค่าขนมทุกอาทิตย์
แต่ยังทรงรับจ้างเก็บผักผลไม้ไปขาย
เมื่อได้เงินมาก็นำไปซื้อเมล็ดผักมาปลูกเพิ่ม

Image

10.สมัยทรงพระเยาว์ทรงเลี้ยงสัตว์หลายชนิดทั้ง
สุนัข กระต่าย ไก่ นกขุนทอง ลิง แม้แต่งูก็เคยเลี้ยง
ครั้งหนึ่งงูตายไปก็มีพิธีฝังศพอย่างใหญ่โต

11.สุนัขตัวแรกที่ทรงเลี้ยง สมัยทรงพระเยาว์
เป็นสุนัขไทย ทรงตั้งชื่อให้ว่า'บ๊อบบี้'

Image

12.ทรงฉลองพระเนตร(แว่นสายตา)ตั้งแต่พระชันษายังไม่เต็ม 10 ขวบ
เพราะครูประจำชั้นสังเกตเห็นว่าเวลาจะทรงจดอะไรจากกระดานดำพระองค์ต้องลุกขึ้นบ่อยๆ
Image

13.สมัยพระเยาว์ทรงซนบ้าง หากสมเด็จย่าจะลงโทษ
จะเจรจากันก่อนว่า โทษนี้ควรตีกี่ที ในหลวงจะทรงต่อรองว่า
3 ที มากเกินไป 2 ทีพอแล้ว
Image

14.ระหว่างประทับอยู่ที่สวิตเซอร์แลนด์นั้น
ระหว่างพี่น้องจะทรงใช้ภาษาฝรั่งเศส
แต่จะใช้ภาษาไทยกับสมเด็จย่าเสมอ

Image

15.ทรงได้รับการอบรมให้รู้จัก 'การให้' โดยสมเด็จย่าจะทรงตั้งกระป๋องออมสิน
เรียกว่า 'กระป๋องคนจน' เอาไว้ หากทรงนำเงินไปทำกิจกรรมแล้วมีกำไร
จะต้องถูก 'เก็บภาษี' หยอดใส่กระปุกนี้ 10% ทุกสิ้นเดือนสมเด็จย่า
จะเรียกประชุมเพื่อถามว่าจะเอาเงินในกระป๋องนี้ไป ทำอะไร
เช่น มอบให้โรงเรียนตาบอด มอบให้เด็กกำพร้า หรือทำกิจกรรมเพื่อคนยากจน
Image
Image

16.ครั้งหนึ่งในหลวงกราบทูลสมเด็จย่าว่าอยากได้รถจักรยาน
เพราะเพื่อนคนอื่นๆ เขามีจักรยานกัน สมเด็จย่าก็ตอบว่า
'ลูกอยากได้จักรยาน ลูกก็ต้องเก็บค่าขนมไว้สิ
หยอดกระป๋องวันละเหรียญ ได้มาก ค่อยเอาไปซื้อจักรยาน'

Image

รักในหลวง หวงแผ่นดิน
เกลียดเสื้อแดง จะรัฐบาล ม.แม้ว หรือ ม.มาร์ค ก็น่าผิดหวัง เลวพอๆกัน
ไปม๊อบมา ไปก็บอกว่าไป..ไม่ใช่ประเภท....ตุลาคมก็อยู่นะ(โกหก)
http://www.baanpud.net/forum/index.php....http://www.prachathon.org/forum/
User avatar
noway2know
 
Posts: 7750
Joined: Thu May 20, 2010 12:19 am

Re: อ่านแล้วน้ำตาไหลครับ ในหลวงในดวงใจชาวไทยทุกคน

Postby noway2know » Sat Jun 26, 2010 7:27 pm

Image

ในหลวงกับการรักษาพันธุ์ข้าวพื้นเมืองของไทย....ข้าวสังข์หยดและข้่าวพันธุ์อื่นๆ
เหรียญสดุดีพระเกียรติคุณ "พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช" นี้ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี จัดทำขึ้นทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ด้วยความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงอุทิศพระวรกายในการส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนาพันธุ์ข้าวและการผลิตข้าวไทย อันเป็นประโยชน์แก่พสกนิกรมาโดยตลอด เพื่อเฉลิมพระเกียรติเนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550

รวมทั้งภายในของเหรียญฯ บรรจุไว้ด้วยเมล็ดพันธุ์ข้าวต่างๆที่สื่อถึงพันธุ์ข้าวที่ใช้ในพระราชพิธีพืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ ปี 2550 ได้แก่ พันธุ์ปทุมธานี 1, สุพรรณบุรี 1 , พันธุ์ขาวดอกมะลิ 105, กข 6, พัทลุง, ข้าวเจ้าพิษณุโลก 1 และข้าวพันธุ์พื้นเมือง คือ พันธุ์สังข์หยด กับพันธุ์ที่พัฒนาใหม่ คือ พันธุ์ขาวดอกมะลิ 105 ทนน้ำท่วมฉับพลัน และไรซ์เบอรี่

Image

โครงการพัฒนาลุ่มน้ำปากพนังอันเนื่องมาจากพระราชดำริ
โครงการพัฒนาลุ่มน้ำปากพนังอันเนื่องมาจากพระราชดำริเป็นการฟื้นฟูแก้ไขแหล่งเกษตรของทางภาคใต้ให้ยังยืนมีรายได้เพิ่มขึ้นในจังหวัดพัทลุง ส่งผลให้มีรายได้ของคนในพื้นที่เฉลี่ยเพิ่มขึ้น 40,000 บาทต่อปี

ลุ่มน้ำปากพนังเคยเป็นแหล่งปลูกข้าวสำคัญของภาคใต้ ครอบคลุมพื้นที่ 3 จังหวัด 13 อำเภอ ตั้งแต่ตอนใต้ของจังหวัดนครศรีธรรมราช จรดตอนเหนือของจังหวัดพัทลุงและสงขลา มีพื้นที่ 1 ล้าน 9 แสนไร่ ปลูกข้าวกว่า 5 แสนไร่ และมีประชากรอาศัยอยู่ในเขตลุ่มน้ำกว่า 6 แสนคน ซึ่งเป็นศูนย์กลางการผลิตข้าว ศูนย์กลางความเจริญรุ่งเรือง จนได้ชื่อว่า “เมืองแห่งอู่ข้าว อู่น้ำ” โดยมีแม่น้ำปากพนัง เป็นสายเลือดหล่อเลี้ยงชุมชนมาแต่โบราณ

แต่เมื่อความเจริญเข้ามาประชากรเพิ่มมากขึ้น ทำให้ต้องใช้ทรัพยากรมากจนเสียสมดุล ทำให้เกิดปัญหาน้ำท่วมในหน้าฝน น้ำจืดไม่พอใช้ในหน้าแล้ง ปัญหาดินเปรี้ยว ปัญหาการรุกล้ำของน้ำเค็ม มีปัญหาการจัดสรรน้ำกันระหว่างผู้ทำนากุ้งกับนาข้าว ผู้คนต่างเดือดร้อนกันไปทั่ว

Image

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงทราบความเดือดร้อนของพสกนิกร
จึงมีพระราชดำริให้หน่วยงานราชการต่างๆ ร่วมกันแก้ไขปัญหาและพัฒนาให้ลุ่มน้ำปากพนัง ฟื้นกลับมาอุดมสมบูรณ์ เป็นแหล่งผลิตทางการเกษตรที่สำคัญของภาคใต้ พัฒนาอาชีพของเกษตรกรให้มียั่งยืน มีรายได้เพิ่มขึ้น มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นและส่งเสริมการรวมกลุ่มของชุมชน

โครงการพัฒนาลุ่มน้ำปากพนังอันเนื่องมาจากพระราชดำริในพื้นที่จังหวัดพัทลุง
เริ่มดำเนินการตั้งแต่ปี 2537 – ปัจจุบัน เป็นเวลา 16 ปี ในพื้นที่ 2 อำเภอ คือ อำเภอควนขนุนและอำเภอป่าพะยอม แบ่งเป็น 2 ระยะ คือ ระยะแรก ปี 2537 – 2543 ดำเนินการในพื้นที่อำเภอควนขนุน 3 ตำบล คือ ตำบลพนางตุง ทะเลน้อย และแหลมโตนด ระยะที่ 2 ปี 2543 – ปัจจุบัน ดำเนินการในพื้นที่ 2 อำเภอ คือ อำเภอป่าพะยอม ตำบลลานข่อย อำเภอควนขนุน ตำบลแหลมโตนด รวม 2 ตำบล 18 หมู่บ้าน พื้นที่ทำการเกษตร 60,789 ไร่ เกษตรกร 2,570 ครัวเรือน

Image
Image

ตั้งแต่เริ่มโครงการ ปี 2537 – ปัจจุบัน กรมส่งเสริมการเกษตรกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สนับสนุนงบประมาณผ่านกิจกรรมต่าง ๆ ทั้งที่เป็นกิจกรรมปรับโครงสร้างการผลิต พัฒนาการผลิต ปรับปรุงบำรุงดิน แปรรูปผลผลิต กิจกรรมส่งเสริมการรวมกลุ่ม จำนวน 13 กิจกรรม พื้นที่ทำการเกษตรของเกษตรกรได้รับการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต 19,265 ไร่ แยกเป็น นาข้าว 13,240 ไร่ ไร่นาสวนผสม 2,337 ไร่ พืชผัก – พืชไร่ 678 ไร่ ไม้ผล 775 ไร่ และปาล์มน้ำมัน 235 ไร่

กลุ่มแม่บ้านเกษตรกรได้รับการพัฒนาการแปรรูป ระดับพื้นฐาน 10 กลุ่ม สมาชิก 245 ราย แปรรูปเชิงธุรกิจ 2 กลุ่ม สมาชิก 56 ราย เกษตรกรได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้ ทัศนศึกษาดูงาน และมีการจัดทำฐานข้อมูลครัวเรือนเกษตรกรในเขตลุ่มน้ำปากพนัง 2,570 ครัวเรือน นอกจากนั้น จังหวัดได้สนับสนุนงบประมาณพัฒนาจังหวัด จำนน 22 ล้านบาทเศษ ผ่านโครงการ 7 โครงการ อบต.แหลมโตนด สนับสนุนงบประมาณให้กลุ่มแม่บ้านเกษตรกร 2 แสนบาท และกรมชลประทาน จัดทำโครงการชลประทานระบบท่องบประมาณ 120 ล้านบาท

จากการบูรณาการทำงานร่วมกันทุกภาคส่วนทำให้เกษตรกรมีรายได้เฉลี่ยเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวจากคนละ 20,000 บาท ต่อปี เป็น 40,000 บาทต่อปี นอกจากรายได้ต่อหัวสูงขึ้นแล้ว เกษตรกรมีรายได้ตลอดทั้งปี มีรายได้รายวัน รายเดือน รายปี สามารถมีชีวิตและประกอบอาชีพตามแนวทางปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง นำความสุขความมั่นคงมาสู่ครอบครัว ชุมชน และสังคม

คุณลุงจำนง อรุณรัตน์

Image

คุณลุงจำนง อรุณรัตน์ อายุ 68 ปี ที่อยู่ 103 ม.7 ต.แหลมโตนด อ.ควนขนุน จ.พัทลุง
เป็นครอบครัวหนึ่งที่ได้เข้าร่วมโครงการพัฒนาพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนังอันเนื่องมาจากพระราชดำริ มีกิจกรรมทางการเกษตร 3 กิจกรรม คือ ทำนาข้าว 70 ไร่ ผลิตปีละ 2 ครั้ง ใช้ข้าวพันธุ์พื้นเมืองที่ได้รับการส่งเสริมจากศูนย์วิจัยข้าว เช่นข้าวสังข์หยด ข้าวชัยนาท 1ปทุมธานี 1 และพิษณุโลก 2 นาปีที่ผ่านมาได้ผลผลิตเฉลี่ย 650 กิโลกรัมต่อไร่ ต้นทุนการผลิต 4,700 บาท/ไร่ มีกำไร 12,250 บาท นาปรังได้ผลผลิตเฉลี่ย 700 กิโลกรัม/ไร่ ต้นทุนการผลิต 4,850 บาท/ไร่ มีกำไร 52,500 บาท

มีทั้งการทำนาปีและกิจกรรมไร่นาสวนผสมจำนวน 17 ไร่ ปลูกไม้ผลไม้ยืนต้น เช่น ทุเรียน มังคุด ลองกอง มะพร้าว มีกำไรปีละ 124,000 บาท ส่วนกิจกรรมผลิตปุ๋ยอินทรีย์ เพื่อลดต้นทุนการผลิต สามารถ ลดต้นทุนได้ไร่ละ 500-1,000 บาท

ปัจจุบันคุณลุงจำนง อรุณรัตน์
เป็นผู้นำชาวบ้านในการรวมกลุ่มกันอนุรักษ์ข้าวสังข์หยดเพื่อไม่ใหู้สูญพันธุ์
และด้วยการสนับสนุนพันธุ์ข้าวจากศูนย์วิจัยข้าว ทำให้สมาชิกของกลุ่มในการปลูกข้าวสังข์หยดมีจำนวนเพิ่มขึ้นทุกๆปี

คุณลุงจำนง อรุณรัตน์ ได้ทำงานเพื่อส่วนรวมและเป็นแกนนำในการพัฒนาการเกษตร เช่น เป็นประธานสหกรณ์การเกษตรทำนาแหลมโตนด ประธานวิสาหกิจชุมชนผลิตปุ๋ยอินทรีย์ตามวิถีพอเพียงแหลมโตนด เป็นปราชญ์ชาวบ้าน ผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวใช้เองและจำหน่าย รณรงค์ให้เกษตรกรลดต้นทุนการผลิตโดยการใช้ปุ๋ยอินทรีย์ ตลอดถึงการอนุรักษ์พันธุ์ข้าวพื้นเมืองพัทลุง

ข้าวสังข์หยด
Image

ข้าวพันธุ์สังข์หยดมีคุณสมบัติพิเศษในลักษณะของสีข้าวกล้องที่มีสีแดง รูปร่างเมล็ดเรียวความยาวเมล็ดข้าวกล้อง 6.70 มิลลิเมตร ข้าวซ้อมมือมีสีแดงปนสีขาว ข้าวจากรวงเดียวกันเมื่อขัดสีแล้วบางเมล็ดมีสีขาวใสแต่ส่วนใหญ่มีลักษณะขาว ขุ่น คุณสมบัติการหุงต้มดี ลักษณะข้าวหุงสุกนุ่ม มีความคงตัวของแป้งสุกอ่อน (94 มิลลิเมตร) ปริมาณอมิโลสต่ำ (15.28+-2.08%)
ลักษณะทรงต้น
สูง 140 เซนติเมตร ทรงกอตั้ง เป็นข้าวไวต่อช่วงแสง ออกดอกประมาณช่วงต้นเดือนมกราคม
เมื่อปลูกตามฤดูนาปีภาคใต้ ซึ่งจะปักดำกลางเดือนกันยายน

ข้าวสังข์หยดมีลักษณะแตกต่างจากข้าวพันธุ์อื่น
คือข้าวสารหรือข้าวกล้องที่มีเหยื้อหุ้มเมล็ดสีขาวปนสีแดงจางๆจนถึงสีแดงเข้ม
ในเมล็ดเดียวกันเมื่อข้าวหุงสุกมีความนุ่มมากและยังคงนุ่มอยู่เมื่อเย็นตัวลง
ข้าวสังข์หยดนอกจากมีความนุ่มอร่อยแล้วยังให้คุณค่าทางอาหารสูงกว่าข้าวอื่นๆ
เนื่องจากข้าวสังข์หยดกล้อง มีโปรตีนสูง วิตามินสูง โดยเฉพาะไนอะซีนซึ่งมีมากเมื่อเทียบกับในข้าวสายพันธุ์อื่นๆ

คุณค่าทางอาหารของข้าวสังข์หยดต่อน้ำหนัก 100 กรัม

พลังงาน 375 กิโลแครอรี่
โปรตีน 8.7 กรัม
คาร์โบไฮเดรท 73.3 กรัม
เส้นใย 2.4 กรัม
แคลเซี่ยม 13 มิลลิกรัม
ฟอสฟอรัส 317 มิลลิกรัม
ธาตุเหล็ก 1.4 มิลลิกรัม
วิตามินบี 1 0.60 มิลลิกรัม
วิตามิล บี 2 0.01 มิลลิกรัม
ไนอะซีน 7.2 มิลลิกรัม
(ข้อมูลจากสถาบันวิจัยโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล พศ. 2548)

Image

ในส่วนของจังหวัดพัทลุง ผลิตภัณฑ์ของกลุ่มแม่บ้านจังหวัดพัทลุง
จัดจำหน่วย

-ข้าวกล้องสังข์หยด
-ข้าวซ้อมมือสังข์หยด
-รำข้าวและจมูกข้าวสังข์หยด มีสรรพคุณ แก้โรคเหน็บชา โลหิตจาง
วิธีรับประทาน ละลายในน้ำร้อน หรือผสมในเครื่องดื่ม เช่น โอวัลติน กาแฟ

สนับสนุนผลิตภัณฑ์ของกลุ่มแม่บ้านจังหวัดพัทลุง สนับสนุนข้าวสังข์หยด
ที่เปี่ยมด้วยคุณค่าทางโภชนาการและมีประโยชน์ต่อสุขภาพมาก
สามารถติดต่อสั่งซื้อได้ที่ โทร. 080- 994 0912


Image

การหุงข้าวกล้อง
ข้าวกล้องเมื่อหุงแล้วข้าวจะแข็งกว่าข้าวขาว มีทั้งสูตรแช่น้ำและไม่แช่น้ำ
หุงแบบไหนก็ได้ตามสะดวก ถ้าแช่น้ำไว้ก่อน 30 นาที ก็ใส่น้ำน้อยหน่อย
เคล็ดลับอีกอย่างหนึ่งคือ บีบมะนาวลงไปสักเสี้ยวหนึ่งจะช่วยให้ข้าวนุ่มขึ้น

อัตราส่วนที่ใช้

ข้าวกล้องแช่น้ำ 1 ส่วน : น้ำ 1.5 ส่วน
ข้าวกล้องไม่แช่น้ำ 1 ส่วน : น้ำ 1.75 ส่วน

ปัจจุบันข้าวสังข์หยดเป็นข้าวเศรษฐกิจของจังหวัดพัทลุง เป็นที่ต้องการของตลาดทั้งภายในประเทศและนอกประเทศ หาซื้อได้ที่ร้านโครงการหลวง ห้างสรรพสินค้าทั่วไป

Image

ขอบคุณภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต
ดูรายละเอียดทั้งหมด
ของโครงการพัฒนาพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนังอันเนื่องมาจากพระราชดำริ

http://www.rid.go.th/royalproject/index.php?option=com_content&view=article&catid=66%3A2009-05-04-07-29-58&id=34%3A2009-05-13-17-51-44&Itemid=9

รักในหลวง หวงแผ่นดิน
เกลียดเสื้อแดง จะรัฐบาล ม.แม้ว หรือ ม.มาร์ค ก็น่าผิดหวัง เลวพอๆกัน
ไปม๊อบมา ไปก็บอกว่าไป..ไม่ใช่ประเภท....ตุลาคมก็อยู่นะ(โกหก)
http://www.baanpud.net/forum/index.php....http://www.prachathon.org/forum/
User avatar
noway2know
 
Posts: 7750
Joined: Thu May 20, 2010 12:19 am

Re: อ่านแล้วน้ำตาไหลครับ ในหลวงในดวงใจชาวไทยทุกคน

Postby noway2know » Sun Jun 27, 2010 10:44 am

Image

“ความสุขความสวัสดีของข้าพเจ้าจะเกิดขึ้นได้
ก็ด้วยบ้านเมืองของเรามีความเจริญมั่นคง เป็นปกติสุข”

พระราชดำรัสในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ
พระราชทานเมื่อวันที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๕๒


ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในหลวงไม่เคยละทิ้งประชาชนของพระองค์
ไม่เคยละทิ้งประเทศไทย

่คืนความสุขให้กลับในหลวง ไม่สร้างความวุ่นวายในชาติ
ทำหน้าที่พลเมืองดีของประเทศ เป็นสิ่งที่พวกเราทำได้
แม้จะน้อยนิด
เมื่อเทียบกับสิ่งที่พระองค์ได้ทรงทำมาเพื่อพวกเราชาวไทย
ตลอดชีวิตของพระองค์ท่าน

รักในหลวง หวงแผ่นดิน
เกลียดเสื้อแดง จะรัฐบาล ม.แม้ว หรือ ม.มาร์ค ก็น่าผิดหวัง เลวพอๆกัน
ไปม๊อบมา ไปก็บอกว่าไป..ไม่ใช่ประเภท....ตุลาคมก็อยู่นะ(โกหก)
http://www.baanpud.net/forum/index.php....http://www.prachathon.org/forum/
User avatar
noway2know
 
Posts: 7750
Joined: Thu May 20, 2010 12:19 am

Re: อ่านแล้วน้ำตาไหลครับ ในหลวงในดวงใจชาวไทยทุกคน

Postby กรกช » Sun Jun 27, 2010 12:22 pm

โครงการพระราชดำริกว่า 3000 โครงการ

ถ้าสมมุติว่า 1 โครงการ พระองค์ใช้เวลาศึกษาค้นคว้า 1 สัปดาห์

1 สัปดาห์ มี 7 วัน
7 X 3000 = 21000 วัน
1 ปี มี 365 วัน
เอา 365 มาหารกับ 21000

เท่ากับพระองค์ทรงงานเพื่อคนไทยร่วม 60 ปี โดยไม่มีวันหยุด

ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน
User avatar
กรกช
 
Posts: 1170
Joined: Wed Mar 11, 2009 8:15 pm

Re: อ่านแล้วน้ำตาไหลครับ ในหลวงในดวงใจชาวไทยทุกคน

Postby noway2know » Mon Jun 28, 2010 6:12 am

Image

ทฤษฎีการป้องกันการเสื่อมโทรมและพังทลายของดินโดยหญ้าแฝก
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงตระหนักถึงสภาพปัญหาการชะล้างพังทลายของดินและการสูญเสียหน้าดินที่อุดมสมบูรณ์จึงทรงศึกษาถึงศักยภาพของ“หญ้าแฝก”ซึ่งเป็นพืชพื้นบ้านของไทยที่มี คุณสมบัติพิเศษในการช่วยป้องกัน การชะล้างพังทลายของหน้าดินและอนุรักษ์ความชุ่มชื้นใต้ดิน ซึ่งมีวิธีการปลูกแบบง่ายๆ เกษตรกรสามารถดำเนินการได้เองโดยไม่ต้องให้การดูแลหลังการปลูกมากนัก ทั้งประหยัดค่าใช้จ่ายกว่าวิธีอื่นๆอีกด้วยจึงได้พระราชทานพระราชดำริให้ดำเนินการศึกษาทดลองเกี่ยวกับหญ้าแฝก

Image

การใช้ประโยชน์จากหญ้าแฝกเพื่อการอนุรักษ์ดินและน้ำ
1.การปลูกเป็นแถวตามระดับขวางความลาดชัน เพื่อชะลอความเร็วของน้ำและดักตะกอนดิน ส่วนน้ำจะไหลซึมลงไปสู่ดินชั้นล่างได้มากขึ้น เป็นการเพิ่ม ความชุ่มชื้นในดิน ส่วนรากหญ้าแฝกจะหยั่งลึกลงไปในดินอาจถึง 3 เมตร ซึ่งสามารถยึดดินป้องกันการพังทลายได้

2.การปลูกเพื่อแก้ปัญหาการพังทลายของดินเป็นร่องน้ำลึก

3.การปลูกในพื้นที่ที่มีความลาดชัน โดยเฉพาะภาคเหนือและภาคใต้ ให้ปลูกหญ้าแฝกเป็นแนวรั้วบริเวณคันคูขอบเขาหรือริมขั้นบันไดดินด้านนอก โดยควรปลูกเป็นแถวตามแนวขวางความลาดเทในต้นฤดูฝน

4.การปลูกเพื่อการอนุรักษ์ความชุ่มชื้นในดิน โดยปลูกแถวหญ้าแฝกขนานไปกับแถวของไม้ผล ปลูกแบบวงกลมรอบไม้ผลและปลูกแบบครึ่งวงกลมหงายรับน้ำฝน

5.การปลูกเพื่อป้องกันการเสียหายของขั้นบันไดดินหรือคันคูรับน้ำรอบเขา

6.การปลูกเพื่อป้องกันตะกอนดินทับถมลงสู่คลองส่งน้ำ ระบายน้ำ อ่างเก็บน้ำในไร่นาตลอดจนปลูกรอบสระ หรือปลูกเป็นแถวขนานไปกับแม่น้ำ ลำคลองเพื่อกรองตะกอนดิน

7.การปลูกเพื่อฟื้นฟูที่ดินเสื่อมโทรม

8.การปลูกเพื่อป้องกันการพังทลายของไหล่ถนนที่ลาดชันสูง โดยปลูกหญ้าแฝกเพื่อยึดดินและเบี่ยงเบนทางน้ำไหลบริเวณไหล่ทางและปลูกขวางแนวลาดเทเพื่อป้องกันการพังทลายและเลื่อนไหลของดิน

9.การปลูกในพื้นที่ดินดาน รากหญ้าแฝกสามารถหยั่งลึกลงไปในดินดาน ทำให้ดินแตกร่วนขึ้นและหน้าดินจะมีความชื้นเพิ่มขึ้น

10.การปลูกเพื่อป้องกันการปนเปื้อนของสารพิษในแหล่งน้ำ รากหญ้าแฝกจะเป็นกำแพงกักกั้นดินและสารพิษที่ปะปนมากับน้ำไม่ให้ไหลลงสู่แหล่งน้ำเบื้องล่างและรากยังมีประสิทธิภาพในการดูดซับธาตุโลหะหนักและสาร เคมีบางอย่างได้ดีกว่าพืชชนิดอื่น

เอธิโอเปียศึกษาดูงานหญ้าแฝกในประเทศไทย
ในโครงการพระราชดำริ

Image

ประโยชน์เอนกประสงค์อื่นๆของหญ้าแฝก
- ปลูกหญ้าแฝกบนคันนา เพื่อให้คันนาคงสภาพอยู่ได้นาน

- ปลูกหญ้าแฝกเพื่อใช้ ประโยชน์มุงหลังคา ตับหลังคาที่ทำจากหญ้าแฝกสามารถผลิตจำหน่ายได้ ส่วนรากที่มีความหอมนั้นคนไทยรุ่นเก่าเคยนำมาแขวนในตู้เสื้อผ้า ทำให้มีกลิ่นหอมและช่วยไล่แมลงที่จะทำลายเสื้อผ้าได้

- หญ้าแฝกมีสรรพคุณช่วยขับลมในลำไส้ แก้อาการท้องอืดเฟ้อและแก้ไข้ได้ ส่วนรากสามารถนำมาสกัดทำน้ำมันที่มีประโยชน์และคุณค่าทางการค้าได้ อาทิเช่น ฝรั่งเศสผลิตน้ำหอมจากรากหญ้าแฝก ชื่อ “Vetiver”

Image
เทคโนประดิษฐ์-ไม้เทียมจากหญ้าแฝก สร้างบ้านปลวกไม่กวน
นักวิจัยลาดกระบังร่วมกับกรมป่าไม้แปรรูปหญ้าแฝกเป็นไม้เทียม ใช้ในงานก่อสร้างแทนไม้ธรรมชาติ เผยจุดเด่นรสชาติไม่ถูกใจปลวก เหมาะใช้สร้างที่พักอาศัยและเฟอร์นิเจอร์

Image
รศ.ดร.อิทธิพล แจ้งชัด ภาควิชาเคมีคณะวิทยาศาสตร์
สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) กล่าวว่าจากความร่วมมือกับ นายวรธรรม อุ่นจิตติชัย นักวิชาการกรมป่าไม้ ในการวิจัยสร้างไม้เทียม หรือไม้คอมโพสิต และทดสอบพบสามารถกันปลวกได้ดีกว่าไม้ยางพารา ซึ่งปกติจะเสียหายจากปลวก 20 เปอร์เซ็นต์ มีความยืดหยุ่นสูงทนต่อแรงกระแทก ดูดซับน้ำน้อยกว่าไม้ทั่วไป

นักวิจัยนำใบหญ้าแฝกมาบดเป็นผงและกรอเป็นเส้นใยจากนั้นค้นคว้าสูตรผสมกับพลาสติก เพื่อให้เป็นไม้เทียม ที่สามารถนำไปจริงในงานก่อสร้างอาคารที่อยู่อาศัยและเฟอร์นิเจอร์

ขั้นตอนการวิจัยได้นำหญ้าแฝกมาแบ่งเป็นสองส่วนเพื่อบดเป็นผงและใช้เครื่องจักรที่มีความร้อนและความดันสูงตีหญ้าแฝกออกเป็นเส้นใย ก่อนนำไปผสมกับพลาสติก 3 ชนิด ได้แก่ พีวีซี โพลีเอทธิลีน และโพลีโพรพิลีน จากนั้นใช้เทคนิคการขึ้นรูปพลาสติก เช่น การอัดรีด มาช่วยขึ้นรูปเป็นไม้เทียมรูปแบบต่างๆ

จากการทดสอบคุณสมบัติพื้นฐาน เช่น การโค้งงอ การดูดซับน้ำ การทนต่อสภาพแสงแดด อากาศและการทนปลวก พบว่า ปลวกกินเพียง 1.2 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับไม้ยางพารา อีกทั้งเปอร์เซ็นต์การดูดซึมน้ำน้อยกว่าไม้ทั่วไป และส่วนผสมที่ใช้พลาสติกพีวีซีเหมาแก่การใช้งานภายในอาคารมากกว่าพลาสติก 2 ชนิดหลัง ซึ่งเหมาะแก่การนำไปใช้ภายนอกอาคาร เนื่องจากทนแดดทนฝนได้ดีกว่า รศ.ดร.อิทธิพลกล่าว

ไม้เทียมที่พัฒนาขึ้นจะช่วยบรรเทาปัญหาโลกร้อนเนื่องจากเป็นการนำเศษไม้เหลือใช้มาเป็นส่วนผสม ลดการตัดต้นไม้มาแปรรูปเป็นเฟอร์นิเจอร์โดยตรง ทั้งยังเป็นการนำพลาสติกเหลือใช้ หรือใช้แล้วมาหลอมขึ้นใหม่ นอกจากนี้ นักวิจัยยังสนใจนำกาบมะพร้าว ชานอ้อย มาทดลองผสมพลาสติกขึ้นรูปเป็นไม้เทียมอีกด้วย

ขณะนี้ไม้เทียมจากหญ้าแฝกวิจัยเสร็จแล้วโดยบริษัทเบสโพลิเมอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด สนับสนุนด้านเครื่องมืออุปกรณ์ พร้อมกับทดลองขึ้นรูปเป็นเฟอร์นิเจอร์ เช่น โต๊ะรับแขก ม้านั่งกลางแจ้ง และบ้านสุนัข เป็นตัวอย่างใช้งานภายใน สจล.

Image

จะขอรับพันธุ์หญ้าแฝกได้ที่ไหน

จากประโยชน์ของหญ้าแฝกดังกล่าวข้างต้น เกษตรกร ประชาชนหรือภาครัฐและภาคเอกชน มีความประสงค์จะขอรับพันธุ์หญ้าแฝกเพื่อปลูกในพื้นที่อนุรักษ์ดินและน้ำและปรับปรุงสภาพแวดล้อมสามารถติดต่อรับพันธุ์หญ้าแฝกได้ที่

-สำนักงานพัฒนาที่ดินเขตหรือสถานีพัฒนาที่ดิน จังหวัดต่างๆ ทุกจังหวัดทั่วประเทศ
-ศูนย์ศึกษาการพัฒนาอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ที่มีอยู่ทุกภูมิภาคทั่วประเทศ

ผลิตภัณฑ์สวยๆ ฝีมือชาวบ้านจากหญ้าแฝก

Image

รักในหลวง หวงแผ่นดิน
เกลียดเสื้อแดง จะรัฐบาล ม.แม้ว หรือ ม.มาร์ค ก็น่าผิดหวัง เลวพอๆกัน
ไปม๊อบมา ไปก็บอกว่าไป..ไม่ใช่ประเภท....ตุลาคมก็อยู่นะ(โกหก)
http://www.baanpud.net/forum/index.php....http://www.prachathon.org/forum/
User avatar
noway2know
 
Posts: 7750
Joined: Thu May 20, 2010 12:19 am

Re: อ่านแล้วน้ำตาไหลครับ ในหลวงในดวงใจชาวไทยทุกคน

Postby noway2know » Wed Jun 30, 2010 5:55 am

Image

ศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยฮ่องไคร้
อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่....อันเนื่องมาจากพระราชดำริ


สภาพเดิมของห้วยฮ่องไคร้...
ก่อนมาเป็นโครงการเนื่องมาจากพระราชดำริ

Image
ทั่วไปของพื้นที่ลุ่มน้ำห้วยฮ่องไคร้ฯ
มีลักษณะเสื่อมโทรมมาก สภาพดินเป็นดินหินกรวด
มีหน้าดินตื้นไม่เหมาะสมต่อการใช้ประโยชน์ต่อการเกษตรกรรม
สภาพแวดล้อมโดยทั่วไป บรรยากาศมีสภาพแห้งแล้ง
ขาดความชุ่มชื้น ธรรมชาติต้องเผชิญกับไฟไหม้ป่า ในทุกๆ ปี
ปริมาณน้ำธรรมชาติในพื้นที่ ต้นน้ำมีปริมาณน้อย ไม่เพียงพอ
ที่จะพัฒนามาใช้ประโยชน์ในการดำเนิน กิจกรรมในการพัฒนา
พื้นที่ลุ่มน้ำได้อย่างเพียงพอ เนื่องจากปริมาณน้ำฝนโดยเฉลี่ยต่อปี
ต่ำกว่า 1,200 มิลลิเมตร และสภาพกายภาพลุ่มน้ำเป็นป่าเต็งรัง
ที่ไม่สามารถเก็บอุ้มน้ำไว้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ สภาพป่าไม้มีสภาพเสื่อมโทรม
ผ่านการทำไม้สัมปทานและสัมปทานไม้ฟืนโรงบ่มยาสูบ
รวมทั้งมีการบุกรุกตัดไม้ใช้ประโยชน์โดยชุมชน
จนเหลือชนิดพันธุ์ไม้อยู่ในธรรมชาติเพียง 35 ชนิด

Image

ศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยฮ่องไคร้อันเนื่องมาจากพระราชดำริ
ถือกำเนิดขึ้นจากพระราชดำริในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
เมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 2525

ให้พิจารณาจัดตั้งศูนย์ฯขึ้นบริเวณขุนแม่กวง อำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่
ขอบเขตพื้นที่ของโครงการประมาณ8,500 ไร่ โดยมีพระราชประสงค์
ที่จะให้เป็นศูนย์กลางในการศึกษา ทดลองวิจัย เพื่อหารูปแบบการพัฒนาด้านต่างๆ
ที่เหมาะสมกับสภาพพื้นที่ภาคเหนือและเผยแพร่แก่ราษฎร
ให้สามารถนำไปปฏิบัติได้ด้วยตนเอง

ในศูนย์แห่งนี้ประกอบด้วย
งานศึกษาและพัฒนาแหล่งน้ำ ปศุสัตว์และโคนม ประมง
งานปลูกหญ้าแฝกและการดำเนินงานหมู่บ้านรอบบริเวณศูนย์ห้วยฮ่องไคร้

Image

ความสำเร็จจากการดำเนินงาน....จนถึงปัจจุบัน


1.งานศึกษาพัฒนาแหล่งน้ำจัดสร้างอ่างเก็บน้ำขนาดต่างๆ บนสันเขา
สร้างฝายต้นน้ำเพื่อกระจายน้ำให้พื้นที่กลับชุ่มชื้น

2.งานศึกษาและพัฒนาป่าไม้ ปลูกสร้างสวนป่าใหม่ ฟื้นฟูบำรุงรักษา
ป่าธรรมชาติที่เหลืออยู่ ปลูกพันธุ์ไม้เสริม ช่วยการสืบพันธุ์ตามธรรมชาติ
ของไม้ต้นเล็ก ศึกษาพัฒนาระบบเกษตรป่าไม้ ศึกษาวิจัยต้นน้ำลำธาร
และนิเวศน์ป่าไม้ ตลอดจนศึกษาการเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าในพื้นที่ต้นน้ำ
ลำธารเพื่อพัฒนาป่า
Image

3.งานศึกษาและพัฒนาที่ดิน จัดทำระบบอนุรักษ์ดินและน้ำสำหรับ
พื้นที่ลาดชันที่ทำประโยชน์ทางเกษตรกรรมไม่ได้

4.งานศึกษาและทดสอบการปลูกพืชประเภทไม้ผล ได้แก่ มะม่วง
ลิ้นจี่ ลำไย มะขามหวาน ฯลฯ ตลอดจนพืชอุตสาหกรรม เช่น
แมคคาเดเมีย กระทกรกฝรั่ง มะม่วงหิมพานต์ และพืชผัก
เช่น กะหล่ำ มะเขือ แตง และเห็ด

5.งานศึกษาและพัฒนาเกษตรกรรมแบบประณีต โดยปลูกไม้ยืนต้น
เป็นแถวและปลูกไม้ล้มลุกที่เป็นยาและอาหารแทรกเพื่อเกิดรายได้
ควบคู่กันไป

6. งานศึกษาและพัฒนาปศุสัตว์ โคนม และสัตว์ปีก

7.งานศึกษาและพัฒนาการประมง ศึกษาวิจัยการเพาะเลี้ยงปลา
วางระเบียบการจับปลาในอ่างน้ำเพื่อมิให้มีการทำลายพันธุ์ปลา
Image

8.งานอนุรักษ์และพัฒนาอาชีพเลี้ยงกบ
Image
Image

9.งานปลูกหญ้าแฝก ศึกษาทดลองการปลูกหญ้าแฝก เพื่อป้องกัน
หน้าดินพังทลาย
Image

10.งานพัฒนาหมู่บ้านรอบศูนย์ฯ โดยพัฒนาอาชีพเกษตรกรรมเป็นหลัก
และส่งเสริมการเกษตรอุตสาหกรรมเพื่อเพิ่มพูนรายได้ด้วย

Image

สภาพปัจจุบันของศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยฮ่องไคร้
เปิดให้ผู้สนใจเข้าชมได้ทุกวัน ระหว่างเวลา 08.30-16.30 น.
มีบ้านพักรับรอง หรือ กางเต็นท์พักแรมได้แต่ต้องนำอุปกรณ์มาเอง

เบอร์ติดต่อ.053-389228-9 ต่อ 101,102
E-mail : hongkhrai@hotmail.com

ติดต่อทางไปรษณีย์
ตู้ปณ.11
อำเภอดอย สะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่ 50220

Image

Image

รักในหลวง หวงแผ่นดิน
เกลียดเสื้อแดง จะรัฐบาล ม.แม้ว หรือ ม.มาร์ค ก็น่าผิดหวัง เลวพอๆกัน
ไปม๊อบมา ไปก็บอกว่าไป..ไม่ใช่ประเภท....ตุลาคมก็อยู่นะ(โกหก)
http://www.baanpud.net/forum/index.php....http://www.prachathon.org/forum/
User avatar
noway2know
 
Posts: 7750
Joined: Thu May 20, 2010 12:19 am

Re: อ่านแล้วน้ำตาไหลครับ ในหลวงในดวงใจชาวไทยทุกคน

Postby noway2know » Thu Jul 01, 2010 7:30 am

ในหลวงกับการศึกษา
Image
ในหลวงกับการศึกษา
โรงเรียนหนูเป็นโรงเรียนหนึ่งที่ยังไม่พัฒนาด้านการศึกษา ยังเรียนแบบไม่ดี คุณครูมีจำนวนน้อย ยังไม่เจริญ เป็น โรงเรียนวัดโรงเรียนหนึ่ง

แต่ได้พระกรุณาธิคุณจากในหลวงทำให้โรงเรียนเล็กๆของหนูเริ่มดีขึ้นเพราะได้มีการศึกษาผ่านดาวเทียมทำให้หนูได้รับโอกาสที่ดีขึ้น เรียนครบตามหลักสูตรการศึกษาไทย

การเรียนแบบการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียมทำให้หนูได้เรียนกับคุณครูหลายคนสลับกันไม่น่าเบื่อและสนุกกับการเรียนมากขึ้น

Image

และตอนนี้โรงเรียนของหนูก็ได้พัฒนาในด้านการศึกษาขึ้นกว่าเก่ามาก เด็กๆ น้องๆ เพื่อนๆ และหนูก็เรียนได้ดีขึ้นกว่าเก่า โรงเรียนก็ดีขึ้นมากในเรื่องการศึกษา เรื่องการอ่าน และการให้พวกหนูฝึกพูดภาษาอังกฤษ

การที่หนูได้เรียนก็เพราะพระเจ้าอยู่หัวทรงเห็นคุณค่าการศึกษาเด็กไทยและเด็กนักเรียนที่ด้อยโอกาสทางการศึกษาอย่างพวกหนู พระองค์ทรงห่วงใยไม่เคยละทิ้งคนไทย พระองค์ทรงมีความเมตตากรุณาต่อคนไทยและเด็กไทยเป็นอย่างสูง

หนูขอให้พระองค์ทรงพระเจริญ มีสุขภาพพลานามัยแข็งแรง อายุยืน เป็นมิ่งขวัญของคนไทยตลอดไป

Image
เด็กหญิงชลธิชา ภาคาพร
โรงเรียนวัดช่างทอง(บุญบำรุงราษฎร์) จ.พระนครศรีอยุธยา

รักในหลวง หวงแผ่นดิน
เกลียดเสื้อแดง จะรัฐบาล ม.แม้ว หรือ ม.มาร์ค ก็น่าผิดหวัง เลวพอๆกัน
ไปม๊อบมา ไปก็บอกว่าไป..ไม่ใช่ประเภท....ตุลาคมก็อยู่นะ(โกหก)
http://www.baanpud.net/forum/index.php....http://www.prachathon.org/forum/
User avatar
noway2know
 
Posts: 7750
Joined: Thu May 20, 2010 12:19 am

Re: อ่านแล้วน้ำตาไหลครับ ในหลวงในดวงใจชาวไทยทุกคน

Postby noway2know » Sat Jul 03, 2010 3:10 pm

Image

รักในหลวง หวงแผ่นดิน
เกลียดเสื้อแดง จะรัฐบาล ม.แม้ว หรือ ม.มาร์ค ก็น่าผิดหวัง เลวพอๆกัน
ไปม๊อบมา ไปก็บอกว่าไป..ไม่ใช่ประเภท....ตุลาคมก็อยู่นะ(โกหก)
http://www.baanpud.net/forum/index.php....http://www.prachathon.org/forum/
User avatar
noway2know
 
Posts: 7750
Joined: Thu May 20, 2010 12:19 am

Re: อ่านแล้วน้ำตาไหลครับ ในหลวงในดวงใจชาวไทยทุกคน

Postby บุญปลีก » Sat Jul 03, 2010 3:29 pm

มาช่วยดันแบบไม่ต้องกลัวว่าไอ้จำพวก บัวเหล่าที่4 มันจะคิดยังไง

เพราะพวกตามือบอดแต่เข้าใจว่าตนตาสว่าง ก็เหมาะที่จะให้คนอื่นเขาสนตะพายต่อไป

ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนานครับ
บุญปลีก
 
Posts: 7184
Joined: Mon May 03, 2010 12:23 pm

Re: อ่านแล้วน้ำตาไหลครับ ในหลวงในดวงใจชาวไทยทุกคน

Postby we love the king » Sat Jul 03, 2010 6:31 pm

พระองค์ท่านทรงทำทุกอย่างเพื่อราษฎร ทรงเหน็ดเหนื่อยตรากตรำมาอย่างยาวนาน

หากใครไม่รู้ไม่เข้าใจ ก็คงเพราะแกล้งไม่รับรู้

ขอพระองค์จงทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน

เราคนไทยรักในหลวง

We Love The King
User avatar
we love the king
 
Posts: 415
Joined: Thu Nov 06, 2008 2:32 pm

Re: อ่านแล้วน้ำตาไหลครับ ในหลวงในดวงใจชาวไทยทุกคน

Postby noona » Sat Jul 03, 2010 8:06 pm

ตั้งแต่จำความได้ ไม่เคยมีใครบอกให้รักพ่อหลวงค่ะ แต่ก็รักและเทิดทูนเหนือสิ่งอื่นใด ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง

จำได้แต่ว่าคุณพ่อของหนูนาเอง มันจะถามว่ารักพ่อแค่ไหน เราก็จำได้ว่า "รักเท่าฟ้าค่ะ" :lol: ส่วนใหญ่เด็ก ๆ มันจะพูดแบบนี้
User avatar
noona
 
Posts: 6433
Joined: Fri May 21, 2010 2:40 am

Re: อ่านแล้วน้ำตาไหลครับ ในหลวงในดวงใจชาวไทยทุกคน

Postby network1912 » Sun Jul 04, 2010 12:29 pm

ทรงพระเจริญ....รักในหลวงครับ
User avatar
network1912
 
Posts: 192
Joined: Mon Jun 07, 2010 5:08 pm

Re: อ่านแล้วน้ำตาไหลครับ ในหลวงในดวงใจชาวไทยทุกคน

Postby noway2know » Fri Jul 09, 2010 10:23 am

“...แต่มาเงยดูท้องฟ้า มีเมฆ ทำไมมีเมฆอย่างนี้ ทำไมจะดึงเมฆนี้ให้ลงมาได้ ก็เคยได้ยินเรื่องการทำฝน ก็มาปรารภกับคุณเทพฤทธิ์ ฝนทำได้มีหนังสือ เคยอ่านหนังสือทำได้...”

Image

โครงการฝนหลวง
เกิดขึ้นจากพระราชดำริส่วนพระองค์ ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในปี พ.ศ.2495 เมื่อคราวเสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมพสกนิกรในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้ทรงรับทราบถึงความเดือดร้อน ความทุกข์ยากของราษฎรและเกษตรกรที่ขาดแคลนน้ำอุปโภค บริโภค และการเกษตรอันเนื่องมาจากภาวะภัยแล้ง ซึ่งมีสาเหตุมาจากความผันแปรและคลาดเคลื่อนของฤดูกาลตามธรรมชาติ กล่าวคือ ฤดูฝนเริ่มต้นล่าช้าเกินไป หรือหมดเร็วกว่าปรกติหรือฝนทิ้งช่วงยาวในช่วงฤดูฝน รวมทั้งการตัดไม้ทำลายป่า

ทรงสังเกตเห็นว่ามีเมฆปริมาณมากปกคลุมท้องฟ้า แต่ไม่สามารถก่อรวมตัวกันจนเกิดเป็นฝนได้ จึงได้มีพระมหากรุณาธิคุณพระราชทานโครงการพระราชดำริ “ฝนหลวง” ให้กับ ม.ร.ว.เทพฤทธิ์ เทวกุล ไปดำเนินการ ซึ่งต่อมาได้เกิดเป็นโครงการค้นคว้าทดลองปฏิบัติการฝนเทียม หรือฝนหลวงขึ้นในสังกัดสำนักงานปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2512

ด้วยความสำเร็จของโครงการ จึงได้ตราพระราชกฤษฎีกา ก่อตั้งสำนักงานปฏิบัติการฝนหลวงขึ้น ในปี พ.ศ. 2518 ในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อเป็นหน่วยงานรองรับโครงการพระราชดำริ “ ฝนหลวง”

Image

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ พระราชทานฝนหลวงพิเศษ
เพื่อแก้ปัญหาภัยแล้งและสถานการณ์น้ำในเขื่อน


พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯทรงมีพระราชกระแสรับสั่งผ่านนายดิสธร วัชโรทัย รองเลขาธิการพระราชวังว่าได้พระราชทานหน่วยบินทำฝนหลวงเพิ่ม ขึ้นเป็นกรณีพิเศษอีก 3 จุด ที่จังหวัดเชียงใหม่ จังหวัดขอนแก่น และจังหวัดนครสวรรค์ เพื่อปฏิบัติการเติมน้ำให้ครอบคลุมในเขื่อนขนาดใหญ่ คือ เขื่อนภูมิพล จังหวัดตาก , เขื่อนอุบลรัตน์ จังหวัดขอนแก่น , เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ จังหวัดลพบุรี , เขื่อนสิริกิติ์ จังหวัดอุตรดิตถ์ รวมทั้งเขื่อนแควน้อยบำรุงแดนอันเรื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดพิษณุโลก พร้อมทั้งพระราชทานเทคนิคในการปฏิบัติการฝนหลวง เน้นขั้นตอนการเลี้ยงให้อ้วนด้วยการเพิ่มความแข็งแรงให้ก้อนเมฆ เพื่อให้ตรงกับบริเวณอ่างเก็บน้ำ

ในการนี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯได้พระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ และบุคลากรจากทางสำนักพระราชวังเข้าร่วมปฏิบัติการในขั้นตอนต่างๆด้วย นับตั้งแต่วันที่ 14 กรกฎาคม 2553 เป็นต้นไป


Image

เปิดศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงแก้ภัยแล้งนครพนม
ปฏิบัติการฝนหลวงจังหวัดนครพนม เพื่อเป็นการช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกรที่ประสบปัญหาภัยแล้ง หลังจากปริมาณน้ำฝนเฉลี่ยในพื้นที่นครพนมลดลงกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเปรียบเทียบกับหลายปีที่ผ่านมา ปัจจุบันมีปริมาณน้ำสะสมในอ่างเก็บน้ำทั่วจังหวัด 17 แห่ง แค่ประมาณ 30 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ส่งผลให้เกษตรกรได้รับผลกระทบ พื้นที่การเกษตรขาดน้ำได้รับความเสียหาย และเกษตรกรหลายพื้นที่ไม่สามารถทำนาปีได้ตามปกติ

Image

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ พระบิดาแห่งฝนหลวง ที่ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณต่อพสกนิกรชาวไทยในการแก้ปัญหาภัยแล้ง โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคอีสานรวมถึงนครพนม ปีนี้ประสบปัญหาแล้งหนักมากที่สุดในรอบ 10 ปี จากข้อมูลของกระทรงเกษตรฯ พบว่า ปริมาณน้ำฝนเฉลี่ยในปีนี้น้อยมากเมื่อเทียบกับหลายปีที่ผ่านมา ลดลงเกือบ 50 เปอร์เซ็นต์ ส่งผลให้พื้นที่การเกษตรขาดน้ำเสียหาย รวมถึงเกษตรกรไม่สามารถทำนาปีได้ตามฤดูกาล ตนในฐานะดูแลเรื่องการเกษตรจึงได้หารือกับหน่วยงานเกี่ยวข้องจัดตั้งศูนย์ ปฏิบัติการเฉพาะกิจฝนหลวงในพื้นที่นครพนม ซึ่งจะสามารถปฏิบัติการช่วยเหลือเกษตรกรในพื้นที่ 3 จังหวัดของอีสาน มีนครพนม สกลนคร และมุกดาหาร ให้มีน้ำเพียงพอในช่วงฤดูทำนา โดยมีเป้าหมายระยะเวลาดำเนินการจนกว่าปริมาณน้ำจะเพียงพอให้เกษตรกร

Image

สถานการณ์ภัยแล้งในพื้นที่ภาคอีสานตอนบนโดยเฉพาะที่ จ.นครพนม นั้น ที่ผ่านมาไม่เคยเกิดฝนทิ้งช่วงกินระยะเวลายาวนานเหมือนเช่นปีนี้ สาเหตุนั้นคาดว่า เกิดจากปรากฏการณ์เอลนินโญช่วงสุดท้าย เมื่อปรากฏการณ์เอลนินโญผ่านพ้นไปฝนจะกลับมาตกตามภาวะปกติ ซึ่งคาดว่า จะอยู่ในช่วงเดือนสิงหาคม ส่วนการทำฝนเทียมในพื้นที่ จ.นครพนม ยังไม่เคยมีการเปิดฐานเติมสารฝนหลวงมานานกว่า 10 ปีแล้ว โดยการทำฝนเทียมในครั้งนี้ จะใช้ระยะเวลาจนกว่าระดับน้ำในแหล่งเก็บน้ำต่าง ๆ จะเข้าสู่ภาวะปกติ โดยอาจใช้ระยะเวลาประมาณ 1 เดือน และการทำฝนเทียมในครั้งนี้ จะส่งผลให้จังหวัดใกล้เคียง คือ มุกดาหาร สกลนคร และหนองคาย ได้รับประโยชน์ด้วย.

ตำราฝนหลวงพระราชทาน

Image

ขั้นตอนการทำฝนหลวงจากเมฆอุ่น
จากการที่ทรง ติดตามผลการทดลอง ควบคู่กับปฏิบัติการและทรงวิเคราะห์วิจัยติดตามปฏิบัติการทดลองอย่างใกล้ชิด รวมทั้งสนพระทัยศึกษาจากเอกสารวิชาการจึงทรงสามารถพัฒนากรรมวิธี “การทำฝนจากเมฆอุ่น” ที่ทรงสรุปขั้นตอนกรรมวิธี ในปี พ.ศ. 2516 แล้วพระราชทานให้ไปเป็นหลักในการปฏิบัติการสืบเนื่องมา
โดยมี 3 ขั้นตอน คือ

ขั้นตอนที่ 1 ก่อกวน

เป็นการดัดแปรสภาพอากาศขณะนั้นเพื่อเร่งหรือเสริมการเกิดและก่อรวมตัวของเมฆด้วยการก่อกวน สมดุล (Equilibrium) หรือเสถียรภาพ (Stability) ของมวลอากาศเป็นแห่งๆ โดยการโปรยสารเคมีประเภทดูดความชื้นแล้วทำให้อุณหภูมิสูงขึ้น ในท้องฟ้าที่ระดับใกล้เคียงกับระดับกลั่นตัวเนื่องจาก การไหลพาความร้อนในแนวตั้ง (Exothermic chemicals) ซึ่งเป็นระดับฐานเมฆของแต่ละวัน และโปรยสารเคมี ประเภทที่เมื่อดูดซับความชื้นแล้วทำให้อุณหภูมิลดต่ำลง (Endothermic, chemicals) ที่ระดับสูงกว่าระดับฐานเมฆ 2,000-3,000 ฟุต ทั้งนี้เพื่อช่วยให้เกิดเมฆเร็วขึ้นและปริมาณมากกว่าที่เกิดตามธรรมชาติ โดยเริ่มก่อกวนในช่วงเวลาเช้าทางด้านเหนือลมของพื้นที่เป้าหมาย หวังผลที่วางแผนกำหนดไว้ในแต่ละวัน

ขั้นตอนที่ 2 เลี้ยงให้อ้วน

เป็นการดัดแปรสภาพอากาศและเมฆขณะนั้น เพื่อเร่งหรือเสริมการก่อตัวของเมฆให้ขนาดใหญ่หนาแน่น และมีปริมาณหยดน้ำมากยิ่งขึ้น ด้วยการกระตุ้นหรือเร่งการเจริญเติบโตของก้อนเมฆ ที่ก่อตัวด้วยการโปรยสารเคมีประเภทที่เมื่อดูดซับความชื้น แล้วทำให้อุณหภูมิลดต่ำลงที่ระดับฐานเมฆหรือทับยอดเมฆ หรือระหว่างฐานและยอดเมฆ โดยบินโปรยสารเคมีเข้าสู่ก้อนเมฆโดยตรง หรือโปรยรอบๆและระหว่างช่องว่างของก้อนเมฆทางด้านเหนือลมให้กระแสลมพัดพาสารเคมีเข้าสู่ก้อนเมฆ

ขั้นตอนที่ 3 โจมตี

เป็นการดัดแปรสภาพอากาศในก้อนเมฆ ที่รวมหนาแน่นแล้วโดยตรงหรือบริเวณใต้ฐานเมฆ หรือบริเวณที่ต้องการชักนำเมฆฝนที่ตกอยู่แล้วเคลื่อนเข้าสู่เป็นการบังคับ หรือเหนี่ยวนำให้เมฆที่แก่ตัวจัด แล้วตกเป็นฝนลงสู่พื้นที่เป้าหมายหวังผลที่วางแผนกำหนดไว้ โดยบินโปรยสารเคมีประเภทที่ทำให้อุณหภูมิลดต่ำลงเข้าไปในเมฆโดยตรงที่ฐานเมฆ หรือยอดเมฆหรือที่ระดับระหว่างฐานเมฆและยอดเมฆชิดขอบเมฆทางด้านเหนือลมหรือใช้เครื่องบิน 2 เครื่องโปรยพร้อมกันแบบแซนด์วิช ( Sandwich)

Image

รักในหลวง หวงแผ่นดิน
เกลียดเสื้อแดง จะรัฐบาล ม.แม้ว หรือ ม.มาร์ค ก็น่าผิดหวัง เลวพอๆกัน
ไปม๊อบมา ไปก็บอกว่าไป..ไม่ใช่ประเภท....ตุลาคมก็อยู่นะ(โกหก)
http://www.baanpud.net/forum/index.php....http://www.prachathon.org/forum/
User avatar
noway2know
 
Posts: 7750
Joined: Thu May 20, 2010 12:19 am

Re: อ่านแล้วน้ำตาไหลครับ ในหลวงในดวงใจชาวไทยทุกคน

Postby มารุจัง » Fri Jul 09, 2010 3:15 pm

ย้ายกระทู้นี้เก็บเข้าห้องสมุดนะคะ
ยังเชิญแสดงความจงรักภักดี และเพิ่มเติมข้อมูลได้เรื่อย ๆ ค่ะ
:D
Forum rules!
- ห้ามใช้คำพูดหยาบคาย
- ห้ามโพสกระทู้หรือข้อความที่ดูหมิ่นเสียดสีสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นอันขาด
User avatar
มารุจัง
 
Posts: 2372
Joined: Mon Oct 13, 2008 11:50 pm

Re: อ่านแล้วน้ำตาไหลครับ ในหลวงในดวงใจชาวไทยทุกคน

Postby khundaan » Fri Jul 09, 2010 3:23 pm

คุณ noway....ครับ มีโครงการสร้าง"เขื่อนขุนด่าน ปราการชล"มั้ยครับ โครงการของพระองค์ท่าน :) :)
User avatar
khundaan
 
Posts: 840
Joined: Fri May 28, 2010 7:04 pm

Re: อ่านแล้วน้ำตาไหลครับ ในหลวงในดวงใจชาวไทยทุกคน

Postby noway2know » Fri Jul 09, 2010 10:40 pm

เขื่อนขุนด่านปราการชล
Image

เขื่อนขุนด่านปราการชล อันเนื่องมาจากพระราชดำริ
เขื่อนคอนกรีตบดอัดยาวที่สุดในประเทศไทยและในโลก
เขื่อนขุนด่านปราการชลหรือเดิมเรียกว่าเขื่อนคลองท่าด่านตั้งอยู่ที่ บ้านท่าด่าน ตำบลหินตั้ง อำเภอเมือง จังหวัดนครนายก สร้างขึ้นตามแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อเก็บกักน้ำในช่วงหน้าฝนไว้ในหน้าแล้งและควบคุมไม่ให้เกิดน้ำท่วมบ้านเรือนราษฎร ไร่นาและพื้นที่การเกษตรในหน้าฝน โดยสร้างครอบฝายท่าด่านเดิม

มุ่งมั่นที่จะขจัดปัญหา น้ำท่วม น้ำแล้ง และดินเปรี้ยว ด้วยการพัฒนาแหล่งน้ำ
และระบบชลประทานขนาดใหญ่ที่สามารถเก็บกักน้ำและจัดสรรน้ำอย่างเป็นระบบ
ให้พอเพียงกับความต้องการของกิจกรรมทุกประเภทภายในลุ่มน้ำนครนายกและพื้นที่
ใกล้เคียง

Image

ดังนั้นเมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2536 เนื่องในวโรกาสเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จ
พระเจ้าอยู่หัวจึงพระราชทานพระราชดำริให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมชลประทาน
พิจารณาวางโครงการและก่อสร้างเขื่อนคลองที่ด่านฯ


เริ่มดำเนินการก่อสร้างเมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน 2542
โดยจะใช้เวลาก่อสร้าง 5 ปี และเมื่อวันที่ 2 มิถุนายน 2544 พระบาทสมเด็จ
พระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ
เสด็จพระราชดำเนินทรงวางศิลาฤกษ์เขื่อนคลองท่าด่านฯ

Image
ที่มาของคำว่าขุนด่าน

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯพระราชทานชื่อเขื่อนคลองท่าด่าน
เป็น “ เขื่อนขุนด่านปราการชล ”

และมีพระกระแสให้ติดป้ายโลหะจารึกประวัติของขุนหาญพิทักษ์ไพรวัน
ณ บริเวณเขื่อนเพื่อเชิดชูเกียรติคุณ

ขุนด่านเป็นตำแหน่งผู้ดูแลเขตแดนประจำเมืองหน้าด่านในสมัยกรุงศรีอยุธยา
ขุนด่านเมืองนครนายกมีนามเดิมว่าหาญ เป็นบุตรของขุนพิจิตร ไพรสณฑ์
ซึ่งเป็นนายด่านและหัวหน้าทางทิศตะวันออก แขวงเมืองนครนายก
เมื่อบิดาถึงแก่กรรม นายหาญได้เข้ารับหน้าที่สืบต่อจากบิดา
และได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์ว่า....ขุนพิทักษ์ไพรวัน

ในปีพุทธศักราช 2130 รัชสมัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราช
สมเด็จพระนเรศวรมหาราชประกาศอิสรภาพจากพม่า
พระยาละแวกเจ้าเมืองเขมร คิดตีตลบหลังไทย ส่งกองทัพมาตีเมืองปราจีนบุรีและนครนายก
เพื่อกวาดต้อนผู้คนและปล้นทรัพย์สิน ขุนพิทักษ์ไพรวันหรือขุนด่าน
ได้แจ้งข่าวไปยังกรุงศรีอยุธยาและรวมกำลังผู้คนดักซุ่มโจมตีทัพพระยาละแวก
อย่างห้าวหาญจนทัพเขมรแตกพ่ายไป ขุนด่านเป็นผู้ป้องกันเมืองนครนายกไว้
นับเป็นวีรบุรุษของชาวจังหวัดนครนายก

เมื่อขุนด่านถึงแก่กรรม คุณงามความดีที่ขุนด่านได้กระทำในครั้งนั้น
ทำให้ผู้คนยกย่องนับถือเป็นอันมาก ชาวบ้านจึงได้สร้างศาล
บรรจุอัฐิไว้บริเวณหุบเขาชะโงก
ต.พรหมณี อ.เมืองนครนายก จ.นครนายก เรียกกันว่าศาลเจ้าพ่อขุนด่าน
ปัจจุบันเป็นโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้าฯ


เกียรติคุณขุนด่านที่เล่าขานกันตั้งแต่กรุงศรีอยุธยาจะจารึกไว้ในความทรงจำ
ชั่วลูกหลานให้ระลึกถึงคุณงามความดีของท่านตราบนานเท่านานไว้ที่เขื่อนขุนด่านปราการชล

Image

ความสำคัญ
ที่ราบลุ่มนครนายกมีระดับน้ำใต้ดินมี การลดระดับหรือพื้นที่ลาดเทค่อนข้างมาก ทำให้น้ำไหลบ่ารุนแรงในช่วงฤดูฝน ส่วนบริเวณพื้นที่ชลประทานนครนายก เป็นพื้นที่ราบกว้างขวางมีระดับน้ำใต้ดินต่ำจึงเกิดปัญหาขาดแคลนน้ำในฤดู แล้งส่วนในฤดูฝนกลับเกิดปัญหาน้ำท่วมเนื่องจากพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นที่ราบที่ มีความลาดเอียงน้อยทำให้น้ำระบายอกยากน้ำจึงท่วมขังเป็นเวลานาน การสร้างเขื่อนกั้นลำน้ำนครนายกตอนบนจึงเป็นการชะลอกระแสน้ำไม่ให้ไหลบ่ารุนแรงในฤดูฝนโดยจะกักเก็บน้ำไว้ และในทางกลับกันจะสามารถกักเก็บน้ำเอาไว้ใช้ในฤดูแล้งได้แทนที่จะต้องเผชิญกับภัยแล้ง

Image

โครงสร้างและลักษณะ
ตัวเขื่อนขุนด่านปราการชลประกอบด้วยเขื่อนหลักและเขื่อนรองสร้างด้วยคอนกรีตบดอัด ปัจจุบันเป็นเขื่อนคอนกรีตบดอัดที่มีความยาวที่สุดในโลก มีความยาวรวม 2,720 เมตร ความสูง (สูงสุด) 93 เมตร รับน้ำที่ไหลจากอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ผ่านน้ำตกเหวนรกลงสู่อ่าง เก็บน้ำ มีความจุ 224 ล้าน ลบ.ม. โดยทำให้มีน้ำในการทำเกษตรกรรม การอุปโภคบริโภค แก้ปัญหาดินเปรี้ยว เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ปลา และบรรเทาอุทกภัย เป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ ของนครนายก นักท่องเที่ยวสามารถชมอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ได้จากบริเวณสันเขื่อน จะเห็นทิวทัศน์ด้านหน้าเขื่อน และชมทิวทัศน์เมืองนครนายกด้านหลังเขื่อน ในอนาคตมีโครงการจะสร้างแก่งเทียมเพื่อการท่องเที่ยวและกีฬา และเป็นสนามสลาลอมนานาชาติ ซึ่งจะเป็นแห่งเดียวในภูมิภาคนี้ หากก่อสร้างแก่งเทียมแล้วเสร็จ จะสร้างกิจกรรมท่องเที่ยวและสร้างรายได้ให้กับผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยวของจังหวัดนครนายกเพิ่มขึ้น

Image

เขื่อนคลองท่าด่านฯเพื่อประโยชน์สุขของประชาชน
• แหล่งน้ำและระบบชลประทานขนาดใหญ่ท่าสามารถเก็บกักน้ำและจัดสรรน้ำอย่างเป็นระบบ
สำหรับพื้นที่ทำการเกษตรรวมทั้งแหล่งน้ำเพื่อการอุปโภค-บริโภคของจังหวัด

• บรรเทาอุทกภัยแก่พื้นที่ทั้งสองฝั่งของแม่น้ำนครนายก

• เกษตรกรได้รับประโยชน์จากโครงการประมาณ 5,400 ครัวเรือน

• ใช้น้ำชลประทานชะล้างดินเปรี้ยวจนเหมาะสมแก่การใช้เพาะปลูก

• เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ปลาและแหล่งประมงน้ำจืด

• เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์แห่งใหม่

• เศรษฐกิจของจังหวัดนครนายกขยายตัว ราษฎรมีรายได้มากขึ้น

Image

การท่องเที่ยว
เขื่อนขุนด่านปราการชลเปิดให้นักท่องเที่ยวเดินทางมาชมวิวเหนือสันเขื่อน สามารถมองเห็นตัวเมืองนครนายกและอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ได้ที่สันเขื่อน นอกจากนี้ยังสามารถเช่าเรือหางยาวเพื่อชมน้ำตกที่อยู่ลึกเข้าไปในอ่างเก็บน้ำของเขื่อนได้

Image

Image

Image

Image

Image

Image

Image

Image

Image

Image

การเดินทาง

เดินทางโดยรถยนต์
มายังตัวเมืองนครนายกโดยอาจใช้ถนนสายรังสิต-นครนายก(ทาง หลวงหมายเลข 305) หรืออาจใช้ถนนเส้นเก่าคือถนนสุวรรณศร (ทางหลวงหมายเลข 33) ซึ่งจะอ้อมกว่า จนถึงตัวเมืองนครนายกให้ใช้เส้นทางเดียวกับไปน้ำตกนางรอง (ทางหลวงหมายเลข 3049) ผ่านอุทยานวังตะไคร้และเลี้ยวขวาเข้าถนนสู่ตัวเขื่อน

รถโดยสารประจำทาง จากกรุงเทพฯ–นครนายก มีบริการรถโดยสารประจำทางทั้งรถธรรมดาและรถปรับอากาศ ออกจากสถานีขนส่งสายเหนือ (หมอชิต 2) ทุกวัน สอบถามได้ที่ โทร .0-2936-3660, 0-2936-3666

รถตู้
กรุงเทพ-นครนายก-เขื่อนขุนด่าน โดยสามารถขึ้นที่ อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ (ค่าโดยสารประมาณ 110 บาท จากกรุงเทพฯ ถึงตัวเขื่อนฯ)

เขื่อนขุนด่านฯ ตู้ ปณ. 4 ต.หินตั้ง อ.เมือง นครนายก 26000
โทรศัพท์ 0 3738 4208-9 โทรสาร 0 3738 4210


Image

รักในหลวง หวงแผ่นดิน
เกลียดเสื้อแดง จะรัฐบาล ม.แม้ว หรือ ม.มาร์ค ก็น่าผิดหวัง เลวพอๆกัน
ไปม๊อบมา ไปก็บอกว่าไป..ไม่ใช่ประเภท....ตุลาคมก็อยู่นะ(โกหก)
http://www.baanpud.net/forum/index.php....http://www.prachathon.org/forum/
User avatar
noway2know
 
Posts: 7750
Joined: Thu May 20, 2010 12:19 am

PreviousNext

Return to ห้องสมุด



cron