ในหลวงกับการรักษาพันธุ์ข้าวพื้นเมืองของไทย....ข้าวสังข์หยดและข้่าวพันธุ์อื่นๆเหรียญสดุดีพระเกียรติคุณ "พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช" นี้ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี จัดทำขึ้นทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ด้วยความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงอุทิศพระวรกายในการส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนาพันธุ์ข้าวและการผลิตข้าวไทย อันเป็นประโยชน์แก่พสกนิกรมาโดยตลอด เพื่อเฉลิมพระเกียรติเนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550
รวมทั้งภายในของเหรียญฯ บรรจุไว้ด้วยเมล็ดพันธุ์ข้าวต่างๆที่สื่อถึงพันธุ์ข้าวที่ใช้ในพระราชพิธีพืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ ปี 2550 ได้แก่ พันธุ์ปทุมธานี 1, สุพรรณบุรี 1 , พันธุ์ขาวดอกมะลิ 105, กข 6, พัทลุง, ข้าวเจ้าพิษณุโลก 1 และข้าวพันธุ์พื้นเมือง คือ พันธุ์สังข์หยด กับพันธุ์ที่พัฒนาใหม่ คือ พันธุ์ขาวดอกมะลิ 105 ทนน้ำท่วมฉับพลัน และไรซ์เบอรี่
โครงการพัฒนาลุ่มน้ำปากพนังอันเนื่องมาจากพระราชดำริ โครงการพัฒนาลุ่มน้ำปากพนังอันเนื่องมาจากพระราชดำริเป็นการฟื้นฟูแก้ไขแหล่งเกษตรของทางภาคใต้ให้ยังยืนมีรายได้เพิ่มขึ้นในจังหวัดพัทลุง ส่งผลให้มีรายได้ของคนในพื้นที่เฉลี่ยเพิ่มขึ้น 40,000 บาทต่อปี
ลุ่มน้ำปากพนังเคยเป็นแหล่งปลูกข้าวสำคัญของภาคใต้ ครอบคลุมพื้นที่ 3 จังหวัด 13 อำเภอ ตั้งแต่ตอนใต้ของจังหวัดนครศรีธรรมราช จรดตอนเหนือของจังหวัดพัทลุงและสงขลา มีพื้นที่ 1 ล้าน 9 แสนไร่ ปลูกข้าวกว่า 5 แสนไร่ และมีประชากรอาศัยอยู่ในเขตลุ่มน้ำกว่า 6 แสนคน ซึ่งเป็นศูนย์กลางการผลิตข้าว ศูนย์กลางความเจริญรุ่งเรือง จนได้ชื่อว่า “เมืองแห่งอู่ข้าว อู่น้ำ” โดยมีแม่น้ำปากพนัง เป็นสายเลือดหล่อเลี้ยงชุมชนมาแต่โบราณ
แต่เมื่อความเจริญเข้ามาประชากรเพิ่มมากขึ้น ทำให้ต้องใช้ทรัพยากรมากจนเสียสมดุล ทำให้เกิดปัญหาน้ำท่วมในหน้าฝน น้ำจืดไม่พอใช้ในหน้าแล้ง ปัญหาดินเปรี้ยว ปัญหาการรุกล้ำของน้ำเค็ม มีปัญหาการจัดสรรน้ำกันระหว่างผู้ทำนากุ้งกับนาข้าว ผู้คนต่างเดือดร้อนกันไปทั่ว
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงทราบความเดือดร้อนของพสกนิกร จึงมีพระราชดำริให้หน่วยงานราชการต่างๆ ร่วมกันแก้ไขปัญหาและพัฒนาให้ลุ่มน้ำปากพนัง ฟื้นกลับมาอุดมสมบูรณ์ เป็นแหล่งผลิตทางการเกษตรที่สำคัญของภาคใต้ พัฒนาอาชีพของเกษตรกรให้มียั่งยืน มีรายได้เพิ่มขึ้น มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นและส่งเสริมการรวมกลุ่มของชุมชน
โครงการพัฒนาลุ่มน้ำปากพนังอันเนื่องมาจากพระราชดำริในพื้นที่จังหวัดพัทลุง เริ่มดำเนินการตั้งแต่ปี 2537 – ปัจจุบัน เป็นเวลา 16 ปี ในพื้นที่ 2 อำเภอ คือ อำเภอควนขนุนและอำเภอป่าพะยอม แบ่งเป็น 2 ระยะ คือ ระยะแรก ปี 2537 – 2543 ดำเนินการในพื้นที่อำเภอควนขนุน 3 ตำบล คือ ตำบลพนางตุง ทะเลน้อย และแหลมโตนด ระยะที่ 2 ปี 2543 – ปัจจุบัน ดำเนินการในพื้นที่ 2 อำเภอ คือ อำเภอป่าพะยอม ตำบลลานข่อย อำเภอควนขนุน ตำบลแหลมโตนด รวม 2 ตำบล 18 หมู่บ้าน พื้นที่ทำการเกษตร 60,789 ไร่ เกษตรกร 2,570 ครัวเรือน
ตั้งแต่เริ่มโครงการ ปี 2537 – ปัจจุบัน กรมส่งเสริมการเกษตรกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สนับสนุนงบประมาณผ่านกิจกรรมต่าง ๆ ทั้งที่เป็นกิจกรรมปรับโครงสร้างการผลิต พัฒนาการผลิต ปรับปรุงบำรุงดิน แปรรูปผลผลิต กิจกรรมส่งเสริมการรวมกลุ่ม จำนวน 13 กิจกรรม พื้นที่ทำการเกษตรของเกษตรกรได้รับการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต 19,265 ไร่ แยกเป็น นาข้าว 13,240 ไร่ ไร่นาสวนผสม 2,337 ไร่ พืชผัก – พืชไร่ 678 ไร่ ไม้ผล 775 ไร่ และปาล์มน้ำมัน 235 ไร่
กลุ่มแม่บ้านเกษตรกรได้รับการพัฒนาการแปรรูป ระดับพื้นฐาน 10 กลุ่ม สมาชิก 245 ราย แปรรูปเชิงธุรกิจ 2 กลุ่ม สมาชิก 56 ราย เกษตรกรได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้ ทัศนศึกษาดูงาน และมีการจัดทำฐานข้อมูลครัวเรือนเกษตรกรในเขตลุ่มน้ำปากพนัง 2,570 ครัวเรือน นอกจากนั้น จังหวัดได้สนับสนุนงบประมาณพัฒนาจังหวัด จำนน 22 ล้านบาทเศษ ผ่านโครงการ 7 โครงการ อบต.แหลมโตนด สนับสนุนงบประมาณให้กลุ่มแม่บ้านเกษตรกร 2 แสนบาท และกรมชลประทาน จัดทำโครงการชลประทานระบบท่องบประมาณ 120 ล้านบาท
จากการบูรณาการทำงานร่วมกันทุกภาคส่วนทำให้เกษตรกรมีรายได้เฉลี่ยเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวจากคนละ 20,000 บาท ต่อปี เป็น 40,000 บาทต่อปี นอกจากรายได้ต่อหัวสูงขึ้นแล้ว เกษตรกรมีรายได้ตลอดทั้งปี มีรายได้รายวัน รายเดือน รายปี สามารถมีชีวิตและประกอบอาชีพตามแนวทางปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง นำความสุขความมั่นคงมาสู่ครอบครัว ชุมชน และสังคม
คุณลุงจำนง อรุณรัตน์ คุณลุงจำนง อรุณรัตน์ อายุ 68 ปี ที่อยู่ 103 ม.7 ต.แหลมโตนด อ.ควนขนุน จ.พัทลุง เป็นครอบครัวหนึ่งที่ได้เข้าร่วมโครงการพัฒนาพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนังอันเนื่องมาจากพระราชดำริ มีกิจกรรมทางการเกษตร 3 กิจกรรม คือ ทำนาข้าว 70 ไร่ ผลิตปีละ 2 ครั้ง ใช้ข้าวพันธุ์พื้นเมืองที่ได้รับการส่งเสริมจากศูนย์วิจัยข้าว เช่นข้าวสังข์หยด ข้าวชัยนาท 1ปทุมธานี 1 และพิษณุโลก 2 นาปีที่ผ่านมาได้ผลผลิตเฉลี่ย 650 กิโลกรัมต่อไร่ ต้นทุนการผลิต 4,700 บาท/ไร่ มีกำไร 12,250 บาท นาปรังได้ผลผลิตเฉลี่ย 700 กิโลกรัม/ไร่ ต้นทุนการผลิต 4,850 บาท/ไร่ มีกำไร 52,500 บาท
มีทั้งการทำนาปีและกิจกรรมไร่นาสวนผสมจำนวน 17 ไร่ ปลูกไม้ผลไม้ยืนต้น เช่น ทุเรียน มังคุด ลองกอง มะพร้าว มีกำไรปีละ 124,000 บาท ส่วนกิจกรรมผลิตปุ๋ยอินทรีย์ เพื่อลดต้นทุนการผลิต สามารถ ลดต้นทุนได้ไร่ละ 500-1,000 บาท
ปัจจุบันคุณลุงจำนง อรุณรัตน์ เป็นผู้นำชาวบ้านในการรวมกลุ่มกันอนุรักษ์ข้าวสังข์หยดเพื่อไม่ใหู้สูญพันธุ์
และด้วยการสนับสนุนพันธุ์ข้าวจากศูนย์วิจัยข้าว ทำให้สมาชิกของกลุ่มในการปลูกข้าวสังข์หยดมีจำนวนเพิ่มขึ้นทุกๆปี
คุณลุงจำนง อรุณรัตน์ ได้ทำงานเพื่อส่วนรวมและเป็นแกนนำในการพัฒนาการเกษตร เช่น เป็นประธานสหกรณ์การเกษตรทำนาแหลมโตนด ประธานวิสาหกิจชุมชนผลิตปุ๋ยอินทรีย์ตามวิถีพอเพียงแหลมโตนด เป็นปราชญ์ชาวบ้าน ผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวใช้เองและจำหน่าย รณรงค์ให้เกษตรกรลดต้นทุนการผลิตโดยการใช้ปุ๋ยอินทรีย์ ตลอดถึงการอนุรักษ์พันธุ์ข้าวพื้นเมืองพัทลุง
ข้าวสังข์หยดข้าวพันธุ์สังข์หยดมีคุณสมบัติพิเศษในลักษณะของสีข้าวกล้องที่มีสีแดง รูปร่างเมล็ดเรียวความยาวเมล็ดข้าวกล้อง 6.70 มิลลิเมตร ข้าวซ้อมมือมีสีแดงปนสีขาว ข้าวจากรวงเดียวกันเมื่อขัดสีแล้วบางเมล็ดมีสีขาวใสแต่ส่วนใหญ่มีลักษณะขาว ขุ่น คุณสมบัติการหุงต้มดี ลักษณะข้าวหุงสุกนุ่ม มีความคงตัวของแป้งสุกอ่อน (94 มิลลิเมตร) ปริมาณอมิโลสต่ำ (15.28+-2.08%)
ลักษณะทรงต้นสูง 140 เซนติเมตร ทรงกอตั้ง เป็นข้าวไวต่อช่วงแสง ออกดอกประมาณช่วงต้นเดือนมกราคม
เมื่อปลูกตามฤดูนาปีภาคใต้ ซึ่งจะปักดำกลางเดือนกันยายน
ข้าวสังข์หยดมีลักษณะแตกต่างจากข้าวพันธุ์อื่น คือข้าวสารหรือข้าวกล้องที่มีเหยื้อหุ้มเมล็ดสีขาวปนสีแดงจางๆจนถึงสีแดงเข้ม
ในเมล็ดเดียวกันเมื่อข้าวหุงสุกมีความนุ่มมากและยังคงนุ่มอยู่เมื่อเย็นตัวลง
ข้าวสังข์หยดนอกจากมีความนุ่มอร่อยแล้วยังให้คุณค่าทางอาหารสูงกว่าข้าวอื่นๆ
เนื่องจากข้าวสังข์หยดกล้อง มีโปรตีนสูง วิตามินสูง โดยเฉพาะไนอะซีนซึ่งมีมากเมื่อเทียบกับในข้าวสายพันธุ์อื่นๆ
คุณค่าทางอาหารของข้าวสังข์หยดต่อน้ำหนัก 100 กรัมพลังงาน 375 กิโลแครอรี่
โปรตีน 8.7 กรัม
คาร์โบไฮเดรท 73.3 กรัม
เส้นใย 2.4 กรัม
แคลเซี่ยม 13 มิลลิกรัม
ฟอสฟอรัส 317 มิลลิกรัม
ธาตุเหล็ก 1.4 มิลลิกรัม
วิตามินบี 1 0.60 มิลลิกรัม
วิตามิล บี 2 0.01 มิลลิกรัม
ไนอะซีน 7.2 มิลลิกรัม
(ข้อมูลจากสถาบันวิจัยโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล พศ. 2548)
ในส่วนของจังหวัดพัทลุง ผลิตภัณฑ์ของกลุ่มแม่บ้านจังหวัดพัทลุง
จัดจำหน่วย-ข้าวกล้องสังข์หยด
-ข้าวซ้อมมือสังข์หยด
-รำข้าวและจมูกข้าวสังข์หยด มีสรรพคุณ แก้โรคเหน็บชา โลหิตจาง
วิธีรับประทาน ละลายในน้ำร้อน หรือผสมในเครื่องดื่ม เช่น โอวัลติน กาแฟ สนับสนุนผลิตภัณฑ์ของกลุ่มแม่บ้านจังหวัดพัทลุง สนับสนุนข้าวสังข์หยด
ที่เปี่ยมด้วยคุณค่าทางโภชนาการและมีประโยชน์ต่อสุขภาพมาก
สามารถติดต่อสั่งซื้อได้ที่ โทร. 080- 994 0912การหุงข้าวกล้องข้าวกล้องเมื่อหุงแล้วข้าวจะแข็งกว่าข้าวขาว มีทั้งสูตรแช่น้ำและไม่แช่น้ำ
หุงแบบไหนก็ได้ตามสะดวก ถ้าแช่น้ำไว้ก่อน 30 นาที ก็ใส่น้ำน้อยหน่อย
เคล็ดลับอีกอย่างหนึ่งคือ บีบมะนาวลงไปสักเสี้ยวหนึ่งจะช่วยให้ข้าวนุ่มขึ้น
อัตราส่วนที่ใช้ข้าวกล้องแช่น้ำ 1 ส่วน : น้ำ 1.5 ส่วน
ข้าวกล้องไม่แช่น้ำ 1 ส่วน : น้ำ 1.75 ส่วน
ปัจจุบันข้าวสังข์หยดเป็นข้าวเศรษฐกิจของจังหวัดพัทลุง เป็นที่ต้องการของตลาดทั้งภายในประเทศและนอกประเทศ หาซื้อได้ที่ร้านโครงการหลวง ห้างสรรพสินค้าทั่วไป
ขอบคุณภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต
ดูรายละเอียดทั้งหมด
ของโครงการพัฒนาพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนังอันเนื่องมาจากพระราชดำริ http://www.rid.go.th/royalproject/index.php?option=com_content&view=article&catid=66%3A2009-05-04-07-29-58&id=34%3A2009-05-13-17-51-44&Itemid=9