Page 5 of 8

Re: อ่านแล้วน้ำตาไหลครับ ในหลวงในดวงใจชาวไทยทุกคน

PostPosted: Wed May 26, 2010 3:47 pm
by noway2know


The Greatest of The Kings The Greetings of The Land
ซึ่งเป็นกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ
เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 82 พรรษา 5 ธันวาคม 2552
โดยเป็นครั้งแรกของประเทศไทยกับการแสดง 4D Vistual Light & Sound
คือการถ่ายทอดเรื่องราวของตัวแสดงผ่านภาพที่มีความกว้าง ยาว และลึก
ซึ่งใช้อุปกรณ์ที่ทันสมัยในการฉายขึ้นบนพระที่นั่งอนันตสมาคม

Re: อ่านแล้วน้ำตาไหลครับ ในหลวงในดวงใจชาวไทยทุกคน

PostPosted: Wed May 26, 2010 3:51 pm
by noway2know


เรารักในหลวง....รวมภาพประทับใจเกี่ยวกับพ่อ

Re: อ่านแล้วน้ำตาไหลครับ ในหลวงในดวงใจชาวไทยทุกคน

PostPosted: Wed May 26, 2010 3:56 pm
by noway2know


"พ่อ...The Greatest of The Kings The Greetings of The Land"

Re: อ่านแล้วน้ำตาไหลครับ ในหลวงในดวงใจชาวไทยทุกคน

PostPosted: Wed May 26, 2010 11:06 pm
by noway2know
ภาพถ่ายฝีพระหัตถ์

Image
Image
Image
Image
Image
Image
Image
Image
Image
Image
ImageImage
ImageImage

Re: อ่านแล้วน้ำตาไหลครับ ในหลวงในดวงใจชาวไทยทุกคน

PostPosted: Wed May 26, 2010 11:22 pm
by noway2know
Image

การถ่ายภาพเป็นศิลปะอีกสาขาหนึ่งที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
สนพระหฤทัยอย่างจริงจังมาตั้งแต่ครั้งยังทรงพระเยาว์
เป็นที่ทราบกันทั่วไปว่าในสมัยก่อนนั้น
อุปกรณ์การถ่ายภาพต่าง ๆ ยังไม่ทันสมัยอย่างในปัจจุบันนี้แต่พระองค์ก็ทรงศึกษา
และทรงฝึกด้วยพระองค์เอง จนทรงเป็นนักถ่ายรูปที่มีพระปรีชาสามารถยิ่ง
ไม่ว่าจะเป็นกล้องธรรมดาหรือกล้องถ่ายภาพยนตร์ได้เริ่มทรงกล้องถ่ายภาพคู่พระหัตถ์
และทรงใช้ฟิล์มตั้งแต่ขนาด ๑๓๕ จนถึงขนาด ๑๒๐ และขนาดพิเศษ
กล้องถ่ายภาพที่ทรงใช้ในระยะเริ่มแรกเป็นกล้องที่ไม่มีเครื่องวัดแสงในตัว
จึงต้องใช้พระราชวิจารณญาณอย่างรอบคอบละเอียดถี่ถ้วนพร้อมทั้ง
พระปรีชาสามารถส่วนพระองค์ จึงทรงถ่ายภาพได้อย่างเชี่ยวชาญมั่นพระราชหฤทัย

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเชี่ยวชาญแม้กระทั่งการล้างฟิล์ม
การอัดขยายภาพทั้งภาพขาวดำ และภาพสี (Dark Room) ขึ้นในบริเวณชั้นล่าง
ของตึกที่ทำการสถานีวิทยุ อ.ส. ด้วยพระราชประสงค์ที่จะทรง "สร้างภาพ"
ให้เป็นศิลปะถูกต้องและรวดเร็วด้วยพระองค์เอง นอกจากนี้ทรงคิดค้นหาเทคนิคใหม่ๆ
มาใช้ในการถ่ายภาพอยู่เสมอๆ จนทำให้ภาพถ่ายฝีพระหัตถ์ของพระองค์เป็นผลงานศิลปะที่ล้ำยุค

ด้วยความที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวโปรดการถ่ายภาพและทรงถ่ายภาพต่างๆ
อยู่เป็นประจำ ภาพถ่ายฝีพระหัตถ์เคยไปปรากฏตามหน้านิตยสาร เมื่อราวปีพุทธศักราช ๒๔๘๓ ภาพถ่ายฝีพระหัตถ์ของพระองค์ได้ปรากฏอยู่ในนิตยสารแสตนดาร์ดของพระวรวงศ์เธอ
พระองค์เจ้าเปรมบุรฉัตร ทรงมีพระราชดำรัสด้วยพระอารมณ์ขันแก่ผู้ใกล้ชิดผู้หนึ่ง
ถึงการเป็นช่างภาพอาชีพของพระองค์ว่า"ฉันเป็นกษัตริย์ก็จริงแต่ฉันก็ยังมีอาชีพเป็นช่างภาพของหนังสือพิมพ์แสตนดาร์ด ได้เงินเดือนละ ๑๐๐ บาท ตั้งหลายปีมาแล้วจนบัดนี้
ก็ยังไม่เห็นเขาขึ้นเงินเดือนให้สักที เขาก็คงถวายเดือนละ ๑๐๐ บาท อยู่เรื่อยมา"

เมื่อครั้งที่เสด็จขึ้นครองราชสมบัติใหม่ ๆ โปรดที่จะถ่ายภาพสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ พร้อมพระราชโอรสและพระราชธิดา โดยเฉพาะเมื่อได้ทรงเสด็จแปรพระราชฐานไปประทับ ณ พระตำหนักภูพิงราชนิเวศน์ ซึ่งมีภูมิประเทศที่สวยงามเหมาะแก่การถ่ายภาพ

ในปัจจุบันเมื่อสถานการณ์บ้านเมืองเปลี่ยนแปลงไป พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชหฤทัยเต็มเปี่ยมไปด้วยความห่วงใย และความเสียสละเพื่อพสกนิกร จึงทำให้ทรงมีพระราชภารกิจอันมากมายมหาศาลเพื่อบำบัดทุกข์บำรุงสุขให้แก่ราษฎร ไม่มีเวลาสำหรับคิดค้นเทคนิคใหม่ๆ ในการถ่ายภาพได้อีก จะทรงถ่ายภาพก็ได้แต่เฉพาะในคราวที่เสด็จฯ ไปราชการตามสถานที่ต่างๆ เท่านั้น ภาพถ่ายฝีพระหัตถ์เหล่านี้ทรงใช้เพื่อประกอบการทรงงานของพระองค์ จะสังเกตได้ว่า ไม่ว่าพระองค์จะเสด็จฯ ไป ทรงเยี่ยมราษฎร ณ จังหวัดใด ก็จะทรงมีกล้องถ่ายรูปติดพระองค์ไปด้วยเสมอ โปรดถ่ายภาพสถานที่ทุกแห่งเพื่อทรงเก็บไว้เป็นหลักฐานประกอบงานที่ได้ทรงปฏิบัติ

ภาพถ่ายฝีพระหัตถ์เหล่านี้ จึงมักเป็นภาพถ่ายแบบฉับพลัน ทันเหตุการณ์ ซึ่งถ่ายได้ครั้งเดียวด้วยไหวพริบ ไม่มีเวลาจ้องหาแง่มุมแต่ด้วยพระปรีชาสามารถเราจึงได้เห็นภาพฝีพระหัตถ์อันคมชัดและมีศิลปะในการจัดองค์ประกอบของภาพ ภาพถ่ายฝีพระหัตถ์ในระยะหลัง ๆ นี้ ทรงใช้เป็นหลักฐานในการวางแผนปฏิบัติ งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวดเร็วทันใจและสามารถแก้ไขเหตุการณ์ของบ้านเมืองได้ทันท่วงทีเช่นเมื่อคราวน้ำท่วมกรุงเทพฯหลายครั้งได้ทรงถ่ายภาพจุดสำคัญๆ ไว้เป็นหลักฐานการวางแผนป้องกันน้ำท่วมทางเฮลิคอปเตอร์

ภาพถ่ายฝีพระหัตถ์ทั้งหลายล้วนแสดงให้เห็นว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมิได้ทรงถ่ายภาพเพื่อศิลปะแต่เพียงอย่างเดียว เพราะแต่ละภาพทรงไว้ซึ่งคุณค่าทางศิลปะและวิชาการสามารถนำมาใช้ประโยชน์เพื่อการพัฒนาประเทศชาติบ้านเมืองและนำความผาสุกร่มเย็นมาสู่ประชาชนชาวไทยได้อย่างดีอีกด้วย

Image
Image
Image
Image
Image
Image
Image

Re: อ่านแล้วน้ำตาไหลครับ ในหลวงในดวงใจชาวไทยทุกคน

PostPosted: Thu May 27, 2010 12:07 am
by noway2know
noway2know wrote:Image

การถ่ายภาพเป็นศิลปะอีกสาขาหนึ่งที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
สนพระหฤทัยอย่างจริงจังมาตั้งแต่ครั้งยังทรงพระเยาว์
เป็นที่ทราบกันทั่วไปว่าในสมัยก่อนนั้น
อุปกรณ์การถ่ายภาพต่าง ๆ ยังไม่ทันสมัยอย่างในปัจจุบันนี้แต่พระองค์ก็ทรงศึกษา
และทรงฝึกด้วยพระองค์เอง จนทรงเป็นนักถ่ายรูปที่มีพระปรีชาสามารถยิ่ง
ไม่ว่าจะเป็นกล้องธรรมดาหรือกล้องถ่ายภาพยนตร์ได้เริ่มทรงกล้องถ่ายภาพคู่พระหัตถ์
และทรงใช้ฟิล์มตั้งแต่ขนาด ๑๓๕ จนถึงขนาด ๑๒๐ และขนาดพิเศษ
กล้องถ่ายภาพที่ทรงใช้ในระยะเริ่มแรกเป็นกล้องที่ไม่มีเครื่องวัดแสงในตัว
จึงต้องใช้พระราชวิจารณญาณอย่างรอบคอบละเอียดถี่ถ้วนพร้อมทั้ง
พระปรีชาสามารถส่วนพระองค์ จึงทรงถ่ายภาพได้อย่างเชี่ยวชาญมั่นพระราชหฤทัย

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเชี่ยวชาญแม้กระทั่งการล้างฟิล์ม
การอัดขยายภาพทั้งภาพขาวดำ และภาพสี (Dark Room) ขึ้นในบริเวณชั้นล่าง
ของตึกที่ทำการสถานีวิทยุ อ.ส. ด้วยพระราชประสงค์ที่จะทรง "สร้างภาพ"
ให้เป็นศิลปะถูกต้องและรวดเร็วด้วยพระองค์เอง นอกจากนี้ทรงคิดค้นหาเทคนิคใหม่ๆ
มาใช้ในการถ่ายภาพอยู่เสมอๆ จนทำให้ภาพถ่ายฝีพระหัตถ์ของพระองค์เป็นผลงานศิลปะที่ล้ำยุค

ด้วยความที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวโปรดการถ่ายภาพและทรงถ่ายภาพต่างๆ
อยู่เป็นประจำ ภาพถ่ายฝีพระหัตถ์เคยไปปรากฏตามหน้านิตยสาร เมื่อราวปีพุทธศักราช ๒๔๘๓ ภาพถ่ายฝีพระหัตถ์ของพระองค์ได้ปรากฏอยู่ในนิตยสารแสตนดาร์ดของพระวรวงศ์เธอ
พระองค์เจ้าเปรมบุรฉัตร ทรงมีพระราชดำรัสด้วยพระอารมณ์ขันแก่ผู้ใกล้ชิดผู้หนึ่ง
ถึงการเป็นช่างภาพอาชีพของพระองค์ว่า"ฉันเป็นกษัตริย์ก็จริงแต่ฉันก็ยังมีอาชีพเป็นช่างภาพของหนังสือพิมพ์แสตนดาร์ด ได้เงินเดือนละ ๑๐๐ บาท ตั้งหลายปีมาแล้วจนบัดนี้
ก็ยังไม่เห็นเขาขึ้นเงินเดือนให้สักที เขาก็คงถวายเดือนละ ๑๐๐ บาท อยู่เรื่อยมา"

เมื่อครั้งที่เสด็จขึ้นครองราชสมบัติใหม่ ๆ โปรดที่จะถ่ายภาพสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ พร้อมพระราชโอรสและพระราชธิดา โดยเฉพาะเมื่อได้ทรงเสด็จแปรพระราชฐานไปประทับ ณ พระตำหนักภูพิงราชนิเวศน์ ซึ่งมีภูมิประเทศที่สวยงามเหมาะแก่การถ่ายภาพ

ในปัจจุบันเมื่อสถานการณ์บ้านเมืองเปลี่ยนแปลงไป พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชหฤทัยเต็มเปี่ยมไปด้วยความห่วงใย และความเสียสละเพื่อพสกนิกร จึงทำให้ทรงมีพระราชภารกิจอันมากมายมหาศาลเพื่อบำบัดทุกข์บำรุงสุขให้แก่ราษฎร ไม่มีเวลาสำหรับคิดค้นเทคนิคใหม่ๆ ในการถ่ายภาพได้อีก จะทรงถ่ายภาพก็ได้แต่เฉพาะในคราวที่เสด็จฯ ไปราชการตามสถานที่ต่างๆ เท่านั้น ภาพถ่ายฝีพระหัตถ์เหล่านี้ทรงใช้เพื่อประกอบการทรงงานของพระองค์ จะสังเกตได้ว่า ไม่ว่าพระองค์จะเสด็จฯ ไป ทรงเยี่ยมราษฎร ณ จังหวัดใด ก็จะทรงมีกล้องถ่ายรูปติดพระองค์ไปด้วยเสมอ โปรดถ่ายภาพสถานที่ทุกแห่งเพื่อทรงเก็บไว้เป็นหลักฐานประกอบงานที่ได้ทรงปฏิบัติ

ภาพถ่ายฝีพระหัตถ์เหล่านี้ จึงมักเป็นภาพถ่ายแบบฉับพลัน ทันเหตุการณ์ ซึ่งถ่ายได้ครั้งเดียวด้วยไหวพริบ ไม่มีเวลาจ้องหาแง่มุมแต่ด้วยพระปรีชาสามารถเราจึงได้เห็นภาพฝีพระหัตถ์อันคมชัดและมีศิลปะในการจัดองค์ประกอบของภาพ ภาพถ่ายฝีพระหัตถ์ในระยะหลัง ๆ นี้ ทรงใช้เป็นหลักฐานในการวางแผนปฏิบัติ งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวดเร็วทันใจและสามารถแก้ไขเหตุการณ์ของบ้านเมืองได้ทันท่วงทีเช่นเมื่อคราวน้ำท่วมกรุงเทพฯหลายครั้งได้ทรงถ่ายภาพจุดสำคัญๆ ไว้เป็นหลักฐานการวางแผนป้องกันน้ำท่วมทางเฮลิคอปเตอร์

ภาพถ่ายฝีพระหัตถ์ทั้งหลายล้วนแสดงให้เห็นว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมิได้ทรงถ่ายภาพเพื่อศิลปะแต่เพียงอย่างเดียว เพราะแต่ละภาพทรงไว้ซึ่งคุณค่าทางศิลปะและวิชาการสามารถนำมาใช้ประโยชน์เพื่อการพัฒนาประเทศชาติบ้านเมืองและนำความผาสุกร่มเย็นมาสู่ประชาชนชาวไทยได้อย่างดีอีกด้วย

Image
Image
Image
Image
Image
Image
Image


อ้างอิง : http://kanchanapisek.or.th/

Re: อ่านแล้วน้ำตาไหลครับ ในหลวงในดวงใจชาวไทยทุกคน

PostPosted: Thu May 27, 2010 1:07 am
by คิคิ
พระองค์ทรงมีบุญบารมีมาก
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อครับ

เพราะผมได้ไปรับเสด็จตอนที่พระองค์ออกจาก รพ ศิริราช
ผมมองพระองค์ในรถพระที่นั่งผ่านไปแวบเดียว ผมก็ขนลุกซู่ และเกิดปิติอย่างมหัศจรรย์


ขอพระองค์ทรงพระเจริญ

Re: อ่านแล้วน้ำตาไหลครับ ในหลวงในดวงใจชาวไทยทุกคน

PostPosted: Thu May 27, 2010 6:32 pm
by noway2know
Image

" สิ่งที่ทรงหวัง "

ครั้งหนึ่งขณะเสด็จฯ เยี่ยมเยียนราษฎรในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

ผู้สื่อข่าวต่างประเทศคนหนึ่ง ได้ขอพระราชทานสัมภาษณ์
และได้กราบบังคมทูลถามว่า

การที่เสด็จฯ เยี่ยมราษฎร และมีโครงการตามพระราชดำริเกิดขึ้นมากมายนั้น
ทรงหวังว่าจะให้คอมมิวนิสต์น้อยลงใช่หรือไม่

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงรับสั่งตอบว่า

" มิได้ทรงสนพระทัยว่าคอมมิวนิสต์จะน้อยลงหรือไม่
แต่ทรงสนพระทัยว่าประชาชนของพระองค์ จะหิวน้อยลงหรือไม่ "


Image

Re: อ่านแล้วน้ำตาไหลครับ ในหลวงในดวงใจชาวไทยทุกคน

PostPosted: Thu May 27, 2010 6:37 pm
by steviegear
แบบนี้หมายความว่าควายแดงไม่ใช่คนไทย

Re: อ่านแล้วน้ำตาไหลครับ ในหลวงในดวงใจชาวไทยทุกคน

PostPosted: Thu May 27, 2010 6:43 pm
by noway2know
Image

"น้ำลดแล้วหรือยัง"

หลายปีมาแล้วเมื่อครั้งน้ำท่วมภาคใต้ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา
ได้รับผลกระทบหนักที่สุด เป็นช่วงเวลาที่การสื่อสารแห่งประเทศไทยได้นำ
เครื่องโทรพิมพ์มาติดตั้งที่ห้องทรงงานใหม่ๆ ข้าราชสำนักท่านหนึ่งเล่าให้ฟังว่า
แม้ดึกดื่นเที่ยงคืนแล้วพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ก็ยังไม่เสด็จขึ้นห้องบรรทม
แต่ทรงคอยติดตามข่าวเรื่องอุทกภัยที่หาดใหญ่อยู่อย่างใกล้ชิด
ด้วยทรงห่วงใยราษฏรจึงทรงส่งคำถามผ่านเครื่องโทรพิมพ์ด้วย
พระองค์เองถามไปทางหาดใหญ่ว่า "น้ำลดแล้วหรือยัง"

โดยที่ไม่ทราบว่าผู้ส่งคำถามมานั้นคือพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
คำตอบที่มีผ่านมาทางเครื่องโทรพิมพ์เมื่อเวลาตีสามมีข้อความ
ที่ตอบด้วยความไม่พอใจว่า
"ถามอะไรอยู่ได้ ดึกดื่นป่านนี้แล้วคนเขาจะหลับจะนอน"
แต่ตอนท้ายของคำตอบก็ไม่ลืมที่จะบอกด้วยว่า "น้ำลดแล้ว"

Image

Re: อ่านแล้วน้ำตาไหลครับ ในหลวงในดวงใจชาวไทยทุกคน

PostPosted: Thu May 27, 2010 6:56 pm
by noway2know
steviegear wrote:แบบนี้หมายความว่าควายแดงไม่ใช่คนไทย


ทุกคนเป็นคนไทยโดยเท่าเทียมกัน
ความช่วยเหลือของในหลวง ไม่ได้แบ่งแยก ว่าลูกเป็นลูกประเภทไหน
ในหลวงทรงทำแต่ความดีเพื่อคนในประเทศ พยายามให้แต่สิ่งดีๆ
เราควรปฎิบัติกลับคืนแบบไหน...ให้กับพระองค์ท่าน
กลับไปคิดกันเองแล้วกันค่ะ
เรื่องของในหลวง กับเรื่องของรัฐบาล แยกกันให้ออก
คนละส่่วนกัน กระทู้นี้ขอความกรุณาสุภาพด้วย ขอบคุณค่ะ

Re: อ่านแล้วน้ำตาไหลครับ ในหลวงในดวงใจชาวไทยทุกคน

PostPosted: Thu May 27, 2010 7:59 pm
by กรกช
พระราชดำรัสของในหลวง มีเหตุ และ ผล และแฝงไปด้วยคุณธรรมตามหลักพุทธศาสนาทั้งสิ้น
บุคคลใดที่คิดค้นปรัชญาเหล่านี้ได้ ต้องเป็นคนที่ตั้งมั่น ยึดมั่นในคุณธรรม

การช่วยเหลือคนอื่น เรียกว่า การทำดี

คนมีสถานะที่จะสามารถหาความสุขได้แทบทุกอย่างในโลกนี้ โดยไม่จำเป็นต้องทำอะไร
แต่กลับใช้เวลาแทบทั้งชีวิตทำเพื่อคนอื่น

เรียกว่า คนดี

ถ้าเราไม่เห็นแก่ตัว คิดถึงใจเขา ใจเรา เราจะเข้าใจคนอื่น
ถ้าเรามีความรู้สึกอยากช่วยเหลือคนอื่นด้วยความบริสุทธิ์ใจ มีความสุขในการช่วยเหลือคนอื่น

เราจะเข้าใจสิ่งที่ในหลวงทำเพื่อคนไทยมากว่า 60 ปี

ขอพระองค์ทรงพระเจริญ มีพระพลานามัยแข็งแรง เป็นมิ่งขวัญของพสกนิกรชาวไทยสืบไปตราบนานเท่านาน

Re: อ่านแล้วน้ำตาไหลครับ ในหลวงในดวงใจชาวไทยทุกคน

PostPosted: Tue Jun 01, 2010 3:48 am
by noway2know
Image
ท่ามกลางซากปรักหักพัง....ของการเผาทำลาย
สิ่งที่ผู้หญิงคนนี้เลือกกลับบ้านจากร้านของเธอคือ
....รูปของในหลวงกับพระเทพ....
สิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจของคนไทย....ศูนย์รวมดวงใจของคนไทยทั้งชาติ


ขอขอบคุณภาพจาก : Michael Yon
http://www.facebook.com/album.php?id=207730000664&aid=135781&s=160&hash=8500143accb870ac42a1fb86353673b3#!/album.php?id=207730000664&aid=135781&s=440&hash=aa46f3c942d805c0fafebc9ce6273777

Re: อ่านแล้วน้ำตาไหลครับ

PostPosted: Tue Jun 01, 2010 10:37 am
by blackjack007
noway2know wrote:Image

ในหลวง....ทรงเป็นห่วงประชาชนภาคอิสานมาก
อันนี้ขอโพสด้วยความรู้สึกส่วนตัวในฐานะคนใต้ ที่ญาิติพี่น้อง3คน
ทำงานในส่วนของภาคอิสานยาวนาน สานต่อในโครงการพระราชดำริ

ภาคอิสานและภาคเหนือมีโครงการพระราชดำริมากที่สุดในประเทศไทย

โครงการวิจัยพันธุ์ข้าวเพื่อปรับปรุงคุณภาพพันธุ์
โครงการพัฒนาที่ดิน เพื่อปรับปรุงสภาพดินทรงเน้นให้ใช้เกษตรอินทรีย์
เวลาที่เรียกเข้าเฝ้า เนื่องจากช่วงหลังพระองค์สุขภาพไม่ดีพอ ที่จะเสด็จไปดูได้ด้วยพระองค์เอง
ในหลวงจะสอบถามงานที่ดำเนินการต่อเนื่องเสมอ พระองค์ทรงตรัสว่า ฉันเป็นห่วงภาคอิสานมากเพราะรายได้ของประชาชนน้อยกว่าภาคอื่นและสภาพดินไม่เหมาะสมกับเพราะปลูก ถ้าเราทำตัวอย่างและแนะนำชาวบ้านให้ใช้เกษตรอินทรีย์ เหมือนการเติมอาหารให้ดินไปเรือยและยั่งยืนในการแก้สภาพดิน

โครงการพวกนี้เป็นโครงการที่ยาวนานมาก....จนกระทั่งทุกวันนี้พระองค์ก็ยังทรงอยู่เืบื้องหลังเสมอ
กรมพัฒนาที่ดินเป็นหน่วยงานทีี่ทำงานรับใช้ต่อเนื่องและมีโครงการพระราชดำริในภาคอิสานมากที่สุด

Image

พระราชดำรัสในหลวงต่อเจ้าหน้าที่ ปัญหาแรกต้องแก้ที่ดิน การเกษตรได้ผล ชาวบ้านก็จะมีกำลังใจมากขึ้น

การวิจัยยางพาราในภาคอิสาน เพื่อให้พี่น้องชาวอิสานมีรายได้ที่ยั่งยืน
พระองค์ตรัสว่าชาวบ้านที่ภาคใต้ ส่งลูกเีรียนหนังสือได้เพราะมีรายได้จากสวนยางพารา ที่เป็นอาชีพที่ยั่งยืน ไม่ต้องรอฝน ในการทำนา ทำการเกษตรเหมือนพี่น้องชาวอิสาน ภาคอิสานน่าจะปลูกยางได้เช่นเดียวกับภาคใต้ ชาวบ้านก็จะได้มีเงินส่งลูกเรียนหนังสือ ความเป็นอยู่ดีขึ้น

จึงเป็นที่มาของโครงการให้หน่วยงานราชการ ....โครงการทำการวิจัยดินเพื่อการปลูกยางพารา
ซึ่งพระองค์ทรงทำต่อเนื่องมาตลอด ทรงอยู่เบื้องหลังหน่วยงานของรัฐ และติดตามผลการทำงานอยู่เสมอ


ดินทุกก้อนที่ถูกนำมาจากทุกจังหวัดของภาคอิสาน...สู่หลอดทดลอง...วิจัยดินและพันธุ์พืช....พระองค์ทรงทำด้วยพระองค์เองด้วย...น้ำตาไหลทุกครั้งเวลาดูกล้าพันธุ์และหลอดดิน....พี่ชายบอกเสมอว่าดีใจได้ทำงานกับในหลวง

แต่น่าเศร้าใจที่โครงการยางล้านไร่ของภาคอิสานในสมัยรัฐบาลทักษิณ กลับเป็นการการนำโครงการพระราชดำริที่จุดประกายความหวังในการอยู่ดีกินดีให้กับชาวบ้าน เป็นการฮั้วกับบริษัทเอกชน ผลประโยชน์เข้ากลับสู่ผู้เกี่ยวข้องและพวกพ้วง แทนที่จะทำเพื่อช่วยเหลือชาวบ้านจริงๆ นำต้นยางคุณภาพต่ำให้ชาวบ้านไปปลูก และมีการทุจริตอย่างมหาศาล นำไปสู่ความล้มเหลวของโครงการ ซึ่งส่วนนี้ไม่เกี่ยวข้องกับโครงการพระราชดำริ งานในส่วนของพระองค์ก็ยังมีต่อเนื่องมาจวบจนทุกวันนี้ พระองค์ไม่เคยทอดทิ้งพี่น้องชาวอิสาน

Image

ใครจะรู้บ้างว่าทุกปีสมเด็จพระราชินี นอกจากสนับสนุนงานฝีมือผ้าไหม ของพีน้องชาวอิสาน รับเด็กที่ยากจนเข้าโครงการศิลปาชีพ เพื่อเรียนงานฝีมือ โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ศิลปาชีพ ผลิตนักเรียนออกไปเป็นจำนวนมากที่จบการศึกษาออกไป

ทุกครั้งที่มีการถวายผ้าไหมให้กับพระราชินี ภายหลังพระองค์ท่าน จะให้เจ้าหน้าที่นำเงินของพระองค์ท่าน ให้ชาวบ้านที่ถวายผ้าไหมต่อคน 15,000 บ.เสมอ ทรงตรัสว่าฉันใ้ห้เขา เป็นกำลังใจให้เขา อย่าทิ้งการทอผ้า

Image

ทุกๆปี ช่วงเดือนธันวาคม ประมาณวันที่ 9-27 ธ.ค. 2552 โดยมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพ ของสมเด็จพระราชินี จะทำผลิตภัณฑ์ทั้งหมด ที่พระองค์ทรงได้รับมาจากชาวบ้าน และทรงซื้อ เพื่อช่วยเหลือ พี่น้อง ชาวอิสาน ชาวเหนือ และภาคอื่นๆทั่วประเทศ มาจำหน่ายในราคาถูก ทุกปี เพื่อให้คนไทยได้ซื้อเป็นของขวัญปีใหม่ให้แก่กัน และเป็นการช่วยเหลือชาวบ้าน มีสินค้าในโครงการพระราชดำริทั้งหมดของทุกภาคมาจัดจำหน่วย ในราคาพิเศษ แต่พระองค์ท่านทั้ง2 ทรงจ่ายให้ชาวบ้านในราคาที่สูง อย่าแปลกใจถ้าไปที่นั่น ผ้าไหม ผ้าทอ ผ้าพันคอปักฝีมือชาวเขา ทุกอย่างมีตั้งแต่ชิ้นละ 10 บาท ทุกครั้งที่ไปงานศิลปาีชีพ และแนะนำคนอื่นไป ภาคภูมิใจมากที่เกิดเป็นประชาชน ของพระองค์ท่าน

ImageImageImageImage

อยากให้พี่น้องคนไทย ช่วยกันอุดหนุนสินค้าร้านโครงการหลวงกันเยอะๆ
สินค้าที่นั่นเงินจะกลับสู่ชาวบ้านในรูปของสหกรณ์ สินค้าไม่ได้ราคาแพงเลยเมื่อเปรียบเทีียบกับคุณภาพ
ภาคภูมิใจทุกครั้งที่ได้อุดหนุนสินค้าที่นั่น


สินค้าโครงการหลวงภายใต้ตรา ดอยคำ
มีสาขาที่สนามบินดอนเมือง อาคารขาออก ภายในประเทศ
สาขาตลอดบองมาเช่
สาขาภายในมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
สาขาดิโอลด์สยามพลาซ่า
สาขาสนามบินสุวรรณภูิมิ
ชั้นใต้ดิน ห้าง J.J. Mall จตุจักร
หน้าท๊อปฟิวเจอร์ปาร์ค สาขารังสิต ชั้นใต้ดิน
ร้านดอยคำ สาขาวงแหวนกาญจนาภิเษก
ร้าน โครงการหลวง สาขาเดอะมอลล์บางแค
ตามจังหวัดต่างๆ
เข้าไปดูรายละเอียดได้ที่ เวบไซท์ดอยคำ สินค้าจริงที่ร้านจะมีหลากหลายมากกว่าในเวบไซท์

http://www.doikham.co.th/aboutus_th.php

ImageImageImage
ImageImageImageImage

สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี เคยมีรับสั่งกับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ถึงความหมายของพระนาม "ภูมิพล" ไว้ว่า "อันที่จริงเธอก็ชื่อภูมิพล ที่แปลว่า กำลังของแผ่นดิน แม่อยากให้เธออยู่กับดิน"

ต่อมาภายหลัง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระราชปรารภถึงสิ่งที่สมเด็จพระบรมราชชนนนีเคย รับสั่งว่า "เมื่อฟังคำพูดนี้แล้วก็กลับมาคิด ซึ่งแม่ก็คงจะสอนเรา และมีจุดมุ่งหมายว่า อยากให้เราติดดินและอยากให้ทำงานให้ทำงานแก่ประชาชน"

ในหลวงไม่เคยทรงโอ้อวด ทวงบุญคุณในสิ่งที่พระองค์ทรงทำ แต่พวกเราต่างหากที่อยากถ่ายทอดไปสู่...คนอื่นๆด้วยความภาคภูมิใจว่า...เรามีพระมหากษัตริย์ที่ดีที่สุดในโลก...เรารักในหลวง :D ยอมตายเพื่อบุคคลที่ทำประโยชน์ต่อแผ่นดิน...ดีกว่ายอมตายเพื่อคนโกงชาติ

ฮือๆๆๆ แงๆๆๆๆๆ ตื้นตันใจมากครับ ขอบคุณสำหรับข้อมูลมากๆครับ ผมจะนำไปเผยแพร่ให้คนแถวบ้านผมได้เข้าใจว่าการพึ่งพาตนเองนั้นดีที่สุดแล้ว รู้ว่าพอเพียงนั้นเป็นเช่นไร ไม่ต้องไปใช้แต่ปุ๋ยเคมีและที่สำคัญ จะได้ไม่ต้องเห็น "แม้ว"เป็นเทพเจ้าสำหรับพวกเขา

Re: อ่านแล้วน้ำตาไหลครับ ในหลวงในดวงใจชาวไทยทุกคน

PostPosted: Tue Jun 01, 2010 10:51 am
by devilmentsz
ผมรักในหลวงครับ

Re: อ่านแล้วน้ำตาไหลครับ ในหลวงในดวงใจชาวไทยทุกคน

PostPosted: Tue Jun 01, 2010 11:28 am
by khundaan
steviegear wrote:แบบนี้หมายความว่าควายแดงไม่ใช่คนไทย

ถึงตรงนี้สมองมันยังไม่รับรู้อะไร ก็เชิญเป็นควายต่อไปเถอะคับ



ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน

Re: อ่านแล้วน้ำตาไหลครับ ในหลวงในดวงใจชาวไทยทุกคน

PostPosted: Tue Jun 01, 2010 4:46 pm
by finch
รักในหลวงค่ะ
สงสารท่าน ที่คนในบ้านต้องมาทะเลาะกัน เพราะคนเนรคุณแผ่นดิน

Re: อ่านแล้วน้ำตาไหลครับ ในหลวงในดวงใจชาวไทยทุกคน

PostPosted: Tue Jun 01, 2010 4:54 pm
by paradon
Image

Re: อ่านแล้วน้ำตาไหลครับ ในหลวงในดวงใจชาวไทยทุกคน

PostPosted: Tue Jun 01, 2010 6:43 pm
by khundaan
ชีวิตข้าฯ มีพ่อเหนือหัวพระองค์เดียว

ไอ้จ้าวมูล(ขี้)แม้วไปใกลๆตรีน

Re: อ่านแล้วน้ำตาไหลครับ ในหลวงในดวงใจชาวไทยทุกคน

PostPosted: Wed Jun 02, 2010 7:05 am
by noway2know
Image

วาเด็ง ปูเต๊ะ พระสหายแห่งสายบุรี "เป๊าะไม่สามารถขอให้คนไทยทุกคนรักในหลวงอย่างที่เป๊าะรัก แต่เป๊าะรักในหลวงหมดหัวใจ"




เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2535
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้เสด็จพระราชดำเนินไปโครงการพัฒนาพรุแฆแฆ อ.สายบุรี จ.นราธิวาส ซึ่งพื้นที่แห่งนี้เป็นพื้นที่ป่าเสื่อมโทรมขนาดใหญ่ใช้ประโยชน์ไม่ได้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจึงมีพระราชดำรัสให้ศึกษาหาวิธีระบายน้ำในที่ลุ่มยามน้ำหลากและเก็บกักไว้ใช้ยามหน้าแล้ง ชาวบ้านจะได้มีน้ำใช้เพื่อการเพาะปลูกและเพื่อให้ได้ข้อมูลชัดเจนจึงเสด็จพระราชดำเนินไปทอดพระเนตรด้วยพระองค์เอง ณ บ้านเจาะใบ ต.แป้น อ.สายบุรี และได้ประทับทอดพระเนตรพรุแฆแฆด้านตะวันตก และทรงมีพระราชดำริกับชาวบ้านเป็นเวลานาน

จนกระทั่งได้ข้อมูลใหม่จากชาวบ้านจึงสนพระทัยที่จะเสด็จฯไปทอดพระเนตรความเป็นไปได้ในการสร้างอาคารกั้นน้ำที่คลองน้ำจืด บ้านทุ่งเค็จ แต่ติดด้วยเวลาเย็นแล้ว ในขณะที่ไม่ได้เตรียมเส้นทางไว้รอรับเสด็จล่วงหน้า

ที่สำคัญเป็นเส้นทางทุรกันดารและรถยนต์ยังเข้าไปไม่ถึงจุดหมาย เจ้าหน้าที่จึงกราบบังคมทูลว่าเสด็จฯ ไปไม่ได้

“ไปได้” พระราชดำรัสเพียงสั้นๆ

ปู่วาเด็ง ปูเต๊ะ หรือ เป๊าะเด็ง เป็นพระสหายแห่งสายบุรี แม้ในวัย 93 ปี แต่ความจงรักภักดีและซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณไม่เคยเสื่อมคลาย ย้อนเวลากลับไปเมื่อปี 2535 ขณะที่ “เป๊าะเด็ง” กำลังขะมักเขม้นอยู่กับการดูแลต้นทุเรียนและลองกองในสวน ช่วงเวลาใกล้ค่ำได้เห็นคนกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามา หนึ่งในจำนวนนั้นได้กวักมือเรียกให้เข้าไปหา แต่ตัวผู้เฒ่าเองกลับรู้สึกกล้า ๆ กลัว ๆ ไม่กล้าเข้าใกล้ ผู้เฒ่าเห็นทหารกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามาและกล่าวว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จ พระราชดำเนินมาทอดพระเนตรความเป็นไปได้ในการสร้างอาคารกั้นน้ำที่คลองน้ำจืดบ้านทุ่งเค็จ ต.แป้น อ.สายบุรี

Image

“วันนั้นเป๊าะ กำลังทำสวนอยู่กับภรรยา (นางสาลาเมาะ ปูเต๊ะ) บริเวณประตูน้ำบ้านบาเลาะ ต.ปะเสยะวอเป็นป่าทึบ ก็มีคุณหญิงคนหนึ่งมาบอกว่าในหลวง ต้องการพบตัวแต่ภรรยาไม่กล้าไปพบ จนกระทั่งเป๊าะเลี้ยงโคกลับมา ก็มีตำรวจมาตามเป็นครั้งที่สอง เป๊าะ ตกใจมากว่าตำรวจมาตามเรื่องอะไร เพราะไม่ได้ทำอะไรผิด จนกระทั่งสื่อสารกันเข้าใจว่า ในหลวงต้องการมาสร้างฝายกั้นน้ำคลองน้ำจืด บ้านทุ่งเค็จ ต.แป้นอ.สายบุรี เพื่อช่วยเหลือเรื่องแหล่งน้ำแก่ชาวบ้านในการทำการเกษตร เป๊าะถึงกล้าไปพบ แต่ตอนนั้นเป๊าะยังไม่ค่อยเชื่อว่าพระองค์จะเข้ามาอยู่ในป่าในเขาแบบนี้ จึงคิดว่าคนที่มาบอกโกหก ขนาดมาพบพระองค์แล้ว เป๊าะก็ยังไม่แน่ใจว่าเป็น ในหลวงจริงหรือเปล่า จึงแอบหยิบเงินใบละ 100 บาท กับใบละ 20 บาทขึ้นมาดู จึงแน่ใจว่าเป็นพระองค์เสด็จฯมาจริง ๆ

Image

ตอนแรกที่พบในหลวง เป๊าะก็ไม่กล้าเข้าไปใกล้ ๆ เพราะตอนนั้นนุ่งโสร่งตัวเดียว เสื้อไม่ได้ใส่ด้วย แต่พอเข้าไปใกล้ ๆ ในหลวงก็ตรัสเป็นภาษามลายูว่า จะสร้างคลองชลประทานให้ หลังจากนั้น ในหลวง ท่านก็ทรงสอบถามเส้นทางการขุดคลองสายทุ่งเค็จว่ามีเขตติดต่อที่ไหนบ้าง จึงได้เล่าให้ในหลวงทรงทราบว่าคลองเส้นนี้ทางเหนือจะติดเขตพื้นที่ อ.ศรีสาครจ.นราธิวาส ในหลวง ตรัสถามว่าหากออกไปทางทะเลจะมีเกาะกี่เกาะ เป๊าะ ก็ตอบพระองค์ไปว่ามี 4 เกาะ ในหลวง จึงทรงเอาแผนที่ที่นำติดตัวมาออกมาดูอีกครั้ง และตรัสชมว่า วาเด็งเป็นคนรู้พื้นที่จริง…เหมือนกับชาวบ้านอีกหลายพื้นที่ที่พระองค์ เคยเข้าไปช่วยเหลือมาแล้ว พระองค์ยังตรัสด้วยว่า “ไม่ว่าจะไปช่วยใครที่ไหนก็ต้องถามเจ้าของพื้นที่ก่อน…เพราะชาวบ้านจะรู้จริงกว่าคนอื่น”

Image

วันรุ่งขึ้นข้าราชการที่มารับเสด็จก็ต้องตกตะลึงไปตามๆกันเมื่อพระองค์ทรงรับสั่งให้เป๊าะพายเรือให้พระองค์เพื่อทำการสำรวจคลองสายทุ่งเค็จ พระองค์มีพระราชดำรัสถาม พร้อมเปิดแผนที่เพื่อให้รู้ว่าจะสร้างแหล่งชลประทานอย่างไร ตรัสว่า “ให้วาเด็งทำตัวให้สบาย…มีอะไรที่ชาวบ้านเดือดร้อนก็ให้เล่ามาตามความจริง ” เป๊าะ จึงบอก ในหลวง ว่าเมื่อถึงเวลาหน้าฝน น้ำจะท่วม ทำนาไม่ได้ เมื่อถึงหน้าแล้ง ก็ทำนาไม่ได้ เพราะไม่มีน้ำทำให้ชาวบ้านเดือดร้อน พระองค์ก็ตรัสกับ เป๊าะ อย่างไม่ถือพระองค์และตรัสถามอีกว่า ชาวบ้านทำการเกษตรอะไรบ้าง เป๊าะ จึงตอบพระองค์ไปว่าชาวบ้านไม่เดือดร้อนอะไร ทุกคนทำการเกษตรตามวิถีชีวิตของคนชนบท คือ ปลูกพืชผักสวนครัว และทำสวนไว้กินกันทุกบ้าน

Image

จากนั้นในหลวง คงจะทรงลองใจเป๊าะ จึงตรัสถามขอที่ดินเพื่อทำโครงการพระราชดำริ ด้วยความปลาบปลื้ม เป๊าะจึงขอยกที่ดินถวายให้พระองค์ทันที ในหลวงจึงแย้มพระสรวล และมีพระราชดำรัสว่าให้ เป๊าะเป็น“พระสหาย” ตั้งแต่บัดนั้น ในหลวง ตรัสเรื่องนี้ว่า “วาเด็งเป็นคนซื่อตรง…จึงขอแต่งตั้งให้วาเด็งเป็นเพื่อนของในหลวง” พร้อมทรงชวนให้ เป๊าะ และภรรยาเดินทางไปเที่ยวที่กรุงเทพฯ

Image
เมื่อพระองค์เสด็จฯมาสามจังหวัดก็เรียกให้เข้าเฝ้าที่พระตำหนักทักษิณราชนิเวศน์ทุกครั้ง

ต่อมาในหลวง ทรงสงสารจึงมอบเงินให้ เป๊าะ ครั้งละหลายหมื่นบาท หากไม่ได้เสด็จฯ มาก็ทรงฝากเงินมากับสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร และสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี แทบทุกครั้งล่าสุด ในหลวงตรัสว่าให้วาเด็งหยุดทำงานได้แล้ว เพราะแก่แล้ว อายุมากแล้ว ทรงเป็นห่วงสุขภาพของเป๊าะ กลัวว่าทำงานหนักจะไม่สบาย” วาเด็ง ปูเต๊ะ เล่าถึงเหตุการณ์วันที่ได้รับเสด็จ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยไม่คาดฝัน จนกระทั่งได้กลายมาเป็น “พระสหาย” แห่งสายบุรี ในเวลาต่อมา

เมื่อวันก่อนในหลวงก็ฝากอินทผลัมมาให้ เป๊าะเองเวลามีผลไม้ดีๆ จะคิดถึงท่านมากๆ ลูกๆ ของท่านทุกคนเวลามาเป๊าะก็ได้ไปหาทุกคนพูดภาษามลายูได้”


“เมื่อในหลวงมาที่ อ.แม่ลานครั้งล่าสุด พอเจอเป๊าะก็เข้าไปกอดเลยไม่ได้พูดอะไรกับท่าน ท่านรู้นิสัยเป๊าะดีว่าไม่ค่อยพูดอะไร ท่านก็เรียกเป๊าะ”


เมื่อก่อนเราจะไปไหนมาไหนไม่ต้องเป็นห่วง แต่ทุกวันนี้จะออกไปไหนก็ไม่สบายใจ เป๊าะก็กลัว ชาวบ้านแถวนี้ก็กลัวไม่กล้าออกไปไหน กลัวเขาซุ่มอยู่ในป่า” เป๊าะเด็ง กล่าว

เมื่อถามว่าเขาที่ว่านี้เป็นใคร? คำตอบสั้นๆ ที่ได้รับจากผู้เฒ่าใจดีคนนี้คือ “ไม่รู้เหมือนกันถ้ารู้ก็จะไปบอกในหลวง”


Image

ปู่วาเด็ง เปิดเผยว่าได้เดินทางไปลงนามถวายพระพรที่ รพ.ศิริราชแล้วก็เพราะว่าเป็นห่วงในหลวง และหลังกลับมาก็จะชวนเพื่อนๆ ร่วมละหมาดฮายัตขอพรจากองค์อัลเลาะห์ ขอให้ในหลวงหายจากพระอาการประชวร และมีพระสุขภาพที่แข็งแรงเสมอ และในวันที่ 7 ธ.ค.ที่จะถึงนี้รู้สึกดีใจมากที่จะได้เดินทางไปกรุงเทพฯ เพื่อถวายพระพร และอยากจะขอเข้าเฝ้าฯ โดยตนจะนำผลไม้ในสวนไปถวายแด่ในหลวง นอกจากนี้ก็จะนำหนังสือที่จ่าหน้าชองถึงในหลวง เพื่อขอให้ช่วยสร้างกำแพงมัสยิดในหมู่บ้านเพื่อไว้เป็นอนุสรณ์ของในหลวงด้วย

Image

วาเด็ง ปูเต๊ะ พระสหายแห่งสายบุรี "เป๊าะไม่สามารถขอให้คนไทยทุกคนรักในหลวงอย่างที่เป๊าะรัก แต่เป๊าะรักในหลวงหมดหัวใจ"

Re: อ่านแล้วน้ำตาไหลครับ ในหลวงในดวงใจชาวไทยทุกคน

PostPosted: Wed Jun 02, 2010 7:58 am
by Royalty
ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน

Re: อ่านแล้วน้ำตาไหลครับ ในหลวงในดวงใจชาวไทยทุกคน

PostPosted: Wed Jun 02, 2010 8:46 am
by yellow corn
ผมรักในหลวงครับ

Re: อ่านแล้วน้ำตาไหลครับ ในหลวงในดวงใจชาวไทยทุกคน

PostPosted: Thu Jun 03, 2010 1:53 am
by noway2know


ในหลวงทรงพระเนตรเทียมข้างขวา
เป็นผลจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ที่เมืองโลซานน์ สวิตเซอร์แลนด์
รถพระที่นั่งชนกับรถบรรทุกอย่างแรง ทำให้เศษกระจกเข้าพระเนตรข้างขวา
ตอนนั้นมีอายุเพียง 20 พรรษา และทรงใช้พระเนตรข้างซ้ายข้างเดียว
ในการทำงานบำบัดทุกข์บำรุงสุขประชาชนชาวไทยมาตลอดกว่า 60 ปี


ถ้าเราเอามือปิดตาเราข้างหนึ่ง เพื่ออ่านหนังสือหรือทำอะไร
เรายังรู้สึกไม่สะดวก..แต่พระองค์ท่านทรงงานหนักตลอดชีวิตเพื่อคนไทย
ทรงใช้พระเนตรเพียงข้างเดียว ทรงศึกษาค้นคว้า
เพื่อสร้างสิ่่งๆให้กับคนไทย โครงการพระราชดำริ โครงการต่างๆมากมาย
เสด็จเยี่ยมประชาชน....ทั่วประเทศ
ทรงงานหนักมากกว่าพวกเราที่ตาดีๆทั้ง2ข้า่ง....ไม่รู้กี่เท่า....
ตลอดชีวิตของพระองค์ท่าน.....

ร่วมกันคืนความสุขให้กับพระองค์ท่าน....ในสิ่งที่พวกเราทำได้
ความสงบสุขของชาติบ้านเมือง....การดำรงตนอยู่ภายใต้กฎหมาย
เป็นเรื่องใกล้ตัวง่ายๆที่พวกเราสามารถทำได้

Re: อ่านแล้วน้ำตาไหลครับ ในหลวงในดวงใจชาวไทยทุกคน

PostPosted: Thu Jun 03, 2010 9:58 pm
by bugta
ทรงพระเจริญ

Re: อ่านแล้วน้ำตาไหลครับ ในหลวงในดวงใจชาวไทยทุกคน

PostPosted: Fri Jun 04, 2010 9:30 am
by khundaan
อยากอ่านอย่างนี้อีกอ่ะครับ



ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน

Re: อ่านแล้วน้ำตาไหลครับ ในหลวงในดวงใจชาวไทยทุกคน

PostPosted: Fri Jun 04, 2010 9:47 am
by นายเวร
ทรงพระเจริญ ผมรักพ่อหลวงครับ

Re: อ่านแล้วน้ำตาไหลครับ ในหลวงในดวงใจชาวไทยทุกคน

PostPosted: Fri Jun 04, 2010 10:37 am
by noway2know
สำเนียงส่อภาษา....กริยาส่อสกุล

Re: อ่านแล้วน้ำตาไหลครับ ในหลวงในดวงใจชาวไทยทุกคน

PostPosted: Fri Jun 04, 2010 10:44 am
by noway2know
Image

ลายพระราชหัตถ์ในหลวง
ทรงบันทึกงานส่วนพระองค์ เรื่องการสร้างถนน
ในกิจกรรมโครงการของกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย
คราวร่วมเฉลิมพระเกียรติ
เนื่องในมหามงคลวโรกาสงานเฉลิมสิริราชสมบัติครบ ๕๐ พรรษา
เมื่อปีพุทธศักราช ๒๕๔๐


Image

Image

Re: อ่านแล้วน้ำตาไหลครับ ในหลวงในดวงใจชาวไทยทุกคน

PostPosted: Fri Jun 04, 2010 11:04 am
by khundaan
noway2know wrote:สำเนียงส่อภาษา....กริยาส่อสกุล



อย่าไปสนใจพวกควายเหล่านี้เลยครับ แถวบ้านมันก็ยังกินฟาง เคี้ยวเอื้องเป็นหลัก หัวจมอยู่ในปลัก ไม่โผล่มาดูเดือนดูตะวัน จนตายแหละ :twisted: :twisted: :twisted:

Re: อ่านแล้วน้ำตาไหลครับ ในหลวงในดวงใจชาวไทยทุกคน

PostPosted: Fri Jun 04, 2010 11:04 am
by Strangerman
นายเวร » Fri Jun 04, 2010 9:47 am
ซาบซึ้ง น้ำยาไหลพรากเลยคับ พี่น้องงงงง


**************************************************************

อย่าวอนครับพี่น้อง ถ้าไม่ได้ตั้งใจพิมพ์ผิดก็ edit ซะ

แต่ถ้าวอน ก็หลังไมค์ ครับ เดี๋ยวจัดให้

ใครจะอะไรยังไงก็ได้ แต่อย่ามาวอนเรื่องนี้ ผมรับไม่ได้โดยสิ้นเชิง