เครื่องราชบรรณาการของไทยในรัชสมัย รัชกาลที่ ๕ตาลปัตรด้ามงา พระราชทานแก่สหรัฐอเมริกา ปี ๑๘๗๖
แกะสลักเป็นพระราชลัญจกรประจำพระองค์ พระมหาพิไชยราชรถ
ของพระราชทานจาก รัชกาลที่ ๕, ปี ๑๘๗๖ พระราชทานแก่สหรัฐอเมริกา ชุดเครื่องแป้งถมตะทอง ปี ๑๘๗๖ พระราชทานแก่สหรัฐอเมริกากล่องสำหรับใส่ของ....สำหรับชาวสยามนิยมใส่หมากของพระราชทานจาก รัชกาลที่ ๕, ปี ๑๘๗๖ พระราชทานแก่สหรัฐอเมริกา
ตลอดรัชสมัย รัชกาลที่ ๕ได้มีการทดแทนปรับเปลี่ยนเครื่องอิสริยยศ เครื่องแบบและ
เครื่องแต่งกายให้เป็นตะวันตกมากขึ้น เครื่องแบบทหารตะวันตก
เข้ามา ทดแทนผ้านุ่ง แถบยศเข้ามาแทนที่เหรียญตรา
พระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์ จะยิ่งใหญ่หรือไม่
ไม่ได้ขึ้นอยู่กับจำนวนของผู้คนในปกครองอีกต่อไปแล้ว
เพราะต้องเผชิญกับอำนาจตะวันตก
พระมหากษัตริย์ทรงปรับเปลี่ยนบทบาท
โดยใช้วิธีประสานสัมพันธ์กับอำนาจตะวันตกเพื่อ
ปกป้องประเทศให้รอดพ้นจากการรุกรานและ
ประเทศได้รับประโยชน์จากการค้าระหว่างประเทศ
รูปแบบของเครื่องราชบรรณาการได้
เปลี่ยนแปลงไปมาก จากของพระราชทานตามธรรมเนียมประเพณี
และโอกาสมาเป็นการคำนึงถึงตัวผู้รับ
สิ่งของพระราชทานจึงเปลี่ยนจากเครื่องราชบรรณาการที่มุ่งเน้นการ
สร้างสัมพันธ์ของราชสำนัก ไปเป็นของกำนัล
ที่เน้นความรุ่งเรืองทางศิลปะและวัฒนธรรมของไทย
ถุงผ้าไหมซาตินถุง
รัชกาลที่ ๔,ค.ศ.๑๘๕๖ของบรรณาการเนื่องจากสนธิสัญญาแฮริส
สนธิสัญญาแฮริส ค.ศ.๑๘๕๖ในรัชสมัยพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔
ความอยู่รอดของประเทศ จึงทำให้เกิดสนธิสัญญาหลายฉบับใน
ระยะต้นๆ รัชสมัยของพระองค์ อาทิ สนธิสัญญาไทย-อเมริกัน
ฉบับใหม่ ซึ่งรู้จักกันในนามของสนธิสัญญา แฮริส (Harris Treaty)
ตามชื่อของทูตสหรัฐ เทาวเซ็นธ์ แฮริส ผู้มาเมืองไทย ก่อนที่จะไป
รับตำแหน่งกงศุลใหญ่และทูตประจำญี่ปุ่นสหรัฐอเมริกาถือเป็นพันธมิตรที่สำคัญของไทยเพราะอย่างน้อยในเวลานั้น
สหรัฐไม่มีนโยบายยึดครองประเทศในเอเซียตะวันออกเฉียงใต้
แต่ถึงกระนั้นก็ยังประสบความล่าช้าต่าง ๆ ในขั้นตอนของการเจรจา
เนื่องจากในเวลาเดียวกัน ทูตแฮรี่ ปาร์กส์ ของอังกฤษ
กำลังเข้ามาแลกเปลี่ยนสัตยาบันของสัญญาเบาว์ริ่ง (ค.ศ.๑๘๕๕) อยู่ในกรุงเทพพอดี
แต่แฮริส ก็ไม่ได้เสียเวลามากนัก เพราะสามารถใช้สาระสำคัญ
ของสัญญาเบาว์ริง เป็นพื้นฐานในการเจรจา
๒๑ เมษายน ค.ศ.๑๘๕๖ ทาวน์เซนด์ แฮริส (Townsend Harris)
กงสุลอเมริกันประจำประเทศญี่ปุ่น เดินทางมาถึงกรุงเทพฯ
เพื่อเจริญสัมพันธไมตรีกับไทย ในสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
รัชกาลที่ ๔ ก่อนจะเดินทางไปถึงท่าเรือชิโมดะ (Shimoda)
เมืองท่าของ อ.ชิสุโอกะ (Shizuoka) แคว้นชุบุ (Chubu)ที่เกาะฮอนชู (Honshu)
ภาคกลางของญี่ปุ่นเมื่อประมาณเดือนกรกฎาคม-สิงหาคมปีเดียวกัน
แฮริสเป็นเป็นกงสุลคนแรกที่ได้รับการมอบหมายจาก
ประธานาธิบดี แฟรง คลิน เพียซ (Franklin Pierce-ปธน.คนที่ ๑๔ ของสหรัฐอเมริกา)
ให้เดินทางมาสร้างสัมพันธไมตรีกับประเทศในแถบเอเชีย..สยามและญี่ปุ่น
แวะสยามประเทศเพื่อเจริญเจริญสัมพันธไมตรี หลังจากนั้นเดินทางต่อไปยังประเทศญี่ปุ่น
คำกราบบังคมทูลของ แฮริส ต่อพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
แสดงให้เห็นถึงเจตนารมณ์ของสหรัฐต่อประเทศไทยได้แจ่มชัด
“สยามมีผลิตผลมากมายที่สหรัฐอเมริกาปลูกเองไม่ได้
ชาวอเมริกัน ยินดีแลกเปลี่ยนผลิตผลและทองกับเงิน
กับผลิตผลของสยามซึ่งจะนำไปสู่ผลประโยชน์ทางการค้าและมิตรภาพที่ดีต่อกันค้า”
ในวันต่อมา แฮริส ได้กราบบังคมทูลด้วยว่า“สหรัฐอเมริกาไม่มีอาณานิคมในตะวันออกและไม่
ต้องการจะมี เพราะรูปแบบการบริหารประเทศของ
สหรัฐไม่ส่งเสริมให้มีอาณานิคม ดังนั้น ประเทศ
ตะวันออกไม่จำเป็นต้องระแวงกลัวสหรัฐ ความ
สัมพันธ์ทางการค้าอย่างสันติ ซึ่งมีทั้งการให้และ
การรับผลประโยชน์ต่อกัน เป็นสิ่งที่ประธานาธิบดี
ของข้าพเจ้าหวังให้เกิดขึ้นแก่ประเทศสยาม และ
นี่คืองานที่ข้าพเจ้าได้รับมอบหมายให้มาปฏิบัติ” ต่อมาในวันที่ ๑ พฤษภาคม ได้มีการนำเครื่องบรรณาการ
ที่ประธานาธิบดีแฟรงคลิน เพียซ ส่งมาทูลเกล้าฯ
ถวายพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นขบวน
ทางน้ำจากท่าเรือไปยังพระบรมมหาราชวัง
นายแพทย์วูดส์ แพทย์ประจำเรือได้เล่าไว้อย่างละเอียดดังนี้ “… ราวเที่ยงวัน พวกเราได้ออกเดินทางจากที่พำนัก โดยเรือพระราชพิธีที่พระบาทสมเด็จ
พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าให้มารับ เรือนำขบวนบรรทุกวงดนตรี แล้วตามด้วย
เรือที่นำสาส์นจากประธานาธิบดี ประดิษฐานในบุษบกใต้หลังคากัญญา สาส์นดังกล่าว
นี้ห่อหุ้มด้วยผ้ากำมะหยี่ลายนูน สีม่วง มีเชือกที่ทำจากไหมพันรอบประทับตราบนครั่ง
ซึ่งบรรจุอยู่ในกล่องเงินสลักลายนูนตราประจำประเทศสหรัฐอเมริกา เชือกไหมที่พันห่อยังร้อย
ผ่านตราและกล่องเงินมาเป็นพู่ห้อย ทั้งหมดนี้บรรจุอยู่ในกล่อง
ทำเป็นรูปหนังสือห่อหุ้มด้วยสีม่วงและทองและมีผ้าซาตินสีเหลืองคลุมอีกชั้น
เรือทหารนาวิกโยธิน สองลำ ภายใต้การบังคับบัญชา
ของเรือโท ไทเลอร์ แล่นขนาบสองข้าง ต่อจากนั้น เป็นเรือบรรทุก
เครื่องบรรณาการ อยู่ใต้หลังคากัญญาติดม่าน
ตามด้วยเรือนำทูตเทาวเซ็นด์ แฮริส พร้อมด้วยสาธุคุณ แมททูน (Rev. Mattoon)
ล่ามประจำตัว, มร.ฮิวสกิน เลขานุการส่วนตัวและมีนายท้ายเรือถือธงชาติอเมริกัน
ส่วนผู้บังคับการเรือพร้อมด้วยเลขานุการและตัวข้าพเจ้านั่งไปในเรืออีกลำ
ต่อจากนั้นก็เป็นเรือของพวกทหารเรือที่มาในคณะ
ทั้งขบวนแล่นไปตามคุ้งน้ำยาวเหยียดอย่างน้อยครึ่งไมล์”
พระราชทานแก่ประเทศสหรัฐอเมริกาพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เริ่มพระราชทานของ
กำนัลสู่สถาบัน
Smithsonian ตั้งแต่ช่วงทศวรรษ ๑๘๘๐ ในปี
ค.ศ.๑๘๘๑ หลังจากที่ประเทศไทย และ สหรัฐอเมริกาได้เจรจาข้อ
เปลี่ยนแปลงในสนธิสัญญาแฮริส ค.ศ.๑๘๕๗ พระบาทสมเด็จ
พระจุลจอมเกล้าฯ มีพระประสงค์ที่จะพระราชทานของกำนัลอีก
แต่เมื่อทรงทราบว่า เครื่องราชบรรณาการที่เคยพระราชทาน
แก่ประธานาธิบดีมาโดยตลอดนั้น ได้เก็บรักษาไว้ ณ สถาบัน
Smithsonian จึงทรงมีพระราชดำริ ที่จะพระราชทานของกำนัล
ไปให้สถาบันฯโดยตรง
ธงสยาม(ธงช้าง) พระราชทาน ปี ๑๘๘๑ สัมพันธไมตรีระหว่างไทยและสหรัฐอเมริกา
ในระยะแรกเริ่ม จุดเด่นได้แก่สนธิสัญญาต่าง ๆ ที่มีความ
หมายทางประวัติศาสตร์ และการแลกเปลี่ยนบรรณาการระหว่างกัน
และกันระหว่างพระมหากษัตริย์ไทยและประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา
พระไตรปิฎก ฉบับพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าฯ , ปี ๑๘๙๓ของพระราชทานจาก รัชกาลที่ ๕
Dibner Rare Book Library
เครื่องเขินจากทางภาคเหนือของไทย พระราชทาน ปี ๑๙๐๔
เสื่อหวาย
เสื่อลายมัดหมี่ สีเขียว – เหลือง มีขอบสีม่วง พระราชทาน ปี ๑๙๐๔ขอขอบคุณ
ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต
ข้อมูลจาก http://www.mnh.si.edu/treasures/