ประวัติธงชาติไทยธงชาติไทย หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า ธงไตรรงค์ มีลักษณะเป็นธงสี่เหลี่ยมผืนผ้า
ใช้สีหลักในธง 3 สี คือ สีแดง ขาว และน้ำเงิน ภายในแบ่งเป็นแถบ 5 แถบ
แถบในสุดสีน้ำเงิน ถัดมาด้านนอกทั้งด้านบนและล่างเป็นสีขาวและสีแดงตามลำดับ
แถบสีน้ำเงินมีขนาดใหญ่กว่าแถบสีอื่นเป็น 2 เท่า ความหมายสำคัญของธงไตรรงค์นั้น
หมายถึงสถาบันหลักทั้งสามของประเทศไทยคือ1.ชาติ (สีแดง)
2.ศาสนา (สีขาว)
3.พระมหากษัตริย์ (สีน้ำเงิน)
สีทั้งสามนี้เองคือที่มาของการเรียกชื่อธงนี้ว่าธงไตรรงค์ (ไตร = สาม, รงค์ = สี)พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ
ให้ใช้ธงนี้เป็นธงชาติไทย (ขณะนั้นยังเรียกชื่อประเทศว่าสยาม) เมื่อช่วงปลายปี พ.ศ.2460
เพื่อแก้ไขปัญหาการชักธงช้างเผือก (ซึ่งใช้เป็นธงชาติมาตั้งแต่รัชกาลที่ 4)กลับด้าน
และเพื่อเป็นอนุสรณ์ในการเข้าร่วมสงครามโลกครั้งที่ 1 กับฝ่ายสัมพันธมิตร
ในพระราชนิพนธ์ "เครื่องหมายแห่งไตรรงค์"
ซึ่งพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระราชนิพนธ์เมื่อ พ.ศ. 2464 ได้นิยามความหมายของธงไตรรงค์ไว้ว่า
สีแดง หมายถึง เลือดอันยอมพลีให้แก่ชาติ
สีขาว หมายถึง ความบริสุทธิ์แห่งพระพุทธศาสนาและธรรมะ
สีน้ำเงิน หมายถึง สีส่วนพระองค์ขององค์พระมหากษัตริย์
แม้นิยามดังกล่าวจะไม่ใช่คำอธิบายที่ทรงประกาศให้ใช้อย่างเป็นทางการ
แต่ทั้ง 3 สิ่งนี้คืออุดมการณ์รัฐที่พระองค์ทรงปลูกฝัง
เพื่อให้คนไทยเกิดสำนึกความเป็นชาตินิยมมาตลอดรัชสมัยของพระองค์
ธงชัยเฉลิมพลของกองทหารอาสาในสงครามโลกครั้งที่ 1
ด้านหน้าธงชัยเฉลิมพลของกองทหารอาสาในสงครามโลกครั้งที่ 1
ด้านหลังทหารอาสาของไทย ในสงครามโลกครั้งที่ 1 ปี พ.ศ. 2462
โดยอัญเชิญธงชัยเฉลิมพล ซึ่งเป็นธงชาติที่รัชกาลที่ 6
โปรดเกล้าให้ใช้เป็นธงชัยเฉลิมพลประจำกองทหาร
กำเนิดของธงสยามประวัติศาสตร์การใช้ธงเป็นสัญลักษณ์ของประเทศไทย สามารถสืบได้ความแต่เพียงว่า
ไทยได้ใช้ธงสีแดงเป็นเครื่องสำหรับเรือกำปั่นเดินทะเลทั่วไปมาแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา
และยังไม่ได้มีธงชาติไว้ใช้ดังที่เข้าใจในปัจจุบัน
ในจดหมายเหตุต่างประเทศแห่งหนึ่งได้กล่าวว่าในรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราชแห่งกรุงศรีอยุธยา(พ.ศ. 2199 - พ.ศ. 2231)
เรือค้าขายของฝรั่งเศสลำหนึ่งได้เดินทางมากรุงศรีอยุธยาเมื่อมาถึงที่ป้อมแห่งหนึ่งของไทย
เรือฝรั่งเศสก็ชักธงชาติของตัวเองขึ้น ฝ่ายไทยยิงสลุตคำนับตามธรรมเนียม
แต่เมื่อฝ่ายไทยชักธงขึ้นตอบบ้าง ฝ่ายฝรั่งเศสกลับไม่ยิงสลุตคำนับตอบ
เพราะได้ชักเอาธงชาติฮอลันดา(เนเธอร์แลนด์) ขึ้นเหนือป้อม
ด้วยเหตุว่าไทยไม่มีธงชาติของตนใช้
(ขณะนั้นฝรั่งเศสกับฮอลันดาเป็นศัตรูกัน) ฝ่ายไทยได้แก้ไขปัญหา
โดยชักผ้าสีแดงขึ้นแทนธงชาติฮอลันดา
ฝรั่งเศสจึงยอมยิงสลุตคำนับตอบเหตุการณ์ดังกล่าว
จึงถือกันว่าเป็นจุดเริ่มต้นของประวัติศาสตร์ธงชาติไทยพัฒนาการของธงชาติไทยใช้เป็นธรรมเนียมสืบมาตั้งแต่สมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช
สมัยอยุธยา - พ.ศ. 2325 (ธงเรือหลวง)
สมัยอยุธยา - พ.ศ. 2398 (ธงเรือเอกชน)
พ.ศ. 2325 - 2360พระบรมราชโองการในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช
พ.ศ. 2360 - 2398พระบรมราชโองการในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย
พ.ศ. 2398 - 2459พระบรมราชโองการในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
พระราชบัญญัติว่าด้วยแบบอย่างธงสยาม รศ. 110
พ.ศ. 2459 - 2460พระราชบัญญัติธง ร.ศ. 129 (ธงราชการ)
พระบรมราชโองการประกาศเพิ่มเติมและแก้ไขพระราชบัญญัติธง ร.ศ. 129 พ.ศ. 2459
พ.ศ. 2459 - 2460พระบรมราชโองการประกาศเพิ่มเติมและแก้ไขพระราชบัญญัติธง ร.ศ. 129 พ.ศ. 2459
พ.ศ. 2460 - ปัจจุบันพระราชบัญญัติแก้ไขพระราชบัญญัติธง พระพุทธศักราช 2460
พระราชบัญญัติธง พ.ศ. 2479
พระราชบัญญัติธง พ.ศ. 2522
การ ชัก ใช้ และแสดงธงชาติไทยในสมัยก่อนเปลี่ยนแปลงปกครองนั้น การประดับ ชัก ใช้ และแสดงธงชาติด้วยวิธีการต่างๆ มักเป็นไปตามธรรมเนียมที่ใช้สืบต่อกันมาไม่มีกำหนดกฎเกณฑ์ที่แน่นอนแม้จะเริ่มมีการจัดระเบียบธงด้วยกฎหมายต่างๆ นับตั้งแต่ พ.ศ. 2434 เป็นต้นมาก็ยังไม่มีข้อกำหนดเกี่ยวกับการชัก ใช้ และแสดงธงอย่างชัดเจนนัก
จนกระทั่งในปี พ.ศ.2479 รัฐบาลไทยจึงเริ่มจัดระเบียบการใช้ธงชาติขึ้นอย่างชัดเจนเป็นครั้งแรก โดยออกระเบียบการชักธงชาติสยามประกอบอยู่ในพระราชบัญญัติธง พุทธศักราช 2479 ปรากฏในในมาตรา 17-20 บทบังคับทั่วไปได้กล่าวถึงระเบียบการชักธงชาติและข้อควรปฏิบัติต่อธงชาติและในบทกำหนดโทษท้ายพระราชบัญญัติ ในมาตรา 21-23 ก็ได้กำหนดโทษของผู้ฝ่าฝืน หรือไม่ปฏิบัติตามบังคับ มีทั้งปรับเป็นเงิน จำคุก หรือทั้งปรับทั้งจำ หนักเบา แล้วแต่ความผิดที่ได้กระทำ ซึ่งต่อมาก็ได้มีการแก้ไขเพิ่มเติม โดยออกเป็นประกาศสำนักนายกรัฐมนตรีฉบับต่างๆ อีกหลายฉบับ
ขอขอบคุณข้อมูลพิพิธภัณฑ์ธงชาติสยาม :
http://www.siamflag.orgรายละเอียดเพิ่มเติมธงชาิติไทย :
http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%98%E0%B8%87%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2