VDO สยาม ถ่ายเมื่อเกือบร้อยปีก่อน ไม่น่าเชื่อที่มีโอกาสได้ดู

คลังปัญญา กระทู้ปักหมุดเดิม เรื่องสำคัญจัดเก็บที่นี่

Re: วิดีโอสยาม ถ่ายเมื่อเกือบร้อยปีก่อน ไม่น่าเชื่อที่มีโอกาสได้

Postby -3- » Fri Jun 11, 2010 10:19 am

+100 :) :)
"คนไทยนี่โชคดีจริงๆนะ จะอยู่ที่ไหน จะทำอะไร มีในหลวงฯคอยติดตามเฝ้าดูอยู่อย่างใกล้ชิดตลอดเวลา...ก็ผมเห็นธนบัตรไทยมีรูปในหลวงฯของพวกคุณอยู่ ทุกๆใบแม้นกระทั่งในเหรียญที่มีค่าน้อยที่สุดถึงมีค่ามากที่สุดในธนบัตร ไม่เคยห่างกัน"
User avatar
-3-
Moderator
 
Posts: 6302
Joined: Thu Nov 27, 2008 11:34 am
Location: Gensokyo


Re: วิดีโอสยาม ถ่ายเมื่อเกือบร้อยปีก่อน ไม่น่าเชื่อที่มีโอกาสได้

Postby คนเล็กของเล่นใหญ่ » Fri Jun 11, 2010 11:44 am

ถ้าต้องย้อนกลับไปอยู่ในยุคนั้น ผมยังสงสัยอยู่เลยว่าคนสมัยนี้จะอยู่กันได้เหรอ

ไม่ต้องย้อนไปไกล เอาสักสามสิบปีก่อน สมัยผมยังเด็กๆก็ได้

มือถือก็ไม่มี

คอมก็ไม่มี (กรี๊ด ดูหนังโป๊ไม่ได้)

เมื่อคอมไม่มี เน็ตก็ไม่มีนะตัวเอง

ทีวีก็ขาวดำ ชัดบ้างไม่ชัดบ้าง

วีดีโอ...ดูเหมือนจะเป็นของหายากสุดๆ (ไม่ต้องคิดถึงซีดีหรือดีวีดีกันเลย)

ห้างก็โบราณ เชยสุดๆ

อาหารก็มีแต่ริมถนน พวกจังค์ฟู๊ด หรือ ร้านอาหารอร่อยๆเยี่ยมๆก็ไม่มี

สมัยนั้นไม่มีอาซีเอ หรือ รัชดา เหมือนสมัยนี้นะครับ

ที่สำคัญ สาวสมัยนั้นไม่สวยเหมือนสมัยนี้ครับ หมอนวดยุคนั้นหน้าตาดูไม่จืด


โหย เยอะอ่ะ

ผมขออยู่ยุคปัจจุบันดีฝ่าครับ

นอกเสียจากว่า

ถ้าย้อนไปยุคนั้นแล้ว ผมสามารถขนคอม ขนทีวี แบลคเบอรี่ ไอโฟน พร้อมหิ้วสาวสวยระดับพริตตี้กลับไปได้

ก็จะไปครับ (สงสัยต้องมีไทม์แมชชีนเอง)

ส่วนเรื่องน้ำจิตน้ำใจ ...ช่างมันครับ ผมไม่หวังอะไรจากคนอื่นอยู่แล้ว


ว่าแต่เอามือถือไป จะหาสัญญาณจากไหนล่ะนั่น
User avatar
คนเล็กของเล่นใหญ่
 
Posts: 2134
Joined: Mon Oct 13, 2008 11:52 am

Re: วิดีโอสยาม ถ่ายเมื่อเกือบร้อยปีก่อน ไม่น่าเชื่อที่มีโอกาสได้

Postby noway2know » Fri Jun 11, 2010 11:46 am

ตลาดทุเรียน
Image

คลองบางกอกน้อย

Image

Image

ตลาดปากน้ำ....สมุทรปราการ
Image

Image

ปี 1919
Image

โรงหนังโรงแรกสุดของสยาม...ชื่อว่าโรงหนังญี่ปุ่น
ที่เวิ้งวัดตึก.... ปัจจุบันคือเวิ้งนาครเขษม
ถือเป็นโรงหนัง ถาวรโรงแรกของประเทศไทย
หลังจากที่มีการจัดฉายหนังกันภายในกระโจมชั่วคราว
โรงนี้เปิดฉายหนังในปี 2448
เมื่อรื้อถอนออกแล้ว ก็มีการสร้างโรงหนัง"นาครเขษม"ขึ้นมาแทน
Image

Image

โรงหนังศาลาเฉลิมธานี
เป็นอาคารไม้สักทั้งหลัง คลาสสิคมาก

Image
Image

ห้องขายตั๋วโรงหนังสิริรามา
Image

โรงหนังหาดใหญ่
Image

Image

ภาพชุดนี้ฝรั่งที่มาทำงานเมืองไทยถ่ายไว้....ไม่ระบุปีที่ถ่าย
Image

Image

Image

แม่ค้าหาบเร่
Image
พ่อค้าหาบเร่
Image

บรรยากาศตลาดสด

Image
Image

เรือขนไม้ไผ่

Image

Image

สามล้อดัดแปลงมาจากสามล้อถีบ
Image

Image
Last edited by noway2know on Fri Jun 11, 2010 12:19 pm, edited 2 times in total.

รักในหลวง หวงแผ่นดิน
เกลียดเสื้อแดง จะรัฐบาล ม.แม้ว หรือ ม.มาร์ค ก็น่าผิดหวัง เลวพอๆกัน
ไปม๊อบมา ไปก็บอกว่าไป..ไม่ใช่ประเภท....ตุลาคมก็อยู่นะ(โกหก)
http://www.baanpud.net/forum/index.php....http://www.prachathon.org/forum/
User avatar
noway2know
 
Posts: 7750
Joined: Thu May 20, 2010 12:19 am

Re: วิดีโอสยาม ถ่ายเมื่อเกือบร้อยปีก่อน ไม่น่าเชื่อที่มีโอกาสได้

Postby noway2know » Fri Jun 11, 2010 12:02 pm

พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
ทรงยืนหันพระปฤษฎางค์ให้กล้อง ในพระราชพิธีโสกันต์ ณ เขาไกรลาส
ในสวนขวา พระบรมมหาราชวัง มีน้ำตก บ่อน้ำ และสัตว์ส่วนหนึ่ง
ที่มีคติความเชื่อว่ามีอยู่บนเขาไกรลาส ในป่าหิมพานต์ คือ ม้า ราชสีห์ ช้าง และโค
สัตว์เหล่านี้หล่อด้วยโลหะและมีน้ำพุ่งออกจากปาก
เพื่อสรงน้ำพระราชโอรส พระราชธิดา ที่ทรงรับพระราชพิธีโสกันต์ เมื่อปีพ.ศ. 2433
Image

พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว
เสด็จพระราชดำเนินข้ามสะพานปฐมบรมราชานุสรณ์ เป็นปฐมฤกษ์

Image

ช้างต้นในรัชกาลสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว

มีปกกระพองและภู่ขนจามรีห้อยหน้าหู พร้อมผ้าเยียรบับคลุมหลัง
มีควาญคอและควาญท้ายขณะเดินอยู่ในสวนสราญรมย์ ประมาณปี พ.ศ. 2411
Image

งานขบวนพยุหยาตราทางสถลมารค ชลมารค และมหรสพ
Image

ภาพในมุมสูงของวันที่ 14 มกราคม ปี 2429
ซึ่งเป็นวันที่ 4 ของการราชพิธีมหาพิไชยมงคล
ลงสรงสนานรับพระปรมาภิไธย ในสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าพระราชกุมารพระองค์ใหญ่
(สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ)
Image

สนามหลวง ปี ค.ศ. 1946
Image

ประเพณีโล้ชิงช้า
Image

Image

สะพานข้ามแม่น้ำแคว....โดนระเบิดสมัยสงครามโลกครั้งที่2
Image

พระราชวังสราญรมย์ เมื่อปี พ.ศ. 2441
Image

พระราชวังบางปะอินได้ก่อสร้างขึ้นบนพื้นที่ซึ่งประกอบด้วยเกาะกลางน้ำ
มีสะพานลักษณะหากหลาย เป็นทางเดินเชื่อมฝ่ายหน้าและฝ่ายใน
เช่นสะพานไม้ ที่ออกแบบให้เป็นลูกคลื่น
เป็นที่พอพระทัยของเจ้านายองค์เล็กๆ เมื่อปีพ.ศ. 2433
Image
Last edited by noway2know on Fri Jun 11, 2010 1:33 pm, edited 6 times in total.

รักในหลวง หวงแผ่นดิน
เกลียดเสื้อแดง จะรัฐบาล ม.แม้ว หรือ ม.มาร์ค ก็น่าผิดหวัง เลวพอๆกัน
ไปม๊อบมา ไปก็บอกว่าไป..ไม่ใช่ประเภท....ตุลาคมก็อยู่นะ(โกหก)
http://www.baanpud.net/forum/index.php....http://www.prachathon.org/forum/
User avatar
noway2know
 
Posts: 7750
Joined: Thu May 20, 2010 12:19 am

Re: วิดีโอสยาม ถ่ายเมื่อเกือบร้อยปีก่อน ไม่น่าเชื่อที่มีโอกาสได้

Postby noway2know » Fri Jun 11, 2010 12:10 pm


สาวการบินไทยในอดีต

Image

จักรยานสมัยรัชกาลที่ 5
Image

รักในหลวง หวงแผ่นดิน
เกลียดเสื้อแดง จะรัฐบาล ม.แม้ว หรือ ม.มาร์ค ก็น่าผิดหวัง เลวพอๆกัน
ไปม๊อบมา ไปก็บอกว่าไป..ไม่ใช่ประเภท....ตุลาคมก็อยู่นะ(โกหก)
http://www.baanpud.net/forum/index.php....http://www.prachathon.org/forum/
User avatar
noway2know
 
Posts: 7750
Joined: Thu May 20, 2010 12:19 am

Re: วิดีโอสยาม ถ่ายเมื่อเกือบร้อยปีก่อน ไม่น่าเชื่อที่มีโอกาสได้

Postby noway2know » Fri Jun 11, 2010 12:40 pm

โปสการ์ดในอดีต

Image

รักในหลวง หวงแผ่นดิน
เกลียดเสื้อแดง จะรัฐบาล ม.แม้ว หรือ ม.มาร์ค ก็น่าผิดหวัง เลวพอๆกัน
ไปม๊อบมา ไปก็บอกว่าไป..ไม่ใช่ประเภท....ตุลาคมก็อยู่นะ(โกหก)
http://www.baanpud.net/forum/index.php....http://www.prachathon.org/forum/
User avatar
noway2know
 
Posts: 7750
Joined: Thu May 20, 2010 12:19 am

Re: วิดีโอสยาม ถ่ายเมื่อเกือบร้อยปีก่อน ไม่น่าเชื่อที่มีโอกาสได้

Postby noway2know » Fri Jun 11, 2010 1:00 pm

Image

นางสาวสยาม....หรือนางสาวไทยในปัจจุบัน
จัดครั้งแรกเมื่อวันที่ 10 ธันวาคม พ.ศ.2477 ภายหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. 2475 โดยใช้ชื่อว่า "นางสาวสยาม" รัฐบาลได้จัดขึ้นในงานเฉลิมฉลองรัฐธรรมนูญ ภายในพระราชอุทยานสราญรมย์ ซึ่งเป็นสโมสรคณะราษฎร์ ในปี พ.ศ. 2477 เป็นการเฉลิมฉลองรัฐธรรมนูญเป็นปีที่สอง แต่เริ่มจัดการประกวดนางสาวสยามเป็นปีแรก กำหนดระยะเวลาจัดงาน 5 วัน คือวันที่ 8 - 12 ธันวาคม พ.ศ. 2477 ในคืนวันที่ 8 ธันวาคม เป็นการคัดเลือก นางสาวธนบุรี คืนวันที่ 9 ธันวาคม เป็นคัดเลือก นางสาวพระนคร และคืนวันที่ 10 - 12 ธันวาคม เป็นการประกวด นางสาวสยาม โดยผู้เข้าประกวดแต่งกายด้วยชุดไทยห่มสไบเฉียง นุ่งซิ่นยาวกรอมเท้า ต่อมาในพ.ศ. 2482 จึงเปลี่ยนเป็นชุดเสื้อกระโปรงติดกัน ตัดเย็บด้วยผ้าไหมของไทย เสื้อเปิดหลัง กางเกง กระโปรงยาวถึงเข่า และได้เพิ่มการสวมใส่ชุดกีฬา กางเกงขาสั้น เสื้อแขนกุดเปิดหลังในปีถัดมา

ในยุคที่ 1 จัดการประกวดที่พระราชอุทยานสราญรมย์ ประเทศไทยมีผู้ได้รับเลือกเป็น "นางสาวสยาม" จำนวน 5 คน และ "นางสาวไทย" จำนวน 2 คน เนื่องจากรัฐธรรมนูญฉบับแก้ไขครั้งที่ 1 ว่าด้วยนามของประเทศ พ.ศ. 2482 กำหนดเรียกนามของประเทศว่าประเทศไทย ตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญหรือกฎหมายอื่นใด ซึ่งใช้คำว่า "สยาม" ให้ใช้คำว่า "ไทย" แทน ดังนั้น การประกวด "นางสาวสยาม" จึงเปลี่ยนมาใช้การประกวด "นางสาวไทย" นับตั้งแต่ พ.ศ. 2482

ขณะที่รัฐบาลกำลังเตรียมจัดงานฉลองรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2484 ซึ่งกำหนดเริ่มในวันที่ 8 ธันวาคม แต่ในเช้าตรู่วันที่ 8 ธันวาคมนั้น กองทัพญี่ปุ่นได้ยกพลขึ้นบกที่ชายฝั่งหลายแห่ง มีการสู้รบกันที่ บางปู สมุทรปราการ อ่าวมะนาว ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร ปัตตานี ฯลฯ ประเทศไทยเข้าสู่สภาวะสงคราม งานฉลองรัฐธรรมนูญในปีนั้นจึงถูกยกเลิกทันที และไม่มีการจัดงานไปจนสงครามสงบ

กันยา เทียนสว่าง...นางสาวสยามคนแรก ปี 2477
Image
12 ธันวาคม พ.ศ. 2477 กันยา เทียนสว่าง วัย 20 ปี คว้าตำแหน่ง “นางสาวสยาม” คนแรกของไทยในงานฉลองรัฐธรรมนูญ การประกวดครั้งนี้ได้รับความสนใจจากประชาชนเป็นอย่างมาก เพราะเป็นสีสันสำคัญในงานฉลองฯ กันยา เทียนสว่าง เดิมชื่อลูซิล

วณี เลาหเกียรติ
นางสาวสยามปี 2478

Image

วงเดือน ภูมิรัตน์
นางสาวสยามปี 2479 ครองตำแหน่งเมื่ออายุ 14 ปี

Image

มยุรี วิชัยวัฒนะ นางสาวสยาม ปี พ.ศ. 2480
Image
''มยุรี''ได้รับการคัดเลือกเป็นนางสาวสยามคนที่ 4 ขณะอายุ 16 ปี เธอเป็นธิดาของช่างชุบทอง เกิดและเติบโต ย่านเสาชิงช้า เคยย้ายไปใช้ชีวิตอยู่แถวบางสะพานน้อย จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ บ้านเดิมของผู้เป็นมารดา จากนั้นอายุ 12 ปี เธอจึงย้ายกลับมายังพระนครอีกครั้งหนึ่ง ก่อนเข้าประกวดนางสาวสยาม จบการศึกษาระดับชั้นมัธยมที่1 หลังจากรับตำแหน่งนางสาวสยามไม่ครบปี มยุรีได้ เข้าพิธีสมรสกับ ร้อยโทอาจ เจริญศิลป์ มีบุตรธิดารวม 5 คน

พิศมัย โชติวุฒิ....นางสาวสยาม ปี 2481
ครองตำแหน่งขณะอายุ 18 ปี

Image

เรียม แพศยนาวิน
นางสาวไทยคนแรกของประเทศไทย ปี 2482
ครองตำหน่งขณะอายุ 16 ปี

เรียมเป็นสาวมุสลิมคนแรก และคนเดียวที่ครองตำแหน่งนี้
เรียมขึ้นเวทีด้วยชุดกระโปรงความยาวครึ่งเข่าเชื่อมติดกับตัวเสื้อ
มีสายโยงด้านหน้าอ้อมไปผูกทีด้านหลัง ซึ่งเว้าลึกมาถึงครึ่งหลัง
Image

สว่างจิตต์ คฤหานนท์
นางสาวไทยปี 2483 เป็นสาวไทยคนแรกที่นุ่งกางเกงสั้นเหนือเข่าขึ้นเวที

Image

ปี 2486 มีเฉพาะสาวงามจากกรุงเทพฯและธนบุรีที่เข้าประกวด
ตำแหน่งได้เปลี่ยนไปเป็น ...ดอกไม้แห่งชาติ...
และผู้ที่ได้ตำแหน่งนี้คือ ปิยฉัตร บุญนาค
เธอเป็นคนแรก และคนเดียวที่ครองตำแหน่งนี้

ลัดดา สุวรรณสุภา
นางสาวไทยปี 2491 หลังจากหยุดไปหลายปี

สื่อบางฉบับให้สมญานามว่า " บุหงาปัตตานี "
เนืองจากเข้าประกวดในนามจังหวัดนี้ ทั้งที่เป็นชาวกรุงเทพฯ
เธอครองมงกุฏเมื่ออายุ 16 ปี
Image

อัมพร บุรารักษ์
นางสาวไทยปี 2493 เนื่องจากปี 2492 งด

อัมพร บุรารักษ์ เป็นสาวงามคนแรกที่สวมชุดว่ายน้ำผ้าไหมขึ้นเวทีนางสาวไทย
เธออายุ 18 ปีเป็นคนสันกำแพง เชียงใหม่ เป็นเอื้องเหนือคนแรกที่ครองตำแหน่งนี้
Image

อุษณีย์ ทองเนื้อดี
สาวงามอายุ 18 ผู้อยู่ในชุดว่ายน้ำผ้าไหมสีชมพูกลีบบัว
เป็นผู้พิชิตมงกุฏนางสาวไทยปี2493
ชื่อของเธอยังมีความหมายว่า ..มงกุฏ..

Image

รักในหลวง หวงแผ่นดิน
เกลียดเสื้อแดง จะรัฐบาล ม.แม้ว หรือ ม.มาร์ค ก็น่าผิดหวัง เลวพอๆกัน
ไปม๊อบมา ไปก็บอกว่าไป..ไม่ใช่ประเภท....ตุลาคมก็อยู่นะ(โกหก)
http://www.baanpud.net/forum/index.php....http://www.prachathon.org/forum/
User avatar
noway2know
 
Posts: 7750
Joined: Thu May 20, 2010 12:19 am

Re: วิดีโอสยาม ถ่ายเมื่อเกือบร้อยปีก่อน ไม่น่าเชื่อที่มีโอกาสได้

Postby Zta » Fri Jun 11, 2010 1:45 pm

ขอบคุณค่ะ ขอบคุณจริงๆ ดีใจที่ได้ดูบรรยากาศเมืองไทยสมัยก่อน :) :D
User avatar
Zta
 
Posts: 23
Joined: Tue May 18, 2010 2:04 pm

Re: วิดีโอสยาม ถ่ายเมื่อเกือบร้อยปีก่อน ไม่น่าเชื่อที่มีโอกาสได้

Postby noona » Fri Jun 11, 2010 2:10 pm

@คุณ permsakdi ขอบคุณมากค่ะ สำหรับเรื่องราวในอดีต อ่านแล้วทำนึกภาพตาม และอดยิ้มไม่ได้ :D
:P ถ้ามีเรื่องเล่าเพิ่มเติมอีก จะยินดีมาก ๆ เลยค่ะ
User avatar
noona
 
Posts: 6433
Joined: Fri May 21, 2010 2:40 am

Re: วิดีโอสยาม ถ่ายเมื่อเกือบร้อยปีก่อน ไม่น่าเชื่อที่มีโอกาสได้

Postby noway2know » Fri Jun 11, 2010 2:55 pm

คลองแสนแสบ....ยุคขวัญ-เรียม
อกพี่กลัดหนอง พี่หมองดั่งคลองแสนแสบ
เจ็บจำดั่งหนามยอกแปลบๆ แสบแสนจะทน
โอ้ว่ากังหัน ทุกวันมันพัดสะบัดวน
อยากจะรู้จิตคน จะหมุนกี่หนต่อวัน
Image
Image

คลองบางยี่ขัน....ตามรอยสุนทรภู่
ถึงโรงเหล้า เตากลั่น ควันโขมง
มีคันโยง ผูกสาย ไว้ปลายเสา
โอ้บาปกรรม น้ำนรก เจียวอกเรา
ให้มัวเมา เหมือนหนึ่งบ้า เป็นน่าอาย
ไม่เมาเหล้า แล้วเรา ยังเมารัก
สุดจะหัก ห้ามจิต คิดไฉน
ถึงเมาเหล้า เช้าสาย ก็หายไป
แต่เมาใจ นี้ประจำ ทุกค่ำคืน
Image

คลองบางกอกน้อย....พายเรือตามหาบัวลอย

"โถเจ้าว่ายน้ำไม่เป็น
ยังลงว่ายเล่น เพียงเห็นชื่นเย็นนิดหน่อย
น้ำเชี่ยวยิ่งเหลือ เจ้าจึงเป็นเหยื่อคลองบางกอกน้อย
จิตใจพี่ให้เศร้าสร้อย ถึงบัวลอยแม่จอมขวัญ"
เพลงนี้เคยดังในอดีต.....
น่าสงสารบัวลอย....จมน้ำแล้วยังมีคนสมน้ำหน้าอีก
ว่ายน้ำไม่เป็น.....แล้วลงไปเล่นน้ำทำไม
Image

คลองมหานาค

Image

ถนนนครไชยศรี เขตดุสิต ถ่ายเมื่อเดือนธันวาคม ปี ค.ศ. 1952

Image

เยาวราช
Image

สะพานหัน

Image
Last edited by noway2know on Fri Jun 11, 2010 9:36 pm, edited 1 time in total.

รักในหลวง หวงแผ่นดิน
เกลียดเสื้อแดง จะรัฐบาล ม.แม้ว หรือ ม.มาร์ค ก็น่าผิดหวัง เลวพอๆกัน
ไปม๊อบมา ไปก็บอกว่าไป..ไม่ใช่ประเภท....ตุลาคมก็อยู่นะ(โกหก)
http://www.baanpud.net/forum/index.php....http://www.prachathon.org/forum/
User avatar
noway2know
 
Posts: 7750
Joined: Thu May 20, 2010 12:19 am

Re: วิดีโอสยาม ถ่ายเมื่อเกือบร้อยปีก่อน ไม่น่าเชื่อที่มีโอกาสได้

Postby มะนาวหวาน » Fri Jun 11, 2010 3:24 pm

K. noway2know ขยันหาภาพและข้อมูลจังเลยคะ ขอบคุณนะคะ และขอบคุณคลิปจาก จขกท ด้วยคะ :D
People have to really suffer before they can Risk doing what they Love.....^_^
User avatar
มะนาวหวาน
 
Posts: 964
Joined: Sun May 16, 2010 12:53 am

Re: วิดีโอสยาม ถ่ายเมื่อเกือบร้อยปีก่อน ไม่น่าเชื่อที่มีโอกาสได้

Postby noway2know » Fri Jun 11, 2010 3:34 pm

ทุ่งบางเขนในอดีต
Image

แปลงข้าวสาธิต
Image

Image

Image

มองจากเครื่องบินจะเห็นทุ่งบางเขนเป็นแปลงนากว้างสุดลูกหูลูกตา
Image

Image

Image

อาคารเรียนของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
Image

รักในหลวง หวงแผ่นดิน
เกลียดเสื้อแดง จะรัฐบาล ม.แม้ว หรือ ม.มาร์ค ก็น่าผิดหวัง เลวพอๆกัน
ไปม๊อบมา ไปก็บอกว่าไป..ไม่ใช่ประเภท....ตุลาคมก็อยู่นะ(โกหก)
http://www.baanpud.net/forum/index.php....http://www.prachathon.org/forum/
User avatar
noway2know
 
Posts: 7750
Joined: Thu May 20, 2010 12:19 am

Re: วิดีโอสยาม ถ่ายเมื่อเกือบร้อยปีก่อน ไม่น่าเชื่อที่มีโอกาสได้

Postby noway2know » Fri Jun 11, 2010 3:59 pm

Image
Image

รถรางในอดีต
“รถราง” TRAMWAY กำเนิดขึ้นในประเทศไทยตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5
ปี พ.ศ. 2430 เป็นประเทศแรกในเอเชีย


“รถราง” หรือที่เรียกกันในภาษาอังกฤษว่า “Tramway” มีกำเนิดขึ้นในประเทศไทยตั้งแต่สมัย รัชกาล ที่ 5 จากการก่อตั้งของ “ชาวเดนมาร์ค” จัดเดินรถรางขึ้นใน “เมืองบางกอก” ตามการเรียกขานในสมัยนั้น

Image
“รถราง” คันแรกนี้ยังไม่ได้แล่นได้ด้วยตัวของมันเองแต่จะเคลื่อนที่ไปด้วยการใช้ “ม้าลาก” ซึ่งได้เทียมม้าไว้ด้านหน้ารถ จากนั้นได้มีการเปิดดำเนินกิจการ“รถรางไฟฟ้า”ในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2437 หลังจากที่สิ้นสุด“สงครามโลกครั้งที่สอง”ได้แค่สี่ห้าปีสัมปทานการเดินรถก็ได้สิ้นสุดลงเมื่อวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2492 รัฐบาลก็เข้ามาดำเนินกิจการต่อในนามของบริษัทการไฟฟ้ากรุงเทพฯ จำกัด ในสังกัดของ“กรมโยธาเทศบาลและกระทรวงมหาดไทย”ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2493

หลังจากที่มีการพัฒนาบ้านเมืองขนานใหญ่เกิดขึ้นในสมัย“จอมพลผ้าคะม้าแดง”พร้อมๆกับนโยบายที่จะให้“เลิกเดินรถรางและรถสามล้อถีบ” ในเขต “พระนคร-ธนบุรี”การเดินรถจึงค่อยๆ ลดบทบาทลงโดยการเลิกวิ่งจบสิ้นเด็ดขาดในเขตเมืองหลวงไปเมื่อ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2511 ที่ได้มี “รถราง”ใช้อยู่ร่วม“80 ปี”พอดี

Image

บริการรถราง
แผนที่เส้นทางรถรางในอดีต
Image
Image
Image
Image
Image
Image
Image
Image
Image
Image
Image

Image
ปี 2450 พระยาภักดีนรเศรษฐ (นายเลิศ เศรษฐบุตร)
ผู้เป็นต้นแบบของการพัฒนาระบบ
รถโดยสารสาธารณะของประเทศไทย
ได้รื้อกิจการรถเมล์ประจำทางขึ้นมาอีกครั้ง
ซึ่งเป็นเส้นทางที่รถรางไม่ได้วิ่งผ่าน

ต่อมาในปี 2456 เริ่มมีรถยนต์จากต่างประเทศเข้ามามากขึ้น
พระยาภักดีนรเศรษฐ จึงได้ปรับปรุงกิจการใหม่
รวมถึงเปลี่ยนแปลงวิธีการเดินรถ
โดยนำรถยนต์ยี่ห้อฟอร์ดเข้ามาวิ่งแทนม้าลาก
และขยายเส้นทางวิ่งให้ไกลขึ้น
คือจากประตูน้ำสระปทุม ไปจนถึงบางลำพู (ประตูใหม่ตลาดยอด)

ตอนนั้นรถ โดยสารที่ใช้เป็นรถ 3 ล้อ
มีที่นั่ง 2 แถว ยาวประมาณ 1 ใน 3 ของรถเมล์ปัจจุบัน
และนั่งได้ 10 คน ตัวรถทาสีขาว
มีเครื่องหมาย กากบาทสีแดงในวงกลมแดง
คนทั่วไปเรียกรถเมล์นี้ว่า อ้ายโกร่ง
เพราะ เวลารถแล่นไปตามถนนจะมีเสียงดังโกร่งกร่าง

ต่อมากิจการเริ่มขยาย กว้างขวางมากขึ้น
และรู้จักกันดีในนาม บริษัท นายเลิศ จำกัด
หรือ บริษัทรถเมล์ขาว บางคนก็เรียก
'รถเมล์ขาวนายเลิศ' จนเป็นที่แพร่หลายในยุคนั้น
โดยให้บริการจากสะพานยศเส (กษัตริย์ศึก) - ประตูน้ำสระปทุม

พระยาภักดีนรเศรษฐ หรือนายเลิศ
หลายคนอาจจะคุ้นๆ กับชื่อและนามสกุล
ถ้า ใครเคยผ่านไปแถวถนนวิทยุ แล้วเห็นโรงแรมขนาดใหญ่
ที่มีชื่อว่า ปาร์คนายเลิศ นั่นล่ะหนึ่งในกิจการของนายเลิศ-คนเดียวกัน
แต่ก่อนจะมี กิจการนี้ นายเลิศลองมาแล้วหลายอย่าง
ตั้งแต่เปิด ห้างนายเลิศ โรงน้ำแข็งนายเลิศ
รถเช่า ม้าเช่า และโรงเรียนเศรษฐบุตรบำเพ็ญ
จะเรียกว่าเป็นเจ้าพ่อโปรเจคก็คงไม่ผิดนัก

กลับมาที่กิจการเดินรถโดยสารประจำทาง
ผู้คนก็หันมาใช้บริการรถเมล์มากขึ้น
และด้วยนโยบาย "สุภาพ ซื่อสัตย์ ประหยัด ทันใจ
เอากำไรน้อย บริการผู้มีรายได้น้อย"
นั่นยิ่งทำให้ 'รถเมล์ขาวนายเลิศ' ชนะใจผู้ใช้บริการได้มากทีเดียว

หลังจากนั้นก็มีผู้ประกอบการด้านการเดินรถโดยสารประจำทาง
เพิ่มขึ้นมาอีก หลายราย รวมถึงรัฐวิสาหกิจและราชการ
ที่หันมาทำการเดินรถด้วย รวมๆ แล้วมีผู้ประกอบการเกือบ 30 ราย
จนหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 รัฐบาลได้ออก พ.ร.บ.การขนส่ง
ในปี พ.ศ.2497 มาควบคุม
โดยกำหนดให้ ผู้ประกอบการรถโดยสารประจำทาง
ต้องขอรับใบอนุญาตประกอบการขนส่งก่อน

แต่ก็ไม่วายที่จะเกิดปัญหา ในเดือนกันยายน 2518
สมัยรัฐบาล ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช เป็นนายกรัฐมนตรี
จึงได้มีคำสั่งให้รวมรถโดยสาร ประจำทางในกรุงเทพฯ เป็นบริษัทเดียวกัน
เรียกว่า 'บริษัทมหานครขนส่ง จำกัด'
ดำเนินกิจการในรูปรัฐวิสาหกิจประเภทบริษัทจำกัด
รัฐกับเอกชนถือหุ้นพอๆ กัน
แต่ปัญหาก็ยังตามมาไม่จบสิ้น
สมัยรัฐบาลของ ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช
จึงได้ออกพระราชกฤษฎีกาในวันที่ 1 ตุลาคม 2519
ให้รวมกิจการรถโดยสารทั้งหมดจากบริษัทมหานครขนส่งจำกัด
มาขึ้นอยู่กับองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ หรือ ขสมก.
ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจประเภทกิจการสาธารณูปโภค
สังกัดกระทรวงคมนาคมตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

รถเมล์ขาวนายเลิศรุ่นเก่า
Image

รถเมล์ยี่ห้อ HINO วิ่งในสาย 60 ในอดีต ...ปลดประจำการไปแล้ว
Image
Last edited by noway2know on Fri Jun 11, 2010 11:28 pm, edited 6 times in total.

รักในหลวง หวงแผ่นดิน
เกลียดเสื้อแดง จะรัฐบาล ม.แม้ว หรือ ม.มาร์ค ก็น่าผิดหวัง เลวพอๆกัน
ไปม๊อบมา ไปก็บอกว่าไป..ไม่ใช่ประเภท....ตุลาคมก็อยู่นะ(โกหก)
http://www.baanpud.net/forum/index.php....http://www.prachathon.org/forum/
User avatar
noway2know
 
Posts: 7750
Joined: Thu May 20, 2010 12:19 am

Re: วิดีโอสยาม ถ่ายเมื่อเกือบร้อยปีก่อน ไม่น่าเชื่อที่มีโอกาสได้

Postby permsakdi » Fri Jun 11, 2010 7:36 pm

คุณ No Way 2 Know เป็นนักสะสมภาพที่ยอดเยี่ยม
มีอีกไหมครับ ขอบคุณครัย
Last edited by permsakdi on Fri Jun 11, 2010 7:44 pm, edited 1 time in total.
User avatar
permsakdi
 
Posts: 28
Joined: Thu May 20, 2010 6:51 am

Re: วิดีโอสยาม ถ่ายเมื่อเกือบร้อยปีก่อน ไม่น่าเชื่อที่มีโอกาสได้

Postby permsakdi » Fri Jun 11, 2010 7:41 pm

noona wrote:@คุณ permsakdi ขอบคุณมากค่ะ สำหรับเรื่องราวในอดีต อ่านแล้วทำนึกภาพตาม และอดยิ้มไม่ได้ :D
:P ถ้ามีเรื่องเล่าเพิ่มเติมอีก จะยินดีมาก ๆ เลยค่ะ

ดีใจมากครับ คุณ หนูนา ที่โดนใจคุณ สงสัยเราจะอายุใกล้เคียงกัน ถึงได้แอบยิ้ม
ส.ว. จะมีความสุขมาก ถ้าได้คุยถึงอดีต ยุค 60 เป็น Golden Year ของรุ่นผมครับ
แน่นอน ทุกอย่างไม่สะดวก เหมือนที่ คุณตัวเล็กของเล่นใหญ่ posted ไว้
ยุค นั้นเป็นยุคเริ่มการ รับวัฒนธรรม ตะวันตก ของคนกรุงเทพ สังคมจึงเกิดอาการฉุด
ของวัฒนธรรมไทย และ วัฒนธรรมตะวันตก เพลงฝรั่ง กำลังฉุดวัยรุ่น ยุคนั้นไปจาก
เพลงไทยสากล การเต้นรำ กำลังฉุด คนไทยไปจาก การรำวง และการรำไทย
การแต่งตัว ก็เช่นกัน รองเท้า ส้นสูง หัวแหลม กางเกงขาหลีบ กระโปรงสั้่น เสื้อตัวใหญ่
ประหลาด ทั้งหญิงและชาย
ความเป็นฝรั่งของเด็กสมัยนี้ เริ่มต้นขึ้น ที่ยุคเรา พร้อมทั้งเสียก่น ด่า ของผู้ใหญ่
สมัยนั้น เมืองไทยมีพลเมือง เพียง สิบล้าน กว่า สมัยนี้ หกสิบ ล้าน วัยรุ่นในกรุงเทพ
สมัยนั้น ส่วนใหญ่จะรู้จักกัน เพราะมีที่เที่ยวไม่กี่แห่ง มีงานปาร์ตี้ เดือนละครั้ง
ก็ถือว่า ทันสมัย ที่สุดแล้ว ถ้าคุณหนูนา เป็นคนยุค 60 เราอาจจะเคยรู้จัก หรือเห็นหน้ากัน

ต้อง ขอบคุณ คุณ No Way 2 Know ครับ สิ่งที่มอบให้ กระทู้นี้ ถูกใจ ส.ว. จริง ๆ
User avatar
permsakdi
 
Posts: 28
Joined: Thu May 20, 2010 6:51 am

Re: วิดีโอสยาม ถ่ายเมื่อเกือบร้อยปีก่อน ไม่น่าเชื่อที่มีโอกาสได้

Postby gorgie » Fri Jun 11, 2010 9:14 pm

เพิ่งมีโอกาสเข้ามาดู ดูแล้วอิ่มอกอิ่มใจ ขอบคุณสำหรับทุกภาพ ทุกข้อมูลนะคะ

คุณ noway2know มีคลังข้อมูลดีจริงๆ เลยค่ะ

ถึงจะไม่ สว.เท่าคุณ Permsakdi แต่เห็นแล้ว ฟังแล้วก็สุขใจเช่นกันค่ะ

ดีใจที่ได้เกิดมาเป็นคนไทยใต้ร่มพระบรมโพธิสมภารของพระมหากษัตริย์ไทยทุุกพระองค์ค่ะ

อ้อ..แต่เพิ่งเคยเห็นคนรำละครทาหน้าขาวแบบนี้ค่ะ แปลกดี :D
User avatar
gorgie
 
Posts: 45
Joined: Thu May 20, 2010 11:04 am

Re: วิดีโอสยาม ถ่ายเมื่อเกือบร้อยปีก่อน ไม่น่าเชื่อที่มีโอกาสได้

Postby noona » Fri Jun 11, 2010 9:51 pm

permsakdi wrote:
noona wrote:@คุณ permsakdi ขอบคุณมากค่ะ สำหรับเรื่องราวในอดีต อ่านแล้วทำนึกภาพตาม และอดยิ้มไม่ได้ :D
:P ถ้ามีเรื่องเล่าเพิ่มเติมอีก จะยินดีมาก ๆ เลยค่ะ

ดีใจมากครับ คุณ หนูนา ที่โดนใจคุณ สงสัยเราจะอายุใกล้เคียงกัน ถึงได้แอบยิ้ม
ส.ว. จะมีความสุขมาก ถ้าได้คุยถึงอดีต ยุค 60 เป็น Golden Year ของรุ่นผมครับ
แน่นอน ทุกอย่างไม่สะดวก เหมือนที่ คุณตัวเล็กของเล่นใหญ่ posted ไว้
ยุค นั้นเป็นยุคเริ่มการ รับวัฒนธรรม ตะวันตก ของคนกรุงเทพ สังคมจึงเกิดอาการฉุด
ของวัฒนธรรมไทย และ วัฒนธรรมตะวันตก เพลงฝรั่ง กำลังฉุดวัยรุ่น ยุคนั้นไปจาก
เพลงไทยสากล การเต้นรำ กำลังฉุด คนไทยไปจาก การรำวง และการรำไทย
การแต่งตัว ก็เช่นกัน รองเท้า ส้นสูง หัวแหลม กางเกงขาหลีบ กระโปรงสั้่น เสื้อตัวใหญ่
ประหลาด ทั้งหญิงและชาย
ความเป็นฝรั่งของเด็กสมัยนี้ เริ่มต้นขึ้น ที่ยุคเรา พร้อมทั้งเสียก่น ด่า ของผู้ใหญ่
สมัยนั้น เมืองไทยมีพลเมือง เพียง สิบล้าน กว่า สมัยนี้ หกสิบ ล้าน วัยรุ่นในกรุงเทพ
สมัยนั้น ส่วนใหญ่จะรู้จักกัน เพราะมีที่เที่ยวไม่กี่แห่ง มีงานปาร์ตี้ เดือนละครั้ง
ก็ถือว่า ทันสมัย ที่สุดแล้ว ถ้าคุณหนูนา เป็นคนยุค 60 เราอาจจะเคยรู้จัก หรือเห็นหน้ากัน

ต้อง ขอบคุณ คุณ No Way 2 Know ครับ สิ่งที่มอบให้ กระทู้นี้ ถูกใจ ส.ว. จริง ๆ


ขอบคุณค่ะคุณ permsakdi :D ไม่ได้เป็นคนยุค 60 ค่ะ ตอนเด็ก ๆ คุณยายชอบเล่าเรื่องสงครามโลกครั้งที่ 2 และกรุงเทพในอดีตนิดหน่อย เพราะคุณยายมีบ้านอยู่ปริมณฑลปัจจุบันนะคะ :D ทำให้นึกถึงละคร พีเรียตของไทยเรื่องปริศนา การแต่งกาย, สถานที่เที่ยว ปาร์ตี้ที่มีไม่กี่แห่ง และหนุ่มสาวสมัยนั้นนิยมไปเที่ยวและนัดเจอกัน :D
User avatar
noona
 
Posts: 6433
Joined: Fri May 21, 2010 2:40 am

Re: วิดีโอสยาม ถ่ายเมื่อเกือบร้อยปีก่อน ไม่น่าเชื่อที่มีโอกาสได้

Postby noway2know » Fri Jun 11, 2010 10:12 pm

Image

Image

อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยสร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 8 เมื่อปี พ.ศ.2482
เพื่อเป็นที่ระลึกแห่งการเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์
มาเป็นระบอบประชาธิปไตย ซึ่งถือเป็นจุดเปลี่ยนผ่านระบอบการปกครองของไทยและแสดงให้เห็นถึงความวัฒนาถาวรแห่งระบอบประชาธิปไตยที่ได้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2475
โดยคณะราษฎร ซึ่งประกอบด้วย หลวงประดิษฐ์มนูธรรม(ปรีดี พนมยงค์)
พ.อ.พระยาทรงสุรเดช พลโทประยูร ภมรมนตรี พระยาพหลพลพยุหเสนา พันตรีหลวงพิบูลสงคราม หลวงโกวิท อภัยวงศ์(ควง อภัยวงศ์) นายวิลาส โอสถานนท์ หลวงนิเทศกลการ ดร.ประจวบ บุนนาค ฯลฯ เป็นคณะผู้เปลี่ยนแปลงการปกครอง อนุสาวรีย์แห่งนี้เป็นเครื่องแสดงให้แก่อนุชนรุ่นหลังให้เห็นความสามัคคีของประชาชนและเตือนใจให้ระลึกถึงและช่วยกันพิทักษ์รักษาเทิดทูนรัฐธรรมนูญให้เป็นหลักในการปกครอง

อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยออกแบบโดยศาสตราจารย์ศิลปะ พีระศรี
เป็นผู้ออกแบบและควบคุมการก่อสร้างอนุสาวรีย์จนแล้วเสร็จ

ซึ่งเริ่มลงมือก่อสร้างเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2482 และมีพิธีเปิดเมื่วันที่ 24 มิถุนายน 2483

ลักษณะของอนุสาวรีย์จะใช้สัญลักษณ์ทั้งหมดโดยมีองค์ประกอบ ดังนี้
1.พานรัฐธรรมนูญ มีความสูง 3 เมตร สื่อถึงอำนาจอธิปไตยทั้ง 3 ด้าน(อำนาจนิติบัญญัติ อำนาจบริหาร อำนาจตุลาการ) ภายใต้รัฐธรรมนูญ

2.พระขรรค์ทั้ง6(ที่ติดอยู่ตรงฐานทรงกลมใต้พาน)หมายถึงหลัก 6 ประการที่เป็นนโยบายในความเสมอภาค ภราดรภาพ เสรีภาพ เศรษฐกิจ การศึกษาและเอกราช

3.ปีก 4 โดยรอบอนุสาวรีย์ แต่ละปีกมีความสูง 24 เมตร สื่อถึงวันที่เกิดการเปลี่ยนแปลงการปกครองคือวันที่ 24 มิถุนายน 2475

4.ภาพนูนต่ำบนฐานทั้ง4ของปีกแสดงให้เห็นถึงภาพเหตุการณ์และความพร้อมเพรียงในการปฏิบัติการของคณะปฏิวัติ

5.ปืนใหญ่จำนวน 75 กระบอก(ปากกระบอกปืนฝังลงดิน)โดยรอบฐานของอนุสาวรีย์มีโซ่เหล็กร้อยไว้ หมายถึงปีที่ทำการเปลี่ยนแปลงการปกครอง(เลข75 เป็นเลขท้ายสองหลักของปี พ.ศ.2475) ส่วนโซ่ที่ร้อยไว้ด้วยกันหมายถึงความสามัคคีพร้อมเพรียงของคณะปฏิวัติ

Image

Image

Image

Image
Last edited by noway2know on Fri Jun 11, 2010 10:35 pm, edited 2 times in total.

รักในหลวง หวงแผ่นดิน
เกลียดเสื้อแดง จะรัฐบาล ม.แม้ว หรือ ม.มาร์ค ก็น่าผิดหวัง เลวพอๆกัน
ไปม๊อบมา ไปก็บอกว่าไป..ไม่ใช่ประเภท....ตุลาคมก็อยู่นะ(โกหก)
http://www.baanpud.net/forum/index.php....http://www.prachathon.org/forum/
User avatar
noway2know
 
Posts: 7750
Joined: Thu May 20, 2010 12:19 am

Re: วิดีโอสยาม ถ่ายเมื่อเกือบร้อยปีก่อน ไม่น่าเชื่อที่มีโอกาสได้

Postby canola » Fri Jun 11, 2010 10:17 pm

ขอบคุณ คุณอานุง อัน รามา จขกท. และ คุณ noway2know ที่มีทั้งข้อมูลดีๆและภาพหายาก
ประทับใจมากไม่เคยเห็นมาก่อน วิถีชีวิตและบ้านเมืองชาวสยามที่เริ่มตั้งแต่ปี ค.ศ.1925 แต่อีกมุมหนึ่งทำให้เห็นว่าบ้านเมืองผ่านการพัฒนาไปปีแล้วปีเล่า ถ้าผู้คนได้เรียนรู้ไม่ใช่แค่ความภูมิใจกับการได้มีเท่านั้น แต่พร้อมที่จะช่วยกันรักษาหวงแหนไว้ เราคงจะเห็นร่องรอยของอดีตได้มากกว่านี้ ในเมื่อแก้ไขอดีตไม่ได้ก็ขอเป็นส่วนหนึ่งที่จะไม่ทำลายค่ะ :)
Last edited by canola on Fri Jun 11, 2010 11:17 pm, edited 1 time in total.
User avatar
canola
 
Posts: 493
Joined: Thu May 06, 2010 6:47 pm

Re: วิดีโอสยาม ถ่ายเมื่อเกือบร้อยปีก่อน ไม่น่าเชื่อที่มีโอกาสได้

Postby oh_lanla » Fri Jun 11, 2010 10:57 pm

ขออนุญาตนำข้อมูลดีๆ ภาพสวยๆ วีดีโอหายาก ไปเผยแพร่ให้เพื่อนๆ ดูบ้าง ได้ไหมค่ะ

ขอบคุณล่วงหน้าค่าาาา -/\-
"การทำให้บ้านเมืองมีความปกติสุข เรียบร้อย จึงมิใช่การทำให้ทุกคนเป็นคนดี หากแต่อยู่ที่การส่งเสริมคนดี ให้คนดีปกครองบ้านเมือง และคุมคนไม่ดี ไม่ให้มีอำนาจ ไม่ให้ก่อความเดือดร้อนวุ่นวายได้"
ส่วนหนึ่งของพระบรมราโชวาทพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
User avatar
oh_lanla
 
Posts: 74
Joined: Fri Apr 23, 2010 11:36 pm

Re: วิดีโอสยาม ถ่ายเมื่อเกือบร้อยปีก่อน ไม่น่าเชื่อที่มีโอกาสได้

Postby noway2know » Fri Jun 11, 2010 11:11 pm

oh_lanla wrote:ขออนุญาตนำข้อมูลดีๆ ภาพสวยๆ วีดีโอหายาก ไปเผยแพร่ให้เพื่อนๆ ดูบ้าง ได้ไหมค่ะ
ขอบคุณล่วงหน้าค่าาาา -/\-



ตามสบายค่ะ...ด้วยความยินดี...ขออนุญาติตอบแทนเจ้าของกระทู้ไปด้วย :D

รักในหลวง หวงแผ่นดิน
เกลียดเสื้อแดง จะรัฐบาล ม.แม้ว หรือ ม.มาร์ค ก็น่าผิดหวัง เลวพอๆกัน
ไปม๊อบมา ไปก็บอกว่าไป..ไม่ใช่ประเภท....ตุลาคมก็อยู่นะ(โกหก)
http://www.baanpud.net/forum/index.php....http://www.prachathon.org/forum/
User avatar
noway2know
 
Posts: 7750
Joined: Thu May 20, 2010 12:19 am

Re: วิดีโอสยาม ถ่ายเมื่อเกือบร้อยปีก่อน ไม่น่าเชื่อที่มีโอกาสได้

Postby noway2know » Fri Jun 11, 2010 11:51 pm

นั่งรถราง....ชมสยามในวันวาน


ภาพรถรางปี ค.ศ.1894
Image

Image
หน้าตาของตั๋วรถรางไฟฟ้าเหมือนตั๋วรถเมล์
เป็นของสะสมของนาย Ric Francis


ในปี ค.ศ. 1946-51 ยังมีเหรียญ 50, 25, 10, 5 และ 1สตางค์ใช้
แต่เป็นเหรียญที่ทำจากดีบุกจึงอ่อนและสกปรกง่าย


ในปี ค.ศ. 1951 เหรียญ 50 และ 25 สตางค์ถูกเปลี่ยนเป็นเหรียญบรอนซ์
แต่เหรียญ 10, 5, และ 1 สตางค์ สตางค์ยังเป็นเหรียญดีบุกที่สกปรกง่ายเหมือนเดิม

ในปี ค.ศ. 1954 เหรียญ 10 และ 5 สตางค์จึงเปลี่ยนมาใช้เหรียญบรอนซ์เช่นเดียวกัน
คงเหลือเหรียญดีบุก 1 สตางค์เพียงอย่างเดียว

ราคาตั๋วรถรางในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2
ก่อน 17 พฤษภาคม ค.ศ. 1945
ตั๋วโดยสารชั้นสอง ราคา 6 สตางค์ต่อ 3000 เมตร (กิโลเมตรละ 2 สตางค์)
ตั๋วโดยสารชั้นหนึ่ง ราคา 12 สตางค์ต่อ 3000 เมตร (กิโลเมตรละ 4 สตางค์)
ตั๋วรถเมล์ขาวของนายเลิศและตั๋วรถเมล์เขียว ราคา 2 สตางค์ต่อกิโลเมตร
เพราะมีการควบคุมราคาระหว่างสงคราม (ค.ศ. 1942/พ.ศ.2485)

หลัง 17 พฤษภาคม ค.ศ. 1945

ตั๋วโดยสารชั้นสอง ราคา 10 สตางค์ต่อ 2500 เมตร (กิโลเมตรละ 4 สตางค์)
ตั๋วโดยสารชั้นหนึ่ง ราคา 20 สตางค์ต่อ 2500 เมตร (กิโลเมตรละ 8 สตางค์)
ตั๋วรถเมล์ขาวของนายเลิศ และตั๋วรถเมล์เขียว ราคา 2 สตางค์ต่อกิโลเมตร

แผงปุ่มควบคุมรถรางไฟฟ้า

Image

ช่องเก็บตั๋ว
Image

ภายในรถราง
Image

Image

Image

ที่สำหรับพนักงานขับรถราง
Image

ไฟหน้ารถราง

Image

ระหว่างปี ค.ศ. 1890 หน้าตาของหัวรถรางและรถพ่วง
จากภาพสะสมของ Ric Francis

Image

โรงงานรถรางแถวแม้นศรีหรือสะพานดำในอดีต
จากภาพสะสมของ Ric Francis

Image

รถรางจากภาพถ่ายของนายWally Higgins ถ่ายเมื่อปี ค.ศ.1959
ผ่านวัดเบญจมบพิตรที่ถนนพิษณุโลก
Image
รถรางวิ่งข้ามถนนพระรามที่ 4 แถวสวนลุมพินี
Image
สายหัวลำโพงผ่านหน้าศาลเจ้าจีน
Image

Image
Image
Image
Image
Image
Image
Image
Image
Last edited by noway2know on Sat Jun 12, 2010 1:44 am, edited 1 time in total.

รักในหลวง หวงแผ่นดิน
เกลียดเสื้อแดง จะรัฐบาล ม.แม้ว หรือ ม.มาร์ค ก็น่าผิดหวัง เลวพอๆกัน
ไปม๊อบมา ไปก็บอกว่าไป..ไม่ใช่ประเภท....ตุลาคมก็อยู่นะ(โกหก)
http://www.baanpud.net/forum/index.php....http://www.prachathon.org/forum/
User avatar
noway2know
 
Posts: 7750
Joined: Thu May 20, 2010 12:19 am

Re: วิดีโอสยาม ถ่ายเมื่อเกือบร้อยปีก่อน ไม่น่าเชื่อที่มีโอกาสได้

Postby permsakdi » Sat Jun 12, 2010 12:12 am

NOONA WROTE
ขอบคุณค่ะคุณ permsakdi :D ไม่ได้เป็นคนยุค 60 ค่ะ ตอนเด็ก ๆ คุณยายชอบเล่าเรื่องสงครามโลกครั้งที่ 2 และกรุงเทพในอดีตนิดหน่อย เพราะคุณยายมีบ้านอยู่ปริมณฑลปัจจุบันนะคะ :D ทำให้นึกถึงละคร พีเรียตของไทยเรื่องปริศนา การแต่งกาย, สถานที่เที่ยว ปาร์ตี้ที่มีไม่กี่แห่ง และหนุ่มสาวสมัยนั้นนิยมไปเที่ยวและนัดเจอกัน :D



กรุงเทพ เมื่อ 2500 ใจกลางคือเกาะรัตนโกสินทร์ ศูนย์กลางบันเทิงคือ หลังวังบูรพา
เฉลิมกรุง ต่อไปถึง สะพานหัน เยาวราช

ปริมณฑล สำหรับคนชั้นกลางที่ค่อนข้างทันสมัย ก็คือถนนสุขุมวิทย์ ตัด อโศก มีโรงหนังศรีกรุง
ฉายหนังฝรั่งบางครั้ง ไม่มีบรรยายไทยด้วย เพราะ ลดค่าใช้จ่าย มีร้านไอติม แบบฝรั่ง มี
Juke Box หยอดเพลงได้ด้วย มีฝรั่งมา Jam ด้วยเสมอ เพราะแถบนั้นมีบ้านพักฝรั่งที่ทำงาน
ในเมืองไทยอยู่มาก วัยรุ่นฝรั่งอยู่แถวนั้นตรึม
ปริมณฑลนี้มี สีสันต์ ฟังเพลง Frank Sinatra, Dean Martin, Elvis Presley etc.,
สาวๆ ตัดผมทรง Audrey นุ่งกระโปรง Parisien

ปริมณฑล สำหรับคนชั้นกลางทางทิศใต้ คือชาวสวนฝั่งธน วงเวียนใหญ่ ท่าพระ สามแยกไฟฉาย
สามแยก โพธิ์สามต้น สี่แยกพรานนก บางพลัดสมัยนั้นก็เป็น ปริมณฑล แล้วครับ
แหล่งนี้ค่อนข้างจะ เป็นไทย มากๆ สมยศ ทัศนพันธ์ สุรพล สมบัติเจริญ
มีแฟนแถวนี้เยอะ สาวๆ ผมดัด เป็นลอนกล้วยหอม พอหาได้ แต่วัยรุ่น ไว้ผมเปีย ผมม้า
เด็กอาชีวะ ส่วนใหญ่

ปริมณฑล ทางเหนือ ส่วนใหญ่จะเป็นเขตทหาร สามย่าน เรื่อยไปถึง เกียกกาย บางซื่่อ
สะพานสูง เตาปูน สะพานควายลาดพร้าวถือว่าไกลมากเลย รามคำแหงสี่แยกลำสาลี
ยังเป็นท้องนาอยู่เลย สาววัยรุ่นแถบนี้ เจ้าของหวง ทหารคุม วัยรุ่น ดุมาก
เด็กต่างถิ่น ลุกล้ำเข้าไป กลับออกมายาก ถ้าหากไม่เจียมตัว

คุณ Noo Na อยู่ปริมณฑล ด้านไหน ลองไปถามคุณยาย หรือ คุณแม่ ดู นะครับ
ว่าข้อสังเกตุผม ถูกต้องไหม

ตอนนั้น ประเทศไทยมีพลเมือง 10 ล้าน กรุงเทพ มี ไม่ถึง 2 ล้าน มีรัฐบาลทหารเผด็จการ เด็ดขาด คือ
จอมพล สฤษดิ์ ธนรัชต์ ไม่มีใครออกมาต่อต้าน รัฐประหาร เพราะผู้นำทหารท่านนี้ ทำให้บ้านเมืองร่มเย็น
สงบสุข ใช้กฎหมายอย่างเด็ดขาด มี มาตรา 17 ผิดชัดเจน ประหารแน่ เผาตลาดพลู ยิงเป้าที่ตลาดพลู
ทำผิดตรงไหน ยิงตรงนั้น มีวาจาอมตะว่า ข้าพเจ้า รับผิดชอบแต่ผู้เดียว อันธพาล หมดกรุงเทพ
กฎหมายคือสิ่งที่มีอิทธิพลที่สุด ที่สำคัญที่สุด คือตอน จอมพลสฤษดิ์ เป็นนายก ในหลวง
ครองราชย์ได้ประมาณ 20 ปี ทุกคนรักในหลวง และนิยม จอมพลสฤษดิ์ เพราะท่าน รักในหลวง
เมื่อจอมพลสฤษดิ์ ป่วยหนัก ในหลวง เสด็จ ที่เตียง จอมพลสฤษดิ์ จับพระหัตถ์ในหลวงมาวาง
ไว้บนศรีษะ หนังสือพิมพ์ลงภาพนี้ทุกฉบับ คนไทยหลั่งน้ำตา ในวันนั้น และหลังจากนั้นไม่กี่วัน
จอมพลสฤษดิ์ ก็เสียชีวิต

จอมพลถนอม ขึ้นมาเป็นนายก จอมพลสฤษดิ์ ถูกขุดคุ้ยว่าโกงกินบ้านเมือง
มีภรรยาน้อยมากมาย แจก รถ เทานุสให้ ดารา และ นางงาม นับร้อย ถึงขนาดตั้ง
ฉายาว่า จอมพล ผ้าขะม้าแดง คนไทยในกรุงเทพ ก็ไม่เกลียดจอมพลสฤษดิ์
เพราะ ไทย คิดว่า เจ้าชู้ เป็นเรื่อง ธรรมดา ข้อดี ของ จอมพล สฤษดิ์ คือ
ไม่พาพรรคพวกพี่น้องมาโกง ประเทศชาติ ท่านไม่ได้โกงชาติ เพียงแต่เอา
เงินของชาติไปใช้ส่วนตัว ที่สำคัญที่สุด คือ จอมพลสฤษดิ์ รักและจงรักภักดี
ต่อ ในหลวง อย่างเห็นได้ชัด ไม่มีการสร้างภาพ

จอมพลถนอม ถูกประชาชน โค่นล้มวันที่ 14 ตุลา เพราะ จอมพลถนอม ยกครอบครัว
มาหากินกับชาติ มี พันเอก ณรงค์ กิติขจร ลูกชาย แต่งงาน กับลูกสาว
จอมพล ประภาส จารุเสถียร ที่เป็นรองนายก พี่เล็ก สมัยนั้น ใหญ่ เหมือน
นายกทักษิณ ตอนเป็นนายก แต่ทักษิณ เลวร้าย กว่า พันเอก ณรงค์ ที่ใครๆ ก็เรียกว่า
พี่เล็ก มากมายนัก ทักษิณ ยกโคตรมากินเมือง ทั้งโคตร และบริวาณ
เมืองไทยหาคนอย่างจอมพลสฤษดิ์ไม่ได้แล้ว ถึงท่านจะไม่ดี
ร้อยเปอร์เซนต์ ก็ตาม เพราะเผด็จการทหาร โลกไม่ยอมรับแล้ว ตอนนี้

ขอให้เราหาทหารที่ จงรักภักดี ต่อ ในหลวง ของเรา ด้วยชีวิตให้ได้อย่าง
จอมพลสฤษดิ์ ก็พอ ผมภาวนา
Last edited by permsakdi on Sat Jun 12, 2010 12:29 am, edited 2 times in total.
User avatar
permsakdi
 
Posts: 28
Joined: Thu May 20, 2010 6:51 am

Re: วิดีโอสยาม ถ่ายเมื่อเกือบร้อยปีก่อน ไม่น่าเชื่อที่มีโอกาสได้

Postby อานุง อัน รามา » Sat Jun 12, 2010 12:15 am

noway2know wrote:
oh_lanla wrote:ขออนุญาตนำข้อมูลดีๆ ภาพสวยๆ วีดีโอหายาก ไปเผยแพร่ให้เพื่อนๆ ดูบ้าง ได้ไหมค่ะ
ขอบคุณล่วงหน้าค่าาาา -/\-



ตามสบายค่ะ...ด้วยความยินดี...ขออนุญาติตอบแทนเจ้าของกระทู้ไปด้วย :D


ยินดีครับ ขอบคุณคุณ noway2know ด้วยนะครับ ที่เอาข้อมุลและภาพที่หายาก ได้เห็นวิวัฒนาการของบ้านเมืองเราตั้งแต่อดีต มาให้ชมกัน :D



อันนี้ บังเอิญไปเจอมา ตอนเด็กๆก็ชอบอ่าน สามเกลอ ด้วยสิ
Image

Ebook ของสามเกลอ http://www.mcfc.in.th/profiles/blogs/414-download
Last edited by อานุง อัน รามา on Sat Jun 12, 2010 12:43 am, edited 1 time in total.
คนส่วนใหญ่เรียกร้องสิทธิมนุษยชน แต่คนมีปัญญาเรียกร้องสิทธิที่จะไม่ทุกข์
กฎแห่งกรรมไม่ต้องวีซ่า กฎแห่งกรรมไม่ยกเว้นหน้าอินทร์หน้าพรหม กฎแห่งกรรมไม่มีวันหยุด กฎแห่งกรรมเที่ยงธรรมตลอดกาล
ว.วชิรเมธี

เศรษฐกิจพอเพียง
http://www.sufficiencyeconomy.org/
User avatar
อานุง อัน รามา
 
Posts: 546
Joined: Thu May 13, 2010 1:10 am

Re: วิดีโอสยาม ถ่ายเมื่อเกือบร้อยปีก่อน ไม่น่าเชื่อที่มีโอกาสได้

Postby noway2know » Sat Jun 12, 2010 12:18 am

อานุง อัน รามา wrote:
noway2know wrote:
oh_lanla wrote:ขออนุญาตนำข้อมูลดีๆ ภาพสวยๆ วีดีโอหายาก ไปเผยแพร่ให้เพื่อนๆ ดูบ้าง ได้ไหมค่ะ
ขอบคุณล่วงหน้าค่าาาา -/\-



ตามสบายค่ะ...ด้วยความยินดี...ขออนุญาติตอบแทนเจ้าของกระทู้ไปด้วย :D


ยินดีครับ ขอบคุณคุณ noway2know ด้วยนะครับ ที่เอาข้อมุลและภาพที่หายาก ได้เห็นวิวัฒนาการของบ้านเมืองเราตั้งแต่อดีต มาให้ชมกัน :D



ไม่เป็นไรค่ะ....ร่วมด้วยช่วยกันค่ะ...เราภาคภูมิใจที่ได้เกิดเป็นคนไทยค่ะ
ขอบคุณเหมือนกันนะค่ะ ที่ตั้งกระทู้นี้ขึ้นมาค่ะ :D

รักในหลวง หวงแผ่นดิน
เกลียดเสื้อแดง จะรัฐบาล ม.แม้ว หรือ ม.มาร์ค ก็น่าผิดหวัง เลวพอๆกัน
ไปม๊อบมา ไปก็บอกว่าไป..ไม่ใช่ประเภท....ตุลาคมก็อยู่นะ(โกหก)
http://www.baanpud.net/forum/index.php....http://www.prachathon.org/forum/
User avatar
noway2know
 
Posts: 7750
Joined: Thu May 20, 2010 12:19 am

Re: วิดีโอสยาม ถ่ายเมื่อเกือบร้อยปีก่อน ไม่น่าเชื่อที่มีโอกาสได้

Postby noway2know » Sat Jun 12, 2010 12:45 am

Image

เรือรบหลวงศรีอยุธยาเป็นเรือรบของกองทัพไทย
ที่มีบทบาทในกรณีพิพาทระหว่างไทยกับอินโดจีนของฝรั่งเศส พ.ศ.๒๔๘๓-๒๔๘๔

Image

เหตุการณ์ก่อนการรบ

เมื่ออากาศยานฝ่ายข้าศึกได้เข้ามาทิ้งระเบิดที่จังหวัดนครพนมเมื่อ ๒๘ พ.ย.๘๓
กองทัพเรือได้เริ่มดำเนินการส่งกำลังไปป้องกัน ตำบลคลองใหญ่ จังหวัดตราด
ซึ่งเป็นพื้นที่ชายแดนสุดทางด้านตะวันออกของไทยที่อยู่ริมฝั่งทะเล
ติดต่อกับอินโดจีน ฝรั่งเศส และได้เริ่มลำเลียงกำลังพลพรรคนาวิกโยธิน
อันเป็นกำลังส่วนใหญ่ของกองพลผสมจันทบุรี ไปยังจังหวัดจันทบุรีและจังหวัดตราด
เพื่อป้องกันการยกพลขึ้นบกของข้าศึกทางฝั่งตะวันออกของอ่าวไทย
อันเป็นการป้องกันปีกและการตีโอบหลังกำลังทางบกของฝ่ายเรา

ก่อนการรบที่เกาะช้าง กองทัพเรือได้ส่งกำลังทางเรือ ๑ หมวด
ประกอบด้วยเรือรบหลวง ๖ ลำ คือ

- เรือรบหลวงศรีอยุธยา มีนายนาวาตรีหลวงชำนาญ อรรถยุทธ เป็นผู้บังคับการเรือ
- ร.ล.ภูเก็ต มี น.ต.หลวงมงคลยุทธนาวี เป็นผู้บังคับการเรือ
- ร.ล.ปัตตานี มี น.ต.อำพัน ภมรบุตร เป็นผู้บังคับการเรือ
- ร.ล.สุราษฏร์ มีนายเรือเอกชวน แสงต่าย เป็นผู้บังคับการเรือ
- ร.ล.คราม มี ร.ท.เจตน์ จุลชาติ เป็นผู้บังคับการเรือ
- ร.ล.ตระเวนวารี
ทั้งหมดอยู่ในบังคับบัญชาของ น.ต.หลวงมงคลยุทธนาวี
ไปรักษาการณ์อยู่บริเวณเกาะช้าง


Image
Image
Image
Image
Image
Image

ต่อมาเมื่อ ๑๔ ม.ค.๘๔ กองทัพเรือได้จัดกำลังทางเรืออีก ๑ หมวด
ไปผลัดเปลี่ยนประกอบด้วย

- ร.ล.ธนบุรี มี น.ท.หลวงพร้อม วีรพันธ์ เป็นผู้บังคับการเรือ
- ร.ล.ระยอง มี น.ต.ใบ เทศนะสดับ เป็นผู้บังคับการเรือ
- ร.ล.สงขลา มี น.ต.ชั้น สิงหชาญ เป็นผู้บังคับการเรือ
- ร.ล.ชลบุรี มี ร.อ.ประทิน ไชยปัญญา เป็นผู้บังคับการเรือ
- ร.ล.หนองสาหร่าย มี ร.อ.ดาวเรือง เพชรชาติ เป็นผู้บังคับการเรือ
- ร.ล.เทียวอุทก
ทั้งหมดอยู่ในบังคับบัญชาของ น.ท.หลวงพร้อม วีรพันธ์

กองกำลังเรือรบฝ่ายข้าศึก
กองกำลังเรือรบฝ่ายข้าศึกในบังคับบัญฃาของนายนาวาเอกเบรังเยรฺ (Be"ranger)
จำนวน ๙ ลำ ประกอบด้วย

- เรือลาดตระเวน ลามอตตฺปิเกตตฺ เป็นเรือธง
- เรือสลุปแบบเรือ อามิราล ชารฺเนรฺ ๒ ลำ
- เรือปืน ๔ ลำ
- เรือสินค้าขนาดใหญ่ติดอาวุธ ๑ ลำ
- เรือดำน้ำ ๑ ลำ
เรือลาดตระเวนลามอตตฺปิเกตฺ
เรือสลุป อามิราล ชารฺเนรฺ

ในบางตอนของการรบ
.....ร.ล.ชลบุรียิงถูกเรือสลุปในหมู่เรือที่ ๒
ของข้าศึกจนต้องหนีออกไปจากแนวรบ
และยิงรบเรือข้าศึกหมู่ที่ ๓ อีก ๒ ลำ จนไฟไหม้อย่างหนัก

และตามทางสืบสวนอันเชื่อถือได้ มีว่าเรือดังกล่าวได้อับปางลงในทะเลลึก
ร.ล.ชลบุรีเองก็ถูกเรือข้าศึกยิงได้รับความเสียหายมาก เกิดไฟไหม้ตอนกลางลำ
และตอนท้ายเรือและเรือได้เริ่มจมลง ผู้บังคับการเรือจึงส่งให้ทำการสละเรือใหญ่
เมื่อเวลาประมาณ ๐๖.๕๐ น.


ในขณะที่ปืนของเรือตอร์ปิโดทั้งสองลำของฝ่ายเราเงียบเสียง
และทหารประจำเรือกำลังสละเรือใหญ่อยู่ ฝ่ายข้าศึกก็ยังคนระดมยิงอยู่อย่างไม่ลดละ
นอกจากนั้นเมื่อเรือรบฝ่ายเรากำลังจะจมน้ำหายไป
แทนที่ข้าศึกจะเข้ามาช่วยเหลือชีวิตทหารที่ลอยคออยู่ในทะเล
ฝ่ายข้าศึกกลับใช้ปืนใหญ่ปืนกลยิงกราดมายังทหาร
ซึ่งอยู่ในเรือเล็กและว่ายเข้าหาฝั่งและสันนิษฐานได้ว่าข้าศึกได้ใช้กระสุนกาซพิษ
นับว่าผิดอารยธรรมและประเพณีการรบทางเรืออย่างที่สุด.....

สรุปผลการรบ
ทหารฝ่ายเราเสียชีวิต ๓๖ นาย เป็นทหารประจำ ร.ล.ธนบุรี ๒๐ นาย
ร.ล.สงขลา ๑๔ นาย ร.ล.ชลบุรี ๒ นาย
สำหรับการสูญเสียของฝ่ายข้าศึกไม่ทราบจำนวนแน่นอน
แต่ทราบกันว่าเมื่อเรือข้าศึกกลับถึงไซ่ง่อน ได้มีการขนศพทหารที่เสียชีวิต
และทหารที่ได้รับบาดเจ็บขึ้นบกกันตลอดคืน

การรบทางเรือครั้งนี้นับว่าเป็นการรบทางเรือที่ได้กระทำอย่างจริงจัง
ในประวัติการรบของทหารเรือไทย
นับแต่ได้ดำเนินการทหารเรือตามแบบอย่างของอารยประเทศที่เจริญในการเดินเรือ
ซึ่งชาวไทยทั้งหลายควรภูมิใจ
เพราะนับตั้งแต่สงคราม ญี่ปุ่น-รัสเซีย เมื่อปี พ.ศ.๒๔๔๗-๒๔๔๘
แล้วก็มีประเทศไทยที่เป็นประเทศในตะวันออกไกล
ชาวเอเซียได้ทำการรบทางเรืออย่างแท้จริงกับชาติตะวันตก

แม้ฝรั่งเศสเองซึ่งเป็นข้าศึกของเราในครั้งนั้นก็ยังกล่าวสรรเสริญ
ถึงวีรกรรมของทหารเรือไทย
ดังได้ปรากฎในวิทยุกระจายเสียงสถานไซ่ง่อน
เมื่อ ๑๙ ม.ค.๘๓ มีความว่า
" แต่เราจะลืมเสียมิได้ที่จะสรรเสริญการต่อสู้อย่างทรหดกล้าหาญของทหารไทย
เราขอน้อมเคารพพวกทหารเรือไทยที่ได้สิ้นชีพในการต่อสู้อย่างถึงที่สุดสมเกียรติทหาร
เพื่อบ้านเกิดเมืองนอนของเขาด้วย "


นับจากการรบที่เกาะช้างจนถึงวันลงนามย่อในสัญญาสันติภาพ
เมื่อ ๑๑ มี.ค.๘๔ ที่กรุงโตเกียว

ไม่ปรากฎว่ามีเรือรบข้าศึกเข้ามาในอ่าวไทยเลย
ตรงข้ามกับฝ่ายไทยเราซึ่งได้ส่งกำลังทางเรือออกทำการตรวจทะเล
ยึดการคมนาคมทางเรือไว้ในมือแต่ผู้เดียว

Image

เรือรบหลวงมัจฉาณุ เรือดำน้ำของไทย
Image
Last edited by noway2know on Mon Jun 14, 2010 10:22 pm, edited 1 time in total.

รักในหลวง หวงแผ่นดิน
เกลียดเสื้อแดง จะรัฐบาล ม.แม้ว หรือ ม.มาร์ค ก็น่าผิดหวัง เลวพอๆกัน
ไปม๊อบมา ไปก็บอกว่าไป..ไม่ใช่ประเภท....ตุลาคมก็อยู่นะ(โกหก)
http://www.baanpud.net/forum/index.php....http://www.prachathon.org/forum/
User avatar
noway2know
 
Posts: 7750
Joined: Thu May 20, 2010 12:19 am

Re: วิดีโอสยาม ถ่ายเมื่อเกือบร้อยปีก่อน ไม่น่าเชื่อที่มีโอกาสได้

Postby noway2know » Sat Jun 12, 2010 12:59 am

ภาพปืนเสือหมอบ ป้อมพระจุล ซึ่งไทยใช้ยิงเรือฝรั่งเศสทั้งสองลำ
ขณะผ่านสันดอนแม่น้ำเจ้าพระยาเข้ามา

Image

การปิดอ่าวครั้งสำคัญในประวัติศาสตร์ไทยมีดังนี้
1.ในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ชาวฮอลันดาไม่พอใจ
เนื่องมาจากไม่ได้รับความสะดวกในการค้าขาย
จึงเอาเรือรบมาปิดอ่าวที่ปากแม่น้ำเจ้าพระยาแต่ภายหลังสามารถตกลงกันได้
ฮอลันดาก็ยกเลิกการปิดอ่าวไป

2.เหตุการณ์ ร.ศ.๑๑๒ กรณีพิพาทระหว่างไทยกับฝรั่งเศส
ที่คนไทยจดจำด้วยความเจ็บปวดเมื่อฝรั่งเศส
ต้องการกวาดล้างอิทธิพลของคนไทยให้พ้นจากลาวและเขมร
และจะยึดครองดินแดนของไทยทางฝั่งขวาของแม่น้ำโขงทั้งหมด
จึงใช้กำลังทางเรือบังคับประเทศไทย โดยใช้กำลังทางเรือกระทำโดยหักหาญ
ให้เรือกองซ์ตังก์และโกเมตบุกผ่านสันดอนปากแม่น้ำเจ้าพระยาเข้ามา
แม้ทหารเรือไทยจะสู้อย่างสุดกำลังแต่เนื่องจากขาดสมรรถภาพของอาวุธ
เรือรบทั้งสองลำของฝรั่งเศสผ่านเข้ามาถึงกรุงเทพหลังจากนั้น
จึงใช้กำลังทางเรืออีกส่วนหนึ่งปิดอ่าวไทยเพื่อบีบบังคับให้ไทยยอมทำตามข้อเรียกร้อง
ผลก็คือไทยต้องเสียดินแดนทางฝั่งซ้ายของแม่น้ำโขงให้กับฝรั่งเศส
คิดเป็นพื้นที่ราว 143,000 ตารางกิโลเมตร
ยอมให้ฝรั่งเศสยึดจันทบุรีไว้เป็นประกันอีกด้วย

3.ในสงครามโลกครั้งที่2 เราเคยรู้รสชาติของการขาดแคลน
สิ่งอุปโภคและบริโภคมาแล้วน่านน้ำไทยเคยถูก
ฝ่ายสัมพันธมิตรวางทุ่นระเบิดซึ่งโดยพฤตินัยแล้วถือว่าถูกปิดอ่าวนั่นเอง

แผนที่การเสียดินแดนของไทยให้แก่ชาติตะวันตก
ในพื้นที่สีฟ้าแสดงภาพดินแดนฝั่งซ้ายแม่น้ำโขง
ที่ไทยต้องยกให้ฝรั่งเศสหลังสิ้นสุดวิกฤตการณ์ ร.ศ.๑๑๒

Image

ขอบคุณข้อมูลจาก : http://th.wikipedia.org
ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต

รักในหลวง หวงแผ่นดิน
เกลียดเสื้อแดง จะรัฐบาล ม.แม้ว หรือ ม.มาร์ค ก็น่าผิดหวัง เลวพอๆกัน
ไปม๊อบมา ไปก็บอกว่าไป..ไม่ใช่ประเภท....ตุลาคมก็อยู่นะ(โกหก)
http://www.baanpud.net/forum/index.php....http://www.prachathon.org/forum/
User avatar
noway2know
 
Posts: 7750
Joined: Thu May 20, 2010 12:19 am

Re: วิดีโอสยาม ถ่ายเมื่อเกือบร้อยปีก่อน ไม่น่าเชื่อที่มีโอกาสได้

Postby noona » Sat Jun 12, 2010 1:11 am

ปริมณฑล สำหรับคนชั้นกลางทางทิศใต้ คือชาวสวนฝั่งธน วงเวียนใหญ่ ท่าพระ สามแยกไฟฉาย
สามแยก โพธิ์สามต้น สี่แยกพรานนก บางพลัดสมัยนั้นก็เป็น ปริมณฑล แล้วครับ

คุณ Noo Na อยู่ปริมณฑล ด้านไหน ลองไปถามคุณยาย หรือ คุณแม่ ดู นะครับ
ว่าข้อสังเกตุผม ถูกต้องไหม


@คุณpermsakdi คุณยายไม่อยู่ให้ถามมาสองปีแล้วค่ะ เมื่อก่อนคุณยายเคยอยู่ย่านบางกอกน้อยค่ะ และย้ายมาอยู่ในเขตนครปฐมปัจจุบัน แต่ปัจจุบัน noona อยู่บางกอกน้อยค่ะ ย่านนี้ยังมีเสน่ห์อยู่ค่ะ ในซอยบางแห่งยังมีบ้านสวนในอดีตจะเห็นได้ว่า มีบ้านเดี่ยว มีต้นไม้ผล, ไม้ยืนต้นรอบ ๆ บ้าน บางบ้านก็ติดคลองซึ่งแยกมาจากแม่น้ำเจ้าพระยา น้ำยังใส ถ้าตื่นเช้าก็จะได้เห็นพระบางรูปพายเรือมาบิณฑบาตร ส่วนใหญ่จะเป็นพระที่ส.ว เนื่องจากเดินไม่ไหว มีปัญหาเรื่องสุขภาพค่ะ

ฝั่งธนเจริญช้ากว่าที่อื่นค่ะ มีแต่ตึกเก่า ๆ ไม่สวยและมีเสน่ห์เหมือนย่านเยาวราช พลับพลาไชย ส่วนย่านบางพลัดในซอยลึก ๆ บางซอยเป็นบ้านสวน ดั้งเดิม ไม่มีถนนเข้าออก มีทางเดินเล็ก ๆ เห็นแล้วเศร้าใจ ทั้ง ๆ ที่น่าอยู่มากเลย ไม่นึกว่ากรุงเทพจะมีพื้นที่สีเขียวและบ้านที่ร่มรื่นแบบนี้อยู่อีกเยอะ
User avatar
noona
 
Posts: 6433
Joined: Fri May 21, 2010 2:40 am

Re: วิดีโอสยาม ถ่ายเมื่อเกือบร้อยปีก่อน ไม่น่าเชื่อที่มีโอกาสได้

Postby อานุง อัน รามา » Sat Jun 12, 2010 1:30 am

The Royal Kingdom of Siam


The first visit of King Chulalongkorn to Europe in 1897(Old film)-SWEDEN


Last edited by อานุง อัน รามา on Sat Jun 12, 2010 1:45 am, edited 2 times in total.
คนส่วนใหญ่เรียกร้องสิทธิมนุษยชน แต่คนมีปัญญาเรียกร้องสิทธิที่จะไม่ทุกข์
กฎแห่งกรรมไม่ต้องวีซ่า กฎแห่งกรรมไม่ยกเว้นหน้าอินทร์หน้าพรหม กฎแห่งกรรมไม่มีวันหยุด กฎแห่งกรรมเที่ยงธรรมตลอดกาล
ว.วชิรเมธี

เศรษฐกิจพอเพียง
http://www.sufficiencyeconomy.org/
User avatar
อานุง อัน รามา
 
Posts: 546
Joined: Thu May 13, 2010 1:10 am

PreviousNext

Return to ห้องสมุด



cron