VDO สยาม ถ่ายเมื่อเกือบร้อยปีก่อน ไม่น่าเชื่อที่มีโอกาสได้ดู

คลังปัญญา กระทู้ปักหมุดเดิม เรื่องสำคัญจัดเก็บที่นี่

Re: VDO สยาม ถ่ายเมื่อเกือบร้อยปีก่อน ไม่น่าเชื่อที่มีโอกาสได้ดู

Postby rokjitjung » Mon Jun 14, 2010 4:12 pm

ขอโหวตให้ปักหมุดครับ

กระทู้มีคุณค่า มีสาระที่ควรแก่การรักษาไว้เป็นแหล่งความรู้ให้แก่สมาชิกบอร์ดรุ่นใหม่ๆ ที่อายุน้อยๆ (เช่นผมเป็นต้น ;) ) ได้ค้นคว้าต่อไป
User avatar
rokjitjung
 
Posts: 89
Joined: Mon May 11, 2009 1:47 pm

Re: VDO สยาม ถ่ายเมื่อเกือบร้อยปีก่อน ไม่น่าเชื่อที่มีโอกาสได้ดู

Postby noway2know » Mon Jun 14, 2010 8:04 pm

รัชกาลที่ ๕ เมื่อครั้งเสด็จผ่านประตูด้านหลังพระอาราม
วัดพระศรีรัตนศาสดาราม โดยด้านบนเป็นคำถวายพระพร
(ภาพจากหอจดหมายเหตุแห่งชาติ)
Image

ซุ้มต้อนรับ รัชกาลที่ ๕ เป็นซุ้มกระทรวงโยธาธิการ
พระพฤหัสทรงกวางในภาพคือต้นแบบของพระบรมรูปทรงม้า

ที่ถูกจัดสร้างขึ้นมาภายหลังในบริเวณเดียวกัน
(ภาพจาก หอจดหมายเหตุแห่งชาติ)
Image

"ธงสยาม" (Siam flag) หรือ "ธงช้าง" (Thong Chang)

สมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวงรัชกาลที่ ๕
ภาพขณะพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวฉายรูปร่วมกับข้าราชการ
และข้าราชบริพารที่สนองพระบรมราโชบายพัฒนาแผ่นดินสยาม
Image

ภาพพระราชพิธีเปิดการเดินรถราง

ในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่๕
Image

พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่๕

ประทับบนหลังม้าพระที่นั่งก่อนการเสด็จประพาสยุโรปครั้งแรก
Image

ภาพสถานีรถไฟราชบุรี
เมื่อคราวที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
เสด็จพระราชดำเนินทรงเปิดสะพานรถไฟราชบุรี
ในภาพทางขวามือคือ พระเจ้าลูกยาเธอพระองค์เจ้าอุรุพงศ์รัชสมโภชตามเสด็จด้วย
Image

เรือกลไฟขนาดย่อม ซึ่งกรมทหารเรือจัดเตรียมถวาย
ขณะเทียบที่ศาลาสะพานท่าน้ำหลวง เมืองจันทบุรี เนื่องจากร่องน้ำตื้น
จึงทำให้เรือพระที่นั่งมหาจักรีแล่นเข้ามาไม่ได้ (ภาพจากหอจดหมายเหตุแห่งชาติ)
Image

รักในหลวง หวงแผ่นดิน
เกลียดเสื้อแดง จะรัฐบาล ม.แม้ว หรือ ม.มาร์ค ก็น่าผิดหวัง เลวพอๆกัน
ไปม๊อบมา ไปก็บอกว่าไป..ไม่ใช่ประเภท....ตุลาคมก็อยู่นะ(โกหก)
http://www.baanpud.net/forum/index.php....http://www.prachathon.org/forum/
User avatar
noway2know
 
Posts: 7750
Joined: Thu May 20, 2010 12:19 am

Re: VDO สยาม ถ่ายเมื่อเกือบร้อยปีก่อน ไม่น่าเชื่อที่มีโอกาสได้ดู

Postby permsakdi » Mon Jun 14, 2010 10:04 pm

ปักหมุดไว้เลยครับ
User avatar
permsakdi
 
Posts: 28
Joined: Thu May 20, 2010 6:51 am

Re: VDO สยาม ถ่ายเมื่อเกือบร้อยปีก่อน ไม่น่าเชื่อที่มีโอกาสได้ดู

Postby noona » Mon Jun 14, 2010 10:12 pm

มาสนับสนุนและเป็นกำลังใจให้คุณ noway2know ค่ะ :D
User avatar
noona
 
Posts: 6433
Joined: Fri May 21, 2010 2:40 am

Re: VDO สยาม ถ่ายเมื่อเกือบร้อยปีก่อน ไม่น่าเชื่อที่มีโอกาสได้ดู

Postby noway2know » Mon Jun 14, 2010 10:13 pm

noona wrote:มาสนับสนุนและเป็นกำลังใจให้คุณ noway2know ค่ะ :D


ขอบคุณค่ะ คุณ noona :D
ขอบคุณทุกคนนะค่ะ ...โดยเฉพาะเจ้าของกระทู้ด้วยค่ะ :D
มีความสุขในการนั่งโพส...และหาข้อมูลไปด้วยค่ะ
เป็นความสุขอีกอย่างหนึ่งของตัวเอง
ขอบคุณบรรพบุรษของพวกเรา....อยากให้ทุกคนรักเมืองไทย
เห็นคุณค่าในอดีตที่กว่าเราจะมาถึงทุกวันนี้...สิ่งที่คนรุ่นก่อนๆทำไว้
เพื่อบ้านเมืองของเรา....เราโชคดีกว่าชาติต่างๆอีกหลายชาติมาก
จงภาคภูมิใจในความเป็นไทย....รักประเทศของเราให้มากๆค่ะ
ตอนเห็นพระราชดำรัสนี้ โพสไปน้ำตาร่วงค่ะ
ความรักของรัชกาลที่ ๕ ที่มีต่อผืนแผ่นดินไทย
Image

Image

รักในหลวง หวงแผ่นดิน
เกลียดเสื้อแดง จะรัฐบาล ม.แม้ว หรือ ม.มาร์ค ก็น่าผิดหวัง เลวพอๆกัน
ไปม๊อบมา ไปก็บอกว่าไป..ไม่ใช่ประเภท....ตุลาคมก็อยู่นะ(โกหก)
http://www.baanpud.net/forum/index.php....http://www.prachathon.org/forum/
User avatar
noway2know
 
Posts: 7750
Joined: Thu May 20, 2010 12:19 am

Re: VDO สยาม ถ่ายเมื่อเกือบร้อยปีก่อน ไม่น่าเชื่อที่มีโอกาสได้ดู

Postby noway2know » Tue Jun 15, 2010 5:18 am

ห้างไทยไดมารู ที่ราชดำริ อาเขต
ห้างไดมารู ถือเป็นห้างสรรพสินค้าเก่าแก่ของญี่ปุ่น
โดยเอส ชิโมนูรา เริ่มเข้ามามีบทบาทในประเทศไทย
เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม 2507
ในนามบริษัทไทยไดมารู จำกัด มีทุนจดทะเบียน 25 ล้านบาท
เปิดเป็นห้างสรรพสินค้า"ไทยไดมารู"ขึ้นภายในศูนย์การค้าราชดำริอาเขต
ซึ่งเป็นย่านการค้าแห่งใหม่ ที่ขยายออกมาจากย่านวังบูรพา
และถือเป็นย่านการค้าที่ทันสมัยที่สุดในยุคนั้น

ห้างไทยไดมารู ที่ราชดำริ อาเขต ถือเป็นห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง
ที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างยิ่ง เพราะตามคอนเซ็ปท์ห้างสรรพสินค้าจากญี่ปุ่น
เปิดขึ้นเพื่อรองรับคนญี่ปุ่น ที่เข้ามาทำงานในประเทศไทยเป็นกลุ่มเป้าหมายหลัก
บริเวณราชดำริ ถือเป็นจุดที่เหมาะสมเพราะอยู่ใกล้กับสำนักงานใหญ่
ของบริษัทข้ามชาติจากญี่ปุ่นหลายแห่ง จึงมีกำลังซื้อเข้ามามาก

Image

รักในหลวง หวงแผ่นดิน
เกลียดเสื้อแดง จะรัฐบาล ม.แม้ว หรือ ม.มาร์ค ก็น่าผิดหวัง เลวพอๆกัน
ไปม๊อบมา ไปก็บอกว่าไป..ไม่ใช่ประเภท....ตุลาคมก็อยู่นะ(โกหก)
http://www.baanpud.net/forum/index.php....http://www.prachathon.org/forum/
User avatar
noway2know
 
Posts: 7750
Joined: Thu May 20, 2010 12:19 am

Re: VDO สยาม ถ่ายเมื่อเกือบร้อยปีก่อน ไม่น่าเชื่อที่มีโอกาสได้ดู

Postby noway2know » Tue Jun 15, 2010 5:56 am

จากสนามบินสระปทุม - สนามบินดอนเมือง
Image

ในสมัยรัชกาลที่ 6 มีนักบินชาวเบลเยี่ยม ชื่อ นายวัลเดล เบอร์นฟ
ได้นำเครี่องบินแบบ ออร์ ไรท์ มาสาธิตการบิน เมื่อวันที่ 6 กันยายน 2454
นับได้ว่าเป็นการบินครั้งแรกในประเทศไทย ในสมัยนั้น
พล.ต.กรมหมื่นกำแพงเพชรอัครโยธิน ซึ่งเป็นผู้บัญชาการกองพลที่ 1
แห่งกองทัพไทย ได้ทรงบินแสดงและขอซื้อเครื่องบินลำนั้นไว้


Image
พล.ต.กรมหมื่นกำแพงเพชรอัครโยธิน

ภาพนี้ปรากฏในพิพิธภัณฑ์ภาพถ่ายของอังกฤษ
ระบุว่าถ่ายเมื่อ 29 พ.ค. 2463 โดย Bassano
ทรงเป็นพระบิดาแห่งเหล่าทหารช่าง
ประสูติ ณ วันจันทร์ที่ 23 ม.ค.2424 ทรงเป็นพระราชโอรสองค์ที่ 35
ใน ร.5 กับ เจ้าจอมมารดาวาด
ทรงสำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนแฮโรว์ มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ สาขาวิศวกรรมโยธา
และด้านทหารช่างจากโรงเรียนทหารช่าง แห่งชัทแทม
จากนั้นทรงเริ่มรับราชการเป็นนายร้อยตรี กองทหารอินยิเนีย
โดยเป็นนายร้อยตรีนอกกองประจำการ กองร้อยปี 2
กรมบัญชาการทหารบกมณฑลกรุงเทพ เมื่อ 6 พ.ย.2444
ปี2447 ทรงได้รับยศเป็นพันตรี แห่งกรมยุทธนาธิการทหารบก
มีหน้าที่อบรมนายทหารช่าง

พระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6

Image
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงตระหนักถึงความสำคัญของกิจการบิน
ที่จะทำให้ประเทศไทยสามารถพัฒนาประเทศ ให้เจริญทัดเทียมประเทศแถบยุโรปได้
ทั้งยังเป็นการเพิ่มแสนยานุภาพทางการทหารอีกด้วย

ต่อมาไม่นานได้มีการจัดตั้งแผนกการบินและสร้างสนามบินขึ้น
เรียกว่าสนามบินสระปทุมวัน (สนามม้าราชกรีฑาสโมสรในปัจจุบัน )
ซึ่งนับเป็นสนามบินแห่งแรกของประเทศไทย

พ.ศ. 2454 พระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว ร.6
ได้ส่งนายทหาร 3 นาย ไปเรียนวิชาการบินที่ประเทศฝรั่งเศส ได้แก่
1.พันตรีหลวงศักดิ์ศัลยาวุธ
2.นายร้อยเอกหลวงอาวุธสิขิกร
3.นายร้อยโททิพย์ เกตุทัต
เมื่อนายทหารทั้ง 3นาย จบการศึกษาก็ทรงให้จัดซื้อเครื่องบิน 7 ลำ
และตั้งกรมอากาศยานทหารบกขึ้น ณ กองปืนใหญ่ทหารบกที่ 2 เมื่อปี พ.ศ. 2457
จากนั้นมาก็มีการพัฒนาในด้านกิจการบินมาตลอด


รัชกาลที่6 ทรงเสด็จไปสนามบินดอนเมือง
Image

การบินไปสนามบินดอนเมืองในอดีต
Image

สนามบินดอนเมือง
เนื่องจากสนามบินสระปทุมพื้นที่ดังกล่าวมีความคับแคบ
มีน้ำท่วมขัง จึงให้หาพื้นที่ตั้งสนามบินแห่งใหม่
ทางราชการจึงได้คิดหาสถานที่ใหม่ที่มีบริเวณกว้างขวางเป็นพื้นที่ดอน น้ำไม่ท่วม
ไม่ห่างไกลจากพระนครและเป็นพื้นที่ที่สามารถพัฒนาเป็นสนามบินขนาดใหญ่ต่อไป
ได้ในอนาคตโดยมีนายพันโทพระเฉลิมอากาศ หัวหน้านายทหารนักบินชุดแรกของประเทศไทย
ซึ่งต่อมาได้รับพระราชทานยศและบรรดาศักดิ์ครั้งสุดท้ายเป็น พลอากาศโท พระยาเฉลิมอากาศ
ทำหน้าที่เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงสำคัญในการแสวงหาพื้นที่ที่เหมาะสมที่จะสร้างเป็นสนามบินถาวร
ในเดือนมีนาคม 2457 แผนกการบินก็ได้ย้ายจากสนามบินสระปทุมวันมายังสนามบินดอนเมือง

ท่าอากาศยานดอนเมือง (ท่าอากาศยานนานาชาติกรุงเทพ)
หรือที่รู้จักกันโดยทั่วไปว่า สนามบินดอนเมือง
สนามบินดอนเมืองตั้งอยู่บนถนนวิภาวดีรังสิต แขวงสนามบิน เขตดอนเมือง
ทางตอนเหนือของกรุงเทพมหานคร เปิดดำเนินการครั้งแรกเมื่อวันที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2457
โดยปิดตัวลงวันที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2549 วันเดียวกับที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเปิดใช้งาน
โดยสนามบินดอนเมืองถูกเปลี่ยนเป็นสถานที่ซ่อมเครื่องบิน ฝึกบิน
และสำหรับจอดเครื่องบินส่วนตัวของบุคคลสำคัญ ตั้งแต่เมื่อวันที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2550
มีการนำเที่ยวบินภายในประเทศบางเที่ยวบินมาลงที่ท่าอากาศยานนานาชาติดอนเมือง
หลังจากพบปัญหาหลายอย่างที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ

สนามบินดอนเมืองเริ่มแรกยังคงมีสภาพเหมาะสมที่จะรองรับเครื่องบินขนาดเล็ก
และ มีน้ำหนักน้อยเท่านั้น พื้นทางวิ่งยังคงเป็นหญ้าปรับให้เรียบ แ
วันที่ 8 มีนาคม 2547
เครื่องบินแบบนิเออปอรต์ (Nieuport) และเครื่องบินแบบเบรเกต์ (Breguet)
ที่ประเทศไทยซื้อมาใช้ในราชการได้บินมาลงที่สนามบินดอนเมืองเป็นปฐมฤกษ์

Image

ประชาชนไปชมการบินที่สนามบินดอนเมือง ปี 2467 Royal Dutch Airline (KLM)
เป็นสายการบินพานิชย์สายแรกที่มาลงจอด ณ สนามบินดอนเมือง
Image

ปี 2484 ได้มีการพัฒนาก่อสร้างอาคารที่ทำการของการบินพลเรือนและอาคารผู้โดยสาร
แต่ในช่วงปลายปีกิจการการบินพานิชย์ต้องยุติลงเนื่องจากเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2
ในปี 2489 หลังสงครามสิ้นสุด กิจการการบินพลเรือนก็เริ่มต้นอีกครั้ง
ในปี 2491 หลังจากที่มีการจัดตั้งกรมการบินพลเรือนแล้ว
ได้มีการพัฒนาท่าอากาศยานครั้งใหญ่ระหว่างปี 2491-2495
ทั้งในส่วนทางวิ่ง ทางขับ และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ
Image

วันที่ 21 มิถุนายน 2498 สนามบินได้มีการเปลี่ยนชื่อที่ใช้อย่างเป็นทางการ
จาก Donmuang Airport มาเป็น Bangkok Airport

Image
หรือท่าอากาศยานกรุงเทพ
Image

ปี 2513-2516 ได้มีการปรับปรุงและขยายท่าอากาศยานกรุงเทพอีกวาระหนึ่ง
โดยมีรายการหลักๆได้แก่การสร้างอาคารผู้โดยสารขาออก เป็นอาคาร 4 ชั้น
มีลานจอดรถ ภัตตาคาร และที่ทำการสายการบินในอาคารเดียวกัน
และสร้างอาคารผู้โดยสารขาเข้า มีสะพานขึ้นลงเครื่องบิน 4 ชุด
นอกจากนั้นมีการสร้างลานจอดและอาคารคลังสินค้าเพิ่มขึ้น
Image

ตึกสำนักงานของบริษัทเดินอากาศไทย (บดท.)
Image

ป้ายบอกทางไปยังที่ทำการสายการบินภายในประเทศ
Image

ร้านตัดผมในสนามบิน
Image

ตรวจสอบสัมภาระก่อนขึ้นเครื่อง

Image

แผนผังแสดง Layout สนามบินดอนเมืองในยุคก่อน
ที่จะมีการสร้างอาคารผู้โดยสารต่างประเทศหลังใหม่
(Terminal 1 ที่เราคุ้นเคย) ในภาพจะเห็นว่ามีเพียงTerminal เดียว
Image

ด้านในของอาคารผู้โดยสารต่างประเทศ
อาคารนี้เป็นตึกต่างประเทศที่ใช้งานอยู่ก่อนจะมีการสร้างTerminal1

Image

เคาน์เตอร์ของการบินไทย
Image

เฟอร์นิเจอร์ต่างๆยังทำจากไม้เป็นส่วนใหญ่
Image

ร้านขายของปลอดภาษี
Image

บรรยากาศทั่วไปภายในอาคาร
Image

รักในหลวง หวงแผ่นดิน
เกลียดเสื้อแดง จะรัฐบาล ม.แม้ว หรือ ม.มาร์ค ก็น่าผิดหวัง เลวพอๆกัน
ไปม๊อบมา ไปก็บอกว่าไป..ไม่ใช่ประเภท....ตุลาคมก็อยู่นะ(โกหก)
http://www.baanpud.net/forum/index.php....http://www.prachathon.org/forum/
User avatar
noway2know
 
Posts: 7750
Joined: Thu May 20, 2010 12:19 am

Re: VDO สยาม ถ่ายเมื่อเกือบร้อยปีก่อน ไม่น่าเชื่อที่มีโอกาสได้ดู

Postby noway2know » Tue Jun 15, 2010 11:10 pm

สนามบินดอนเมือง

การบินไทยนำนักท่องเที่ยวจากลอนดอนมายังสนามบินดอนเมือง
รับปีการท่องเที่ยวไทย (visit thailand year 1987)

Image

ภายในครัวการบินไทย
Image

ร้านอาหารภายในสนามบิน
Image

Image

รักในหลวง หวงแผ่นดิน
เกลียดเสื้อแดง จะรัฐบาล ม.แม้ว หรือ ม.มาร์ค ก็น่าผิดหวัง เลวพอๆกัน
ไปม๊อบมา ไปก็บอกว่าไป..ไม่ใช่ประเภท....ตุลาคมก็อยู่นะ(โกหก)
http://www.baanpud.net/forum/index.php....http://www.prachathon.org/forum/
User avatar
noway2know
 
Posts: 7750
Joined: Thu May 20, 2010 12:19 am

Re: VDO สยาม ถ่ายเมื่อเกือบร้อยปีก่อน ไม่น่าเชื่อที่มีโอกาสได้ดู

Postby noway2know » Wed Jun 16, 2010 5:30 am

สนามบินดอนเมือง

สายการบินแควนตัสของออสเตรเลียจอดรับผู้โดยสาร

Image

บันไดขึ้นเครื่องบินสมัยก่อน ภาพถ่ายในปี ค.ศ.1952

Image

Image

รักในหลวง หวงแผ่นดิน
เกลียดเสื้อแดง จะรัฐบาล ม.แม้ว หรือ ม.มาร์ค ก็น่าผิดหวัง เลวพอๆกัน
ไปม๊อบมา ไปก็บอกว่าไป..ไม่ใช่ประเภท....ตุลาคมก็อยู่นะ(โกหก)
http://www.baanpud.net/forum/index.php....http://www.prachathon.org/forum/
User avatar
noway2know
 
Posts: 7750
Joined: Thu May 20, 2010 12:19 am

Re: VDO สยาม ถ่ายเมื่อเกือบร้อยปีก่อน ไม่น่าเชื่อที่มีโอกาสได้ดู

Postby noway2know » Wed Jun 16, 2010 5:38 am

เกาะสมุยในอดีต

สมเด็จย่า..ในหลวงและพระราชินีเสด็จเยี่ยมประชาชนที่เกาะสมุย
Image

ช่วยกันสร้างสะพาน

Image

ร้านค้าเกาะสมุยในอดีต

Image

Image

Image

รักในหลวง หวงแผ่นดิน
เกลียดเสื้อแดง จะรัฐบาล ม.แม้ว หรือ ม.มาร์ค ก็น่าผิดหวัง เลวพอๆกัน
ไปม๊อบมา ไปก็บอกว่าไป..ไม่ใช่ประเภท....ตุลาคมก็อยู่นะ(โกหก)
http://www.baanpud.net/forum/index.php....http://www.prachathon.org/forum/
User avatar
noway2know
 
Posts: 7750
Joined: Thu May 20, 2010 12:19 am

Re: VDO สยาม ถ่ายเมื่อเกือบร้อยปีก่อน ไม่น่าเชื่อที่มีโอกาสได้ดู

Postby noway2know » Wed Jun 16, 2010 5:56 am

Image

ชุดประจำชาติของไำทย
ที่มาชุดไทยพระราชนิยม 8 ชุด
ในโอกาสที่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ได้โดยเสด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินเยือนยุโรปและสหรัฐอเมริกาอย่างเป็นทางการ เมื่อพุทธศักราช 2503 ได้พระราชทานพระราชดำริว่า สมควรที่จะสรรค์สร้างการแต่งกายชุดไทยให้เป็นไปตามประเพณีที่ดีงาม จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้มีการศึกษา ค้นคว้าเครื่องแต่งกายสมัยต่าง ๆ จากพระฉายาลักษณ์ของเจ้านายฝ่ายใน และปรึกษาผู้เชี่ยวชาญทางประวัติศาสตร์ แต่ให้มีการปรับปรุงพัฒนาให้เหมาะสมกับ กาลสมัย ทรงเสนอรูปแบบที่หลากหลาย และได้ฉลองพระองค์เป็นแบบอย่าง ทั้งได้ พระราชทานให้ผู้ใกล้ชิดแต่งและเผยแพร่ให้กว้างขวางยิ่งขึ้น เรียกกันโดยทั่วไปว่า "ชุดไทยพระราชนิยม" มี 8 ชุด คือ ชุดไทยเรือนต้น ชุดไทยจิตรลดา ชุดไทยอมรินทร์ ชุดไทยบรมพิมาน ชุดไทยจักรี ชุดไทยดุสิต ชุดไทยจักรพรรดิ์ และชุดไทยศิวาลัย ชุดไทยพระราชนิยมเหล่านี้ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงใช้ในโอกาส และสถานที่ต่าง ๆ จนเป็นที่รู้จักแพร่หลายและชื่นชมกันทั่วไป ทั้งในประเทศไทย และต่างประเทศ

Image
ชุดไทยเรือนต้น
ชุดไทยเรือนต้นคือชุดไทยแบบลำลอง ใช้ผ้าฝ้ายหรือผ้าไหมมีลายริ้วตามขวางหรือตามยาวหรือใช้ผ้าเกลี้ยงมีเชิงตัวซิ่นยาวจรดข้อเท้าป้ายหน้า เสื้อใช้ผ้าสีตามริ้วหรือเชิงสีจะตัดกับซิ่นหรือเป็นสีเดียวกันก็ได้เสื้อคนละท่อนกับซิ่น แขนสามสวนกว้างพอสบาย ผ่าอก ดุมห้าเม็ด คอกลมตื้นๆไม่มีขอบตั้ง เหมาะไช้แต่งไปในงานที่ไม่เป็นพิธีและต้องการความสบายเช่น ไปงานกฐินต้นหรือเที่ยวเรือ เที่ยวน้ำตก

Image
ชุดไทยจิตรลดา
ชุดไทยจิตรลดาคือชุดไทยพิธีกลางวัน ใช้ผ้าไหมเกลี้ยงมีเชิงหรือ เป็นยกดอกหรือตัวก็ได้ ตัดแบบเสื้อกับซิ่น ซิ่น ยาวป้ายหน้าอย่างแบบลำลอง เสื้อแขนยาว ผ่าอก คอกลม มีขอบตั้งน้อย ๆ ใช้ในงานที่ผู้ชายแต่งแต็มยศ เช่น รับประมุขที่มาเยือนอย่างเป็นทางการที่สนามบิน ผู้แต่งไม่ต้องประดับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ แต่เนื้อผ้าควรงดงามให้เหมาะสมโอกาส ใช้ได้ในหลายโอกาส เช่น เป็นชุดเช้าไว้ใส่บาตร ไปวัด หรือ ไปงานมงคลต่างๆ

Image
ชุดไทยอมรินทร์
ชุดไทยอมรินทร์คือชุดพิธีตอนค่ำ ใช้ยกไหมที่มีทองแกมหรือยกทองทั้งตัว เสื้อกับซิ่นแบบนี้อนุโลมให้ สำหรับผู้ไม่ประสงค์คาดเข็มขัด ผู้มีอายุจะใช้คอกลมกว้างๆ ไม่มีขอบตั้งและแขนสามส่วนก็ได้เพราะความสวยงามอยู่ที่เนื้อผ้า และเครื่องประดับที่จะใช้ให้เหมาะสมกับงานเลี้ยงรับรอง ไปดูละครในตอนค่ำและเฉพาะในงานพระราชพิธีสวนสนามในวันเฉลิมพระชนมพรรษาผู้แต่งชุดไทยอมรินทร์ประดับเครื่องราชอิสริยาภรณ์

Image
ชุดไทยบรมพิมาน
ชุดไทยบรมพิมานคือชุดไทยพิธีตอนค่ำที่ใช้เข็มขัดใช้ผ้าไหมยกดอกหรือยกทองมีเชิงหรือยกทั้งตัวก็ได้ ตัวเสื้อและซิ่นตัดแบบติดกัน ซิ่นมีจีบข้างหน้าและมีชายพก ใช้เข็มขัดไทยคาดตัวเสื้อแขนยาว คอกลมมีขอบตั้ง ผ่าด้านหลัง หรือด้านหน้าก็ได้ ผ้าจีบยาวจรดข้อเท้า แบบนี้เหมาะสำหรับผู้มีรูปร่างสูงบาง สำหรับใช้ในงานเต็มยศและครึ่งยศ เช่นงานอุทยานสโมสรหรืองานพระราชทานเลี้ยงอาหารอย่างเป็นทางการในคืนที่มีอากาศเย็น ใช้เครื่องประดับสวยงามตามสมควรผู้แต่งประดับเครื่องราชอิสริยาภรณ์

Image
ชุดไทยจักรี
ชุดไทยจักรีคือชุดไทยประกอบด้วยสไบเฉียง ใช้ผ้ายกมีเชิงหรือยกทั้งตัว ซิ่นมีจีบยกข้างหน้า มีชายพกใช้เข็มขัดไทยคาด ส่วนท่อนบนเป็นสไบ จะเย็บให้ติดกับซิ่นเป็นท่อนเดียวกันหรือจะมีผ้าสไบห่มต่างหากก็ได้ เปิดบ่าข้างหนึ่ง ชายสไบคลุมไหล่ ทิ้งชายด้านหลังยาวตามที่เห็นสมควร ความสวยงามอยู่ที่เนื้อผ้าการเย็บและรูปทรงของผู้ที่สวม ใช้เครื่องประดับได้งดงามสมโอกาสในเวลาค่ำคืน เสื้อตัวในไม่มีแขน ไม่มีคอ ห่มทับด้วยสไบ แบบมีชายเดียว ปักดิ้นทอง ชุดไทยจักรีเดิมจะไม่ปัก นุ่งทับด้วยผ้าซิ่นไหม ยกดิ้นทอง ตัดแบบหน้านาง มีชายพก คาดเข็มขัด เครื่องประดับ สร้อยคอ รัดแขน สร้อยข้อมือ สำหรับแต่งในงานเลี้ยงฉลองสมรส หรือราตรีสโมสรที่ไม่เป็นทางการ

Image
ชุดไทยจักรพรรดิ์
ผ้าซิ่นไหม ยกดิ้นทอง มีเชิงสีทอง ตัดแบบหน้านาง มีชายพก ห่มด้วยสไบ ปักลูกปัดสีทอง เป็นเครื่องแต่งกายสตรีสูงศักดิ์ สมัยโบราณ ปัจจุบันใช้เป็นเครื่องแต่งกาย ชุดกลางคืนที่หรูหรา หรือเจ้าสาวใช้ในงานฉลองสมรส ยามค่ำ เครื่องประดับที่ใช้ รัดเกล้า ต่างหู สร้อยคอ สังวาลย์ สร้อยข้อมือ
ชุดไทยจักรพรรดิ์คือชุดไทยห่มสไบคล้ายไทยจักรีแต่ว่ามีลักษณะเป็นพิธีรีตรองมากกว่า ท่อนบนมีสไบจีบรองสไบทึบ ปักเต็มยศบนสไบชั้นนอก ตกแต่งด้วยเครื่องประดับอย่างสวยงาม ใช้สวมในพระราชพิธีหรืองานพิธีต่าง ๆ ที่ยิ่งใหญ่ระดับชาติ

Image
ชุดไทยดุสิต
ชุดไทยดุสิตคือชุดไทยคอกว้าง ไม่มีแขนใช้ในงานกลางคืนแทนชุดราตรีแบบตะวันตก ตัวเสื้ออาจปักหรือตกแต่งให้เหมาะสมกับงานกลางคืน ตัวเสื้ออาจเย็บติดหรือแยกคนละท่อนกับซิ่นก็ได้ ซิ่นใช้ผ้ายกเงินหรือทองจีบชายพก ผู้แต่งอาจใช้เครื่องประดับแบบไทยหรือตะวันตกตามควรแก่โอกาส
เสื้อคอกลมกว้างไม่มีแขน เข้ารูป ปักแต่งลายไทยด้วยลูกปัด ใช้กับผ้าซิ่นไหมยกดิ้นทองลายดอกพิกุล ตัดแบบหน้านางมีชายพก ใช้ในงานราตรีสโมสร หรือเป็นชุดฉลองสมรส เครื่องประดับที่ใช้ต่างหู สร้อยคอ แหวน

Image
ชุดไทยศิวาลัย
เสื้อตัวในไม่มีแขนไม่มีคอ ห่มทับด้วยสไบแบบมีชายเดียว ทิ้งชายสไบยาวด้านหลัง ปักด้วยลูกปัดทอง นุ่งทับด้วยผ้าซิ่นไหมยกดิ้นทอง ตัดแบบหน้านาง มีชายพก คาดเข็มขัด เครื่องประดับ สร้อยคอ รัดแขน สร้อยข้อมือ เป็นเครื่องแต่งกายของสตรีบรรดาศักดิ์ ปัจจุบันใช้ในงานเลี้ยงฉลองสมรสหรือเลี้ยงอาหารค่ำ
ชุดไทยศิวาลัย มีลักษณะเหมือนชุดไทยบรมพิมานแต่ว่าห่มสไบปักทับเสื้ออีกชั้นหนึ่งใช้ในงานพระราชพิธีหรืองานพิธีเต็มยศเหมาะแก่การใช้แต่งช่วงที่มีอากาศเย็น

Image
ต่อมามีชุดไทยประยุกต์เพิ่มขึ้น
เป็นชุดที่ดัดแปลงมาจากชุดไทยจักรี ตัวเสื้อตัวในตัดแบบแขนนางชี จับเดรฟ ทิ้งชายยาว ตัวเสื้อติดกับ ผ้าซิ่นยกดอก ลายไทย ตัดแบบหน้านาง มีชายพก คาดเข็มขัด เครื่องประดับพองาม นิยมมากในงานราตรีสโมสรหรือ เลี้ยงฉลองสมรส

รักในหลวง หวงแผ่นดิน
เกลียดเสื้อแดง จะรัฐบาล ม.แม้ว หรือ ม.มาร์ค ก็น่าผิดหวัง เลวพอๆกัน
ไปม๊อบมา ไปก็บอกว่าไป..ไม่ใช่ประเภท....ตุลาคมก็อยู่นะ(โกหก)
http://www.baanpud.net/forum/index.php....http://www.prachathon.org/forum/
User avatar
noway2know
 
Posts: 7750
Joined: Thu May 20, 2010 12:19 am

Re: VDO สยาม ถ่ายเมื่อเกือบร้อยปีก่อน ไม่น่าเชื่อที่มีโอกาสได้ดู

Postby noway2know » Wed Jun 16, 2010 11:56 pm

ความภาคภูิมิใจในอดีตของสยามประเทศ

รถไฟไทยเป็นประเทศแรกที่ใช้รถไฟหัวจักรไอน้ำในเอเชีย
Image

สะพานพุทธ สะพานอันทันสมัยที่สุดในเอเชีย
เคยเปิด-ปิดให้เรือใหญ่ ผ่านได้ด้วยกำลังไฟฟ้า

Image

สถานีรถไฟกรุงเทพฯ ที่เคยสะอาดและสวยงามด้วยอาคารทรงยุโรป
Image

ที่ทำการไปรษณีย์ สร้างตามแบบยุโรป พ.ศ.2426
ปัจจุบันยังมีแบบนี้ให้เราเห็นอยู่ระหว่างสะพานพุทธกับสะพานพระปกเกล้า
แต่เป็นอาคารหลังใหม่

Image

อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย
ถนนราชดำเนินที่แลดูสะอาดตา

Image


โรงละคร prince theater สมัยรัชกาลที่ 5 พ.ศ. 2425

Image

การแต่งกายที่งดงามในอดีต
Image

ศาลาเฉลิมไทย โรงหนังที่เคยมีคนเข้าชมภาพยตร์อย่างล้นหลาม
Image

ทีมฟุตบอลทีมแรกของประเทศไทย

Image
Last edited by noway2know on Sun Jun 20, 2010 5:35 am, edited 1 time in total.

รักในหลวง หวงแผ่นดิน
เกลียดเสื้อแดง จะรัฐบาล ม.แม้ว หรือ ม.มาร์ค ก็น่าผิดหวัง เลวพอๆกัน
ไปม๊อบมา ไปก็บอกว่าไป..ไม่ใช่ประเภท....ตุลาคมก็อยู่นะ(โกหก)
http://www.baanpud.net/forum/index.php....http://www.prachathon.org/forum/
User avatar
noway2know
 
Posts: 7750
Joined: Thu May 20, 2010 12:19 am

Re: VDO สยาม ถ่ายเมื่อเกือบร้อยปีก่อน ไม่น่าเชื่อที่มีโอกาสได้ดู

Postby noway2know » Thu Jun 17, 2010 5:15 am


สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า
พระมเหสีในรัชกาลที่ 5

Image

ด้านการแพทย์และการสาธารณสุข

-พระองค์ทรงสนับสนุนโรงศิริราชพยาบาล ในปีพ.ศ. 2431
ตั้งแต่เริ่มก่อตั้งเรื่อยมาตราบจนพระองค์เสด็จสวรรคต
-ทรงจัดสร้าง“โรงพยาบาลสมเด็จ”ปัจจุบัน คือโรงพยาบาลสมเด็จพระบรมราชเทวี ณ ศรีราชา
และพระองค์ยังทรงริเริ่มหน่วยแพทย์เคลื่อนที่เพื่อให้การรักษาแก่ประชาชนที่อยู่ห่างไกลอีกด้วย
นอกจากนี้ยังพระราชทานทุนส่งแพทย์พยาบาลไปศึกษาต่อต่างประเทศ
เพื่อพัฒนาวงการแพทย์ไทยอย่างต่อเนื่อง

-พ.ศ. 2436 สภาอุณาโลมแดงได้เริ่มจัดตั้งขึ้น พระองค์ทรงดำรงตำแหน่งองค์สภาชนนี ในปี พ.ศ. 2463
พระองค์ทรงดำรงตำแหน่งสภานายิกาพระองค์ที่ 2 หลังจากการสวรรคต
ของสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ สภานายิกาพระองค์แรกเป็นเวลานานถึง 35 ปี
โดยพระองค์ทรงพระกรุณาพระราชทานพระราชทรัพย์จำนวนมากเพื่อบำรุงสภากาชาดไทย
และตั้งกองทุนต่าง ๆ ในการส่งนักเรียนไปเรียนต่างประเทศ
เพื่อให้มีผู้เชี่ยวชาญมาปฏิบัติหน้าที่อย่างเพียงพอ

ด้านการศึกษา

พระองค์ได้พระราชทานพระราชทรัพย์เพื่อบำรุงโรงเรียนต่าง ๆ ทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค
อาทิเช่น โรงเรียนราชินี โรงเรียนวัฒโนทัยพายัพ จังหวัดเชียงใหม่
โรงเรียนเจ้าฟ้าสร้าง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โรงเรียนวรนารีเฉลิม จังหวัดสงขลา เป็นต้น

ด้านการศาสนา

สมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้าทรงสนพระราชหฤทัยพระพุทธศาสนาด้วยความเลื่อมใสศรัทธา
ทรงอ่านพระไตรปิฏกฉบับทองใหญ่ ทรงศีลเป็นประจำในวันธรรมสวนะ
พระราชกรณียกิจสำคัญในด้านการศาสนาก็คือการที่พระราชทานทรัพย์ส่วนพระองค์
จัดพิมพ์อัฏฐกถาชาฎก 1 คัมภีร์ 10 เล่มสมุดพิมพ์ นอกจากนี้พระองค์
ยังทรงอุทิศถวายสิ่งของต่างๆ แก่วัดปทุมวนารามด้วย

ด้านการหัตถกรรม
สมเด็จพระพันวัสสอัยยิกาเจ้าทรงสนพระทัยด้านหัตถกรรมคือด้านการทอผ้า
ทรงสร้างโรงเย็บผ้าส่วนพระองค์ขึ้น ณ พระที่นั่งทรงธรรม บริเวณสวนศิวาลัย
ภายในพระบรมมหาราชวัง ครั้งเสด็จไปประทับที่พระตำหนักศรีราชา
ทรงเล็งเห็นว่างานทอผ้าในแถบหัวเมืองชายทะเลนั้นมีความงดงาม
จึงโปรดเกล้าฯ ให้ตั้ง "หูกทอผ้าพื้นบ้าน" ขึ้น
เมื่อเสด็จฯ มาประทับที่พระตำหนักสวนหงส์ วังสวนดุสิต ก็โปรดเกล้าฯ
ให้จัดตั้งกองทอผ้าขนาดย่อม โดยผ้าที่ทอทรงโปรดให้นำออกจำหน่าย
แก่ประชาชนทั่วไปด้วยการทอผ้าที่พระตำหนักสวนหงส์นี้ทรงทำมาโดยตลอด
ตราบจนการเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. 2475 จึงเลิกไป

ด้านการเกษตร
นอกจากด้านการทอผ้าแล้ว ในด้านการเกษตรยังทรงจัดให้มีโรงสีข้าวในที่ต่างๆ ด้วย
เช่น โรงจักรสีข้าวถนนเจริญกรุง ใกล้เขตบางคอแหลม ริมแม่น้ำเจ้าพระยา
โดยโปรดให้คนเช่าดำเนินการ รวมทั้งยังโปรดให้ปลูกไม้ผลหลากหลายชนิดภายในวังสระปทุมอีกด้วย
นอกจากนั้น ยังพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้คนเช่าที่ดินบริเวณโดยรอบของวังสระปทุม
ให้ปลูกผัก สวนดอกไม้ โดยคิดค่าเช่าที่ต่ำ

Image

สมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า
ทรงเป็นประธานในพิธีเข้าประจำหน่วยอนุสภากาชาด ครั้งแรกที่โรงเรียนราชินี
Image

Image

ในภาพเป็นหนังสือเดินทางของ
สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า
หรือพระนามเดิมคือพระองค์เจ้าหญิงสว่างวัฒนา
พระมเหสีในรัชกาลที่ 5
(ประสูติ 10 กันยายน พ.ศ. 2405 - 17 ธันวาคม พ.ศ. 2498)
Image

(จากซ้าย) พระองค์เจ้าสว่างวัฒนา พระองค์เจ้าสุนันทากุมารีรัตน์
พระองค์เจ้าเทวัญอุไทยวงศ์ และพระองค์เจ้าอุณากรรณอนันตนรไชย
Image

สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า
Image

สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า
ทรงฉายพร้อมด้วยสมเด็จพระราชปิตุจฉาเจ้าฟ้าวไลยอลงกรณ์
กรมหลวงเพชรบุรีราชสิรินธร และสมเด็จพระมหิตลาธิเบศรอดุลยเดชวิกรมพระบรมราชชนก
ในงานพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5
Image

พระตำหนักสมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า
ภายในพระราชวังบางปะอิน
Image

สมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้าเสด็จฯ ไปทรงรับพระราชนัดดา
เมื่อคราวเสด็จนิวัติพระนคร ในวันที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2481
ในภาพคือในหลวง กับ รัชกาลที่ 8
Image

พระบรมฉายาลักษณ์ทรงฉายประมาณ พ.ศ. 2481
Image

พระเมรุมาศของสมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า

Image

ขอบคุณข้อมูลจาก
http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%AA%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B9%87%E0%B8%88%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A8%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%AA%E0%B8%A7%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%B4%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%A7%E0%B8%B5_%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%9E%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%AA%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%AD%E0%B8%B1%E0%B8%A2%E0%B8%A2%E0%B8%B4%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B8%88%E0%B9%89%E0%B8%B2
Last edited by noway2know on Sun Jun 20, 2010 5:25 am, edited 1 time in total.

รักในหลวง หวงแผ่นดิน
เกลียดเสื้อแดง จะรัฐบาล ม.แม้ว หรือ ม.มาร์ค ก็น่าผิดหวัง เลวพอๆกัน
ไปม๊อบมา ไปก็บอกว่าไป..ไม่ใช่ประเภท....ตุลาคมก็อยู่นะ(โกหก)
http://www.baanpud.net/forum/index.php....http://www.prachathon.org/forum/
User avatar
noway2know
 
Posts: 7750
Joined: Thu May 20, 2010 12:19 am

Re: VDO สยาม ถ่ายเมื่อเกือบร้อยปีก่อน ไม่น่าเชื่อที่มีโอกาสได้ดู

Postby noway2know » Thu Jun 17, 2010 10:38 pm

Image

จินดามณี....หนังสือแบบเรียนเล่มแรกของไทย
จินดามณี(มีความหมายว่า แก้วสารพัดนึก) เป็นแบบเรียนภาษาไทย มีเนื้อหาครอบคลุมเรื่อง การใช้สระ พยัญชนะ วรรณยุกต์ การแจกลูก การผันอักษร อักษรศัพท์ อักษรเลข การสะกดการันต์ การแต่งคำประพันธ์ ชนิดต่างๆ และกลบท ปรากฏกลบท อยู่ ๖๐ ชนิด มีทั้ง กลอักษร และกลแบบ

จินดามณีแต่งขึ้นในสมัยอยุธยาตอนกลาง โดยพระโหราธิบดี ในรัชสมัยของสมเด็จพระนารายณ์มหาราช และยังเป็นแบบเรียนเล่มแรกของไทยด้วย และจากการที่จินดามณีของพระโหราธิบดี เป็นแบบเรียนไทยมาก่อนจนเป็นเสมือนสัญลักษณ์ของแบบเรียนไทย

Image
จินดามณี ฉบับหมอบรัดเล เป็นหนังสือแบบเรียนที่ ดร.แดน บีช บรัดเล มิชชันนารีชาวอเมริกันผู้ที่มีบทบาทในการเปลี่ยนแปลงเทคนิคการพิมพ์ของไทยจัดพิมพ์เมื่อปี 2422 โดยคัดสรรมาจากตำราเรียนเก่าหลายเรื่องและสอดแทรกเนื้อหาสำคัญที่เกี่ยวกับการใช้ภาษาไทยมาไว้ในเล่มเดียวกัน เช่น ประถม ก กา ว่าด้วยการใช้และสะกดตัวอักษร จินดามุนีว่าด้วยการประพันธ์โคลง เช่น โคลงสุภาพ ประถมมาลา เป็นตำราสั่งสอนวิชาหนังสือภาษาไทยให้ถูกต้องตามแบบจินดามณี ปทานุกรม เป็นส่วนราชาศัพท์ ได้เพิ่ม ศัพท์กัมพูชา ศัพท์ชวา เป็นต้น

Image

Image

Image

Image

Image

Image

มานะ มานี ปิติ ชูใจ....ยังจำพวกเขาได้ไหม
หนังสือแบบเรียน....ที่ยังอยู่ในความทรงจำของใครหลายๆคน


อาจารย์รัชนี ศรีไพรวรรณ
Image
เขียนโดยอาจารย์รัชนี ศรีไพรวรรณ และใช้รูปภาพประกอบกับเนื้อหาโดยเขียนภาพประกอบโดย 3 ท่านหนึ่งในนั้นคือ คุณเตรียม ชาชุมพร นักวาดการ์ตูนและนิยายภาพชื่อดังแห่งชัยพฤกษ์การ์ตูน รวมถึงอีก 2 ท่านคือโอม รัชเวช และ ปฐม พัวพิมล

Image
ที่มาของหนังสือ มานะ มานี ปิติ ชูใจ
ที่มาของแบบเรียน เริ่มจากกระทรวงศึกษาธิการมี ความต้องการ ต้องการเปลี่ยนหลักสูตรใหม่ ซึ่งแต่เดิมแบบเรียนภาษาไทยชุดเก่าดูโบราณเกินไป โดยตั้งเงื่อนไขว่า ต้องให้เด็ก ๆ อ่านแล้วรู้สึกสนุก ติดใจ อยากเรียนภาษาไทย เมื่อเขียนเสร็จได้นำมาปรับปรุงและทดลองใช้จนแน่ใจว่า เรื่องราวเนื้อหา ที่เด็กอ่านนับล้านคน เป็นเรื่องที่ดี บริสุทธิ์ ไม่เป็นพิษเป็นภัย ในแต่ละชั้นเรียนจะได้รู้จักคำศัพท์ใหม่ เพิ่มขึ้นในแต่ละปีการศึกษา โดยในตอนที่เป็นแบบเรียนภาษาไทยยังไม่มีชื่อ แต่อาจารย์ รัชนี ศรีไพรวรรณ ผู้เขียนแบบเรียน เล่าว่าก็มีคนเรียกเล่น ๆ ว่าเรื่อง "ตำนานเด็กดี" แบบเรียนนี้ใช้เวลาเขียนนานกว่า 4 ปี ภายใต้การสอนให้ความรู้ทางภาษาทั้งการฟัง พูด อ่าน เขียน ด้วยจำนวนคำ เริ่มตั้งแต่ชั้น ป.1 กำหนดคำไว้ 150 คำ และเพิ่มขึ้นเป็นพันๆ คำ เมื่อเลื่อนชั้นปี จนมาถึงปี 2537 ก็ถูกถอดออกจากแบบเรียนเพราะเนื้อหาในหนังสือเรียนไม่ทันยุคทันสมัย

Image
Image

อ่านหนังสือเรื่อง มานะ มานี ปิติ ชูใจ
หนังสือเรียน ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑

http://www.baanpud.net/download/ebook/

ขอบคุณข้อมูล

http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%B0_%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%B5_%E0%B8%9B%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B8%B4_%E0%B8%8A%E0%B8%B9%E0%B9%83%E0%B8%88
ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต
Last edited by noway2know on Fri Jul 16, 2010 4:16 am, edited 1 time in total.

รักในหลวง หวงแผ่นดิน
เกลียดเสื้อแดง จะรัฐบาล ม.แม้ว หรือ ม.มาร์ค ก็น่าผิดหวัง เลวพอๆกัน
ไปม๊อบมา ไปก็บอกว่าไป..ไม่ใช่ประเภท....ตุลาคมก็อยู่นะ(โกหก)
http://www.baanpud.net/forum/index.php....http://www.prachathon.org/forum/
User avatar
noway2know
 
Posts: 7750
Joined: Thu May 20, 2010 12:19 am

Re: VDO สยาม ถ่ายเมื่อเกือบร้อยปีก่อน ไม่น่าเชื่อที่มีโอกาสได้ดู

Postby noway2know » Sun Jun 20, 2010 1:39 am

Image

ความเป็นมาของกระปุกออมสิน
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ครั้งเสด็จฯ ไปทรงศึกษาต่อ
ที่ประเทศอังกฤษและทอดพระเนตรการดำเนินงานคลังออมสิน
เมื่อเสด็จฯกลับประเทศไทยจึงฝึกมหาดเล็กให้รู้จักเก็บออมเงินตั้งแต่ยังเด็ก
ทรงทดลองตั้ง “แบงค์ลีฟอเทีย” ขึ้น ณ พระตำหนักจิตรดารโหฐาน พระราชวังดุสิต
เพื่อให้รู้จักการออมเงิน ตลอดจนรู้วิธีการติดต่อธนาคารเพื่อทำธุรกรรมต่างๆกับธนาคาร
โดยทรงนำแบบอย่างตู้ไปรษณีย์โทรเลขริมฟุตบาทมาทำเป็นกระปุกออมสิน
กระปุกออมสินของไทยในยุคแรกจึงคล้ายคลึงกับประเทศอังกฤษ
แตกต่างกันตรงวัสดุที่ผลิตและราคา

Image

พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6

เมื่อเสด็จขึ้นครองราชย์ทรงมีพระราชประสงค์ดำเนินกิจการออมสินขึ้นในประเทศ
จึงได้พระราชทานเงินทุนจากพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์จำนวน 1 แสนบาท
พร้อมทั้งได้ทรงจัดตั้ง “คลังออมสิน” เมื่อวันที่ 1 เมษายน พ.ศ.2456
ให้ดำเนินงานภายใต้การควบคุมของกระทรวงพระคลังมหาสมบัติ

Image

พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเ้จ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7
ในภาพทรงฉายพร้อมกับสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี

ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 7 ทรงโอนงานคลังออมสินไปอยู่ในความรับผิดชอบ
ของกรมไปรษณีย์โทรเลข ในปี พ.ศ.2472 ต่อมาในปี พ.ศ.2489 ได้เปลี่ยนชื่อจาก
“คลังออมสิน” มาเป็น “ธนาคารออมสิน”
ดำเนินงานภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงการคลัง
และเปิดให้บริการประชาชนตั้งแต่ 1 เมษายน 2490

กระป๋องออมสินรุ่นแรกที่จัดทำขึ้นจำลองจากแบบตู้ทิ้งจดหมายของกรมไปรษณีย์โทรเลข
วางจำหน่ายครั้งแรกวันที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ.2478 ราคาใบละ 10 สตางค์
ผลิตที่ประเทศอังกฤษ ทำด้วยโลหะสังกะสี และมีกระดาษปิดทับ
ด้านข้างมีคำกลอนเกี่ยวกับการออมเขียนไว้

รุ่นแรกนี้จัดทำขึ้นในยุคคลังออมสิน มีจุดมุ่งหมายเพื่อให้ใช้สำหรับเก็บสะสมทรัพย์
และนำมาฝากคลังออมสิน เรียกการรับฝากเงินประเภทนี้ว่า
"คลังออมสินสำหรับบ้าน" หรือ Home Saving Bank
เมื่อกระปุกเต็มแล้วจะทุบออกโดยเจ้าหน้าที่จะเปลี่ยนใบใหม่ให้

เยี่ยมชมตำนานกระปุกออมสินได้ที่พิพิธภัณฑ์กระปุกออมสิน ติดต่อก่อนไปได้ที่
โทร.1115 หรือ 0-2299-8000 เปิดบริการทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 08.00-16.00 น.
ที่ตึก 72 ปี ธนาคารออมสินสำนักงานใหญ่ ถ.พหลโยธิน สามเสนใน เขตพญาไท กรุงเทพฯ

กระปุกจากธนาคารออมสิน
Image

Image

Image
Image

Image

Image

Image

Image

Image

Image
Image
Image

Image

Image

สมัยรัชกาลที่ 6
ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
มีการผลิตเหรียญกษาปณ์ออกใช้แต่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบมากนัก
ส่วนใหญ่เป็นเหรียญกษาปณ์ที่มีราคาไม่สูงนัก คือ 1 บาท, 50 สตางค์,
25 สตางค์, 10 สตางค์, 5 สตางค์, และ 1 สตางค์

ในช่วงต้นรัชกาลยังคงใช้เหรียญที่ผลิตในรัชกาลที่ 5
ต่อมาในปี พ.ศ. 2456 จึงโปรดเกล้าฯให้เริ่มผลิตเหรียญเงินหนึ่งบาทประจำรัชกาล
เป็นเหรียญตราพระบรมรูป-ไอราพต

เหรียญ 1 บาท ในสมัยรัชกาลที่ 6
Image

เหรียญเงิน พระบรมรูป-ตราไอราพต พ.ศ.2462

Image

ธนบัตร 10 บาท สมัย ร.6 รุ่นที่ 1 และ รุ่นที่ 2

ใช้ระบบพิมพ์เส้นนูน ไม่มีลายน้ำ เนื้อกระดาษ ค่อนข้างหนากว่าแบบหน้าเดียว
จัดเป็นธนบัตรไทยรุ่นเดียวที่ไม่มีการใส่ลายน้ำ
Image
Last edited by noway2know on Sun Jun 20, 2010 10:03 pm, edited 9 times in total.

รักในหลวง หวงแผ่นดิน
เกลียดเสื้อแดง จะรัฐบาล ม.แม้ว หรือ ม.มาร์ค ก็น่าผิดหวัง เลวพอๆกัน
ไปม๊อบมา ไปก็บอกว่าไป..ไม่ใช่ประเภท....ตุลาคมก็อยู่นะ(โกหก)
http://www.baanpud.net/forum/index.php....http://www.prachathon.org/forum/
User avatar
noway2know
 
Posts: 7750
Joined: Thu May 20, 2010 12:19 am

Re: VDO สยาม ถ่ายเมื่อเกือบร้อยปีก่อน ไม่น่าเชื่อที่มีโอกาสได้ดู

Postby Canthai » Sun Jun 20, 2010 3:56 am

ขอบคุณ คนหาข้อมูลเข้ากระทู้นี้ทุกท่านครับ
User avatar
Canthai
 
Posts: 14925
Joined: Fri Oct 24, 2008 3:47 pm

Re: VDO สยาม ถ่ายเมื่อเกือบร้อยปีก่อน ไม่น่าเชื่อที่มีโอกาสได้ดู

Postby noona » Sun Jun 20, 2010 8:32 pm

คิดถึงเสมอนะ มานี, ชูใจ และคนอื่น ๆ :D เรามีโอกาสได้จบประถม แต่พวกเธอเรียนซ้ำชั้น จบป.6 แล้วต้องไปเรียน ป.1 ใหม่อยู่หลายปี :D
User avatar
noona
 
Posts: 6433
Joined: Fri May 21, 2010 2:40 am

Re: VDO สยาม ถ่ายเมื่อเกือบร้อยปีก่อน ไม่น่าเชื่อที่มีโอกาสได้ดู

Postby noway2know » Sun Jun 20, 2010 10:57 pm

เพลงลาวคำหอม
เพลงไทยเพลงแรก....ที่ถูกบันทึกเสียงสำเร็จ
ในรัชสมัยของ รัชกาลที่ ๕
บรรเลงโดย....คณะนายบุศย์มหินทร์
ถูกบันทึกเสียงลงบนกระบอกเสียงไขขี้ผึ้งสีน้ำตาล
ในปี พ.ศ.๒๔๔๓ ณ กรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมันนี



เพลงลาวคำหอมเป็นเพลงที่แต่ขึ้นเพื่อร้องอวดกันในการเล่นสักวาโดยจะแต่งขึ้นโดยอัตโนมัติ
ไม่มีเพลงใดเป็นสมุฏฐาน โดยเพลงเหล่านี้จะมีทำนองที่แต่งขึ้นอย่างไพเราะคมคาย
เพลงลาวคำหอมเป็นเพลงที่จ่าเผ่นผยองยิ่ง (โคม) ซึ่งเรียกโดยทั่วไปว่า "จ่าโคม"
นักร้องและนักแต่งเพลงสักวามีชื่อผู้หนึ่งแต่งขึ้นโดย อัตโนมัติทั้งบทร้องและทำนองเพลง
เพลงลาวคำหอมนี้ แม้จะมีประโยคคล้ายและลีลาเป็นอัตรา ๒ ชั้นก็จริง แต่ก็มีความยาวไล่เลี่ย
กับเพลงอัตรา ๓ ชั้นบางเพลง และมีทำนองไพเราะน่าฟังมากจนเป็นที่นิยมแพร่หลาย
เข้ามาในวงการร้องส่งดนตรี โดยทั่วไป เมื่อทำนองเพลงลาวคำหอมได้รับความนิยม
เข้ามาในวงการร้องส่งดนตรี พระยาประสานดุริยศัพท์ (แปลก ประสานศัพท์)
จึงแต่งทำนองดนตรีขึ้นสำหรับบรรเลงรับร้อง โดยถอดจากทำนองร้องของจ่าเผ่นผยองยิ่ง
อีกชั้นหนึ่งและก็ได้รับความนิยมแพร่หลายในวงการดนตรีทุกชนิดจนปัจจุบัน

เพลงลาวคำหอมพร้อมเนื้อร้อง....จากละครเรื่อง ๔ แผ่นดิน


เนื้อร้อง....เพลงลาวคำหอม
ประพันธ์โดย....พระยาประสานดุริยศัพท์


ยามเมื่อลมพัดหวน ลมก็อวลแต่กลิ่นมณฑาทอง
ไม้เอยไม้สุดสูง อย่าสู้ปอง ไผเอยบ่ได้ต้อง แต่ยินนามดวงเอย

โอ้เจ้าดวง เจ้าดวงดอกโกมล กลิ่นหอมเพิ่งผุดพ้น พุ่มในสวนดุสิตา
แข่งแขอยู่แต่นภา ฝูงภุมราสุดปัญญาเรียมเอย

โอ้อกคิดถึง คิดถึงคะนึงนอนวัน
นอนไห้ใฝ่ฝัน เห็นจันทร์แจ่มฟ้า

โอ้อกคิดถึง คิดถึงคะนึงนอนวัน
นอนไห้ใฝ่ฝัน เห็นจันทร์แจ่มฟ้า

ทรงกลด สวยสดโสภา
แสงทองส่องหล้า ขวัญตาเรียมเอย

ทรงกลด สวยสดโสภา
แสงทองส่องหล้า ขวัญตาเรียมเอย

Image

พระยาประสานดุริยศัพท์ (แปลก ประสานศัพท์)

ประวัติ....นักระนาดเอกแห่งกรุงรัตนโกสินทร์
พระยาประสานดุริยศัพท์ นามเดิมชื่อแปลก ประสานศัพท์ เกิดเมื่อ พ.ศ.๒๔๐๓ ที่บ้านตรอกไข่ บิดาชื่อขุนกนกเลขา ส่วนมารดาชื่อนางนิ่ม เป็นบุตรคนโตจากจำนวน ๔ คน ภรรยาชื่อนางพยอม เป็นชาวจังหวัดราชบุรี ถึงแก่อนิจกรรมเมื่อวันที่ ๕ มีนาคม พ.ศ.๒๔๖๘ รวมอายุได้ ๖๕ ปี

ประสบการณ์ด้านดนตรี
พระยาประสานดุริยศัพท์ มีความรู้ความสามารถในการเป่าปี่ใน ระนาดเอกอย่างดีเลิศและได้ศึกษาดนตรีกับครูช้อย สุนทรวาทิน จนมีความเชี่ยวชาญ ในปี พ.ศ.๒๔๒๘ ได้มีโอกาสบรรเลงดนตรีที่ประเทศอังกฤษและได้เข้าไปเดี่ยวขลุ่ยถวาย สมเด็จพระนางเจ้าวิคตอเรีย ในพระราชวังบัคกิ้งแฮมด้วย จนเป็นที่พอพระราชหฤทัย พระยาประสานดุริยศัพท์เป็นครูสอนปี่พาทย์และวงเครื่องสายมาโดยตลอด เป็นผู้ควบคุมวงปี่พาทย์ วงสมเด็จพระบรมซึ่งเป็นวงในพระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว ต่อมาได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็น พระยาประสานดุริยศัพท์ เมื่อ พ.ศ.๒๔๕๘

คีตวรรณกรรม
พระยาประสานดุริยศัพท์ ได้ใช้ความรู้ความสามารถแต่งเพลงไว้หลายเพลงด้วยกัน เช่น เขมรปากท่อเถา เขมรราชบุรีเถา เขมรใหญ่สามชั้น พม่าห้าท่อนสามชั้น ถอนสมอสามชั้น ทองย่อนสามชั้น กราวในสามชั้น ลาวดำเนินทราย ธรณีร้องได้สามชั้นและคุณลุงคุณป้าสามชั้น ทางเดี่ยว ลาวคำหอม เป็นต้น

Image

ขอบคุณข้อมูล
http://th.wikipedia.org/wiki/
http://web.yru.ac.th/~jaran/data/thai_artist/prapasarn.htm
Last edited by noway2know on Mon Jun 21, 2010 5:43 am, edited 2 times in total.

รักในหลวง หวงแผ่นดิน
เกลียดเสื้อแดง จะรัฐบาล ม.แม้ว หรือ ม.มาร์ค ก็น่าผิดหวัง เลวพอๆกัน
ไปม๊อบมา ไปก็บอกว่าไป..ไม่ใช่ประเภท....ตุลาคมก็อยู่นะ(โกหก)
http://www.baanpud.net/forum/index.php....http://www.prachathon.org/forum/
User avatar
noway2know
 
Posts: 7750
Joined: Thu May 20, 2010 12:19 am

Re: VDO สยาม ถ่ายเมื่อเกือบร้อยปีก่อน ไม่น่าเชื่อที่มีโอกาสได้ดู

Postby noway2know » Mon Jun 21, 2010 4:28 am

บรรยากาศเก่าๆในอดีต

การเข้ามาของบริษัทโคคา โคลา ประเทศไทย
Image

หาดใหญ่ในอดีต
การพัฒนาความเจริญของนครหาดใหญ่ หาดใหญ่ เป็นชื่อรวมของหมู่บ้าน
โคกเสม็ดชุนและบ้านหาดใหญ่ เดิมดินแดนหาดใหญ่เป็นเนินสูงมีผู้คนอาศัยอยู่ไม่มากนัก
การคมนาคมไม่สะดวกเป็นป่าต้นเสม็ดชุน โดยทั่วไปชาวบ้านจึงเรียกว่าบ้านโคกเสม็ดชุน
เมื่อทางการได้ตัดทางรถไฟมาถึงท้องถิ่นนี้ จึงมีประชาชนอพยพมาตั้งหลักแหล่งทำมาหากิน
และเพิ่มมากขึ้นเป็นลำดับ
Image

ใส่บาตรยามเช้า....ในภาพที่วัดพระิสิงห์ จังหวัดเชียงใหม่
Image

ิวิถีชีวิตยามเช้า
Image

ร้านขายกาแฟ - เครื่องดื่ม

Image

ร้านค้าทั่วไป

Image
Last edited by noway2know on Mon Jun 21, 2010 5:33 am, edited 3 times in total.

รักในหลวง หวงแผ่นดิน
เกลียดเสื้อแดง จะรัฐบาล ม.แม้ว หรือ ม.มาร์ค ก็น่าผิดหวัง เลวพอๆกัน
ไปม๊อบมา ไปก็บอกว่าไป..ไม่ใช่ประเภท....ตุลาคมก็อยู่นะ(โกหก)
http://www.baanpud.net/forum/index.php....http://www.prachathon.org/forum/
User avatar
noway2know
 
Posts: 7750
Joined: Thu May 20, 2010 12:19 am

Re: VDO สยาม ถ่ายเมื่อเกือบร้อยปีก่อน ไม่น่าเชื่อที่มีโอกาสได้ดู

Postby noway2know » Mon Jun 21, 2010 4:42 am

ของแถมในอดีต

เกี่ยวกับงานฉลองรัฐธรรมนูญ

Image

Image

Image

Image

Image

Image

รักในหลวง หวงแผ่นดิน
เกลียดเสื้อแดง จะรัฐบาล ม.แม้ว หรือ ม.มาร์ค ก็น่าผิดหวัง เลวพอๆกัน
ไปม๊อบมา ไปก็บอกว่าไป..ไม่ใช่ประเภท....ตุลาคมก็อยู่นะ(โกหก)
http://www.baanpud.net/forum/index.php....http://www.prachathon.org/forum/
User avatar
noway2know
 
Posts: 7750
Joined: Thu May 20, 2010 12:19 am

Re: VDO สยาม ถ่ายเมื่อเกือบร้อยปีก่อน ไม่น่าเชื่อที่มีโอกาสได้ดู

Postby noway2know » Mon Jun 21, 2010 4:54 am

กล่องเงินสำหรับใส่มวนบุหรี่
กล่องเงินของ จอมพล ป.พิบูลสงคราม อดีตนายกรัฐมนตรี
Image

กล่องเงินของ จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์
ในสมัยที่ยังเป็นผู้บัญชาการทหารบก
Image

กล่องเงินของ จอมพลถนอม กิตติขจร อดีตนายกรัฐมนตรี
Image

รักในหลวง หวงแผ่นดิน
เกลียดเสื้อแดง จะรัฐบาล ม.แม้ว หรือ ม.มาร์ค ก็น่าผิดหวัง เลวพอๆกัน
ไปม๊อบมา ไปก็บอกว่าไป..ไม่ใช่ประเภท....ตุลาคมก็อยู่นะ(โกหก)
http://www.baanpud.net/forum/index.php....http://www.prachathon.org/forum/
User avatar
noway2know
 
Posts: 7750
Joined: Thu May 20, 2010 12:19 am

Re: VDO สยาม ถ่ายเมื่อเกือบร้อยปีก่อน ไม่น่าเชื่อที่มีโอกาสได้ดู

Postby noway2know » Tue Jun 22, 2010 6:17 am

ถาดเจริญ....สมัยรัชกาลที่ ๕
ความหมายของถาดเจริญคือ....นำความเจริญมาสู่ตนเองและครอบครัว
ถาดเจริญจะประกอบไปด้วย ชุดถาด ๓ ใบเถา คือถาดขนาดใหญ่ กลาง และเล็ก
รัชกาลที่ ๕ ทรงสั่งทำถาดเจริญจากประเทศเยอรมันนี

-ถาดเจริญรูปพระพักตร์รัชกาลที่ ๕ หรือพระชายา หม่อม พระโอรส พระธิดา
จัดทำขึ้นเพื่อมอบให้กับพระประยูรญาติที่อยู่ในรั้วในวังเท่านั้น
Image
Image
Image

-ถาดเจริญธงช้าง
เพื่อมอบให้กับราชฑูตไทยที่ส่งออกไปเป็นตัวแทนประเทศสยามในต่างแดน
Image
Image

-ถาดเจริญรูปดอกกุหลาบ ช่อดอกไม้ประกบคู่ และตรงกลางมีคำว่า "เจริญ"
เพื่อมอบให้กับข้าราชบริพารและข้าราชการในสมัยนั้น
Image
Image
Image

รักในหลวง หวงแผ่นดิน
เกลียดเสื้อแดง จะรัฐบาล ม.แม้ว หรือ ม.มาร์ค ก็น่าผิดหวัง เลวพอๆกัน
ไปม๊อบมา ไปก็บอกว่าไป..ไม่ใช่ประเภท....ตุลาคมก็อยู่นะ(โกหก)
http://www.baanpud.net/forum/index.php....http://www.prachathon.org/forum/
User avatar
noway2know
 
Posts: 7750
Joined: Thu May 20, 2010 12:19 am

Re: VDO สยาม ถ่ายเมื่อเกือบร้อยปีก่อน ไม่น่าเชื่อที่มีโอกาสได้ดู

Postby noway2know » Wed Jun 23, 2010 11:30 pm

ข้าวของ....เครื่องใช้....ในอดีต

ดาบปลายปืน....หรือมีดอเนกประสงค์
มีฝักดาบที่มีลักษณะพิเศษใช้งานได้หลายอย่าง
นักประดิษฐ์และพัฒนาดาบปลายปืนนี้คือชาวอเมริกาชื่อ
ชารล์ส เอ. "มิคกี้" ฟินน์ (Charles A. "Mickey" Finn)
ในอดีตมีการนำมาใช้อย่างแพร่หลายในกองทัพประเทศต่างๆ
ประเทศไทยถูกนำมาใช้ในราชการทหาร

สำหรับประเทศไทยในปัจจุบัน
การจำหน่ายมีดรุ่นนี้ไม่ผิดกฎหมายแต่การพกพาในที่สาธารณะนั้นผิดกฎหมาย ฉะนั้นจึงพบมีดรุ่นนี้จำหน่ายอยู่ในตลาดมืดและตามอินเทอร์เน็ตเสียเป็นส่วนมาก ไม่ค่อยพบเห็นตามร้านค้าที่ขายอาวุธไว้สะสม ส่วนในกองทัพบกไทย ยังคงใช้ดาบปลายปืนรุ่นเอ็ม 7 เป็นดาบปลายปืนให้กับปืนเล็กยาวเอ็ม 16 เอ 1 (M16A1) อยู่
Image

ปิ่นปักผมทำจากทองเหลืองค่ะ
Image

เตารีดค่ะ

Image

เครื่องเล่นแผ่นเสียง

Image

ตะเกียงค่ะ
Image

ด้ามจับรูปช้างสามเศียร
Image

Image

Image

Image

Image

Image

สำหรับโม่แป้งค่ะ ....เวลาทำพวกขนม
หยอดข้าวที่แช่ไว้ลงไป...แล้วใช้มือหมุนๆ
จะมีช่องที่ใส่ด้ามจับไม้....สำหรับหมุนค่ะ

Image

โหลไข่....ใช้เหรียญหยอด
บางคนอาจจะเกิดทันค่ะ
ข้างในอาจมีแหวน ตุ๊กตุ่น ลูกอม หรือสลากรางวัล
ข้างตู้จะมีแผงรางวัลแขวนไว้โดดเด่นล่อตาล่อใจ
ส่วนใหญ่ก็เป็นของเล่นที่เด็กๆอยากได้
หุ่นยนต์ ตุ๊กตา ปืนฉีดน้ำ ลูกฟุตบอล หนังสือการ์ตูน

Image

ขอบคุณภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต
ข้อมูลจาก

http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%94%E0%B8%B2%E0%B8%9A%E0%B8%9B%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%9B%E0%B8%B7%E0%B8%99_%E0%B9%80%E0%B8%AD%E0%B9%87%E0%B8%A1_9

รักในหลวง หวงแผ่นดิน
เกลียดเสื้อแดง จะรัฐบาล ม.แม้ว หรือ ม.มาร์ค ก็น่าผิดหวัง เลวพอๆกัน
ไปม๊อบมา ไปก็บอกว่าไป..ไม่ใช่ประเภท....ตุลาคมก็อยู่นะ(โกหก)
http://www.baanpud.net/forum/index.php....http://www.prachathon.org/forum/
User avatar
noway2know
 
Posts: 7750
Joined: Thu May 20, 2010 12:19 am

Re: VDO สยาม ถ่ายเมื่อเกือบร้อยปีก่อน ไม่น่าเชื่อที่มีโอกาสได้ดู

Postby noway2know » Fri Jun 25, 2010 11:03 pm



เรือนแพ
เรือนแพในสยามประเทศ มีมาตั้งแต่ในช่วงรัชกาลที่ ๑ มาแล้ว
มักนิยมสร้างบ้านอยู่บนแพใช้ทั้งพักอาศัยและค้าขาย
ในอดีตแม่น้ำถือเป็นเส้นทางคมนาคมหลัก
ทำให้สายน้ำคือชีวิตของคนไทยในสมัยก่อน เกิดและอาศัยอยู่ในเรือ
ซึ่งสัญจรขนส่งสินค้า ล่องไปตามหัวเมืองใหญ่ต่างๆ แม้คนที่มาจากต่างเมือง
แล้วเข้ามาค้าขายในเมืองบางกอก ก็นิยมสร้างเรือนแพเพราะไม่ต้องมีที่ดินเป็นของตนเอง
การล่องเรือนำสินค้าไปขายยังต่างเมืองก็สะดวกมากนั่นเอง
จนมักเรียกชาวสยามในอดีตว่าเป็นชาวน้ำ
เพราะความผูกพันของคนไทยกับสายน้ำนั้นแนบแน่นจนแยกกันไม่ขาด

เรือนแพหมายถึงเรือนที่สร้างอยู่ในน้ำ อยู่บนแพทั้งหลัง
โดยมีลักษณะและส่วนประกอบโดยทั่วไปเหมือนกับเรือนไทยเดิม
เพียงแต่การลอยอยู่ในน้ำอาศัยแพ ที่เป็นทุ่นลอยน้ำ เรือนแพจึงแยกได้เป็นสองส่วน
คือส่วนตัวเรือน และส่วนแพที่เป็นทุ่นลอยน้ำ แพเป็นส่วนสำคัญที่รับน้ำหนักของเรือน

เพลงเรือนแพ....เป็นเพลงประกอบภาพยนตร์เรื่องเรือนแพ
ของพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าภาณุพันธ์ยุคล เมื่อ พ.ศ.๒๕๐๔
คำร้อง : ชาลี อินทรวิจิตร
ทำนอง : สง่า อารัมภีร
ขับร้อง : ชรินทร์ นันทนาคร

เรือนแพ...
สุขจริงอิงกระแสธารา
หริ่งระงมลมพลิ้วมา
กล่อมพฤกษาดังว่าดนตรี

หลับอยู่ในความรัก
รับความชื่นชั่ววันและคืนเช่นนี้
กลิ่นดอกไม้รัญจวน
ยังอบอวนยวนยี
สุดที่จะพรรณนา

เรือนแพ...
ล่องลอยคอยความรักนานมา
คอยน้ำค้างกรุณา
หยาดมาจากดาราแหล่งสวรรค์

วิมานน้อยลอยริมฝั่ง
ถึงอ้างว้างเหลือใจรำพัน
หิวหรืออิ่มก็ยิ้มพอกัน
ชีวิตกลางน้ำสุขสันต์
โอ้สวรรค์ในเรือนแพ

Image

Image

Image

Image

Image

Image

Image

Image

Image

รักในหลวง หวงแผ่นดิน
เกลียดเสื้อแดง จะรัฐบาล ม.แม้ว หรือ ม.มาร์ค ก็น่าผิดหวัง เลวพอๆกัน
ไปม๊อบมา ไปก็บอกว่าไป..ไม่ใช่ประเภท....ตุลาคมก็อยู่นะ(โกหก)
http://www.baanpud.net/forum/index.php....http://www.prachathon.org/forum/
User avatar
noway2know
 
Posts: 7750
Joined: Thu May 20, 2010 12:19 am

Re: VDO สยาม ถ่ายเมื่อเกือบร้อยปีก่อน ไม่น่าเชื่อที่มีโอกาสได้ดู

Postby noway2know » Sun Jun 27, 2010 2:47 am

ขนมจ่ามงกุฎิ
Image

ประวัติความเป็นมาของขนมไทย....อาหารว่างโบราณ
"ข้าวนม" "เข้าหนม" "ข้าวหนม" ล้วนเป็นคำอันเป็นที่มาของคำว่า"ขนม"

สำหรับ"เข้าหนม"นั้น พระราชวรวงศ์เธอกรมหมื่นจรัสพรปฏิญาณได้ทรงตั้งข้อสันนิษฐานไว้ว่า
"หนม" เพี้ยนมาจาก"เข้าหนม" เนื่องจาก"หนม" นั้นแปลว่าหวาน แต่กลับไม่ปรากฏความหมาย
ในพจนานุกรมไทยมีเพียงบอกไว้ว่าทางเหนือเรียกขนมว่า "ข้าวหนม"
แต่ถึงอย่างไรก็ไม่พบความหมายของคำว่า"หนม" ในฐานะคำท้องถิ่นภาคเหนือ
เมื่ออยู่โดดๆ ในพจนานุกรมเช่นกัน

ไม่ว่าขนมจะมีรากศัพท์มาจากคำใดหรือภาษาใด
ขนมก็ได้เข้ามามีบทบาทสำคัญในสังคมไทยด้วย
ฐานะของขนมไทยอย่างเต็มภาคภูมิและคนไทยเองก็ได้ชื่อว่า
เป็นชนชาติหนึ่งที่ชอบกินขนมเป็นชีวิตจิตใจ

ขนมต้ม
Image

หลักฐานเก่าแก่ที่สุดที่แสดงถึงความสัมพันธ์ระหว่างขนมไทยกับคนไทย
ก็คือวรรณคดีมรดกสุโขทัยเรื่องไตรภูมิพระร่วง
ซึ่งกล่าวถึงขนมต้มที่เป็นขนมไทยชนิดหนึ่งไว้

ในสมัยโบราณคนไทยจะทำขนมเฉพาะวาระสำคัญเท่านั้น เป็นต้นว่างานทำบุญ เทศกาลสำคัญ หรือต้อนรับแขกสำคัญ เพราะขนมบางชนิดจำเป็นต้องใช้กำลังคนอาศัยเวลาในการทำพอสมควร ส่วนใหญ่เป็น ขนมประเพณี เป็นต้นว่า ขนมงาน เนื่องในงานแต่งงาน ขนมพื้นบ้าน เช่น ขนมครก ขนมถ้วย ฯลฯ ส่วนขนมในรั้วในวังจะมีหน้าตาจุ๋มจิ๋ม ประณีตวิจิตรบรรจงในการจัดวางรูปทรงขนมสวยงาม

ขนมทองเอก
Image

ขนมไทยที่นิยมทำกันทุกๆภาคของประเทศไทย ในพิธีการต่างๆ เนื่องในการทำบุญเลี้ยงพระ ก็คือขนมจากไข่ และมักถือเคล็ดจากชื่อและลักษณะของขนมนั้นๆ งานศิริมงคลต่างๆ เช่น งานมงคลสมรส ทำบุญวันเกิด หรือทำบุญขึ้นบ้านใหม่ ส่วนใหญ่ก็จะมีการเลี้ยงพระกับแขกที่มาในงาน เพื่อเป็นศิริมงคลของงานขนมก็จะมี
-ขนมฝอยทอง เพื่อหวังให้อยู่ด้วยกันยืดยาว มีอายุยืน
-ขนมชั้นก็ให้ได้เลื่อนขั้นเงินเดือน
-ขนมถ้วยฟูก็ขอให้เฟื่องฟู
-ขนมทองเอกก็ขอให้ได้เป็นเอก เป็นต้น


หรุ่ม(หรือล่าเตียง)
มีส่วนประกอบที่เป็นไข่โรยให้เป็นตาราง ห่อใส้ม้วน
Image

สมัยรัตนโกสินทร์ จดหมายเหตุความทรงจำของกรมหลวงนรินทรเทวี

กล่าวไว้ว่าในงานสมโภชพระแก้วมรกตและฉลองวัดพระศรีรัตนศาสดาราม
ได้มีเครื่องตั้งสำรับหวานสำหรับพระสงฆ์ 2,000 รูป ประกอบด้วย
ขนมไส้ไก่ ขนมฝอย ข้าวเหนียวแก้ว ขนมผิง กล้วยฉาบ ล่าเตียง(หรุ่ม)
สังขยา ฝอยทอง และขนมตะไล

ในกาพย์ห่อโคลงเห่เรือชมเครื่องคาวหวาน
บทพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย

ได้กล่าวชมเครื่องหวานหรือขนมไทยหลายชนิดด้วยกัน อาทิ ข้าวเหนียวสังขยา ขนมลำเจียก
ขนมทองหยิบ ขนมทองหยอด ขนมผิง ขนมรังไร ขนมช่อม่วง ขนมบัวลอย ฯลฯ

ขนมลืมกลืน
Image

ในสมัยรัชกาลที่ 5 นี้เอง
แม่ครัวหัวป่าก์เป็นตำราอาหารไทยเล่มแรก
ประพันธ์โดยท่านผู้หญิงเปลี่ยน ภาสกรวงศ์

ในตำราอาหารไทยเล่มนี้ปรากฏรายการสำรับของหวานเลี้ยงพระ อันประกอบด้วย
ขนมทองหยิบ ขนมฝอยทอง ขนมหม้อแกง ขนมหันตรา ขนมถ้วยฟู ข้าวเหนียวแก้ว
ขนมลืมกลืน วุ้นผลมะปราง ฯลฯ แสดงให้เห็นว่าคนไทยนิยมทำขนมใช้ในงานบุญ
ซึ่งก็เป็นแบบแผนต่อเนื่องกันมาตั้งแต่สมัยอยุธยา

มังกรคาบแก้ว

เป็นของว่างแบบไทยโบราณ ที่มีส่วนผสมระหว่างหมูบดกับส้มเขียวหวาน
Image

การแบ่งประเภทของขนมไทย
แบ่งตามวิธีการทำให้สุกได้ดังนี้

- ขนมที่ทำให้สุกด้วยการกวน ส่วนมากใช้กระทะทอง กวนตั้งแต่เป็นน้ำเหลวใสจนงวด แล้วเทใส่พิมพ์หรือถาดเมื่อเย็นจึงตัดเป็นชิ้น เช่น ตะโก้ ขนมลืมกลืน ขนมเปียกปูน ขนมศิลาอ่อน และผลไม้กวนต่างๆ รวมถึง ข้าวเหนียวแดง ข้าวเหนียวแก้วและกะละแม

-ขนมที่ทำให้สุกด้วยการนึ่ง ใช้ลังถึง บางชนิดเทส่วนผสมใส่ถ้วยตะไลแล้วนึ่ง บางชนิดใส่ถาดหรือพิมพ์ บางชนิดห่อด้วยใบตองหรือใบมะพร้าว เช่น ช่อม่วง ขนมชั้น ข้าวต้มผัด สาลี่อ่อน สังขยา ขนมกล้วย ขนมตาล ขนมใส่ไส้ ขนมเทียน ขนมน้ำดอกไม้

-ขนมที่ทำให้สุกด้วยการเชื่อม เป็นการใส่ส่วนผสมลงในน้ำเชื่อมที่กำลังเดือดจนสุก ได้แก่ ทองหยอด ทองหยิบ ฝอยทอง เม็ดขนุน กล้วยเชื่อม จาวตาลเชื่อม

-ขนมที่ทำให้สุกด้วยการทอด เป็นการใส่ส่วนผสมลงในกระทะที่มีน้ำมันร้อนๆ จนสุก เช่น กล้วยทอด ข้าวเม่าทอด ขนมกง ขนมค้างคาว ขนมฝักบัว ขนมนางเล็ด

-ขนมที่ทำให้สุกด้วยการนึ่งหรืออบ ได้แก่ ขนมหม้อแกง ขนมหน้านวล ขนมกลีบลำดวน ขนมทองม้วน สาลี่แข็ง ขนมจ่ามงกุฏ นอกจากนี้ อาจรวม ขนมครก ขนมเบื้อง ขนมดอกลำเจียกที่ ใช้ความร้อนบนเตาไว้ในกลุ่มนี้ด้วย

-ขนมที่ทำให้สุกด้วยการต้ม ขนมประเภทนี้จะใช้หม้อหรือกระทะต้มน้ำให้เดือด ใส่ขนมลงไปจนสุกแล้วตักขึ้น นำมาคลุกหรือโรยมะพร้าว ได้แก่ ขนมถั่วแปบ ขนมต้ม ขนมเหนียว ขนมเรไร นอกจากนี้ยังรวมขนมประเภทน้ำ ที่นิยมนำมาต้มกับกะทิ หรือใส่แป้งผสมเป็นขนมเปียก และขนมที่กินกับน้ำเชื่อและน้ำกะทิ เช่น กล้วยบวชชี มันแกงบวด สาคูเปียก ลอดช่อง ซ่าหริ่ม

ขนมช่อม่วง
เป็นขนมไทยโบราณที่เป็นของกินเล่น
มีส่วนผสมของ แป้ง หัวกะทิ น้ำมะนาว น้ำดอกมะลิ
และน้ำดอกอัญชัญเพื่อให้ แป้งเป็นสีม่วง และมีใส้อยู่ด้านใน
Image

ขนมเรไร
Image

ขนมรังไร

Image

ขนมสำปันนี

Image

ขนมต้มของชาวภาคใต้
ในเทศกาลงานบุญ เช่น ทำบุญวันสารทเดือนสิบ

Image

ขนมศิลาอ่อน
Image

ขนมหันตรา
Image

ขนมหยกมณี
Image

ข้าวตู
ข้าวตูเป็นขนมไทยโบราณ ที่ทำขึ้นจากส่วนผสมของข้าวตาก
น้ำตาลปึก มะพร้าวทึนทึกขูดละเอียด และน้ำดอกไม้
Image

ขนมเสน่ห์จันทร์
เป็นขนมที่มีส่วนผสมของแป้ง ไข่ไก่ กะทิ ลูกจันทน์ป่น
Image

ขนมกล้วย
Image

พวงประทัด

เป็นของว่างโบราณหากินยาก ลักษณะเป็นพวงคล้ายประทัด
Image

ม้าฮ่อ
ม้าฮ่อคือของว่างไทยโบราณ แต่เดิมเป็นขนมเคียงกินแกล้มผลไม้ที่มีรสเปรี้ยวจัด
นิยมทำในเทศกาลงานบุญและเป็นอาหารในพิธีต่างๆ ตามความเชื่อของแต่ละท้องถิ่น
โดยเฉพาะชุมชนชาวไทยเชื้อสายมอญ
ม้าฮ่อคือผลไม้รสเปรี้ยว หั่นเป็นชิ้นพอดีคำ โรยด้วยไส้คล้ายกับสาคูไส้หมู
ไส้ที่ว่านี้เปรียบเสมือนพริกเกลือในปัจจุบัน ที่เอาไว้ทานกับผลไม้รสเปรี้ยว
Image

ขนมหน้านวล หรือ ขนมทองโปร่ง
Image

ขนมไข่แมงดา
เป็นขนมหวานซึ่งมีส่วนผสมของแป้ง ไข่ ซึ่งใช้ทั้งไข่ไก่และไข่เป็ด
ผสมกับน้ำตาลทรายและน้ำดอกไม้
Image

ขนมกระเช้าสีดา

มีส่วนประกอบที่สำคัญคือตัวกระเช้า มาจากส่วนผสมของแป้งสาลีกับไข่แดง
ขนมในกระเช้า ทำจากส่วนผสมของมะพร้าวทึนทึก น้ำตาลทราย น้ำดอกไม้
Image

หน้าตาและสีสันอันงดงาม ของขนมไทยประยุกต์ในปัจจุบัน

Image

รักในหลวง หวงแผ่นดิน
เกลียดเสื้อแดง จะรัฐบาล ม.แม้ว หรือ ม.มาร์ค ก็น่าผิดหวัง เลวพอๆกัน
ไปม๊อบมา ไปก็บอกว่าไป..ไม่ใช่ประเภท....ตุลาคมก็อยู่นะ(โกหก)
http://www.baanpud.net/forum/index.php....http://www.prachathon.org/forum/
User avatar
noway2know
 
Posts: 7750
Joined: Thu May 20, 2010 12:19 am

Re: VDO สยาม ถ่ายเมื่อเกือบร้อยปีก่อน ไม่น่าเชื่อที่มีโอกาสได้ดู

Postby noway2know » Mon Jun 28, 2010 2:21 am

ยุวชนทหารสมัยสงครามโลก

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงประกอบพระราชพิธีตรึงหมุดธงไชยเฉลิมพล
ในพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม

Image

ยุวชนทหาร
ยุวชนทหาร(อักษรย่อ: ยวท.)คือเยาวชนที่ได้รับการฝึกวิชาทหารขึ้นในช่วงระหว่าง พ.ศ. 2477 - 2490 เนื่องจากรัฐบาลไทยสมัยจอมพล ป.พิบูลสงครามมีนโยบายพื้นฟูการฝึกวิชาทหารให้แก่ประชาชน โดยทำการฝึกจากนักเรียนและนิสิตนักศึกษาตามอย่างการฝึกยุวชนนาซีของเยอรมันนี

17 สิงหาคม พ.ศ.2481
พันเอกหลวงเกรียงศักดิ์พิชิต
รองผู้บัญชาการทหารบก เจ้ากรมยุวชนทหาร
ถวายเครื่องแบบยุวชนทหาร
แด่พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทม
หิดล
Image

วีรกรรมครั้งยิ่งใหญ่ของยุวชนทหารคือการร่วมมือกับทหารและตำรวจเพื่อต่อต้านการรุกรานจากกองทัพญี่ปุ่นในสงครามมหาเอเชียบูรพาเมื่อวันที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2484 ในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ วีรกรรมของยุวชนทหารที่โดดเด่นที่สุดในการรบครั้งนั้นคือวีรกรรมที่สะพานท่านางสังข์ จังหวัดชุมพร (ต่อมาได้มีการนำเหตุการณ์ดังกล่าวไปสร้างเป็นภาพยนตร์เรื่อง "ยุวชนทหาร เปิดเทอมไปรบ" โดยบริษัทแกรมมี่ฟิลม์ เมื่อ พ.ศ. 2543)

อนุสาวรีย์ยุวชนทหาร ที่เชิงสะพานท่านางสังข์ จังหวัดชุมพร
Image

วีรกรรมยุวชนทหารเมื่อวันที่ 8 ธ.ค.พ.ศ.2484 ซึ่งเป็นช่วงที่ไฟสงครามโลกครั้งที่ 2 กำลังประทุอย่างรุนแรง กองทัพญี่ปุ่นเข้ารุกรานประเทศไทยพร้อมๆกับการเข้าโจมตีฐานทัพเรือของสหรัฐอเมริกาที่อ่าวเพิร์ลตลอดจนประเทศต่างๆ เวลาประมาณ 02.00 น.ของประเทศไทย กองกำลังส่วนหนึ่งของกองทัพญี่ปุ่นยกพลขึ้นบกบริเวณบ้านคอสนและบ้านแหลมดิน ต.ท่ายาง อ.เมือง จังหวัดชุมพร

ร้อยเอกถวิล นิยมเสน ครูฝึกยุวชนทหารโรงเรียนศรียาภัย
ผู้นำยุวชนทหารเข้าร่วมรบที่เชิงสะพานท่านางสังข์ จังหวัดชุมพร

Image

ทางผู้บังคับหน่วยยุวชนทหารที่ 42 จึงได้นำกำลังยุวชนทหาร รร.ศรียาภัย พร้อมทั้งตำรวจ ทหาร และประชาชนเข้าต่อสู้กับผู้รุกรานจนถึงขั้นตะลุมบอนกันบริเวณสะพานท่านางสังข์ จนทหารญี่ปุ่นไม่สามารถเข้าเมืองชุมพรได้ เหตุการณ์ครั้งนั้นเป็นผลให้ผู้บังคับหน่วยและวีรชนผู้กล้าหาญเสียชีวิต 5 นาย บาดเจ็บ 5 นายภายหลังวีรกรรมของยุวชนทหารและเหล่าผู้รักชาติในวันที่ 8 ธ.ค. 2484 ก็ได้มีการสร้างเจดีย์องค์หนึ่งไว้ตรงบริเวณที่มีการสู้รบ ต่อมาในปี พ.ศ. 2524 จึงได้สร้างอนุสาวรีย์ยุวชนทหารบริเวณริมถนนเชิงสะพานท่านางสังข์ เป็นรูปยุวชนทหารหล่อด้วยสำริด แต่งเครื่องแบบยุวชนทหารถือปืน ตั้งอยู่บนแท่งฐานหินอ่อนสีขาว รอบฐานมีแผ่นจารึกวีรกรรมและชื่อของทหาร ยุวชนทหารและประชาชนผู้เสียสละเพื่อเป็นเครื่องเตือนใจให้รำลึกถึงวีรกรรมของเหล่าผู้กล้าหาญที่ยอมสละชีพเพื่อปกป้องอธิปไตยของชาติ

อนุสาวรีย์ยุวชนทหาร ตั้งอยู่ริมทางหลวงหมายเลข 4001 สายชุมพร-ปากน้ำ ตำบลบางหมาก เชิงสะพานท่านางสังข์ ห่างจากอำเภอเมืองฯ ประมาณ 5 กิโลเมตร

ธงไชยเฉลิมพลของหน่วยทหารบก
Image

ความสำคัญของธงไชยเฉลิมพล
ธงไชยเฉลิมพล หรือ ธงชัยเฉลิมพล (สามารถเขียนได้ทั้งสองอย่าง แต่ปัจจุบันในประกาศต่างๆ ในราชกิจจานุเบกษานิยมสะกดอย่างหลัง)เป็นธงประจำหน่วยทหารที่ได้รับพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ธงชัยเฉลิมพลถือเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์สูงสุดของทหารเป็นเกียรติยศของหน่วยทหารนั้นๆ เมื่อเวลาเข้าสู่สงคราม ทหารทั้งปวงต้องพิทักษ์รักษาธงชัยเฉลิมพลของหน่วยตนไว้ด้วยชีวิต ธงชัยเฉลิมพลจึงเป็นเครื่องนำความองอาจ กล้าหาญ แห่งหมู่ทหารทั้งปวงให้เข้าต่อสู้ข้าศึกศัตรูให้ได้ชัยชนะกลับมา

ความหมายสำคัญของธงชัยเฉลิมพล มี 3 ประการ คือ
-ผืนธง หมายถึง ชาติ
-บนยอดธงบรรจุพระพุทธรูป หมายถึง พุทธศาสนา
-เส้นพระเจ้าของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว หมายถึง องค์พระมหากษัตริย์

เหรียญชัยสมรภูมิ สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2
Image

พิธีประดับเหรียญชัยสมรภูมิ

Image


ธงประจำกองยุวชนทหาร มี 2 ชนิดคือ

Image
1.ธงยุวชนนายทหาร พื้นเป็นสีธงชาติ ขนาดกว้าง 50 เซนติเมตร ยาว 70 เซนติเมตร ตรงกึ่งกลางธงมีรูปวงกลมสีแดงขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 22 เซนติเมตร มีขอบรอบวงกลมสีเหลืองกว้าง 6 มิลลิเมตร กลางวงกลมมีรูปอย่างตราหน้าหมวกยุวชนทหารสีเหลือง แต่ไม่มีรูปสมอ มีอักษรสีเหลืองขนาดพองามว่า "ยุวชนนายทหาร" เป็นแถวโค้งโอบใต้ขอบวงกลม ที่มุมบนทางคันธงมีอักษรพระบรมนามาภิไธยย่อสีแดง ขลิบริมสีเหลือง รัศมีสีฟ้า อยู่ใต้รูปพระมหามงกุฎสีเหลือง ที่ยอดธงมีแถบธงชาติห้อย2แถบ ยอดคันธงเป็นรูปปลายหอกสั้นทำด้วยโลหะสีเงิน มีรูปอุณาโลมทั้งสองข้าง

Image
2.ธงยุวชนทหารมีลักษณะและสัณฐานอย่างธงยุวชนนายทหาร แต่ใต้วงกลมให้ระบุนามจังหวัดที่ได้รับพระราชทาน โดยมีข้อความหน้านามจังหวัดดั่งนี้ "ยุวชนทหารจังหวัด......."

ปัจจุบันรัฐบาลได้กำหนดให้ วันที่ 8 ธันวาคม ของทุกปีเป็นวันนักศึกษาวิชาทหาร
ซึ่งที่อนุสาวรีย์ยุวชนทหารเชิงสะพานท่านางสังข์ จังหวัดชุมพรนั้น จะมีพิธีวางพวงมาลาและการสวนสนามของนักศึกษาวิชาทหารในทุกวันที่ 8 ธันวาคม ของทุกปี เพื่อรำลึกถึงเหตุการณ์ในครั้งนั้นด้วย

Image

การสิ้นสุดของขบวนการยุวชนทหาร
การฝึกยุวชนทหารถูกยกเลิกใน พ.ศ. 2490
ภายหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ยุติลงได้
2 ปี
ตามพระราชบัญญัติยกเลิกพระราชบัญญัติยุวชนแห่งชาติ พุทธศักราช 2486 และ พ.ศ. 2490
เนื่องจากภาวะขาดแคลนครูฝึกและงบประมาณ

อย่างไรก็ตามแนวคิดเกี่ยวกับการฝึกยุวชนทหารนี้ได้พัฒนาต่อมาเป็นการฝึกนักศึกษาวิชาทหาร
ภายใต้การควบคุมของกรมการรักษาดินแดนหรือหน่วยบัญชาการกำลังสำรองในปัจจุบัน

ยุวชนทหาร สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2
Image

Image

ปลุกเร้าความรู้สึกรักชาติและความสามัคคีในสมัยนั้น
Image

ยุวนารีร้องเพลงปลุกใจ

Image

ขอบคุณภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต
รายละเอียดเกี่ยวกับยุวชนทหาร

http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%A2%E0%B8%B8%E0%B8%A7%E0%B8%8A%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%A3

รักในหลวง หวงแผ่นดิน
เกลียดเสื้อแดง จะรัฐบาล ม.แม้ว หรือ ม.มาร์ค ก็น่าผิดหวัง เลวพอๆกัน
ไปม๊อบมา ไปก็บอกว่าไป..ไม่ใช่ประเภท....ตุลาคมก็อยู่นะ(โกหก)
http://www.baanpud.net/forum/index.php....http://www.prachathon.org/forum/
User avatar
noway2know
 
Posts: 7750
Joined: Thu May 20, 2010 12:19 am

Re: VDO สยาม ถ่ายเมื่อเกือบร้อยปีก่อน ไม่น่าเชื่อที่มีโอกาสได้ดู

Postby noway2know » Tue Jun 29, 2010 11:29 am

สยามประเทศ....ในอดีต

ขบวนเสด็จของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
เมื่อเสด็จไปทอดกฐินหลวง ณ วัดพระเชตุพน
ถ่ายโดยชาวต่างประเทศ เมื่อ ค.ศ. ๑๘๖๖ (พ.ศ. ๒๔๐๙)
Image

พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔

ฉายโดยช่างภาพชาวสกอตชื่อ จอห์น ทอมสัน
ซึ่งเดินทางมาสยาม เมื่อ พ.ศ.๒๔๐๘
Image

พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จ รัชกาลที่ ๕
ในสตูดิโอของจอร์จ เซาโล ณ กรุงปารีส เมื่อ พ.ศ. ๒๔๕๐
พระราชดำเนินเยือนสตูดิโอแห่งนี้เพื่อประทับเป็นแบบให้เซาโล
ระหว่างการเสด็จฯ ประพาสยุโรปครั้งที่ ๒ เมื่อ พ.ศ. ๒๔๔๙
อันเป็นที่มาของพระบรมรูปทรงม้า ถนนราชดำเนิน
Image

พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕
ทรงฉายคู่กับซาเรวิชนิโคลัส
(ต่อมาคือพระเจ้าซาร์นิโคลัสที่ ๒ แห่งรัสเซีย) เมื่อเสด็จเยือนสยาม
เจ้านายทรงพระเยาว์ทางซ้ายสุด คือสมเด็จเจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ
Image

พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าฯ ทรงฉายคู่กับพระคู่หมั้น

พระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าวัลลภาเทวี พระวรกัญญาปทาน
Image

ขบวนแห่พระบรมศพ รัชกาลที่ ๖
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว พ.ศ.๒๔๖๘

Image

ขบวนแห่ในพระราชพิธีเดียวกัน

Image

พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๗
และสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณีฯ

Image

ในหลวงทรงล่องเรือเล่นดนตรี
บริเวณทุ่งนา รังสิต คลอง ๓
คราวเสด็จพระราชดำเนินประพาสบ้านนาของ
ราชสกุลสนิทวงศ์ ประมาณพุทธศักราช ๒๔๙๙

Image

การแต่งกายของทหารไทย เมื่อ ๑๐๐ ปีก่อน

Image

กระทรวงกลาโหม

Image

น้ำท่วมครั้งใหญ่ พ.ศ.๒๔๘๕ สมัยสงครามมหาเอเชียบูรพา

Image

Image

พระปฐมเจดีย์ จังหวัดนครปฐม

Image

การค้าขายของชาวจีนในแผ่นดินสยาม
หมวกที่ใส่เรียกว่าหมวกกุยเล้ย

Image

สะพานพระราม ๖ ช่วงรัชสมัยรัชกาลที่ ๗
Image

รักในหลวง หวงแผ่นดิน
เกลียดเสื้อแดง จะรัฐบาล ม.แม้ว หรือ ม.มาร์ค ก็น่าผิดหวัง เลวพอๆกัน
ไปม๊อบมา ไปก็บอกว่าไป..ไม่ใช่ประเภท....ตุลาคมก็อยู่นะ(โกหก)
http://www.baanpud.net/forum/index.php....http://www.prachathon.org/forum/
User avatar
noway2know
 
Posts: 7750
Joined: Thu May 20, 2010 12:19 am

Re: VDO สยาม ถ่ายเมื่อเกือบร้อยปีก่อน ไม่น่าเชื่อที่มีโอกาสได้ดู

Postby noway2know » Thu Jul 01, 2010 8:17 am

บางกอก....ยุคคุณตา คุณยาย
Image

Image

Image

ตลาดสามเสน
Image

เจริญกรุง
Image

ตลาดบางรักหรือโรบินสัน บางรัก ในปัจจุบัน
Image

รถเมล์ขาวบริษัทนายเลิศรุ่นเก่า
Image

รถรางและรถเมล์สีฟ้ารุ่นใหม่ของบริษัทนายเลิศ
Image

โรงเรียนราชินี ปากคลองตลาด

Image

โรงหนังเอมไพร์ ปากคลองตลาด
Image

Image

Image

รถรางวิ่งผ่านบริเวณสนามหลวง
Image

Image

Image

คลองผดุงกรุงเกษม
Image

รักในหลวง หวงแผ่นดิน
เกลียดเสื้อแดง จะรัฐบาล ม.แม้ว หรือ ม.มาร์ค ก็น่าผิดหวัง เลวพอๆกัน
ไปม๊อบมา ไปก็บอกว่าไป..ไม่ใช่ประเภท....ตุลาคมก็อยู่นะ(โกหก)
http://www.baanpud.net/forum/index.php....http://www.prachathon.org/forum/
User avatar
noway2know
 
Posts: 7750
Joined: Thu May 20, 2010 12:19 am

Re: VDO สยาม ถ่ายเมื่อเกือบร้อยปีก่อน ไม่น่าเชื่อที่มีโอกาสได้ดู

Postby noway2know » Sat Jul 03, 2010 2:44 pm

เชียงใหม่....ในอดีต

สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราวุธ สยามมกุฎราชกุมาร(ร.6)
เสด็จวางศิลารากอาคารเรียนหลังแรกพร้อมกับพระราชทานนามโรงเรียน
ว่าโรงเรียนปรินส์รอยแยลส์วิทยาลัย ค.ศ.1906
Image

เจ้าพระยากำแพงเพชรทรงช้างข้ามน้ำปิง
Image

Image

วัดสวนดอก พ.ศ. 2429
Image

Image

Image

กาดหลวง พ.ศ. 2480

Image

การค้าขาย ถนนช้างม่อย
Image

คุ้มเจ้าแก้วนวรัตน์ ปัจจุบันกลายเป็นตลาด
Image

ช่างฟ้อนคุ้มหลวง

Image

สะพานนวรัตน์ (ขัวดำ เก่า)
Image

แนวกำแพงเมือง
Image

Image

Image

ประตูท่าแพ พ.ศ.2508
Image

คณะมิชชั่นนารี่
Image

ข้าราชการไปรษณีย์ในอดีต
Image

การโบยลงทัณฑ์นักโทษในอดีต

Image

แม่น้ำปิงกับเรือหางแมงป่อง
Image

Image

ตลาดหน้าวัดพระสิงห์ในอดีต

Image

สภาพเมืองเชียงใหม่ในอดีต
Image

รักในหลวง หวงแผ่นดิน
เกลียดเสื้อแดง จะรัฐบาล ม.แม้ว หรือ ม.มาร์ค ก็น่าผิดหวัง เลวพอๆกัน
ไปม๊อบมา ไปก็บอกว่าไป..ไม่ใช่ประเภท....ตุลาคมก็อยู่นะ(โกหก)
http://www.baanpud.net/forum/index.php....http://www.prachathon.org/forum/
User avatar
noway2know
 
Posts: 7750
Joined: Thu May 20, 2010 12:19 am

Re: VDO สยาม ถ่ายเมื่อเกือบร้อยปีก่อน ไม่น่าเชื่อที่มีโอกาสได้ดู

Postby noway2know » Fri Jul 09, 2010 11:00 am

ประวัติลูกเสือไทย

Image

การลูกเสือ ได้อุบัติขึ้นเป็นแห่งแรกของโลก โดยลอร์ดเบเดน โพเอลล์ (Lord Baden Powell) ที่ประเทศอังกฤษ เมื่อปี พ.ศ. 2450 (ค.ศ. 1907) สืบเนื่องจากการรบกับพวกบัวร์ (Boar) ในการรักษาเมืองมาฟิคิง (Mafeking) ที่อาฟริกาใต้ในปี พ.ศ. 2442 ซึ่งบี พี ได้ตั้งกองทหารเด็กให้ช่วยสอดแนมการรบ จนรบชนะข้าศึกเมื่อกลับไปประเทศอังกฤษ ในปี พ.ศ. 2450 จึงได้ทดลองนำเด็กชาย 20 คน ไปอยู่ค่ายพักแรมที่เกาะบราวน์ซี Browmsea Islands) ซึ่งได้ผลดีตามที่คาดหมายไว้ ปี พ.ศ. 2451 บี พี จึงได้ตั้งกองลูกเสือขึ้นเป็นครั้งแรกของโลก ที่ประเทศอังกฤษ

พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อพระชนมายุได้ 13 พรรษา ได้เสด็จไปทรงศึกษา ณ ประเทศอังกฤษ ทวีปยุโรป ระหว่างที่ทรงศึกษาอยู่นั้น ได้ทรงทราบเรื่องการสู้รบเพื่อรักษาเมืองมาฟิคิง (Mafeking) ของ ลอร์ดเบเดน โพเอลล์ (Lord Baden Powell) ซึ่งได้ตั้งกองทหารเด็กเป็นหน่วยสอดแนมช่วยรบในการรบกับพวกบัวร์ (Boar) จนประสบผลสำเร็จ และได้ตั้งกองลูกเสือขึ้นเป็นครั้งแรกของโลก ที่ประเทศอังกฤษ เมื่อ พ.ศ. 2450 เมื่อพระองค์เสด็จนิวัติสู่ประเทศไทย ก็ได้ทรงจัดตั้งกองเสือป่า (Wild Tiger Corps) ขึ้น เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม 2454 มีจุดมุ่งหมายเพื่อฝึกหัดให้ข้าราชการและพลเรือนได้เรียนรู้วิชาทหาร เพื่อเป็นคุณประโยชน์ต่อบ้านเมือง รู้จักระเบียบวินัย มีความจงรักภักดีต่อสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ต่อจากนั้นอีก 2 เดือน ก็ได้พระราชทานกำเนิดลูกเสือไทยขึ้นเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2454 ด้วยทรงมีพระราชปรารภว่า เมื่อฝึกผู้ใหญ่เป็นเสือป่า เพื่อเตรียมพร้อมในการช่วยเหลือชาติบ้านเมืองแล้ว เห็นควรที่จะมีการฝึกเด็กชายปฐมวัยให้มีความรู้ทางเสือป่าด้วย เมื่อเติบโตขึ้นจะได้รู้จักหน้าที่และประพฤติตนให้เป็นประโยชน์ต่อชาติบ้านเมือง

Image

จากนั้นทรงตั้งกองลูกเสือกองแรกขึ้นที่โรงเรียนมหาดเล็กหลวง(โรงเรียนวชิราวุธ ในปัจจุบัน)และจัดตั้งกองลูกเสือตามโรงเรียน ต่าง ๆ ให้กำหนดข้อบังคับลักษณะปกครองลูกเสือขึ้น รวมทั้งพระราชทาน คำขวัญให้ลูกเสือว่า “เสียชีพ อย่าเสียสัตย์”

Image

พ.ศ.2463 ได้จัดส่งผู้แทนคณะลูกเสือไทย จำนวน 4 คน ไปร่วมงานชุมนุมลูกเสือโลก ครั้งที่ 1 (1st World Scout Jamboree) ซึ่งจัดเป็นครั้งแรกของโลก ณ อาคารโอลิมเปีย กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ

พ.ศ.2465 คณะลูกเสือไทย ได้สมัครเข้าเป็นสมาชิกของสมัชชาลูกเสือโลก ซึ่งขณะนั้นมีสมาชิกรวมทั้งสิ้น 31 ประเทศ ประเทศทั้ง 31 ประเทศนี้ นับเป็นสมาชิกรุ่นแรก หรือสมาชิกผู้ก่อการจัดตั้ง (Foundation Members) สมัชชาลูกเสือโลกขึ้นมา

พ.ศ.2467 ได้จัดส่งผู้แทนคณะลูกเสือไทย 10 คน ไปร่วมงานชุมนุมลูกเสือโลก ครั้งที่ 2 ณ ประเทศเดนมาร์ก

พ.ศ.2468 พระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จสวรรคต เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 2468

Image

ประวัติศาสตร์ลูกเสือไทย


พ.ศ.2454 (ค.ศ.1911)
- พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ทรงก่อตั้งกิจการลูกเสือไทย เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2454

พ.ศ.2463 (ค.ศ.1920)
- ส่งผู้แทนคณะลูกเสือไทยไปร่วมงานชุมนุมลูกเสือโลก ครั้งที่ 1 ณ ประเทศอังกฤษ

พ.ศ.2465 (ค.ศ.1922)
- คณะลูกเสือแห่งชาติ เข้าเป็นสมาชิกสมัชชาลูกเสือโลก

พ.ศ.2467 (ค.ศ.1924)
- ส่งผู้แทนคณะลูกเสือไทยไปร่วมงานชุมนุมลูกเสือโลก ครั้งที่ 2 ณ ประเทศเดนมาร์ก

พ.ศ.2470 (ค.ศ.1927)
- จัดงานชุมนุมลูกเสือแห่งชาติ ครั้งที่ 1 (1st National Jamboree)

พ.ศ.2499 (ค.ศ.1956)
- เป็นสมาชิกของสำนักงานลูกเสือภาคตะวันออกไกล ซึ่งเพิ่งจัดตั้งขึ้น ขณะนั้นมีประเทศสมาชิกอยู่ 10 ประเทศ

พ.ศ.2504 (ค.ศ.1961)
- เฉลิมฉลองครบรอบ 50 ปีการลูกเสือไทย

พ.ศ.2505 (ค.ศ.1962)
- เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมผู้บังคับบัญชาลูกเสือภาคตะวันออกไกล ครั้งที่ 3 (3rd Far East Scout Conference) ณ ศาลาสันติธรรม

ในหลวงทรงทรงฉายพร้อมกับรัชกาลที่ 8 ทรงฉลองพระองค์เครื่องแบบลูกเสือ
Image

ลูกเสือกล่าวคำปฎิญาณตน
"ด้วยเกียรติของข้า ข้าสัญญาว่า"

ข้อ ๑ ข้าจะจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์
ข้อ ๒ ข้าจะช่วยเหลือผู้อื่นทุกเมื่อ
ข้อ ๓ ข้าจะปฏิบัติตามกฎของลูกเสือ

"ลูกเสือไทย"
เหล่าลูกเสือ ของธีรราช
ทะนงองอาจ สืบชาติเชื้อพงศ์พันธ์
สมัครสมาน โดยมีสามัคคีมั่น
พวกเราจะร่วมรักกันจะผูกสัมพันธ์ตลอดกาล
มี จรรยา....รักษาชื่อ สร้างเกียรติระบือ
เลื่องลือต่อไปช้า-นาน ร่าเริงแจ่มใส
ใส่ใจรักให้ยืนนาน พวกเราล้วนชื่นบาน
เพราะกิจการลูกเสือไทย

"ลูกเสือจับมือ"

ลูกเสือเขาไม่จับ มือขวา
ยื่นซ้ายมาจับมือกันมั่นมือขวาใช้เคารพกัน (ซ้ำ)
ยื่นซ้าย ออกมาพลันจับมือจับ
จับมือนั้นหมายถึงมิตร เหมือนญาติสนิทควรคิดยึดถือ
ยิ้ม ด้วยเมื่อการจับมือ (ซ้ำ)
เพราะพวกเราคือลูกเสือด้วยกัน

Image
ผู้ที่ได้รับยกย่องว่าเป็นลูกเสือไทยคนแรกคือ นายชัพท์ บุนนาค
ซึ่งต่อมาได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็น “นายลิขิตสารสนอง”

Image
หนังสือพิมพ์ The Scout ของอังกฤษลงข่าวเกี่ยวกับ
พระราชกรณียกิจเรื่องเสือป่าและลูกเสือ (ปี ค.ศ.๑๙๑๒)


อนึ่งขณะนั้นกิจการลูกเสือในประเทศอังกฤษแพร่หลายมากขึ้น ทางราชการอังกฤษจึงมีระเบียบให้จดทะเบียนและขนานนามกองลูกเสือให้เหมาะสม นายซิดนีย์ ริสเชิส ( Sydney Riches) ซึ่งบิดาเคยดำรงตำแหน่งกงสกลสยามกิตติมศักดิ์ได้มีหนังสือขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตขนานนามกองลูกเสือที่เขาตั้งขึ้นเป็นผู้บังคับการว่า King of Siam’s Own Troop of Boy Scouts ( กองลูกเสือในสมเด็จพระเจ้ากรุงสยามมีชื่อย่อว่า K.S.O. ) เพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเจ้ากรุงสยาม รวมทั้งได้ขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตใช้ตราช้างเผือกเป็นตราประจำกองลูกเสือด้วย พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานพระบรมราชานุญาตตามความ ประสงค์ของกองลูกเสือดังกล่าวเมื่อ พ.ศ. 2455 (เครื่องหมายประจำกองของ K.S.O. เป็นตราช้างเผือกอันเป็นสัญญาลักษณ์ของกรุงสยามประทับลงบนธงยูเนียนแจ๊ก (Union Jack) ซึ่งเป็นธรงชาติของสหราชอาณาจักร) ทั้งนี้กองลูกเสือนี้ได้ปฏิบัติกิจกรรมต่างๆซึ่งเป็นเกียรติประวัติอย่างยิ่งในนามของกองลูกเสือในสมเด็จพระเจ้ากรุงสยามมาจนถึงปัจจุบัน

เครื่องหมายประจำกอง K.S.O.
Image

Image

กองอาสาสมัครเสือป่า
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงปลูกฝังให้พสกนิกรมีความรักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ และทรงส่งเสริมความเข้มแข็งให้แก่ประชาชนในการช่วยทหารป้องกันภัยอันอาจเกิด ขึ้นแก่ประเทศชาติด้วยการโปรดเกล้าฯ ให้ตั้งกองเสือป่าขึ้น โดยได้เริ่มประกาศและชักชวนให้มีการจัดตั้งกองอาสาสมัครเสือป่า เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2454 และมีพิถีถือน้ำพระพิพัฒน์สัตยาครั้งแรกของเสือป่าที่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม 2454

เสือป่าคือผู้ชายไทยที่มิได้เป็นทหารแต่ได้รับการฝึกให้รู้จักวิธีการรับเพื่อจะได้สามารถป้องกันชาติบ้านเมืองยามเมื่อมีภัยได้ทั้งนี้คำว่า“ เสือป่า”คือผู้ชายไทยที่มิได้เป็นทหารทำหน้าที่สืบข่าวข้าศึกหรือสอดแนม ส่วนทหารที่เป็น “แมวมอง” ทำหน้าที่เป็นกองระวังด่าน เมื่อข้าศึกผ่านมาก็บอกข่าวให้แม่ทัพทราบเท่าที่สังเกตเห็น โดยไม่ต้องพ้นไปจากที่ตั้งของตน
Last edited by noway2know on Fri Jul 09, 2010 11:07 pm, edited 2 times in total.

รักในหลวง หวงแผ่นดิน
เกลียดเสื้อแดง จะรัฐบาล ม.แม้ว หรือ ม.มาร์ค ก็น่าผิดหวัง เลวพอๆกัน
ไปม๊อบมา ไปก็บอกว่าไป..ไม่ใช่ประเภท....ตุลาคมก็อยู่นะ(โกหก)
http://www.baanpud.net/forum/index.php....http://www.prachathon.org/forum/
User avatar
noway2know
 
Posts: 7750
Joined: Thu May 20, 2010 12:19 am

PreviousNext

Return to ห้องสมุด



cron