==มาคุยเรื่องอภิสิทธิ์หนีทหารกันดีกว่า(ได้เวลาปิดกระทู้)==

[jerasak]

สำหรับผู้ที่กำลังศึกษาจะได้สิทธืผ่อนผันครับ แต่ต้องไปรายงานตัวทุกปีในเขตุท้องที่ที่มีการตรวจเลือก ถ้าไม่ไปรายงานตัวจะถือว่าสละสิทธิในการผ่อนผัน และต้องเข้ารับราชการทหารในปีต่อไป ส่วนใหญ่หากใครไม่ได้ไปรายงานตัว ก็จะสมัครเข้ารับราชการ เรื่องก็จบครับ ส่วนระยะเวลารับราชการถ้าจำไม่ผิด ระดับอนุหรือปวส.น่าจะ 1 ปี 6 เดือน ปริญาตรีแค่ 6 เดือน ฝึกจริงๆ 3 เดือนครับ

เรื่องขอผ่อนผันระหว่างกำลังศึกษา ผมเคยเห็นข้อมูลว่าคุณอภิสิทธิ์ขอผ่อนผันครับ
เพราะกว่าจะกลับมารับหมายเกณฑ์ก็อายุ 20 กว่าปีแล้ว มีอีกจุดหนึ่งคือระหว่างที่
เป็นอาจารย์ที่โรงเรียนนายร้อยก็น่าจะสามารถขอผ่อนผันได้ด้วยแต่ผมไม่เคยเห็น
ข้อมูลว่าได้ขอผ่อนผันหรือเปล่า

คุณ Caocao จำไ่ม่ผิดครับ จบปริญญาตรีปกติกำหนดให้เป็นทหารแค่ 6 เดือนจริงๆ
แต่ปัญหาของคุณอภิสิทธิ์ไม่เกี่ยวกับเรื่องขอผ่อนผันระหว่างกำลังศึกษาหรอกครับ
เพราะเป็นเหตุการณ์หลังเรียนจบกลับจากต่างประเทศและได้ไปรับหมายเกณฑ์แล้ว
แต่พอถึงกำหนดตรวจเลือกไม่ได้ไปเข้ารับการตรวจเลือก

หลังจากนั้นอีกราว 4 เดือนไปสมัครเป็น ข้าราชการกลาโหมพลเรือนชั้นสัญญาบัตร
โดยมีข้อมูลว่าขาดส่งหลักฐานทางทหารแต่ได้รับอนุมัติบรรจุเข้าไปได้ และได้ผ่าน
หลักสูตรการฝึกทางทหารแล้ว ต่อมาได้ส่งหลักฐานทางทหารย้อนหลัง และได้รับ
พระราชทานยศร้อยตรี ได้รับรางวัลนายทหารดีเด่นอีกด้วย (ผมจำชื่อรางวัลไม่ได้)
ก่อนลาออกศึกษาต่อต่างประเทศ กลับมาเป็นอาจารย์ และนักการเมืองถึงปัจจุบัน

เรื่องจึงอยู่ที่ว่าทางคุณอภิสิทธิ์จะอธิบายเรื่องราวเหล่านี้อย่างไรให้สังคมยอมรับ
และไม่ถูกนำมาใช้โจมตีทางการเมืองต่อไป

ส่วนตัวผมเองไ่ม่ได้ติดใจเรื่องพวกนี้ อย่างน้อยคุณอภิสิทธิ์ก็ไม่ได้หนีทหารไปเฉยๆ
แต่มาสมัครเข้าเป็นนายทหารผ่านหลักสูตรการฝึก ได้รับราชการเป็นอาจารย์ทหาร
ทำประโยชน์ให้กองทัพไม่น้อยกว่าการเป็นพลทหาร ส่วนเรื่องที่ถูก นปก. โจมตีว่า
สมัครเป็นทหารเพราะไม่อยากเกณฑ์ทหารผมไม่ติดใจ เพราะที่คนเรียน รด. กัน
ก็เพราะไ่ม่อยากเกณฑ์ทหารเหมือนกันทั้งนั้น

จุดสำคัญที่สุดในสายตาของผมก็คือ คุณอภิสิทธิ์เป็นนักการเมืองมาอย่างยาวนาน
เคยดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีมาแล้ว แต่ฝ่ายตรงข้ามไม่เคยสามารถโจมตีคุณอภิสิทธิ์
ว่าทุจริตคอร์รัปชั่นในหน้าที่ทางการเมืองได้สักเรื่องเดียว จนต้องไปขุดคุ้ยเรื่องราว
สมัยที่เขายังเป็นเด็กเพิ่งเรียนจบใหม่ๆ มาโจมตี

ตอนนี้ก็รอดูอย่างเดียวครับว่าคุณอภิสิทธิ์จะอธิบายแก้ข้อกล่าวหาได้แค่ไหนอย่างไร
อย่างที่ผมมองเอาไว้คือ ถ้าทำได้ดีจะได้คะแนนนิยมเพิ่มเติมด้วยซ้ำ

[kop16]

ถ้าเรียน นักเรียนนายร้อย ครบ 1 ปี แล้วลาออกจะได้ สด. 8 ยศ สิบตรีครับ confirm
เริ่มเรียนชั้น 1 ตอน ต้น เมษายน แล้วลาออก ปลาย มีนาคม ของปีต่อมา จะได้อย่างที่ผมกล่าวไว้ข้างต้น

[jerasak]

มติชนเพิ่งเอามาลงมีภาพเอกสารประกอบด้วยแต่เล็กไปอ่านไม่ค่อยออก
คิดว่าข้อมูลชุดนี้น่าจะเป็นไพ่ใบสุดท้ายของฝ่ายสามเกลอแล้วครับ

ก็รอดูการอธิบายจากฝ่ายคุณอภิสิทธิ์ว่าจะเคลียร์เรื่องนี้ได้ดีแค่ไหนนะครับ



http://www.matichon.co.th/news_detail.p ... 0&catid=01
มติชนออนไลน์ วันที่ 09 ธันวาคม พ.ศ. 2551 เวลา 08:09:14 น.
----------------------------------------------------------------------------------------------------
งัดไม้ตายสกัด"อภิสิทธิ์"นั่งนายกฯ"สามเกลอ"ชูเอกสาร"ลับ"ทบ.ซัดหนีทหาร-บรรจุ อจ. รร.จปร.ขัดกฎหมาย
หากจะดำเนินการบรรจุเข้ารับราชการทหารต้องภายหลังนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ถูกส่งตัวดำเนินคดีตาม พ.ร.บ.รับราชการทหาร พ.ศ.2487 พร้อมกับส่งตัวเข้ากองประจำการจนครบกำหนดก่อน

นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย1 ใน 3 พิธีกรรายการ"ความจริงวันนี้"ได้นำสำเนาเอกสารที่ แจกจ่ายให้สื่อมวลชนระหว่างแถลงข่าวทักท้วงการเสนอชื่อนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 8 ธันวาคม ที่พรรคเพื่อไทยโดย อ้างว่าเป็นเอกสาร "ลับ" ที่ พล.ต.วันชัย อิทธิวิบูลย์ เจ้ากรมจเร
ทหารบก (จก.ทบ.) ทำเสนอผู้บัญชาการกองทัพบก (ผบ.ทบ.) เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2542 เรื่อง "รายงานผลการสอบสวนกรณีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เข้ารับราชการที่โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้าฯ (รร.จปร.)"

ผลสอบสวนตามเอกสารดังกล่าวระบุว่า การบรรจุนายอภิสิทธิ์เข้ารับราชการบกพร่องและไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์และกฎหมายที่กำหนดโดยไม่มีการส่งตัวไปดำเนินคดีตาม พ.ร.บ.รับราชการทหาร พ.ศ.2487 ก่อน

เอกสารลับดังกล่าวมีรายละเอียดดังนี้
-----------------------
เรียน ผบ.ทบ. (ผ่าน กพ.ทบ.)

อ้างถึง อนุมัติ ผบ.ทบ.ท้ายหนังสือ กสร.ทบ.ลับ ที่ กห 0426/654 ลง 8 มี.ค. 2542 เรื่องตรวจสอบข้อมูลการตรวจเลือกฯ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ

สิ่งที่ส่งมาด้วย รายงานผลการสอบสวนพร้อมเอกสารประกอบ จำนวน 292 แผ่น

1.ผบ.ทบ.สั่งการตามอ้างถึงให้ จบ.(จเรทหารบก)สอบสวนข้อเท็จจริง กรณี กสร.ทบ.(กรมการกำลังสำรองทหารบก )ตรวจพบว่า นายอภิสิทธิ์ ขาดการตรวจเลือกฯ ปี 2530 และการบรรจุนายอภิสิทธิ์เข้ารับราชการทหารเป็น อจ.ส่วนการศึกษา รร.จปร.อาจใช้หลักฐานทางทหารไม่ถูกต้อง

2.จบ.แต่งตั้งให้ พ.อ.สมบูรณ์ เมฆประยูร และ พ.ต.สมโชค ไกรศิริ เป็นเจ้าหน้าที่สอบสวน มีข้อเท็จจริงโดยละเอียดตามสิ่งที่ส่งมาด้วย สรุปได้ดังนี้

2.1 การบรรจุบุคคลพลเรือนเข้ารับราชการของ ทบ.ต้องปฏิบัติตามระเบียบ ก.พ.ว่าด้วยการบรรจุ การโอน และการบรรจุกลับเข้ารับราชการ พ.ศ.2524 ประกอบกับอนุมัติ ผบ.ทบ.เรื่องหลักเกณฑ์การบรรจุบุคคลเข้ารับราชการของ ทบ. เมื่อ 28 พ.ย. 2528 และอนุมัติ ผบ.ทบ.เรื่องหลักฐานการบรรจุบุคคลเข้ารับราชการฯ เมื่อ 7 ม.ย. 2522 ซึ่งมีผลบังคับใช้จนถึงปัจจุบันสรุปว่า บุคคลพลเรือนประเภทชายที่สามารถบรรจุเข้ารับราชการทหารได้แบ่งคุณลักษณะไว้ 2 พวกคือ ผู้ที่อายุยังไม่ครบเกณฑ์ทหารโดยมีอายุระหว่าง 18-20 ปี หลักฐานทางทหารที่ใช้ประกอบการบรรจุได้แก่ใบสำคัญ (สด.9) และผู้ที่ต้องผ่านการเกณฑ์ทหารแล้วโดยมีอายุตั้งแต่ 21 ปีขึ้นไปหลักฐานทางการต้องใช้ใบสำคัญ (สด.9) และใบรับรองผลฯ (สด.43) ประกอบกับหลักเกณฑ์ของ ทบ.เรื่องนี้ โดยเฉพาะอายุของผู้ที่จะบรรจุเข้ารับราชการกำหนดไว้สอดคล้องกับ พ.ร.บ.รับราชการทหาร พ.ศ.2497

2.2 กรณีการบรรจุนายอภิสิทธิ์ เข้ารับราชการเป็น อจ.ส่วนการศึกษา รร.จปร. หน่วยที่เกี่ยวข้องกับการบรรจุประกอบด้วย รร.จปร.เป็นหน่วยขอรับการบรรจุ, สบ.ทบ.(กรมสารบรรณทหารบก)และ กพ.ทบ.(กรมกำลังพลทหารบก)เป็นหน่วยตรวจสอบหลักฐานการบรรจุ ปรากฏว่า

2.2.1 นายอภิสิทธิ์ มีอายุเกิน 21 ปี ขณะสมัครเข้ารับราชการทหารที่ รร.จปร.โดยมีอายุ 21 ปี จึงมีคุณลักษณะของการเข้ารับราชการโดยต้องผ่านการตรวจเลือกทหารแล้วหรือมีสิทธิผ่อนผัน ซึ่งต้องใช้หลักฐานทางทหารคือใบสำคัญ (สด.9) และใบรับรองผลฯ (สด.43) ประกอบกับเท่านั้น

แต่เมื่อ 7 เม.ย. 2530 นายอภิสิทธิ์ ได้หลีกเลี่ยงขัดขืนไม่เข้าทำการตรวจเลือกฯ ปี 2530 และเป็นคนขาดการตรวจเลือกฯ ที่มีความผิดตาม พ.ร.บ.รับราชการทหาร พ.ศ.2497 มาตรา 27 และ 45 นายอภิสิทธิ์จึงไม่มีหลักฐานทางทหารเพื่อประกอบเอกสารการบรรจุ

2.2.2 รร.จปร.ดำเนินการทำหลักฐานขออนุมัติบรรจุนายอภิสิทธิ์ โดยต้องยึดถือหลักเกณฑ์ของ ทบ.ดังกล่าวไว้ในข้อ 2.1 และส่งเรื่องให้ สบ.ทบ.ตรวจสอบ แต่หลักฐานการบรรจุที่ รร.จปร.ดำเนินการ ไม่มีหลักฐานทางทหารประกอบการบรรจุซึ่ง รร.จปร.ทำหนังสือขออนุมัติบรรจุถึง สบ.ทบ.เมื่อ 18 มี.ค. 2530 สบ.ทบ.ตรวจสอบและทำหนังสือทักท้วงถึง รร.จปร.เมื่อ 31 มี.ค. 2530 ให้ รร.จปร.แก้ไขเอกสารและเพิ่มเติมหลักฐานทางทหารหนังสือผ่อนผันการเกณฑ์ทหาร

รร.จปร.ได้แก้ไขเอกสารตามการทักท้วงโดยไม่มีหลักฐานทางทหารเนื่องจากนายอภิสิทธิ์เป็นคนขาดการตรวจเลือกฯ เมื่อ 7 เม.ย. 2530 และส่งเรื่องขออนุมัติบรรจุให้ สบ.ทบ.จนกระทั่ง กห.มีคำสั่งให้นายอภิสิทธิ์เข้ารับราชการและแต่งตั้งยศเป็นนายทหารสัญญาบัตร

2.2.3 สบ.ทบ.มีหน้าที่ตรวจสอบหลักฐานและเอกสารประกอบการบรรจุโดยต้องยึดถือหลักเกณฑ์ของ ทบ.ดังกล่าวไว้ในข้อ 2.1 กรณีการบรรจุนายอภิสิทธิ์ สบ.ทบ.ได้มีหนังสือทักท้วงเมื่อ 31 มี.ค. 2530 ว่า รร.จปร.ต้องแก้ไขหลักฐานการบรรจุและส่งเอกสารหลักฐานทางทหารเพิ่มเติมได้แก่หนังสือผ่อนผันการเกณฑ์ทหาร

ภายหลัง รร.จปร.ได้ส่งหลักฐานการบรรจุนายอภิสิทธิ์ที่ได้แก้ไขโดยไม่มีหลักฐานทางทหารเพิ่มเติมไปให้ สบ.ทบ. ไม่ปรากฏว่า สบ.ทบ.ได้ทำการทักท้วงความไม่ถูกต้องครบถ้วนของเอกสารหลักฐานทางทหารแต่อย่างใด จนกระทั่งกระทรวงกลาโหม (กห.) มีคำสั่งให้นายอภิสิทธิ์ เข้ารับราชการและแต่งตั้งยศเป็นนายทหารสัญญาบัตร

2.2.4 กพ.ทบ.มีหน้าที่ตรวจสอบความถูกต้องของหลักฐานการบรรจุนายอภิสิทธิ์ โดยต้องยึดถือหลักเกณฑ์ของ ทบ.ดังกล่าวไว้ในข้อ 2.1 กรณีการบรรจุนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เมื่อ สบ.ทบ.ส่งหลักฐานการขออนุมัติบรรจุให้ กพ.ทบ.ซึ่งไม่มีหลักฐานทางทหารไม่ปรากฏว่า กพ.ทบ.ตรวจพบหรือทักท้วงหลักฐานการบรรจุนายอภิสิทธิ์ ที่ไม่มีหลักฐานทางทหารและดำเนินการต่อไปจน กห.มีคำสั่งให้นายอภิสิทธิ์ เข้ารับราชการและแต่งตั้งยศเป็นนายทหารสัญญาบัตร

2.3 การขอใบแทนใบสำคัญ (สด.9) ภายหลังการตรวจเลือกฯ ปี 2530 ของนายอภิสิทธิ์ เมื่อ 8 เม.ย. 2531 ปรากฏว่า พ.ต.ทองคำ เดชเร หัสดีเขตพระโขนง (ปัจจุบันลาออกจากราชการ) ดำเนินการเพื่อออกใบแทนใบสำคัญ (สด.9) ให้กับนายอภิสิทธิ์ จน.ผช.ผอ.เขตพระโขนง ลงนามในใบแทนใบสำคัญ (สด.9) และมอบให้กับนายอภิสิทธิ์ โดยไม่ส่งตัวนายอภิสิทธิ์ดำเนินคดีฐานหลีกเลี่ยงขัดขืนไม่เข้าทำการตรวจเลือกฯ ตั้งแต่ 7 เม.ย. 2530 และ 7 เม.ย. 2531 ตาม พ.ร.บ.รับราชการทหาร พ.ศ.2457 มาตรา 27 และ 45

3.จบ.พิจารณาแล้วมีความเห็นว่า

3.1 กรณีการบรรจุนายอภิสิทธิ์ เป็น อจ.ส่วนการศึกษา รร.จปร.

3.3.1 รร.จปร.ได้ดำเนินการตามหลักเกณฑ์ของระเบียบ กห.ว่าด้วยการบรรจุ การโอน และการบรรจุกลับเข้ารับราชการ พ.ศ.2429 แต่ขัดต่ออนุมัติ ผบ.ทบ.เรื่องหลักเกณฑ์การบรรจุบุคคลเข้ารับราชการเมื่อ 31 พ.ค. 2522 โดยทำหลักฐานเพื่อบรรจุนายอภิสิทธิ์ ซึ่งเป็นบุคคลที่มีคุณลักษณะขัดต่อหลักเกณฑ์ของ ทบ.ที่สามารถบรรจุเข้ารับราชการได้ เนื่องจากนายอภิสิทธิ์ ไม่ผ่านการตรวจเลือกฯ และไม่มีหลักฐานทางทหารนำมาส่งมอบประกอบเอกสารการบรรจุเพราะเป็นคนขาดการตรวจเลือกฯ เมื่อ 7 เม.ย. 2530 หากจะดำเนินการบรรจุเข้ารับราชการต้องภายหลังนายอภิสิทธิ์ ถูกส่งตัวดำเนินคดีตาม พ.ร.บ.รับราชการทหาร พ.ศ.2487 ตามมาตรา 27 และ 45 พร้อมกับส่งตัวเข้ากองประจำการจนครบกำหนดก่อน

แต่ปรากฏว่า เจ้าหน้าที่กำลังพล รร.จปร.เพิกเฉยไม่ปฏิบัติตามอนุมัติ ผบ.ทบ.ดังกล่าวข้างต้น แม้ว่า สบ.ทบ.จะได้ทักท้วงแล้วถือได้ว่า เป็นความบกพร่องของเจ้าหน้าที่กำลังพลในขณะนั้นคือ พ.อ.สมศักดิ์ พุ่มนิคม รอง ลก.บก.ทหารสูงสุด(รองเลขานุการกองบัญชาการทหารสูงสุด) ขณะเป็น ทก.กกพ.รร.จปร., (กองกำลังพล รร.จปร.)ส่วน พล.อ.เผด็จ วัฒนะภูติ ขณะเป็น รอง ผบ.รร.จปร.ซึ่งรับผิดชอบงานด้านกำลังพล และ พล.อ.นิยม ศันสมาคม ขณะเป็น ผบ.รร.จปร.บุคคลทั้งสองปัจจุบันเกษียณอายุราชการ ซึ่งจะต้องควบคุมกำกับดูแลการปฏิบัติงานของ รร.จปร.ทั้งหมด

3.1.2 สบ.ทบ.มีหน้าที่ตรวจสอบหลักฐานขออนุมัติบรรจุบุคคลเข้ารับราชการและเอกสารประกอบของนายอภิสิทธิ์ที่ รร.จปร.ส่งเรื่องมาโดยต้องยึดถือหลักเกณฑ์การพิจารณาตรวจสอบเช่นเดียวกับ รร.จปร. และการที่ สบ.ทบ.มีหนังสือทักท้วง รร.จปร.ขอให้แก้ไขและส่งเอกสารเพิ่มเติมโดยเฉพาะหลักฐานการผ่อนผันการเกณฑ์ทหารของนายอภิสิทธิ์ ซึ่ง รร.จปร.ก็จะต้องส่งหลักฐานตามที่ สบ.ทบ.ได้ทักท้วง

เมื่อ สบ.ทบ.ได้รับเอกสารแล้วต้องตรวจพบว่า ขาดหลักฐานการผ่อนผันการเกณฑ์ทหารซึ่งเป็นเอกสารสำคัญในการบรรจุบุคคลเข้ารับราชการ สบ.ทบ.ก็จะต้องทักท้วงทำให้ไม่สามารถบรรจุนายอภิสิทธิ์ได้

แต่เมื่อ กห.มีคำสั่งแต่งตั้งให้นายอภิสิทธิ์ เป็นนายทหารสัญญาบัตร แสดงให้เห็นว่า สบ.ทบ.และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องบกพร่องต่อหน้าที่ในการตรวจสอบเอกสารการบรรจุในครั้งนี้ ซึ่งได้แก่ พ.อ.คง หงษ์ทอง ขณะเป็น หน.แผนกบรรจุฯ กคว.สบ.ทบ., พ.อ.ประหยัด คล้ายทอง หก.กคว.สบ.ทบ.,พล.ท.มานิต ทรัพย์สกุล ขณะเป็น รอง จก.สบ.ทบ. และ พล.อ.วีระ เสวิกุล ขณะเป็น จก.สบ.ทบ. บุคคลเหล่านี้ปัจจุบันเกษียณอายุราชการ

3.1.3 กพ.ทบ.มีหน้าที่ตรวจสอบหลักฐานขออนุมัติบรรจุบุคคลเข้ารับราชการและเอกสารประกอบของนายอภิสิทธิ์ที่ สบ.ทบ.ส่งเรื่องมาโดยต้องยึดถือหลักเกณฑ์การพิจารณาตรวจสอบเช่นเดียวกับ รร.จปร.และ สบ.ทบ. เมื่อ กพ.ทบ.ได้รับเอกสารแล้วต้องตรวจพบว่า ขาดหลักฐานการผ่อนผันการเกณฑ์ทหารซึ่งเป็นเอกสารสำคัญในการบรรจุบุคคลเข้ารับราชการ กพ.ทบ.ก็จะต้องทักท้วงทำให้ไม่สามารถบรรจุนายอภิสิทธิ์ได้

แต่เมื่อ กห.มีคำสั่งแต่งตั้งให้นายอภิสิทธิ์เป็นนายทหารสัญญาบัตรแสดงให้เห็นว่า กพ.ทบ.และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องบกพร่องต่อหน้าที่ในการตรวจสอบเอกสารการบรรจุในครั้งนี้ ซึ่งได้แก่ พ.อ.หญิง สายไสว มาสมบูรณ์ ประจำ กพ.ทบ.ขณะเป็น หน.แผนก กจก.กพ.ทบ., พล.ต.ณรงค์ สารรักษ์ ผทค.ทบ.ขณะเป็น หก.กจก.กพ.ทบ., ส่วน พล.อ.ชัยวุฒิ ศรีมาศ ขณะเป็น รอง จก.กพ.ทบ. และ พล.อ.ประเสริฐ สารฤทธิ์ ขณะเป็น จก.กพ.ทบ.ปัจจุบันเกษียณอายุราชการ

3.2 หน่วยสัสดีเขตพระโขนง เป็นหน่วยที่รับผิดชอบการลงบัญชีทหารกองเกินและการตรวจเลือกทหารกองเกินเข้ากองประจำการตาม พ.ร.บ.รับราชการทหาร พ.ศ.2487 และคำสั่ง ทบ.ที่ 1173/2528 ลง 25 ธ.ค. 2528 โดยมี พ.ต.ทองคำ เดชเร เป็นสัสดีเขตพระโขนงในปี 2530 ภายหลังที่นายอภิสิทธิ์เป็นคนขาดการตรวจเลือกตั้งแต่ 7 เม.ย. 2530 ซึ่งในขั้นตอนการตรวจสอบก่อนออกใบแทนใบสำคัญ (สด.9) ให้ พ.ต.ทองคำต้องตรวจพบว่านายอภิสิทธิ์ เป็นคนขาดการตรวจเลือกและต้องสั่งตัวดำเนินคดีตามความผิด แต่ พ.ต.ทองคำ ไม่ส่งตัวนายอภิสิทธิ์ดำเนินคดี แสดงให้เห็นว่า พ.ต.ทองคำละเว้นการปฏิบัติหน้าที่มีมูลความผิดทางอาญา

3.3 บุคคลที่บกพร่องต่อหน้าที่ในการดำเนินการบรรจุนายอภิสิทธิ์ เข้ารับราชการในครั้งนี้บางนายได้เกษียณอายุราชการ, บางนายรับราชการนอกสังกัด ทบ. และบางนายเป็นนายทหารชั้นนายพลซึ่งไม่สามารถรับทัณฑ์ทางวินัยได้

คงมีบุคคลที่จะต้องได้รับทัณฑ์เพียงผู้เดียวคือ พ.อ.หญิง สายไสว มาสมบูรณ์ ประจำ กพ.ทบ.ขณะปฏิบัติหน้าที่ หน.แผนก กจก.กพ.ทบ.

4.ข้อเสนอ เห็นควรดำเนินการกับบุคคลที่เกี่ยวข้องดังนี้

4.1 ลงทัณฑ์ทางวินัยต่อ พ.อ.หญิง สายไสว มาสมบูรณ์ ประจำ กพ.ทบ.

4.2 ดำเนินคดีอาญาต่อ พ.ต.ทองคำ เดชเร

จึงเรียนมาเพื่อกรุณาพิจารณา หากเห็นสมควร กรุณาอนุมัติในข้อ 4

[Solidus]

มติชนเพิ่งเอามาลงมีภาพเอกสารประกอบด้วยแต่เล็กไปอ่านไม่ค่อยออก
คิดว่าข้อมูลชุดนี้น่าจะเป็นไพ่ใบสุดท้ายของฝ่ายสามเกลอแล้วครับ

ก็รอดูการอธิบายจากฝ่ายคุณอภิสิทธิ์ว่าจะเคลียร์เรื่องนี้ได้ดีแค่ไหนนะครับ



http://www.matichon.co.th/news_detail.p ... 0&catid=01
มติชนออนไลน์ วันที่ 09 ธันวาคม พ.ศ. 2551 เวลา 08:09:14 น.
----------------------------------------------------------------------------------------------------
งัดไม้ตายสกัด"อภิสิทธิ์"นั่งนายกฯ"สามเกลอ"ชูเอกสาร"ลับ"ทบ.ซัดหนีทหาร-บรรจุ อจ. รร.จปร.ขัดกฎหมาย
หากจะดำเนินการบรรจุเข้ารับราชการทหารต้องภายหลังนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ถูกส่งตัวดำเนินคดีตาม พ.ร.บ.รับราชการทหาร พ.ศ.2487 พร้อมกับส่งตัวเข้ากองประจำการจนครบกำหนดก่อน

นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย1 ใน 3 พิธีกรรายการ"ความจริงวันนี้"ได้นำสำเนาเอกสารที่ แจกจ่ายให้สื่อมวลชนระหว่างแถลงข่าวทักท้วงการเสนอชื่อนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 8 ธันวาคม ที่พรรคเพื่อไทยโดย อ้างว่าเป็นเอกสาร "ลับ" ที่ พล.ต.วันชัย อิทธิวิบูลย์ เจ้ากรมจเร
ทหารบก (จก.ทบ.) ทำเสนอผู้บัญชาการกองทัพบก (ผบ.ทบ.) เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2542 เรื่อง "รายงานผลการสอบสวนกรณีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เข้ารับราชการที่โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้าฯ (รร.จปร.)"

ผลสอบสวนตามเอกสารดังกล่าวระบุว่า การบรรจุนายอภิสิทธิ์เข้ารับราชการบกพร่องและไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์และกฎหมายที่กำหนดโดยไม่มีการส่งตัวไปดำเนินคดีตาม พ.ร.บ.รับราชการทหาร พ.ศ.2487 ก่อน

เอกสารลับดังกล่าวมีรายละเอียดดังนี้
-----------------------
เรียน ผบ.ทบ. (ผ่าน กพ.ทบ.)

อ้างถึง อนุมัติ ผบ.ทบ.ท้ายหนังสือ กสร.ทบ.ลับ ที่ กห 0426/654 ลง 8 มี.ค. 2542 เรื่องตรวจสอบข้อมูลการตรวจเลือกฯ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ

สิ่งที่ส่งมาด้วย รายงานผลการสอบสวนพร้อมเอกสารประกอบ จำนวน 292 แผ่น

1.ผบ.ทบ.สั่งการตามอ้างถึงให้ จบ.(จเรทหารบก)สอบสวนข้อเท็จจริง กรณี กสร.ทบ.(กรมการกำลังสำรองทหารบก )ตรวจพบว่า นายอภิสิทธิ์ ขาดการตรวจเลือกฯ ปี 2530 และการบรรจุนายอภิสิทธิ์เข้ารับราชการทหารเป็น อจ.ส่วนการศึกษา รร.จปร.อาจใช้หลักฐานทางทหารไม่ถูกต้อง

2.จบ.แต่งตั้งให้ พ.อ.สมบูรณ์ เมฆประยูร และ พ.ต.สมโชค ไกรศิริ เป็นเจ้าหน้าที่สอบสวน มีข้อเท็จจริงโดยละเอียดตามสิ่งที่ส่งมาด้วย สรุปได้ดังนี้

2.1 การบรรจุบุคคลพลเรือนเข้ารับราชการของ ทบ.ต้องปฏิบัติตามระเบียบ ก.พ.ว่าด้วยการบรรจุ การโอน และการบรรจุกลับเข้ารับราชการ พ.ศ.2524 ประกอบกับอนุมัติ ผบ.ทบ.เรื่องหลักเกณฑ์การบรรจุบุคคลเข้ารับราชการของ ทบ. เมื่อ 28 พ.ย. 2528 และอนุมัติ ผบ.ทบ.เรื่องหลักฐานการบรรจุบุคคลเข้ารับราชการฯ เมื่อ 7 ม.ย. 2522 ซึ่งมีผลบังคับใช้จนถึงปัจจุบันสรุปว่า บุคคลพลเรือนประเภทชายที่สามารถบรรจุเข้ารับราชการทหารได้แบ่งคุณลักษณะไว้ 2 พวกคือ ผู้ที่อายุยังไม่ครบเกณฑ์ทหารโดยมีอายุระหว่าง 18-20 ปี หลักฐานทางทหารที่ใช้ประกอบการบรรจุได้แก่ใบสำคัญ (สด.9) และผู้ที่ต้องผ่านการเกณฑ์ทหารแล้วโดยมีอายุตั้งแต่ 21 ปีขึ้นไปหลักฐานทางการต้องใช้ใบสำคัญ (สด.9) และใบรับรองผลฯ (สด.43) ประกอบกับหลักเกณฑ์ของ ทบ.เรื่องนี้ โดยเฉพาะอายุของผู้ที่จะบรรจุเข้ารับราชการกำหนดไว้สอดคล้องกับ พ.ร.บ.รับราชการทหาร พ.ศ.2497

2.2 กรณีการบรรจุนายอภิสิทธิ์ เข้ารับราชการเป็น อจ.ส่วนการศึกษา รร.จปร. หน่วยที่เกี่ยวข้องกับการบรรจุประกอบด้วย รร.จปร.เป็นหน่วยขอรับการบรรจุ, สบ.ทบ.(กรมสารบรรณทหารบก)และ กพ.ทบ.(กรมกำลังพลทหารบก)เป็นหน่วยตรวจสอบหลักฐานการบรรจุ ปรากฏว่า

2.2.1 นายอภิสิทธิ์ มีอายุเกิน 21 ปี ขณะสมัครเข้ารับราชการทหารที่ รร.จปร.โดยมีอายุ 21 ปี จึงมีคุณลักษณะของการเข้ารับราชการโดยต้องผ่านการตรวจเลือกทหารแล้วหรือมีสิทธิผ่อนผัน ซึ่งต้องใช้หลักฐานทางทหารคือใบสำคัญ (สด.9) และใบรับรองผลฯ (สด.43) ประกอบกับเท่านั้น

แต่เมื่อ 7 เม.ย. 2530 นายอภิสิทธิ์ ได้หลีกเลี่ยงขัดขืนไม่เข้าทำการตรวจเลือกฯ ปี 2530 และเป็นคนขาดการตรวจเลือกฯ ที่มีความผิดตาม พ.ร.บ.รับราชการทหาร พ.ศ.2497 มาตรา 27 และ 45 นายอภิสิทธิ์จึงไม่มีหลักฐานทางทหารเพื่อประกอบเอกสารการบรรจุ

2.2.2 รร.จปร.ดำเนินการทำหลักฐานขออนุมัติบรรจุนายอภิสิทธิ์ โดยต้องยึดถือหลักเกณฑ์ของ ทบ.ดังกล่าวไว้ในข้อ 2.1 และส่งเรื่องให้ สบ.ทบ.ตรวจสอบ แต่หลักฐานการบรรจุที่ รร.จปร.ดำเนินการ ไม่มีหลักฐานทางทหารประกอบการบรรจุซึ่ง รร.จปร.ทำหนังสือขออนุมัติบรรจุถึง สบ.ทบ.เมื่อ 18 มี.ค. 2530 สบ.ทบ.ตรวจสอบและทำหนังสือทักท้วงถึง รร.จปร.เมื่อ 31 มี.ค. 2530 ให้ รร.จปร.แก้ไขเอกสารและเพิ่มเติมหลักฐานทางทหารหนังสือผ่อนผันการเกณฑ์ทหาร

รร.จปร.ได้แก้ไขเอกสารตามการทักท้วงโดยไม่มีหลักฐานทางทหารเนื่องจากนายอภิสิทธิ์เป็นคนขาดการตรวจเลือกฯ เมื่อ 7 เม.ย. 2530 และส่งเรื่องขออนุมัติบรรจุให้ สบ.ทบ.จนกระทั่ง กห.มีคำสั่งให้นายอภิสิทธิ์เข้ารับราชการและแต่งตั้งยศเป็นนายทหารสัญญาบัตร

2.2.3 สบ.ทบ.มีหน้าที่ตรวจสอบหลักฐานและเอกสารประกอบการบรรจุโดยต้องยึดถือหลักเกณฑ์ของ ทบ.ดังกล่าวไว้ในข้อ 2.1 กรณีการบรรจุนายอภิสิทธิ์ สบ.ทบ.ได้มีหนังสือทักท้วงเมื่อ 31 มี.ค. 2530 ว่า รร.จปร.ต้องแก้ไขหลักฐานการบรรจุและส่งเอกสารหลักฐานทางทหารเพิ่มเติมได้แก่หนังสือผ่อนผันการเกณฑ์ทหาร

ภายหลัง รร.จปร.ได้ส่งหลักฐานการบรรจุนายอภิสิทธิ์ที่ได้แก้ไขโดยไม่มีหลักฐานทางทหารเพิ่มเติมไปให้ สบ.ทบ. ไม่ปรากฏว่า สบ.ทบ.ได้ทำการทักท้วงความไม่ถูกต้องครบถ้วนของเอกสารหลักฐานทางทหารแต่อย่างใด จนกระทั่งกระทรวงกลาโหม (กห.) มีคำสั่งให้นายอภิสิทธิ์ เข้ารับราชการและแต่งตั้งยศเป็นนายทหารสัญญาบัตร

2.2.4 กพ.ทบ.มีหน้าที่ตรวจสอบความถูกต้องของหลักฐานการบรรจุนายอภิสิทธิ์ โดยต้องยึดถือหลักเกณฑ์ของ ทบ.ดังกล่าวไว้ในข้อ 2.1 กรณีการบรรจุนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เมื่อ สบ.ทบ.ส่งหลักฐานการขออนุมัติบรรจุให้ กพ.ทบ.ซึ่งไม่มีหลักฐานทางทหารไม่ปรากฏว่า กพ.ทบ.ตรวจพบหรือทักท้วงหลักฐานการบรรจุนายอภิสิทธิ์ ที่ไม่มีหลักฐานทางทหารและดำเนินการต่อไปจน กห.มีคำสั่งให้นายอภิสิทธิ์ เข้ารับราชการและแต่งตั้งยศเป็นนายทหารสัญญาบัตร

2.3 การขอใบแทนใบสำคัญ (สด.9) ภายหลังการตรวจเลือกฯ ปี 2530 ของนายอภิสิทธิ์ เมื่อ 8 เม.ย. 2531 ปรากฏว่า พ.ต.ทองคำ เดชเร หัสดีเขตพระโขนง (ปัจจุบันลาออกจากราชการ) ดำเนินการเพื่อออกใบแทนใบสำคัญ (สด.9) ให้กับนายอภิสิทธิ์ จน.ผช.ผอ.เขตพระโขนง ลงนามในใบแทนใบสำคัญ (สด.9) และมอบให้กับนายอภิสิทธิ์ โดยไม่ส่งตัวนายอภิสิทธิ์ดำเนินคดีฐานหลีกเลี่ยงขัดขืนไม่เข้าทำการตรวจเลือกฯ ตั้งแต่ 7 เม.ย. 2530 และ 7 เม.ย. 2531 ตาม พ.ร.บ.รับราชการทหาร พ.ศ.2457 มาตรา 27 และ 45

3.จบ.พิจารณาแล้วมีความเห็นว่า

3.1 กรณีการบรรจุนายอภิสิทธิ์ เป็น อจ.ส่วนการศึกษา รร.จปร.

3.3.1 รร.จปร.ได้ดำเนินการตามหลักเกณฑ์ของระเบียบ กห.ว่าด้วยการบรรจุ การโอน และการบรรจุกลับเข้ารับราชการ พ.ศ.2429 แต่ขัดต่ออนุมัติ ผบ.ทบ.เรื่องหลักเกณฑ์การบรรจุบุคคลเข้ารับราชการเมื่อ 31 พ.ค. 2522 โดยทำหลักฐานเพื่อบรรจุนายอภิสิทธิ์ ซึ่งเป็นบุคคลที่มีคุณลักษณะขัดต่อหลักเกณฑ์ของ ทบ.ที่สามารถบรรจุเข้ารับราชการได้ เนื่องจากนายอภิสิทธิ์ ไม่ผ่านการตรวจเลือกฯ และไม่มีหลักฐานทางทหารนำมาส่งมอบประกอบเอกสารการบรรจุเพราะเป็นคนขาดการตรวจเลือกฯ เมื่อ 7 เม.ย. 2530 หากจะดำเนินการบรรจุเข้ารับราชการต้องภายหลังนายอภิสิทธิ์ ถูกส่งตัวดำเนินคดีตาม พ.ร.บ.รับราชการทหาร พ.ศ.2487 ตามมาตรา 27 และ 45 พร้อมกับส่งตัวเข้ากองประจำการจนครบกำหนดก่อน

แต่ปรากฏว่า เจ้าหน้าที่กำลังพล รร.จปร.เพิกเฉยไม่ปฏิบัติตามอนุมัติ ผบ.ทบ.ดังกล่าวข้างต้น แม้ว่า สบ.ทบ.จะได้ทักท้วงแล้วถือได้ว่า เป็นความบกพร่องของเจ้าหน้าที่กำลังพลในขณะนั้นคือ พ.อ.สมศักดิ์ พุ่มนิคม รอง ลก.บก.ทหารสูงสุด(รองเลขานุการกองบัญชาการทหารสูงสุด) ขณะเป็น ทก.กกพ.รร.จปร., (กองกำลังพล รร.จปร.)ส่วน พล.อ.เผด็จ วัฒนะภูติ ขณะเป็น รอง ผบ.รร.จปร.ซึ่งรับผิดชอบงานด้านกำลังพล และ พล.อ.นิยม ศันสมาคม ขณะเป็น ผบ.รร.จปร.บุคคลทั้งสองปัจจุบันเกษียณอายุราชการ ซึ่งจะต้องควบคุมกำกับดูแลการปฏิบัติงานของ รร.จปร.ทั้งหมด

3.1.2 สบ.ทบ.มีหน้าที่ตรวจสอบหลักฐานขออนุมัติบรรจุบุคคลเข้ารับราชการและเอกสารประกอบของนายอภิสิทธิ์ที่ รร.จปร.ส่งเรื่องมาโดยต้องยึดถือหลักเกณฑ์การพิจารณาตรวจสอบเช่นเดียวกับ รร.จปร. และการที่ สบ.ทบ.มีหนังสือทักท้วง รร.จปร.ขอให้แก้ไขและส่งเอกสารเพิ่มเติมโดยเฉพาะหลักฐานการผ่อนผันการเกณฑ์ทหารของนายอภิสิทธิ์ ซึ่ง รร.จปร.ก็จะต้องส่งหลักฐานตามที่ สบ.ทบ.ได้ทักท้วง

เมื่อ สบ.ทบ.ได้รับเอกสารแล้วต้องตรวจพบว่า ขาดหลักฐานการผ่อนผันการเกณฑ์ทหารซึ่งเป็นเอกสารสำคัญในการบรรจุบุคคลเข้ารับราชการ สบ.ทบ.ก็จะต้องทักท้วงทำให้ไม่สามารถบรรจุนายอภิสิทธิ์ได้

แต่เมื่อ กห.มีคำสั่งแต่งตั้งให้นายอภิสิทธิ์ เป็นนายทหารสัญญาบัตร แสดงให้เห็นว่า สบ.ทบ.และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องบกพร่องต่อหน้าที่ในการตรวจสอบเอกสารการบรรจุในครั้งนี้ ซึ่งได้แก่ พ.อ.คง หงษ์ทอง ขณะเป็น หน.แผนกบรรจุฯ กคว.สบ.ทบ., พ.อ.ประหยัด คล้ายทอง หก.กคว.สบ.ทบ.,พล.ท.มานิต ทรัพย์สกุล ขณะเป็น รอง จก.สบ.ทบ. และ พล.อ.วีระ เสวิกุล ขณะเป็น จก.สบ.ทบ. บุคคลเหล่านี้ปัจจุบันเกษียณอายุราชการ

3.1.3 กพ.ทบ.มีหน้าที่ตรวจสอบหลักฐานขออนุมัติบรรจุบุคคลเข้ารับราชการและเอกสารประกอบของนายอภิสิทธิ์ที่ สบ.ทบ.ส่งเรื่องมาโดยต้องยึดถือหลักเกณฑ์การพิจารณาตรวจสอบเช่นเดียวกับ รร.จปร.และ สบ.ทบ. เมื่อ กพ.ทบ.ได้รับเอกสารแล้วต้องตรวจพบว่า ขาดหลักฐานการผ่อนผันการเกณฑ์ทหารซึ่งเป็นเอกสารสำคัญในการบรรจุบุคคลเข้ารับราชการ กพ.ทบ.ก็จะต้องทักท้วงทำให้ไม่สามารถบรรจุนายอภิสิทธิ์ได้

แต่เมื่อ กห.มีคำสั่งแต่งตั้งให้นายอภิสิทธิ์เป็นนายทหารสัญญาบัตรแสดงให้เห็นว่า กพ.ทบ.และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องบกพร่องต่อหน้าที่ในการตรวจสอบเอกสารการบรรจุในครั้งนี้ ซึ่งได้แก่ พ.อ.หญิง สายไสว มาสมบูรณ์ ประจำ กพ.ทบ.ขณะเป็น หน.แผนก กจก.กพ.ทบ., พล.ต.ณรงค์ สารรักษ์ ผทค.ทบ.ขณะเป็น หก.กจก.กพ.ทบ., ส่วน พล.อ.ชัยวุฒิ ศรีมาศ ขณะเป็น รอง จก.กพ.ทบ. และ พล.อ.ประเสริฐ สารฤทธิ์ ขณะเป็น จก.กพ.ทบ.ปัจจุบันเกษียณอายุราชการ

3.2 หน่วยสัสดีเขตพระโขนง เป็นหน่วยที่รับผิดชอบการลงบัญชีทหารกองเกินและการตรวจเลือกทหารกองเกินเข้ากองประจำการตาม พ.ร.บ.รับราชการทหาร พ.ศ.2487 และคำสั่ง ทบ.ที่ 1173/2528 ลง 25 ธ.ค. 2528 โดยมี พ.ต.ทองคำ เดชเร เป็นสัสดีเขตพระโขนงในปี 2530 ภายหลังที่นายอภิสิทธิ์เป็นคนขาดการตรวจเลือกตั้งแต่ 7 เม.ย. 2530 ซึ่งในขั้นตอนการตรวจสอบก่อนออกใบแทนใบสำคัญ (สด.9) ให้ พ.ต.ทองคำต้องตรวจพบว่านายอภิสิทธิ์ เป็นคนขาดการตรวจเลือกและต้องสั่งตัวดำเนินคดีตามความผิด แต่ พ.ต.ทองคำ ไม่ส่งตัวนายอภิสิทธิ์ดำเนินคดี แสดงให้เห็นว่า พ.ต.ทองคำละเว้นการปฏิบัติหน้าที่มีมูลความผิดทางอาญา

3.3 บุคคลที่บกพร่องต่อหน้าที่ในการดำเนินการบรรจุนายอภิสิทธิ์ เข้ารับราชการในครั้งนี้บางนายได้เกษียณอายุราชการ, บางนายรับราชการนอกสังกัด ทบ. และบางนายเป็นนายทหารชั้นนายพลซึ่งไม่สามารถรับทัณฑ์ทางวินัยได้

คงมีบุคคลที่จะต้องได้รับทัณฑ์เพียงผู้เดียวคือ พ.อ.หญิง สายไสว มาสมบูรณ์ ประจำ กพ.ทบ.ขณะปฏิบัติหน้าที่ หน.แผนก กจก.กพ.ทบ.

4.ข้อเสนอ เห็นควรดำเนินการกับบุคคลที่เกี่ยวข้องดังนี้

4.1 ลงทัณฑ์ทางวินัยต่อ พ.อ.หญิง สายไสว มาสมบูรณ์ ประจำ กพ.ทบ.

4.2 ดำเนินคดีอาญาต่อ พ.ต.ทองคำ เดชเร

จึงเรียนมาเพื่อกรุณาพิจารณา หากเห็นสมควร กรุณาอนุมัติในข้อ 4

ในผลสอบก็สรุปแล้วนี่ว่าอภิสิทธิ์ไม่ผิด แต่เป็นความผิดของเจ้าหน้าที่ ถ้าจะให้ชัดต้องดูผลอนุมัติ และ ผบ.ทบ. ขณะนั้นก็บอกเองว่าขาดส่งหลักฐานทางทหาร ซึ่งมีฐานความผิดเพียงโทษปรับ และถ้าอภิสิทธิ์เพิ่งกลับจากต่างประเทศก็จะเข้าข่าย
มาตรา 27 ...เว้นแต่
(2) นักเรียนซึ่งออกไปศึกษาวิชา ณ ต่างประเทศ ตามที่กำหนด ในกฎกระทรวง

[mafia]

สามเกลอเตรียมตัวหน้าแหกอีกรอบ 5555

[loginofu]

เอ...ระหว่างเขามาแจ้งความประสงค์เข้ารับข้าราชการก่อน เลยไม่มีคดี
กับมีคดีก่อน แล้วค่อยมารับราชการ
ถ้าเป็นไปได้ อยากให้เป็นอย่างไหน และแบบไหนยุ่งยากกว่ากัน
(ถ้าเข้ามาก่อนโดนฟ้องดำเนินคดี มันต้องไปเสียเวลาดำเนินคดีทำไมหว่า
ก็รับผลของคดีแล้ว ไม่ว่าจะดำเนินคดีหรือไม่มันต่างกันตรงไหน)

[ตับเหล็ก]

แล้วทำไมไม่ออกมาชี้แจงให้เขารู้ไปเลย ออกแถลงข่าวไปเลย
ไม่ต้องเลี่ยงนักข่าวเวลาถาม

[8omuj]

แล้วทำไมไม่ออกมาชี้แจงให้เขารู้ไปเลย ออกแถลงข่าวไปเลย
ไม่ต้องเลี่ยงนักข่าวเวลาถาม

ต้องเตี้ยมกันก่อนครับ เด๋วผิดสคริป

[saopao]

แล้วทำไมไม่ออกมาชี้แจงให้เขารู้ไปเลย ออกแถลงข่าวไปเลย
ไม่ต้องเลี่ยงนักข่าวเวลาถาม

ถึงจะแถลงให้ตาย ถึงจะมีหลักฐานยืนยัน ถึงจะมีรูปมาให้ดู
แต่ คุณ กับคุณ
ก็ไม่เชื่อหรอกครับ

เพราะ หนีคดีเป็นเรื่องบ้านๆ หนีทหารเป็นเรื่องระดับโลก

[ตับเหล็ก]

แล้วทำไมไม่ออกมาชี้แจงให้เขารู้ไปเลย ออกแถลงข่าวไปเลย
ไม่ต้องเลี่ยงนักข่าวเวลาถาม

ถึงจะแถลงให้ตาย ถึงจะมีหลักฐานยืนยัน ถึงจะมีรูปมาให้ดู
แต่ คุณ กับคุณ
ก็ไม่เชื่อหรอกครับ

เพราะ หนีคดีเป็นเรื่องบ้านๆ หนีทหารเป็นเรื่องระดับโลก

น้องชายใครก็หนีคดีโกงนะ..ที่ปรึกษา ปชป. ใช่ป่ะ

[saopao]

น้องชายใครก็หนีคดีโกงนะ..ที่ปรึกษา ปชป. ใช่ป่ะ

อ๋อผมหมายถึงทักษิณน่ะครับ ... ที่หนีคดีน่ะ ไม่ต้องมาแกล้งโง่ อ่านข่าวซะมั่ง..
น้องที่ปรึกษาพรรคปชป.เหรอ..ใครหว่า ไปลดตำแหน่งเค้าซะงั้น

[อธิฏฐาน]

ขอบคุณมากค่ะคุณจี ใครข้องใจเรื่องนี้จะลิ้งค์มาให้อ่านกระทู้คุณจีค่ะ

[Caocao]

ไหนๆมันคาใจก็เปิดแถลงพร้อมๆกับลูกชายว่าที่นายกของพรรคเพื่อทุยไปเลยแล้วกัน จะได้จบๆ

[exzcute]

น้องชายใครก็หนีคดีโกงนะ..ที่ปรึกษา ปชป. ใช่ป่ะ

ก็แค่เหมือนที่ นช. ชอบอ้างอย่าเอาลูกเข้ามาเกี่ยวน่ะแหล่ะ
แต่หนีเองนี่ซิ

ปล. ไปกราบอดีตคุณแม่ที่ไม่ต้องหนีคดีหรือยังครับ?

[รอนาย]

ทนายไร้จริยธรรม คือผู้ที่รู้ซึ้งว่าลูกความผิด แต่เพียรหาช่องโหว่ของกระบวนการยุติธรรมให้ลูกความรอด

ถึงมี ความรู้ความสามารถสูงแค่ไหน ก็ไร้ซึ่งศักดิ์ศรีและเกียรติภูมิ

[ต้นหอม]

ทนายไร้จริยธรรม คือผู้ที่รู้ซึ้งว่าลูกความผิด แต่เพียรหาช่องโหว่ของกระบวนการยุติธรรมให้ลูกความรอด

ถึงมี ความรู้ความสามารถสูงแค่ไหน ก็ไร้ซึ่งศักดิ์ศรีและเกียรติภูมิ

"ปื๊ด" เหรอคะ สงสัยจะเป็นคนนี้จริง เพราะพ่อว่าความเองด้วย ลูกก็รอดจริงๆด้วย แต่ทำไมยังมีพวกตาบอดยกย่องเชิดชูคนแบบนี้ได้นะคะ ถึงเกือบจะยกย่องให้เป็นผู้นำ

[Canthai]

ระดับ ผบ.ทบ. สมัยนั้นยังบอกเรื่องเล็กน้อย

เรื่องหนีทหาร ต้องดูเจตนา

ระหว่างไปขอเอกสาร แทน สด.9 ก็เป็น่วงที่กำลังจะขอบรรจุเป็นทหาร เจ้าหน้าที่ย่อมทราบดี

จึงไม่ได้นำตัวไปเข้ากรมกองทันที ไม่เห็นมีอะไร เพราะยังไงก็ต้องไปเป็นทหารอยู่แล้ว

การสอบสวนดูเหมือนจะแปลก ๆ ตามข่าวว่า มีการขอ "ใบ สด.9 ใหม่" แต่ทางผู้ตรวจสอบ บอกว่าขาดหลักฐาน สด.43

มันตลก ๆ ก็ไม่ได้เข้าตรวจเลือก จะได้ สด.43 ได้ยังไง

ฝ่าย โรงเรียนนายร้อย ผู้ทำเรื่องขอบรรจุ ย่อมทราบระเบียบดี คนที่ลงนามก็ย่อมรู้ด้วยวิจารณญาณ

การเมืองมันทำได้ทุกอย่าง ก็สมควรแล้ว ที่ ผบ.ทบ. ยุคนั้นบอกว่าเรื่องเล็กน้อย

จะว่าไป ในเมืองไทยมีใครบ้างมั๊ยที่ติดคุกเพราะหนีทหาร...ลองหามาให้ดูกันหน่อยสิ

[Canthai]

ข่าวหนังสือพิมพ์ วันเสาร์ที่ 6 อาทิตย์ที่ 7 มีนาคม 2542
http://oldforum.serithai.net/index.php/ ... 240.0.html

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ ที่ถูกฝ่ายค้านพรรคความหวังใหม่กล่าวหา"หนีทหาร"และปลอมใบสำคัญทหารกองเกินหรือสด.9 ออกมาให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 6 มีนาคมยืนยันอีกครั้งว่า ไม่เคยมีเจตนา"หนีทหาร" และพร้อมให้ตรวจสอบได้เต็มที่

นายอภิสิทธิ์ระบุเคยชี้แจงหลายครั้งแล้วว่า ตนเดินทางไปเรียนต่างประเทศตั้งแต่เด็กๆ เมื่อกลับมาเมืองไทย ก็สมัครเข้ารับราชการทหารที่โรงเรียนนายร้อยจปร. นำไปสู่การขึ้นทะเบียนเป็นทหารกองประจำการ ซึ่งตรงนี้ต้องถูกตรวจสอบหลักฐานที่เกี่ยวข้องด้านการทหารและประวัติอย่างละเอียดอยู่แล้ว แต่เมื่อฝ่ายค้านยังข้องใจ ก็มีสิทธิขอตรวจสอบได้ ตอนนี้ทางกองทัพรับเรื่องไว้แล้ว ประเด็นปลีกย่อย รายละเอียดต่างๆ กองทัพคงให้ความกระจ่างต่อไป

"ผมไม่เคยมีเจตนาหนีทหาร และในบรรดาบุคคลต่างๆที่ถูกกล่าวหาอยู่ในตอนนี้ ก็มีผมคนเดียวเท่านั้นที่รับราชการทหารมาแล้ว"

แหล่งข่าวจากกองทัพบกยอมรับว่า กองทัพบกมีเอกสารต้นขั้ว สด.9 ที่ออกให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เพื่อบรรจุเป็นทหารกองเกินเมื่อวันที่ 4 ก.ค. 2529 จริง และมีเอกสาร สด.1 ของสัสดีที่ยืนยันการรับ สด.9 ด้วย อย่างไรก็ดี แม้นายอภิสิทธิ์ไม่มารับการตรวจเลือกและไม่ได้รับ สด.43 แต่เมื่อไปรับราชการเป็นข้าราชการพลเรือนสังกัดกระทรวงกลาโหมในวันที่ 7 ส.ค. 2530
ก็ถือว่ามีฐานะเป็นทหาร เท่ากับว่ามาเป็นทหารแล้ว เพียงแต่ไม่ไปแจ้งให้พ้นบัญชีคนขาดเท่านั้น

ส่วนหลักฐานในการสมัครเข้ารับราชการ ต้องไปตรวจสอบที่กระทรวงกลาโหม ไม่ใช่โรงเรียนนายร้อย จปร. ซึ่งกรมกำลังสำรองกำลังรวบรวมให้ ผบ.ทบ. หลังจากแจ้งด้วยวาจาไปแล้วว่าไม่ได้หนีทหาร

สำหรับการที่มีข้อสงสัยว่า เมื่อนายอภิสิทธิ์ไปขอใบแทน สด.9 เมื่อวันที่ 8 เม.ย. 2531 เหตุใดจึงไม่ระบุว่าวันที่บรรจุเป็นทหารกองเกินคือวันที่ 4 ก.ค. 2529 ตาม สด.9 ใบเดิมนั้น แหล่งข่าวอ้างว่า ตามระเบียบไม่ต้องระบุเช่นนั้นใครมาขอขึ้นทะเบียนหรือใบแทนวันไหนก็เป็นทหารกองเกินวันนั้น ซึ่งจะแบ่งเป็น 3 ขั้น ขั้นที่ 1 นับแต่อายุ 21 ปี จนครบ 10 ปี ขั้น 2 ต่อไป 7 ปี
ขั้น3 ต่อไปอีก 6 ปี

"กรณีคุณอภิสิทธิ์ เราพิจารณากันมากว่าผิดหรือไม่ แต่เมื่อเขามีใบ สด.9 ที่ออกให้ในครั้งแรก ก็ไม่ถือว่าฉบับต่อไปปลอมแปลง เพราะเป็นใบแทนได้ ขณะนี้กรณีของคุณอภิสิทธิ์จบแล้ว เพราะถ้ามีความผิด อายุความก็หมดลงแล้วเมื่อตอนที่อายุ 30 ปี" แหล่งข่าวกล่าว

พล.ต.บุญยัง บูชา ผบ.มณฑลที่ 11 กล่าวถึงใบ สด.9 ของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ใช้เข้ารับราชการทหารเป็นของปลอมว่า เท่าที่ได้ตรวจสอบพบว่าไม่ใช่ของปลอมอย่างแน่นอน เพราะไม่จำเป็นจะต้องทำปลอม

เนื่องจากเป็นเพียงแค่การมาขึ้นบัญชีเป็นทหารกองเกินเท่านั้น และเมื่อนายอภิสิทธิ์ทำหายก็สามารถไปแจ้งขอทำใหม่ได้ ไม่ได้ผิดอะไร

นายอภิสิทธิ์ไม่ได้ใช้เอกสารปลอมสมัครเข้ารับราชการทหารขออย่าได้ให้ข่าวบิดเบือน เขาเข้าเป็นอาจารย์สอนโรงเรียน จปร.เอกสารทั้งหมดทางโรงเรียนเป็นผู้ตรวจสอบ และสด.9 ใหม่ทางกองทัพก็เป็นผู้ออกให้

ด้านพล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ผู้บัญชาการทหารบกให้สัมภาษณ์ว่า ได้สั่งกรมการกำลังสำรองทบ.ตรวจสอบเรื่องนายอภิสิทธิ์อยู่ ซึ่งขณะนี้ทางโรงเรียนนายร้อยจปร.ให้คำตอบมาแล้ว ก็จะแจ้งเป็นทางการให้ส.ส.ความหวังใหม่ที่ร้องเรื่องนี้มาทราบต่อไป

"เท่าที่ทราบคงเป็นอย่างที่นายอภิสิทธิ์บอกไว้ คือ หลังกลับจากศึกษาในต่างประเทศ เขาก็สมัครเข้ารับราชการทหารเลย
การที่ยังไม่เกณฑ์ทหาร แล้วมาสมัครรับราชการทหาร พูดถึงเจตนาแล้วถือได้ว่า ไม่ได้หลีกเลี่ยงหนีทหาร คงต้องดูที่เจตนานี้ด้วย"

ส่วนการที่ไม่มีเอกสารสด.9มาใช้เป็นหลักฐานเข้ารับราชการนั้น พล.อ.สุรยุทธ์ระบุว่า ถือเป็นความผิดเล็กน้อย ในขั้นปรับเท่านั้น
และปฏิเสธจะให้ความเห็นกรณีมีการเสนอนิรโทษกรรมผู้หนีทหาร แต่ยอมรับว่า การนิรโทษกรรมจะก่อผลกระทบต่อการคัดเลือกทหารได้

นอกจากนั้นยังยืนยันว่า กองทัพไม่ได้เลือกปฏิบัติในกรณีของนายอภิสิทธิ์เมื่อเทียบกับกรณีของบุตรชาย ร.ต.อ.เฉลิม

แต่กรณีของนายอภิสิทธิ์นั้น ต้องใช้เวลาการตรวจสอบมากกว่า

"ผมไม่หนักใจอะไร เพราะกองทัพทำดีที่สุดเท่าที่จะทำได้แล้ว"

[Robert De Niro]

มาดู นสพ. ฉบับที่อัพเดทเมื่อวานบ้างครับ นสพ.บ้านเมือง วันที่ 9 ธันวาคม พ.ศ.2551

http://www.banmuang.co.th/politic.asp?id=158813

แหล่งข่าวจากกองทัพบกยอมรับว่า กองทัพบกมีเอกสารต้นขั้ว สด.9 ที่ออกให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เพื่อบรรจุเป็นทหารกองเกินเมื่อวันที่ 4 ก.ค.2529 จริง และมีเอกสาร สด.1 ของสัสดีที่ยืนยันการรับ สด.9 ด้วย อย่างไรก็ดี แม้นายอภิสิทธิ์ไม่มารับการตรวจเลือก และไม่ได้รับ สด.43 แต่เมื่อไปรับราชการเป็นข้าราชการพลเรือนสังกัดกระทรวงกลาโหมในวันที่ 7 ส.ค.2530 ก็ถือว่ามีฐานะเป็นทหาร เท่ากับว่ามาเป็นทหารแล้ว เพียงแต่ไม่ไปแจ้งให้พ้นบัญชีคนขาดเท่านั้น ส่วนหลักฐานในการสมัครเข้ารับราชการ ต้องไปตรวจสอบที่กระทรวงกลาโหม ไม่ใช่โรงเรียนนายร้อย จปร. ซึ่งกรมกำลังสำรองกำลังรวบรวมให้ ผบ.ทบ. หลังจากแจ้งด้วยวาจาไปแล้วว่าไม่ได้หนีทหาร

[jerasak]

ทนายไร้จริยธรรม คือผู้ที่รู้ซึ้งว่าลูกความผิด แต่เพียรหาช่องโหว่ของกระบวนการยุติธรรมให้ลูกความรอด

ถึงมี ความรู้ความสามารถสูงแค่ไหน ก็ไร้ซึ่งศักดิ์ศรีและเกียรติภูมิ

บังเอิญผมไม่ใช่ทนาย เป็นได้แค่ "กองเชียร์" ที่อาจไม่มีทางรู้ว่าใครผิดใครถูกจริงๆ
คงไม่อยู่ในข่ายที่คุณ "รอนาย" พูดถึงนะครับ

การหาแง่มุมทางกฎหมายมาอธิบายก็เลยเป็นแค่การหาเรื่องมาคุยกับเพื่อนในบอร์ด
ผิดถูกจริงๆ ตามกฎหมายก็ต้องเป็นเรื่องของกระบวนการยุติธรรมที่จะทำหน้าที่ต่อไป

ส่วนคนที่มีสิทธิอธิบายแก้ต่างจริงๆ ก็คงเป็นผู้ที่ถูกกล่าวหาคือคุณอภิสิทธิ์

...

ว่าแล้วก็คุยกับเพื่อนๆ ในบอร์ดต่อไป...

หลังจากอ่านทบทวนไพ่ใบสุดท้ายของฝ่ายสามเกลอฯ หลายๆ รอบ ผมมีข้อสังเกตเพิ่มเติมว่า
ในการตรวจหลักฐานเพื่อบรรจุคุณอภิสิทธิ์เข้า รร.จปร. ฝ่ายตรวจสอบทราบแล้วว่าคุณอภิสิทธิ์ไม่มี สด.43
และยังทราบด้วยว่าคุณอภิสิทธิ์ไม่ได้เข้ารับการเกณฑ์ทหาร โดยฝ่ายตรวจสอบได้ขอเอกสารเพิ่มเติม
คือ "หนังสือผ่อนผันการเกณฑ์ทหาร"

และตามข้อมูล รร.จปร. ได้ขออนุมัติบรรจุอีกครั้ง โดยที่ฝ่ายตรวจสอบไม่พบว่ามีการขาดส่งเอกสาร
"หนังสือผ่อนผันการเกณฑ์ทหาร" ดังกล่าวแต่อย่างใด กระทั่ง กห.มีคำสั่งให้คุณอภิสิทธิ์เข้ารับราชการ
และแต่งตั้งยศเป็นนายทหารสัญญาบัตรในเวลาต่อมา

...

ดังนั้นที่ผมอยากตั้งข้อสังเกตก็คือ ฝ่ายตรวจสอบทราบอยู่แล้วว่าคุณอภิสิทธิ์ไม่ได้เข้ารับการเกณฑ์ทหาร
จึงได้ขอเอกสารอื่นที่ไ่ม่ใช่ สด.43 คือ "หนังสือผ่อนผันการเกณฑ์ทหาร"

คำถามคือเมื่อ ไ่ม่มีรายงานว่าคุณอภิสิทธิ์ขาดส่ง "หนังสือผ่อนผันการเกณฑ์ทหาร" ทำให้สงสัยว่า

ในครั้งนั้นคุณอภิสิทธิ์ได้ส่ง "หนังสือผ่อนผันการเกณฑ์ทหาร" ประกอบการขออนุมัติบรรจุหรือไม่?

ถ้าคุณอภิสิทธิ์มี "หนังสือผ่อนผันการเกณฑ์ทหาร" ประกอบการสมัครเข้า รร.จปร. อย่างครบถ้วน
(จะหามาอย่างไรก็ตาม) ก็เท่ากับทำถูกต้องตามระเบียบทุกประการ

แต่อาจเป็นไปได้หรือไม่ว่าทางกองทัพทำหลักฐาน "หนังสือผ่อนผันการเกณฑ์ทหาร" ของคุณอภิสิทธิ์
สูญหายในภายหลัง.. แล้วกลายเป็นสรุปย้อนหลังว่าคุณอภิสิทธิ์ขาดส่งหลักฐาน?

ก็เป็นการเสนอความเห็นเล่นๆ แบบเข้าข้าง "ว่าที่นายกฯ" ที่กำลังถูกกล่าวหานะครับ



http://www.matichon.co.th/news_detail.p ... 0&catid=01
มติชนออนไลน์ วันที่ 09 ธันวาคม พ.ศ. 2551 เวลา 08:09:14 น.
----------------------------------------------------------------------------------------------------
2.2.2 รร.จปร.ดำเนินการทำหลักฐานขออนุมัติบรรจุนายอภิสิทธิ์ โดยต้องยึดถือหลักเกณฑ์ของ ทบ.ดังกล่าวไว้ในข้อ 2.1 และส่งเรื่องให้ สบ.ทบ.ตรวจสอบ แต่หลักฐานการบรรจุที่ รร.จปร.ดำเนินการ ไม่มีหลักฐานทางทหารประกอบการบรรจุซึ่ง รร.จปร.ทำหนังสือขออนุมัติบรรจุถึง สบ.ทบ.เมื่อ 18 มี.ค. 2530 สบ.ทบ.ตรวจสอบและทำหนังสือทักท้วงถึง รร.จปร.เมื่อ 31 มี.ค. 2530 ให้ รร.จปร.แก้ไขเอกสารและเพิ่มเติมหลักฐานทางทหารหนังสือผ่อนผันการเกณฑ์ทหาร

รร.จปร.ได้แก้ไขเอกสารตามการทักท้วงโดยไม่มีหลักฐานทางทหารเนื่องจากนายอภิสิทธิ์เป็นคนขาดการตรวจเลือกฯ เมื่อ 7 เม.ย. 2530 และส่งเรื่องขออนุมัติบรรจุให้ สบ.ทบ.จนกระทั่ง กห.มีคำสั่งให้นายอภิสิทธิ์เข้ารับราชการและแต่งตั้งยศเป็นนายทหารสัญญาบัตร

2.2.3 สบ.ทบ.มีหน้าที่ตรวจสอบหลักฐานและเอกสารประกอบการบรรจุโดยต้องยึดถือหลักเกณฑ์ของ ทบ.ดังกล่าวไว้ในข้อ 2.1 กรณีการบรรจุนายอภิสิทธิ์ สบ.ทบ.ได้มีหนังสือทักท้วงเมื่อ 31 มี.ค. 2530 ว่า รร.จปร.ต้องแก้ไขหลักฐานการบรรจุและส่งเอกสารหลักฐานทางทหารเพิ่มเติมได้แก่หนังสือผ่อนผันการเกณฑ์ทหาร

ภายหลัง รร.จปร.ได้ส่งหลักฐานการบรรจุนายอภิสิทธิ์ที่ได้แก้ไขโดยไม่มีหลักฐานทางทหารเพิ่มเติมไปให้ สบ.ทบ. ไม่ปรากฏว่า สบ.ทบ.ได้ทำการทักท้วงความไม่ถูกต้องครบถ้วนของเอกสารหลักฐานทางทหารแต่อย่างใด จนกระทั่งกระทรวงกลาโหม (กห.) มีคำสั่งให้นายอภิสิทธิ์ เข้ารับราชการและแต่งตั้งยศเป็นนายทหารสัญญาบัตร

[jerasak]

จากเอกสารโจมตีกรณีอภิสิทธิ์หนีทหาร มีการอ้างกฎหมายผิดๆ คือ พรบ.รับราชการทหาร พ.ศ. 2487
ความจริงแล้วไม่มี พรบ. ปี พ.ศ. ดังกล่าว มีแต่ฉบับปี พ.ศ. 2497 ที่ออกมาใช้แทนฉบับปี พ.ศ. 2479
ดังนั้นที่โพสต์และ forward โจมตีกันมาตั้งแต่ปลายปีที่แล้วอ้างกฎหมายผิดพลาดทั้งนั้น

ตาม พรบ.รับราชการทหาร พ.ศ. 2497 (แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. 2515) บัญญัติเกี่ยวกับ
การผ่อนผันการเกณฑ์ทหาร ดังนี้

http://www.thaichicago.net/ebook/law/militserv1.pdf

---

มาตรา 27 ทหารกองเกินซึ่งถูกเรียกต้องมาให้คณะกรรมการ ตรวจเลือกทำการตรวจเลือกตามกำหนดหมายนั้น
โดยนำใบสำคัญทหารกองเกิน บัตรประจำตัวประชาชนและประกาศนียบัตรหรือหลักฐานการ ศึกษามาแสดงด้วย
ถ้าไม่มาหรือมาแต่ไม่เข้ารับการตรวจเลือก หรือไม่อยู่ จนกว่าการตรวจเลือกแล้วเสร็จ ให้ถือว่าทหารกองเกินนั้น
หลีกเลี่ยง ขัดขืนไม่มาให้คณะกรรมการตรวจเลือกทำการตรวจเลือก เว้นแต่

(1) ข้าราชการซึ่งได้รับคำสั่งของผู้บังคับบัญชาโดยปัจจุบัน ทันด่วนให้ไปราชการอันสำคัญยิ่ง หรือไปราชการ
ต่างประเทศโดยคำสั่ง ของเจ้ากระทรวง
(2) นักเรียนซึ่งออกไปศึกษาวิชา ณ ต่างประเทศ ตามที่กำหนด ในกฎกระทรวง
(3) ข้าราชการหรือผู้ปฏิบัติงานในสถานที่ราชการ หรือโรงงาน อื่นใด ในระหว่างที่มีการรบหรือการสงคราม
อันเป็นอุปกรณ์ในการรบ หรือการสงครามและอยู่ในความควบคุมของกระทรวงกลาโหม
(4) บุคคลซึ่งกำลังปฏิบัติงานร่วมกับหน่วยทหารในราชการสนาม
(5) เกิดเหตุสุดวิสัย
(6) ไปเข้าตรวจเลือกที่อื่น
(7) ป่วยไม่สามารถจะมาได้ โดยให้บุคคลซึ่งบรรลุนิติภาวะและ เชื่อถือได้มาแจ้งต่อคณะกรรมการตรวจเลือก
ในวันตรวจเลือก

กรณีตาม (1) (2) (3) หรือ (4) ต้องได้รับการผ่อนผัน เฉพาะคราวจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
หรือผู้ซึ่งรัฐมนตรี ว่าการกระทรวงมหาดไทยมอบหมาย

*[มาตรา 27 แก้ไขโดยประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 226 ฯ (พ.ศ. 2515)]

[Moon]

555 ขอบคุณครับคุณจี อ่านจนเพลินเลย สงสัยจะจบข่าวแล้วละครับ ถ้าดูจากมาตรา 27 (2)

[Solidus]

555 ขอบคุณครับคุณจี อ่านจนเพลินเลย สงสัยจะจบข่าวแล้วละครับ ถ้าดูจากมาตรา 27 (2)

ก็บอกแล้วถ้าอภิสิทธิ์เพิ่งกลับจากต่างประเทศก็จะอยู่ในข้อยกเว้น

[สมชายสายชม]

ทนายไร้จริยธรรม คือผู้ที่รู้ซึ้งว่าลูกความผิด แต่เพียรหาช่องโหว่ของกระบวนการยุติธรรมให้ลูกความรอด

ถึงมี ความรู้ความสามารถสูงแค่ไหน ก็ไร้ซึ่งศักดิ์ศรีและเกียรติภูมิ

เขียนตำหนิทนายถุงขนม เดี๋ยวนายใหญ่ตัดค่าจ้าง นะ

[Albert Einsteins]

กรณีตาม (1) (2) (3) หรือ (4) ต้องได้รับการผ่อนผัน เฉพาะคราวจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
หรือผู้ซึ่งรัฐมนตรี ว่าการกระทรวงมหาดไทยมอบหมาย

หากอ่านจากมาตรา 27
ประเด็นคือคุณอภิสิทธิ์ ไปศึกษาต่อต่างประเทศ ดังนั้นก็ต้องทำเรื่องผ่อนผันเฉพาะคราวเช่นกัน
หากคุณอภิสิทธิ์ มีหลักฐานการขอผ่อนผันชัดเจน ก็คงหมดประเด็น

ข้อสงสัยของคุณ jerasak ว่าหลักฐานชิ้นนั้นสูญหาย อาจเป็นไปได้
ซึ่งหากคุณอภิสิทธิ์ไม่มีหลักฐาน ก็ต้องเป็นขี้ปากของแก๊งค์สามเกลอต่อไป

แต่หากไม่ได้ขอผ่อนผันไว้ ก็ต้องผิดแน่นอน
เรื่องนี้คนละประเด็นกับการขอเข้ารับราชการ
ดังนั้นต้องดูว่าบทลงโทษเป็นเช่นไร


อีกประเด็นที่ต้องคิดต่อคือการเข้ารับราชการสมบูรณ์หรือไม่
ถ้าไม่สมบูรณ์ ก็ต้องถือว่าไม่ได้รับราชการหรือไม่
ดังนั้นผลการหนีการเกณท์ทหารก็ต้องคงอยู่ต่อไปอีกหรือไม่


แต่ทั้งสองกรณี (หลักฐานสูญหายหรือไม่ได้ขอผ่อนผัน) ต้องถูกหยิบยกไปถกในสภาแน่
ถึงตอนนั้นคุณอภิสิทธิ์ไม่มีหลักฐานมาชี้แจงที่ชัดเจน และ ยังคงอยู่ในตำแหน่งต่อไป
คำถามที่สังคมต้องไปคิดต่อคือเรื่องจริยธรรมนักการเมือง
และคุณอภิสิทธิ์ก็อาจจะไม่สามารถกล่าวหาคนอื่นเรื่องจริยธรรมได้



ถ้าเป็นอย่างที่ผมคิด บางทีสังคมต้องมีการกำหนดกรอบและขอบเขต
หรือคำจำกัดความที่ชัดเจนของจริยธรรม

ไม่ใช่ให้กรอบและขอบเขตหรือคำจำกัดความที่ชัดเจนของจริยธรรมมาเพื่อเชียร์คุณอภิสิทธิ์

แต่ถ้าเราไม่มีกรอบและขอบเขต หรือคำจำกัดความที่ชัดเจนของจริยธรรม
ในอนาคตคงไม่มีนักการเมืองดีๆ เหลือเลย

[Moon]

555 ขอบคุณครับคุณจี อ่านจนเพลินเลย สงสัยจะจบข่าวแล้วละครับ ถ้าดูจากมาตรา 27 (2)

ก็บอกแล้วถ้าอภิสิทธิ์เพิ่งกลับจากต่างประเทศก็จะอยู่ในข้อยกเว้น

ข้อความันยาวเลยอ่านไม่ครบถ้วนขอประทานโทษ และขอบคุณ คุณ Solidus ด้วยครับ

[jerasak]

เพื่อประโยชน์ในการติดตามเรื่องนี้ว่าข้อมูลที่เผยแพร่ในปัจจุบัน (และอนาคต) ถูกต้องหรือไม่เพียงใด
ผมจึงเห็นควรสรุปลำดับเหตุการณ์เท่าที่ตรวจสอบได้ไว้ในกระทู้นี้ หวังว่าจะพอมีประโยชน์นะครับ

เท่าที่ตรวจสอบข้อมูล พบว่ามีจุดสำคัญที่ผมไ่ม่เคยทราบมาก่อน คือ...

- คุณอภิสิทธิ์ไปสมัครเข้า รร.จปร. ก่อนวันที่ 18 มี.ค. 30 ซึ่งเป็นเวลาก่อนถึงกำหนดเกณฑ์ทหาร 7 เม.ย. 30
ไม่ใช่เพิ่งไปสมัครหลังพ้นกำหนดเกณฑ์ทหารแล้ว เพียงแต่กว่าจะได้บรรจุต้องใช้เวลานาน

- กรมสารบรรณทหารบก (สบ.ทบ.) มีหนังสือถึง รร.จปร. ขอเอกสารเพิ่มเติมคือ หนังสือผ่อนผันการเกณฑ์ทหาร
ตั้งแต่วันที่ 31 มี.ค. 30 ซึ่งเป็นเวลาก่อนถึงกำหนดเข้ารับการเกณฑ์ทหาร 7 เม.ย. 30 เช่นเดียวกัน

- ชัดเจนว่าเอกสารที่ สบ.ทบ. ขอเพิ่มคือ หนังสือผ่อนผันการเกณฑ์ทหาร ไ่ม่ใช่ สด.9 หรือ สด.43
อย่างที่ นปก. ถามหา เพราะคุณอภิสิทธิ์สมัครเข้า รร.จปร. ตั้งแต่ยังไม่ถึงกำหนดเกณฑ์ทหาร 7 เม.ย. 30

- คุณอภิสิทธิ์ ได้บรรจุเป็นอาจารย์ รร.จปร. เมื่อวันที่ 7 ส.ค. 30 แต่ได้สมัครไว้ก่อนแล้วประมาณ 5 เดือน++
ไม่ใช่เพิ่งไปสมัครเข้าเป็นอาจารย์หลังจากหนีเกณฑ์ทหาร เพื่อหลีกเลี่ยงความผิดอย่างที่ถูกโจมตี

- มีหลักฐานว่าคุณอภิสิทธิ์ขอลาออกจากราชการเพื่อไปศึกษาต่อต่างประเทศ ตั้งแต่ก่อนขอลากิจ
ไปประเทศอังกฤษช่วงปลายปี 2531 และต่อมาได้รับอนุมัติให้ลาออกได้ในเดือนเมษายน 2532
อาจเป็นไปได้ว่าการไปอังกฤษเกี่ยวข้องกับการไปศึกษาต่อ ป.โท ที่คุณอภิสิทธิ์ได้รับทุนการศึกษา
ไม่ใช่ไปเที่ยวเล่นด้วยความไม่ตั้งใจรับราชการ
----------------------------------------------------------------------------------------------------------
จากสำเนาเอกสารใน ประชาทรรศน์ ฉบับที่ 43 ประจำวันเสาร์ที่ 24 - วันศุกร์ที่ 30 พฤศจิกายน 2550
และข้อมูลประกอบอื่นๆ ผมพอสรุปลำดับเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกี่ยวข้องได้ดังนี้...

ปี พ.ศ. 2519
พ.ศ. 2519 นายอภิสิทธิ์เดินทางไปศึกษาต่อระดับมัธยมศึกษาตอนต้นที่ประเทศอังกฤษ จนจบปริญญาตรี
หมายเหตุ : หากเป็นไปตามเกณฑ์ นายอภิสิทธิ์น่าจะจบปริญญาตรีประมาณ ปี พ.ศ. 2528 - 2529

ปี พ.ศ. 2529
04/07/2529 นายอภิสิทธิ์แสดงตนขอรับการบรรจุเป็นทหารกองเกิน เพื่อรอเกณฑ์ทหาร และได้รับใบ สด.9
* พบข้อมูลในเนชั่นสุดสัปดาห์ระบุตรงกันว่านายอภิสิทธิ์เรียนจบกลับมาประเทศไทยในปีนี้

ปี พ.ศ. 2530
- บัญชีเรียกฯ ปี 2530 มีรายชื่อนายอภิสิทธิ์อยู่ในบัญชีคนพ้นจากฐานะยกเว้นผ่อนผัน แขวงคลองตัน
- นายอภิสิทธิ์ไปสมัครเป็นอาจารย์ รร.จปร. (ไม่ทราบวันที่แน่ชัด แต่น่าจะสมัครก่อนวันที่ 18/03/2530)
19/03/2530 รร.จปร. มีหนังสือถึง กรมสารบรรณทหารบก (สบ.ทบ.) ขออนุมัติบรรจุ นายอภิสิทธิ์ เป็นอาจารย์
(เนื้อความที่เผยแพร่กันระบุ 18/03/2530 แต่ดูจากต้นฉบับภาพสแกนน่าจะแก้เป็น 19/03/2530)
31/03/2530 สบ.ทบ. มีหนังสือถึง รร.จปร. ขอเอกสารเพิ่มเติมคือ หนังสือผ่อนผันการเกณฑ์ทหาร
07/04/2530 นายอภิสิทธิ์ ไม่ไปเข้ารับการเกณฑ์ทหารตามกำหนด
07/08/2530 นายอภิสิทธิ์ได้รับการบรรจุเข้าเป็น ข้าราชการกลาโหมพลเรือน ชั้นสัญญาบัตร รร.จปร.

ปี พ.ศ. 2531
07/04/2531 นายอภิสิทธิ์ ไม่ไปเข้ารับการตรวจเลือกฯ เป็นครั้งที่ 2
08/04/2531 นายอภิสิทธิ์ ขอออกใบแทนใบสำคัญ (สด.9) จากสัสดีเขตพระโขนง แทนฉบับที่สูญหาย
26/04/2531 นายอภิสิทธิ์ ได้รับการบรรจุเป็น ว่าที่ร้อยตรี
02/06/2531 นายอภิสิทธิ์ ได้รับการขึ้นทะเบียนกองประจำการ มียศร้อยตรี
03/08/2531 มีหลักฐานบันทึกข้อความ ดำเนินการเรื่อง นายอภิสิทธิ์ขอลาออกจากราชการ (มีข้อมูลโจมตี-
ในอินเตอร์เน็ตว่าขอลาออกหลังจากได้รับยศร้อยตรี 35 วัน แต่ผมยังไม่เห็นหลักฐาน)
19/08/2531 นายอภิสิทธิ์ เข้าพิธีสมรสพระราชทาน ก่อนเดินทางไปศึกษาต่อระดับปริญญาโท ที่ประเทศอังกฤษ
22/08/2531 นายอภิสิทธิ์ ขอลากิจไปประเทศอังกฤษ เป็นเวลา 40 วัน ( 22 ส.ค. 2531 ถึง 30 ก.ย. 2531)
05/09/2531 รร.จปร. มีหนังสือถึง ผบ. รร.จปร. แจ้งการขอลาออกเพื่อไปศึกษาต่อต่างประเทศของนายอภิสิทธิ์
04/10/2531 นายอภิสิทธิ์ ขอลากิจต่ออีก 67 วัน ( 4 ต.ค. 2531 ถึง 9 ธ.ค. 2531)

ปี พ.ศ. 2532
18/01/2532 ปรากฏชื่อนายอภิสิทธิ์ อยู่ในบัญชีคนขาดเข้ารับการตรวจเลือก (ต่อเนื่องจนถึงปี พ.ศ. 2536)
02/04/2532 ถึงกำหนดที่ นายอภิสิทธิ์ ขอลาออกจากราชการเพื่อศึกษาต่อ ป.โท มีสถานะเป็นนายทหารกองหนุน
12/04/2532 กระทรวงกลาโหมมีคำสั่งอนุมัติให้นายอภิสิทธิ์ออกจากราชการได้

ปี พ.ศ. 2533-2534
มิ.ย. 2533 นายอภิสิทธิ์ สำเร็จการศึกษา ป.โท กลับมาเป็น อาจารย์ประจำ คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

ปี พ.ศ. 2535
22/03/2535 นายอภิสิทธิ์ ได้เป็น ส.ส. สมัยแรก เมื่ออายุได้ 27 ปี
13/09/2535 นายอภิสิทธิ์ ได้เป็น ส.ส. สมัยที่ 2 และดำรงตำแหน่ง โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี

ปี พ.ศ. 2540
14/11/2540 นายอภิสิทธิ์ ได้ดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี

ปี พ.ศ. 2542
- เกิดกรณีลูกชาย รตอ.เฉลิม รองหัวหน้าพรรคความหวังใหม่ ใช้เอกสาร สด.43 ปลอม
- ส.ส.ฝ่ายค้าน พรรคความหวังใหม่ ขุดคุ้ยเรื่องการเข้ารับการเกณฑ์ทหารของ ส.ส. ฝ่ายรัฐบาล ตอบโต้
08/03/2542 ผบ.ทบ. มีหนังสือให้ตรวจสอบข้อมูลการตรวจเลือกฯ นายอภิสิทธิ์
16/04/2542 เสนาธิการทหารบก มีบันทึกข้อความลับ เรื่องการตรวจสอบเอกสารการบรรจุนายอภิสิทธิ์
19/05/2542 เจ้ากรมจเรทหารบก มีเอกสารผลการสอบสวนถึง ผบ.ทบ.

ปี พ.ศ. 2550
- ช่วงเดือนมิถุนายน 50 มีการขุดคุ้ยเรื่องอภิสิทธิ์หนีทหารมาโจมตี นายกฯ สุรยุทธ์ ละเว้นการปฏิบัติหน้ที่
- ช่วงเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม 50 มีการขุดคุ้ยอีกเพื่อโจมตีนายอภิสิทธิ์ ที่ลงเลือกตั้งชิงตำแหน่งนายกฯ

ปี พ.ศ. 2551
- ช่วงเดือนธันวาคม 51 มีการขุดคุ้ยอีกครั้งเพื่อโจมตีนายอภิสิทธิ์ ที่มีแนวโน้มได้เป็นนายกรัฐมนตรี

ปล. เข้ามาแก้ไขข้อมูลเพิ่มเติมที่เพิ่งพบใหม่ และแก้คำผิดนะครับ - 16/01/2552

[Robert De Niro]

แต่อาจเป็นไปได้หรือไม่ว่าทางกองทัพทำหลักฐาน "หนังสือผ่อนผันการเกณฑ์ทหาร" ของคุณอภิสิทธิ์
สูญหายในภายหลัง.. แล้วกลายเป็นสรุปย้อนหลังว่าคุณอภิสิทธิ์ขาดส่งหลักฐาน?

ปรกติเอกสารที่ทางราชการออกให้ประชาชน ถ้าสูญหายจะสามารถขอคัดสำเนาใหม่ได้ เพราะจะมีต้นขั้วหรือบันทึก
อ้างอิงไว้ยืนยันกัน หนังสือผ่อนผันการเกณฑ์ทหารถ้าหายก็น่าจะมีต้นขั้วนะครับ

ผมมองเรื่องนี้ที่เจตนาว่าถ้าหากคุณอภิสิทธิ์ไม่อยากรับใช้กองทัพ คงไม่ไปสมัครเป็นทหารและทำงานในกองทัพนาน
ถึงเกือบสองปี สร้างประโยชน์ให้กองทัพไปแล้ว ก่อนที่จะลากลับไปเรียนต่อ

คุณอภิสิทธิ์น่าจะทำประโยชน์ให้กองทัพมากกว่าเด็กนักเรียนที่เรียน รด.เพื่อเลี่ยงการเกณฑ์ทหารอีกนะครับ

[jerasak]

ไปเจอภาพสำเนาเอกสารที่เกี่ยวข้องที่เว็บ http://www.democraticthai.com
เอามาลงไว้ในกระทู้ด้วยก็แล้วกันนะครับ

สำเนาใบ สด.9 ที่ออกแทนใบเดิมที่สูญหาย


สำเนาหนังสือบรรจุเข้า รร.จปร.


http://www.democraticthai.com/board/ind ... opic=534.0

[jerasak]

แต่อาจเป็นไปได้หรือไม่ว่าทางกองทัพทำหลักฐาน "หนังสือผ่อนผันการเกณฑ์ทหาร" ของคุณอภิสิทธิ์
สูญหายในภายหลัง.. แล้วกลายเป็นสรุปย้อนหลังว่าคุณอภิสิทธิ์ขาดส่งหลักฐาน?

ปรกติเอกสารที่ทางราชการออกให้ประชาชน ถ้าสูญหายจะสามารถขอคัดสำเนาใหม่ได้ เพราะจะมีต้นขั้วหรือบันทึก
อ้างอิงไว้ยืนยันกัน หนังสือผ่อนผันการเกณฑ์ทหารถ้าหายก็น่าจะมีต้นขั้วนะครับ

ผมมองเรื่องนี้ที่เจตนาว่าถ้าหากคุณอภิสิทธิ์ไม่อยากรับใช้กองทัพ คงไม่ไปสมัครเป็นทหารและทำงานในกองทัพนาน
ถึงเกือบสองปี สร้างประโยชน์ให้กองทัพไปแล้ว ก่อนที่จะลากลับไปเรียนต่อ

คุณอภิสิทธิ์น่าจะทำประโยชน์ให้กองทัพมากกว่าเด็กนักเรียนที่เรียน รด.เพื่อเลี่ยงการเกณฑ์ทหารอีกนะครับ

ตอนนี้ประเด็นที่ผมค้นพบใหม่จากการสรุปลำดับเหตุการณ์ก็คือ คุณอภิสิทธิ์ไปสมัครเป็นอาจารย์ รร.จปร.
ตั้งแต่ก่อนถึงกำหนดเกณฑ์ทหาร

เบื้องต้นจึงลบข้อกล่าวหาของฝ่าย นปก. ที่ว่าไปสมัครเป็นอาจารย์เพื่อหลีกหนีความผิดจากการหนีเกณฑ์ทหาร
เพราะข้อมูลแสดงว่าคุณอภิสิทธิ์ตั้งใจสมัครเข้า รร.จปร. มาแต่ต้น ไม่ใช่เพิ่งคิดสมัครหลังหนีเกณฑ์ทหารครับ

เรื่องหนังสือผ่อนผันการเกณฑ์ทหาร คิดว่าคุณอภิสิทธิ์เคยมีแน่นอน เพราะในบัญชีเรียกเกณฑ์ทหาร ปี 2530
มีรายชื่อคุณอภิสิทธิ์อยู่ในบัญชีคนพ้นจากฐานะยกเว้นผ่อนผัน แสดงว่าก่อนปี 2530 เคยขอยกเว้นผ่อนผัน

แต่ในตอนสมัครเข้า รร.จปร. คุณอภิสิทธิ์จะมีหนังสือผ่อนผันฯ และได้ยื่นประกอบการสมัครหรือเปล่านั้น
คงต้องรอข้อมูลต่อไปครับ เพียงแต่ผมอยากตั้งข้อสังเกตว่าหากคุณอภิสิทธิ์ไม่มีหนังสือผ่อนผันฯ แล้ว
จะคิดสมัครเข้า รร.จปร. ได้อย่างไร ในเมื่อควรทราบอยู่แล้วว่าต้องใช้เอกสารอะไรบ้าง โดยที่ สด.43
ที่ นปก. ถามหาคุณอภิสิทธิ์ไม่มีอยู่แล้วเพราะไปสมัครตั้งแต่ก่อนถึงกำหนดเกณฑ์ทหาร หลักฐานเดียว-
ที่จะต้องใช้ประกอบการสมัครก็คือ หนังสือผ่อนผันฯ

ดังนั้นผมคิดง่ายๆ ว่าถ้าคุณอภิสิทธิ์ไม่มีหนังสือผ่อนผันฯ ก็คงไม่คิดสมัครเข้า รร.จปร. ให้เสียเวลาเปล่าๆ
ถ้าไม่มีก็ต้องหาเอกสารปลอมมาประกอบการสมัคร คงไม่มีใครคิดสมัครโดยขาดส่งเอกสารเฉยๆ ครับ