loginofu wrote:อ่านไปอ่านมาก็ชักสงสัย
หากจะใช้ในการสื่อสาร แสดงว่า ต้องมีกำลังส่งแรงพอที่จะพาสัญญาณไปด้วย
เมื่อสะท้อนกับชั้นบรรยากาศ และระยะทางไกลขนาดนั้น จะยังเหลือพลังพออยู่เหรอ
แล้วข้อมูลจะยังอยู่ในระดับที่สมบูรณ์พอจะนำไปใช้งานไดหรือไม่
และหากมันมีพลังมากขนาดนั้นจริง
ความรุนแรงของมัน น่าจะนำไปใช้เป็นอาวุธได้ไม่ยาก
loginofu wrote:อ่านไปอ่านมาก็ชักสงสัย
หากจะใช้ในการสื่อสาร แสดงว่า ต้องมีกำลังส่งแรงพอที่จะพาสัญญาณไปด้วย
เมื่อสะท้อนกับชั้นบรรยากาศ และระยะทางไกลขนาดนั้น จะยังเหลือพลังพออยู่เหรอ
แล้วข้อมูลจะยังอยู่ในระดับที่สมบูรณ์พอจะนำไปใช้งานไดหรือไม่
และหากมันมีพลังมากขนาดนั้นจริง
ความรุนแรงของมัน น่าจะนำไปใช้เป็นอาวุธได้ไม่ยาก
voodoo wrote:แล้วการเล็งเป้าละครับ
ถ้ามันปรับมุมไม่ได้ ปรับทิศทางไม่ได้ จะยิงกี่ครั้งมันก็ไปตกที่จุดเดิม
อย่าลืมว่ามันต้องอาศัยทั้งมุมยิงและทิศทาง
Gop wrote:loginofu wrote:อ่านไปอ่านมาก็ชักสงสัย
หากจะใช้ในการสื่อสาร แสดงว่า ต้องมีกำลังส่งแรงพอที่จะพาสัญญาณไปด้วย
เมื่อสะท้อนกับชั้นบรรยากาศ และระยะทางไกลขนาดนั้น จะยังเหลือพลังพออยู่เหรอ
แล้วข้อมูลจะยังอยู่ในระดับที่สมบูรณ์พอจะนำไปใช้งานไดหรือไม่
และหากมันมีพลังมากขนาดนั้นจริง
ความรุนแรงของมัน น่าจะนำไปใช้เป็นอาวุธได้ไม่ยาก
ในการสื่อสาร สิ่งที่เราต้องการคือ "ข้อมูล" ครับ ไม่ใช่พลังงาน เรามีวิธี encode ข้อมูลลงในคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าแล้วส่งไปในอากาศ ผู้รับก็เอามาขยายก่อนนำเอามาใช้อีกที ดังนั้นถ้าเรามีเครื่องรับดีๆ มีความละเอียดสูง เราก็สามารถดึงข้อมูลออกมาจากสัญญาณที่แผ่วเบาได้ครับ ลองนึกถึงเวลาเราฟังเสียงคนเบาๆ แต่เราจับใจความได้ เราเอามันมาจดบันทึก แล้วก็อ่านออกเครื่องขยายเสียงอีกทีได้ใช่มั้ยครับ
ทุกวันนี้เรามีแครื่องรับสัญญาณที่ดีมากครับ ไม่อย่างนั้นเราใข้ดาวเทียมสื่อสารไม่ได้หรอกครับ อย่าลืมนะครับ ดาวเทียมสูงกว่าชั้นบรรยากาศมาก (ประมาณ 35000 กิโลเมตรจากพื้นโลก) แต่เราก็สามารถใช้จานดาวเทียมธรรมดารับสัญญาณจากมันได้ครับ
ผมคิดว่าโครงการ HAARP มีความยากอยู่ตรงที่คุณสมบัติของชั้นบรรยากาศที่ใช้สะท้อนนั่นแหละครับ เพราะเรายังมีความรู้เกี่ยวกับมันน้อยอยู่ คงต้องดูก่อนว่าการสะท้อนจะเกิดขึ้นในย่านความถี่ไหน และมันสะท้อนได้มากน้อยแค่ไหนเสียก่อน สิ่งที่ยากถัดมาคืออัตราการส่งข้อมูลครับ เพราะถ้าเราใช้คลื่นความถี่ต่ำ ความละเอียดของข้อมูลจะน้อย (นี่เป็นเหตุผลที่เราฟังเพลงคลื่น AM ได้ไม่เพราะเท่า FM)
ผมก็ตอบตามเท่าที่รู้นะครับ ความผิดพลาดเกิืดขึ้นได้เสมอ
usarain wrote:ยิงโดนเป้าหรือเปล่าก็เป็นประเด็นสำคัญอันหนึ่งครับ ถ้าขึ้นกับลมฟ้าอากาศเราก็ควบคุมไม่ได้ครับ
ถ้าควบคุมได้ ยิงแล้วสะท้อน แล้วจะเกิดอะไรขึ้นครับถ้าไม่มีพลังงานไปทำอะไรต่อ มันต้องมีแหล่งพลังงานครับ ซึ่งอาจจะเป็นลักษณะลูกโซ่แบบนิวเคลียร์ฟิชชั่น แบบนี้ในทางเคมีมันไม่มีครับ ในลักษณะนั้นส่วนตรงกลางหรือในที่นี้คือบรรยากาศชั้นไอโอโนสเฟียร์ต้องมีศักย์ไฟฟ้าสะสมอย่างมาก ซึ่งเท่าที่รู้มันไม่มากพอกับการทำลายล้างครับ ถึงมีก็ยังไม่รู้วิธีทำให้ศักย์ไฟฟ้ากลายเป็นอาวุธทำลายล้างได้เลยครับ มีคนคิดจะเก็บไฟฟ้าจากเมฆคิวมูโลนิมบัสและฟ้าผ่ามาใช้ มันก็ยังไม่สำเร็จครับ
usarain wrote:ผมจำได้จากเรื่องเจาะเวลาหาอดีต ฟ้าผ่าหนึ่งครั้งให้พลังงานเป็นกิกะวัตต์
ฟ้าผ่าไม่สามารถทำให้เกิดแผ่นดินไหวได้ครับ พลังงานไม่พอ ในเรื่องผ่าโดนตึกแค่ตึกพังไปนิดเดียว
การเปลี่ยนแปลงพลังงานคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าไปเป็นพลังงานกลยังไม่เห็นที่ทำได้ดี ๆ ครับ พลังงานจะสูญเสียไปมากครับ ไม่เกิดพลังงานกลที่จะทำลายล้างหรือเปลี่ยนสภาพอากาศได้ครับ อาจทำให้ชั้นบรรยาการเกิดพลาสมา แต่ก็หายไปครับ ฟ้าแลบก็เป็นพลาสมา ไม่เห็นเกิดอะไรขึ้นครับ
คงตรงประเด็นแล้วนะครับ ขอโทษที่ก่อนหน้านี้ไม่ได้ตอบให้ตรงประเด็นครับ
usarain wrote:ขอโทษอีกครั้งครับที่ทำให้สับสน
เรื่องฟ้าผ่าผมนำเสนอให้เห็นเป็นรูปธรรมน่ะครับว่าพลังงานมากขนาดนี้แล้วยังส่งผลนิดเดียว สิ่งที่อยากเสนอคือคำว่ากิกะวัตต์ กับเมกะวัตต์น่ะครับ มันห่างกันพันเท่าครับ พลังงานไฟฟ้าเปลี่ยนเป็นพลังงานกลได้มากกว่าพลังงานในรูปคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าครับ
ไมโครเวฟจะเปลี่ยนเป็นพลังงานความร้อนครับ ซึ่งต้องอาศัยน้ำ คงทำให้เกิดแผ่นดินไหวไม่ได้หรอกครับ แค่เปลี่ยนสภาพภูมิอากาศยังไม่แน่ใจเลยครับ เดี๋ยวจะเป็นแบบที่ว่ายิงเครื่องทำฝนเทียมจากสนามเป้าน่ะครับ
usarain wrote:ขอโทษอีกครั้งครับที่ทำให้สับสน
เรื่องฟ้าผ่าผมนำเสนอให้เห็นเป็นรูปธรรมน่ะครับว่าพลังงานมากขนาดนี้แล้วยังส่งผลนิดเดียว สิ่งที่อยากเสนอคือคำว่ากิกะวัตต์ กับเมกะวัตต์น่ะครับ มันห่างกันพันเท่าครับ พลังงานไฟฟ้าเปลี่ยนเป็นพลังงานกลได้มากกว่าพลังงานในรูปคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าครับ
ไมโครเวฟจะเปลี่ยนเป็นพลังงานความร้อนครับ ซึ่งต้องอาศัยน้ำ คงทำให้เกิดแผ่นดินไหวไม่ได้หรอกครับ แค่เปลี่ยนสภาพภูมิอากาศยังไม่แน่ใจเลยครับ เดี๋ยวจะเป็นแบบที่ว่ายิงเครื่องทำฝนเทียมจากสนามเป้าน่ะครับ
ถ้าหากชั้นบรรยากาศ ณ บริเวณหนึ่ง ซึ่งที่มีพื้นที่พอสมควร ได้ถูกยกขึ้นหรือถูกผลักขึ้นไปในอวกาศด้วยคลื่นวิทยุพลังมหาศาล โดยเล็งพลังงานไปยังพื้นที่บนชั้นบรรยากาศและเผาบริเวณนั้นจนร้อน หลอมละลายจนกลายเป็นเสมือนจานพลาสม่าขนาดยักษ์ที่สามารถรับส่งคลื่นได้ และสามารถเอียงมันได้
firestong wrote:โอ้..นี่แปลว่า โปรโมชั่นเรื่องโลกร้อนด้วยมือเรา เป็นการเบี่ยงประเด็นของฝรั่ง หลอกให้คนทั้งโลกร่วมรับผิดชอบกับการกระทำของมันเอง จริงๆหรือนี่??? :o
Jseventh wrote:ขอบคุณที่นำมาบอกค่ะคุณ เบื่อ นช ทักสิน เรื่องเหล่านี้ไม่เคยทราบมาก่อน ดิฉันแค่พอรู้ในระดับพื้นฐาน
และความรู้ในเรื่องเหล่านี้ของดิฉันถูกทิ้งร้างไปนานมาก พอดีช่วงนี้เกิดสนใจเรื่อง HAARP ทำให้ต้องกลับมานั่งหาความรู้ใหม่ แต่ก็ยังไม่กระจ่างเพียงพอ /ถ้าเป็นไปได้ อยากใ้ห้มีกลุ่มนักเรียน-นักศึกษา ครู-อาจารย์ทางด้านฟิสิกส์-วิทยาศาสตร์ นำเรื่องโครงการ HAARP ไปเปิดเป็นหัวข้อศึกษากันในห้องเรียน หรือจะตั้งกลุ่มอภิปรายโดยใช้ความรู้และข้อมูลที่หามาได้ร่วมกัน เพื่อให้ความรู้ของคนในประเทศเราจะได้ทันกับเทคโนโลยีของชาติมหาอำนาจเขา
ส่วนเรื่องสะพานที่คุณกล่าวถึง คาดว่าจะเป็นสะพานทาโคมาแรโรว์
http://www.rmutphysics.com/physics/oldfront/114/wave.htm
คลิปของ discovery channel "ทฤษฎีการพังของสะพาน"
http://www.neutron.rmutphysics.com/teaching-glossary/index.php?Itemid=3&id=42&option=com_content&task=view
เบื่อ นช ทักสิน wrote: ครับ ยินดีที่เข้ามาเสวนาครับ สมัยเรียน มศ5 ก้เรียนเรื่อง Amplitude ของคลื่นครับ มีทั้งเสริมทั้งหักล้างกัน เป็นพื้นฐานฟิสิกธรรมดาๆ ครับ และผมมั่นใจว่า ที่เห็นเป้นเสาส่งสัญญานแยะๆ น่าจะ ส่งสัญญานเสริม amplitude ของคลื่นครับ ถ้าทดลองสำเร็จ ก้สามารถทำอะไรได้แยะทีเดียวครับ