usarain wrote:จินตนาการครับ ไม่มีมูลที่เพียงพอด้วยซ้ำ เป็นการจับแพะชนแกะ ประมาณวีระบอกว่ามีปืนใหญ่ยิงทำฝนเทียมไล่เสื้อแดงน่ะครับ
ยังไม่มีพลังงานใดที่มากพอที่จะทำเลียนแบบปรากฏการณ์ธรรมชาติ โดยเฉพาะที่รุนแรงได้ครับ ถ้ามีก็เอามาใช้ประโยชน์ได้แล้วครับ
ในหนัง ผู้ร้ายจะยิงพลังทำลายล้างมาก ๆ ไฟจะดับทั่วเมือง นี่ขนาดจินตนาการในหนังยังต้องมีที่มาที่ไปของแหล่งพลังงานเลยครับ เดี๋ยวคนดูสงสัย
ชั้นไอโอโนสเฟียร์ไม่ได้มีพลังงานศักย์สะสมไว้มากหรอกนะครับ
เทสลาเป็นผู้พัฒนากระแสไฟฟ้าสลับขึ้นมาหรือกระแสไฟฟ้าที่เราใช้อยู่ตามบ้านเรือนต่างๆ และมันคือเทสลาที่ทำให้มนุษย์ไขว่คว้าที่จะควบคุมสภาพอากาศ เขาได้พัฒนาทฤษฎีที่น่าตกใจขึ้นมาที่จะควบคุมสภาพอากาศด้วยการใช้คลื่นความถี่แบบต่ำมาก หรือคลื่น ELF /ถ้าคุณเคยเข้าไปในงานคอนเสิร์ตดนตรีร็อค และรู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนความถี่ต่ำจากเครื่องดนตรีที่ออกมาจากลำโพง คลื่น ELF ก็คล้ายกันนั้น
คลื่น ELF คือ กระแสไฟฟ้าระดับต่ำที่จะถูกปล่อยออกมาจากสายไฟหรือขดลวดกระแสไฟฟ้าในบ้านของเรา หรือกระทั่งอุปกรณ์ไฟฟ้าที่อยู่ในรถ ปกติสิ่งเหล่านี้จะถูกปล่อยออกมาในระดับที่ต่ำมาก จนมันไม่เป็นอันตราย
เทสลาตั้งทฤษฎีขึ้นมาว่า ถ้าคลื่น ELF สามารถถูกนำมารวมกัน แล้วยิงเข้าใส่ชั้นไอโอโนสเฟียร์ หรือชั้นที่อยู่สูงขึ้นไปกว่าสภาพอากาศได้ มนุษย์ก็จะเปลี่ยนเส้นทางของสภาพอากาศได้ คลื่น ELF จะไปสร้างความร้อนที่จะไปเปลี่ยนโครงสร้างโมเลกุลของชั้นไอโอโนสเฟียร์ เพื่อจะผลักมันออกไปในอวกาศ
เมื่อคุณทำให้บางพื้นที่ของชั้นไอโอโนสเฟียร์ร้อนมันก็จะถูกผลักขึ้นไป และก็สร้างแนวดิ่งของพื้นที่ว่างขึ้นมา และบรรยากาศที่อยู่ด่านล่างจะวิ่งเข้าไปเติมช่องว่างนั้น และนั่นจะเป็นการเปลี่ยนทิศของกระแสอากาศเร็ว และความกดอากาศในพื้นที่นั้น ซึ่งหมายถึงการควบคุมสภาพอากาศนั่นเอง
นั่นก็หมายความว่า ชั้นไอโอโนสเฟียร์ที่ถูกทำให้ร้อน จะทำหน้าที่เป็นเหมือนเขื่อนยักษ์ที่จะบังคับเส้นทางของกระแสอากาศความเร็วสูง กระแสอากาศนี้จะไหลอยู่ระหว่าง 6-9 ไมล์ เหนือพื้นโลก และมีความเร็วถึง 300 ไมล์ต่อชั่วโมง กระแสอากาศความเร็วสูงจะถูกรวมตัวกัน จนเกิดเป็นเหมือนเส้นทางของอากาศ ที่จะย้ายน้ำหลายพันล้านแกลลอนที่อยู่ทั่วโลกไปราวกับเป็นแม่น้ำใหญ่ที่สูงขึ้นไป 50,000-60,000 ฟุต มันจะย้ายน้ำทั้งหมดไปรอบโลก ที่จะกลายไปเป็นฝนหรือว่าพายุ และนี่ก็คือเส้นเลือดของโลก
ฮาร์พ คือ โครงการวิจัยแสงออร่าความถี่สูงที่ตอนแรกเป็นความร่วมมือกันระหว่างกองทัพอากาศกับกองทัพเรือ และยังมีสถาบันการศึกษาอีกมากมายที่มาร่วมกัน
ในทุกวันนี้ มันคือสถานีออกอากาศทางวิทยุที่ใหญ่ที่สุดในโลก แต่ไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อออกอากาศให้มนุษย์ฟัง มันใช้ความสามารถที่จดสิทธิบัตร เพื่อรวบรวมพลังงานแล้วปล่อยออกไปในเสาอากาศเหล่านี้ โดยจะตรงไปยังจุดหนึ่งที่ด้านบนสุดของบรรยากาศในพื้นที่ที่เรียกว่าไอโอโนสเฟียร์
โครงการฮาร์พ ประกอบไปด้วยเสาอากาศ 180 ต้นที่สูงประมาณ 72 ฟุต เมื่อประกอบเข้าด้วยกัน มันจะทำงานเป็นเหมือนเสาอากาศที่ควบคุมได้ขนาดยักษ์ การควบคุมได้ก็หมายความว่า มันสามารถปล่อยคลื่นความถี่ต่ำมากหลายล้านวัตต์ตรงไปยังพื้นที่ขนาดเล็กของชั้นบรรยากาศได้
ปริมาณของพลังงานที่เราพูดถึงนี่ก็คือ 3.6 ล้านวัตต์ด้วยกัน ถ้าพูดให้คุณพอเห็นภาพ มันก็เหมือนสถานีวิทยุ AM ขนาดใหญ่ที่สุดของอเมริกาเหนือที่อยู่ที่ห้าหมื่นวัตต์ แต่ฮาร์พคือสถานีวิทยุขนาด 72,000 - 50,000 วัตต์ ที่จะปล่อยพลังงานออกมาตรงไปยังจุดเดียวที่ยาวประมาณ 12 ไมล์ ลึกประมาณ 2.5 ไมล์ และสูง 90 ไมล์
(บางส่วนจากคำอธิบายโครงการฮาร์พ ในสารคดี Weather Warfare)
Gop wrote:ผมว่าเริ่มที่วิกิพีเดียก่อนดีกว่านะครับ
http://en.wikipedia.org/wiki/HAARP
อ่านดูแล้วจะรู้ว่าโครงการนี้ใช้เพื่อการศึกษาชั้นบรรยากาศ เป็นโครงการเพื่อการวิจัยอย่างแท้จริง ความรู้ของเราเกี่ยวกับ ionosphere นั้นยังน้อยมากครับ มีมหาวิทยาลัยชั้นนำร่วมกันวิจัยมากมาย แถมงบประมาณก็ไม่ได้มากมายนักเมื่อเทียบกับโครงการขนาดใหญ่อื่นๆ (ประมาณ 250 ล้านเหรียญ) ถ้าเป็นโครงการที่มีศักยภาพอย่างที่กล่าวอ้างกันจริง ผมว่างบต้องมากกว่านี้มาก และต้องไม่เปิดเผยด้วย นี่เล่นให้คนเยี่ยมชมได้ัทั้งปี
ก็ลองอ่านดูกันก่อนนะครับ ถือว่าเป็นข้อมูลอีกด้านหนึ่ง ผมไม่ค่อยเชื่อพวกรายการที่คุณ J7th เอามาให้ดูเท่าไหร่นะครับ เพราะมันเป็นเชิงพาณิชย์ ก็ต้องเรียกร้องความสนใจจากคนดูเป็นธรรดา
usarain wrote:จินตนาการครับ ไม่มีมูลที่เพียงพอด้วยซ้ำ เป็นการจับแพะชนแกะ ประมาณวีระบอกว่ามีปืนใหญ่ยิงทำฝนเทียมไล่เสื้อแดงน่ะครับ
ยังไม่มีพลังงานใดที่มากพอที่จะทำเลียนแบบปรากฏการณ์ธรรมชาติ โดยเฉพาะที่รุนแรงได้ครับ ถ้ามีก็เอามาใช้ประโยชน์ได้แล้วครับ
ในหนัง ผู้ร้ายจะยิงพลังทำลายล้างมาก ๆ ไฟจะดับทั่วเมือง นี่ขนาดจินตนาการในหนังยังต้องมีที่มาที่ไปของแหล่งพลังงานเลยครับ เดี๋ยวคนดูสงสัย
ชั้นไอโอโนสเฟียร์ไม่ได้มีพลังงานศักย์สะสมไว้มากหรอกนะครับ
William Thomas (Author, Chemtrails Confirmed)
(ประมาณนาทีที่ 27.45 จากสารคดี Weather Warfare)
ปรากฎการณ์แปลกๆบนท้องฟ้าของเรา
เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา เมฆรูปร่างแปลกๆเริ่มปรากฎบนท้องฟ้าทั่วโลก และเริ่มพบเห็นบ่อยขึ้น
ผมคิดว่าพวกเราส่วนใหญ่ในอเมริกาเหนือ อาจจะสงสัยเมื่อเห็นเมฆเคลื่อนตัวซิกแซกไปบนท้องฟ้าในรูปแบบตัดไขว้ บ้างก็ขนานกัน บ้างก็กลายเป็นตัว X พวกเราบางคนถึงกับสงสัยว่า มันเป็นร่องรอยของอะไรกันแน่..?
ขณะที่เต็มไปด้วยข้อสงสัย นักวิจัยบางคนบอกว่า รูปแบบแปลกๆ ของเมฆเหล่านี้เป็นสิ่งบ่งบอกอีกอย่างหนึ่งเกี่ยวกับสงครามสภาพอากาศ พวกมันดูเหมือนจะเริ่มปรากฏเป็นรอยทางง่ายๆ ที่ออกมาจากเครื่องบินเจ็ตความเร็วสูง แต่รอยเหล่านี้กลับค้างอยู่บนท้องฟ้าเป็นเวลาหลายชั่วโมง บ้างก็อยู่ได้ตลอดทั้งวัน จนก่อให้เกิดเมฆจำลองขึ้น นักวิจัยบางคนเรียกพวกมันว่า "รอยเคมี"
"รอยเคมี" ถูกพ่นออกมาโดยจงใจโดยเครื่องบินของกองทัพอากาศสหรัฐความเร็วสูง พ่นสารเคมีเข้าไปในชั้นบรรยากาศ
William Thomas เป็นผู้เขียนหนังสือเกี่ยวกับรอยเคมีเหล่านี้ ตั้งแต่ช่วงปลายทศวรรษที่ 1990 เขาทำงานใกล้ชิดกับนักข่าวอีกคนหนึ่งเพื่อตรวจสอบรูปแบบแปลกๆเหล่านี้ที่ปรากฎอยู่บนท้องฟ้า
เรามีตัวแทนของ FAA ที่จริงแล้วก็เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลระดับสูงที่เราเรียกเขาว่า Deep Sky เพื่อจะตรวจสอบความจริงเบื้องหลังสิ่งเหล่านี้ เขาอธิบายว่า นี่คือโครงการพ่นสารเคมีที่ความสูงมากในเขตน่านฟ้าที่เข้มงวด ที่สายการบินต่างๆจะต้องบินอ้อมออกไป และพวกเขาใช้เครื่องบินทิ้งระเบิดของกองทัพอากาศสหรัฐในการเข้ามาทำงานนี้นั่นเอง
ทฤษฎีระบุว่า รอยเคมีเหล่านี้กำลังถูกใช้ร่วมกับ HAARP ด้วยการพ่นออกไซด์ของโลหะเข้าไปในอากาศเหนือน่านฟ้าของศัตรู แล้วส่งคลื่น ELF จาก HAARP ไปทำความร้อนโลหะที่เป็นอ็อกไซด์เหล่านั้น อุณหภูมิของท้องฟ้าตรงนั้นจะสูงขึ้นกว่า 100 องศาฟาเรนไฮต์ และนั่นจะไปป้องกันการสะสมของละอองน้ำที่จะกลายเป็นเมฆและฝนตกลงมา
คลื่น ELF ที่ฮาร์พสร้างขึ้นมา จะสะท้อนออกมาจากชั้นไอโอโนสเฟียร์ และจะสามารถโค้งอ้อมโลก และวิ่งไปตามเส้นขอบฟ้าลงมาจนถึงพื้นได้จนทำให้ไม่ว่าจุดใดในโลกก็อยู่แค่เอื้อม
หนึ่งในอันตรายเกี่ยวกับรอยเคมีเหล่านี้นั่นก็คือ มันจะเป็นเหมือนเครื่องดูดความชื้นที่ทำให้อากาศแห้ง อีกนัยหนึ่งก็คือ อนุภาคของสารเคมีเหล่านี้ทำให้บรรยากาศแห้ง เกิดความแห้งแล้งขึ้นมาได้
รักน้องพิณ wrote:ของจริงเปล่า
usarain wrote:
2. HAARP อาวุธควบคุมธรรมชาติ ทำลายมนุษยชาติ เป็นจริงหรือไม่?
ไม่ทราบครับ และไม่เชื่อครับ ตามที่ได้อธิบายไปบ้างแล้วว่าไม่มีแหล่งพลังงานที่จะทำอย่างนั้นได้ เว้นแต่จะมีสิ่งที่ผิดไปจากที่ผมเคยเรียนรู้มา
จินตนาการนั้นสำคัญกว่าความรู้ คือเพื่อเสริมให้ความรู้พัฒนาก้าวหน้าไปเรื่อย ๆ แต่ถ้าใช้จินตนาการแทนความรู้จะหมายความว่ารู้ผิด ๆ และอันตรายครับ
แหล่งข้อมูลทางอินเทอร์เน็ต โดยเฉพาะ youtube ไม่มีการกลั่นกรอง จับแพะชนแกะ ได้มากกว่าแกนนำเสื้อแดงพูดบนเวทีอีกครับ ข้อมูลที่ยืนยันได้ต้องเป็นเวบมาตรฐานหรือบทความที่มี peer review ครับ วิกิก็ใช้ได้ระดับหนึ่งแต่ก็มีข้อเสียคือใคร ๆ ก็เข้าไปแก้ไขข้อมูลได้ง่ายครับ
" แต่กระนั้นเรื่องที่เล่ามาทั้งหลายเหล่านี้อาจจะมีข้อมูลที่เท็จหรือจริง บ้าง แต่เราควรใช้วิจารณญาณในการรับข้อมูลต่างๆ เหล่านี้ด้วยตัวของเราเอง อาจจะเป็นการเปิดโลกให้กล้วงกว่าเดิมก็ว่ากันไป เหตุและผลทุกอย่างมันอาจจะเกื้อหนุนกันได้ในทุกๆเรื่อง แต่ใครเล่าจะรู้ เราๆ ก็เป็นแค่คนธรรมดาที่ทำงานต้อยๆ ทั้งวัน เค้าทำอะไรไปถึงไหนแล้วก็ยังไม่รู้ พรุ่งนี้จะอยู่พรุ่งนี้จะไป ก็ยังไม่รู้ ผมจึงขอเตือนสติทุกท่านให้ใช้ชีวิตอย่างมีสติ ใช้เหตุและผลเป็นหลัก เพื่อความสุขในชีวิตปัจจุบันเราเองครับ "
...อีกเรื่องนึง อาจจะไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่คาใจผมมาหลายปีแล้ว ทำไมประเทศไทยเห็นมีข่าวทุกปีว่าเด็กไปแข่งได้เหรียญโอลิมปิกอย่างนั่นอย่าง นี้ แต่ความเจริญก้าวหน้าทางด้าน วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี ยังย่ำอยู่กับที่ครับ อีกกี่ปีเราจะตามญี่ปุ่นทัน อีกกีปีจะรู้ทันสหรัฐ ...เป็นคำถามที่ง่าย แต่ไม่ต้องการคำตอบครับ ขอบคุณ
by Deawile
http://www.soccersuck.com/soccer/viewtopic.php?t=304349
voodoo wrote:ถ้ามันเป็นอาวุธ
มันติดตั้งตายตัวบนพื้นที่กว้างขนาดนั้น
แล้วมันจะเล็งเป้ายังไง
เปลี่ยนเป้าหมายยังไง
คนเราเชื่อในสิ่งที่ตัวเองอยากเชื่อ
หรือเชื่อในสิ่งที่คนอื่นทำให้เชื่อ
voodoo wrote:ผมเคยเรียนวิชาสายส่ง สายอากาศมานิดหน่อย
ที่เห็น มันเป็นสายอากาศ ที่ใช้ส่งคลื่นวิทยุออกไป
ตามที่บอกว่า
เป็นลักษณะสถานีส่งคลื่น ELF (Extremely Low Frequency Wave) คือ คลื่นกระแสไฟฟ้าระดับต่ำ พุ่งตรงไปยังชั้นไอโอโนสเฟียร์ คลื่น ELF จะไปสร้างความร้อนที่จะไปเปลี่ยนโครงสร้างโมเลกุลของชั้นไอโอโนสเฟียร์ เพื่อจะผลักมันออกไปในอวกาศ
เมื่อทำให้บางพื้นที่ของชั้นไอโอโนสเฟียร์ร้อนมันก็จะถูกผลักขึ้นไป และก็สร้างแนวดิ่งของพื้นที่ว่างขึ้นมา และบรรยากาศที่อยู่ด่านล่างจะวิ่งเข้าไปเติมช่องว่างนั้น และนั่นจะเป็นการเปลี่ยนทิศของกระแสอากาศเร็ว และความกดอากาศในพื้นที่นั้น ซึ่งหมายถึงการควบคุมสภาพอากาศนั่นเอง
แล้วการควบคุมทิศทางละครับ การทำแบบนี้ถ้าทำได้จริง มันก็เป็นการสร้างพายุให้มาถล่มตัวเอง
ทุกครั้งที่ส่งคลื่น มันก็ไปที่จุดเดิม เพราะมันติดตั้งแบบตายตัว แล้วมันจะเลือกเป้าหมายยังไง
จะว่ามันส่งคลื่นไปกระทบชิ่งบนชั้นบรรยากาศ มันก็มุมเดิมอีกแหละ
http://www.153rt.com/webboard/index.php?action=printpage;topic=1266.0
ท่าน wavebravo ครับ เท่าที่จำได้ การทดสอบค่าเหล่านี้ในประเทศไทยเคยทำเมื่อหลาย (10-20) ปีก่อน ที่ สจล. กับ นร. (ส่วนราชนาวี) แล้วก็มี กรมไปรษณีย์โทรเลข (สมัยนั้น อ.สุชาติ เผือกสกนธ์) ร่วมทดสอบอยู่ด้วย ความจำเท่าที่เหลืออยู่ (คืนพระอาจารย์ไปเกือบหมดแล้ว) น่าจะเป็นดังนี้ครับ
virtual hight น่าจะเป็นค่าความสูงเสมือนมากกว่านะครับ โดยทั่วไปจะทำการทดสอบโดยการยิงสัญญาณขึ้นไป แล้วประเมินดูว่า ความถี่สูงสุด (MUF) เท่าไรทีี่คลื่นยังคงสะท้อนกลับลงมา (ตามทฤษฎี ไม่เกิน 30 MHz) จากนั้นจึงใช้วิธีการแบบตรีโกณมิติคำนวณออกมาเป็นความสูงเสมือน
ส่วนค่าความสูงจริงน่าจะเป็น actual hight ซึ่งใช้การยิงตามแนวดิ่งเป็นอิมพัลส์ โดยใช้ความถี่วิกฤต (fc) แล้วคำนวณจากเวลาที่คลื่นเดินทางไปกลับ แล้วประเมินเป็นระยะทางซึ่งจะเป็น actual hight
โดยทั่วไป CRPL (central radio propagation LAB) จะใช้ความถี่วิกฤตเป็นเกณฑ์ก่อน จากนั้นจะค่อยเพิ่มความถี่ขึ้นไปเรื่อยๆ มุมยิงประมาณ 74 องศาเทียบจากแนวดิ่ง แล้วหาคลื่นที่ยังคงสะ้ท้อนกลับลงมาเพื่อใช้กำหนดเป็น MUF
ซึ่งจะได้ค่าโดยประมาณของ MUF เป็น 3.6 เท่าของ fc
สำหรับ ความถี่ใช้งานที่เหมาะสม (OWF หรือ frequency of optimal traffic, fot) จะประเมินจาก 50-85% ของ MUF ตามการแปรผันของฤดูกาลที่ทำให้ค่าดัชนีหักเหของอากาศเปลี่ยนแปลงไป
ขอบคุณท่าน wavebravo ที่ช่วยนำความรู้มาเผยแพร่ให้กับเพื่อนสมาชิก เพื่อนสมาชิกที่สนใจเรื่องเกี่ยวกับการสะท้อนคลื่นโดยชั้นบรรยากาศ ลองค้นหาข้อมูลเกี่ยว HAARP ดูนะครับ
Gop wrote:ผมขอยืนยันวิธีการพิสูจน์ครับ
ถ้าปีนี้อเมริกายังโดนเฮอริเคนถล่ม และสร้างความเสียหายเหมือน(หรือมากว่า)เดิม เจ้าโครงการนี้ก็คงใช้ประโยชน์ในการควบคุมอากาศไม่ได้หรอกครับ ป้องกันตัวเองยังไม่ได้ จะเอาไปใช้โจมตีชาวบ้านเขาได้หรือ
เรื่องนักฟิสิกส์ที่กล่าวถึงนั้น เขาบอกในแง่ความเป็นไปได้ทางทฤษฎีครับ ก็ถือว่าเป็นความรู้เอาไว้ แต่จาก link ที่ผมอ่านในวิกิพีเดีย เจ้าชั้นบรรยากาศที่ว่านี้ เรายังมีความรู้เกี่ยวกับมันน้อยมากครับ ถ้าเรายังไม่รู้ว่าสิ่งที่จะใช้นั้นเป็นอย่างไร เราจะไปควบคุมมันได้อย่างไรครับ??
voodoo wrote:อย่าลืมว่า จากในรูป เป็นการติดตั้งบนพื้นที่กว้างๆแบบตายตัว
ฉะนั้น ลืมเรื่องมุมยิงไปได้เลย ยิงกี่ทีมันก็มุมเดิมนั่นแหละ
อีกอย่าง มันติดแบบตั้งฉากกับพื้นโลกด้วย
HAARP ตั้งอยู่บนแนวคิดของเบอร์นาร์ด อีสต์ลันด์ (Bernard Eastlund) เจ้าของสิทธิบัตรสามใบที่จดในอเมริกา (หมายเลข 4,686,605 - 4,712,158 - 5,038,664) ซึ่งล้วนเป็นการปรับปรุงเทคโนโลยีในสิทธิบัตรที่เทสลาจดไว้ หลังจากทำการทดลองที่โคโลราโด ชื่อของสิทธิบัตรของเขาได้แก่: วิธีการและเครื่องมือในการเปลี่ยนแปลงบริเวณในชั้นบรรยากาศของโลก, วิธีการและเครื่องมือในการสร้างเครื่องเร่งอิเล็คตรอนไซโคลตรอน (electron cyclotron) ด้วยความร้อนพลาสมา, วิธีการผลิตอนุภาคสัมพัทธภาพ (relativistic particles) เหนือพื้นผิวโลก
สิทธิบัตรใบสุดท้าย ซึ่งอธิบายโล่ห์ป้องกันจรวดขีปนาวุธที่สามารถทำลายวงจรอิเล็คทรอนิคส์ของจรวด หรือดาวเทียมศัตรูได้ คือรังสีหายนะของเทสลา มันทำงานด้วยการสร้างหลุมพลาสมาที่ประกอบด้วยอนุภาคพลังงานสูง นั่นคือเวอร์ชั่นยักษ์ของลูกบอลสายฟ้าของเทสลาที่โคโลราโดนั่นเอง
http://www.dek-d.com/board/view.php?id=1168747
voodoo wrote:อย่าลืมว่า จากในรูป เป็นการติดตั้งบนพื้นที่กว้างๆแบบตายตัว
ฉะนั้น ลืมเรื่องมุมยิงไปได้เลย ยิงกี่ทีมันก็มุมเดิมนั่นแหละ
อีกอย่าง มันติดแบบตั้งฉากกับพื้นโลกด้วย
ปารมี wrote:นับวันมนุษย์ทำลายมันมากขึ้น เมื่อมันหาสมดุลของตัวเองไม่ได้ธรรมชาติก็เกิดการเปลี่ยนแปลง