HAARP อาวุธควบคุมธรรมชาติ ทำลายมนุษยชาติ เป็นจริงหรือไม่?

คลังปัญญา กระทู้ปักหมุดเดิม เรื่องสำคัญจัดเก็บที่นี่

Re: HAARP อาวุธควบคุมธรรมชาติ ทำลายมนุษยชาติ เป็นจริงหรือไม่?

Postby Gop » Fri Oct 22, 2010 5:02 pm

เบื่อ นช ทักสิน wrote:มาพูดเรื่อง Resonance กันหน่อยครับ คุณทราบไหมว่า มีการประดิษฐ์ เครื่องมือหักล้างคลื่นเสียงที่รบกวน จนทำให้เสียงนั้นเงียบลง
คุณเชื่อไหมว่า เราสามารถใช้เสียง ส่งไปทำลายกระจกที่ปืนยิงไม่ทะลุให้แหลกเป็นจุลได้
เหตุเหล่านี้เกิดจากที่วัตถุแต่ละชนิดจะมีค่าวิกฤติของ resonance เมื่อเราสามารถส่งคลื่นเสียงที่มีresonance เดียวกับวัตถุนั้น จะสามารถทำลายวัตถุนั้นได้ เช่นทดลองกับกระจก หรือสามารถหักล้าง คลื่นเสียงที่ดัง จนกลายค่าเป็นศูนย์
จากเรื่องความรู้เกี่ยวกับคลื่นนี้ ผมเชื่อว่า เราสามารถทำให้เกิดwave ขนาดใหญ่ และผลิตพลังความร้อน แบบเดียวกับ infrared ทำให้บรรยากาศโลกบริเวณนั้น ร้อนผิดปกติ และเกิดการยกตัวขึ้น ทำให้เกิด พายุหมุนพวก tonado พุ่งลงมาทำลายเป้าหมายได้
ปรากฎการณ์นี้เคยเกิดกับสะพานชื่ออะไรผมจำไม่ได้ ใน USA พังมาแล้ว โดยลมพัดในจังหวะ resonance ของสะพาน ทำให้สะพานแก่งมากขึ้นๆๆๆๆๆจนพังลงมา
ลักษณะเดียวกับที่เราแกว่งชิงช้าในจังหวะ resonance จะค่อยๆทำให้ชิงช้าโยนตัวสูงขึ้นๆๆๆๆ โดยใช้แรงไม่มากแต่ถูกจังหวะ เท่านั้นเอง


ว่าจะเขียนเกี่ยวกับเรื่องนี้นานแล้ว แต่ติดงานที่ประชาไท ว่างๆก็ไปช่วยกันหน่อยนะครับ ลองไปอยู่ในดงแดงบ้าง ได้บรรยากาศไปอีกแบบ

กลับมาเรื่อง Resonance ครับ

ที่คุณ "เบื่อ นช ทักสิน" บอกนั้นถูกครับ แต่การจะเอาเรื่องนี้มาใช้กับชั้นบรรยากาศนั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่งครับ การเกิด resonance นั้นมีปัจจัยที่สำคัญคือ "เงื่อนไขที่ขอบ" (boundary condition) ครับ ตัวอย่างที่คุณยกมานั้น เช่นสะพาน หรือ เตาอบไมโครเวฟนั้น มันเป็นระบบที่ปิด ทำให้พลังงานสามารถสะสมได้เรื่อยๆ เช่นสะพานนั้น เรายึดมันกับดิน กับถนน เมื่อเกิดการสั่นสะเทือน พลังงานจะถ่ายเทไปให้ตัวสะพานที่เคลื่อนที่ได้ง่ายกว่า "ขอบ" เกิดเป็นคลื่นวิ่งไปมาอยู่ในสะพาน เมื่อมีลมที่พัดด้วยจังหวะที่พอเหมาะและต่อเนื่อง การสะสมพลังงานจะเกิดขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ amplitude ของการสั่นนั้นมากขึ้นเรื่อยๆ จนถึงจุดที่สะพานทนไม่ไหวและพังในที่สุด

ส่วนกรณีไมเครเวฟนั้นก็คล้ายกัน ในเตาอบจะมีเครื่องยิงคลื่นไมโครเวฟอยู่ตลอดเมื่อเราอุ่นอาหาร โดยหลักการแล้ว เขาจะออกแบบให้คลื่นที่อยู่ในเตาอบนั้นฟอร์มตัวเป็น "คลื่นนิ่ง" อยู่บริเวณตรงกลางเครื่อง ที่เราใช้วางอาหารไงครับ เจ้าคลื่นนิ่งนี้ก็คือ resonance อีกเช่นกันครับ ลักษณะของมันขึ้นอยู่กับความถี่ของคลื่นที่ส่ง และรูปร่างของเตาที่กักมันไว้

ประเด็นสำคัญอยู่ตรงนี้ครับ เงื่อนไขที่ทำให้เกิด resonance มีสองข้อคือ

๑) มันต้องมีการ "กัก" หรือ "ขัง" พลังงานเอาไว้ครับ

๒)ถ้าเรากักพลังงานเอาไว้ได้ในระดับหนึ่ง(ซึ่งต้องมากพอสมควร) และเราก็ใส่พลังเพิ่มเข้าไปเรื่อยๆด้วยความถี่ที่เหมาะสม มันถึงจะเกิด resonance ขึ้นครับ ไม่เช่นนั้น สิ่งที่เกิดจะเป็นเหมือนโยนหินลงในบ่อน้ำครับ คือมีการกระเพื่อมของคลื่นในตอนแรก หลังจากนั้นไม่นานมันก็จะหายไปเพราะสูญเสียพลังงาน ซึ่งเราเรียกมันว่่า dissipation ครับ

และนี่แหละครับ ที่ผมเห็นว่าเรื่องการเปลี่ยนสภาพอากาศด้วยการส่งคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้านั้นเป็นเรื่องยากครับ เพราะว่า

๑ เรายังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าในชั้นบรรยากาศนั้นมีลักษณะอย่างไร และประกอบไปด้วยอะไรบ้าง(ในรายละเอียด) ทำให้เราไม่ทราบว่า resonance frequency คืออะไร
๒ คุณสมบัติอีกอย่างคือ เมื่อส่งคลื่นนั้นไป พลังงานที่ส่งจะแบ่งเป็นสามส่วนคือ สะท้อนกลับมา ทะลุผ่านไป และดูดซับเอาไว้ ถ้ามีสองอันแรกเยอะ ก็เป็นเรื่องยากครับ ที่เราจะสร้าง resonance ได้
สองข้อนี้ผมมีสมมุติฐานว่า เรายังรู้เกี่ยวกับชั้นบรรยากาศ ionosphere น้อยอยู่นะครับ เอาล่ะ สมมุติว่าเรารู้จนได้ แต่ก็ยังมีความยากที่ตามมาอีกครับ คือ
๓ boundary condition ของชั้นบรรยากาศนั้นไม่เหมาะกับการเกิด resonance ครับ พลังงานที่เราให้ไป ถ้ามันเกิดเป็นความร้อนขึ้นมา มันจะสามารถ drain ออกจากระบบได้หลายทิศทาง ทำให้การกักเก็บพลังงานอย่างต่อเนื่องเกิดได้ยากครับ

๔ ด้วยข้อจำกัดของข้อ ๓ ทำให้เหลือทางเดียวที่จะทำให้เกิดความร้อนได้ก็คือ การให้พลังงานในปริมาณที่สูงมากในบริเวณหนึ่งอย่างรวดเร็ว เหมือนเราโยนก้อนเหล็กร้อนลงในน้ำ จะเกิดน้ำเดือดขึ้นได้บริเวณเล็กๆ รอบๆก้อนเหล็กนั้น ซึ่งเป็นเรื่งที่เป็นไปได้ทางทฤษฎี แต่เป็นไปได้ยากมากๆในทางปฏิบัติครับ เพราะเราต้องการพลังงานที่มาก ในเวลาอันรวดเร็ว หมายความว่าเราต้องการ power มากๆ ผมเองก็ยังไม่เคยลองคำนวณ แต่ผมมั่นใจว่ามันต้องมหาศาลแน่นอน เพราะการจะรบกวนชั้นบรรยากาศ จนทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศได้ ต้องเกิดการรบกวนที่เป็นบริเวณกว้างมากครับ ผมว่าอย่างน้อยต้องระดับเดียวกับระเบิดนิวเคลียร์เลยทีเดียว เท่าที่ผมรู้ เครื่องส่งคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าไม่สามารถทำอย่างนั้น(ให้พลังงานมาก และเร็วพอๆกับระเบิดนิวเคลียร์) ได้ครับ

ยังมีข้อจำกัดอีกมากมายครับ ที่สำคัญที่สุดคือ dissipation หรือการสูญเสียพลังงานนี่แหละครับ เรื่องสิทธิบัตรของ Tesla นั้นผมก็เคยได้ยิน Tesla พยายามโปรโมทโครงการนี้มากครับ เขาต้องการส่งพลังงานไฟฟ้าแบบไม่มีสาย แต่ปัญหาคือการสูญเสียพลังงานนี่แหละครับ ที่ทำให้โครงการนี้เป็นหมัน เทสล่า เองก็หมดเงินไปเยอะครับ หอส่งสัญญาณก็กลายเป็นเศษเหล็กไปในที่สุด

ต่อให้เราสร้างเครื่องส่งพลังงานสูงขึ้นได้ กว่าจะถึงชั้นบรรยากาศ ผมไม่รู้ว่ามันจะเหลือซักเท่าไหร่ แถมอาจกระจายเป็นวงกว้าง(กว่าที่ต้องการ)มากอีกต่างหาก :cry: :(

ความยากนั้นผมนึกได้เท่านี้แหละครับ ผมเชื่อว่ายังมีอีกเยอะ ถ้านึกได้เพิ่มก็จะเอามาลงอีก จะพยายามหา reference ให้ครับ เอาแบบเขียนเพียวๆ ไปก่อนนะครับ และขอบคุณ คุณ J7th ที่หาเอกสารอ้างอิงของ Stanford มาให้ อันนี้ค่อยยังชั่วหน่อยครับ อย่าไปจริงจังกับพวกสารคดีมากเลยครับ มันเน้นความบันเทิงมากกว่าสาระครับ

User avatar
Gop
 
Posts: 837
Joined: Sun Jun 27, 2010 4:13 pm

Re: HAARP อาวุธควบคุมธรรมชาติ ทำลายมนุษยชาติ เป็นจริงหรือไม่?

Postby Jseventh » Fri Oct 22, 2010 5:18 pm

คุณ Gop อ่านข้อมูลของ Stanford U. แล้ว ได้ความว่าไง อย่าลืมมาแชร์กันในกระทู้นะคะ

ส่วนตัวแล้ว ดิฉันก็ยังแกะข้อมูล และสืบค้นเรื่องนี้ไปเรื่อย ตามที่ตนสนใจ

ขอบคุณค่ะ :)
ความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เป็นเทวาหรือซาตาน มนุษย์เท่านั้นที่เป็นผู้กำหนด
User avatar
Jseventh
 
Posts: 1741
Joined: Wed Nov 19, 2008 11:19 am

Re: HAARP อาวุธควบคุมธรรมชาติ ทำลายมนุษยชาติ เป็นจริงหรือไม่?

Postby เบื่อ นช ทักสิน » Fri Oct 22, 2010 7:11 pm

Gop wrote:
เบื่อ นช ทักสิน wrote:มาพูดเรื่อง Resonance กันหน่อยครับ คุณทราบไหมว่า มีการประดิษฐ์ เครื่องมือหักล้างคลื่นเสียงที่รบกวน จนทำให้เสียงนั้นเงียบลง
คุณเชื่อไหมว่า เราสามารถใช้เสียง ส่งไปทำลายกระจกที่ปืนยิงไม่ทะลุให้แหลกเป็นจุลได้
เหตุเหล่านี้เกิดจากที่วัตถุแต่ละชนิดจะมีค่าวิกฤติของ resonance เมื่อเราสามารถส่งคลื่นเสียงที่มีresonance เดียวกับวัตถุนั้น จะสามารถทำลายวัตถุนั้นได้ เช่นทดลองกับกระจก หรือสามารถหักล้าง คลื่นเสียงที่ดัง จนกลายค่าเป็นศูนย์
จากเรื่องความรู้เกี่ยวกับคลื่นนี้ ผมเชื่อว่า เราสามารถทำให้เกิดwave ขนาดใหญ่ และผลิตพลังความร้อน แบบเดียวกับ infrared ทำให้บรรยากาศโลกบริเวณนั้น ร้อนผิดปกติ และเกิดการยกตัวขึ้น ทำให้เกิด พายุหมุนพวก tonado พุ่งลงมาทำลายเป้าหมายได้
ปรากฎการณ์นี้เคยเกิดกับสะพานชื่ออะไรผมจำไม่ได้ ใน USA พังมาแล้ว โดยลมพัดในจังหวะ resonance ของสะพาน ทำให้สะพานแก่งมากขึ้นๆๆๆๆๆจนพังลงมา
ลักษณะเดียวกับที่เราแกว่งชิงช้าในจังหวะ resonance จะค่อยๆทำให้ชิงช้าโยนตัวสูงขึ้นๆๆๆๆ โดยใช้แรงไม่มากแต่ถูกจังหวะ เท่านั้นเอง


ว่าจะเขียนเกี่ยวกับเรื่องนี้นานแล้ว แต่ติดงานที่ประชาไท ว่างๆก็ไปช่วยกันหน่อยนะครับ ลองไปอยู่ในดงแดงบ้าง ได้บรรยากาศไปอีกแบบ

กลับมาเรื่อง Resonance ครับ

ที่คุณ "เบื่อ นช ทักสิน" บอกนั้นถูกครับ แต่การจะเอาเรื่องนี้มาใช้กับชั้นบรรยากาศนั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่งครับ การเกิด resonance นั้นมีปัจจัยที่สำคัญคือ "เงื่อนไขที่ขอบ" (boundary condition) ครับ ตัวอย่างที่คุณยกมานั้น เช่นสะพาน หรือ เตาอบไมโครเวฟนั้น มันเป็นระบบที่ปิด ทำให้พลังงานสามารถสะสมได้เรื่อยๆ เช่นสะพานนั้น เรายึดมันกับดิน กับถนน เมื่อเกิดการสั่นสะเทือน พลังงานจะถ่ายเทไปให้ตัวสะพานที่เคลื่อนที่ได้ง่ายกว่า "ขอบ" เกิดเป็นคลื่นวิ่งไปมาอยู่ในสะพาน เมื่อมีลมที่พัดด้วยจังหวะที่พอเหมาะและต่อเนื่อง การสะสมพลังงานจะเกิดขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ amplitude ของการสั่นนั้นมากขึ้นเรื่อยๆ จนถึงจุดที่สะพานทนไม่ไหวและพังในที่สุด

ส่วนกรณีไมเครเวฟนั้นก็คล้ายกัน ในเตาอบจะมีเครื่องยิงคลื่นไมโครเวฟอยู่ตลอดเมื่อเราอุ่นอาหาร โดยหลักการแล้ว เขาจะออกแบบให้คลื่นที่อยู่ในเตาอบนั้นฟอร์มตัวเป็น "คลื่นนิ่ง" อยู่บริเวณตรงกลางเครื่อง ที่เราใช้วางอาหารไงครับ เจ้าคลื่นนิ่งนี้ก็คือ resonance อีกเช่นกันครับ ลักษณะของมันขึ้นอยู่กับความถี่ของคลื่นที่ส่ง และรูปร่างของเตาที่กักมันไว้

ประเด็นสำคัญอยู่ตรงนี้ครับ เงื่อนไขที่ทำให้เกิด resonance มีสองข้อคือ

๑) มันต้องมีการ "กัก" หรือ "ขัง" พลังงานเอาไว้ครับ

๒)ถ้าเรากักพลังงานเอาไว้ได้ในระดับหนึ่ง(ซึ่งต้องมากพอสมควร) และเราก็ใส่พลังเพิ่มเข้าไปเรื่อยๆด้วยความถี่ที่เหมาะสม มันถึงจะเกิด resonance ขึ้นครับ ไม่เช่นนั้น สิ่งที่เกิดจะเป็นเหมือนโยนหินลงในบ่อน้ำครับ คือมีการกระเพื่อมของคลื่นในตอนแรก หลังจากนั้นไม่นานมันก็จะหายไปเพราะสูญเสียพลังงาน ซึ่งเราเรียกมันว่่า dissipation ครับ

และนี่แหละครับ ที่ผมเห็นว่าเรื่องการเปลี่ยนสภาพอากาศด้วยการส่งคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้านั้นเป็นเรื่องยากครับ เพราะว่า

๑ เรายังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าในชั้นบรรยากาศนั้นมีลักษณะอย่างไร และประกอบไปด้วยอะไรบ้าง(ในรายละเอียด) ทำให้เราไม่ทราบว่า resonance frequency คืออะไร
๒ คุณสมบัติอีกอย่างคือ เมื่อส่งคลื่นนั้นไป พลังงานที่ส่งจะแบ่งเป็นสามส่วนคือ สะท้อนกลับมา ทะลุผ่านไป และดูดซับเอาไว้ ถ้ามีสองอันแรกเยอะ ก็เป็นเรื่องยากครับ ที่เราจะสร้าง resonance ได้
สองข้อนี้ผมมีสมมุติฐานว่า เรายังรู้เกี่ยวกับชั้นบรรยากาศ ionosphere น้อยอยู่นะครับ เอาล่ะ สมมุติว่าเรารู้จนได้ แต่ก็ยังมีความยากที่ตามมาอีกครับ คือ
๓ boundary condition ของชั้นบรรยากาศนั้นไม่เหมาะกับการเกิด resonance ครับ พลังงานที่เราให้ไป ถ้ามันเกิดเป็นความร้อนขึ้นมา มันจะสามารถ drain ออกจากระบบได้หลายทิศทาง ทำให้การกักเก็บพลังงานอย่างต่อเนื่องเกิดได้ยากครับ

๔ ด้วยข้อจำกัดของข้อ ๓ ทำให้เหลือทางเดียวที่จะทำให้เกิดความร้อนได้ก็คือ การให้พลังงานในปริมาณที่สูงมากในบริเวณหนึ่งอย่างรวดเร็ว เหมือนเราโยนก้อนเหล็กร้อนลงในน้ำ จะเกิดน้ำเดือดขึ้นได้บริเวณเล็กๆ รอบๆก้อนเหล็กนั้น ซึ่งเป็นเรื่งที่เป็นไปได้ทางทฤษฎี แต่เป็นไปได้ยากมากๆในทางปฏิบัติครับ เพราะเราต้องการพลังงานที่มาก ในเวลาอันรวดเร็ว หมายความว่าเราต้องการ power มากๆ ผมเองก็ยังไม่เคยลองคำนวณ แต่ผมมั่นใจว่ามันต้องมหาศาลแน่นอน เพราะการจะรบกวนชั้นบรรยากาศ จนทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศได้ ต้องเกิดการรบกวนที่เป็นบริเวณกว้างมากครับ ผมว่าอย่างน้อยต้องระดับเดียวกับระเบิดนิวเคลียร์เลยทีเดียว เท่าที่ผมรู้ เครื่องส่งคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าไม่สามารถทำอย่างนั้น(ให้พลังงานมาก และเร็วพอๆกับระเบิดนิวเคลียร์) ได้ครับ

ยังมีข้อจำกัดอีกมากมายครับ ที่สำคัญที่สุดคือ dissipation หรือการสูญเสียพลังงานนี่แหละครับ เรื่องสิทธิบัตรของ Tesla นั้นผมก็เคยได้ยิน Tesla พยายามโปรโมทโครงการนี้มากครับ เขาต้องการส่งพลังงานไฟฟ้าแบบไม่มีสาย แต่ปัญหาคือการสูญเสียพลังงานนี่แหละครับ ที่ทำให้โครงการนี้เป็นหมัน เทสล่า เองก็หมดเงินไปเยอะครับ หอส่งสัญญาณก็กลายเป็นเศษเหล็กไปในที่สุด

ต่อให้เราสร้างเครื่องส่งพลังงานสูงขึ้นได้ กว่าจะถึงชั้นบรรยากาศ ผมไม่รู้ว่ามันจะเหลือซักเท่าไหร่ แถมอาจกระจายเป็นวงกว้าง(กว่าที่ต้องการ)มากอีกต่างหาก :cry: :(

ความยากนั้นผมนึกได้เท่านี้แหละครับ ผมเชื่อว่ายังมีอีกเยอะ ถ้านึกได้เพิ่มก็จะเอามาลงอีก จะพยายามหา reference ให้ครับ เอาแบบเขียนเพียวๆ ไปก่อนนะครับ และขอบคุณ คุณ J7th ที่หาเอกสารอ้างอิงของ Stanford มาให้ อันนี้ค่อยยังชั่วหน่อยครับ อย่าไปจริงจังกับพวกสารคดีมากเลยครับ มันเน้นความบันเทิงมากกว่าสาระครับ


ไม่รู้นะว่าเป็นไปได้ไหม มันต้องลองดูครับ คือการที่เราสั่นอนุภาคของโมเลกุลของก๊าซ หรือไอน้ำในชั้นบรรยากาศ แล้วเสริม resonance เข้าไปทำให้มันสั่นมากขึ้นเรือ่ยๆ จนเกิดพลังความร้อนมหาศาล
เหมือนคลื่นที่ผิวทะเล เมื่อลมพัดเสียดสีไปเรื่อยๆ มันเป้นระบบเปิดนะไมใช่ปิดอย่างที่คุณว่า คลื่นมันจะใหญ่ขึ้นได้ แต่มันก้เสียพลังงานไปด้วย ถ้าจะมีวิธีควบคุมพลังงานให้ไม่สูญเสียมาก ก้น่าจะเวิคนะครับ
User avatar
เบื่อ นช ทักสิน
 
Posts: 1146
Joined: Mon Nov 03, 2008 11:57 am

Re: HAARP อาวุธควบคุมธรรมชาติ ทำลายมนุษยชาติ เป็นจริงหรือไม่?

Postby usarain » Fri Oct 22, 2010 10:21 pm

อย่าไปจริงจังกับพวกสารคดีมากเลยครับ มันเน้นความบันเทิงมากกว่าสาระครับ

เห็นด้วยอย่างยิ่งครับ

ตอนแรกคิดว่าปิดกระทู้แล้วซะอีกครับ

การจำกัดพลังงานให้สะสมอยู่แล้วเกิดเป็นพลังงานมาก ๆ ผมนึกออกแต่โซนิคบูมครับ แต่นั่นเป็นเสียงและแรงสั่นสะเทือนซึ่งเป็นพลังงานกล ไม่เคยเห็นการเปลี่ยนจากคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าเป็นพลังงานกลครับ ไมโครเวฟเป็นระบบปิดเพราะน้ำเป็นสถานะของเหลวในภาชนะเล็ก ๆ ไม่ได้แพร่ไปนอกภาชนะครับ แต่ถ้าเป็นแก๊สนี่ถ้าถูกสะเทือนแบบกำทอนแล้วมันคงแพร่หนีไปไหน ๆ ได้นี่ครับ แล้วมันไม่น่าจะสะสมพลังงานได้ครับ
แดงล้มเจ้าเป็นบาป เพราะอกตัญญู
User avatar
usarain
 
Posts: 699
Joined: Thu May 20, 2010 6:46 am

Re: HAARP อาวุธควบคุมธรรมชาติ ทำลายมนุษยชาติ เป็นจริงหรือไม่?

Postby เบื่อ นช ทักสิน » Fri Oct 22, 2010 10:30 pm

เอ เดี๋ยวนี้มีเตาแม่เหล็กไฟฟ้าแล้วใช่ไหมครับ ตามร้านสุกี้ใช้กัน เปลี่ยนสนามแม่เหล็กเป็นความร้อนใช่ไหม แล้วความร้อนเปลี่ยนน้ำไห้เกิดพลังงานจล
User avatar
เบื่อ นช ทักสิน
 
Posts: 1146
Joined: Mon Nov 03, 2008 11:57 am

Re: HAARP อาวุธควบคุมธรรมชาติ ทำลายมนุษยชาติ เป็นจริงหรือไม่?

Postby suratation » Sat Oct 23, 2010 1:03 am


ไปเจอมาครับ ทุกท่านว่าไง
User avatar
suratation
 
Posts: 156
Joined: Tue May 18, 2010 1:14 pm

Re: HAARP อาวุธควบคุมธรรมชาติ ทำลายมนุษยชาติ เป็นจริงหรือไม่?

Postby voodoo » Sun Oct 24, 2010 1:35 am

เห็นหน้ามันเพิ่มเลยเข้ามาอ่าน
เจอบางอย่างขัดแย้งกันเอง
ตอนแรกบอกว่าhaapส่วคลื่นความถี่ต่ำ
ตอนหลังมาเป็นไมโครเวฟ
ไมโครเวฟมันคลื่นความถี่สูงนะครับ
Image
มีเวบที่ให้ความรู้เกี่ยวกับสายอากาศhttp://hs8jyx.blogspot.com/2010/05/band-plan.html
ส่วนรื่องนี้
ส่วนกรณีไมเครเวฟนั้นก็คล้ายกัน ในเตาอบจะมีเครื่องยิงคลื่นไมโครเวฟอยู่ตลอดเมื่อเราอุ่นอาหาร โดยหลักการแล้ว เขาจะออกแบบให้คลื่นที่อยู่ในเตาอบนั้นฟอร์มตัวเป็น "คลื่นนิ่ง" อยู่บริเวณตรงกลางเครื่อง ที่เราใช้วางอาหารไงครับ เจ้าคลื่นนิ่งนี้ก็คือ resonance อีกเช่นกันครับ ลักษณะของมันขึ้นอยู่กับความถี่ของคลื่นที่ส่ง และรูปร่างของเตาที่กักมันไว้

คลื่นนิ่ง ก็คือ standing wave มันจะหักล้างกันพอดีเมื่อมีเฟสตรงข้ามกัน พูดง่ายๆคือคลื่นสองลูกที่มีรูปร่างกลับด้านกัน วิ่งเข้าชนกัน จะถูกหักล้างกันจนเป็น0
User avatar
voodoo
 
Posts: 416
Joined: Mon Aug 24, 2009 1:51 am

Re: HAARP อาวุธควบคุมธรรมชาติ ทำลายมนุษยชาติ เป็นจริงหรือไม่?

Postby Iona » Sun Oct 24, 2010 6:46 am

ทุกอย่างต้องมีที่มาที่ไป (ตามความเชื่อส่วนตัวนะ)

- สงครามโลกครั้งที่2 มีการใช้เครื่องบินขนระเบิดไปทิ้งตามเมืองต่างๆในการรบ
(ประเทศต่างๆเริ่มมี การสร้างเครื่องบิน...เพื่อต่อต้านเครื่องบินขนระเบิด) >>>> โจทย์ที่พยายามจะแก้ปัญหานี้ จึงมีการพยายามสร้างขีปนาวุธระยะไกล แทนเครื่องบินขนระเบิด
- สงครามเย็น
(รัสเซียและอเมริกาต่าง พัฒนาการสร้างขีประนาวุธระยะไกล >>>> จะทดลองยังไงว่า ไปได้ไกลจริง จึงเกิดการแข่งไปดวงจันทร์ >>>> จรวดv4และจรวดอพอลโล่)

เมื่อทุกประเทศต่างพัฒนาขีปนาวุธ แน่นอนทุกประเทศ ย่อมพัฒนาวิธีป้องกันขีปนาวุธด้วย >>>> ที่มาโครงการสตาวอร์ของสหรัฐและสาระพัดชื่อของประเทศอื่น

ถามว่าวันนี้ โลกเรามีประเทศไหนป้องกัน ขีปนาวุธระยะไกลได้จริงไหม .........คำตอบคือ ไม่
จากกรณี เกาหลีใต้ยิงข้ามหัวญีปุ่นเป็นระยะในรอบหลายปีที่ผ่านมา (ถ้าป้องกันได้ ทดลองกันโครมๆแล้ว)
และจากกรณี สงครามในตะวันออกกลาง ก็เป็นตัวยืนยันว่า อเมริกาป้องกันทหารตัวเองจากขีปนาวุธสกั๊ดของอิลักไม่ได้

ส่วนเรื่องHAARP ผมมองว่ามันก็พอๆกับเรื่องCERN จะทำลายโลกนั่นละ ..........ถ้าคุณสนใจอ่าน คุณจะพบว่า มันดราม่าไปในทางเดียวกัน - -.

ขำนะๆ ถ้าคิดตามจิตนาการที่นำเสนอ
ถ้า HAARP คือ อาวุธที่นาย A จะใช้ครองโลก
CERN คงเป็นอาวุธที่นาย U จะพลีชีพทั้งโลก ห้ามใครครอง 555555+
อย่าโทษหรือด่าว่า คนที่ไม่มีโอกาศเข้าถึงข่าวสารข้อมูล ปัญหาจะแก้ได้คือ ทำอย่างไรให้เค้าเหล่านั้น ได้เข้าถึงข่าวสารข้อมูล
การศึกษาขั้นสูงฟรีในประเทศเรา ควรเริ่มโครงการได้หรือยัง? >>> ทรัพยากรมนุษย์ มันยั่งยื่น
PAD
User avatar
Iona
 
Posts: 309
Joined: Mon Oct 13, 2008 9:50 am

Re: HAARP อาวุธควบคุมธรรมชาติ ทำลายมนุษยชาติ เป็นจริงหรือไม่?

Postby Jseventh » Sun Oct 24, 2010 7:32 am

จะไม่ลองวิเคราห์จากข้อมูลทางวิชาการ หรือ สิทธิบัตรต่างๆที่เป็นผลงานทางวิทยาศาสตร์ที่อเมริกาเขามีกันให้เกลื่อนมั่งหรือคะ?
ค้นหาจาก google ก็ได้..

จะได้เป็นความรู้ และมาเล่าสู่กันฟัง :)

ความรู้ที่เรามี กับความรู้ที่เขามี บางทีก็ดูจะห่างชั้นกันอยู่นะคะ :roll:
ความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เป็นเทวาหรือซาตาน มนุษย์เท่านั้นที่เป็นผู้กำหนด
User avatar
Jseventh
 
Posts: 1741
Joined: Wed Nov 19, 2008 11:19 am

Re: HAARP อาวุธควบคุมธรรมชาติ ทำลายมนุษยชาติ เป็นจริงหรือไม่?

Postby Jseventh » Sun Oct 24, 2010 7:34 am

พูดถึงเรื่องความฝันหรือจินตนาการแล้ว ก็นึกแปลกใจนะ ที่อเมริกา-อิสราเอล เขามีฝันและจินตนาการที่เป็นจริงกันแล้วหลายเรื่อง แต่พวกเรายังตาดูดาว เท้าติดดินกันอยู่เลย ไม่ไปถึงอวกาศกันสักที ;)
ความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เป็นเทวาหรือซาตาน มนุษย์เท่านั้นที่เป็นผู้กำหนด
User avatar
Jseventh
 
Posts: 1741
Joined: Wed Nov 19, 2008 11:19 am

Re: HAARP อาวุธควบคุมธรรมชาติ ทำลายมนุษยชาติ เป็นจริงหรือไม่?

Postby Jseventh » Sun Oct 24, 2010 8:23 am

เอาลิงค์ที่มีข้อมูลเกี่ยวกับสิทธิบัตรที่น่าสนใจมาฝาก
http://www.thelivingmoon.com/45jack_files/03files/HAARP_Project_Gacona_Alaska.html

โดยส่วนตัว ดิฉันไม่ได้คล้อยตามหรือขัดแย้งกับสิ่งที่เขาเขียน แต่สนใจในการรวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวกับสิทธิบัตรต่างๆ ที่อาจถูกนำมาใช้กับโครงการ HAARP และโครงการอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ

ลองเลือกวิเคราะห์สิทธิบัตรพวกนั้นดูก็ได้ค่ะ โดยเฉพาะที่เกี่ยวกับการสร้างชั้นพลาสมาในชั้นบรรยากาศ

ส่วนลิงค์ข้อมูลที่เปิดให้ดาวน์โหลดเอกสารจาก Standford U. ก็โพสต์ไปแล้ว
ลงซ้ำอีกทีก็ได้..ที่เกี่ยวกับหมวดหมู่ HAARP มี 3 หัวข้อ
http://publicintelligence.net/tag/haarp/

โดยส่วนตัว ดิฉันกำลังมองหาคนรู้จักที่พอจะแปลให้ได้ แปลให้อยู่ แต่ตอนนี้ยังไม่ได้ติดต่อ
กำลังทดลองแกะดูเล่นๆแบบเต่าคลานไปทีละบรรทัดก่อน :lol:
ความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เป็นเทวาหรือซาตาน มนุษย์เท่านั้นที่เป็นผู้กำหนด
User avatar
Jseventh
 
Posts: 1741
Joined: Wed Nov 19, 2008 11:19 am

Re: HAARP อาวุธควบคุมธรรมชาติ ทำลายมนุษยชาติ เป็นจริงหรือไม่?

Postby Iona » Sun Oct 24, 2010 4:32 pm

เรื่อง CERN ทำลายโลก ขออธิบายเพิ่มเติมว่า มันเป็นเีรื่องหลอกลวงที่เต้าขึ้นมาจาก นักข่าวตกอับอยากรวย ปลอมและอ้างชื่อนักวิทยาศาสตร์ทั้งหมด
อ้างว่าตัวเองคือ ผู้มีความชำนาญฟิสิกอนุภาค เพื่อนำเสนอทฤษฏีทำลายโลกที่เค้าเต้าขึ้นมา ให้คนตื่นตกใจกลัว
(ต้องการหาเงินจากอิเว้น คือ ต้องออกรายการได้เงินเยอะๆ นักข่าวตัวจริง เค้าเลยไปค้นหาแหล่งอ้างอิงและจับได้ในที่สุด)
เค้านำข้อมูลไปเผยแพรในเนต ทุกวันนี้ข้อมูลพวกนั้นก็ยังอยู่ในเนต ให้คนอ้างอิงกันแบบผิดๆต่อไป - -. ............ถ้าอยากอ่านทฤษฏีนั้นก็ลองไปค้นหาในกลูเกิ้นดูครับ เพียบ

ส่วนด้านบน ผมแค่มาเสริม ในส่วนที่เพื่อนๆกล่าวถึง ...ถึงที่มาที่ไป ของโครงการสตาวอร์

ส่วนตัวผมไม่เชื่อเรื่อง HAARP เพราะ พายุถล่มอเมริกาเยอะกว่าประเทศอื่นๆในโลกนี้ (มันคงไม่โง่ ทดลองกับตัวเองเป็นอันดับแรกมัง- -.)
อย่าโทษหรือด่าว่า คนที่ไม่มีโอกาศเข้าถึงข่าวสารข้อมูล ปัญหาจะแก้ได้คือ ทำอย่างไรให้เค้าเหล่านั้น ได้เข้าถึงข่าวสารข้อมูล
การศึกษาขั้นสูงฟรีในประเทศเรา ควรเริ่มโครงการได้หรือยัง? >>> ทรัพยากรมนุษย์ มันยั่งยื่น
PAD
User avatar
Iona
 
Posts: 309
Joined: Mon Oct 13, 2008 9:50 am

Re: HAARP อาวุธควบคุมธรรมชาติ ทำลายมนุษยชาติ เป็นจริงหรือไม่?

Postby Jseventh » Sun Oct 24, 2010 6:21 pm

Iona wrote:เรื่อง CERN ทำลายโลก ขออธิบายเพิ่มเติมว่า มันเป็นเีรื่องหลอกลวงที่เต้าขึ้นมาจาก นักข่าวตกอับอยากรวย ปลอมและอ้างชื่อนักวิทยาศาสตร์ทั้งหมด
อ้างว่าตัวเองคือ ผู้มีความชำนาญฟิสิกอนุภาค เพื่อนำเสนอทฤษฏีทำลายโลกที่เค้าเต้าขึ้นมา ให้คนตื่นตกใจกลัว
(ต้องการหาเงินจากอิเว้น คือ ต้องออกรายการได้เงินเยอะๆ นักข่าวตัวจริง เค้าเลยไปค้นหาแหล่งอ้างอิงและจับได้ในที่สุด)
เค้านำข้อมูลไปเผยแพรในเนต ทุกวันนี้ข้อมูลพวกนั้นก็ยังอยู่ในเนต ให้คนอ้างอิงกันแบบผิดๆต่อไป - -. ............ถ้าอยากอ่านทฤษฏีนั้นก็ลองไปค้นหาในกลูเกิ้นดูครับ เพียบ

ส่วนด้านบน ผมแค่มาเสริม ในส่วนที่เพื่อนๆกล่าวถึง ...ถึงที่มาที่ไป ของโครงการสตาวอร์


ขอบคุณค่ะที่นำเรื่อง CERN มาบอก จะได้ทราบเป็นข้อมูลไว้ ไม่ชอบโดนหลอกอยู่เหมือนกัน :(
สำหรับเรื่อง CERN ดิฉันยังไม่ได้ซีเรียสเท่า HAARP เพราะดิฉันเกรงว่า มันอาจจะถูกนำมาใช้สร้างความเสียหายให้กับประเทศของเราหรือประเทศอื่นๆในละแวกใกล้เคียง

เพราะ ถ้าเป็นจริง มันเท่ากับทำลายความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจของประเทศในภูมิภาคแถบนี้ไปโดยปริยาย
ยกตัวอย่างน้ำท่วมรอบนี้ ประเทศเราสูญเสียไปเท่าไหร่
เกษตรกรหนี้ท่วมหัว รัฐเสียงบประมาณส่วนกลางเพื่อการฟื้นฟู ฯ :!:
ชี้พิษน้ำท่วมเสียหายหมื่นล. พื้นที่เกษตรยับเยิน1ล้านไร่
http://www.ryt9.com/s/nnd/1011318

ดิฉันไม่ได้คิดจะหาเรื่องโทษเจ้า HAARP นี้หรอกค่ะ มันเป็นความรับผิดชอบของคนในบ้านเมืองเราเองด้วยในเรื่องการดูแลสิ่งแวดล้อมและการบริหารจัดการน้ำ รวมถึงการวางผังเมือง ฯ /แต่เมื่อมีข้อมูลที่พอจะเชื่อถือได้ถูกเปิดเผยออกมาเกี่ยวกับ HAARP จะไม่สนใจก็ดูกระไรอยู่!

ส่วนตัวผมไม่เชื่อเรื่อง HAARP เพราะ พายุถล่มอเมริกาเยอะกว่าประเทศอื่นๆในโลกนี้ (มันคงไม่โง่ ทดลองกับตัวเองเป็นอันดับแรกมัง- -.)


เชื่อหรือไม่ ก็เคารพในวิจารณญาณของแต่ละคนค่ะ
ดิฉันเองก็ยังไม่ได้เชื่อ 100% เพียงแต่คิดว่ามันอาจเป็นไปได้ และขอตั้งข้อสงสัยกับโปรเจกต์นี้
กังวลว่า ประเทศเราอาจจะเป็นเป้าหมายในการโจมตี หรือได้รับผลจากการทดลองควบคุมสภาพอากาศของบรรดาชาติมหาอำนาจที่มีความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีไปไกลกว่าเรา

ส่วนเรื่องทำไมมีความเสียหายเกิดขึ้นกับอเมริกานั้น มีกลุ่มทฤษฎีสมคบคิดเชื่อว่านี่เป็นแผนการเกี่ยวกับ new world order, one world government /แต่ถ้าดูจากสารคดี นักวิทยาศาสตร์ของอเมริกาบอกในทำนองว่า สงสัยว่าตนเองอาจจะโดนโจมตีจากรัสเซียประเทศคู่ปรับของเขา
ความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เป็นเทวาหรือซาตาน มนุษย์เท่านั้นที่เป็นผู้กำหนด
User avatar
Jseventh
 
Posts: 1741
Joined: Wed Nov 19, 2008 11:19 am

Re: HAARP อาวุธควบคุมธรรมชาติ ทำลายมนุษยชาติ เป็นจริงหรือไม่?

Postby เบื่อ นช ทักสิน » Mon Oct 25, 2010 6:32 am

voodoo wrote:เห็นหน้ามันเพิ่มเลยเข้ามาอ่าน
เจอบางอย่างขัดแย้งกันเอง
ตอนแรกบอกว่าhaapส่วคลื่นความถี่ต่ำ
ตอนหลังมาเป็นไมโครเวฟ
ไมโครเวฟมันคลื่นความถี่สูงนะครับ
Image
มีเวบที่ให้ความรู้เกี่ยวกับสายอากาศhttp://hs8jyx.blogspot.com/2010/05/band-plan.html
ส่วนรื่องนี้
ส่วนกรณีไมเครเวฟนั้นก็คล้ายกัน ในเตาอบจะมีเครื่องยิงคลื่นไมโครเวฟอยู่ตลอดเมื่อเราอุ่นอาหาร โดยหลักการแล้ว เขาจะออกแบบให้คลื่นที่อยู่ในเตาอบนั้นฟอร์มตัวเป็น "คลื่นนิ่ง" อยู่บริเวณตรงกลางเครื่อง ที่เราใช้วางอาหารไงครับ เจ้าคลื่นนิ่งนี้ก็คือ resonance อีกเช่นกันครับ ลักษณะของมันขึ้นอยู่กับความถี่ของคลื่นที่ส่ง และรูปร่างของเตาที่กักมันไว้

คลื่นนิ่ง ก็คือ standing wave มันจะหักล้างกันพอดีเมื่อมีเฟสตรงข้ามกัน พูดง่ายๆคือคลื่นสองลูกที่มีรูปร่างกลับด้านกัน วิ่งเข้าชนกัน จะถูกหักล้างกันจนเป็น0

เตาไมโครเวฟ ไม่น่าจะใช้ opposite wave ไปยังเป้าหมายที่คุณว่านะครับ ถ้าเป็นงั้น มันหักล้างกันหมดแล้ว น้ำจะเดือดได้ไงครับ ผมว่า เป็นการส่งคลื่นไมโครเวฟมายังเป้าหมาย คือวัตถุที่อยู่กลางเตามากกว่าครับ เมื่อคลื่นทำการสั่นอนุภาคที่เป้าหมาย มันก็เกิดความร้อนขึ้น คือ ความร้อนทำให้อนุภาคสั่น หรือถ้าเราสั่นอนุภาคจะได้ความร้อนในทางกลับกัน
ส่วนไอ้โครงการ HAARPนี่จะใช้คลื่น ความถี่สูงหรือต่ำ มันก็น่าจะทำให้เกิดresonance ได้ทุกชนิดของคลื่น และทุกความถี่ของคลื่นนะครับ และการใช้พวกคลื่นความถี่สูงนี่น่าจะเกิดความร้อนได้มากกว่าคลื่นความถี่ต่ำ เพราะคลื่นความถี่สูง อนุภาคที่คลื่นเคลื่อนที่ผ่านจะสั่นมากกว่าพวกคลื่นความถี่ต่ำครับ นี่พูดตามหลักการเลยนะครับ ไม่ต้องมีทฤษฎีอะไร มันเห็นๆ และสามารถพิสูจน์ได้ ด้วยวิธีพื้นๆ
การส่งพวกคลื่นความถี่เหล่านี้ผ่านmediaต่างๆขณะที่คลื่นเลือ่นที่ผ่านไป อนุภาคของอะไรที่ คลื่นเคลื่อนผ่าน ถ้าได้ค่าresonance เดียวกับคลื่นก็ย่อมสั่นมากขึ้นเรื่อยๆ ถ้ายังมีการเติมพลังงานคลื่นต่อเนื่อง และจะเกิดจุดวิกฤติขึ้นได้ แต่ถ้าวัตถุอื่นใดไม่มี resonance เดียวกับคลื่น มันก็ไม่เกิด reaction ดังกล่าว ไม่จำเป็นต้องเป็นระบบปิด เหมือนในท่อ ที่ทำการทดลอง resonance สมัยมัธยมครับ
User avatar
เบื่อ นช ทักสิน
 
Posts: 1146
Joined: Mon Nov 03, 2008 11:57 am

Re: HAARP อาวุธควบคุมธรรมชาติ ทำลายมนุษยชาติ เป็นจริงหรือไม่?

Postby Jseventh » Mon Oct 25, 2010 12:29 pm

เบื่อ นช ทักสิน wrote:
Gop wrote:
เบื่อ นช ทักสิน wrote:มาพูดเรื่อง Resonance กันหน่อยครับ คุณทราบไหมว่า มีการประดิษฐ์ เครื่องมือหักล้างคลื่นเสียงที่รบกวน จนทำให้เสียงนั้นเงียบลง
คุณเชื่อไหมว่า เราสามารถใช้เสียง ส่งไปทำลายกระจกที่ปืนยิงไม่ทะลุให้แหลกเป็นจุลได้
เหตุเหล่านี้เกิดจากที่วัตถุแต่ละชนิดจะมีค่าวิกฤติของ resonance เมื่อเราสามารถส่งคลื่นเสียงที่มีresonance เดียวกับวัตถุนั้น จะสามารถทำลายวัตถุนั้นได้ เช่นทดลองกับกระจก หรือสามารถหักล้าง คลื่นเสียงที่ดัง จนกลายค่าเป็นศูนย์
จากเรื่องความรู้เกี่ยวกับคลื่นนี้ ผมเชื่อว่า เราสามารถทำให้เกิดwave ขนาดใหญ่ และผลิตพลังความร้อน แบบเดียวกับ infrared ทำให้บรรยากาศโลกบริเวณนั้น ร้อนผิดปกติ และเกิดการยกตัวขึ้น ทำให้เกิด พายุหมุนพวก tonado พุ่งลงมาทำลายเป้าหมายได้
ปรากฎการณ์นี้เคยเกิดกับสะพานชื่ออะไรผมจำไม่ได้ ใน USA พังมาแล้ว โดยลมพัดในจังหวะ resonance ของสะพาน ทำให้สะพานแก่งมากขึ้นๆๆๆๆๆจนพังลงมา
ลักษณะเดียวกับที่เราแกว่งชิงช้าในจังหวะ resonance จะค่อยๆทำให้ชิงช้าโยนตัวสูงขึ้นๆๆๆๆ โดยใช้แรงไม่มากแต่ถูกจังหวะ เท่านั้นเอง


ว่าจะเขียนเกี่ยวกับเรื่องนี้นานแล้ว แต่ติดงานที่ประชาไท ว่างๆก็ไปช่วยกันหน่อยนะครับ ลองไปอยู่ในดงแดงบ้าง ได้บรรยากาศไปอีกแบบ

กลับมาเรื่อง Resonance ครับ

ที่คุณ "เบื่อ นช ทักสิน" บอกนั้นถูกครับ แต่การจะเอาเรื่องนี้มาใช้กับชั้นบรรยากาศนั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่งครับ การเกิด resonance นั้นมีปัจจัยที่สำคัญคือ "เงื่อนไขที่ขอบ" (boundary condition) ครับ ตัวอย่างที่คุณยกมานั้น เช่นสะพาน หรือ เตาอบไมโครเวฟนั้น มันเป็นระบบที่ปิด ทำให้พลังงานสามารถสะสมได้เรื่อยๆ เช่นสะพานนั้น เรายึดมันกับดิน กับถนน เมื่อเกิดการสั่นสะเทือน พลังงานจะถ่ายเทไปให้ตัวสะพานที่เคลื่อนที่ได้ง่ายกว่า "ขอบ" เกิดเป็นคลื่นวิ่งไปมาอยู่ในสะพาน เมื่อมีลมที่พัดด้วยจังหวะที่พอเหมาะและต่อเนื่อง การสะสมพลังงานจะเกิดขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ amplitude ของการสั่นนั้นมากขึ้นเรื่อยๆ จนถึงจุดที่สะพานทนไม่ไหวและพังในที่สุด

ส่วนกรณีไมเครเวฟนั้นก็คล้ายกัน ในเตาอบจะมีเครื่องยิงคลื่นไมโครเวฟอยู่ตลอดเมื่อเราอุ่นอาหาร โดยหลักการแล้ว เขาจะออกแบบให้คลื่นที่อยู่ในเตาอบนั้นฟอร์มตัวเป็น "คลื่นนิ่ง" อยู่บริเวณตรงกลางเครื่อง ที่เราใช้วางอาหารไงครับ เจ้าคลื่นนิ่งนี้ก็คือ resonance อีกเช่นกันครับ ลักษณะของมันขึ้นอยู่กับความถี่ของคลื่นที่ส่ง และรูปร่างของเตาที่กักมันไว้

ประเด็นสำคัญอยู่ตรงนี้ครับ เงื่อนไขที่ทำให้เกิด resonance มีสองข้อคือ

๑) มันต้องมีการ "กัก" หรือ "ขัง" พลังงานเอาไว้ครับ

๒)ถ้าเรากักพลังงานเอาไว้ได้ในระดับหนึ่ง(ซึ่งต้องมากพอสมควร) และเราก็ใส่พลังเพิ่มเข้าไปเรื่อยๆด้วยความถี่ที่เหมาะสม มันถึงจะเกิด resonance ขึ้นครับ ไม่เช่นนั้น สิ่งที่เกิดจะเป็นเหมือนโยนหินลงในบ่อน้ำครับ คือมีการกระเพื่อมของคลื่นในตอนแรก หลังจากนั้นไม่นานมันก็จะหายไปเพราะสูญเสียพลังงาน ซึ่งเราเรียกมันว่่า dissipation ครับ

และนี่แหละครับ ที่ผมเห็นว่าเรื่องการเปลี่ยนสภาพอากาศด้วยการส่งคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้านั้นเป็นเรื่องยากครับ เพราะว่า

๑ เรายังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าในชั้นบรรยากาศนั้นมีลักษณะอย่างไร และประกอบไปด้วยอะไรบ้าง(ในรายละเอียด) ทำให้เราไม่ทราบว่า resonance frequency คืออะไร
๒ คุณสมบัติอีกอย่างคือ เมื่อส่งคลื่นนั้นไป พลังงานที่ส่งจะแบ่งเป็นสามส่วนคือ สะท้อนกลับมา ทะลุผ่านไป และดูดซับเอาไว้ ถ้ามีสองอันแรกเยอะ ก็เป็นเรื่องยากครับ ที่เราจะสร้าง resonance ได้
สองข้อนี้ผมมีสมมุติฐานว่า เรายังรู้เกี่ยวกับชั้นบรรยากาศ ionosphere น้อยอยู่นะครับ เอาล่ะ สมมุติว่าเรารู้จนได้ แต่ก็ยังมีความยากที่ตามมาอีกครับ คือ
๓ boundary condition ของชั้นบรรยากาศนั้นไม่เหมาะกับการเกิด resonance ครับ พลังงานที่เราให้ไป ถ้ามันเกิดเป็นความร้อนขึ้นมา มันจะสามารถ drain ออกจากระบบได้หลายทิศทาง ทำให้การกักเก็บพลังงานอย่างต่อเนื่องเกิดได้ยากครับ

๔ ด้วยข้อจำกัดของข้อ ๓ ทำให้เหลือทางเดียวที่จะทำให้เกิดความร้อนได้ก็คือ การให้พลังงานในปริมาณที่สูงมากในบริเวณหนึ่งอย่างรวดเร็ว เหมือนเราโยนก้อนเหล็กร้อนลงในน้ำ จะเกิดน้ำเดือดขึ้นได้บริเวณเล็กๆ รอบๆก้อนเหล็กนั้น ซึ่งเป็นเรื่งที่เป็นไปได้ทางทฤษฎี แต่เป็นไปได้ยากมากๆในทางปฏิบัติครับ เพราะเราต้องการพลังงานที่มาก ในเวลาอันรวดเร็ว หมายความว่าเราต้องการ power มากๆ ผมเองก็ยังไม่เคยลองคำนวณ แต่ผมมั่นใจว่ามันต้องมหาศาลแน่นอน เพราะการจะรบกวนชั้นบรรยากาศ จนทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศได้ ต้องเกิดการรบกวนที่เป็นบริเวณกว้างมากครับ ผมว่าอย่างน้อยต้องระดับเดียวกับระเบิดนิวเคลียร์เลยทีเดียว เท่าที่ผมรู้ เครื่องส่งคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าไม่สามารถทำอย่างนั้น(ให้พลังงานมาก และเร็วพอๆกับระเบิดนิวเคลียร์) ได้ครับ

ยังมีข้อจำกัดอีกมากมายครับ ที่สำคัญที่สุดคือ dissipation หรือการสูญเสียพลังงานนี่แหละครับ เรื่องสิทธิบัตรของ Tesla นั้นผมก็เคยได้ยิน Tesla พยายามโปรโมทโครงการนี้มากครับ เขาต้องการส่งพลังงานไฟฟ้าแบบไม่มีสาย แต่ปัญหาคือการสูญเสียพลังงานนี่แหละครับ ที่ทำให้โครงการนี้เป็นหมัน เทสล่า เองก็หมดเงินไปเยอะครับ หอส่งสัญญาณก็กลายเป็นเศษเหล็กไปในที่สุด

ต่อให้เราสร้างเครื่องส่งพลังงานสูงขึ้นได้ กว่าจะถึงชั้นบรรยากาศ ผมไม่รู้ว่ามันจะเหลือซักเท่าไหร่ แถมอาจกระจายเป็นวงกว้าง(กว่าที่ต้องการ)มากอีกต่างหาก :cry: :(

ความยากนั้นผมนึกได้เท่านี้แหละครับ ผมเชื่อว่ายังมีอีกเยอะ ถ้านึกได้เพิ่มก็จะเอามาลงอีก จะพยายามหา reference ให้ครับ เอาแบบเขียนเพียวๆ ไปก่อนนะครับ และขอบคุณ คุณ J7th ที่หาเอกสารอ้างอิงของ Stanford มาให้ อันนี้ค่อยยังชั่วหน่อยครับ อย่าไปจริงจังกับพวกสารคดีมากเลยครับ มันเน้นความบันเทิงมากกว่าสาระครับ


ไม่รู้นะว่าเป็นไปได้ไหม มันต้องลองดูครับ คือการที่เราสั่นอนุภาคของโมเลกุลของก๊าซ หรือไอน้ำในชั้นบรรยากาศ แล้วเสริม resonance เข้าไปทำให้มันสั่นมากขึ้นเรือ่ยๆ จนเกิดพลังความร้อนมหาศาล
เหมือนคลื่นที่ผิวทะเล เมื่อลมพัดเสียดสีไปเรื่อยๆ มันเป้นระบบเปิดนะไมใช่ปิดอย่างที่คุณว่า คลื่นมันจะใหญ่ขึ้นได้ แต่มันก้เสียพลังงานไปด้วย ถ้าจะมีวิธีควบคุมพลังงานให้ไม่สูญเสียมาก ก้น่าจะเวิคนะครับ


ทางฝั่งอเมริกาและยุโรป มีทีมศึกษาวิจัยกันอย่างจริงจังนานหลายปี บางทีก็หลายสิบปี กว่าจะได้ข้อมูลความรู้ที่เป็นประโยชน์ ซึ่งสามารถเอาไปใช้งานหรือต่อยอดสร้า่งเทคโนโลยีใหม่ๆได้ และเอามาขายให้เรา /อยากเห็นนักวิทยาศาสตร์ในแถบเอเชียรวมตัวกันศึกษาอะไรแบบนี้บ้าง และสร้างเทคโนโลยีดีๆ ที่เป็นประโยชน์แก่เพื่อนมนุษย์ หรือจะได้จับได้ไล่ทันเวลาชาติตะวันตกคิดจะทำอะไร

มีบทความที่จะมาสนับสนุนหลักการที่คุณเบื่อ นช ทักสิน กล่าวมา..
กรณีนี้เป็นเรื่องคลื่นวิทยุ ณ ความถี่นึง สามารถทำให้ิเกิดการเปลี่ยนแปลงกับโมเลกุลของน้ำทะเลได้
เป็นการค้นพบโดยบังเอิญของ จอห์น คันเซียส (John Kanzius) นักวิจัยด้านโรคมะเร็งในเคาน์ตีอีรี เพนซีลเวเนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา ขณะที่เขากำลังพยายามแยกเกลือออกจากน้ำทะเลด้วยเครื่องให้กำเนิดความถี่วิทยุ เพื่อนำไปใช้บำบัดรักษาคนไข้โรคมะเร็ง โดยในระหว่างที่เขาปล่อยคลื่นความถี่วิทยุลงไปในน้ำทะเล ซึ่งอยู่ในหลอดทดลอง น้ำทะเลเกิดติดไฟขึ้นมา

คันเซียสได้อธิบายถึงทฤษฎีที่ทำให้ ‘น้ำ’ สามารถ ‘ติดไฟ’ ได้ว่า เกิดจากกระบวนการ ‘Reunification’ หรือ ‘การรวมกันใหม่’ ของไฮโดรเจนกับออกซิเจนในโมเลกุลของน้ำ โดยอธิบายว่า เมื่อปล่อยคลื่นความถี่วิทยุลงในน้ำทะเล คลื่นวิทยุจะทำให้พันธะไฮโดรเจนในโมเลกุลของน้ำอ่อนตัวลง กระทั่งโมเลกุลของน้ำแตกตัวออกเป็นไฮโดรเจนอะตอมและออกซิเจนอะตอม จากนั้นอะตอมของธาตุทั้งสองจะรวมตัวกันใหม่ กลายเป็นก๊าซออกซิเจนและไฮโดรเจน และทำปฏิกิริยากันใหม่ กลับกลายเป็นน้ำอีกครั้ง และปลดปล่อยพลังงานออกมาพร้อมๆ กับเปลวไฟ....(อ่านบทความเต็ม v)

"จุดไฟเผาน้ำทะเล" ด้วยคลื่นวิทยุ
http://www.skoolbuz.com/library/content/90

การทดลองนี้ดูไม่ยุ่งยากเท่าไร น่าสนใจดีนะคะ
ความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เป็นเทวาหรือซาตาน มนุษย์เท่านั้นที่เป็นผู้กำหนด
User avatar
Jseventh
 
Posts: 1741
Joined: Wed Nov 19, 2008 11:19 am

Re: HAARP อาวุธควบคุมธรรมชาติ ทำลายมนุษยชาติ เป็นจริงหรือไม่?

Postby Jseventh » Mon Oct 25, 2010 12:54 pm

อีกบทความนึง ที่เป็นสาระประโยชน์ด้านสุขภาพสำหรับคนที่ป่วยเป็นโพรงจมูกอักเสบเรื้อรัง หรือนอนกรน ซึ่งมักจะมีสาเหตุมาจากการที่มีเนื้อเยื่อในช่องทางเดินหายใจที่ใหญ่หรือหนาตัวมากกว่าปกติ

หลักการคือ ใช้คลื่นวิทยุแทนมีดผ่าตัด เป็นการรักษาโพรงจมูกอักเสบเรื้อรัง ทำให้หายใจได้โล่งขึ้น ด้วยพลังงานจากคลื่นวิทยุที่ปล่อยเข้าไปในบริเวณเนื้อเยื่อที่อุดกั้นทางเดินหายใจ พลังงานจากคลื่นวิทยุนี้จะเปลี่ยนเป็นพลังงานความร้อนที่ควบคุมอุณหภูมิไว้ไม่ให้สูงมากนัก ความร้อนที่ไม่สูงมากนี้จะไม่ทำลายเซลล์หรือเนื้อเยื่อ แต่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของโปรตีน มีผลทำให้เนื้อเยื่อบริเวณที่ต้องการรักษาเกิดการหดตัวลง

RFTVR :: วิธีการรักษาแบบใหม่สำหรับ "โรคภูมิแพ้"
http://www.sci.nu.ac.th/board/04/index.php?topic=1013.0

ดูรูปได้ที่ v (คาดว่าน่าจะเป็นแบบเดียวกัน)
http://www.doctorgallardo.com/site-en/somnoplasty.html

อันนี้รู้สึกจะเป็นมุมดีๆ ที่ใช้คลื่นวิทยุในทางที่เกิดประโยชน์ :)
ความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เป็นเทวาหรือซาตาน มนุษย์เท่านั้นที่เป็นผู้กำหนด
User avatar
Jseventh
 
Posts: 1741
Joined: Wed Nov 19, 2008 11:19 am

Re: HAARP อาวุธควบคุมธรรมชาติ ทำลายมนุษยชาติ เป็นจริงหรือไม่?

Postby เบื่อ นช ทักสิน » Mon Oct 25, 2010 5:40 pm

ขอบคุณ คุณ jsevenที่ช่วยหาบทความดีๆมาให้อ่านครับ ทำให้ผมได้ไอเดียออกมาหลายๆอย่าง
สรุปนะครับ ผมเชื่อว่าดครงการ haarp นี้น่าสนใจมากๆ และน่าจะเอาไปใช้ได้ทั้งทางสันติและทำลาย คือมีดมันมี2คมไงครับ แล้วแต่เอาไปใช้
User avatar
เบื่อ นช ทักสิน
 
Posts: 1146
Joined: Mon Nov 03, 2008 11:57 am

Re: HAARP อาวุธควบคุมธรรมชาติ ทำลายมนุษยชาติ เป็นจริงหรือไม่?

Postby Jseventh » Mon Oct 25, 2010 5:56 pm

Gop wrote:
ว่าจะเขียนเกี่ยวกับเรื่องนี้นานแล้ว แต่ติดงานที่ประชาไท ว่างๆก็ไปช่วยกันหน่อยนะครับ ลองไปอยู่ในดงแดงบ้าง ได้บรรยากาศไปอีกแบบ

กลับมาเรื่อง Resonance ครับ

ที่คุณ "เบื่อ นช ทักสิน" บอกนั้นถูกครับ แต่การจะเอาเรื่องนี้มาใช้กับชั้นบรรยากาศนั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่งครับ การเกิด resonance นั้นมีปัจจัยที่สำคัญคือ "เงื่อนไขที่ขอบ" (boundary condition) ครับ ตัวอย่างที่คุณยกมานั้น เช่นสะพาน หรือ เตาอบไมโครเวฟนั้น มันเป็นระบบที่ปิด ทำให้พลังงานสามารถสะสมได้เรื่อยๆ เช่นสะพานนั้น เรายึดมันกับดิน กับถนน เมื่อเกิดการสั่นสะเทือน พลังงานจะถ่ายเทไปให้ตัวสะพานที่เคลื่อนที่ได้ง่ายกว่า "ขอบ" เกิดเป็นคลื่นวิ่งไปมาอยู่ในสะพาน เมื่อมีลมที่พัดด้วยจังหวะที่พอเหมาะและต่อเนื่อง การสะสมพลังงานจะเกิดขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ amplitude ของการสั่นนั้นมากขึ้นเรื่อยๆ จนถึงจุดที่สะพานทนไม่ไหวและพังในที่สุด

ส่วนกรณีไมเครเวฟนั้นก็คล้ายกัน ในเตาอบจะมีเครื่องยิงคลื่นไมโครเวฟอยู่ตลอดเมื่อเราอุ่นอาหาร โดยหลักการแล้ว เขาจะออกแบบให้คลื่นที่อยู่ในเตาอบนั้นฟอร์มตัวเป็น "คลื่นนิ่ง" อยู่บริเวณตรงกลางเครื่อง ที่เราใช้วางอาหารไงครับ เจ้าคลื่นนิ่งนี้ก็คือ resonance อีกเช่นกันครับ ลักษณะของมันขึ้นอยู่กับความถี่ของคลื่นที่ส่ง และรูปร่างของเตาที่กักมันไว้

ประเด็นสำคัญอยู่ตรงนี้ครับ เงื่อนไขที่ทำให้เกิด resonance มีสองข้อคือ

๑) มันต้องมีการ "กัก" หรือ "ขัง" พลังงานเอาไว้ครับ

๒)ถ้าเรากักพลังงานเอาไว้ได้ในระดับหนึ่ง(ซึ่งต้องมากพอสมควร) และเราก็ใส่พลังเพิ่มเข้าไปเรื่อยๆด้วยความถี่ที่เหมาะสม มันถึงจะเกิด resonance ขึ้นครับ ไม่เช่นนั้น สิ่งที่เกิดจะเป็นเหมือนโยนหินลงในบ่อน้ำครับ คือมีการกระเพื่อมของคลื่นในตอนแรก หลังจากนั้นไม่นานมันก็จะหายไปเพราะสูญเสียพลังงาน ซึ่งเราเรียกมันว่่า dissipation ครับ

และนี่แหละครับ ที่ผมเห็นว่าเรื่องการเปลี่ยนสภาพอากาศด้วยการส่งคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้านั้นเป็นเรื่องยากครับ เพราะว่า

๑ เรายังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าในชั้นบรรยากาศนั้นมีลักษณะอย่างไร และประกอบไปด้วยอะไรบ้าง(ในรายละเอียด) ทำให้เราไม่ทราบว่า resonance frequency คืออะไร
๒ คุณสมบัติอีกอย่างคือ เมื่อส่งคลื่นนั้นไป พลังงานที่ส่งจะแบ่งเป็นสามส่วนคือ สะท้อนกลับมา ทะลุผ่านไป และดูดซับเอาไว้ ถ้ามีสองอันแรกเยอะ ก็เป็นเรื่องยากครับ ที่เราจะสร้าง resonance ได้
สองข้อนี้ผมมีสมมุติฐานว่า เรายังรู้เกี่ยวกับชั้นบรรยากาศ ionosphere น้อยอยู่นะครับ เอาล่ะ สมมุติว่าเรารู้จนได้ แต่ก็ยังมีความยากที่ตามมาอีกครับ คือ
๓ boundary condition ของชั้นบรรยากาศนั้นไม่เหมาะกับการเกิด resonance ครับ พลังงานที่เราให้ไป ถ้ามันเกิดเป็นความร้อนขึ้นมา มันจะสามารถ drain ออกจากระบบได้หลายทิศทาง ทำให้การกักเก็บพลังงานอย่างต่อเนื่องเกิดได้ยากครับ

๔ ด้วยข้อจำกัดของข้อ ๓ ทำให้เหลือทางเดียวที่จะทำให้เกิดความร้อนได้ก็คือ การให้พลังงานในปริมาณที่สูงมากในบริเวณหนึ่งอย่างรวดเร็ว เหมือนเราโยนก้อนเหล็กร้อนลงในน้ำ จะเกิดน้ำเดือดขึ้นได้บริเวณเล็กๆ รอบๆก้อนเหล็กนั้น ซึ่งเป็นเรื่งที่เป็นไปได้ทางทฤษฎี แต่เป็นไปได้ยากมากๆในทางปฏิบัติครับ เพราะเราต้องการพลังงานที่มาก ในเวลาอันรวดเร็ว หมายความว่าเราต้องการ power มากๆ ผมเองก็ยังไม่เคยลองคำนวณ แต่ผมมั่นใจว่ามันต้องมหาศาลแน่นอน เพราะการจะรบกวนชั้นบรรยากาศ จนทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศได้ ต้องเกิดการรบกวนที่เป็นบริเวณกว้างมากครับ ผมว่าอย่างน้อยต้องระดับเดียวกับระเบิดนิวเคลียร์เลยทีเดียว เท่าที่ผมรู้ เครื่องส่งคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าไม่สามารถทำอย่างนั้น(ให้พลังงานมาก และเร็วพอๆกับระเบิดนิวเคลียร์) ได้ครับ

ยังมีข้อจำกัดอีกมากมายครับ ที่สำคัญที่สุดคือ dissipation หรือการสูญเสียพลังงานนี่แหละครับ เรื่องสิทธิบัตรของ Tesla นั้นผมก็เคยได้ยิน Tesla พยายามโปรโมทโครงการนี้มากครับ เขาต้องการส่งพลังงานไฟฟ้าแบบไม่มีสาย แต่ปัญหาคือการสูญเสียพลังงานนี่แหละครับ ที่ทำให้โครงการนี้เป็นหมัน เทสล่า เองก็หมดเงินไปเยอะครับ หอส่งสัญญาณก็กลายเป็นเศษเหล็กไปในที่สุด

ต่อให้เราสร้างเครื่องส่งพลังงานสูงขึ้นได้ กว่าจะถึงชั้นบรรยากาศ ผมไม่รู้ว่ามันจะเหลือซักเท่าไหร่ แถมอาจกระจายเป็นวงกว้าง(กว่าที่ต้องการ)มากอีกต่างหาก :cry: :(

ความยากนั้นผมนึกได้เท่านี้แหละครับ ผมเชื่อว่ายังมีอีกเยอะ ถ้านึกได้เพิ่มก็จะเอามาลงอีก จะพยายามหา reference ให้ครับ เอาแบบเขียนเพียวๆ ไปก่อนนะครับ และขอบคุณ คุณ J7th ที่หาเอกสารอ้างอิงของ Stanford มาให้ อันนี้ค่อยยังชั่วหน่อยครับ อย่าไปจริงจังกับพวกสารคดีมากเลยครับ มันเน้นความบันเทิงมากกว่าสาระครับ



เอาเอกสารมาฝากอีกชุดค่ะ ของ Standford U. เช่นเคย
เผื่อให้คุณ Gop และท่านอื่นๆ ได้ช่วยกันพิจารณาหรือนำไปศึกษาต่อ

http://vlf.stanford.edu/sites/default/files/publications/2010-16.pdf
คิดว่าเอกสารชุดนี้ คงพออธิบายภาพได้ว่า HAARP ใช้คลื่นวิทยุสร้างพื้นที่ความร้อนในชั้นบรรยากาศได้อย่างไร ?
ดูเหมือนกฎ 3 ข้อที่คุณ Gop กล่าวถึง จะไม่เป็นปัญหาอะไรเลย

เป็นไปได้ อยากให้คนที่มีความรู้ในวิชาการด้านนี้ มาช่วยอธิบายให้ฟังเหมือนกันค่ะ
ดิฉันเองอ่านไปงงไปอยู่เหมือนกัน แต่ก็พอเข้าใจเป็นบางอย่าง
ทั้งเป็นภาษาอังกฤษ ทั้งเป็นวิชาการ มึนจริงๆ :P

ยังมีบทความอีกหลายเรื่องที่เกี่ยวกับคลื่น ELF-VLF, Ionosphere และ HAARP ของ Standford U.
http://vlf.stanford.edu/pubs

้home page
http://vlf.stanford.edu/
ความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เป็นเทวาหรือซาตาน มนุษย์เท่านั้นที่เป็นผู้กำหนด
User avatar
Jseventh
 
Posts: 1741
Joined: Wed Nov 19, 2008 11:19 am

Re: HAARP อาวุธควบคุมธรรมชาติ ทำลายมนุษยชาติ เป็นจริงหรือไม่?

Postby Jseventh » Mon Oct 25, 2010 6:00 pm

เบื่อ นช ทักสิน wrote:ขอบคุณ คุณ jsevenที่ช่วยหาบทความดีๆมาให้อ่านครับ ทำให้ผมได้ไอเดียออกมาหลายๆอย่าง
สรุปนะครับ ผมเชื่อว่าดครงการ haarp นี้น่าสนใจมากๆ และน่าจะเอาไปใช้ได้ทั้งทางสันติและทำลาย คือมีดมันมี2คมไงครับ แล้วแต่เอาไปใช้


ขอบคุณเช่นกันค่ะ คุณเบื่อ นช ทักสิน
ดิฉันก็ได้ความรู้และอะไรดีๆเพิ่มขึ้น จากการได้สนทนากับทุกท่านในกระทู้
ความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เป็นเทวาหรือซาตาน มนุษย์เท่านั้นที่เป็นผู้กำหนด
User avatar
Jseventh
 
Posts: 1741
Joined: Wed Nov 19, 2008 11:19 am

Re: HAARP อาวุธควบคุมธรรมชาติ ทำลายมนุษยชาติ เป็นจริงหรือไม่?

Postby Iona » Mon Oct 25, 2010 6:46 pm

เรื่อง HAARP อาวุธควบคุมธรรมชาติ ทำลายมนุษยชาติ เป็นจริงหรือไม่?
กลายเป็นประโยชนย์เรื่อง การใช้คลื่นความถี่ต่างๆ ในการรักษาโรคหรอครับ
ผมว่าคนละเรื่องกับHAARP แล้วนะ?

การใช้คลื่นความถี่ต่างๆในการรักษาโรคหลายๆโรค และการทำความสะอาดอุปกรณ์ทางการแพทย์ .................เรามีมานานแล้วครับ - -.
เพราะ ตอนผมเรียนมันมีเครื่องมือพวกนี้มากมายแล้ว

ตัวอย่าง
การใช้คลื่นความถี่ที่ได้รับการยอมรับเพิ่มอีกหนึ่งอย่างคือ การใช้คลื่นความถี่สูงรักษาเลนส์ตา ทำให้เลนส์ตามีลักษณะที่ยืดหยุนเหมือนเดิม สำหรับคนมีปัญหาเรื่องสายตา
เครื่องนี้ ถ้าจำไม่ผิดประเทศเราซื้อเข้ามาเมื่อ3-4ปีที่แล้วมัง

ถ้าเราจะพูดถึงประโยชนย์เรื่องของคลื่นความถี่ต่างๆ เราก็ไม่ควรนำมันไปโยงกับ HAARP เพราะ
HAARP ไม่ใช่จุดกำเนิด ในการนำคลื่นความถี่ต่างๆมาใช้งาน และไม่ใช่แรงบันดาลใจด้วย
(แค่นักวิทยศาสตร์หลายกลุ่ม จะนำเครื่องรบกวนคลื่นของจรวจนำวิถี ไปปล่อยคลื่นรบกวนในชั้นบรรยากาศเป้าหมาย
ถ้าคลื่นนั้นมันจะทำให้โลกเรามีแผ่นดินไหว มีพายุ ผมเชื่อว่ามันควรมีไปตั้งแต่สงครามเย็นแล้วละครับ
เพราะ ทดลองกันทุกประเทศ ในทุกทฤษฏีคลื่น เนื่องจาก ช่วงสงครามเย็น ทุกประเทศต่างค้นหาวิธีป้องกันตัวเอง จากจรวจขีปนาวุธ)

เราใช้ประโยชนย์จากคลื่นความถี่ต่างๆ มีมานานแล้ว ก่อนที่จะมีโครงการสตาวอร์ และยังคงพัฒนาคื่นความถี่ต่างๆ เพื่อให้ใช้ได้เพิ่มและดีขึ้นอยู่เสมอ
อย่าโทษหรือด่าว่า คนที่ไม่มีโอกาศเข้าถึงข่าวสารข้อมูล ปัญหาจะแก้ได้คือ ทำอย่างไรให้เค้าเหล่านั้น ได้เข้าถึงข่าวสารข้อมูล
การศึกษาขั้นสูงฟรีในประเทศเรา ควรเริ่มโครงการได้หรือยัง? >>> ทรัพยากรมนุษย์ มันยั่งยื่น
PAD
User avatar
Iona
 
Posts: 309
Joined: Mon Oct 13, 2008 9:50 am

Re: HAARP อาวุธควบคุมธรรมชาติ ทำลายมนุษยชาติ เป็นจริงหรือไม่?

Postby Jseventh » Mon Oct 25, 2010 8:13 pm

เข้าใจอะไรผิดหรือเปล่าคะ คุณ Iona :?

ดิฉันแค่นำบทความเรื่องการใช้คลื่นความถี่วิทยุเพื่อการรักษาโรคโพรงจมูกอักเสบมาฝากไว้ในกระทู้
เผื่อให้เป็นประโยชน์กับเพื่อนสมาชิกท่านอื่น ถ้าคุณรู้อยู่แล้วก็ขออภัยด้วย
แต่กรณีนี้ดิฉันเห็นว่่าเป็นประโยชน์และพึ่งได้อ่านบทความนี้ ก็เท่านั้น

คนละเรื่องกัน แต่มีส่วนที่เกี่ยวข้องกันอยู่ คือการใช้ประโยชน์จากคลื่นความถี่วิทยุ
ความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เป็นเทวาหรือซาตาน มนุษย์เท่านั้นที่เป็นผู้กำหนด
User avatar
Jseventh
 
Posts: 1741
Joined: Wed Nov 19, 2008 11:19 am

Re: HAARP อาวุธควบคุมธรรมชาติ ทำลายมนุษยชาติ เป็นจริงหรือไม่?

Postby voodoo » Mon Oct 25, 2010 8:20 pm

หรือฝรั่งมันจะทำเพื่อสร้างออโรร่าขึ้นมาดูเล่นตามชื่อของมันจริงๆ(High frequency Active Auroral Research Program)
เหมือนจานยักษ์ของSETI ทีไว้ดักฟังมนษย์ต่างดาว
Image
ถ้ามันรูปร่างแบบนี้ ผมเชื่อทันทีว่ามันควบคุมพายุและแผ่นดินไหวได้
Image
Image
User avatar
voodoo
 
Posts: 416
Joined: Mon Aug 24, 2009 1:51 am

Re: HAARP อาวุธควบคุมธรรมชาติ ทำลายมนุษยชาติ เป็นจริงหรือไม่?

Postby voodoo » Mon Oct 25, 2010 8:24 pm

ดีไม่ดี อาจมีคนคิดว่า นายกร่วมมือกับอเมริกา สร้างพายุเมกีขึ้นมา เพื่อให้ท่วมคนเสื้อแดง
User avatar
voodoo
 
Posts: 416
Joined: Mon Aug 24, 2009 1:51 am

Re: HAARP อาวุธควบคุมธรรมชาติ ทำลายมนุษยชาติ เป็นจริงหรือไม่?

Postby Jseventh » Mon Oct 25, 2010 8:30 pm

สงสัยว่่า หนทางที่จะรู้ได้แบบชัดเจนที่สุด คือ ประเทศไทยมีสถาบันวิจัยเรื่องคลื่นความถี่แบบ Standford U. มั๊งคะ?
หรือจะมีทีมวิจัยไปเข้าร่วมกลุ่มเพื่อการศึกษาวิจัยกับเขาดี ? อยากเห็นวงการวิทยาศาสตร์บ้านเราก้าวหน้าค่ะ
ไม่อยากเห็นแค่นักเรียนได้เหรียญชนะเลิศกันอย่างเดียวแล้ว อยากเห็นทีมวิจัยที่เก่งๆ อย่างต่างประเทศเขาบ้าง
พวกเราจะได้ไม่ต้องมาถกทางทฤษฎีกันให้ปวดหัว :lol:

เล่มนี้น่าสนใจ แต่เสียดายไม่มีใครแปลให้อ่าน ถึงแปลแล้วก็ไม่รู้ว่่าจะเข้าใจได้แค่ไหน?
เพราะเขาบอกว่าสำหรับนักวิทยาศาสตร์กับวิศวกร

Principles of Plasma Physics for Engineers and Scientists
http://vlf.stanford.edu/pubs/principles-plasma-physics-engineers-and-scientists
ความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เป็นเทวาหรือซาตาน มนุษย์เท่านั้นที่เป็นผู้กำหนด
User avatar
Jseventh
 
Posts: 1741
Joined: Wed Nov 19, 2008 11:19 am

Re: HAARP อาวุธควบคุมธรรมชาติ ทำลายมนุษยชาติ เป็นจริงหรือไม่?

Postby Jseventh » Mon Oct 25, 2010 8:34 pm

voodoo wrote:ดีไม่ดี อาจมีคนคิดว่า นายกร่วมมือกับอเมริกา สร้างพายุเมกีขึ้นมา เพื่อให้ท่วมคนเสื้อแดง


ภัยพิบัติครั้งนี้ก็เกิดขึ้นในหลายประเทศนี่คะ มีคนตายเยอะกว่าประเทศไทยด้วย
อย่าสร้างปมให้แตกแยกกันเองอีกเลย ในแต่ละจังหวัดก็มีคนหลายสี ไม่ใช่แค่สีเดียว
อีกอย่าง งบประมาณเพื่อการฟื้นฟูก็ไม่ใช่น้อยๆ คนที่ช่วยเหลือกันอยู่ในเวลานี้เขาก็ไม่แบ่งสีกัน

กระทู้นี้ตั้งขึ้นเพื่อการเฝ้าระวังประเทศของเรา และแชร์ข้อมูลความรู้ค่ะ
ความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เป็นเทวาหรือซาตาน มนุษย์เท่านั้นที่เป็นผู้กำหนด
User avatar
Jseventh
 
Posts: 1741
Joined: Wed Nov 19, 2008 11:19 am

Re: HAARP อาวุธควบคุมธรรมชาติ ทำลายมนุษยชาติ เป็นจริงหรือไม่?

Postby usarain » Mon Oct 25, 2010 9:10 pm

เบื่อ นช ทักสิน wrote:เอ เดี๋ยวนี้มีเตาแม่เหล็กไฟฟ้าแล้วใช่ไหมครับ ตามร้านสุกี้ใช้กัน เปลี่ยนสนามแม่เหล็กเป็นความร้อนใช่ไหม แล้วความร้อนเปลี่ยนน้ำไห้เกิดพลังงานจล


มีครับ ตามบ้านก็มี ตั้งนานแล้ว

ต้องมีภาชนะโลหะครับ เพื่อกำเนิดความร้อน คงไม่เกี่ยวกับบนท้องฟ้า
แดงล้มเจ้าเป็นบาป เพราะอกตัญญู
User avatar
usarain
 
Posts: 699
Joined: Thu May 20, 2010 6:46 am

Re: HAARP อาวุธควบคุมธรรมชาติ ทำลายมนุษยชาติ เป็นจริงหรือไม่?

Postby Jseventh » Tue Oct 26, 2010 6:17 pm

usarain wrote:อย่าไปจริงจังกับพวกสารคดีมากเลยครับ มันเน้นความบันเทิงมากกว่าสาระครับ

เห็นด้วยอย่างยิ่งครับ

ตอนแรกคิดว่าปิดกระทู้แล้วซะอีกครับ

การจำกัดพลังงานให้สะสมอยู่แล้วเกิดเป็นพลังงานมาก ๆ ผมนึกออกแต่โซนิคบูมครับ แต่นั่นเป็นเสียงและแรงสั่นสะเทือนซึ่งเป็นพลังงานกล ไม่เคยเห็นการเปลี่ยนจากคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าเป็นพลังงานกลครับ ไมโครเวฟเป็นระบบปิดเพราะน้ำเป็นสถานะของเหลวในภาชนะเล็ก ๆ ไม่ได้แพร่ไปนอกภาชนะครับ แต่ถ้าเป็นแก๊สนี่ถ้าถูกสะเทือนแบบกำทอนแล้วมันคงแพร่หนีไปไหน ๆ ได้นี่ครับ แล้วมันไม่น่าจะสะสมพลังงานได้ครับ


สารคดี มันก็มีสาระอยู่บ้างนะคะ ไม่ใช่เรื่องบันเทิงไปทั้งหมด
ถ้าดูแล้วเก็บเอามาคิด มาศึกษา มันก็คงได้ประโยชน์อยู่บ้าง
แม้แต่เรื่องบันเทิงบางเรื่อง ก็ยังมีข้อคิดได้เลย :)

ตอนแรกก็ว่าจะปิดกระทู้แล้วเหมือนกันค่ะ เพราะเห็นแต่ละท่านก็ได้ข้อสรุปส่วนบุคคลกันไปเรียบร้อยแล้ว
แต่พอดี มีสมาชิกท่านอื่นเข้ามาคุยด้วย ดิฉันก็เลยสนทนาต่อ และก็ได้สาระประโยชน์เพิ่มขึ้นอีกด้วย

http://vlf.stanford.edu/sites/default/files/publications/2010-16.pdf
แล้วกรณีงานวิจัยชิ้นนี้ เขาทำได้อย่างไรคะ?
เขาเปลี่ยนคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า(คลื่นวิทยุ) ไปทำให้ชั้นบรรยากาศ ณ บริเวณหนึ่งร้อนขึ้น จนเป็นเหมือนจานพลาสมาในชั้นบรรยากาศได้อย่างไร?
ความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เป็นเทวาหรือซาตาน มนุษย์เท่านั้นที่เป็นผู้กำหนด
User avatar
Jseventh
 
Posts: 1741
Joined: Wed Nov 19, 2008 11:19 am

Re: HAARP อาวุธควบคุมธรรมชาติ ทำลายมนุษยชาติ เป็นจริงหรือไม่?

Postby voodoo » Tue Oct 26, 2010 7:59 pm

ออโรร่า มันก็คือพลาสม่าที่เกิดขึ้นบนชั้นบรรยากาศ
จากคลื่นวิทยุจากดวงอาทิตย์เวลาเกิดsunspot
จุดดับบนดวงอาทิตย์ (sunspot)
จาลิงค์นี้http://www.prc.ac.th/Astronomy/sunspot.htm
สนามแม่เหล็กจะพุ่งออกจากจุดดำชั้นในและสาดออกไปสู่อวกาศโดยไม่วกกลับเข้ามา เรียกว่าเป็นสนามแม่เหล็กเปิด ซึ่งเป็นช่องทางที่มวลสารจำนวนมากดวงอาทิตย์พุ่งทะลักสู่อวกาศ และเป็นส่วนหนึ่งของการเกิดลมสุริยะ
ชื่อของHAARPก็บอกตรงๆว่า เป็นการสร้างออโรร่า ก็คือทำให้เกิดพลาสม่าในชั้นบรรยากาศนั่นแหละ
แต่ ไม่สามารถควบคุมรูปร่างของมันได้ ออโรร่าจะบิดๆเบี้ยวๆตามความผันผวนของชั้นบรรยากาศ

ข้างล่างนี่เอามาจากวิกิพีเดีย
แหล่งที่มาและระดับพลังงานของอนุภาค

ออโรราที่ปรากฏนั้นเกิดจากอนุภาคมีพลังงานเคลื่อนที่ตามเส้นสนามแม่เหล็ก มาจากเมกนีโตเทล (Magnetotail) มาสู่บรรยากาศชั้นบน อนุภาคส่วนใหญ่คืออิเล็กตรอน แต่โปรตอนและไอออนอื่น ก็อาจพบได้ เมื่ออนุภาคมีประจุ (Charged Particles) พุ่งมาจาก แมกนีโทสเฟียร์ (Magnetosphere) มาสู่บรรยากาศชั้นบน จะเกิดการชนกับแก๊สที่ไม่มีความสำคัญอะไรที่นั่น

อนุภาคออโรราเป็นเพียงหนึ่งในหลายอนุภาคมีประจุที่กระหน่ำมายังโลก รวมถึงอนุภาคที่มีพลังงานฟลักซ์มหาศาลในช่วง พันล้านอิเล็กตรอนโวลต์ (GeV) หรือล้านอิเล็กตรอนโวลต์ (MeV) อย่างเช่น รังสีคอสมิค (Cosmic Rays) อนุภาคจากแถบกัมมันตรังสี (Radiation Belt) พลังงานสูง และอนุภาคสุริยะ (Solar Energetic Particles) ส่วนอนุภาคออโรรานั้นเกิดขึ้นในแผ่นพลาสมาแม่เหล็ก (Magnetospheric Plasma Sheet) และมีพลังงานอยู่ในช่วง 1 ถึง 10 พันอิเล็กตรอนโวลต์ (keV) แต่บางทีอาจมีพลังงานมากถึง 100 พันอิเล็กตรอนโวลต์ (keV) และอนุภาคพลังงานต่ำ เช่น ลมสุริยะที่เข้าสู่แมกนีโตสเฟียร์ทาง ซีกโลกกลางวัน (Dayside Cusp ) ใกล้กับขั้วแม่เหล็กโลก เป็นต้น ความลึกที่อนุภาคเหล่านี้จะเจาะเข้าไปในชั้นบรรยากาศ ขึ้นอยู่กับพลังงานของมัน ยิ่งพลังงานมากยิ่งเข้าได้ลึก รังสีคอสมิค สามารถเดินทางไปถึงชั้นบรรยากาศโทรโพสเฟียร์ (Troposphere) หรืออาจลึกไปถึงพื้นโลก อนุภาคจากแถบกัมมันตรังสีและอนุภาคสุริยะพลังงานสูง เข้ามาได้ถึงชั้นสตราโตสเฟียร์ (Stratosphere) และชั้นมีโซสเฟียร์ (Mesosphere) ส่วนออโรรานั้นมาได้แค่ชั้นเทอร์โมสเฟียร์ (Thermosphere) ซึ่งสูงประมาณ 100 กิโลเมตร นั่นทำให้ออโรราเกิดขึ้นในชั้นบรรยากาศนี้



สถานที่และโอกาสการเกิดออโรรา

ในเขตที่มีการปรากฏของออโรรา สามารถสังเกตออโรราได้ทุกคืนที่ฟ้าโล่งในฤดูหนาว โดยมีข้อสังเกตดังนี้

* ออโรราจะปรากฏบ่อยครั้ง ตั้งแต่เวลา 22.00 น ถึง เที่ยงคืน
* ออโรราจะสว่างจ้าในช่วง 27 วันที่ดวงอาทิตย์หันด้านแอคทีฟ (Active Area) มายังโลก
* ช่วงปลายฤดูใบไม้ร่วงจนถึงต้นฤดูใบไม้ผลิ ในเดือนตุลาคม กุมภาพันธ์ และ มีนาคม เป็นเดือนที่เหมาะสำหรับการชมออโรราทางซีกโลกเหนือ
* ออโรรามีความสัมพันธ์กับจุดสุริยะ (Sun Spot) บนดวงอาทิตย์ ซึ่งเป็นวัฎจักรประมาณ 11 ปี แต่ดูเหมือนว่า จะมีการล่าช้าไป 1 ปีสำหรับการเกิดจุดดับมากที่สุดกับการเกิดออโรรามากที่สุด

ตารางที่ 1 แสดงความถี่ในการปรากฏออโรราในสถานที่ต่างๆทั่วโลก

* ออโรราจะปรากฏลดลง 20-30% กว่าตอนที่เกิดจุดสุริยะมากที่สุด เมื่อเกิดจุดสุริยะบนดวงอาทิตย์น้อยที่สุด

ออโรราจะปรากฏในแถบประเทศเมดิเตอเรเนียนเมื่อเกิดจุดสุริยะหรือมีลมสุริยะมากๆ อาจถึง 10 ปีต่อครั้ง โดยเฉลี่ยแล้วเกิด 100 ปีต่อครั้ง
User avatar
voodoo
 
Posts: 416
Joined: Mon Aug 24, 2009 1:51 am

Re: HAARP อาวุธควบคุมธรรมชาติ ทำลายมนุษยชาติ เป็นจริงหรือไม่?

Postby usarain » Wed Oct 27, 2010 8:35 am

สารคดีก็มีสาระเยอะครับ ผมก็ชอบดูชอบอ่านชอบฟังด้วยครับ แต่ก็มีสารคดีอีกหลายจำพวกที่ไม่ได้มีจุดประสงค์แค่ให้ความรู้ แต่ต้องการให้ผู้รับรู้บันเทิงซึ่งอาจทำให้เข้าใจเนื้อหาสาระได้มากขึ้น หรืออาจคล้อยตามสิ่งที่ผู้นำเสนอต้องการ อย่างเช่น สารคดีโลกร้อน มีจุดประสงค์ให้มีความรู้ และตระหนักปัญหาของภาวะโลกร้อน สารคดีเฉลิมพระเกียรติ มีจุดประสงค์ให้ซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณ เป็นต้นครับ แต่สารคดีบางจำพวกเน้นไปในทางบันเทิงซะมาก หรือต้องการให้ผู้รับคล้อยตามในสิ่งที่ยังไม่ได้ข้อสรุปครับ ซึ่งกลุ่มนี่้จะไม่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง ทำให้ผมเห็นด้วยกับข้อความนั้น จริง ๆ ผมไม่ได้เขียนข้อความนั้นนะครับ แค่แสดงความเห็นว่าเห็นด้วยเท่านั้นเอง

ขอบคุณนะครับที่เอาบทความวิจัยมาให้อ่าน แต่อ่านไม่รู้เรื่องครับ ยากเกินไป ผมไม่ได้เรียนมาทางนี้ครับ ตอบไม่ได้ครับว่าเขาทำได้ยังไง ผลเป็นยังไงผมก็อ่านไม่เข้าใจ ผมขอเชื่อเลยนะครับว่าผลการวิจัยนี้ทำให้เกิดจานพลาสมา(ไม่แน่ใจว่าจะใช่ขนาด 1000 กม. หรือเปล่าครับ) บนชั้นไอโอโนสเฟียร์ ครับ ถ้าทำให้เกิดผลกระทบในขนาดที่ใหญ่พอ ก็จัดเป็นระบบปิดได้นะครับ เพราะก๊าซตรงกลาง ๆ หนีไปไหนไม่ได้ครับ ปรากฏการณ์นี้จะเป็นจำพวกเดียวกับออโรร่าหรือเปล่าผมก็ไม่มีความรู้ครับ แต่ที่อ่านข้อความของคุณ voodoo ก็คล้อยตามครับว่าเป็นของที่คล้าย ๆ กัน ไม่แน่ใจว่าสิ่งที่มาจากดวงอาทิตย์เป็นอนุภาคตรง ๆ เลย หรือเป็นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าอย่างพวกรังสีคอสมิกครับ แล้วมาทำให้เกิดกระบวนการ ionization จนเกิดเป็นประจุและอนุภาคต่าง ๆในชั้นบรรยากาศโลก
แดงล้มเจ้าเป็นบาป เพราะอกตัญญู
User avatar
usarain
 
Posts: 699
Joined: Thu May 20, 2010 6:46 am

Re: HAARP อาวุธควบคุมธรรมชาติ ทำลายมนุษยชาติ เป็นจริงหรือไม่?

Postby Jseventh » Wed Oct 27, 2010 9:18 am

คุณ voodoo คะ

จุดประสงค์ของ HAARP

http://www.haarp.alaska.edu/haarp/gen.html

HAARP is a scientific endeavor aimed at studying the properties and behavior of the ionosphere, with particular emphasis on being able to understand and use it to enhance communications and surveillance systems for both civilian and defense purposes.


HAARP เป็นความพยายามทางวิทยาศาสตร์เพื่อศึกษาคุณสมบัติและพฤติกรรมของบรรยากาศชั้นไอโอโนสเฟียร์ โดยเฉพาะคุณสมบัติที่สำคัญของมัน เพื่อความเข้าใจและนำไปใช้ยกระดับการสื่อสารและระบบเฝ้าระวัง โดยมีจุดประสงค์เพื่อการพลเรือนและการป้องกันประเทศ (การทหาร)

แล้วเขาสร้างบริเวณที่เป็นพลาสมาในชั้นบรรยากาศเพื่ออะไรคะ?
หรือจะพูดให้ชัดกว่านั้น คือ สร้างพื้นที่พลาสมาในชั้นล่างสุดของไอโอโนสเฟียร์ (ionospheric plasma)

สำหรับจุดประสงค์เพื่อการสื่อสาร อันนี้คิดว่าคุณคงทราบดีว่ามีประโยชน์อย่างไร เพราะคุณมีความรู้ด้านสายส่งอากาศ
ส่วนอีกจุดประสงค์หนึ่งล่ะคะ จะไม่ช่วยกันคิดต่อเลยหรือ? :)

ขอเพิ่มเติม..ให้คุณ voodoo ช่วยพิจารณา
มีสิทธิบัตรสิ่งประดิษฐ์ การสร้างชั้นพลาสมาในชั้นบรรยากาศให้เอียงได้ด้วยนะคะ
มีภาำพและคำอธิบาย เปิดให้ดาวน์โหลดด้วย

http://www.freepatentsonline.com/5041834.html
ชื่อสิ่งประดิษฐ์ : Artificial ionospheric mirror composed of a plasma layer which can be tilted
เลขที่สิทธิบัตร : United States Patent 5041834
Last edited by Jseventh on Wed Oct 27, 2010 10:10 am, edited 1 time in total.
ความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เป็นเทวาหรือซาตาน มนุษย์เท่านั้นที่เป็นผู้กำหนด
User avatar
Jseventh
 
Posts: 1741
Joined: Wed Nov 19, 2008 11:19 am

PreviousNext

Return to ห้องสมุด



cron