เอามาฝากครับ สัมภาษณ์ท่าน อ.จรัญ จากคม ชัด ลึก นะครับ
=======================================================
(1ธ.ค.) นายจรัญ ภักดีธนากุล ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ให้สัมภาษณ์รายการเก็บตาจากเนชั่นถึงกระ แสวิพากษ์วิจารณ์คำวินิจฉัยในคดียุบพรรค ที่คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเสียงข้างมากมีคำสั่งให้ยกคำร้อง เพราะมีปัญหาเรื่องระยะเวลา 15 วัน ว่า การวิพากษ์วิจารณ์เรื่องปัญหาระยะเวลา 15นั้น ถือเป็นความคลาดเคลื่อนของข้อมูลตรงนี้ถือว่าเป็นเรื่องที่มีความสำคัญ เพราะการวิเคาระห์วิพากษ์ของสังคมต้องตั้งอยู่บนฐานข้อมูลที่ถูกต้องก่อน แต่เมื่อฐานข้อมูลถุกเสนอออกไปรวดเร็วและไม่ครบถ้วน เรื่องนี้ตนต้องเรียนว่าตุลาการเสียงข้างมากทั้ง 4 คน ได้เห็นตรงกันว่าคำร้องที่ยื่นมา เราได้ดูจากพยาหลักฐาน และดูข้อเท็จจริงแล้วเห็นตรงกันว่าคำร้องยื่นมาไม่ถูกต้อง
จึงเห็นควรให้ยกคำร้อง แต่ว่าเหตุมีอยู่ 2 เหตุผล คือ 1.เป็๋นของตุลาการ 3 คน เห็นว่านายทะเบียนยังไม่ได้มีความเห็นในบษนะนายทะเบียนว่าการกระทำผิด และควรให้ยุบพรรค เพราะฉะนั้นกกต.ประชุมกันคล้ายกับว่าเป็นขั้นตอนของกฎหมายที่กฎหมายกำหนดไว้ ซึ่งมันก็ไม่ครบขั้นตอนและองค์ประกอบของกฎหมาย ส่วนเหตุผลเรื่อง 15 วัน เป็นเหตุผลของตุลาการคนเดียวใน 4 คน โดยให้เหตุว่า อันหนึ่งยังมีเหตุผลอยู่ทางหนึ่งว่า ซึ่งตรงนี้ไม่ได้ระบุว่าเป็นตุลาการคนเดียว ให้ถือว่าประชุมหรือมีมติมาตั้งแต่วันที่ 17 ธ.ค. 52 มาแล้ว ดังนั้นจึงเกินเวลา 15 วัน และเหตุผลของท่าเดียวไม่ใช่เป็นเหตุผลของฝ่ายข้างมาก หรือเหตุผลของทั้งหมด เพราะฉะนั้นจึงไม่สามารถที่จะสั่งไม่รับ หรือยกคำร้อง เพราะเหตุเกิน 15 วันมาตั้งแต่ต้น
เมื่อถามว่า อยากจะให้อธิบายความเห็นของตุลาการ 3 คนที่เป็นเสียงข้างมาก ที่เห็นว่าไม่ครบ โดยเฉพาะประเด็นที่นายทะเบียนยังไม่ได้ลงมติ เรื่องนี้เป็นอย่างไร นายจร้ญ กล่าวว่า เรื่งอนี้ในคำวินิจฉัยใน 10 หน้าแรก ได้ให้ความเห็นไว้อย่างชัดเจน ทั้งประเด็นข้อเท็จจริงที่ละเอียดลึกลงมา และข้อกฎหมาย โดยสรุปของข้อกฎหมายของตุลาการสามคนของเสียงข้างมาก ได้เห็นว่านายทะเบียนจะต้องมีความเห็นก่อนว่าควรจะต้องให้ยุบพรรค จากนั้นนายทะเบียนจึงมาขอความเห็นชอบจากประชุมกกต. ความเห็นของนายทะเบียนแยกออกต่างหากของความเห็นของกกต. และความเห็นของประะานกกต. ซึ่งอยู่ในฐานะสมาชิกท่านหนึ่งในกรรมการกกต. ด้วยเหตุนี้จะนำความเห็นของประธานกกต.มาเป็นความเห็นของนายทะเบียนนั้นไม่ถูกต้อง ตรงนี้เป็นเหตุของของตุลาการ 3 คนของเสียงข้างมาก
เมื่อถามว่า ดังนั้นความเห็นของตุลาการ 3 คนของเสียงข้างมาก ไม่ได้ดูเงื่อนไขเรื่องระยะเวลาเลย นายจรัญ กล่าวว่า " ไม่ใช่ครับ " เมื่อถามย้ำว่า ว่าจะเกินหรือไม่เกิน 15 วัน นายจรัญ กล่าวว่า ไม่ใช่ครับ แต่เห็นว่ายังไม่ได้เริ่มต้นนับ 15 วัน เมื่อถามต่อว่า วันที่ส่งมานั้นยังไม่ครบองค์ประกอบ นายจรัญ กล่าวว่า ใช่ครับ เมื่อถามว่า เพราะยังไม่ครบองค์ประกอบ เพราะไม่มีความเห็นของนายทะเบียนพรรคการเมือง นายจรัญ กล่าวว่า ใช่ครับ ตรงนี้ได้ปรากฎชัดในคำวินิจฉัย เพียงแต่ว่าตามรายงานข่าวไปเอาเหตุผลสุดท้ายของคำวินิจฉัย ซึ่งตรงนี้จะไปว่าคนที่รายงานก็ไม่ได้ เพราะว่าคำวินิจฉัยที่นำไปขึ้นในเวปชั่วคราวอย่างไม่เป็นทางการเราอาจจะเขียนไม่ชัดเจน ว่าตุลาการสามคนเป็นเหตุผลที่ 1 ส่วนหนึ่งคนเป็นเหตุผลที่ 2 แต่ไปเขียนว่า ยังมีเหตุผลอีกทางหนึ่งว่าตรงนี้อาจจะทำให้คนอ่านเกิดความไม่ชัดเจน
เมื่อถามว่า ในคำวินิจฉัยมีการะบุเหตุผลทั้งสององค์ประกอบ นายจรัญ กล่าวว่า มีทั้งหมด ดังนั้นหากไปอ่านคำวินิจฉัยก่อนหน้า ตนเชื่อว่าสังคมอาจจะมีความเข้าใจสมบูรณ์ เรื่องนี้ตนไม่สมควรจะต้องออกมาพูด เพราะคนที่ออกมาวิเคราะห์ วิจารณ์สมควรจะต้องอ่านคำวินิจฉัยให้ครบ ถึงค่อยออกมาวิเคราะห์ เพราะในคำวินิจฉัยพูดไว้ชัด ซึ่งโดยสรุปกฎหมายได้แยกภาระหน้าที่ของนายทะเบียน ประธานกกต. และกกต.ไว้ชัด ประธานกตต.ในฐานะที่เป็นองค์ประกอบส่วนหนึ่งของกกต. ออกเสียงลงมติในที่ประชุมกกต.ไม่ใช่ทำหน้าที่ในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมือง เพียงแต่ว่ามันยาก เพราะสองตำแหน่งนี้ได้สวมอยู่ในคนๆเดียวกัน ในทางปฎิบัติเราก็แยกว่าในขณะนั้นได้สวมหมวกอะไร ทำหน้าที่อะไร ก็ถือว่าทำหน้าที่ในตำแหน่งนั้น
เมื่อถามว่า เหตุผลข้อหนึ่งที่ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญชี้ว่ามีองค์ประกอบไม่ครบ เพราะไม่มีความเห็นของนายทะเบียนพรรคการเมือง นายจรัญ กล่าวว่า เราดู และดูกันลงไปถึงในรายละเอียด ตนอยากจะให้ไปอ่านวิเคาระห์ในตัวคำวินิจฉัยในเวปไซด์ของศาลรัฐธรรมนูญดู
เมื่อถามต่อว่า นางสดศรี หนึ่งในกกต.ได้ออกมาระบุว่า วันที่ 17 ธ.ค. 53 นั้นความยังไม่ปรากฎ แต่มาวันที่ 12 เม.ย. 53 ตรงนี้มีความเห็นที่ครบถ้วนในฐานะนายทะเบียนพรรคการ ประธานกกต. และกกต. ซึ่งสามองค์ประกอบนี้ จึงได้มีมติให้ส่งเรื่องไปในวันที่ 12 เม.ย. และหากนับตั้งแต่วันที่ 12 ไปถึงวันที่ 26 เม.ย. ซึ่งหากจะนับก็ไม่เกิน 15 วัน นายจรัญ กล่าวว่า เรื่องนี้ตน และตุลาการศาลรัฐธรรมนูญไม่ควรจะไปโต้แย้ง เพราะหลักการเมื่อตุลาการศาลรัฐธรรมนูญได้ทำความวินิจฉัยแล้ว เราก็ควรจะเปิดโอกาสให้สังคมสามารถวิพากษ์วิจารณ์ได้ ดังนั้นหากเราจะลงไปโต้แย้งกับคุณสดศรี มันก็คงจะไม่แฟร์ ซึ่งจะกลายเป็นว่าเราไปพูดแล้วพูดเล่าไม่รู้จักจบ และไม่ยอมฟังคนอื่น แต่ว่าครั้งนี้ที่ตนออกมาพูด เพราะมีความจำเป็นจะต้องชี้แจง เนื่องจากตัวข้อมูลพื้นฐานได้มีการคลาดเคลื่อนไป แต่ส่วนความเห็นของแต่ฝ่ายที่มีการวิเคราะห์วิจารณ์กันออกมานั้น เราในฐานะที่เป็นคนตัดสินคดีจำเป็นที่จะต้องรับฟังและนำไปวิเคราะห์วิจัยกันต่อไป ไม่ใช่จะต้องออกมาโต้เถียงกันทุกเรื่อง แต่ถ้าหากฐานข้อมูลมันคลายเคลื่อนเราจำเป็นจะต้องออกมาชี้แจง ดังนั้นหากสังคมต้องการฟ้องฟังความคิดเห็นขององค์คณะ ตนอยากจะแนะนำให้ไปอ่านในตัวคำวินิจฉัยของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเอง
เมื่อถามว่า ที่มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่า ในการตัดสินคดีในครั้งนี้ของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ได้มองเรื่องของเทนิคมากว่าข้อเท็จจริง นายจรัญ กล่าว ในเรื่องนี้เราก็มีความจำเป็นที่จะต้องเรียน ว่าข้อมูลที่ออกมาจากสาธารณะได้มีความคลาดเคลื่อนไปมาก เพราะความเป็นจริงแล้วการพิจารณาคดีนี้คณะตุลาการทั้ง 6 คน ได้มีการทำการบ้านมากันทุกประเด็น แต่ตัวตุลาการทั้ง 6 คน ไม่มีใครรู้ธงคำตอบของตุลาการแต่ละคนมาก่อนล่วงหน้า และมาเปิดกันครั้งแรกก็ตอนที่มีการมาลงมติในวันตัดสินคดีประมาณบ่ายโมงเศษๆ และเมื่อลงมติกันก็ไดัมีการลงมติกันในทีละประเด็น และเมื่อประเด็นข้อกฎหมายไม่ผ่าน การลงมติในข้ออื่นๆ ในทางปฎิบัติไม่ทำ เพราะฉะนั้นในคำวินิจฉัยกลางมันจึงจบแค่นั้น แต่ถ้าเห็นคำวิเคราะห์รายละเอียดในเนื้อหาเป็นอย่างไร ข้อนี้จะต้องอ่านคำวินิจฉัยหรือความเห็นส่วนตนของตุลาการทั้ง 6 คน ซึ่งคำวินิจฉัยตรงนี้ตุลาการได้มีการทำมา แต่เมื่อไม่มีการรลงมติจึงไม่ได้มีการนำออกมาเผยแพร่เข้าไปอยู่ในคำวินิจฉัยกลาง
เมื่อถามว่า จะมีการรเปิดเผยคำวินิจฉัยส่วนตนของตุลาการแต่ละคนหรือไม่ นายจรัญ กล่าวว่า ตนคิดว่าควรจะต้องมีการเปิดเผย ซึ่งหลักแล้วกว่าจะนำไปลงพิมพ์ในราชกิจจานุเษกษา อาจจะต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่ง เพราะจะต้องใช้เวลาในการตรวจคำถูกผิด และการเว้นวรรคตอน ดังนั้นตนอาจจะหารือกับที่ประชุมคณะตุลาการ เพื่อขอให้มีการนำคำวินิจฉัยดังกล่าวนำมาลงไปในเวปไซด์ของศาลรัฐธรรมนูญอย่างไม่เป็นทางการไปก่อน เนื่องจากคำวินิจฉัยในเรื่องนี้เป็นเรื่องที่กำลังอยู่ในความสนใจของสังคม
เมื่อถามว่า ในคดี 258 ล้านบาทของพรรคประชาธิปัตย์ ที่กำลังรอการพิจารณาของคณะตุลาการ องค์คณะยังเป็น 6 คนชุดเดิมนี้หรือเปล่า นายจรัญ กล่าวว่า เรื่องนี้อย่าเพิ่งให้ตนพูดไปก่อน เพราะดดยแล้วตนไม่สมควรที่จะออกมาให้ความเห้นในเรื่องคดีเลย แต่ในครั้งนี้มีความจำเป็น
http://www.komchadluek.net/detail/20101201/81403/จรัญชี้อ่านคำวินิจฉัยก่อนวิจารย์คดีปชป..html