ทำไม3+1เท่ากับ 4

คลังปัญญา กระทู้ปักหมุดเดิม เรื่องสำคัญจัดเก็บที่นี่

ทำไม3+1เท่ากับ 4

Postby thyrocyte » Fri Dec 03, 2010 10:07 pm

ดังนั้นตุลาการเลยนำมติทั้งสองมารวมกันเป็น 3+1 = 4 เสียง ว่าเป็นมติเสียงส่วนใหญ่ที่ให้ยกคำร้องพรรค ปชป. คนทั่วไปงงว่าเอามารวมกันได้อย่างไร



ซึ่งอันที่จริงผมนึกในใจแต่แรกแล้วว่า คงจะต้องถกกันในประเด็นนี้แน่ ในส่วนตัวผมนั้น เคยอ่านคำวินิจฉัยของศาลต่างๆมาบ้าง ของศาลรัฐธรรมนูญก็เคยอ่านอยู่บางคดี จำได้ว่ากระบวนการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญนะเป็นแบบนี้มานานแล้ว คือเมือรับคดีมา จะมีการประชุมคู่คดีทั้งผู้ร้องและผู้ถูกร้อง และศาลจะกำหนดประเด็นของคดีที่จะวินิจฉัย คู่คดีทั้งสองฝ่ายก็นำเสนอข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายตามที่ฝ่ายตนเห็น แต่ประเด็นทั้งหลายที่ศาลกำหนดในแต่ละคดีนั้น มีหลายครั้งที่ศาลจะวินิจฉัยเอง โดยเฉพาะประเด็นในข้อกฎหมาย เช่นในคดีนี้ก็มีการตั้งประเด็นของคดีตั้งแต่ 7 กค.2553 http://www.thairath.co.th/content/pol/94420 ดังที่ทราบกันดีคือ



1. กระบวนการยื่นคำร้องขอให้ยุบพรรคประชาธิปัตย์ ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่

2.การกระทำของพรรคประชาธิปัตย์ตามคำร้องอยู่ในบังคับพ.ร.บ.ว่าด้วยพรรคการเมือง 2541 หรือ พ.ร.บ.ว่าด้วยพรรคการเมือง 2550

3.พรรคประชาธิปัตย์ใช้จ่ายเงินที่ได้รับการสนับสนุนจากกองทุนเพื่อการพัฒนาพรรคการเมืองในปี 2548 เป็นไปตามโครงการที่ได้รับอนุมัติหรือไม่

4.พรรคประชาธิปัตย์จัดทำรายงานการใช้จ่ายเงินสนับสนุนของพรรคการเมืองปี ถูกต้องตามความเป็นจริงหรือไม่

5.กรณีมีเหตุให้ยุบพรรคประชาธิปัตย์ หัวหน้าพรรค และกรรมการบริหารพรรคจะต้องถูกตัดสิทธิ หรือถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง ตามพ.ร.บ.ว่าด้วยพรรคการเมือง 2541 …..



โดยปกติการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญจะไล่ไปทีละประเด็น ที่สำคัญคือที่ผ่านๆมา ในการวินิจฉัยแต่ละประเด็น ตุลาการที่ลงความเห็นยกหรือไม่ยกในประเด็นนั้นๆ ไม่จำเป็นต้องมีเหตุผลในการยกประเด็นนั้นๆ ด้วยเหตุผลเดียวกันหรือจะต้องเหมือนกัน

ทั้งนี้เพราะตามข้อกำหนดการพิจารณาคดีของศาลรัฐธรรมนูญนั้นกำหนดให้ตุลาการแต่ละคน ทำการวินิจฉัยคดีในทุกประเด็นให้เสร็จก่อนเข้ามาลงมติ ดังนั้นคนที่เห็นด้วยในประเด็นเดียงกัน จึงอาจเห็นด้วยด้วยเหตุผลที่แตกต่างกัน แต่มติออกมาเช่นไร ก็ใช้เสียงข้างมากยกหรือไม่ยกประเด็นนั้นๆ ไม่เกี่ยวกับว่าหตุผลในการยกหรือไม่ยกประเด็นนั้นๆของตุลการแต่ละคนจะเหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร

ที่สำคัญ อย่างกรณีคดีปชป.นี้ แม้คำวินิจฉัยกลางจะพูดถึงประเด็นที่ 1 และ 2 เท่านั้น แต่ข้อบังคับการพิจารณาคดีของศาลรธน.นั้นกำหนดให้ตุลาการทุกท่าน สรุปทุกประเด็นมาก่อนแล้ว และจะมีการลงในราชกิจจานุเบกษาทั้ง 5 ประเด็นต่อไป ก็ต้องคอยตามอ่านกันละครับ



สำหรับตัวอย่างวิธีการพิจารณาคดีและลงมติแบบนี้ ก็ลองดูในอดีตสิครับ ก็เช่น คดีที่ศาลรัฐธรรมนูญยกฟ้งคุณทักษิณ เมื่อปี 2544 ด้วยคะแนนเสียง 8 ต่อ 7 ปรากฏว่า เหตุที่ตุลการทั้ง 8 ให้ยกคดีให้คุณทักษิณพ้นข้อกล่าวหานั้น มีเหตุผลแตกต่างกันออกไปคือ


- พล.ท.จุล อดิเรก ให้ยกเพราะพยานหลักฐานของผู้ร้องเป็นเพียงข้อสันนิษฐาน พยานหลักฐานไม่พอฟัง

- คุณปรีชา เฉลิมวณิชย์ ให้ยกเพราะถือไม่ได้ว่าผู้ถูกร้องจงใจปิดบังข้อเท็จจริง

- คุณผัน จันทรปาน และ ดร.กมล ทองธรรมชาติ ยกเพราะ รธน.2540 มาตรา 295 นำมาใช้บังคับกับผู้ถูกร้องไมได้

- คุณศักดิ์ เตชาชาญ และคุณจุมพล ณ สงขลา ให้ยกเพราะ ผู้ร้องไม่อาจให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตาม รธน.2540 มาตรา 295ได้

- คุณสุจินดา ยงสุนทร และ ศจ.อนันต์ เกตุวงศ์ให้ยกเพราะ ผู้ร้องไม่จงใจยื่นบัญชีเป็นเท็จ



จะเห็นว่าการเอามติของที่ประชุมศาลรัฐธรรมนูญนั้น แม้เหตุผลที่ยกคดีจะต่างกันออกไป แต่สุดท้ายก็เอาคะแนนรวมมานับ ไม่ได้เกี่ยวกับว่าเหตุผลจะต่างกันออกไปหรือไม่ ไม่ได้สนใจว่าตุลาการจะมีเหตุผลที่แตกต่างกันหรือไม่ แต่หากลงมติว่าให้ยกประเด็นนั้นๆ แม้เหตุผลจะไม่เหมือนกัน ประเด็นนั้นหรือข้อกล่าวหานั้นก็จะถูกยกไป ทั้งนี้เพราะตุลาการแต่ละท่าน ทำความเห้นกันมาก่อนเข้าประชุมแล้ว ไม่ได้มาถกกันในที่ประชุม ที่ถกกันจะเป็นการถกเพื่อทำคำวินิจฉัยกลางหลังจากดูผลมติรวมเท่านั้นดังเช่นกรณีคุณทักษิณนั้นเองครับ หรือกรณียกประเด็นที่ 1 "กระบวนการยื่นคำร้องขอให้ยุบพรรคประชาธิปัตย์ ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่" ในคดีปชป.ที่กำลังมีการถกนี้ ซึ่งการยกประเด็นนี้ออก มีผลทำให้ยกคดีออก



http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/00018370.PDF

หากผิดพลาดช่วยแนะนำด้วยครับ



ขอเพิ่มเติมลิงค์ที่อาจมีประโยชน์ที่เกี่ยวกับเรื่องนี้ (หากมีกันแล้วก็ขออภัยนะครับ)
พระราชบัญญัติพรรคการเมือง 2550
http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/ ... 064/22.PDF
ข้อกำหนดศาลรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาและการทำคำวินิจฉัย พ.ศ. ๒๕๕๐
http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/ ... 096/14.PDF
Last edited by thyrocyte on Sat Dec 04, 2010 12:05 am, edited 1 time in total.
User avatar
thyrocyte
 
Posts: 43
Joined: Mon Aug 24, 2009 1:13 pm

Re: ทำไม3+1เท่ากับ 4

Postby pochi » Fri Dec 03, 2010 10:26 pm

น่าจะลองรวมกับของคุณจีฯ ดูนะคะ เป็นข้อมูลเผยแพร่ได้
RT @Cake_NBC: นายกฯแจงเรื่องที่เอาหมวกถุงยางมาสวมหัว อะไรที่ทำแล้วลดปัญหาได้ ก็พร้อมทำ "เป็นศีรษะผม ไม่ใช่ศีรษะของคนอื่น" #NBT
User avatar
pochi
 
Posts: 5035
Joined: Mon Oct 13, 2008 1:24 pm

Re: ทำไม3+1เท่ากับ 4

Postby แดง ขาว น้ำเงิน » Fri Dec 03, 2010 10:35 pm

ขอบคุณครับ นำข้อมูลมาบ่อยๆ นะครับ :D
"ผู้ที่ใช้สติปัญญาไม่เป็น คือคนโง่ ผู้ที่ไม่กล้าใช้สติปัญญา คือทาส" เพลโต้
User avatar
แดง ขาว น้ำเงิน
Moderator
 
Posts: 4943
Joined: Thu Feb 12, 2009 4:07 pm
Location: Earth

Re: ทำไม3+1เท่ากับ 4

Postby Robert De Niro » Fri Dec 03, 2010 10:41 pm

วาว ข้อมูลน่าสนใจนะครับ :D

เอาไปอุดปากนักวิชาการเสื้อแดงได้เลย เมื่อเช้าฟัง อ.เจิมศักดิ์ ช่องสุวรรณภูมิก็พูดถึงคดีทักษิณ
เทียบคล้ายๆแบบนี้เหมือนกัน แต่พอดีผมทำงานไปด้วยเลยไม่ได้ตั้งใจฟังเท่าไหร่ ขอบคุณที่เอา
รายละเอียดมาให้อ่าน
กองกำลังไม่ฝักไฝ่ฝ่ายใด (...ใส่แว่นสีฟ้า)
User avatar
Robert De Niro
 
Posts: 6093
Joined: Sat Nov 08, 2008 11:27 am

Re: ทำไม3+1เท่ากับ 4

Postby Sweet Chin Music » Fri Dec 03, 2010 10:45 pm

ขอบคุณครับ รอคำวินิจฉัยของตุลาการแต่ละท่านออกมา คงจะชัดเจนมากกว่านี้
ทำดีได้ทำดี ทำชั่วได้ทำชั่ว
User avatar
Sweet Chin Music
Moderator
 
Posts: 3892
Joined: Mon Oct 13, 2008 1:40 pm

Re: ทำไม3+1เท่ากับ 4

Postby nnnn » Fri Dec 03, 2010 10:46 pm

คุณthyrocyte คนดังแห่งราชดำเนินนี่เอง

ขอบคุณมาก ย้ายมาเล่นในนี้สิครับ เพื่อนฝูงมากมาย
nnnn
 
Posts: 2388
Joined: Wed Dec 10, 2008 2:33 am

Re: ทำไม3+1เท่ากับ 4

Postby thyrocyte » Sat Dec 04, 2010 12:00 am

ขอเพิ่มเกี่ยวกับความเห็นของตุลาการ 3 ท่านซึ่งดูจะกลายเป็นเสียงส่วนใหญ่ของคำวินิจฉัย และสื่อมวลชนเอาไปลงสรุปว่า ให้ยกฟ้องเพราะนายทะเบียนยังไม่ได้ลงความเห็น

ตรงนี้ผมยังคิดว่าไม่น่าจะสรุปด้วยคำว่ายกฟ้องเพราะนายทะเบียนยังไม่ได้ลงความเห็น เพราะอาจทำให้มีพยายามแย้ง(ปัจจุบันก็มีคนที่ไม่เห็นด้วยกับศาลพยายามแย้งประเด็นนี้อยู่แล้ว)ว่า มาตรา 93 วรรค 2 ของพรบ.พรรคการเมือง 2552 บัญญัติแต่เพียงว่า"เมื่อปรากฎต่อนายทะเบียนว่าพรรคการเมืองใดมีเหตุตามวรรคหนึ่งให้นายทะเบียนโดยความเห็นชอบของกกต.ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญภายใน 15 วันนับแต่วันที่ความปรากฎต่อนายทะเบียน"

ในบัญญัติของวรรคสองของมาตรา 93 ดังกล่าว ไม่ได้กำหนดให้นายทะเบียนให้ความเห็นเลย จะมีกล่าวเฉพาะแต่ความผิดตามมาตรา 94 ที่ให้ดำเนินการตามมาตรา 95 เท่านั้นที่ระบุว่า นายทะเบียนจะต้องให้ความเห็นเสียก่อน แต่คดีที่เพิ่งวินจฉัยนี้เป็นความผิดตามาตรา 93 ดังนั้นจึงมีผู้ที่ไม่เห้นด้วยกับศาล พยายามแย้งศาลว่าวินิจฉัยตรงนี้ออกมาได้อย่างไร ว่ายกฟ้องเพราะนายทะเบียนไม่ได้ให้ความเห็น

ตามคำวินิจฉัยที่ออกมานั้น ผมอ่านแล้วจับใจความได้ว่าตุลาการ 3 ท่านเห็นว่านายทะเบียนยังไม่เคยมีความเห็นเกี่ยวกับความผิดของปชป.ในมาตรา 93 วรรคหนึ่ง และวินิจฉัยว่า ในการประชุมครั้งสุดท้ายก่อนยื่นศาลรัฐธรรมนูญเมื่อ เมื่อวันที่ 21เมษายน 2553 ก็เป็นการเสนอพิจารณาในเรื่องการกระทำผิดในมาตรา 94 ซึ่งไม่ใช่ความผิดตามมาตรา 93 ดังปรากฏในเอกสาร ร 13

ตามหลักฐานนั้นดูเหมือนตุลาการจะวินิจฉัยว่าในการประชุมวันที่ 21เมษายน 2553 ก็เป็นการเสนอพิจารณาในเรื่องการกระทำผิดในมาตรา 94 และมีการลงมติในเรื่องนี้คือความผิดในมาตรา 94 แต่ตอนยื่นฟ้องนั้น กลับยื่นฟ้องทั้งความผิดในมาตรา 94 และ 93 ซึ่งความผิดในมาตรา 93 นั้น ทำให้ตุลาการ 3 ท่านนี้เห็นว่ากกต.ยังไม่เคยมีมติที่สามารถถือได้อย่างเป็นทางการเกี่ยวกับความผิดตามมาตรา 93 ของพรรคประชาธิปัตย์ ดังความที่ปรากฏในคำวินิจฉัยที่ออกมาในสื่อมวลชนที่สามารถหาอ่านได้ มีความว่า....


“....การเกษียณสั่งของนายอภิชาตในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมืองตามที่ปรากฎในบันทึกข้อความเอกสารหมาย ร 13 ก็ไม่ได้เป็นการวินิจฉัยชี้ขาดหรือเป็นความเห็นของนายทะเบียนพรรคการเมืองว่าผู้ถูกร้องได้กระทำการอันเป็นเหตุให้ถูกยุบพรรคหรือไม่ แต่เป็นเพียงการเสนอเรื่องให้กกต.พิจารณาว่าอาจมีการกระทำตามมาตรา94 หรือไม่ก็ได้ ทั้งการกระทำตามมาตรา 94 ก็มิได้เกี่ยวกับการใช้เงินสนับสนุนพรรคการเมืองผิดกฎหมายหรือการรายงานไม่ตรงตามความเป็นจริงอันเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 82 ที่เป็นเหตุให้ยุบพรรคตามมาตรา 93 แต่อย่างใด


เมื่อนายทะเบียนพรรคการเมืองยังมิได้มีความเห็นให้ยุบพรรคผู้ถูกร้องตามมาตรา93 การให้ความเห็นชอบของกกต.เมื่อวันที่ 21เมษายน 2553 จึงเป็นการกระทำที่ผิดขั้นตอนของกฎหมายในส่วนสาระสำคัญ จึงไม่มีผลทางกฎหมายที่จะมีผลให้นายทะเบียนพรรคการเมืองมีอำนาจยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญให้ยุบพรรคผู้ถูกร้องได้”

นั้นคือดูเหมือนตุลาการ 3 ท่านเห็นว่า กกต.ยังไม่ได้มีมติให้ความเห็นชอบอย่างถูกเกี่ยวกับความผิดตามมาตรา 93 นั้นคือ ไม่ได้ดำเนินการให้ถูกตามมาตรา 93 วรรคสองที่บัญญัติไว้ว่า "เมื่อปรากฏต่อนายทะเบียนว่าพรรคการเมืองใดมีเหตุตามวรรคหนึ่ง ให้นายทะเบียนโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการการเลือกตั้ง....." ในที่นี้ตุลาการ 3 ท่านถือว่า คณะกรรมการการเลือกตั้ง ยังไม่ได้ให้ความเห็นชอบตามมาตรานี้

เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ผมอนุมานเอาจากคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ออกมา ความจริงทั้งหมดจะอยู่ที่เอกสารรายงานการประชุม ร 13 ว่าจริงๆแล้วในวันนั้น กกต.ประชุมอะไรกัน มีมติอะไรกันแน่ ซึ่งหากสมาชิกท่านใดมีเอกสารตัวจริง และมีสาระสำคัญแตกต่างไปจากนี้ ผมเองก็ขอมีความเห็นแตกต่างไปจากที่ให้ไว้ ณ ที่นี้
User avatar
thyrocyte
 
Posts: 43
Joined: Mon Aug 24, 2009 1:13 pm

Re: ทำไม3+1เท่ากับ 4

Postby แม่นาค » Sat Dec 04, 2010 12:13 am

ประธานกกต. ลงความเห็นในฐานะ กกต. ไม่ใช่ความเห็นในฐานะ "นายทะเบียน" ( เพราะนายทะเบียนบอกไปแล้วว่า ไม่ผิด )

ส่วนวันที่ 21 เมษายน นั้น ลงความเห็นในเรื่องของมาตรา 94 ไม่ใช่ 93 ( เรื่อง 258 ล้าน )

แสดงว่า ศาลเห็นว่านายทะเบียนยังไม่ได้นำเสนอ ตามอำนาจหน้าที่ในมาตรา 93 ( ตรงนี้ น่าจะเป็นความเห็นของ ตุลาการ 3 เสียง )
User avatar
แม่นาค
 
Posts: 760
Joined: Tue Nov 23, 2010 8:27 pm

Re: ทำไม3+1เท่ากับ 4

Postby Alien007 » Sat Dec 04, 2010 12:49 am

คดีนี้คนที่ศาลจะให้ความสำคัญมากที่สุด ในฐานะที่เป็นตัวชี้ขาดมาตั้งแต่ต้นว่าพรรค ปชป ผิดหรือไม่ คือ นายทะเบียนพรรคการเมือง
ไม่ใช่เจ๊ปากแดงๆ หน้าว่อกๆ (จะไว้ใจ๋ได้ก๋า) ฮ่าๆๆๆ :mrgreen:
นายชูวิทย์ รับงานจากใครมาเพื่อขัดขวางการทำงานของพรรคฝ่ายค้าน เลียนแบบการเมืองสิงคโปร์แบบไม่มีผิดเพี้ยน
เงินภาษีของเราอย่าให้พวกอันธพาลเผาบ้านเผาเมืองมันเอาไปถลุงเล่น หนีได้เป็นหนี เลี่ยงได้เป็นเลี่ยงภาษีพี่น้อง
Alien007
 
Posts: 1844
Joined: Thu Nov 25, 2010 6:21 am


Return to ห้องสมุด