Nemaki wrote:ไทยมี FX Reserve เกือบ 6 ล้านล้านบาท > เป็นผลดี/เสียยังไง ..... ผมขอดูผล หลัง 2 ส.ค. 54
หุหุ
Nemaki wrote:ไทยมี FX Reserve เกือบ 6 ล้านล้านบาท > เป็นผลดี/เสียยังไง ..... ผมขอดูผล หลัง 2 ส.ค. 54
หุหุ
ปล. อ่านย้อนไปดูแล้ว .... ว่าแล้วเชียว .... ไม่มีคนเอาตัวเลขสถิติ FDI มาแปะ .... สมกับเป็นเว็บเสรีไทยจริงๆ
เงินร้อนๆ ระวังลวกมือนะจ๊ะ
55555 wrote:ที่ผมสงสัย อยู่ FDI ...มันเป็นเงินร้อนยังไงครับ..
phoeniix wrote:เป็น กระทู้ที่มี ข้อมูลน่าสนใจ สำหรับสมาชิกค่ะเลยเอามารวมไว้
หนี้สาธารณะปี 2554
เงินคงคลัง
คลังเผย 8 เดือนแรกจัดเก็บรายได้ 1.27 ล้านล้านบาท
นโยบายเศรษฐกิจ ปชป ติดทอป9 นโยบายโลกช่วยอเมริกา
อยากทราบว่า รมต.คลังมีหน้าที่กำหนดนโยบายให้ธนาคารหรือไม่ครับ
2 เดือนต่อไป จะสุ่มเสี่ยงต่อเศรษฐกิจโลก ถ้า พท เป็นรัฐบาล
กอร์ปศักดิ์ชี้รบ.สมชายทำปท.เสียหาย1.2หมื่นล้านบาทจากจำนำข้าว
ปชป หาเงินให้ถลุงอื้อ มีงบปี 2555 สูงกว่า 4 ล้านล้านบาท
ธ.ก.สจี้เคลียร์หนี้จำนำข้าว เก่า1.5แสนล้านก่อนรับจำนำใหม่
เศรษฐกิจไตรมาสแรกโต3%ดีเกินคาด
กรณ์"ชำแหละนโยบายศก."พท."เหลวแหลกทุกด้าน
ครึ่งปีแรกแมงสาปแทะประเทศดุลการคลังขาดดุล372000ล้านบาท
Majestic wrote:ไปเจอมาจาก http://www.pantip.com/cafe/wahkor/topic ... 15124.html
งบประมาณกระทรวงกลาโหม
ปีงบประมาณ 2544 = 77,210,552,300 บาท (ชวน)
>> GDP ณ สิ้นปี 2543 = 4,904,725 ล้านบาท
ปีงบประมาณ 2545 = 78,584,183,600 บาท (ทักษิณ)
>> GDP ณ สิ้นปี 2544 = 5,099,642 ล้านบาท
ปีงบประมาณ 2546 = 79,923,271,800 บาท (ทักษิณ)
>> GDP ณ สิ้นปี 2545 = 5,451,900 ล้านบาท
ปีงบประมาณ 2547 = 78,551,324,500 บาท (ทักษิณ)
>> GDP ณ สิ้นปี 2546 = 5,930,400 ล้านบาท
>> หนี้สาธารณะ (% ต่อ GDP: ตามรายปีงบประมาณ) = 48.18
ปีงบประมาณ 2548 = 81,241,382,900 บาท (ทักษิณ)
>> GDP ณ สิ้นปี 2547 = 6,503,500 ล้านบาท
>> หนี้สาธารณะ (% ต่อ GDP: ตามรายปีงบประมาณ) = 46.25
ปีงบประมาณ 2549 = 85,936,118,000 บาท (ทักษิณ)
>> GDP ณ สิ้นปี 2548 = 7,087,700 ล้านบาท
>> หนี้สาธารณะ (% ต่อ GDP: ตามรายปีงบประมาณ) = 41.39
ปีงบประมาณ 2550 = 115,024,014,800 บาท (สุรยุทธ์)
>> GDP ณ สิ้นปี 2549 = 7,830,300 ล้านบาท
>> หนี้สาธารณะ (% ต่อ GDP: ตามรายปีงบประมาณ) = 37.91
ปีงบประมาณ 2551 = 143,518,901,100 บาท (สุรยุทธ์)
>> GDP ณ สิ้นปี 2550 = 8,493,311 ล้านบาท
>> หนี้สาธารณะ (% ต่อ GDP: ตามรายปีงบประมาณ) = 37.44
ปีงบประมาณ 2552 = 170,157,393,800 บาท (สมชาย)
>> GDP ณ สิ้นปี 2551 = 9,075,493 ล้านบาท
>> หนี้สาธารณะ (% ต่อ GDP: ตามรายปีงบประมาณ) = 45.57
ปีงบประมาณ 2553 = 154,032,478,600 บาท (อภิสิทธิ์)
>> GDP ณ สิ้นปี 2552 = 9,041,551 ล้านบาท
>> หนี้สาธารณะ (% ต่อ GDP: ตามรายปีงบประมาณ) = 42.30
ปีงบประมาณ 2554 = 168,501,828,300 บาท (อภิสิทธิ์)
>> GDP ณ สิ้นปี 2553 = 10,104,821 ล้านบาท
>> หนี้สาธารณะ (% ต่อ GDP: ตามรายปีงบประมาณ) ปัจจุบัน = 41.04
วาระการดำรงตำแหน่ง นายกรัฐมนตรีไทย
ชวน หลีกภัย 9 พ.ย. 2540 - 17 ก.พ. 2544
ทักษิณ ชินวัตร 17 ก.พ. 2544 - 11 มี.ค. 2548
สุรยุทธ์ จุลานนท์ 1 ต.ค. 2549 - 29 ม.ค. 2551
สมัคร สุนทรเวช 29 ม.ค. 2551 - 9 ก.ย. 2551
สมชาย วงศ์สวัสดิ์ 9 ก.ย. 2551 - 2 ธ.ค. 2551
อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ 17 ธ.ค. 2551 - ปัจจุบัน
Nemaki wrote:ปล. อ่านย้อนไปดูแล้ว .... ว่าแล้วเชียว .... ไม่มีคนเอาตัวเลขสถิติ FDI มาแปะ .... สมกับเป็นเว็บเสรีไทยจริงๆ
เงินร้อนๆ ระวังลวกมือนะจ๊ะ
55555 wrote:ที่ผมสงสัย อยู่ FDI ...มันเป็นเงินร้อนยังไงครับ..
55555 wrote:อ่านไปได้นิดหน่อย...โดยเฉพาะ ที่ หน้า 29 มีการพูดถึงเรื่อง 30 % ในยุคขิงแก่ ซึ่งเป็นมาตรการชั่วคราวและยกเลิกไปแล้ว...
แต่มันแยะ ผมไม่มีเวลาอ่านและทำความเข้าใจขนาดนั้น...เอาเป็นว่า ท่านผู้รู้ ช่วยไขข้อสงสัยให้ผมหน่อยเถอะครับ..Nemaki wrote:ปล. อ่านย้อนไปดูแล้ว .... ว่าแล้วเชียว .... ไม่มีคนเอาตัวเลขสถิติ FDI มาแปะ .... สมกับเป็นเว็บเสรีไทยจริงๆ
เงินร้อนๆ ระวังลวกมือนะจ๊ะ55555 wrote:ที่ผมสงสัย อยู่ FDI ...มันเป็นเงินร้อนยังไงครับ..
Nemaki wrote:พอดีไปเจอนี่มา ..... อ่านไปได้นิดเดียวเอง ..... แต่มาสะดุดตั้งแต่หน้าที่ 29 ครับ
http://www.twnside.org.sg/title2/ge/ge15.pdf
hint เอา fx reverve มา plot กราฟดู กำหนด time span ซัก 20 ปี แล้วสังเกตุช่วงปี 2009 เป็นต้นไป ..... แล้ให้เทียบกับสถิติทั้งหมดที่หาได้ของปัจจัยอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ..... แล้วพิจารณาเอาเองครับว่าน่าสงสัยหรือไม่ ..... อย่าไปไว้ใจสถานการณ์ตลาดเงินโลกมากครับ
ขนาดเรื่อง Bernard Madoff คนไทยยังไม่รู้จักกันเลย
Nemaki wrote:ไทยมี FX Reserve เกือบ 6 ล้านล้านบาท > เป็นผลดี/เสียยังไง ..... ผมขอดูผล หลัง 2 ส.ค. 54 หุหุ
ปล. อ่านย้อนไปดูแล้ว .... ว่าแล้วเชียว .... ไม่มีคนเอาตัวเลขสถิติ FDI มาแปะ .... สมกับเป็นเว็บเสรีไทยจริงๆ เงินร้อนๆ ระวังลวกมือนะจ๊ะ
Show off wrote:เงินทุนสำรองระหว่างประเทศรัฐบาลอภิสิทธิ์
เอาเงินที่ปล้นแม้ว + เงินกู้...กู้..มารวมด้วยอ่ะป่ะ
แค่สงสัย...คิคิ
quantaz wrote:Show off wrote:เงินทุนสำรองระหว่างประเทศรัฐบาลอภิสิทธิ์
เอาเงินที่ปล้นแม้ว + เงินกู้...กู้..มารวมด้วยอ่ะป่ะ
แค่สงสัย...คิคิ
1.ไม่มีใครปล้นนายแม้ว มีแต่นายแม้วที่ออกนโยบายมาทำให้ประเทศเสียหายเอาเงินเข้ากระเป๋าตัวเอง
2.เงินกู้ของรัฐบาล ปชป. ไม่เกี่ยวกับทุนสำรองระหว่างประเทศเงินกูนั้นกู้มาเพื่อขับเคลื่อนนโยบายต่างๆ
*** ทุนสำรองระหว่างประเทศหมายถึงสินทรัพย์ของธนาคารกลางที่อยู่ในหลายสกุลเงิน โดยมากมักเป็นสกุลเหรียญสหรัฐ
รวมไปถึงสกุลเงิน ยูโร ปอนด์สเตอร์ลิง และ เยน ทั้งนี้เพื่อใช้เป็นหลักประกัน ได้แก่การผลิตเงินในสกุลของประเทศนั้นนั้น
และ เป็นทุนสำรองต่างๆที่ฝากไว้ ณ ธนาคารกลาง โดยรัฐบาล หรือ สถาบันการเงิน
เนื่องจากกฏเกณฑ์ปริวรรตเงินตรา (ที่สอดคล้องกับ พรบ.เงินตราฯ) ที่รัฐบาลไทยตั้งขึ้นมาเป็นระยะเวลานานนับจากสงครามครั้งที่สองเป็นต้นมา (หลายท่านไม่เคยทราบสาระสำคัญหรือเคยทราบแต่ลืมไปแล้ว) ได้กำหนดไว้ว่า ใครก็ตามที่นำเงินตราต่างประเทศ (ซึ่งต่อไปอาจใช้คำว่า “ดอลล่าร์” เพื่อความง่าย) เข้ามาในราชอาณาจักรไทย หากต้องการใช้เงินนั้นในการซื้อขายแลกเปลี่ยนสินค้าบริการที่แท้จริงหรือเพื่อวัตถุประสงค์ทางเศรษฐกิจอื่นในราชอาณาจักรไทยจะต้องนำเงินตราต่างประเทศนั้นไปแลกเป็นเงินบาท โดยมีธนาคารพาณิชย์ (ซี่งได้รับอนุญาตจากธนาคารแห่งประเทศไทยอีกต่อหนึ่ง) เป็นผู้รับแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ และด้วยกฎการถือครองสินทรัพย์ต่างประเทศสุทธิของธนาคารพาณิชย์ในประเทศไทยที่ธนาคารแห่งประเทศไทยตั้งขึ้นได้กำหนดให้ธนาคารพาณิชย์ในประเทศไทยถือครองสินทรัพย์ต่างประเทศสุทธิได้อย่างจำกัด (ซึ่งเป็น prudential measure เพื่อไม่ให้ธนาคารพาณิชย์ทำธุรกิจเก็งกำไรอัตราแลกเปลี่ยนที่มีความเสี่ยงสูงซึ่งนอกจากอาจจะทำให้เกิดความเสียหายต่อธนาคารพาณิชย์เองแล้ว ยังจะทำความเสียหายให้กับระบบเศรษฐกิจโดยรวมด้วยหากธนาคารพาณิชย์นั้นขาดทุนจากการเก็งกำไรอัตราแลกเปลี่ยนมากจนถึงขั้นล้มละลายได้) ทำให้ธนาคารพาณิชย์ต้องนำเงินตราต่างประเทศนั้นมาแลกเป็นเงินบาทจากธนาคารแห่งประเทศไทยอีกต่อหนึ่ง จึงทำให้ในที่สุดแล้ว เงินตราต่างประเทศที่ไหลเข้ามาในประเทศไทยสุทธิเกือบทั้งหมด จะไหลเข้าสู่ธนาคารแห่งประเทศไทยและเมื่อธนาคารแห่งประเทศไทยได้รับเงินตราต่างประเทศมา ก็จะนำเงินตราต่างประเทศนั้นไปฝากไว้กับธนาคารพาณิชย์ของประเทศเจ้าของเงินสกุลหลักของโลกเช่นสหรัฐอเมริกา ยุโรป และญี่ปุ่น หรือนำเงินไปซื้อตราสารทางการเงินเช่นพันธบัตรรัฐบาลเป็นเงินสกุลของประเทศเหล่านี้ และเรียกเงินก้อนนี้ว่า “ทุนสำรองระหว่างประเทศ หรือ International Reserves”
freedom1 wrote:เงินทุนสำรองระหว่างประเทศ หมายถึงจำนวนเงินที่มีในระบบธนาคารของแต่ละประเทศ สาเหตุที่ไทยเรามีเงินทุนในระบบมากเพราะธนาคารมีเงินฝากในระบบธนาคารมาก นื่องจากประชาชนไม่ได้นำเงินไปลงทุนเป็นจำนวนมาก เงินจึงฝากอยู่ในระบบธนาคารมาก ธนาคารในประเทศไทยเป็นประเทศเดียวในโลกที่มีอัตราดอกเบี้ยเงินฝากกับดอกเบี้ยเงินกู้หากกันถึง 5-6 เท่า กล่าวคืออัตราดอกเบี้ยเฉลี่ยเงินฝากของธนาคารอยู่ที่ ร้อยละ.75 - 2.50 ต่อปี ในขณะที่ดอกเบี้ยเงินกู้อยู่ที่ร้อยละ 7.50- 8 บาทต่อปี พูดย่างนี้หวังว่าจขกท. คงจะเข้าใจและ ตรงประเด็นที่ต้องการสื่อให้คนทราบคืออะไรกันแน่ มีต่อครับ...