เงินทุนสำรองระหว่างประเทศรัฐบาลอภิสิทธิ์ไทยอันดับ 12 ของโลก

คลังปัญญา กระทู้ปักหมุดเดิม เรื่องสำคัญจัดเก็บที่นี่

Re: เงินทุนสำรองระหว่างประเทศรัฐบาลอภิสิทธิ์ไทยอันดับ 12 ของโลก

Postby เช neverdie » Sat Sep 03, 2011 12:29 pm

saopao wrote:อยากตั้งกองทุนมั่งคั่ง ทำไมรัฐบาลไม่ออกพันธบัตร แล้วเอาเงินบาทที่ได้มาไปแลกกับ ดอลล่าห์ในเงินทุนสำรอง
เอามาตั้งกองทุน แล้วเอาไปลงทุนน้ำมันในต่างประเทศ


วิธีนี้เป็นวิธีง่ายสุดที่แม้วจะไม่ทำ เหตุผลก็เพราะแม้วต้องการรวบหัวรวบหางกินคนเดียวแบบไม่ต้องแบกรับความเสี่ยง ถ้าต้องมาออกพันธบัตร ก็ต้องออกกฎหมายผ่านสภา ต้องแบ่งรายได้(จ่ายดอกเบี้ย)ให้ผู้ที่ถือครองพันธบัตรในอัตราสูง แบบนี้แม้วไม่ได้กินคนเดียว แม้วไม่ชอบครับ
ความล้มเหลวของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ที่พี่ๆเสื้อแดงใบ้แดรก เถียงไม่ออกซักคน
คลิ้กเบาๆตรงนี้ --->> เรื่องความซื่อสัตย์สุจริต
คลิ้กเบาๆตรงนี้ --->> เรื่องกองทุนน้ำมัน
คลิ้กเบาๆตรงนี้ --->> เรื่องภาษี
คลิ้กเบาๆตรงนี้ --->> เรื่องตลาดทุน
User avatar
เช neverdie
 
Posts: 2632
Joined: Wed Jul 13, 2011 9:39 am

Re: เงินทุนสำรองระหว่างประเทศรัฐบาลอภิสิทธิ์ไทยอันดับ 12 ของโลก

Postby phoeniix » Sat Sep 03, 2011 2:18 pm

เช neverdie wrote:
saopao wrote:อยากตั้งกองทุนมั่งคั่ง ทำไมรัฐบาลไม่ออกพันธบัตร แล้วเอาเงินบาทที่ได้มาไปแลกกับ ดอลล่าห์ในเงินทุนสำรอง
เอามาตั้งกองทุน แล้วเอาไปลงทุนน้ำมันในต่างประเทศ


วิธีนี้เป็นวิธีง่ายสุดที่แม้วจะไม่ทำ เหตุผลก็เพราะแม้วต้องการรวบหัวรวบหางกินคนเดียวแบบไม่ต้องแบกรับความเสี่ยง ถ้าต้องมาออกพันธบัตร ก็ต้องออกกฎหมายผ่านสภา ต้องแบ่งรายได้(จ่ายดอกเบี้ย)ให้ผู้ที่ถือครองพันธบัตรในอัตราสูง แบบนี้แม้วไม่ได้กินคนเดียว แม้วไม่ชอบครับ


ณ. วันนี้ประชาชนรู้ทันแม้วมากขึ้น เขาจะแก้กฏหมายเอื้อประโยชน์ให้ตัวเอง
เอาเงินส่วนนี้มาใช้ตามใจชอบเหมือนเป็นเงินของส่วนตัว

พวกเขาจะทำได้ง่ายๆ เหรอน้าเช
คนไทยทุกคน ทั้งมีสี และไม่มีสีจะยอมฉิหายเพื่อแม้วคนเดียวหรอก
User avatar
phoeniix
 
Posts: 5104
Joined: Thu Apr 23, 2009 3:59 am

Re: เงินทุนสำรองระหว่างประเทศรัฐบาลอภิสิทธิ์ไทยอันดับ 12 ของโลก

Postby overtherainbow » Sat Sep 03, 2011 2:20 pm

phoeniix wrote:
เช neverdie wrote:
saopao wrote:อยากตั้งกองทุนมั่งคั่ง ทำไมรัฐบาลไม่ออกพันธบัตร แล้วเอาเงินบาทที่ได้มาไปแลกกับ ดอลล่าห์ในเงินทุนสำรอง
เอามาตั้งกองทุน แล้วเอาไปลงทุนน้ำมันในต่างประเทศ


วิธีนี้เป็นวิธีง่ายสุดที่แม้วจะไม่ทำ เหตุผลก็เพราะแม้วต้องการรวบหัวรวบหางกินคนเดียวแบบไม่ต้องแบกรับความเสี่ยง ถ้าต้องมาออกพันธบัตร ก็ต้องออกกฎหมายผ่านสภา ต้องแบ่งรายได้(จ่ายดอกเบี้ย)ให้ผู้ที่ถือครองพันธบัตรในอัตราสูง แบบนี้แม้วไม่ได้กินคนเดียว แม้วไม่ชอบครับ


ณ. วันนี้ประชาชนรู้ทันแม้วมากขึ้น เขาจะแก้กฏหมายเอื้อประโยชน์ให้ตัวเอง
เอาเงินส่วนนี้มาใช้ตามใจชอบเหมือนเป็นเงินของส่วนตัว

พวกเขาจะทำได้ง่ายๆ เหรอน้าเช
คนไทยทุกคน ทั้งมีสี และไม่มีสีจะยอมฉิหายเพื่อแม้วคนเดียวหรอก

อยากรู้เหมือนกันค่ะ
ว่าเค้าจะทำได้ง่ายๆเลยหรือ
แล้วคนที่ดูแลเงินหลวงตาตอนนี้เริ่มหาทางจัดการเรื่องนี้รึยังคะ
มันใกล้จะงาบแล้ว :evil:
User avatar
overtherainbow
 
Posts: 3123
Joined: Sat Dec 27, 2008 12:36 pm

Re: เงินทุนสำรองระหว่างประเทศรัฐบาลอภิสิทธิ์ไทยอันดับ 12 ของโลก

Postby เช neverdie » Sat Sep 03, 2011 10:00 pm

overtherainbow wrote:
phoeniix wrote:
เช neverdie wrote:
saopao wrote:อยากตั้งกองทุนมั่งคั่ง ทำไมรัฐบาลไม่ออกพันธบัตร แล้วเอาเงินบาทที่ได้มาไปแลกกับ ดอลล่าห์ในเงินทุนสำรอง
เอามาตั้งกองทุน แล้วเอาไปลงทุนน้ำมันในต่างประเทศ


วิธีนี้เป็นวิธีง่ายสุดที่แม้วจะไม่ทำ เหตุผลก็เพราะแม้วต้องการรวบหัวรวบหางกินคนเดียวแบบไม่ต้องแบกรับความเสี่ยง ถ้าต้องมาออกพันธบัตร ก็ต้องออกกฎหมายผ่านสภา ต้องแบ่งรายได้(จ่ายดอกเบี้ย)ให้ผู้ที่ถือครองพันธบัตรในอัตราสูง แบบนี้แม้วไม่ได้กินคนเดียว แม้วไม่ชอบครับ


ณ. วันนี้ประชาชนรู้ทันแม้วมากขึ้น เขาจะแก้กฏหมายเอื้อประโยชน์ให้ตัวเอง
เอาเงินส่วนนี้มาใช้ตามใจชอบเหมือนเป็นเงินของส่วนตัว

พวกเขาจะทำได้ง่ายๆ เหรอน้าเช
คนไทยทุกคน ทั้งมีสี และไม่มีสีจะยอมฉิหายเพื่อแม้วคนเดียวหรอก

อยากรู้เหมือนกันค่ะ
ว่าเค้าจะทำได้ง่ายๆเลยหรือ
แล้วคนที่ดูแลเงินหลวงตาตอนนี้เริ่มหาทางจัดการเรื่องนี้รึยังคะ
มันใกล้จะงาบแล้ว :evil:


ถ้ามันจะเอากันจริงๆ มันก็ไม่ยากหรอกครับ (มันทำกันออกจะบ่อย)

เดี๋ยวพอตอนเข้าด้ายเข้าเข็ม คนกำลังจับตาดู มันก็โยนเศษเงินซักก้อนจัดอีเวนท์ อะไรดีล่ะ ... เอางี้แล้วกัน นำเสนอ ลูกจิ้งหรีดกัดกับลูกควายคลอดก่อนกำหนด" มีสื่อยักษ์ใหญ่หัวสีหลายสำนักไปร่วมกันทำข่าว "ลูกจิ้งหรีดกัดกับลูกควายคลอดก่อนกำหนด" เป็นข่าวครึกโครมทางหน้าหนังสือพิมพ์อยู่หลายวัน วิพากษ์วิจารณ์เรื่อง "ลูกจิ้งหรีดกัดกับลูกควายคลอดก่อนกำหนด" อื้ออึงไปทั้งสังคมทุกวงการ แล้วเรื่องก็ค่อยๆซาไปพร้อมๆกับที่มันแก้กฎหมายกองทุนฯผ่านสภาไปอย่างเงียบเชียบ อาจจะมีคนเห็นความไม่ชอบมาพากลอยู่สอง-สามคน แต่ไอ้สอง-สามคนนี้ แหกปากให้ตาย คนก็ยังให้ความสนใจเรื่อง "ลูกจิ้งหรีดกัดกับลูกควายคลอดก่อนกำหนด" มากกว่าเรื่องที่ไอ้พวกนี้มันกำลังจะทำผ่านสภา

เมื่อคราวก่อนโน้นก็ให้ยัยระเบียบรัตน์ ออกมาแหกปากสร้างกระแสห้ามผัวมีเมียน้อยเป็นข่าวครึกโครมลงหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์หัวสี เบี่ยงเบนความสนใจของผู้คนในสังคมอยู่หลายวัน แล้วเรื่องชั่วๆของมันก็ผ่านสภาไปอย่างเงียบเชียบ(จำไม่ได้ว่าเรื่องอะไร) กะอีแค่เรื่องแค่รณรงค์ห้ามผัวมีเมียน้อยเนี่ยนะ ต้องลงหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์หัวสี :evil: :evil: :evil:
ความล้มเหลวของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ที่พี่ๆเสื้อแดงใบ้แดรก เถียงไม่ออกซักคน
คลิ้กเบาๆตรงนี้ --->> เรื่องความซื่อสัตย์สุจริต
คลิ้กเบาๆตรงนี้ --->> เรื่องกองทุนน้ำมัน
คลิ้กเบาๆตรงนี้ --->> เรื่องภาษี
คลิ้กเบาๆตรงนี้ --->> เรื่องตลาดทุน
User avatar
เช neverdie
 
Posts: 2632
Joined: Wed Jul 13, 2011 9:39 am

Re: เงินทุนสำรองระหว่างประเทศรัฐบาลอภิสิทธิ์ไทยอันดับ 12 ของโลก

Postby เช neverdie » Sat Sep 03, 2011 10:34 pm

เพิ่มเติม...

ผมขอให้จับตามองหลักไมล์ต่อไปนี้ให้ดี หลักไมล์นี้คือท่านผู้ว่าแบงค์ชาติ ประสาร ไตรรัตน์วรกุล ถ้าหลักไมล์นี้ยังอยู่กับที่ไม่เคลื่อนไปใหนก็วางใจได้ แต่ถ้าเมื่อไหรที่มีการย้ายท่านผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ประสาร ไตรรัตน์วรกุล ออกจาตำแหน่ง ก็เมื่อนั้นแหละที่ปราการด่านสุดท้ายที่จะปกป้องประเทศนี้ไม่ให้ฉิบหายเพราะค่าเงิน ได้พังทลายลงแล้ว

คราวก่อนโน้นก่อนที่จะเกิดวิกฤติเศรษฐกิจปี 40 ท่านผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย วิจิตร สุพินิจ ต้องพ้นจากตำแหน่งไปไม่ถึงปี ความฉิบหายก็มาเยือนประเทศนี้ แต่คราวนั้นมันเป้นเรื่องช่วยไม่ได้จริงๆ เพราะท่านวิจิตรต้องเกษียรอายุราชการ แล้วไอ้จิ๋วโดยการกระซิบของไอ้แม้ว ก็ตั้งคนของมันขึ้นมาคุมแบ็งค์ชาติ แล้วก็นั่นแหละ เอาเงินทุนสำรองไปปกป้องค่าเงิน แล้วเปิดแชมเปญฉลองกัน กว่าจะรู้ตัวอีกทีประเทศชาติก็ฉิบหายหมดแล้ว

แต่คราวนี้ท่านประสารต้องอยู่ในตำแหน่งตามวาระอีกหลายปี มาคอยดูกันว่ามันจะบีบท่านประสารอย่างไร ท่านประสาร จะทนแรงบีบคั้นได้ไหม โปรดอย่ากระพริบตา
ความล้มเหลวของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ที่พี่ๆเสื้อแดงใบ้แดรก เถียงไม่ออกซักคน
คลิ้กเบาๆตรงนี้ --->> เรื่องความซื่อสัตย์สุจริต
คลิ้กเบาๆตรงนี้ --->> เรื่องกองทุนน้ำมัน
คลิ้กเบาๆตรงนี้ --->> เรื่องภาษี
คลิ้กเบาๆตรงนี้ --->> เรื่องตลาดทุน
User avatar
เช neverdie
 
Posts: 2632
Joined: Wed Jul 13, 2011 9:39 am

Re: เงินทุนสำรองระหว่างประเทศรัฐบาลอภิสิทธิ์ไทยอันดับ 12 ของโลก

Postby 55555 » Sat Sep 03, 2011 10:39 pm

" วันนี้ประเทศเดือดร้อนอะไร ถึงขนาดต้องควักไส้เอาเงินทุนสำรองไปใช้ "
55555
 
Posts: 5131
Joined: Mon Oct 13, 2008 8:29 am

Re: เงินทุนสำรองระหว่างประเทศรัฐบาลอภิสิทธิ์ไทยอันดับ 12 ของโลก

Postby เช neverdie » Sat Sep 03, 2011 10:57 pm

55555 wrote: " วันนี้ประเทศเดือดร้อนอะไร ถึงขนาดต้องควักไส้เอาเงินทุนสำรองไปใช้ "


เดือดร้อนครับ เดือดร้อนมาก ถึงมากที่สุดครับ จากนโยบายงดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันโดยไม่มีการวางแผนล่วงหน้า คิดอยากจะทำก็ทำ สักแต่ว่าแก้บน ตอนนี้กองทุนน้ำมันกำลังอยู่ในสภาพติดลบ แต่ก้าซหุงต้มยังไม่ได้ปล่อยลอยตัว ก็แปลว่ายังต้องอุ้มก้าซแอลพีจีต่อไปแบบไม่มีเงิน จะเอาเงินภาษีมาอุ้มก็จะโดนเสียงด่าทั้งประเทศ จะไปกู้เงินมาอุ้ม ก็จะโดนเสียงด่าทั้งประเทศอีก ง่ายสุดใกล้มือเห็นแล้วน้ำลายใหลก็ทุนสำรองเงินตราต่างประเทศนี่แหละกองโตดี แต่หารู้ไม่ว่าทุนสำรองเงินตราต่างประเทศ หลักๆเค้าเอาใว้หนุนหลังธนบัตร หากดึงเงินก้อนนี้ไปใช้ ก็แน่นอนว่าธนบัตรที่หมุนเวียนอยู่ในระบบจะมีค่าใกล้เคียงกับแบ็งค์กงเต็กทันที

แต่ถ้าไม่เชื่อผม จะลองดูซักตั้งก็ได้ ผิดนักผมก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไรเท่าไหร่ แต่รากหญ้าจะบ้านแตกสาแหรกขาดกัน ยังไม่รู้ตัว
ความล้มเหลวของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ที่พี่ๆเสื้อแดงใบ้แดรก เถียงไม่ออกซักคน
คลิ้กเบาๆตรงนี้ --->> เรื่องความซื่อสัตย์สุจริต
คลิ้กเบาๆตรงนี้ --->> เรื่องกองทุนน้ำมัน
คลิ้กเบาๆตรงนี้ --->> เรื่องภาษี
คลิ้กเบาๆตรงนี้ --->> เรื่องตลาดทุน
User avatar
เช neverdie
 
Posts: 2632
Joined: Wed Jul 13, 2011 9:39 am

Re: เงินทุนสำรองระหว่างประเทศรัฐบาลอภิสิทธิ์ไทยอันดับ 12 ของโลก

Postby phoeniix » Sat Sep 03, 2011 11:11 pm

http://www.bangkokbiznews.com

30 วันอันตราย.."ประสาร ไตรรัตน์วรกุล"

Image

ความคิดที่ไม่ตรงกันระหว่าง"ธีระชัย" กับ"ประสาร"ยังคงมีให้เห็นอย่างต่อเนืองและโจทย์ 4เรื่องตอบใน30วันอาจจะเป็นจุดอันตรายต่อผู้ว่าการแบงก์ชาต

ดร.ประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยหรือแบงก์ชาติ มีเวลา" 30 วัน"ในการส่งการบ้านแก่ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล ซึ่งจะว่าไปแล้วก็ล้วนเป็นโจทย์ที่ง่ายมีอยู่ในใจของ รมว.คลังเรียบร้อยแล้ว....แต่สำหรับผู้ว่าแบงก์ชาติแล้วถือเป็น"โจทย์หิน" หรือไม่ก็มีในใจแล้วเช่นกันว่าอย่างน้อย 2 ใน 4 ข้อนั้น"ทำไม่ได้และจะไม่ทำ" ซึ่งหากรูปการณ์เป็นเช่นนี้ ก็ถือว่าตำแหน่งผู้ว่าการแบงก์ชาติ เข้าสู่ภาวะอันตรายอีกครั้ง


ยิ่งช่วงนี้รัฐบาล" ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" นายกรัฐมนตรี อยู่ในกระบวนการ"รื้อ-ปลด-ย้าย "ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ แต่ละองค์กรด้วยแล้ว เชื่อว่าตำแหน่งผู้ว่าการแบงก์ชาติ ก็ไม่ได้อยู่นอกเหนือกฎเกณฑ์นี้

แฟชั่นนี้กำลังมาแรง..!

ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ให้เวลา พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) 7 วัน...ธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล รมว.คลัง บังเอิญคงมีกรอบคิด ตรงกัน..ให้เวลาดร.ประสาร ไตรรัตน์วรกุล 1 เดือนหรือ 30 วันบ้าง...ซึ่งเอาเข้าจริงรัฐมนตรีทั้งสองท่านอาจจะมีคำตอบ ก่อนตั้งคำถามแล้วด้วยซ้ำ

การบ้าน 4 ข้อที่ ดร.ประสาร ต้องพิจารณา ประเด็นแรก รมว.คลัง ให้ธปท.ศึกษาการแยกบัญชีเงินทุนสำรองระหว่างประเทศออกมาเพื่อนำทุนสำรองไปจัดตั้งกองทุนความมั่งคั่ง(Sovereign Wealth Fund :SWF) ซึ่งอาจจะต้องมีการแก้กฎหมายเพื่อให้นำเงินทุนสำรองออกมาใช้

เรื่องนี้ ดร.ประสาร ตอบมาแล้ว..."เรื่องดังกล่าวจะต้องศึกษาก่อนว่าจะทำได้หรือไม่ และยังไม่สามารถจะให้คำตอบได้ทันที ซึ่งเรื่องนี้ถือว่าก็มีการพูดคุยกันมานานแล้ว"


หากจะให้ตีความตรงๆ คือ"เขาศึกษามานานแล้ว และเห็นว่าสำหรับประเทศไทย ยังยาก"


ดร.ประสาร มีกรอบคิดตลอดมาว่า เอาเข้าจริงแล้ว ทุนสำรองระหว่างประเทศที่โชว์ว่าสูงถึง 1.8 แสนล้านดอลลาร์นั้น"น้อยมาก"กับประเทศที่เล็กและระบบเปิด อัตราแลกเปลี่ยนลอยตัว ไม่มีมาตรการควบคุมเงินทุน...เพราะหากกระแสไม่เชื่อมั่นในประเทศไทยขึ้นมาเมื่อใด..เงินทุนจะไหลออกอย่างมากทันที ทุนสำรองฯที่ดูเหมือนจะมาก ก็จะไม่เหลือในที่สุด

อีกประเด็นใหญ่...การตั้งSovereign Wealth Fund คือการเปิดประตูให้"การเมือง"ในแบงก์ชาติ ซึ่งเมื่อสามารถเข้าประตูแรกได้แล้ว หลังจากนี้จะตามมาเป็นกระบวน มีครั้งที่สอง ครั้งที่สาม...ความเป็นอิสระของธนาคารกลาง ก็ย่อมหายไป

คำถาม..แล้วทำไม่ประเทศอื่นทำได้...คำตอบ อาจจะอยู่ตรงที่นักการเมืองไทย"ความน่าเชื่อถือต่ำ...แต่น่ารังเกียรติสูง"


ในมุมของ ธีระชัย และรัฐบาลนี้... ก็พยายามที่จะหาทุกแหล่งเงินทุน ที่สามารถมาใช้ประโยชน์ในเชิงนโยบายได้ และเห็นว่าทุนสำรองฯ ปัจจุบันก็มีมากเกินกว่าจะเก็บไว้ในหีบ...หากสามารถนำมาใช้ประโยชน์เพิ่มมูลค่าให้ประเทศชาติ ก็น่าจะคุ้มค่ากว่า

"ในแง่ของขนาด วิธีการจัดการบริหารกองทุนว่า ใครจะเป็นคนบริหารนั้น จะต้องมาพิจารณากันอีกรอบ และ รอฟังข้อเสนอของธปท.ในอีก 1 เดือนข้างหน้า แต่ผมเห็นว่า เมื่อมีข้อสรุปว่า จัดตั้งได้ คนที่จะบริหารกองทุนนี้ ก็ควรเป็นการบริหารร่วมกันระหว่างภาครัฐและธปท. ส่วนการใช้เงินลงทุนนั้น เพื่อให้เกิดความสบายใจ จะเป็นการลงทุนในต่างประเทศ โดยลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานในต่างประเทศ ส่วนผลของการลงทุนก็ต้องรับผิดชอบร่วมกัน "

หากอ่านความคิดใน คำสัมภาษณ์ของ รมว.คลัง ก็ชัดเจนว่า มีคำตอบเรียบร้อยแล้ว ไม่ต้องรอ 30 ด้วยซ้ำ เพียงแต่มันต้องมีพิธีกรรมเล็กน้อย..ในทางรัฐศาสตร์เขาเรียกว่า "เพื่อความชอบธรรม"


ขณะที่ฝั่ง ดร.ประสาร ไตรรัตน์วรกุล ฟันธงได้เลยว่า"ไม่เห็นด้วย"...และจะเป็นเรื่องอ่อนไหวมากสุดใน 4 ข้อที่ยกขึ้นมา

ย้อนเบื้องหลัง เบื้องลึก ขยายให้เห็นมากขึ้นอีกนิดหนึ่ง...แนวคิดการจัดตั้ง SWF นั้นเกิดขึ้นมานานแล้ว โดยเฉพาะในช่วงที่ผลตอบแทนจากการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ เช่น พันธบัตรรัฐบาลของประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ มีการจ่ายผลตอบแทนที่ลดลงอย่างมาก ในขณะที่ทุนสำรองระหว่างประเทศของไทยก็ปรับขึ้นมาต่อเนื่อง จนกระทั่งเมื่อปีที่ผ่านมา ม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล ประธานกรรมการ ธปท. ได้เสนอให้ฝ่ายจัดการของ ธปท. ไปศึกษาแนวคิดการจัดตั้งกองทุนดังกล่าวขึ้นมาอีกครั้ง


หลังจากที่ฝ่ายจัดการของธปท.ได้ทำการสำรวจฐานะของทุนสำรองฯ พร้อมศึกษาแนวทางการจัดตั้งกองทุนขึ้นมา ก็พบว่ามีความเห็นที่แตกต่างกันไป โดยฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยได้แสดงความกังวลเรื่องของฐานะเงินทุนสำรองที่มีอยู่ในปัจจุบัน โดยให้ความเห็นว่า เมื่อแยกในส่วนที่ต้องกันไว้สำรองในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการนำเข้า หนี้ต่างประเทศ และเงินทุนเคลื่อนย้าย รวมทั้งในส่วนที่ต้องหนุนหลังการออกธนบัตรแล้ว พบว่าปริมาณเงินที่เหลือจากที่ต้องกันไว้ทั้งหมดนี้ไม่ได้มีปริมาณที่สูงมากนัก

การบ้านข้อที่สอง

ภาระหนี้สินกองทุนฟื้นฟูเพื่อการพัฒนาระบบสถาบันการเงินที่ปัจจุบันมีอยู่ประมาณ 1.2 ล้านล้านบาท ซึ่งประเด็นดังกล่าว รมว.คลัง ได้มอบให้ ธปท.หาแนวทางการแก้ไข เพราะธปท.ซึ่งรับผิดชอบเงินต้นนั้น ได้มีการชำระเงินต้นไปเพียง 1.6 แสนล้านบาท ขณะที่คลังได้ชำระดอกเบี้ยไปแล้วรวม 6.7 แสนล้านบาท

เรื่องนี้ น่าจะง่ายกว่าข้อแรกมาก คลังเองก็มีเหตุผล ข้อจำกัดด้านงบประมาณ ที่ต้องแบกภาระดอกเบี้ยปีละ 7-8 หมื่นล้านบาท เหตุเพราะ"เงินต้น"ที่อยู่ในความรับผิดชอบของแบงก์ชาตินั้นไม่ลดลงเลย หากยังเป็นเช่นนี้งบประมาณที่ตั้งไว้ ต้องจ่ายดอกเบี้ยเสียหมด กลับกันหากคลังไม่มีภาระตรงนี้ ก็เท่ากับว่ารัฐบาลมีเงินให้ใช้อีก 7-8 หมื่นล้านบาทต่อปี
ย้ำหลักหมื่นล้านบาทน๊ะครับ!
ถามแบงก์ชาติ..ก็ตอบว่าอยากจ่าย แต่ที่ผ่านมา"บัญชี"ที่ต้องนำมาชำระเงินต้นนั้นขาดทุนตลอด จึงไม่สามารถจ่ายให้ได้ตามกฎหมาย..แต่หากจะทำก็ต้องแก้กฎหมาย หรือไม่ก็เทคนิคพิเศษ ในรูปพันธบัตร เช่นคลังออก แบงก์ชาติซื้อเป็นต้น ซึ่งส่วนนี้แหละที่ค้างมาตั้งแต่รัฐบาล อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี และดร.ประสาร ไตรรัตน์วรกุล ก็เคยปะทะความคิดกับ"กรณ์ จาติกวณิช" อดีตรัฐมนตรีคลังมาหลายรอบแล้ว และต้องถอดใจไปในที่สุด

ประเด็นนี้..ฟันธงได้เลยเช่นกันว่าหาข้อสรุปได้"ยาก"


การบ้านข้อที่สาม
เปลี่ยนการกำกับดูแล ตั๋วสัญญาใช่เงินระยะสั้น (ตั๋วบีอี) ที่ออกโดยธนาคารพาณิชย์ จากปัจจุบัน แบงก์ชาติดูแลอยู่ รมว.คลัง"ต้องการให้โอนการกำกับดูแลตั๋วบีอีไปไว้ที่ ก.ล.ต."


ประเด็นนี้คนทั่วไปอาจจะงงๆ ว่าทำไม่ถึงถูกจัดอยู่ในเรื่องร้อน...แน่นอนรมว.คลัง อาจจะมีข้อมูลเชิงลึกถึงความเสี่ยง ที่เริ่มเห็นสัญญาณ แต่ก็มีคำถามต่อไปว่า การเปลี่ยนผู้กำกับดูแล..ช่วยลดความเสี่ยงที่วิตกกันอย่างนั้นหรือ

อาจจะสะท้อนผ่านการให้สัมภาษณ์ของ ผู้ว่าแบงก์ชาติ ที่ไม่ได้มองความเสี่ยงที่หน่วยงานกำกับ
"ความเสี่ยงในเรื่องการออกตั๋วบี/อี ของธนาคารพาณิชย์นั้น จะอยู่ที่การออกตั๋วบี/อี ที่มีอายุที่ใกล้ๆกัน ซึ่งอาจจะมีปัญหาเรื่องสภาพคล่องเมื่อเวลาตั๋วครบกำหนด เทียบกับเงินฝากที่จะมีอายุกระจายกันออกไป"
แต่ในมุมของ รมว.คลัง..การที่แบงก์ชาติกำกับดูแลมองเป็นความเสี่ยง ที่จะย้อนมาสู่ภาครัฐ


"การที่ธนาคารพาณิชย์ออกบี/อีจำนวนมาก และที่ผ่านมาขยายตัวสูง เลยกังวลว่า จะมีการออกบี/อีมากจนกลายเป็นภาระกลับมาให้แก่แบงก์ชาติและคลังอีกครั้งหนึ่ง และกังวลจะเหมือนกันกับกรณีของประเทศกรีซ จึงอยากให้การอนุมัติออกบี/อี ซึ่งเดิมภายใต้แบงก์ชาติให้มาอยู่ ก.ล.ต."

ประเด็นนี้..บทสรุปไม่น่าจะยากนัก


การบ้านข้อที่สี่
การทบทวนกรอบอัตราเงินเฟ้อ จากปัจจุบันอยู่ที่ 0.5-3.0% ..จริงอยู่ กฎหมายใหม่แบงก์ชาติให้สองหน่วยงานคลัง-แบงก์ชาติ หารือร่วมกันในเดือนธ.ค.ของทุกปี เพื่อเป็นการ"ถ่วงดุล"ในเชิงนโยบาย ซึ่งฟังดูไม่น่าจะมีปัญหา
แต่สำหรับธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล กับ ดร.ประสาร ไตรรัตน์วรกุล...มิใช่เช่นนั้น


เป้าหมายเงินเฟ้อ...ไม่ยากนัก แต่ความยากอยู่ที่กรอบคิด ก่อนที่จะนำมาสู่การคำนวณตัวเลขว่า"เป้าหมายควรอยู่ที่เท่าไหร"


มุมของ ธีระชัย เริ่มจากตั้งเป้าหมายที่จีดีพีก่อนว่า "จะโตเท่าไหร เงินเฟ้อจะอยู่ระดับไหน"และถึงค่อยกำหนดกรอบเป้าหมายเงินเฟ้อ ซึ่งกรอบคิดนี้ตรงกับที่ "กิตติรัตน์ ณ ระนอง"รมว.พาณิชย์สะท้อนออกมา ว่า"เงินเฟ้อไม่น่าห่วง หากประชาชนมีรายได้สูงขึ้น"

พูดง่ายๆคือเน้นการเจริญเติมโตทางเศรษฐกิจเป็นหลัก โดยรัฐบาลนี้เชื่อว่าหากทำตามนโยบายที่ประกาศไว้ จะช่วยให้จีดีพีโตเพิ่มขึ้นอีก 2.5% เป็นอย่างน้อย ส่วนเงินเฟ้อแม้สูงก็ไม่น่าห่วง แนวคิดนี้จึงนิยมชมชอบดอกเบี้ยต่ำ เพื่อหนุนให้เศรษฐกิจเติบโต!

มุมของ ดร.ประสาร "ตรงกันข้าม"...เน้นเสถียรภาพด้านราคาเป็น"ตัวตั้ง"...สิ่งที่เขาสะท้อนออกมา จึงเป็นห่วงเรื่องเงินเฟ้อ และเดินหน้าดอกเบี้ยสูง..ขณะเดียวกันก็ออกมาเตือนกระทรวงการคลัง ด้วยว่าไม่ควรเน้นกระตุ้นเศรษฐกิจ ควรเก็บ"กระสุน"ไว้ใช้ยามจำเป็น

ประเด็นนี้...น่าจะตกลงกันยากเช่นกัน


30 วันนับจากนี้...ดร.ประสาร ไตรรัตน์วรกุล จะส่งการบ้านอย่างไร ก็ยากที่จะถูกใจ รมว.คลัง แต่การจะปลดออกคงไม่ง่ายเช่นอดีต...นอกเสียจากผู้ว่าแบงก์ชาติจะถอดใจเสียเอง หรือใช้พลังจากสังคมรอบข้าง เช่นที่กำลังดึงเอกชนเข้ามาร่วมกดดัน

ไม่นานคงได้ข้อเท็จจริงว่า เวลา 30 วันนั้นคำตอบอยู่ตรงไหน?



Tags : ศึกแบงก์ชาติ คลัง

ข่าวมันยาวมาก แต่อ่านแล้วไม่อยากย่อยประเด็น กลัวตกหล่น
User avatar
phoeniix
 
Posts: 5104
Joined: Thu Apr 23, 2009 3:59 am

Re: เงินทุนสำรองระหว่างประเทศรัฐบาลอภิสิทธิ์ไทยอันดับ 12 ของโลก

Postby เช neverdie » Sun Sep 04, 2011 5:49 am

ม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล ประธานกรรมการ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า ที่ประชุมคณะกรรมการตรวจสอบการทำงานของผู้ว่าการ ธปท.ที่มีตนเป็นประธาน เมื่อวันที่ 17 สิงหาคมที่ผ่านมา ได้สรุปการประเมินผลงานนายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการ ธปท. ซึ่งเป็นผู้ว่าการฯคนแรกที่มาจากระบบการสรรหาตาม พ.ร.บ.ธปท. แก้ไขเพิ่มเติมปี พ.ศ.2551 หลังจากดำรงตำแหน่งครบ 1 ปีในเดือนกันยายนนี้ โดยนายประสารผ่านการประเมินผลอยู่ในระดับที่น่าพอใจ มีเพียงเรื่องการใช้ระบบประเมินพนักงานของ ธปท.และการสร้างภาพลักษณ์ของ ธปท.ต่อสาธารณะชนที่ได้ให้นายประสารนำกลับไปปรับปรุง


ทุก 6 เดือน คณะกรรมการฯจะประเมินให้คะแนนการบริหารว่า ทำได้ดีพอ หรือต้องปรับปรุงในด้านใดบ้าง แต่ไม่ได้ใช้ประเมินเพื่อที่จะพิจารณาให้อยู่หรือไม่ให้อยู่ในตำแหน่งของผู้ว่าการ ธปท.


นายคณิศ แสงสุพรรณ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยนโยบายเศรษฐกิจการคลังในฐานะคณะกรรมการตรวจสอบการทำงานผู้ว่าการ ธปท.กล่าวว่า คณะกรรมการตรวจสอบการทำงานของผู้ว่าการได้ประเมินการทำงานในทุกด้านของผู้ว่าการ ธปท. โดยผลการประเมิน นายประสารผ่านการประเมินจากคณะกรรมการฯ ด้วยคะแนน 85 คะแนน ซึ่งหากใช้เกณฑ์ทั่วไปถ้าสอบตกจะมีคะแนนอยู่ที่ 60 คะแนน

http://www.matichon.co.th/news_detail.p ... catid=0501

ข่าวจากมติชนด้วยนะเออ เดี๋ยวมาดูกันซิว่าอีตอนจะปลดท่านผู้ว่า มติชนมันจะพลิกลิ้นยังไง :lol: :lol: :lol:
ความล้มเหลวของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ที่พี่ๆเสื้อแดงใบ้แดรก เถียงไม่ออกซักคน
คลิ้กเบาๆตรงนี้ --->> เรื่องความซื่อสัตย์สุจริต
คลิ้กเบาๆตรงนี้ --->> เรื่องกองทุนน้ำมัน
คลิ้กเบาๆตรงนี้ --->> เรื่องภาษี
คลิ้กเบาๆตรงนี้ --->> เรื่องตลาดทุน
User avatar
เช neverdie
 
Posts: 2632
Joined: Wed Jul 13, 2011 9:39 am

Re: เงินทุนสำรองระหว่างประเทศรัฐบาลอภิสิทธิ์ไทยอันดับ 12 ของโลก

Postby phoeniix » Sun Sep 04, 2011 8:40 am

ถ้าธีรชัย เอาเงินกองทุนมาใช้ จะเป็นเหตุให้ต่างชาติจะตื่นกระหนกหรือเปล่า

ถ้าความเชื่อมั่นในการถือเงินบาทมีปัญหา มันจะเกิดอะไรขึ้น
User avatar
phoeniix
 
Posts: 5104
Joined: Thu Apr 23, 2009 3:59 am

Re: เงินทุนสำรองระหว่างประเทศรัฐบาลอภิสิทธิ์ไทยอันดับ 12 ของโลก

Postby เช neverdie » Sun Sep 04, 2011 10:00 am

ถ้าความเชื่อมั่นในการถือเงินบาทมีปัญหา

เหตุการณ์ก็จะวนกลับไปเหมือนวิกฤติปี 40 ที่ไทยต้องเข้าโครงการไอเอ็มเอฟ แล้วต้องปริวรรตเงินตราอีกรอบ

สรุปก็คือประเทศไม่ไปใหน .....

ก่อนปริวรรตเงินตราปี 40 ไทยนำหน้าเกาหลีใต้ มาเลเซีย ยุโรปตะวันออกทุกประเทศและยุโรปตะวันตกบางประเทศ

หลังปริวรรตเงินตราปี 40 ไทยล้าหลังเกาหลีใต้ มาเลย์เซีย

เดี๋ยวถ้าเกิดวิกฤติเศรษฐกิจปี 55 อีกรอบ ทีนี้ซิมบับเว อูกันดา บูกินาฟาโซ สวาซิแลนด์ ราวันดา และยุโรปตะวันออกทุกประเทศก็คงเจริญแซงหน้าไทยไปหมด
ความล้มเหลวของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ที่พี่ๆเสื้อแดงใบ้แดรก เถียงไม่ออกซักคน
คลิ้กเบาๆตรงนี้ --->> เรื่องความซื่อสัตย์สุจริต
คลิ้กเบาๆตรงนี้ --->> เรื่องกองทุนน้ำมัน
คลิ้กเบาๆตรงนี้ --->> เรื่องภาษี
คลิ้กเบาๆตรงนี้ --->> เรื่องตลาดทุน
User avatar
เช neverdie
 
Posts: 2632
Joined: Wed Jul 13, 2011 9:39 am

Re: เงินทุนสำรองระหว่างประเทศรัฐบาลอภิสิทธิ์ไทยอันดับ 12 ของโลก

Postby phoeniix » Sun Sep 04, 2011 10:15 am

เช neverdie wrote:ถ้าความเชื่อมั่นในการถือเงินบาทมีปัญหา

เหตุการณ์ก็จะวนกลับไปเหมือนวิกฤติปี 40 ที่ไทยต้องเข้าโครงการไอเอ็มเอฟ แล้วต้องปริวรรตเงินตราอีกรอบ

สรุปก็คือประเทศไม่ไปใหน .....

ก่อนปริวรรตเงินตราปี 40 ไทยนำหน้าเกาหลีใต้ มาเลเซีย ยุโรปตะวันออกทุกประเทศและยุโรปตะวันตกบางประเทศ

หลังปริวรรตเงินตราปี 40 ไทยล้าหลังเกาหลีใต้ มาเลย์เซีย

เดี๋ยวถ้าเกิดวิกฤติเศรษฐกิจปี 55 อีกรอบ ทีนี้ซิมบับเว อูกันดา บูกินาฟาโซ สวาซิแลนด์ ราวันดา และยุโรปตะวันออกทุกประเทศก็คงเจริญแซงหน้าไทยไปหมด


ขออภัยน้าเชค่ะ คือคำถามแนวนี้ น้าเชได้ตอบไว้บ้างแล้ว และมีสมาชิกอธิบายกันไว้พอสมควร

แต่ที่ต้องถามย่อยประเด็น เพราะแต่อย่างอธิบายรวดค่อนข้างยาวเกิน 3 บรรทัด

กระทู้นี้มีข้อมูลเยอะมาก อยากให้น้าเช ตั้งกระทู้ใหม่ ถกถึงข้อเสียของการนำ

เงินกองทุนระหว่างประเทศมาใช้ คิดว่าถ้าทราบรายละเอียดจริงๆ กันแล้ว

คนไทยไม่ว่าสีใหน ไม่ยินดีกับเรื่องนี้แน่ๆ
User avatar
phoeniix
 
Posts: 5104
Joined: Thu Apr 23, 2009 3:59 am

Re: เงินทุนสำรองระหว่างประเทศรัฐบาลอภิสิทธิ์ไทยอันดับ 12 ของโลก

Postby Nemaki » Thu Sep 22, 2011 9:10 am

ปี 2551 - 2553 FX Reserve ไทย โตเร็ว .... พอๆ กับค่า FDI ที่ต่างประเทศลงทุนในไทย (ข้อมูลจาก World Fact Book ของ CIA) ที่ราวๆ 3.5 ล้านล้านบาท ..... ซึ่งข้อมูลไม่ตรงกับค่า FDI ที่หน่วยงานทางการในประเทศไทยสำรวจเลย

นึกๆ แล้ว ก็สงสัยว่าสื่อไทยเลิกสนใจตรวจสอบโนมินีอื่นๆ นอกเหนือจากเทมาเสก
User avatar
Nemaki
 
Posts: 49
Joined: Fri Mar 18, 2011 2:52 pm

Re: เงินทุนสำรองระหว่างประเทศรัฐบาลอภิสิทธิ์ไทยอันดับ 12 ของโลก

Postby 55555 » Thu Sep 22, 2011 9:31 am

ตกลง ไอ้ FDI มันเป็นเงินร้อนยังไง..ไม่เห็นบอก..

:D
55555
 
Posts: 5131
Joined: Mon Oct 13, 2008 8:29 am


Re: เงินทุนสำรองระหว่างประเทศรัฐบาลอภิสิทธิ์ ไทยอันดับ 12 ของโลก

Postby White Karma » Wed Sep 28, 2011 11:39 pm

[/quote]ไอ้พวกนี้มันโง่ รู้เรื่องอะไรที่ไหน โพส์ตมั่วซั่วจนไม่รู้ว่าอะไรคือความจริง อะไรโกหกแล้ว เอาง่ายๆเลย ถ้าอย่างนี้แล้วตอนที่ประกาศ
ว่าใช้หนี้ IMF นี่ก็เป็นเพราะรบ.ชวนทำมาให้เป็นอย่างดีหรือเปล่าล่ะ ก็ไม่นี่เห็นแต่บอกกันว่าพี่ทักทำเองนี่ ตกลงพวกคุณเมายามาใช่ป่ะ
จะใช้เหตุผลตรรกะแบบไหน เอาให้เคลียร์ก่อน มิพักต้องมาถกเถียงเลยว่าอะไรคือความจริงกันแน่ แค่ออกตัวก็แหกโค้งตายห่ากันแล้ว[/quote]

รัฐบาล ปชป มีบุคลิกเฉพาะส่วนตัว ทำงานเพื่อประเทศในลักษณะกงสี หากำไรมากๆ เก็บไว้ ไม่โอ้อวด และไม่นำมาใช้ให้เกิดประโยชน์ มีการเกี่ยงงานระหว่างพี่น้องที่ทะเลาะกัน
รัฐบาล ทรท และ พท มีบุคลิกตรงกันข้าม ชอบฟุ่มเฟือย นำเงิน(ที่รัฐบาลก่อนหน้าเก็บสะสมโดยไม่ได้ใช้) มาลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ (และสร้างหนี้ให้รัฐบาลที่จะตามมา) เพื่อโชว์ผลงาน เอาใจฐานเสียง ลูกกพรรคไม่กล้าทะเลาะกัน


จริงๆแล้วเรื่องคืนเงินให้กับ IMF มันเข้าใจได้ง่ายหากจะพยายามเข้าใจ ก่อนที่จะหลงเชื่อภาพที่นักการเมืองนำเสนอสู่สังคมเพื่อกล่อมให้คิดเป็นอย่างอื่นไม่เป็น เรารับภาพที่นักการเมืองส่งมาให้แล้วพอใจจึงไม่คิดที่จะหาข้อมูล (เหมือนสังคมที่ชอบดูละครทีวี พอใจในความบันเทิง ไม่คิดอ่านหนังสือ)

1) ถ้าเรามีความจำเป็นต้องกู้เงินจาก IMF แสดงว่าการเงินของเราแย่สุดๆจนไม่อาจช่วยตัวเองได้
2) ในช่วงลอยค่าเงินบาท จาก25บาทต่อเหรียญเป็น 56 บาทต่อเหรียญซึ่งตอนนั้น บริษัทต่างๆกู้เงินตราต่างประเทศมาลงทุน ล้มทั้งยืน มีหนี้สินเพิ่มขึ้นเท่าตัว อาทิเช่น ปูนซีเมนต์ไทย ทีพีไอ เป็นต้น แต่ ไทยคม ของ ทักษิณ ชินวัตร กลับไม่กระทบเลย จนเป็นที่มาของคำพูด นายเสนาะเทียนทอง ที่ว่า คนบางคนยอมเผาบ้านเผาเมืองตนเองเพื่อความร่ำรวย

หลังจากกู้เงิน IMF แล้ว รัฐบาล พล.ชวลิต ยงใจยุทธ (ซึ่งมี ทักษิณ ชินวัตร เป็นรองนายกรัฐมนตรี) พยายามแก้ปัญหาทางเศรษฐกิจอย่างเต็มที่และได้เบิกเงิน จากIMF มา2งวดแล้ว จำนวนเงิน4000ล้านเหรียญ แต่ไม่สามารถแก้ปัญหาเสรษฐกิจได้ จนต้องยอม ลาออกไปในปลายปี2540

ปี2541 รัฐบาลชวนเข้ามาบริหารงานแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจต่อ และได้เบิกเงินกู้เพิ่มอีก9ครั้ง เป็นจำนวนเงินรวม 10000 ล้านเหรียญ

สรุป รัฐบาล พล.อ. ชวลิต รวมกับ รัฐบาล ชวน กู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจในครั้งนี้ รวมทั้งสิ้น 4000+10000 = 14000 ล้านเหรียญสหรัฐ (น้อยกว่าที่ทำสัญญากู้กับ IMF 3200 ล้านเหรียญ)

ตั้งแต่ปลายปี 2543-2545 เงินกู้จำนวนดังกล่าวได้ถูกทยอยใช้หนี้มาโดยตลอด จนเหลือหนี้ 4800 ล้านเหรียญ

รัฐบาล ทักษิณ ชินวัตร ได้ตัดสินใจใช้หนี้ส่วนที่เหลือทั้งหมด ในปี 2546 จำนวนเงิน 4800 ล้านดอลล่าร์ โดยแบ่งจ่ายเป็น 3 งวดๆละ 1600 ล้าน ซึ่งก่อนกำหนดสัญญาไว้ 2 ปี

ประเด็นที่ต้อง วิเคราะห์คือ การที่ ทักษิณ ชินวัตร ตัดสินใจใช้หนี้ก่อนถึงกำหนด 2 ปี มีผลดี หรือ ผลเสีย กันแน่ถ้าใช้หลักทางเศรษฐศาสตร์

ในปี 2546 ดอกเบี้ยเงินฝากภายในประเทศเฉลี่ยปีละ 8% ในขณะที่IMF คิดดอกเบี้ยจากเราแค่ 0.25% และอีกประการหนึ่งที่สำคัญคือ ถ้าจ่ายหนี้ก่อนกำหนด ต้องเสียค่าปรับอีก 2%

ถ้าตอนนั้น เรามีเงิน 4800 ล้านเหรียญ แปลงเป็นเงินไทย อัตราแลกเปลี่ยนตอนนั้น 41 บาทต่อดอล่าร์ คิดเป้นเงินไทย 196,800 ล้านบาท เอาฝากธนาคารไว้ 2ปี หักภาษีแล้วจะได้ ดอกเบี้ย ประมาณ 28000 ล้านบาท และ เสียดอกเบี้ยให้ IMF 2ปี จำนวน 984 ล้านบาท คงเหลือกำไร กว่า 27000 ล้านบาท

แต่ ทักษิณ เลือกที่จะใช้หนี้ก่อน ผลคือ เราเสียค่าปรับ 2% จำนวน 3936 ล้านบาท ลดดอกเบี้ย 2ปีลงได้ 984 ล้านบาท ถ้าเอาค่าปรับที่เสีย ลบด้วยดอกเบี้ยที่ไม่ต้องจ่าย จะเหลือ ค่าปรับ 2952ล้านบาท

คำถามก็คือ ถ้า ณ.วันนั้น ประเทศเรามีเงินสด 4800 ล้านเหรียญ หรือ 196,800 ล้านบาท เรายังไม่ชำระหนี้ แต่ฝากในธนาคารไว้เราจะได้ดอกเบี้ย เพิ่มขึ้นฟรีๆประมาณ27000 ล้านบาท แต่ถ้าเราชำระหนี้ก่อนกำหนด เราต้องเสียเงินเพิ่มอีก 2952 ล้านบาท

คำถามก็คือ ประเทศได้อะไร จากการตัดสิ้นใจครั้งนี้ จะว่า เพราะทำให้ประเทศพ้นจากหนี้สิน แต่เมื่อไปดูข้อมูลจากธนาคารแห่งประเทศไทย กลับปรากฏว่า เงินจำนวน4800ล้านเหรียญ ที่ ทักษิณ ชำระหนี้นั้น ส่วนหนึ่ง กลับเป็นเงินกู้จาก เอ ดี บี และเมื่อดูหนี้ สาธารณะของประเทศ ณ.ปี 2546 หลังจากจ่ายเงินคืน IMF หมดแล้ว กลับเพิ่มขึ้น เมื่อเทียบกับหนี้สาธารณะช่วงปลายรัฐบาล ชวน2 ส่งไม้ให้กับ รัฐบาล ทักษิณ1 ถึงกว่า4000ล้าน

คำถามที่คาใจจริงๆคือ หนี้สินของประเทศก็ไม่ได้ลดลงจากการใช้หนี้IMF แล้ว ทักษิณ ไปกู้ เอดีบี มาเพื่อใช้หนี้ IMF ทำไม

อีกคำถามหนึ่งคือ ทักษิณ ประกาศให้ชาวบ้านรู้กันทั้วว่า เขาเป็นคนใช้หนี้IMF ทั้งๆ ตอนไปเบิกเงินกู้ก้อนที่1 และก้อนที่2 เขาเป็นรองนายกรัฐมนตรีในรัฐบาลชวลิต และการที่ใช้หนี้ก่อนกำหนด ประเทศต้องเสียค่าปรับตั้ง2%ซึ่งเป็นเงินถึง 3636 ล้านบาท

3) กฏของ IMF มีอยู่ว่า ประเทศที่เป็นหนี้กับ IMF จะไม่มีสิทธิปล่อยเงินกู้ให็กับประเทศที่สาม

4) ที่รัฐบาลทักษิณรีบชำระหนี้ก็เพราะต้องการขายระบบโทรศัพท์ให้กับพม่าหรือเปล่า เพราะพม่าไม่มีเงิน รัฐบาลทักษิณจึงปล่อยเงินกู้ให้รัฐบาลพม่าผ่านธนาคารเพื่อการส่งออก
User avatar
White Karma
 
Posts: 3
Joined: Thu Sep 22, 2011 9:55 pm

Re: เงินทุนสำรองระหว่างประเทศรัฐบาลอภิสิทธิ์ไทยอันดับ 12 ของโลก

Postby 55555 » Thu Sep 29, 2011 7:00 am

นอกใช้หนี้ IMF จนยอมจ่ายดอกเบี้ยแพงกว่าเอาไว้คุยแล้ว

ยังแกล้งโง่ หรือ โง่จริงไม่รู้...ค่าเงินบาท กำลังแข็งค่าขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากเศรษฐกิจกำลังฟื้นตัว..

...ถ้าจ่ายช้า หรือ จ่ายตามกำหนด ปรกติอาจประหยัด ไปได้ 1-2 บาท/ดอลล่าห์..

ลองเอา 4,800 ล้าน ดอลล่าห์ คุณ 1 หรือ 2 ประหยัดไปไม่รู้เท่าไหร่..


:D
55555
 
Posts: 5131
Joined: Mon Oct 13, 2008 8:29 am

Re: เงินทุนสำรองระหว่างประเทศรัฐบาลอภิสิทธิ์ไทยอันดับ 12 ของโลก

Postby overtherainbow » Thu Sep 29, 2011 7:51 am

55555 wrote:นอกใช้หนี้ IMF จนยอมจ่ายดอกเบี้ยแพงกว่าเอาไว้คุยแล้ว

ยังแกล้งโง่ หรือ โง่จริงไม่รู้...ค่าเงินบาท กำลังแข็งค่าขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากเศรษฐกิจกำลังฟื้นตัว..

...ถ้าจ่ายช้า หรือ จ่ายตามกำหนด ปรกติอาจประหยัด ไปได้ 1-2 บาท/ดอลล่าห์..

ลองเอา 4,800 ล้าน ดอลล่าห์ คุณ 1 หรือ 2 ประหยัดไปไม่รู้เท่าไหร่..


:D

จำได้ว่าที่ต้องรีบใช้เงิน imf ก่อนกำหนด
เพราะมีแผนชั่วจะทำอะไรซักอย่างที่ไม่อยากให้ imf มาก้าวก่าย

อะไรนะคะลืมไปแล้ว :(
User avatar
overtherainbow
 
Posts: 3123
Joined: Sat Dec 27, 2008 12:36 pm

Re: เงินทุนสำรองระหว่างประเทศรัฐบาลอภิสิทธิ์ไทยอันดับ 12 ของโลก

Postby 55555 » Thu Sep 29, 2011 11:56 am

ตอนนั้นไอ้มอนเตรออกพันธบัตรกู้ชาติ แปดแสนล้าน ....มันใช้ พรก.ใบเดียว

ไม่รู้มันไปกู้ชาติอะไรของมัน แปดแสนล้าน...เราเป็นหนี้ ไอเอ็มเอฟ แค่หมื่นกว่าล้านเหรียญ...


:D
55555
 
Posts: 5131
Joined: Mon Oct 13, 2008 8:29 am

Re: เงินทุนสำรองระหว่างประเทศรัฐบาลอภิสิทธิ์ไทยอันดับ 12 ของโลก

Postby someone » Thu Sep 29, 2011 4:21 pm

อ่านและดันไปในตัวครับ :mrgreen:
User avatar
someone
 
Posts: 752
Joined: Thu Feb 19, 2009 6:27 pm

Re: เงินทุนสำรองระหว่างประเทศรัฐบาลอภิสิทธิ์ไทยอันดับ 12 ของโลก

Postby ข้าของแผ่นดิน » Fri Oct 14, 2011 4:48 pm

พอมาเห็นความวุ่นวายทุกวันนี้ ก็คิดถึงเด็กน้อย 2 คนขึ้นมาจับจิตจับใจ หวังว่าฟ้าสีทองผ่องอำไพคงใกล้เข้ามาเร็ว ๆ นี้
User avatar
ข้าของแผ่นดิน
 
Posts: 228
Joined: Sat Jun 04, 2011 12:28 pm

Re: เงินทุนสำรองระหว่างประเทศรัฐบาลอภิสิทธิ์ ไทยอันดับ 12 ขอ

Postby อารยา » Mon May 21, 2012 4:23 pm

swtp99 wrote:มีมากกว่า อเมริกา ซะด้วย...

นายกรณ์ .....นายแน่มาก
ได้ตำแหน่ง "the Global Finance Minister of the Year 2010"
หลังเข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรีคลังในรัฐบาลอภิสิทธิ์ ใช่ไหมครับ

ถามเองเออเอง คือเป็นรัฐมนตรีคลังยอดเยี่ยมในบรรดาชาติต่างๆทั่วโลกที่ The Financial Times Group's The Banker magazine จัดอันดับ ตามนี้ครับผม: http://www.nationmultimedia.com/2010/01 ... 119962.php
User avatar
อารยา
 
Posts: 2201
Joined: Sat Apr 11, 2009 5:26 pm

Previous

Return to ห้องสมุด