== ข้อความถูกระงับโดยผู้ดูแล ==
== ข้อความถูกระงับโดยผู้ดูแล ==
http://forum.serithai.net/viewtopic.php?f=2&t=6904
ข้อเขียนหรือบทความนี้ เป็นส่วนหนึ่งของหนังสือ “มองเมืองไทย (จากสิบปีของการใช้หนี้แผ่นดิน)”
ของ ดร.ไสว บุญมา อดีตเศรษฐกรอาวุโสธนาคารโลก
ท่ามกลางความเปรมปรีดิ์ มีความปวดร้าว
ผมอาศัยอยู่ในเมืองฝรั่งมานานจึงคุ้นเคยกับคำพังเพยของเขาที่ว่า “ไม่มีอะไรในโลกนี้ที่จะดีพร้อมสมบูรณ์” (Nothing is perfect.) คำพังเพยนี้มีความเป็นสัจธรรม แต่มันไม่ทำให้ผมยิ้มรับกับข้อสังเกตและเหตุการณ์บางอย่างที่เกิดขึ้นในระหว่างที่ผมพยายามใช้หนี้แผ่นดิน การนำเหตุการณ์บางอย่างมาเล่าสั้นๆ ไว้ในบทนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อให้เรื่องราวของผมในช่วง 10 ปีที่ผมพยายามใช้หนี้แผ่นดินสมบูรณ์ขึ้น มิได้มีจุดมุ่งหมายเพื่อจะสร้างความเสียหายให้แก่ผู้ใดหรือองค์กรใด ฉะนั้น ในหลายกรณีจะไม่มีการเอ่ยถึงชื่อบุคคลและองค์กร
…..บุคคลที่สร้างแรงบันดาลใจให้ผมมากที่สุด ได้แก่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ผมแน่ใจว่าคนไทยส่วนใหญ่มีความรู้สึกคล้ายผม และมีความจงรักภักดีต่อพระองค์ท่านอย่างจริงใจ อย่างไรก็ตามความรู้สึกนั้นมิได้นำไปสู่การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่จะทำให้สังคมสงบสุขขึ้นดังพระราชประสงค์ หากมักนำไปสู่การกระทำที่ฉาบฉวย และสิ้นเปลืองโดยเปล่าประโยชน์ตามถนนหนทาง สำนักงานและสถานที่ต่างๆ จึงเต็มไปด้วยแผ่นป้ายขนาดใหญ่เพียบพร้อมด้วยพระบรมสาทิสลักษณ์อันสง่างามและคำขวัญอันแหลมคม เช่น “รักในหลวง ห่วงลูกหลาน ช่วยกันต้านยาเสพติด” แต่ความประทับใจที่ผมได้รับหลังจากได้สัมผัสกับสังคมไทยอย่างใกล้ชิดอีกครั้งคือ คนไทยส่วนใหญ่คิดว่านั่นคือการกระทำที่แสดงความจงรักภักดีที่เพียงพอแล้ว ซึ่งสะท้อนความจริงที่มีคนพูดให้ได้ยินเสมอว่าคนไทย “รักในหลวงแต่ปาก”
อันที่จริงพฤติกรรมเช่นนี้ผมคุ้นเคยอยู่แล้วเพราะมันอยู่ในแนวเดียวกัน กับวัฒนธรรมขึ้นป้ายของสังคมไทยเรา อย่างไรก็ตามบางครั้งผมก็อดเศร้าใจในความสูญเปล่าของค่าใช้จ่ายและในโอกาสที่คนไทยเสียไปเพราะไม่นำพระราชดำรัชของพระองค์ท่านมาเป็นฐานของการดำเนินชีวิตอย่างจริงจัง หากคนไทยส่วนใหญ่ทำตามกระแสพระราชดำรัชอันล้ำค่า เมืองไทยจะไปโลดในทุกๆด้าน โดยเฉพาะการอยู่ด้วยกันอย่างสงบสุข เรื่องความฉาบฉวยกับความสูญเปล่าในแนวนี้มีอยู่ทั่วไปรวมทั้งในด้านศาสนาด้วย นั่นคือ คนไทยที่เป็นพุทธมามกะไปหลงติดอยู่กับพิธีกรรมและการสร้างถาวรวัตถุที่ใหญ่โต แต่ไม่ได้ศึกษาแก่นของศาสนาให้เข้าใจและนำไปปฏิบัติตามคำสอนของพระศาสดา ส่วนใหญ่คิดว่าการได้ใส่บาตร ไปวัด สวดมนต์ รับศีลห้าจากปากของพระสงฆ์ และบริจาคเงินเพื่อสร้างถาวรวัตถุ คือการเป็นพุทธมามกะตามคำสอนของพระพุทธองค์แล้ว
แม้แต่ในวงของคณะสงฆ์เอง ส่วนใหญ่ก็จะดูไม่ต่างจากผู้ดำเนินชีวิตทางโลกและเน้นการสร้างถาวรวัตถุ แทนที่จะพยายามชี้นำพุทธศาสนิกชนให้ปฏิบัติไปในทางของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอย่างถูกต้อง พระยังมีการจัดงานฉลองวันเกิด ร้ายยิ่งกว่านั้นมีผู้บอกผมเสมอว่า พระที่มีสมณศักดิ์ หรือ “พัดยศ” ในชั้นต่างๆ มักตั้งราคาค่ารับกิจนิมนต์ ถ้าไม่ได้ตามที่เรียกร้องก็ไม่ยอมไปร่วมพิธี หากเรื่องนี้มีฐานของความเป็นจริงแม้แต่น้อยนิด ผมคิดว่าพระพวกนี้มิได้บวชโดยจิตศรัทธา หากใช้การบวชในพระพุทธศาสนาเป็นทางทำมาหากินไม่ต่างกับอาชีพอื่นเท่านั้น พวกเขาจึงเป็นคนที่ทำให้ศาสนาเสียหายไม่ต่างกับพวกบิดเบือนคำสอนของศาสดาในศาสนาอื่นๆ และควรถูกขับไล่ให้ออกไปจากสภาพการเป็นพระ เช่นเดียวกับพระที่พยายามชักชวนให้คนทำบุญจนเกินตัว ด้วยคำแนะนำจำพวกที่ว่า ถ้าทำบุญด้วยการสร้างพระพุทธรูปและถาวรวัตถุขนาดใหญ่จะได้บุญมาก เกี่ยวกับเรื่องนี้ ผมมีเพื่อนร่วมรุ่นและภรรยาที่มีรายได้เพียงจำกัดจากบำนาญของรัฐบาล แต่ภรรยากลับนำบำนาญส่วนของเธอไปทำบุญจนหมด ยังผลให้สองคนมีรายได้ไม่พอจึงต้องอยู่กินกันแบบอดๆอยากๆ ผมมองว่าการทำบุญเช่นนั้นได้บาปทันตาเห็น และพระที่ชักชวนให้คนทำเช่นนั้นน่าจะถูกนับว่าเป็นอาชญากร
ผมมักถูกกล่าวหาว่าตกขอบบ้างและไม่เข้าใจสังคมไทยเพราะไปอยู่เมืองฝรั่งเสียนานบ้าง ทุกครั้งที่ผมเอ่ยถึงเรื่องทำนองนี้และพยายามจะชี้ให้เห็นว่าในสังคมที่ขาดเงินทุนเพื่อการพัฒนาเช่นเมืองไทยซึ่งยังต้องอาศัยเงินกู้จากต่างประเทศ การใช้เงินจำนวนมากหมดไปกับการสร้างถาวรวัตถุต่างๆ อย่างพร่ำเพรื่อ หรือเพื่อการแข่งขันกันว่าของใครจะใหญ่กว่ากัน เป็นการสร้างอุปสรรคต่อการพัฒนามากกว่าสร้างกุศลและความรุ่งเรือง
ดังที่กล่าวถึงแล้ว ผมสรุปจากการศึกษาประวัติศาสตร์ด้านการพัฒนาและแนวคิดทางเศรษฐกิจว่า เศรษฐกิจพอเพียงเป็นแนวคิดทางเศรษฐกิจที่มีความล้ำหน้า ซึ่งคนไทยควรนำมาเป็นฐานของการดำเนินชีวิตและพัฒนาความล้ำหน้าซึ่งคนไทยควรนำมาเป็นฐานของการดำเนินชีวิตและพัฒนาประเทศ หลังจากเวลาผ่านไป 10 ปี นับจากวันที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานแนวคิดนี้ให้คนไทย คนไทยส่วนใหญ่ยังไม่นำไปปฏิบัติ ไม่ว่าจะในระดับปัจเจกบุคคลหรือในระดับนโยบายของประเทศ ตรงกันข้ามส่วนใหญ่ยังตกอยู่ในสภาพของการตามไม่ทันโลก ทำให้มุ่งบริโภคเกินพอดีจนตกอยู่ในปลักของการมีหนี้สินพะรุงพะรัง ความกดดันจากการตามไม่ทันโลกนี้มิใช่นำไปสู่การมีหนี้สินเกินตัวเพียงอย่างเดียว หากยังนำไปสู่การมีพฤติกรรมจำพวกน่าอดสูอีกด้วย เช่น การค้าประเวณีของผู้ที่ยังอยู่ในวัยศึกษาเพื่อให้ได้มาซึ่งของใช้ทันสมัยบ้างและเพื่อทำศัลยกรรมปรับแต่งบางส่วนของร่างกายให้ต่างไปจากเดิมบ้าง จำนวนมากที่ต้องการกระเป๋าถือที่มีชื่อโด่งดัง โทรศัพท์พกพารุ่นล่าสุด จมูกที่โด่งแบบชาวตะวันตก หรือหน้าอกที่ใหญ่จนคับเสื้อ ปรากฏการณ์เหล่านี้มีพิษสงในการสร้างความปวดร้าวเศร้าใจให้ผมเป็นพิเศษและเกิดขึ้นในหมู่ญาติของผมเองด้วย
สำหรับในระดับประเทศ ผมแน่ใจว่าชนชั้นผู้นำส่วนใหญ่ทั้งในภาคการเมือง ภาคข้าราชการประจำ และภาคเอกชนมองไม่เห็นความประเสริฐของแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียง แต่พวกเขาไม่กล้าพูดออกมาโดยตรงว่าจะไม่นำไปใช้เป็นฐานนโยบายของประเทศ เพราะมันเป็นแนวคิดของในหลวง พวกเขาจึงยกย่องแนวคิดนี้แต่ปากเฉกเช่นคนไทยโดยทั่วไปที่รักในหลวงแต่ปาก
.......................................................................................................................................................................................
“คุณภาพคน คุณภาพสังคม”…..สังคมที่ประกอบด้วยประชาชนผู้มีสติ-ปัญญา และยกระดับจิตใจของตนให้เป็น “มนุษย์” แล้ว จึงจะนำพาสังคมไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนและดียิ่งขึ้นได้ สังคมเช่นนี้ จะปราศจากการถูกครอบงำใดๆ ไม่ว่าจะเป็นระบอบอมาตยาธิปไตยตามที่เสื้อแดงกล่าว หรือระบอบนักการเมืองสามานย์ฉ้อฉลตามที่เสื้อเหลืองกล่าว ซึ่งภาวะเช่นนี้มันจะเป็นไปโดยธรรมชาติ และโดยไม่ต้องทำลายสิ่งหนึ่งสิ่งใดเพื่อที่จะให้ได้มาซึ่งสังคมที่ดีงามอย่างที่เราหวังกันไว้.....และหากจะต้องมีการทำลายสิ่งใดสิ่งหนึ่งเพื่อให้ได้มาซึ่งสังคมแบบนั้น นั่นก็คือ โครงสร้างภายในจิตใจของเราแต่ละคนนั่นเอง
== ข้อความถูกระงับโดยผู้ดูแล ==
เราชอบเรื่องที่พระองค์ทรงให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาเรื่องน้ำ โดยการสร้างเขื่อน อ่างเก็บน้ำ และ ฝายเก็บน้ำเพื่อแก้ปัญหาภัยแล้ง รัฐบาลน่าจะให้ความสำคัญกับการขนส่งทางน้ำ โดยการขุดลอกคลองต่างๆ ที่ตื้นเขิน แล้วจัดหาเรือเพื่อเป็นทางเลือกอีกทางหนึ่งในการแก้ไขปัญหาการจราจรทางบก
chanin17 wrote:http://www.youtube.com/watch?v=0A7E21OQf1Q
เทิดพระเกียรติในหลวง ซึ้งมากครับ