Page 1 of 1

พระราชดำรัส พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

PostPosted: Fri Jan 07, 2011 5:22 pm
by katib
พระราชดำรัส พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ในโอกาสวันขึ้นปีใหม่ พุทธศักราช 2554

http://thainews.prd.go.th/king2554/king.php


สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์ http://thainews.prd.go.th

Re: พระราชดำรัส พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

PostPosted: Sun Jan 09, 2011 8:20 am
by tarato13
ใจความสำคัญตามพระราชดำรัส คือ ในหลวงทรงห่วงใยพสกนิกรชาวไทย ทรงต้องการให้คนไทยมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี มีความสุข รักและสามัคคีกัน

Re: พระราชดำรัส พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

PostPosted: Mon Jan 10, 2011 1:17 pm
by NUBO
พระองค์ทรงห่วงประชาชน
อยากให้รักกันมากๆๆกว่านี้

Re: พระราชดำรัส พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

PostPosted: Tue Jan 25, 2011 8:19 am
by kuron23
พระราชดำรัสของในหลวงทุกพระราชดำรัส ล้วนแล้วแต่มีความหมายและมักจะมีคำสอนสอดแทรกไว้ด้วยเสมอ ซึ่งส่วนใหญ่ท่านต้องการเห็นคนไทยรักกัน สามัคคีกัน เพื่อประเทศชาติบ้านเมืองของเราจะได้อยู่อย่างสงบร่วมเย็น

Re: พระราชดำรัส พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

PostPosted: Tue Jan 25, 2011 9:47 pm
by น้ำตก
สิ่งที่ท่านทรงตรัสออกมาแต่ละครั้ง ไม่ว่าจะเป็นในวโรกาสใด
ท่านทรงให้ข้อคิดทุกครั้งไป เพื่อให้คนไทยได้คิดไตร่ตรอง
ในการกระทำของตนว่าได้ทำถูกต้อง่หรือยัง

Re: พระราชดำรัส พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

PostPosted: Sun Jan 30, 2011 10:29 am
by ชมพู่
"...คนเราถ้าพอในความต้องการ ก็มีความโลภน้อย เมื่อมีความโลภน้อยก็เบียดเบียนคนอื่นน้อย ถ้าทุกประเทศมีความคิด-อันนี้ไม่ใช่เศรษฐกิจ มีความคิดว่าทำอะไรต้องพอเพียง หมายความว่าพอประมาณ ไม่สุดโต่ง ไม่โลภอย่างมาก คนเราก็อยู่เป็นสุข..." พระราชดำรัสในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานเนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 4 ธันวาคม 2540

Re: พระราชดำรัส พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

PostPosted: Fri Feb 04, 2011 1:42 pm
by รักเมืองไทย55
ภาษาไทยนั้นเป็นเครื่องมืออย่างหนึ่งของชาติ ภาษทั้งหลายเป็นเครื่องมือของมนุษย์ชนิดหนึ่ง คือเป็นทางสำหรับแสดงความคิดเห็นอย่างหนึ่ง เป็นสิ่งสวยงามอย่างหนึ่ง เช่น ในทางวรรณคดีเป็นต้น ฉะนั้นจึงจำเป็นต้องรักษาเอาไว้ให้ดี

(พระราชดำรัสของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในการประชุมทางวิชาการของชุมนุมภาษาไทย คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 29 กรกฎาคม 2505)

Re: พระราชดำรัส พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

PostPosted: Sat Feb 05, 2011 11:30 am
by sweet2011
พระราชดำรัสของพระองค์ท่าน ล้วนเป็นสิ่งประเสริฐและมีคุณค่ามหาศาล
สติ สามัคคี หน้าที่ คุณธรรม ความพอเพียง และอื่นๆ อีกมากมาย
ทั้งหมดก็เพื่อปวงชนชาวไทยทั้งสิ้น
ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน

Re: พระราชดำรัส พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

PostPosted: Sat Feb 12, 2011 10:53 am
by โดราเอมอน
"ความเจริญของคนทั้งหลาย ย่อมเกิดมาจากการประพฤติชอบและการหาเลี้ยงชีพชอบเป็นหลักสำคัญ ผู้ที่จะสามารถประพฤติชอบ และหาเลี้ยงชีพชอบได้ด้วยนั้น ย่อมจะต้องมีทั้งวิชาความรู้ทั้งหลักธรรมทางศาสนา เพราะสิ่งแรกเป็นปัจจัยสำหรับส่งเสริมความประพฤติ และการปฏิบัติการงานให้ชอบคือ ให้ถูกต้องและเป็นธรรม วิชาการกับหลักธรรมนี่ มีประกอบกันพร้อมในผู้ใด ผู้นั้นจะได้ประสบความสุข และความสำเร็จในชีวิตโดยสมบูรณ์"

พระราชดำรัสพระราชทานแก่โต๊ะครู และนักเรียนโรงเรียนราษฎร์สอนศาสนาอิสลามจากภาคใต้เข้าเฝ้า ณ ศาลายกาภิรมย์ ศาลาดุสิดาลัย หอประชุมคุรุสภา มัสยิดกลาง จังหวัดปัตตานี สนามโรงพิธีช้างเผือก จังหวัดยะลา สนามกีฬาจังหวัดนราธิวาส มัสยิดมำบังจังหวัดสตูล วันที่ ๒๔ สิงหาคม ๒๕๑๙
ที่มา http://www1.tv5.co.th/service/mod/herit ... rama91.htm

Re: พระราชดำรัส พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

PostPosted: Mon Feb 21, 2011 3:26 pm
by sareesri_39
"งานราชการนั้น คืองานของแผ่นดิน ข้าราชการจึงต้องสำเหนียก ตระหนักอยู่ตลอดเวลาถึงฐานะและหน้าที่ของตน แล้วตั้งใจปฏิบัติงานทุกอย่าง
โดยเต็มกำลังสติปัญญาความสามารถ ด้วยความสุจริตเที่ยงตรง และด้วยความมีสติยั้งคิด รู้ว่าสิ่งใดถูก สิ่งใดผิด สิ่งใดควรกระทำ สิ่งใดควรงดเว้น
เพื่อให้งานที่ทำปราศจากโทษเสียหาย และบังเกิดผลเป็นประโยชน์ที่แท้ คือความเจริญมั่นคงของประเทศชาติและประชาชน"
พระบรมราโชวาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวันข้าราชการพลเรือน พุทธศักราช 2551 ณ พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน
วันที่ 31 มีนาคม พุทธศักราช 2551

Re: พระราชดำรัส พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

PostPosted: Mon Feb 21, 2011 4:06 pm
by tragedy
พระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ท่านทรงคิดหาคำเตือนสติให้ผู้ที่มีหน้าที่การงานอะไร
ก็ต้องตั้งใจทำ มีความรับผิดชอบต่อหน้าที่และตนเอง
เพื่อประเทศชาติจะได้มีความมั่นคง และประชาชนก็
จะมีความสุข ทุก ๆ คนในชาติก็จะมีความสุขตลอดไป
ขอให้ทุก ๆ คนน้อมรับพระราชดำรัสของพระองค์แล้ว
นำไปปฏิบัติ ค่อย ๆ ฝึกก็จะดีแก่ตนเองและประเทศชาติ

Re: พระราชดำรัส พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

PostPosted: Wed Feb 23, 2011 3:15 pm
by รักเมืองไทย55
การดำรงชีวิตที่ดีจะต้องปรับปรุงตัวตลอดเวลา การปรับปรุงตัวจะต้องมีความเพียรและความอดทนเป็นที่ตั้ง ถ้าคนเราไม่หมั่นเพียร ไม่มีความอดทน ก็อาจจะท้อใจไปโดยง่าย เมื่อท้อใจไปแล้ว ไม่มีทางที่จะมีชีวิตเจริญรุ่งเรืองแน่ๆ

(พระราชดำรัสของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานแก่ครูและนักเรียน โรงเรียนจิตรลดา 27 มีนาคม 2523)

Re: พระราชดำรัส พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

PostPosted: Sat Feb 26, 2011 11:02 am
by VEE99999
" . . . ประวัติศาสตร์ได้แสดงให้ปรากฏตลอดมาว่า ชาติใดเสื่อมสูญย่อยยับอับปางไป ก็เพราะประชาชาติขาดสามัคคีธรรม แตกแยกเป็นหมู่คณะ เป็นพรรคเป็นพวก คอยเอารัดเอาเปรียบ ประหัสประหารซึ่งกันและกัน บางพรรคบางพวก
ถึงกับเป็นไส้ศึกให้ศัตรูมาจู่โจมทำลายชาติของตนดังนี้ ข้าพเจ้าจึงขอชักชวนพี่น้องชาวไทยทั้งหลาย ให้ระลึกถึงพระคุณของบรรพบุรุษ ซึ่งได้กอบกู้รักษาบ้านเกิดเมืองนอนของเรามานั้นให้จงหนัก แล้วถือเอาความสามัคคี ความยินยอมเสียสละส่วนตัวเพื่อประโยชน์ยิ่งใหญ่ของประเทศชาติ เป็นคุณธรรมประจำใจอยู่เนืองนิจ จึงขอให้พี่น้องชาวไทยทั้งหลาย
จงบำเพ็ญกรณีกิจของตนแต่ละคน ด้วยซื่อสัตย์สุจริต ขยันหมั่นเพียร อดทนและกล้าหาญ แล้วอุทิศความเสียสละส่วนตัว ความเหน็ดเหนื่อยลำบากยากแค้น เป็นพลีบูชาบรรพบุรุษ ผู้ซึ่งได้ก่อสร้างชาติเป็นมรดกตกทอดมาถึง
พวกเราชาวไทยจนบัดนี้"

ขอขอบคุณข้อมูลจาก
- irrigation.rid.go.th
- vcharkarn.com

ขอขอบคุณภาพประกอบจาก นิตยสาร ฅ. คน

Re: พระราชดำรัส พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

PostPosted: Thu Mar 10, 2011 11:53 am
by รักเมืองไทย55
"...ถ้าประเทศทั้งปวงจะยกย่องนับถือกันโดยบริสุทธิ์ใจ และช่วยเหลือเกื้อกูลกันและกันโดยพร้อมพรักแล้ว ก็เชื่อได้ว่าจะเกิดความเข้าใจในกันและกันอย่างแท้จริง พร้อมทั้งความร่วมมือกันฉันมิตรอย่างแน่นแฟ้นขึ้นได้ แล้วความสงบสุข อิสรภาพ เสถียรภาพอันเสมอหน้าและถาวร ก็จะเกิดมีขึ้นทุกแห่งหนในโลก ดังที่ทุกคนปรารภปรารถนา..."

"...if all nations should treat each other with sincere mutual respect and esteem as well as with prompt readubess to be of mutual support and assistance, then it could be confidently expected that there will be created a general atmosphere of truly mutual good understanding with firm and friendly co-opration all around. It will then follow that peace, happiness, freedom and stability on equal and permanent bases will reign throughout the world, fulfilling the avowedly earnest desire of everyone."

คัดตัดตอนจากพระราชดำรัสตอบคณะทูตในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา
ณ ศาลาดุสิดาลัย สวนจิตรลดา พระราชวังดุสิต เมื่อวันพุธที่ ๖ ธันวาคม ๒๕๒๑

Re: พระราชดำรัส พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

PostPosted: Sun Mar 13, 2011 8:50 am
by โดเรมอน01
วิถีทางดำเนินของบ้านเมืองและประชาชนโดยทั่วไป มีความเปลี่ยนแปลงมาตลอดเนื่องจากความวิปริตผันแปรของวิถีแห่งเศรษฐกิจ สังคม การเมือง และอื่น ๆ ของโลก ยากยิ่งที่เราจะหลีกเลี่ยงให้พ้นได้ จึงต้องระมัดระวัง ประคับประคองตัวเรามากขึ้น โดยเฉพาะในเรื่องการเป็นอยู่ โดยประหยัดเพื่อที่จะอยู่ให้รอดและก้าวหน้าต่อไปได้โดยสวัสดี
(พระราชดำรัส ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสวันขึ้นปีใหม่ 31 ธ.ค.2521)

Re: พระราชดำรัส พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

PostPosted: Wed Mar 16, 2011 9:27 pm
by bluedog
"...คุณธรรมที่ทุกคนควรจะศึกษาและน้อมนำมาปฏิบัติ มีอยู่สี่ประการ. ประการแรก คือการรักษาสัจ ความจริงใจต่อตัวเอง ที่จะประพฤติปฏิบัติ แต่สิ่งที่เป็นประโยชน์และเป็นธรรม. ประการที่สอง คือการรู้จักข่มใจตนเอง ฝึกใจตนเองให้ประพฤติอยู่ในความสัจ ความดีนั้น. ประการที่สาม คือการอดทน อดกลั้น และอดออม ที่จะไม่ประพฤติล่วงความสัจสุจริต ไม่ว่าจะด้วยเหตุประการใด. ประการที่สี่ คือการรู้จักละวางความชั่ว ความทุจริต และรู้จักสละประโยชน์ส่วนน้อยของตนเพื่อประโยชน์ส่วนใหญ่ของบ้านเมือง. คุณธรรมสี่ประการนี้ ถ้าแต่ละคนพยายามปลูกฝังและบำรุงให้เจริญงอกงามขึ้นโดยทั่วกันแล้ว จะช่วยให้ประเทศชาติบังเกิดความสุข ความร่มเย็น และมีโอกาสที่จะปรับปรุงพัฒนาให้มั่นคงก้าวหน้าต่อไปได้ดังประสงค์..."


พระราชดำรัส ในพระราชพิธีบวงสรวงสมเด็จพระบูรพมหากษัตริยาธิราชเจ้า วันที่ ๕ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๒๕

Re: พระราชดำรัส พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

PostPosted: Thu Mar 17, 2011 8:45 am
by sareesri_39
กระแสพระราชดำรัสพระราชทานแก่ประชาชนชาวไทย ในโอกาสขึ้นปีใหม่ 2508
“…เหตุการณ์ของโลกและภูมิภาคใกล้เคียงกันกับเรา ยังมีสภาพที่น่าวิตกอย่างยิ่งอยู่ การที่ไม่มีอันตรายใด ๆเกิดขึ้นแก่ประเทศไทยทั้ง ๆ ที่มีภัยคุกคามอยู่รอบด้านเช่นนี้ ก็เพราะเรายังสามารถรักษาความเป็นปึกแผ่นและความสงบภายในไว้ได้ ท่านทั้งหลายอย่าได้มีความประมาท ขอให้มีความสามัคคีกลมเกลียวกันทุกฝ่าย มีความหนักแน่นและรอบคอบในการตัดสินเหตุการณ์ต่าง ๆ ตั้งใจปฏิบัติหน้าที่ของท่าน โดยมุ่งถึงประโยชน์ส่วนร่วมและความเจริญของประเทศชาติด้วยเสมอ และพร้อมที่จะต่อสู่ป้องกันอันตรายทุกอย่าง หากจะมีขึ้นเพื่อรักษาเอกราช อธิปไตย และความเป็นไทยของเราไว้ตลอดกาลนาน…”

Re: พระราชดำรัส พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

PostPosted: Fri Mar 18, 2011 9:26 am
by babycat
พระราชดำรัส
พระราชทานแก่ปวงชนชาวไทย
ในโอกาสวันขึ้นปีใหม่
วันอังคารที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๕

ประชาชนชาวไทยทั้งหลาย บัดนี้ ถึงวาระที่จะขึ้นปีใหม่ ข้าพเจ้าขอส่งความปรารถนาดี มาอวยพรแก่ท่านทุกๆ คน ทั้งขอขอบใจท่านเป็นอย่างมาก ที่มีไมตรีจิตสนับสนุนข้าพเจ้า ในภารกิจทั้งปวง ด้วยดีเสมอมา

ในขวบปีที่แล้ว มีเหตุการณ์หลายอย่าง เกิดขึ้นในบ้านเมืองเรา แต่มีเรื่องหนึ่งที่ควรกล่าวถึงเป็นพิเศษ ก็คือการให้ความช่วยเหลือ แก่ผู้ประสบภัยเมื่อคราวน้ำท่วมใหญ่ ที่คนไทยทุกคน ทุกองค์กร ทั้งภาครัฐ และเอกชน ต่างร่วมมือร่วมใจกัน โดยพร้อมพรัก ทำให้ผู้ที่ได้พบเห็น แม้เป็นชาวต่างชาติ ต่างภาษา ก็พากันชื่นชม ยกย่อง

ข้าพเจ้าเองก็มีความปีติเต็มตื้นใจ ที่ได้เห็นน้ำใจของทุกคนเช่นนี้ เพราะเป็นสิ่งบ่งชี้ให้เห็นถึงคุณธรรมข้อหนึ่ง ที่ยังมีอยู่อย่างบริบูรณ์ในจิตใจของคนไทย ก็คือ การให้ การให้นี้ ไม่ว่าจะให้สิ่งใดแก่ผู้ใด โดยสถานใดก็ตาม ส่วนที่เป็นสิ่งที่พึงประสงค์อย่างยิ่ง เพราะเป็นเครื่องประสานไมตรีอย่างสำคัญ ระหว่างบุคคลกับบุคคล และทำให้สังคม มีความมั่นคงเป็นปึกแผ่น ด้วยสามัคคีธรรม

นอกจากนั้น การให้ ยังเป็นบ่อเกิดแห่งความสุขอีกด้วย กล่าวคือ ผู้ให้ก็มีความสุข มีความอิ่มเอิบใจ ผู้รับก็มีความสุข มีกำลังใจ สังคมส่วนรวม ตลอดถึงประเทศชาติ ก็มีความผาสุก มีความร่มเย็น

ในปีใหม่นี้ ข้าพเจ้าจึงปรารถนาอย่างยิ่ง ที่จะเห็นชาวไทย มีความสุขถ้วนหน้ากัน ด้วยการให้ คือ ให้ความรัก ความเมตตากัน ให้น้ำใจไมตรีกัน ให้อภัยไม่ถือโทษ โกรธเคืองกัน ให้การสงเคราะห์ อนุเคราะห์กัน โดยมุ่งดี มุ่งเจริญต่อกัน ด้วยความบริสุทธิ์ และจริงใจ

ขออานุภาพแห่งคุณพระศรีรัตนตรัย และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวไทยเคารพบูชา จงอภิบาลรักษาท่านทุกคน ให้ปราศจากทุกข์ ปราศจากภัย ให้มีความสุขกาย สุขใจ และประสบแต่ความสำเร็จสมหวัง ตลอดศกหน้านี้โดยทั่วกัน

Re: พระราชดำรัส พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

PostPosted: Sat Mar 26, 2011 2:28 pm
by chaobaan
พระราชดำรัส พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ทรงมีพระราชดำรัสตอบแก่พระบรมวงศานุวงศ์ และพสกนิกรที่เข้าเฝ้าฯ ถวายพระพรชัยมงคล
ณ สีหบัญชร พระที่นั่งอนันตสมาคม วันที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2549
(ฉบับไม่เป็นทางการ)
“ ข้าพเจ้า มีความยินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่ได้มาอยู่ในท่ามกลางมหาสมาคม พร้อมพรั่งด้วยบุคคลจากทุกสถาบันในชาติ ตลอดจนประชาชนชาวไทย ขอขอบใจในคำอำนวยพรและการเฉลิมฉลองยิ่งใหญ่ ที่ทุกคนตั้งใจจัดให้ข้าพเจ้าเป็นพิเศษ ทั้งรัฐบาลได้จัดงานครั้งนี้ได้เรียบร้อยและงดงาม น้ำใจไมตรีของประชาชนชาวไทยที่ร่วมกันแสดงออกทั่วประเทศ รวมทั้งที่พร้อมเพรียงกันมาในวันนี้ น่าปลาบปลื้มใจมาก เพราะแต่ละคนได้แสดงออกและตั้งใจมาด้วยความหวังดีจากใจจริง จึงขอขอบใจทุกๆ คน จิตใจที่เปี่ยมไปด้วยความปรารถนาดี และความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของทุกคน ทุกฝ่าย ทำให้ข้าพเจ้าเห็นแล้วมีกำลังใจมากขึ้น นึกถึงคุณธรรมซึ่งเป็นที่ตั้งของความรัก ความสามัคคี ที่ทำให้คนไทยเราสามารถร่วมมือร่วมใจกันรักษาและพัฒนาชาติบ้านเมืองให้เจริญ รุ่งเรืองสืบต่อกันไปได้ตลอดรอดฝั่ง

ประการแรก คือ การที่ทุกคนคิด พูด ทำ ด้วยความเมตตา มุ่งดี มุ่งเจริญต่อกัน

ประการที่สอง คือ การที่แต่ละคนต่างช่วยเหลือเกื้อกูลกัน ประสานงาน ประสานประโยชน์กัน ให้งานที่ทำสำเร็จผล ทั้งแก่ตน แก่ผู้อื่น และกับประเทศชาติ

ประการที่สาม คือ การที่ทุกคนประพฤติปฏิบัติตนอยู่ในความสุจริต ในกฎกติกา และในระเบียบแบบแผน โดยเท่าเทียมเสมอกัน

ประการที่สี่ คือ การที่ต่างคนต่างพยายามทำความคิด ความเห็นของตนให้ถูกต้อง เที่ยงตรง และมั่นคงอยู่ในเหตุในผล หากความคิด จิตใจ และการประพฤติปฏิบัติที่ลงรอยเดียวกันในทางที่ดี ที่เจริญนี้ยังมีพร้อมมูลในกาย ในใจของคนไทย ก็มั่นใจได้ว่า ประเทศชาติไทยจะดำรงมั่นคงอยู่ตลอดไปได้

จึง ขอให้ท่านทั้งหลายในมหาสมาคมนี้ ทั้งประชาชนชาวไทยทุกหมู่เหล่า ได้รักษาจิตใจและคุณธรรมนี้ไว้ให้เหนียวแน่น และถ่ายทอดความคิด จิตใจนี้กันต่อไปอย่าให้ขาดสาย เพื่อให้ประเทศชาติของเราดำรงยืนยงอยู่ด้วยความร่มเย็นเป็นสุข ทั้งในปัจจุบันและในภายหน้า

ขอ อำนาจคุณพระศรีรัตนตรัย และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในสากล จงคุ้มครองรักษาประเทศชาติไทย ให้ปลอดพ้นจากภัยอันตรายทุกสิ่ง และอำนวยความสุข ความเจริญ สวัสดี ให้เกิดมีแก่ประชาชนชาวไทยทั่วกัน”

Re: พระราชดำรัส พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

PostPosted: Wed Jun 22, 2011 10:34 pm
by รักเมืองไทย55
• สัจจวาจา นั้นเป็นรากฐานของการทำงาน หรือการดำรงชีวิตที่ดีที่งามที่มีความก้าวหน้า มีความสำเร็จ “สัจ” เป็นการตั้งใจ ตั้งจิตใจ “วาจา” เป็นคำพูดออกมา แสดงถึงคำพูดนั้นต้องออกมาจากใจ คือเป็นการตั้งใจที่จะทำอะไรเพื่อความสำเร็จในงานนั้น

(ในโอกาสที่ผู้พิพากษาประจำกระทรวงยุติธรรมเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนเข้ารับหน้าที่ 18 มีนาคม 2525 พระราชดำรัสของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว)

Re: พระราชดำรัส พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

PostPosted: Fri Sep 23, 2011 9:30 am
by รักเมืองไทย55
“… สามัคคีและเข้าใจ กองทัพไทยมีพลัง …”
พระราชดำรัส พระราชทานแก่คณะนายทหาร และตำรวจชั้นผู้ใหญ่ที่เข้าเฝ้าฯ ถวายพระพรชัยมงคล
ณ พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน เมื่อวันที่ ๖ ธันวาคม ๒๕๒๐
“… กองทัพหรือกองกำลังของชาติ ในแต่ละเหล่า นอกจากส่วนราชการในเหล่านั้นจะมีมากก็ยังมีทั้งผู้ที่บังคับบัญชาชั้นสูง ชั้นกลาง ชั้นรอง ลงมา หมายความว่ายังประกอบด้วยกำลังพลไม่ใช่น้อย ก็จะต้องมีความเข้าใจกันให้ดีเหมือนกันถ้ามีความสามัคคีปรองดองกันในด้านเหล่าต่างๆและภายในเหล่าต่างๆ ทั้งการบังคับบัญชาที่พร้อมด้วยความไว้วางใจ ก็จะไม่เป็นสิ่งยากที่จะรักษาเป้าหมายของการมีกำลังของชาติ …”

Re: พระราชดำรัส พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

PostPosted: Sun Sep 25, 2011 8:29 pm
by messie
ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน

Re: พระราชดำรัส พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

PostPosted: Mon Sep 26, 2011 10:38 am
by militaryloveking
ใจความสำคัญตามพระราชดำรัส คือ ในหลวงทรงห่วงใยพสกนิกรชาวไทย ทรงต้องการให้คนไทยมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี มีความสุข รักและสามัคคีกัน

Re: พระราชดำรัส พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

PostPosted: Sun Oct 16, 2011 8:20 am
by รักเมืองไทย55
ระราชดำรัสเนื่องในการเปิดศาลคดีเด็กและเยาวชนกลางและสถานพินิจและคุ้มครองเด็กกลาง
วันที่ ๒๘ มกราคม ๒๔๙๕

"อนาคตของชาติทุกชาติย่อมขึ้นอยู่แก่เด็ก เพราะเด็กก็คือผู้ใหญ่ในเวลาข้างหน้า ถ้าบุคคลได้รับการอบรมบ่มนิสัยให้เป็นพลเมืองดีอยู่ในศีลในธรรม เคารพต่อบทกฎหมายของบ้านเมืองเสียตั้งแต่ยังเยาว์ เมื่อเติบโตขึ้นพลเมืองของประเทศก็จะมีแต่คนดี และประเทศจะเจริญก้าวหน้าต่อไปได้ ก็โดยต้องมีพลเมืองดีดั่งว่านี้ ข้าพเจ้าจึงมีความพอใจที่รัฐบาลของข้าพเจ้าได้มีความสนใจในปัญหาเกี่ยวกับการที่เด็ก และเยาวชนกระทำความผิด และพยายามคิดหาทางที่จะอบรมบุคคลเหล่านี้ให้กลับตนเป็นพลเมืองดี..."